วันบวรกลุ่ม 4 กลุ่ม 6 เหยียบผักกูดขยายพันธุ์เพื่อส่งงานเจ
วันจันทร์ที่ 10 กันยายน 2561
เสียงเพลงสมรรถภาพดังผ่านลำโพงยามเช้า เป็นสัญญาณให้นิสิตทุกคนตื่นตัว ในการมารวมตัว รวมพลัง ร่วมกิจกรรมหมู่กลุ่ม พัฒนาชุมชนตามฐานงานต่างๆ
นิสิต วนบ.กลุ่ม 4 และกลุ่ม 6 จำนวน 17 คนมีท่านสิกขมาตุกล้าข้ามฝันได้มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย คือไปที่สวนไวพลัง เพื่อไปเหยียบผักกูดขยายพันธุ์ ให้มีปริมาณผลผลิตมากขึ้น เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารในช่วงงานเทศกาลงานเจ ต้นเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
รถหกล้อมาจอดรับพวกเราที่หน้าโรงฟืน เฮือนหญังกิน ท่านสิกขมาตุกล้าข้ามฝัน มีชุดอุปกรณ์เตรียมลุยป่า ลุยสวน ผ้ากันเปื้อน เคียว รองเท้าผ้าใบ ทำให้พวกเราอดเย้าท่านไม่ได้ว่า ท่านมีความพร้อมมาก”รองเท้าผ้าใบกับใจถึงๆ”เป็นวลีที่คุ้นหูกันตั้งแต่ช่วงชุมนุมกปปส.ที่กำนันพาเดินรอบเมือง
เวลา 6.40 นาที รถได้เคลื่อนตัวออกจากชุมชน พวกเราโชคดีที่อาปลากระพง อาสร้างบุญได้นำน้ําธัญพืช มาบริการก่อนลงงานด้วย เดินทางไม่ถึง 10 นาทีรถก็มาถึงสวนไวพลัง พวกเราหลายคนมาเพิ่มพลังด้วยน้ําธัญพืชร้อนๆ ทำให้ท้องอุ่นสบาย พอมีแรง ไม่นานนักได้ยินเสียงแจ้วๆ ของเด็กน้อย มองไปตามเสียงก็ไม่ใช่ใคร น้องธัมโมกับคุณย่านั่นเอง ที่มาในชุดเตรียมพร้อมลุยสวน กับลุงป้า ตายาย มาถึงน้องธัมโมจะชอบมากกับรถ 6 ล้อขึ้นไปนั่งเตรียมพร้อม จะเดินทางแต่ต้องผิดหวัง เพราะป้าๆลุงๆเพิ่งลงมาจากรถ น้องธัมโมเองก็ไปลุยสวนกับป้าๆลุงๆไม่ได้ เพราะมีมดตะนอยมากในสวน
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซึงบุญ บูรณะกิติ แม่ฐานงาน บอกงานพวกเราไปเหยียบผักกูด ที่สวนใกล้กับที่พักส่วนกลาง ซึ่งสวนอยู่ไม่ไกลนักมองไปเต็มไปด้วยผักกูด ต้นโกสน ใบชะพลู ต้นอ่อมแซบ เห็นแล้วนึกถึงน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว ที่น้องแหม่ม ไอดินใช้พืชผักเหล่านี้เป็นวัตถุดิบ ทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวช่วงงานเจ
ผู้เขียนไม่เคยไปเหยียบผักกูด เพราะตามความเข้าใจทั่วไป การขยายพันธุ์ก็ต้องใส่ปุ๋ย พรวนดิน ถอนหญ้า แต่ผักกูดไม่ใช่ ต้องเหยียบเท่านั้น
แต่ละคนจะมีอุปกรณ์ คือรองเท้าบูท กระสอบปุ๋ย เมื่อถึงต้นผักกูด ก็จะทำการเด็ดยอด เสียงเปาะแปะๆๆ ของความกรอบ สด ของผักกูดดังเป็นระยะๆ เมื่อเด็ดยอดเสร็จก็ทำการเหยียบช่วงปลายให้ติดดิน(อ่านแล้วเหมือนทรมานแต่ที่จริงแล้วเป็นเทคนิคการขยายพันธุ์ผักกูด)พวกเราจึงต้องใช้รองเท้าบูทเพราะถ้าเหยียบพลาด อาจจะเจอตอทำให้บาดเจ็บได้ หรือบางครั้งอาจเจอมดหรือสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์บ้าง
หลายคนเพิ่งจะเคยมาเหยียบผักกูดเป็นครั้งแรก แต่ก็รู้สึกถึงความสนุกสนาน แต่ผู้เขียนยังนึกขำตนเอง ที่ยังแยกไม่ได้ ระหว่างผักกูดกับต้นเฟิร์น เพราะคล้ายกันมาก
