วันบวร กลุ่ม 1 ใส่ปุ๋ยข้าวโพดบ้านคำกลาง สวนอาแอ๊ด
เช้าของวันจันทร์ที่24 กย.2561 วันบวร เด็ก+ผู้ใหญ่ 20 คนต่างมีจุดมงหมายเดียวกัน เตรียมพร้อมกับการงานที่ได้รับมอบหมายในวันนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเด็กๆผู้ใหญ่+สิกขมาตุ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วยระบบ บ้าน วัด โรงเรียนที่มีการเรียนรู้และพัฒนาให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาโดยยึดหลัการปฏิบัติธรรมตามฐานะของแต่ละท่านไปพร้อมกัน มีการสำรวมในศีลของใครก็ของผู้นั้นแตกต่างกันไปค่ะ มีเป้าหมายมาทานอาหารเช้าที่ร้านสหกรณ์บุญนิยมในอ.วารินชำราบ ภารกิจคือ ใส่ปุ๋ยข้าวโพด ซึ่งปลูกได้อายุไม่ถึง15 วัน เหมาะกับการใส่ปุ๋ยงอกงามของชุมชน อาแอ๊ดเป็นผู้ดูแลฐานนี้ช่วยเตรียมอุปกรณ์ เช่น จอม เสียม กระป๋อง รถ เพื่ออำนวยความสะดวกหลายอย่าง เกิดความผิดพลาดเล็กน้อยที่พ่อฐานงาน ไม่ได้บอกจุดที่จอดรถ ทำให้การเดินทางคณะเด็กๆและผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ในรถจุนเท่ ชะงักงันต้องมายืนรอ เนื่องจากไม่แน่ใจว่ารถที่คณะเรานั่งมานี้จอดรถถูกที่หรือไม่ มีบางคนที่นั่งมาด้วยกันบอกว่าเมื่อสักครู่เห็นรถใส่อุปกรณ์ต่างๆของอาแอ๊ดนั้น ได้จอดอยู่อีกที่หนึ่ง รถคณะเราผ่านมาเมื่อสักครู่นี้เอง ลักษณะการจอดไม่ได้จอดชิดขอบถนนเลย ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นเดินมาบอกว่า รถคันที่บรรทุกอุปกรณ์มาขวางทาง เป็นอันตรายกับรถคันอื่นๆจะผ่านมา–ไปด้วย ที่สำคัญอาแอ๊ดต้องจอดรถไว้ก็เพื่อรีบไปเอารถอีกคันซึ่งเป็นรถแทกเตอร์บรรจุปุ๋ยงอกงามมาให้พวกเราใส่นั่นเอง จึงพลาดทางการประสานงานกับผู้ขับรถด้วยกันทำให้เสียเวลา ล่าช้าไปนิดหน่อย ถึงอย่างไรพวกเราที่ตั้งใจไปช่วยทำงานต่างก็นำธรรมะขณะปัจจุบันที่ได้พบมาใช้ เป็นต้นว่า พบอารมณ์ไม่ชอบใจ อาการหงุดหงิด เพ่งโทษผู้อื่น จับอาการเหล่านี้ สิ่งนี้ทำให้เราทุกข์ใจ ก็พบว่าเราปิดกั้นใจเราเอง ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นฝ่ายตรงข้ามหรืออาแอ๊ด ว่าเหตุใด เมื่อยังไม่เข้าใจก็ด่วนสรุปว่าทำไม…?