610917 เดินทางไกลข้ามทางทุรกันดารต้องอ่านเวทนา 108
พ่อครู : พ่อแม่ลูกเดินทางในทางทุรกันดาร แสวงหาที่หมาย เสบียงหมด ฆ่าลูกกิน
สมณะดินไท : ต้องจำใจขนาดไหน
พ่อครู : ฆ่าลูกกิน ทำเป็นเนื้อแห้งเนื้อย่างไป กินไป ฆ่าลูกตัวเองกินแล้วยังบ่น โอ๊ยลูกเราไปไหนหนอ ลูกเราไปไหน หนอ อย่างนี้เป็นต้น นิทานของท่าน
สมณะดินไท : อันนี้คือกินด้วยความมัวเมา
พ่อครู : ซับซ้อน
สมณะดินไท : มัวเมาหรือว่ากินไปร้องไห้ไป
พ่อครู : คือไม่รู้ตัวไม่รู้เรื่อง ไม่รู้อะไรเลย รู้แต่ว่าจะไป อวิชชาทั้งนั้น ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทำอะไรแล้วก็ไม่รู้ว่าทำอะไร คือเลอะเทอะไปหมด คิดเห็นแก่ตัวอย่างเดียว อย่างอื่นไม่คำนึงเลย เป็นความรักมิติที่ 1 อย่างเดียว เพราะว่าเอาแต่สามีกับตัวเอง แม้แต่ลูกก็ฆ่า
สมณะดินไท : ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่า สามีหรือว่าภรรยาเป็นคนฆ่า ใครจะเกี่ยงกันหรือเปล่า
พ่อครู : ฆ่าด้วยอะไรมันไม่บอก บอกไว้กลางๆ ว่า ฆ่าลูกถึง 2 คน ร่วมกันฆ่าลูก ด้วยความหมาย ฆ่าลูกตัวเองทั้งสองคน เพื่อผลที่ตัวเองจะมีชีวิตอยู่ เพื่อเดินทางไปสู่จุดหมายที่เราต้องการ แม้ทางทุรกันดาร แต่เขาไม่ได้บอก ด้วยซ้ำไปว่าหมายที่จะไปนิพพาน ไม่ได้บอกด้วยว่าจะไปไหน
สมณะดินไท : จริงๆเขาน่าจะหมายไปนิพพาน
พ่อครู : ไม่ ไม่มีทุกทิศทาง ไม่รู้ว่าจะไปไหน เดินทางในทุรกันดาร ไปตะพึดตะพือ ไปโดยไม่มีจุดหมาย แต่ก็เดินลำบากลำบนไป ไปจนกระทั่งไม่มีอะไรจะกินหมดสัมภาระ ไปไม่มีจุดหมายทางทุรกันดาร ต่อสู้ชีวิตของคนเราต้องมีจุดหมาย จุดหมายของเขาก็คือโลกธรรม ไอ้ที่ไม่มีสาระอะไร มีแต่ความหลอกลวง นั่นคือการดิ้นรน
สมณะดินไท : เปรียบเทียบกับพวกเรามาปฏิบัติธรรม แต่บางทีเราเหมือนกับไม่รู้เหมือนกันนะ รู้ในภาษา ที่พ่อครูว่ามุ่งไปสู่นิพพาน
พ่อครู : เรารู้จุดมุ่งหมาย เรารู้จุดหมาย เรารู้เหตุผล เรารู้วิธีปฏิบัติ นี่ไม่รู้อะไรเลย รู้แต่ชีวิตมี ชีวิตอยู่ ชีวิตไปไปๆๆ ทำร้ายลูก เอาลูกมาฆ่า ฆ่าลูกกิน แล้วยังไม่รู้ว่าฆ่าลูกกิน แล้วยังมาห่วงว่าลูกไปไหนหนอ ลูกที่น่ารักของเราไปไหนหนอ มันไม่รู้อะไรซะเลย งมงายซะจนไม่รู้ ทำอะไรไปก็ไม่รู้ตัว ไม่รู้เรื่องต่างๆ นี่มันขยายความได้ทั้งนั้นสารพัด
