620211_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 38
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1pxRSx8pY7oMht7a8gimgUZGg0MKa6iNK9XDFUyYq85U/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1w80mkgKWPILHPUopk6hdEKec5MBwqtaW
พ่อครูว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ปีกุน ปีหมูนักรบ รบกันจัง ก่อนที่จะได้พูดให้ถามให้ตอบ อาตมาก็จะต้องตอบ sms
_SMS วันที่ 10 ก.พ. 2562 (วิถีอาริยธรรม)
_2166เมื่อวันศุกร์พ่อท่านตอบSMSดุจดั่งจู่ล้งควงทวนบนม้าขาว แต่วันอาทิตย์นี้พ่อท่านดุดันดั่งดาบดำของโป้อั้งเซาะ พ่อท่านกำลังควงทวนมันๆ
พ่อครูว่า…อาตมาไม่ค่อยถนัด สามก๊ก เคยอ่านตั้งแต่เป็นนักเรียนเท่านั้น พูดชื่อตัวละครก็ไม่ค่อยรู้เลย ส่วน โป้อั้งเซาะ ก็ยิ่งไม่รู้เลย มองไปในแง่ให้ได้ประโยชน์ จะใช้สำนวนภาษาบู๊ๆหนังจีนก็ได้
_3867มวลชนคนรักช.ศ.กษ.ขอน้อมรับพระ บรมราชโองการในร.10ฯน้อมจงรัก ใส่เกล้าฯน้อมภักดีใส่กระหม่อมฯตาม พระราชขัตติยะประเพณีฯขอน้อมเทิด ทูนสถาบันศูนย์รวมดวงใจไทยฯตามกฎหมายรธน.ตราไว้สูงสุดอยู่เหนือการเมืองฯเหนือเกล้าฯเหนือกระหม่อมฯ!ราษฎรใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์ฯ
_Pop Tuesday · วัน พฤหัสบดี ที่ 14 กุมภาพันธ์ มี รายการ วิเคระห์ข่าว วิปสนา หรือเปล่า ครับ
พ่อครูว่า…ที่นี่ขึ้นอยู่กับอนิจจัง
_อำภา รื่นใจดี · นิกายเกิดขึ้นมาจากกิเลสของคน เมื่อกิเลสเกิดในแต่ละคน ก็แยกย้ายกันไปตั้งนิกายเป็นของตนเอง แต่ยังอาศัยชื่อพุทธเป็นหลักเกาะ แต่พระพุทธศาสนาที่เป็นของแท้ของพระพุทธเจ้าไม่มีนิกายไม่เป็นนิกาย ปัจจุบันนี้ลูกออกจากนิกายทั้งหลายเหล่านั้นมาแล้ว คงเหลือแต่การปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธองค์ แต่ยังคงเคารพพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทำประโยชน์ให้แก่สังคม ประชาชน ประเทศชาติ เราจึงเป็นผู้ปฏิบัติธรรมอย่างผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานตลอดเวลา เขียนมาเพื่อเปิดสมองคนที่ยังหลงทางกับนิกายต่าง ๆ ติดกับนิกาย ได้มีดวงตา
เห็นธรรมของพระพุทธองค์นะ ไม่ใช่เห็นธรรมของพระด๊อกเตอร์ นักเปรียญ 8 เปรียญ 9 เอวัง
พ่อครูว่า…อาตมา การแยกนิกายมีขอบเขตในการแยกแค่ไหนตามธรรมวินัยอาตมาเข้าใจ เพราะฉะนั้นอาตมาจะไม่ทำเด็ดขาดเลยที่จะทำให้ตัวเองแยกนิกาย จะแยกมาแค่นานาสังวาส จะไม่แยกขนาดนิกายเป็นอันขาด จะทำถึงแค่นานาสังวาส แต่ผู้ที่เขาตั้งใจ จะแยกนิกายก็เรื่องของเขา จะด้วยความรู้หรือไม่รู้ก็แล้วแต่ แม้จะรู้แต่เขาก็จะแยกก็แล้วแต่ เพราะฉะนั้นผู้ที่จะแยกนิกายนั้นเป็นอนันตริยกรรม มีกรรมหนัก ต้องทำใช้หลายล้านชาติ หนัก เป็นเรื่องนรก เป็นเรื่องทุกข์ทรมานหลายล้านชาติ
เพราะฉะนั้น คนไม่เข้าใจก็เอาคำว่านิกายมาใส่ อาตมาทำนานาสังวาส เขาก็บอกว่าเป็นนิกาย อาตมาไม่ได้ทำอย่างที่เขาว่า แต่เขามาบอกคนอื่นให้หลงผิดตาม ก็เป็นบาปทั้งนั้นซึ่งมันผิด อาตมาเป็นคนดีแล้วคนอื่นทำให้คนเข้าใจว่าเป็นคนชั่ว เขาทำผิดไหม เขาก็ได้รับบาปนั้นไปอย่างนี้เป็นต้น คนนี้เขาก็เขียนมาด้วยความปรารถนาดี
_วิหคเหิน จอมยุทธไร้นาม… วิมุตติ 2 คือ ความหลุดพ้นด้วยสมาธิและปัญญา ได้แก่ เจโตวิมุตติ หมายถึง ความหลุดพ้นแห่งจิต ความหลุดพ้นด้วยอำนาจการฝึกจิต ความหลุดพ้นแห่งจิตจากราคะ ด้วยกำลังแห่งสมาธิ ปัญญาวิมุตติ หมายถึง ความหลุดพ้นด้วยปัญญา ความหลุดพ้นด้วยอำนาจการเจริญปัญญา ความหลุดพ้นแห่งจิตจากจากอวิชชา ด้วยปัญญาที่รู้เห็นตามเป็นจริง นอกจากนี้ยังมี วิมุตติ 5 มีความหมายเดียวกับ นิโรธ 5
พ่อครูว่า…คนนี้สภาวะยังไม่ค่อยชัดได้แค่ภาษา ก็ดูเหมือนมันถูก แต่ถ้าไปเจอภาวะสิริมหามายาจะงง ตอนนี้ก็พยายามจะจับให้มันถูกฝาถูกตัวไปตามลำดับ
นัยยะลึกซึ้งนั้น วิมุติเป็นปัญญา นิโรธเป็นเจโต นิโรธแปลว่าดับ วิมุติแปลว่าหลุดพ้น ผู้หลุดพ้นนั้นจะหลุดพ้นด้วยความรู้ นิ แปลว่าไม่มี นิโรธะคือไม่มีอะไรโผล่เลย ซึ่งมันมีความหมายโดยพยัญชนะสภาวะกลับกันไปกลับกันมาก็ค่อยๆเรียนไป ดีศึกษาไป
_สมใจ ..” แต่ก่อนโยมจะกลัวผีมาก เวลานอนจะต้องซุกหน้าไว้กับหมอนข้าง เวลาลงบันไดบ้านก็ต้องวิ่งอย่างเร็วเพราะความกลัว อีกทั้งกลัวจิ้งจก ตุ๊กแก หนอน ไส้เดือน และอื่นๆอีกมากมาย ปัจจุบันความกลัว เรื่องพวกนี้ได้หายไป จนรู้สึกว่าไม่ได้เป็นปัญหากับเรา แต่มันก็ยังมีอีกเยอะแยะที่มันทำให้เรายังกลัวอยู่ โยมรู้สึกว่า”ความกลัว”เป็นสิ่งที่”น่ากลัว” เพราะมันทำให้เราทรมาน ทำอย่างไรเราถึงจะละความกลัวจากสิ่งที่เรายังกลัวอยู่ได้คะ”
พ่อครูว่า…อาตมาเคยกลัว เป็นความกลัวจริงๆเกิดอยู่ในชีวิตตั้งแต่เป็นฆราวาส ยังไม่ได้มีความรู้ทางธรรมตั้งแต่เด็ก 1. กลัวความตาย เห็นเขาแห่ศพไม่ได้กลัวจริงๆเลย กลัวศพ ก็จะตายเหมือนอย่างศพ นั่นก็ครั้งหนึ่ง
-
อีกครั้งหนึ่งโตแล้วทำงานทำการที่โทรทัศน์แล้ว กลัวจะเป็นมะเร็งตาย กลัวหนักหนาเลยกลัวจะเป็นมะเร็งตาย
อันหนึ่งกลัวตายเพราะตาย อีกอันนึงกลัวตายเพราะโรค กลัวเจ็บ นี่เป็นสัญญา มันเหมือนพระพุทธเจ้าไปเจอคนเกิดแก่เจ็บตาย ก็เป็นสัญญาณ เป็นเทวทูต เป็นทูตแห่งความตาย อาตมาก็มีอันนี้ก็เล่าความจริงให้ฟัง ตั้งแต่ยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ยังเป็นลิงลมอมข้าวพองยังเป็นคนโลกๆจะมีอารมณ์แบบโลกๆตามที่เขาครอบงำ แต่ความจริงของตัวเราเองนั้นแหละที่เราเป็นนั้น เราเป็นใครมีความจริงความรู้อะไรแค่ไหนยังไม่ขึ้น ยังไม่เป็นตัวตนที่เราเคยเป็นเก่า ตั้งแต่ปางก่อน ยังไม่ขึ้นมา จนกระทั่งได้ผ่านเหตุการณ์ กาละเวลาก็เลยมาสัญญาเตือนให้เราปฏิบัติธรรมะสนใจธรรมะมันก็บรรลุขึ้นมาเอง เพราะว่าอาตมาไม่มีครูบาอาจารย์ไม่มีสำนักไม่มีใครสอน เพราะใครก็สอนไม่ได้เพราะเขาได้ทำผิดมาก่อนหมด ในโลกยุคนี้ อาตมาถึงขั้นถึงคราวที่ต้องมีเป็นของตัวเอง สยังอภิญญา เกิดขึ้นปฏิบัติแล้วก็ได้บรรลุเองก็เลยชัดเจนเลิกทางโลกแล้วก็มาบวช ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ 50 กว่าปีแล้ว มาจนป่านนี้ก็มั่นใจ ทุกวันนี้ก็ยิ่งมั่นใจเพราะของเก่ามันก็ขึ้นมาอีกมาก เพราะอาตมาจะพูดยืนหยัดยืนยันปักมั่นแน่นอน จริงๆไม่ได้ต้องการโอหัง แต่ต้องการปักหลักเน้นย้ำ ว่าอย่างนี้แหละ แน่นอน จึงต้องแสดงออกสำเนียงสุ้มเสียงภาษาท่าทีเพื่อยืนยันความจริง ไม่มีคลอนแคลนไม่มีหวั่นไหวไม่มีเอนเอียงเลย เป๊ะๆๆอยู่ ไม่รู้จะใช้ภาษาอะไรแล้ว ต้องการเท่านั้น มันเป็นหนึ่งเดียวไม่มีอะไรเปลี่ยนไม่มีอะไรเพี้ยน เปรี้ยงๆๆ หนึ่งเดียว มันจึงดูหนักดูแรงเหมือนยึดมั่นถือมั่นก็ไม่มีปัญหา
_สิ่งที่เลวร้ายที่สุดของบาปคืออะไรครับหลวงปู่
พ่อครูว่า…สิ่งที่เลวร้ายที่สุดของบาป ฟังให้ดี ใครก็ตามดูของตัวเอง สิ่งที่เลวร้ายที่สุดของบาป ใช้คำว่าบาป บาปแปลว่าความเลวร้าย คืออะไร ดูที่ตัวเองอ่านของตัวเองพฤติกรรมกายวาจาใจของเรา ที่เราเป็นเรามีแล้วตรวจของเราเองนั่นแหละ อะไรที่เราเห็นว่าอันนี้หยาบต่ำที่สุดชั่วที่สุดของเราแล้ว อันนั้นแหละคือบาป ตัว 1 ตัวที่ 1 ที่คุณจะต้องรีบจัดการ มันมีอยู่ในตัวเราก็ต้องรีบเอาออก เรียกอีกศัพท์หนึ่งว่าอบาย อบายมุข อบายภูมิ
อบายแปลว่าไม่เจริญ ถ้าอบายมุข ก็คือหัวหน้าของความไม่เจริญ ต้องจัดการก่อนในตัวเราของเราไม่เท่ากันหรอกในแต่ละคนคนละมุมคนละเรื่อง อะไรของเราที่เราเห็นว่าอันนี้มันเลวร้าย เดือดร้อนไม่ดี เบียดเบียน เป็นความเสียหายอยู่ในโลกก็เอาอันนั้นออกก่อน
_ทำไมต้องปฏิบัติธรรมครับ
พ่อครูว่า…คำว่าธรรมะ หมายความว่าความดี คำว่าธรรมะหมายถึงสภาวะสิ่งที่รวมกันขึ้นมา ธรรมะคือสิ่งที่ทรงอยู่ แล้วสิ่งที่ทรงอยู่นั้นถ้าแยกธรรมะเป็นธาตุ
ธาตุกับธรรมะ ธาตุคือ 1 ธรรมะคือ 2 ในโลกนี้มี 1 กับ 2 ที่ต้องเรียน
ถ้าจะเรียกผู้บรรลุธรรมสูงสุดก็จะเป็น 0
ทีนี้ถ้าจะเอา 0 มารวมกันเป็นสองก็จะมี 0 กับ 1
ถ้าเป็น 1 คุณจะยืนอยู่ที่ 1 หรือ 0 แต่ถ้า 00 คือคุณปรินิพพานเป็นปริโยสานไม่เหลือธาตุอะไรเลย ธาตุเหลือ 1 ก็ยังมีอยู่ ถ้าเป็นธรรมะก็ยังมี 2 ถ้ายังเหลือแค่ธาตุเดียว มันก็หายไปหมดเลย เพราะฉะนั้นทำไมต้องปฏิบัติธรรมะ