ด้วยอากาศชื้น ที่เหมาะสมกับการเติบโตของผักกูด ทำให้เห็นผักกูดขึ้นเต็มพื้นที่ ยอดผักกูดที่เด็ดเต็มกระสอบแล้ว กระสอบเล่า ทำให้หลายคนอดนึกถึงเมนูอาหารที่ทำจากผักกูดไม่ได้ บางคนบอกว่า ยำผักกูดแซ่บหลาย บางคนบอกว่าต้องผัดไฟแดง ต้มกะทิ …โอ้โห….ได้ยินแต่ละชื่อนึกถึงหน้าตาและรสชาติ ตามสัญญาที่สะสมมา เหมือนที่พ่อครูบอกว่าเป็นอรูปราคะ ที่เราได้เสพตั้งแต่ยังไม่เห็นเป็นอาหารเลย
พวกเราทั้ง 16 คนสนุกสนาน กับการเด็ดๆๆ เหยียบๆๆ จนหมดสวนบริเวณแรก ราบเป็นหน้ากลอง
ผู้ช่วยซึ้งบุญ ได้บอกไว้ก่อนไปประชุมกับทางราชการว่า ยังมีอีกดงผักกูดอีกหนึ่งสวนใหญ่ด้านหลัง พวกเราจึงไปตามเป้าหมาย พอไปถึงก็เห็นผักกูดแปลงใหญ่ มองดูเหมือนพรมที่ขยายเต็มพื้นที่ พวกเราก็ยิ่งเพลิดเพลิน สนุกกันใหญ่ แต่มีผักกูดอยู่ช่วงท้ายแปลง ที่ผู้ดูแลเล่าให้ฟังว่าเคยว่าจ้างคนงานมาตัดยอดผักกูด คนงานได้ตัดยอดสั้นจนถึงโคนเหมือนตัดหญ้า ทำให้ผักกูดเหมือนโดนตัดตอน ขยายพันธุ์ช้า ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด ส่วนเทคนิคที่ถูกคือเด็ดยอดออกประมาณ 1 ฟุต จากนั้นโน้มยอดลงมาเหยียบ ให้ก้านติดดินก็ใช้ได้แล้ว เพราะต้นใหม่จะงอกขึ้นมาตามก้านที่จมดิน 1 ก้านก็จะมีต้นผักกูดขึ้นนับเป็น 10 ต้น ส่วนวิธีตัดถึงโคนเหมือนตัดหญ้า เป็นวิธีที่ผิด
ตี๋ใหญ่สมาชิกกลุ่ม 4 ก็ยังสร้างสีสัน ด้วยเสียงเพลงแนวอินดี้ ซึ่งพวกเราจะได้ยินบ่อยๆว่า สัตว์ป่าครองโลก สัตว์ป่าครองโลก ทำให้บรรยากาศไม่เงียบเหงา
เวลาประมาณ 8.30 นาทีก็ได้ยินเสียงเรียกให้กลับขึ้นรถ กลับวัดกันได้แล้ว แม้ว่าพวกเรายังสนุกสนาน กับการเด็ดยอดผักกูด เสียงเปาะแปะๆๆ แต่ก็ต้องวางมือกลับขึ้นข้างบน เพราะเพื่อนๆรออยู่
พอมาถึงรถก็เจอน้องธัมโม ยิ้มรับเลย เห็นรอยยิ้มป้าๆลุงก็หายเหนื่อยแล้ว ธัมโมมานั่งเตรียมจะกลับพร้อมพวกเราด้วย แต่ก็ยังคงไปไม่ได้เพราะต้องรอไปพร้อมกับคุณย่า
ก่อนกลับแวะรับท่านสิกขมาตุกล้าข้ามฝั นที่หน้าสวน เห็นคุณรุ้งอยู่บนยอดต้นส้มโอที่สูงกว่า 5 เมตร ดูแล้วเธอช่างเป็นผู้หญิงพิเศษ ที่สามารถปีนต้นไม้และที่สูงได้อย่างปราดเปรียว แถมยังใช้เคียวเกี่ยวส้มโอ หล่นลงมาตลอดเวลา ลูกแล้วลูกเล่า
ขากลับ พวกเราเลยได้ของแถม เป็นพืชผักจากสวนไวพลัง มียอดผักกูดหลายกระสอบ มะเฟือง ส้มโอ ใบมะกรูด กล้วย ส้ม
ระหว่างเดินทางกลับ ท่านสิกขมาตุกล้าข้ามฝัน ก็ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ โดยการให้พวกเราสรุปงานซึ่งกว่า 70%ของผู้มาครั้งนี้ เพิ่งเคยมาเหยียบผักกูดครั้งแรก มีความยินดีและรู้จักการขยายพันธุ์ผักกูดเพิ่มผลผลิตได้มากยิ่งขึ้น กิจกรรมทุกวันจันทร์ ทุกคนยินดีจะออกจากภพมาพบกัน เพื่อผ่อนคลายจากหน้าที่การงานประจำ และมารวมพลังสามัคคี ช่วยงานฐานอื่นด้วยและยังปฏิบัติธรรมกับผสสะใหม่ โจทย์ใหม่ที่ทำให้ได้พิจารณาถึงสิ่งที่ติดยึดในใจตน
ท่านสิกขมาตุกล้าข้ามฝัน ให้โอวาทว่า พ่อครูบอกว่าพระอรหันต์คือสภาวะของพีชนิยาม ทุกคนที่มีพฤติกรรมเหมือนพีชะบรรลุอรหันต์ได้ทุกคน คนจะแตกต่างจากพืช ตรงที่เรามีจิตนิยามมีเวทนาให้มาพิจารณาปฏิบัติโดยธรรมะนิยาม จนสามารถบรรลุธรรมได้…อนุโมทนาสาธุกับทุกคนที่มาร่วมด้วยช่วยกันจนงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี