บันทึกผ่านเลนส์ ส่องโพธิกิจ…เร่งสร้างเสริมงานศิลป์ที่เป็นธรรมชาติแนวโลกุตระ
วันอังคารที่ 11 กันยายน 2561
ฟ้าสีทองผ่องอำไพ เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ตื่นตามเสียงนาฬิกาปลุก 6 โมงเช้า ท่านกราบพระและออกกำลังกายบริหาร 4 ท่า รวมวิดพื้น 4 เซตรวม 48 ครั้ง ท่านปัจฉาดินไทนิมนต์พ่อครูมานั่งบริเวณสวนสวรรค์ฯ เพื่อเช็ดหน้าเช็ดตา พร้อมดื่มน้ำปัสสาวะอุ่น
สนทนากับคณะท่านปัจฉาเช่นเคย พ่อครูดำริเรื่อง จะทำสื่อ 2 หรือ 3 มิติเป็นบอลลูนอินทรีย์ 5 พละ 5 ท่านปัจฉาเรียนถามชื่อของงานฉลองช่วงงานมหาปวารณาและ Concept ของงาน ซึ่งพ่อครูได้ให้คำแนะนำ จนได้ผลสรุปมาระดับหนึ่ง อาจจะเป็นชื่อสั้นๆกระทัดรัดว่า”48 ปี 84 โพธิกิจโพธิรักษ์” Concepts ของงานที่จะนำมาแสดงคือหนึ่งเป็นผลงานที่เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่ามีผลสำเร็จของแต่ละชุมชน หมู่กลุ่ม 2. สามารถจัดแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมได้
เวลา 6.20 นาทีทีมงานบุญนิยมทีวีพี่ปุ๊ก น้องรุณ อาญาดาและนนท์ได้มากราบนมัสการลาพ่อครูกลับสันติอโศก หลังจากจบภารกิจถ่ายทอดสด งานแถลงข่าวงานเจของจังหวัดอุบลราชธานี และกำลังรับงานเพื่อไปถ่ายทอดสดในเรื่องการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ของท่านอาจารย์ยักษ์
พวกเรานำปากกาและกระดาษมาถวายพ่อครู เพื่อร่างโครงสร้างบอลลูนอินทรีย์ 5 พละ 5 ที่พ่อครูต้องการทำเป็นภาพ2 หรือ 3 มิติ พร้อมทั้งอธิบาย
เวลา 6.55 นาทีพ่อครูเข้าห้องน้ำ พวกเราเห็นเปีย พลังจิต กำลังเดินอยู่หน้าลานสะโพ จึงเรียกขึ้นมาที่ชั้น 4 พ่อครูออกมายืนดูการจัดตอไม้ที่อุทยานสวนไม้ตาย เมื่อเปียมาถึงก็มากราบนมัสการพ่อครู ท่านเมตตามอบหมายงานให้หลายชิ้นที่ กำลังรอศิลปินปูนปั้น อย่างอาเปีย อาหม่องให้ช่วยทำงานศิลปะ ในแนววิถีชีวิตของชุมชน เป็นศิลปะที่สามารถจับต้องสัมผัสและอยู่อาศัยได้ อย่างเช่นStone Houseหรือห้องน้ำและอื่นๆอีกหลายอย่าง ที่ล้วนเป็นสาระในการดำเนินชีวิต ซึ่งอาเปีย อาหม่อง เป็นศิลปินที่สามารถเสริมในเรื่องงานศิลปะ จนเกิดผลงานที่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่เป็นธรรมชาติในแนวโลกุตระได้ โดยอาเปียขอทำห้องน้ำสโตนเฮ้าส์ที่หลวงพ่อสอน พักอยู่เพราะมีพื้นเป็นระดับอยู่ เกรงว่าหลวงพ่อจะได้รับอุบัติเหตุจากการเข้าห้องน้ำอีก โดยที่จะขอให้เปลี่ยนหลังคาของเรือลำกกแฮกที่อยู่ชั้นบนของสโตนเฮ้าส์ที่หลวงพ่อสอนพักอยู่ เป็นหลังคาโค้ง เพราะหลังคาแบนเช่นนี้ น้ำจะไหลย้อนกลับมาตามผนังเรือ และไหลเข้ามาภายในที่อยู่อาศัยด้วย
