611010 เวทนา 108 ย่อความให้ง่าย
ส.เดินดิน : น่าจะยกเอาศัพท์ที่ ท่านพุทธทาสอธิบายกับที่พ่อครูอธิบายมาเทียบกัน เหมือน ตถตา
ส. ดินไท : เทียบเคียง
ส. แสนดิน : ธรรมะคือธรรมชาติ
พ่อครู : ไม่ได้เข้าไปหาศาสนา ที่ท่านอธิบาย เป็นเหตุผลเฉยๆ
ส.เดินดิน : กินเนื้อเป็นยักษ์ กินผักเป็นค่าง กินด้วยจิตว่าง ก็กินได้หมด
พ่อครู : นั่นแหละ คือ เป็นตรรกะ เป็นสมถะ เอาตรรกะมาเป็นสมถะ มาเป็นเครื่องมือในการที่เราจะระงับก็ระงับได้ ระงับด้วยเหตุผล
ส.ดินไท : ชั่วคราว
พ่อครู : เออ.. ระงับชั่วคราว ไม่ได้เป็นการวิจัยเข้าไปแล้วก็ปฏิบัติ เพื่อละลด
ส.แสนดิน : ซึ่งผล ผลของที่ท่านสอนอย่างงั้นทำให้คนไม่ได้มารวมเป็นสังคะได้
พ่อครู : สมถะลืมตา
ส.แสนดิน : เขาก็ได้ผลกว้างๆ ก็สมถะไป
พ่อครู : มันยังไม่ได้เข้าวิปัสสนา ยังไม่เข้า วิปัสสนาจะต้องเข้าไปหาเวทนา ต้องอ่านสภาวะและพิจารณาสภาวะจริงๆ อธิบายสภาวะได้จะต้องมีผัสสะ 6 จะต้องมีอะไรต่ออะไร ตามหลักมรรคองค์ 8
ส.แสนดิน : มีรายละเอียดเยอะ อันนี้ของเขาก็แค่วาง จิตว่าง เขาก็วางแล้ว
พ่อครู : ใช่ ท่านพุทธทาสนี่ ยังไม่เข้าใกล้ ยังจับสภาวะเทวฺ เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา อันนี้คือหัวใจของศาสนาพุทธ ผู้ที่เข้าใจคำว่า เทฺว นี่แหละเป็นแก่นของศาสนาเป็น ศาสนาพุทธเป็น อเทวฺ เพราะสามารถตีแตก เทวฺ ได้ เทวฺเป็นพยัญชนะ แปลว่า 2 เทวฺ หมายความว่า ธรรมะ 2 ธรรมะแปลว่า 2 นี่หมายความว่าพยัญชนะธรรมดา เทวฺ คือ ธรรมะ 2 เข้าไปถึง ธรรมะ 2 ลักษณะ ลักษณะหนึ่งคือ ลักษณะโลกียะ ลักษณะหนึ่งคือ ลักษณะ โลกุตระ ลักษณะหนึ่งคือ รูป ลักษณะหนึ่งคือ นาม ลักษณะหนึ่งคือ เวทนาจริง ลักษณะหนึ่งคือ เวทนาเก๊ ลักษณะหนึ่งคือ ความรู้ปัญญา ลักษณะหนึ่งคือ ตัณหา ตัณหากับปัญญาเนี่ย ผู้ที่สามารถเข้าใจวิภวตัณหาได้ ปฏิบัติมาตั้งแต่กามตัณหา แล้วก็เข้ามาปฎิบัติ ภวตัณหา วิภวตัณหา ไม่ใช่ วิภว เข้ามาปฏิบัติภวตัณหา รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะไป หมดถึง อรูปภพ ก็หมดภพ ไม่มีภพ วิภวภพ ตัณหา ความต้องการ ความพากเพียร ที่จะเรียนรู้ภพ 3
ส.แสนดิน : ที่ท่านพุทธทาสบอกว่า มีๆไม่ได้ ถ้าอยากเป็นอรหันต์ปุ๊บ คุณก็ไม่ได้เป็นหรอก
พ่อครู : นั่นคือ ตรรกะ คุณไม่มีเบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย คุณต้องมีฉันทะ คือ อยาก ต้องการ ปรารถนา ใคร่
ส.แสนดิน : เขาเรียกว่า เจตนา มโนสัญเจตนา
พ่อครู : เออ .. มีมโนสัญเจตนา ฉันทะ ยินดีที่จะปฏิบัติธรรม มีฉันทะเป็นมูลกา ตามมูลสูตร ต้องมีความยินดี มีความอยาก ฉันทะ ยินดีที่จะปฏิบัติ คุณไม่ยินดีมาปฏิบัติไม่ไหวหรอก มียินดีแล้วก็ต้องมีความปรารถนายิ่ง ปรารถนายิ่ง ต้องการยิ่ง ตั้งใจยิ่ง แล้วต้องมนสิการเป็น ต้องทำใจในใจเป็น ประเด็นนี้ไม่มีเลย โยนิโสมนสิการได้แต่คิด ไม่ใช่คิด ทำใจในใจ ทำใจในใจ ก็คือ ทำกายในกาย ทำเวทนาในเวทนา ทำจิตในจิต ทำใจในใจ ทำใจในใจตั้งแต่เรียนรู้ แยกออกว่าเจโตปริยญาณ คือ สราคะ ทำให้ออก วีตราคะให้ได้ จับสราคะ สโทสะ สโมหะ ให้ออก แล้วก็ลดลงมา ลดลงมาได้ จึงกลายเป็นวีตราคะ ไม่ใช่ .. สังขิตตัง จิตตัง วิกขิตตัง จิตตัง ลงมาตามลำดับ จนกระทั่งเป็นมหัคคตะ จนกระทั่งลงไปถึงอนุตตระ จนสำเร็จเป็นสมาหิตังเป็นวิมุติ ตามหลักของเจโตปริยญาณเลย ผมอธิบายได้เพราะว่ามีสภาวะ แล้วมันเรียง มันไม่ได้ต้องไปสับสนอะไร เจโตปริยญาณ 16 ก็ไม่เห็นจะต้องไปท่องอะไร มันเรียงแล้วเป็นหมวดหมู่ เป็น คู่ๆๆๆๆ ตั้งแต่ สราคะ วีตราคะ สโทสะ วีตโทสะ คู่ๆๆ มาจนกระทั่ง สังขิตตัง วิกขิตตัง จนกระทั่ง มหัคคตะ อมหัคคตะ จนกระทั่ง อุตตระ อนุตตระ จน สมาหิตโต อสมาหิตโต วิมุติกะอวิมุติ เป็น คู่ๆ ๆๆ มาเลย 8 คู่ 16 ตัว อย่างนี้เป็นต้น เวทนา 108 ก็ไม่เห็นจะต้องไปท่อง
ส.แสนดิน : มันมีตามสภาวะ
พ่อครู : สภาวะ 108 ของมันถูกต้อง มันมีตั้งแต่กายิกทุกข์ -เจตสิกทุกข์ สอง สุข – ทุกข์ ไม่สุข- ไม่ทุกข์ อีกสาม แล้วก็มีดีกรีของมันอีกห้า สุข ทุกข์ โทมนัส โสมนัส อุเบกขา ห้า แล้วก็เกิด 6 ทวาร 6 ทวาร มี 3 ได้ ก็เป็น 18 ทวาร เป็นเคหสิตะกับเนกขัมมะ 18 แล้วก็ทำ 18 36 นี่ให้เป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต ไม่ต้องท่องนี่
ส.แสนดิน : ครบ 108
พ่อครู : สภาวะมันชัดเจนเป็นลำดับ มันต้องทำตามลำดับนี้ก็จบ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง ด้วยอดีต ปัจจุบัน อนาคต ทำปัจจุบันให้สั่งสมเป็นอดีตเต็ม อเนญชา จนกระทั่งอนาคตมาเลย เท่าไหร่มาเลย เข้ามาใกล้ราศีแกก็เหี่ยวหมดแล้วกิเลสอ่ะ เพราะจิตเป็นวสะ วัสสวัตตี วัสสวัตตีจิตโต ยังให้จิตเป็นไปตามอำนาจได้ นี่ตัวจบเลย อยู่ในเตวิชชสูตรนี่แหละ
ส.แสนดิน : สูตรสุดท้ายเลย สูตรสุดท้าย คือ ?
พ่อครู : นี่แหละ ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ สูงสุด ผู้ที่ยังจิตให้เป็นอำนาจได้ก็จบแล้ว เริ่มต้นถ้าอาจจะแย้งกันว่า ทุกอย่างมันไม่เที่ยง ไม่มีการไปกำหนดกฎเกณฑ์เอาจิตได้ ไปกำหนดไม่ได้ นั่นเริ่มต้น แต่สุดท้ายนี่ ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ จนกระทั่งเป็นอัตโนมัติ เป็นตถตา ไม่ต้องใช้จิตไปกำหนดมัน มันก็เป็นไปเอง เป็นตถตา มันมีอำนาจในตัวมันเอง สามารถยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ จนจิตนี้มันเก่ง จนกระทั่งสำเร็จผลสุดท้าย ทั้งไว ด้วยมุทุภูตธาตุ เร็วในการรู้กิเลส เร็วในการกำจัดกิเลส พรั่บ เป็นไปทันที ทันที สัมผัสปั๊บจบในตัว สัมผัสปั๊บประสิทธิภาพยิ่งกว่าจอมยุทธ์ ไม่ต้องทำอะไรปั๊บ ไอ้นั่นดิ้นไปแล้ว
ส.แสนดิน : แค่สบตา ไม่ต้องสบตา
พ่อครู : เออ จอมยุทธ์ สุดจอมยุทธ์
ส.แสนดิน : แต่จัดการตัวเองนะฮะ จอมยึดจะจัดการคนอื่น
พ่อครู : อธิบายธรรมะเป็นโลกุตระ หรือ อธิบายธรรมะเป็นโลกียะ แค่นี้มันก็ชัดเจน ถ้าอธิบายธรรมะเป็นโลกุตระ อธิบายไปพอเริ่มต้นเป็นโลกียะไปประเดี๋ยวก็เข้าหาโลกุตระ มันจะชัดเจน ไม่ถึงโลกุตระ ไม่ยอมหยุดง่ายๆ หรอกนอกจากไม่มีเวลา
ในสวนดาว ถอดความ
[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=vRmWr1kN2Rs[/embedyt]