และทำไม..? ก็จะพาไปสคำถามอื่นๆต่อไปได้ ดังนั่นจึงมาดู จับความรู้สึกนี้ก่อนว่าให้มันลดลงได้นะ โดยตั้งสติรู้ตัวว่า พิจารณาความคิดเรา ไม่เพ่งโทษ ไม่หาเรื่อง ไม่ด่วนสรุปเพื่อไม่ให้ตัวตนของเรามันสะเทือนไปกับคำบ่นของเพื่อนมากเกินไป ความคิดพาลๆเหล่านั้นของเรามักจะไปโทษสิ่งอื่นๆเสมอๆ เช่น ทำไมไม่ขับรถมานำหน้าคันที่เรานั่งนะ หรือก็อ้างว่าไม่อยากมาอีกแล้วเป็นต้น ส่วนเด็กๆ ทั้งชาย–หญิง ก็มีสีหน้าครุ่นคิดพลางบ่นนิดหน่อย พอได้ยินผู้ใหญ่ ให้คำแนะนำว่ามาถึงที่นี่ก็ดีนะ มีกองปุ๋ยด้วยใส่ที่นี่ก็ได้ มองมา–มองไป ก็พบต้นกล้วยซึ่งมีเครือพร้อมที่จะให้เราตัดอยู่พอดี 2-3 เครือ เรียกว่ามาที่นี่ไม่ได้ใส่ปุ๋ยแต่ได้ตัดกล้วยนำเข้าครัวกลางเลย นับเป็นเรื่องโชคดี เสมือนพ่อครูเคยบอกไว้ว่า “ทำวิกฤตให้เป็นโอกาส” เป็นบรรยากาศที่อบอุ่น สนุกสนาน แม้จะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเราก็สามารถปรับความรู้สึกให้ดีได้ในตน ต่อมาผู้ใหญ่+เด็ก ได้มาถึงสวนข้าวโพด มีอาแอ๊ดให้คำอธิบายว่าทำอะไรก่อนหลัง เมื่อทุกคนเข้าใจแล้วก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ สภาพดินในพื้นที่แปลงข้าวโพดร่วนซุย เป็นดินปนทราย ประมาณ 2 งานใช้เวลาไม่นานนักทุกอย่างก็สำเร็จได้ด้วยดีจากความสามัคคีนั่นเองค่ะ เมื่อถึงเวลา 08.30 น.มีการสรุปกลุ่มเปิดใจเล่าสู่ฟังกันคนละเล็กละน้อยพอเป็นข้อคติเตือนใจ เป็นกุญแจสำคัญในการที่จะทำงานเป็นระบบขบวนการกลุ่มต่อไป จากนั้นแวะไปรับเด็กๆที่บ้านราชฯเพิ่มจะไปกินข้าวที่สหกรณ์ใหม่ทันที ระหว่างทางฝนก็ตกมา พร้อมกับมีแดดออก เด็กๆ บอกว่า อาๆๆเห็นไหม”ฝนตก แดดออกด้วยนะ” บางคนก็บอกว่า ละอองฝนเหมือนเราเล่นน้ำขวดฉีดสเปรย์เลย แล้วหัวเราะกันสนุกสนาน บางคนก็นั่งรถไปชมวิว กินลมตามทางไป บ้างก็คุยฟุ้ง บ้างก็นั่งเงียบๆ ไม่อยากออกเสียงพูดแข่งกับเสียงรถวิ่งก็มี สุดท้ายก็มาถึงปลายทางจนได้ ก็คือ สหกรณ์บุญนิยม นั่นเองเป็นร้านที่เปิดใหม่มีการนิมนต์สมณะ8 รูปสิกขมาตู 4 รูปมาฉันที่นี่เป็นยัญพิธีการเปิดร้านบุญนิยมใหม่แห่งแรกในอ.วารินชำราช ดูเด็กๆน่าจะมีความสุขมากกว่าผู้ใหญ่เมื่อมาถึงมาแสดงความเคารพนักบวชจากนั้นแยกย้ายกันทานอาหารมื้อนี้เด็กๆ จะได้กินของอร่อยๆ เช่น ก๋วยเตี๊ยวน้ำใส ไอศกรีมกระทิ ส้มตำ แคปหมูเจทอด ลาบ ยำ ฯลฯ หลากหลายเมนูที่จะทานให้อิ่มในเช้าวันนี้ สมกับเป็นมื้อที่เด็กๆรอคอย ต้องขอขอบพระคุณพ่อครัวแม่ครัวที่ทำอาหารให้พวกเรารับประทานในมื้อนี้ ขอบพระคุณชาวนาที่ปลูกข้าวให้เราทาน ศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชา เป็นโศลกธรรมที่เด็กและผู้ใหญ่พากันท่องนำก่อนทานอาหาร แล้วกลับเข้าชุมชนบ้านราชฯอีกครั้ง
สวน ณ บ้านคำกลาง