พ่อครูยืนอยู่ได้สักพัก ฝนก็เริ่มตกลงมาท่ามกลางแดดร้อนจ้า ทำให้เห็นรุ้งกินน้ำอยู่ขอบฟ้า ทำให้นึกถึงชื่อของเด็กน้อยที่ปฐมอโศกน้องข้าวหอม ที่ชื่อรุ้งคำฟ้า
พ่อครูเดินกลับมาที่ห้องทำงาน ชั่งน้ำหนักขณะที่ใส่รองเท้าได้ 49.4 กก.พอถอดรองเท้าชั่งน้ำหนักอีกทีได้ 49.1 กก. จึงรู้ว่ารองเท้าคู่นี้มีน้ำหนักประมาณ 3 ขีด จากนั้นพ่อครูก็มานั่งที่โต๊ะทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์พิมพ์หนังสือธรรมะต่อเหมือนเช่นเคย
เวลา 11.00 พ่อครูลงมาฉันภัตตาหารพร้อมท่านปัจฉาดินไท เจอท่านสมณะคมคิดและอากล้าทนกำลัง ช่วยกันขนอุปกรณ์ขึ้นไปบนอุทยานสวนไม้ตาย เพื่อปรับภูมิทัศน์ พ่อครูสนทนาด้วยสักครู่ ก่อนที่จะไปนั่งโต๊ะฉัน ท่านปัจฉาดินไทเปิดสำรับถวายพ่อครู
เวลา 11.40 นาที พ่อครูปัจจเวกข์พิจารณาอาหาร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซึ้งบุญ นำหนังสือพิมพ์มาถวายพ่อครู ท่านรับและเปิดอ่านทันที
เวลา 11.24 นาที อาสมยศ ญาติธรรมจากจังหวัดนครสวรรค์ ได้พาพระอาคันตุกะมากราบนมัสการพ่อครูและท่านปัจฉา
เวลา 13.20 นาทีหลังจากฉันภัตตาหารเสร็จ พ่อครูแปรงฟัน ทำความสะอาดโต๊ะแล้วจึงออกไปเดินย่อยอาหาร ท่านเดินมาดูการจัดวางเรียงตอไม้ที่อุทยานสวนไม้ตาย เดินเข้ามาภายในสนามหญ้า สวนเกาะแก้วชมต้นผักแว่นที่ถูกหญ้าถมไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถแทรกเติบโตขึ้นมาได้ แสดงว่าเป็นพืชผักที่แข็งแรง
พ่อครูเดินไปเห็นตอไม้สีดำอยู่ในตอไม้ที่เป็นอาสนะ ชมว่าเป็นตอไม้ที่สวยงามมาก มีง่ามเหมือนหนังสติ๊กแต่มีความโค้งมนเป็นสีดำหายาก จึงบอกท่านคมคิด ให้นำไปวางไว้บนอุทยานสวนไม้ตายและตั้งให้เด่นแถวหน้าเลย
พ่อครูเดินลงมาที่ลานสะโพ ผ่านกอหญ้าที่ยังคงสูงใหญ่เป็นร่มเงา
ส่องผ่านเล่นได้ประทับใจอีกแล้วในวันนี้ ที่พ่อครูก้มลงเก็บขยะ ซึ่งตัวเองก็ยังมองไม่เห็น แต่พ่อครูมีความละเอียดของจิต ที่มองเห็นซองใส่หลอดดูดของนมเปรี้ยวที่เล็ก และอยู่ระหว่างซอกหิน ท่านปัจฉาดินไทจึงขอนำไปทิ้ง
