วิถีบวร 1 ใน 1000 ตอน…9 นาฬิกา วันอาทิตย์แสนสุขสำราญด้วยพลังมหัศจรรย์
วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2561
ทุกวันอาทิตย์ประมาณก่อน 9 นาฬิกาเล็กน้อยจะเห็นท่านสมณะ เดินจงกรมพานักเรียนสัมมาสิกขาตั้งแต่นักเรียนสมุนพระรามหรือชั้นประถมศึกษาจนถึงชั้นมัธยมปลายและอาชีวะทั้งโรงเรียน เดินจากหน้าเฮือนเผิงกันมาที่ศาลาเฮือนศูนย์สูญ เพื่อฝึกให้นักเรียนสำรวมกิริยา ทั้งกาย วาจา ใจให้นิ่งบ้าง หลังจากช่วงเช้าพวกเขาได้ลงฝึกปฏิบัติเรียนรู้ตามฐานงานต่างๆ ก็ถึงเวลาที่จะเรียกสติกลับคืน โดยมีท่านสมณะเดินนำ ก็มีบ้างที่เด็กๆจะยุกๆยิกๆกัน แต่ก็ถือว่าได้ฝึกฝนในเรื่องเจโตสมถะ หยุดอารมณ์ฟุ้งซ่านได้บ้าง วันนี้ท่านสมณะมือมั่น ปูรณกโรเดินนำหน้าพานักเรียนเดินแถวมาที่กลางศาลา เพื่อกราบนมัสการท่านสมณะ ท่านสิกขมาตุและกราบผู้ใหญ่ที่กำลังรอฟังธรรมจากพ่อครู
ในขณะเดียวกันผู้เข้าค่ายสัมมาอริยมรรคก็กำลังตั้งแถวเตรียมบันทึกภาพกับพ่อครูทันทีที่พ่อครูเดินมาถึงโต๊ะแสดงธรรม สังเกตเห็นญาติโยมที่มาเตรียมฟังธรรมก่อนก็ได้มาพูดคุยทักทายกันดุจญาติมิตร ดูน้องเพลงตัวน้อยวันนี้ไม่ค่อยสบาย แต่ก็ไม่อยากอยู่บ้าน จนยายเขียวคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
9 นาฬิกาพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ลงมาแสดงธรรมโดยมีชาวค่ายสัมมาอริยมรรคที่เตรียมพร้อมจะถ่ายรูปจัดแถวรอไว้แล้ว ใช้เวลาไม่นานนักการบันทึกภาพก็เสร็จเรียบร้อย
แวะไปดูเวลา 9 นาฬิกาของเด็กๆทำอะไรบ้าง..พบคุรุตุ๊กตา น้ำนวลธรรม กำลังให้โอวาทกับเด็กๆ สังเกตเด็กๆทุกคนจะเตรียมภาชนะใส่อาหารเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนักเรียนสัมมาสิกขาทุกบวร ถือว่ามีหลักปฏิบัติในการกินอยู่หลับนอน เรื่องหนึ่งคือต้องมีภาชนะส่วนตัว ในการรับประทานอาหาร ต้องมีรักษาไว้อง นำมาเองเก็บรักษาล้างเอง ถือว่าเป็นการช่วยส่วนกลางในการจัดหาภาชนะอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งถ้าไม่ช่วยกันก็จะไม่เพียงพอและจะไม่ได้ฝึกในการดูแลข้าวของ
วันนี้เห็นนักเรียนมาจากสัมมาสิกขาภูผาฟ้าน้ำ ก็มาเข้าแถวร่วมกับนักเรียนสัมมาสิกขาราชธานีอโศกด้วย นักเรียนของเราทุกบวร สามารถที่จะร่วมกิจกรรมกันได้ทุกที่ แลดูกลมกลืนเพราะมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันบ่อย จนมีความคุ้นเคยกัน แม้บางครั้งมีการแยกตัวกลับไปอยู่ตามบวรฯต่างๆ แต่เมื่อมีกิจกรรมของส่วนรวม งานประจำปี ก็จะมารวมตัวกัน เพื่อฝึกฝนเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ
หลังจากคุรุน้ำนวลธรรมให้โอวาทเสร็จ พี่เอ๊กซ์ พี่ใหญ่ของเรา ก็ให้โอวาทน้องๆและได้ชื่นชมน้องม. 3 ที่เดินเป็นระเบียบและสำรวมได้ดี วันนี้จึงได้รางวัลคือได้ตักอาหารก่อนเป็นชุดแรก โดยเดินเรียงแถวตักอาหารภายในเรือนสวยเหมิด ซึ่งจะแยกตู้อาหารเป็นของชาวชุมชน 1 แถวและ ตู้อาหารสำหรับนักเรียนอีก 1แถว
ดิฉันแอบไปส่องอาหารนักเรียนวันนี้ มีข้าวซ้อมมือหอมนุ่ม พันธุ์กข 43 ข้าวเหนียวกระติ๊บใหญ่กำลังร้อน ผัดกระเพรา + เต้าหู้ผัดฟักทองเห็ด น้ำพริกมะขาม ไส้อั่วผำ พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด แกงเผ็ดเหยือกกล้วย พะโล้เต้าหู้ แถมของหวานมีเต้าส่วนและผลไม้ ลองกอง กล้วย ส้ม
พี่ม.3 แม้ว่าได้สิทธิ์ในการตักอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ก่อน แต่ก็ยิ่งได้ปฎิบัติธรรมในการประมาณการบริโภค ต้องคำนึงถึงน้องๆที่มองตาปริบๆอยู่ข้างหลัง โดยเฉพาะนักเรียนสมุนพระราม ที่กำลังจะมาตักอาหารต่อจากพี่ๆ เด็กสัมมาสิกขาถูกสอนให้รู้จักประมาณในการบริโภค มีอิสระในการเลือกอาหารรับประทาน แต่ต้องรับประทานให้หมด และล้างภาชนะทันทีโดยไม่มีการสะสมไว้กินตอนเย็น เพราะในช่วงเย็นก็จะมีอาหารทำมาใหม่อีก โรงเรียนสัมมาสิกขาไม่เคยมีปัญหาในเรื่องการจัดสรรอาหารกลางวันสำหรับเด็ก ที่บางโรงเรียนจัดสรรไม่ลงตัวและมีปริมาณน้อย ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องงบประมาณที่ทางราชการจัดสรรมา แต่ที่โรงเรียนสัมมาสิกขาของชาวอโศกจะไม่มีปัญหานี้เลย ทีมแม่ครัวจะให้ความสำคัญกับเด็กมาก ในเรื่องของอาหารที่นักเรียนจะได้บริโภคในทุกวัน ต้องเป็นอาหารปลอดภัยไร้สารพิษ เพราะวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารทั้งพืชผักและผลไม้ ก็จะเป็นผลผลิตที่ปลูกเองภายในชุมชนหรือเครือแหกสิกรรมไร้สารพิษนำมาบริจาคเข้าครัว ซึ่งถือว่าเป็นอาหารประณีตและรสชาติจะไม่จัดจ้าน แต่คุณภาพรับรองชัวร์ในเรื่องความปลอดภัย สังเกตได้ว่าส่วนมากเด็กๆของเรามีรูปร่างได้สัดส่วน แข็งแรงดีกันเกือบทุกคน มีบ้างที่กินมากก็จะอ้วนเล็กน้อย..55
หลังจากตักอาหารเสร็จแล้ว นักเรียนก็จะมารวมกลุ่มรับประทานด้วยกัน แถวๆเฮือนสวยเหมิด เพราะถ้าใครรับประทานหมดแล้วยังไม่อิ่ม ก็สามารถมาเติมได้ตลอดเวลา โต๊ะนั่งกินเป็นแถวเป็นแนวเด็กพวกเราไม่ถนัดนัก เด็กๆชอบนำกับข้าวมารวมกันและจุ้มหัวกันกินด้วยกัน คุยกันอย่างสนุกสนานไปด้วย