สมณะดินไท : ทำยังไงเราจะรู้ถึงหมายของตัวเอง บางทีที่เป็นปัญหาอยู่ทุกวันนี้เพราะว่า ไม่รู้ว่าเป้าหมายของเราไปสู่นิพพาน ทำงานอยู่กับหมู่กลุ่ม ทำไปจะได้ไม่โดนเขาว่า ว่าเราขี้เกียจ ทำไปเพราะรู้ว่าผลงานนี้มันดี มุ่งไปอย่างนี้มากกว่า
พ่อครู : ไม่ ก็สอนแล้วว่าจะต้องมีการปฏิบัติโพธิปักขิยธรรมอยู่ในตัว พิจารณาต่อสัมผัสต่างๆ แล้วรู้เวทนา แล้วก็พิจารณา แล้วก็ปฏิบัติ รู้จักการปล่อยวาง รู้จักการเชิงเกิดให้เกิดปัญญา ให้เกิดรู้อะไรคืออะไร กิเลสเป็นยังไง อย่าให้เกิดอาการของกิเลสอาการของเวทนา อาการของตัณหาอุปทาน แล้วก็สร้างพลังงานจุล หรือพลังงานฌานในการกำจัดกิเลส จนกิเลสมมันลดก็เห็นกิเลสมันลด ก็เป็นบุญ บุญคือภาวะที่ทำให้กิเลสก็ได้ ได้ทีละน้อยก็คือได้ที่ละส่วนบุญ บุญภาพไปตามลำดับ ปุญญภาคิยาไปตามลำดับ หมดเลยกิเลสดับ อาการดับก็รู้ว่าอาการกิเลสมันไม่มีอาการเลย
แม้จะเป็นตทังคปหาน เป็นการปหานแต่ละครั้ง กิเลสมันเกิดมามีอาการเต็มที เสร็จแล้วอาการกิเลสมันก็จางคลายจากการช่วยกันดับ ดับแล้ว ก็นิสสรณปหานต่อไป ทำไปเรื่อยๆ ก็เป็นจุดสำคัญในการปฏิบัติ หรือธรรมะ 2 ทำให้เป็นธรรมะ 1 ให้มันเหลือแต่เวทนาที่มันไม่มีกิเลส เวทนาแท้ ตาเห็นรูปอาการเกิดในจิตก็มีแต่รู้ ไม่ได้มีความชอบหรือไม่ชอบ ความสุขความทุกข์ อยากได้ไม่อยากได้ รู้แต่กาลอันควร ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัสอะไรก็ปฏิบัติเป็น จัดการเวทนาในเวทนา เป็นผู้รู้ในเวทนา 108 ทำเคหะสิตให้เป็นเนกขัมมะจนถึงอุเบกขาฐาน ฐานนิพพาน แล้วทำอันนี้ทำซ้ำทำไป จนสั่งสมเป็นอดีต ทุกปัจจุบันจนกระทั่งเก่ง อนาคตจะมาอีกมาเลย มาขนาดไหนเวลาไหนยังไง ยังไงก็สูญ อาตมาว่าอาตมาได้อธิบายหมดแล้วนะ จนกระทั่งอาตมาเก๊งเก๋งทุกวันนี้ จำได้หมด
สมณะแสนดิน : อธิบายหมด แต่พวกเรายังไม่เก่งตาม
พ่อครู : อธิบายซ้ำซากจน
สมณะแสนดิน : แต่มันก็มีมุมที่เพิ่มขึ้น รายละเอียดที่บางคนไม่เคยได้รู้
พ่อครู : มันเกิดการสัมพัทธ์ เอาอันนั้นมาช่วย เอาหมู่นี้มาช่วย จับนั้นมาช่วย จับนี้มาช่วยขยายกัน
สมณะแสนดิน : แม้แต่พลังปิระมิดยังช่วย master kaisen ภาษาอะไรที่คนเขาถูกจริต วันนี้แฟนพันธุ์แท้ คอยติดตาม
ถอดข้อความโดย อุทัย
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=EZwDTIZdj_A[/embedyt]