เจ๊กเอี๋ยวขี่จักรยานผ่านมา ท่านหนักแน่นเย้าว่า เจ๊กเอี๋ยวจะไปไหน ก็ได้รับคำตอบที่ทำให้ต้องหัวเราะกันทุกคน คือ “ไปบ้านราช”เหมือนดังทุกครั้งที่ถาม ท่านปัจฉาดินไทนำขยะที่พ่อครูเก็บ มาทิ้งที่ซุ้มขยะซึ่งไม่ไกลจากบริเวณที่นักท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อน แต่ก็ยังมีส่วนที่บกพร่องบ้างกับขยะชิ้นเล็กซึ่งก็คงต้องรณรงค์และตามเก็บกันเพื่อให้เป็นสถานที่สะอาด ปลอดขยะ
พ่อครูเดินขึ้นมาอาคารบวร พบท่านสมณะด่วนดีเข้ามากราบนมัสการพ่อครู ท่านมายืนดูที่พญาแร้งซึ่งกำลังทำเหนียงสีแดงสด ช่างดอนกำลังจะวางติดบริเวณลำคอโดยมีอาแสงศิลป์ กำกับอยู่ด้านล่าง เจอพ่อครูจึงเข้ามากราบนมัสการ ท่านปัจฉาดินไทให้ดูภาพแร้งทางอินเตอร์เน็ต พ่อครูจึงแนะนำให้ทำลักษณะเช่นเดียวกัน
พ่อหินเข้มขับรถสัญญาตะวันมารับพ่อครู ไปดูงานสร้างถนนผ่านโรงปุ๋ยพลังชีวิตเห็นเด็กๆวัยรุ่นขับมอเตอร์ไซค์สวนมาหลายคัน มาถึงสามแยกใต้ถนนตรงมุม เลี้ยวมาหน้าสวนอาไม้ผล เข้าไปภายในหมู่บ้านกุดระงุมกลับออกมาผ่านสวนอุทยาน มีชาวบ้านเห็นก็ยืนนมัสการพ่อครู ถนนที่เราได้เททรายและลงหินคลุกไว้ หลังจากฝนตกก็ยังไม่ได้เชตตัวดี รถสัญญาตะวันจึงต้องขับด้วยความระมัดระวัง เพราะถนนยืดหยุ่นนุ่มนิ่มไปมา รถผ่านเข้ามาบริเวณนาโม มีต้นหญ้าขัดมอญอยู่เป็นจำนวนมาก พ่อครูบอกว่า1 ต้นสามารถรวบแล้วมัดทำเป็นไม้กวาดได้เลย
รถผ่านมาถนนตรงโม เห็นต้นหางนกยูงข้างทางเติมโตเป็นร่มเงาได้แล้ว ชาวบ้านเริ่มมาพักที่เถียงนา เพราะอยู่ในช่วงเกี่ยวข้าว
พ่อครูสังเกตเห็นวัสดุไม้และอื่นๆ อยู่บริเวณที่เคยซ่อมแซมเรือของช่างอยุธยา ซึ่งน่าจะนำไปเก็บไว้เพื่อไม่ให้เสียหายมากไปกว่านี้ รถผ่านมาที่ถนนตรงซอย เข้ามาถึงหน้าเฮือนเผิงกัน บริเวณนี้มีต้นมอสขึ้นตามโขดหินหลายก้อน พ่อครูบอกว่าอีกหน่อยจะเป็นต้นไม้ที่ทำให้ภูมิทัศน์งดงามมีเสน่ห์เพิ่มขึ้น เพราะจะเปลี่ยนก้อนไม้เป็นสีเขียวตามธรรมชาติได้ดี
ผ่านแก้งไทบ้าน เลี้ยวขวาไปลานเบิ่งฟ้า เพื่อไปดูเครื่องสูบน้ำว่ามีความคืบหน้าเป็นเช่นไรบ้าง พบท่านสมณะขุนศึก กำลังทำงานอยู่ ท่านได้เรียนพ่อครูว่า เครื่องสูบน้ำได้ทำตาข่ายเหล็กป้องกันปลาเข้าไปแล้ว ทั้ง 2 เครื่องรอเพียงทาสีทุ่นก็สามารถลงน้ำได้แล้ว พ่อครูถามว่าสามารถเปิดใช้งานสิ้นเดือนนี้ได้หรือไม่ เพราะควรจะเปิดทดสอบก่อนถึงงานฉลองมหาปวารณาช่วงเดือนพฤศจิกายน