ดิฉันกำลังมองเด็กๆที่มีความสุขสำราญในการรับประทานอาหาร เห็นอาดินนา โคตรบุญอารยะ กำลังนั่งเหยียดขาหน้าห้องการเงิน มีพลาสเตอร์พันที่ข้อเท้า จึงเข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น อาดินนาบอกว่าเพิ่งโดนงูกะปะกัด เพราะไปรื้อกองฟืนเพื่อมาทำขนมตาลขึ้นศาลา แต่ไปเหยียบงูเข้า งูจึงกัดที่ข้อเท้า ที่เห็นเป็นรอยจ้ำๆเลือดซึมๆ คือรอยที่หมอพื้นบ้านของเรา หมอแตงไทเจาะเลือดที่มีพิษงูออกมาโดยอาดินนาประทับใจหมอแตงไทมาก ที่โทรศัพท์ไปหาหมอแตงไทขณะกำลังเดินทางไปกรุงเทพ ก็รีบกลับมาบ้านราชเพื่อมาถอนพิษให้อาดินนาทันที อาดินนาเล่าให้ฟังว่าหลังจากโดนงูกัดก็จะปวดขึ้นมาตามขาเป็นลูกๆ จนหมอแตงไทมารักษาอาการก็ดีขึ้น แต่พวกเราก็ยังตกใจถ้าเป็นงูกะปะคือจะเป็นงูที่มีพิษ แต่ดูอาการแล้วอาดินนาไม่ได้ปวดอะไรมาก อาจจะไม่ใช่งูกะปะก็ได้
ดิฉันเหลือบไปเห็นน้องกรผู้มีความรื่นรมย์ในการกินก็อมยิ้มอดขำในใจด้วยความเอ็นดูที่เห็นน้องกรกำลังกินข้าวเหนียวกับน้ำพริกกระป๋องภาชนะใหญ่ ดูแล้วมีความสุขมาก อะไรๆก็อร่อยทุกอย่างสำหรับน้องกร
เดินไปที่ศาลาก็เห็นผู้บาดเจ็บจากพิษสัตว์ทั้ง 2 ท่าน อาดินนาเดินมาฟังธรรมที่ศาลาเงินเฮือนสูญได้แล้ว หลังจากเพิ่งโดนงูกัด ขวามือสุดเจ๊เม่งจูที่เพิ่งถูกตะขาบต่อย จากการรื้อลังผ้าเช่นกัน แม่เทียนดินเมื่อรู้วาโดนตะขาบกัดรีบนำมะนาวมาคลึงดูดพิษออกและใช้มะนาวผ่าซีกมัดติดกับแผลไว้ และให้ยกแขนสูงไว้ ไม่นานนักเจ๊เม่งจูเราก็ค่อยยังชั่ว และมานั่งฟังธรรมได้
พิษงู พิษตะขาบก็ยังสู้จิตใจที่มีความพากเพียรในการฟังธรรมของทั้งสองท่านไม่ได้ เหมือนที่พ่อครูเคยบอกว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว แม้จะปวดจากการถูกพิษสัตว์ แต่จิตใจที่มุ่งมั่นจะมาฟังธรรม เหนือกว่าพิษใดๆ
ดิฉันเดินไปท้ายศาลาเจอแม่ทองธรรม เจนชัยซึ่งคุณแม่ได้มาอยู่ที่บวรราชธานีอโศกแล้ว ท่านใดที่เป็นห่วงคุณแม่ตอนนี้คุณแม่สบายดีและมีความเพียรช่วยงานที่บวรราชธานีอโศกได้ทุกวัน เพราะทุกฐานงานยินดีต้อนรับเพราะงานมีมากกันทุกฐานงาน แต่ไม่พ้นกำลังจิตใจที่สามารถช่วยกันได้ทุกคนภายในชุมชน
ณ ห้วงเวลา 9 นาฬิกา วันอาทิตย์ ต่างคน ต่างบทบาท เด็กทำหน้าที่ของเด็ก ผู้ใหญ่ก็ทำหน้าที่ของผู้ใหญ่ในเวลาเดียวกัน ส่วนไหนที่เกิดปัญหาต้องแก้ไข ก็มาร่วมช่วยกันแก้ปัญหาจนสำเร็จลุล่วง ทำให้นึกถึงคำสอนของพ่อครูที่บอกว่า พลังสามัคคีเป็นพลังมหัศจรรย์ คือ
1.เป็นความเรียบร้อย
2.เป็นความสุข สันติ เบิกบาน ร่าเริง
3.เป็นความเจริญงอกงาม
4.เป็นพลังสร้างสรร
5.เป็นความสำเร็จบริบูรณ์
6.เป็นปึกแผ่น มั่นคง ยั่งยืน
มองเห็นพฤติบทที่เกิดขึ้นในบวรราชธานีอโศก ที่พวกเรามีพลังมหัศจรรย์นี้ โดยสามารถพึ่งเกิด พึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตายกันได้ พิสูจน์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ได้ ในทุกวินาทีที่มีลมหายใจบนแผ่นดินพุทธนี้..