สนทนากับท่านสมณะขุนศึกสักครู่ ก่อนที่รถสัญญาตะวันจะพาพ่อครู ผ่านดงตาลและป่ายางที่ยังเป็นป่าอนุรักษ์ของชุมชน แค่ขับผ่านเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นสดชื่น จากออกซิเจนที่คายออกมาของต้นไม้ใหญ่
พ่อครูลงเดินขึ้นไปดูเรือเอี๊ยมจุ๊นลำใหญ่ ที่กำลังตกแต่งราวไม้โดยรอบเรือ ซึ่งท่านสมณะด่วนดี ได้ออกแบบเป็นพิเศษเอง โดยใช้ไม้จากซากเรือ มาทำเป็นราวบันได มีรูปร่างแปลกตา งดงามแข็งแรงดี พ่อครูเดินลงมาที่เฮือนสุดชีวิต มองไปที่เชิงตะกอน ท่านปัจฉารายงานว่า ถ้าไม่มีงานศพใครบริเวณนี้จะเป็นที่อยู่ของอาสังวร บางครั้งก็ใช้ต้มน้ำร้อนบ้างและนอนพักอาศัยอยู่ใกล้เชิงตะกอนนี้ด้วย
พ่อครูกลับมาทางเดิม ผ่านดงตาล ผ่านบ้านศิษย์เก่าและน้ำตกหินน้ำไหล ซึ่งมีรายงานว่าเวลานี้หินแต่ละก้อนลื่นมากเพราะมีตะไคร่จับ วันนี้ฝนตกจึงไม่ค่อยเห็นนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำกัน รถผ่านมาถึงแยกถนนตรงแก่ง เจออากล้าธรรมและอากล้าตรงกำลังซ่อมเครื่องสูบน้ำ
ท่านปัจฉาแสนดิน รายงานว่าชุดฤาษีดัดตนของศูนย์เจาะปฐมอโศก ได้เดินทางมาถึงแล้ว พ่อครูจะให้จัดวางที่ไหน พ่อครูดำริว่าให้นำไปจัดที่อาคารบวร พ่อหินเข้มจึงขับสัญญาตะวัน พาพ่อครูไปดูสถานที่ จัดวางชุดฤาษีดัดตน ท่านดำริให้วางภายในนิทรรศการพระโพธิสัตว์ บริเวณหัวมุมด้านหลังโต๊ะกลางนิทรรศการ โดยให้ศิษย์เก่าจุ๋ม แพรน้ำค้างบอกผู้ที่จะนำมา ถึงตำแหน่งจัดวาง เพราะศิษย์เก่าจุ๋มนั่งประจำอยู่ที่ร้านนี้มีชื่อนะ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตำแหน่งที่พ่อครูมีดำริจะจัดวางไว้
รถกลับมาที่หน้าร้านปันกัน มองไปหัวพญาแร้ง ช่างดอนได้ลงสีส้มแดงใส เด่นมาก ช่างดอนได้เรียนถามพ่อครูว่า ต้องแก้ไขปรับสีอะไรหรือไม่ พ่อครูบอกว่าสีดีแล้ว ถ้าแผงคอได้ขนจริงมาประดับติดเข้าไปอีก จะยิ่งสวยสดงดงามเลย
จากนั้นพ่อครูกลับมา ที่ด้านหลังองค์พระพุทธโต ท่านปัจฉาหนักแน่นเรียนพ่อครูว่าตกลงต้นที่ถกกันว่าใช่หรือไม่ ว่าเป็นต้นไข่เน่า สรุปว่าเป็นต้นไข่เน่าจริงๆ ซึ่งก็จะเพิ่มเป็นอีกหนึ่งต้น กับที่อยู่บริเวณลานสะโพนี้
รถสัญญาตะวันมาจอดหน้ารถเครน ก่อนที่พ่อครูจะกลับขึ้นชั้น 4 ออกจากลิฟท์ยืนมอง การปรับภูมิทัศน์ของอุทยานสวนไม้ตาย ล้างเท้า กลับมาที่โต๊ะทำงาน อ่านปัญหาที่เมื่อวานไม่ได้นำมาออกอากาศ เพราะมีจำนวนหลายหน้า พร้อมทั้งเปิดคอมพิวเตอร์เตรียมพิมพ์งานต่อ