ธรรมะคือสิ่งที่มันจะเริ่ม 2 หรืออีกศัพท์หนึ่งว่า เทวฺ ศัพท์ที่ชัดเจน คือ เทวธัมมา ถ้าเป็นธรรมะก็คือทรงไว้เป็นคู่ ใช้คำว่า เทวธัมมา เอามาศึกษาให้เหลือ 1 จนกว่าจะทำให้ 1 เป็น 0 นอกนั้นก็นับไม่ถ้วน แล้ว คุณจะต้องวนเวียนอยู่กับความหลากหลาย คุณไปรู้ทั่วไปทั้งหมดไม่ได้ หรือคนสร้างมาอีกเพิ่มเรียก โลกจินตา ไปตามมันหมดไม่หวาดไหวไม่มีจบ ก็เอาที่เราเองเรารู้แล้วเอามาศึกษาได้แล้วทำให้จบ จบไปทีละเรื่อง จะรู้ว่า ที่แท้จริงมีแต่เทวธัมมาปรุงแต่งกันอยู่ คุณก็ไม่ต้องยึดมั่นถือมั่น
_ทำไมคนเราต้องมีศีลครับหลวงปู่ ผมสงสัย
พ่อครูว่า…ต้องปฏิบัติศีลให้เกิดธรรมะ เราจะมีธรรมได้ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เรียกว่าศีล ทำให้เกิดธรรมะ ทำทีละคู่เป็นลำดับ ไม่อย่างนั้นสับสน
_หลวงปู่พูดได้กี่ภาษาครับ
พ่อครูว่า…อาตมาพูดได้แค่สองภาษา ไทยกับลาว แต่อังกฤษไม่เก่ง เรื่อง conversation ไม่เก่ง เป็นเรื่องอจินไตยอย่างหนึ่ง ถ้าหากเก่งเรื่อง conversation ก็จะต้องไปรับแขกพูดคุยกับต่างชาติอีก มีคนที่พูดภาษาต่างชาติเก่งกว่าอาตมาอยู่แล้วก็มาช่วยอาตมาไปเอาสาระเนื้อหาแท้เนื้อแท้ไป อาตมาทำงานทางนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะได้แค่ไหนจะลากสังขารไปถึง 151 ปี ตอนนี้ 100 ยังไม่ถึงเลย หลายผู้หลายคนก็ยังลุ้นว่าจะถึงหรือ ไม่เป็นไรอาตมาได้พิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้าด้วยที่จะต่ออายุด้วยสัมประสิทธิ์หรือ coefficient
E=C(mc2+A)
พลังงาน coefficient จะใช้ต่ออายุทั้งรูปธรรมนามธรรมได้ทั้งนั้น แต่ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์ที่จะเอาพิสูจน์ทางวัตถุ ถ้าพิสูจน์ทางวัตถุเขาจะเพิ่มจาก mc2 ของไอน์สไตน์
E=C(mc2+A) เป็นสูตรที่เพิ่มจากของไอน์สไตน์มา ในอนาคตพวกเราจะอธิบายได้ตอนนี้อาตมาไม่เสียเวลาอธิบาย
_ทำไมหลวงปู่จะต้องตั้งบวรด้วยครับ
พ่อครูว่า…ที่ต้องตั้งบวรเพราะว่ามันต้องมีทั้งสถานที่ มีทั้งบุคคล มีทั้งพฤติกรรมสังคมมีการงานการกระทำของสังคม เรียกว่ามิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดีเป็นสัปปายะ 4 มีทั้งสถานที่มีทั้งบุคคลมีสิ่งที่อาศัยและมีธรรมะ เรียกว่าสัปปายะ 4 เป็นความเจริญทุกอย่างก็เลยต้องสร้าง
_นั่งเจโตสมถะเพื่ออะไรครับหลวงปู่
พ่อครูว่า…อันนี้ถามดี เจโตคือจิต นั่งแล้วก็ทำจิตของเราให้เกิดสมถะ ที่แปลว่าความสงบ สมถะ เป็นภาษาความสงบทั่วไป ที่เป็นความสงบแบบโลกีย์ แต่จะใช้ความสงบแบบโลกุตระต้องใช้คำว่าปัสสัทธิ เจโตปัสสัทธิ แต่ก็ไม่ต้องพูด เพราะถ้าเป็นโลกุตระแล้วปัสสัทธิก็เข้าใจ รวมแล้วคือจิตสงบตั้งมั่น รวมเป็นปัสสัทธิ
ก็เหลือแต่เจโตสมาธิที่เขาพูดเขาทำกัน อันนั้นยังไม่ใช่โลกุตระ วิธีปฏิบัติก็เป็นการสะกดจิต หลับตา นิ่งได้เจโตสมถะ ไปอยู่ในภพได้ก็เรียกว่าเจโตสมถะ อยู่ข้างใน ซึ่งมีรายละเอียดได้ ขณะที่นั่งทำให้จิตสงบก็ไม่มีกิเลสกวน แม้แต่เจโตสมถะของพวกที่ปฏิบัติสมาธิที่ไม่ใช่โลกุตระก็ยังไม่มีกิเลสกวนในตอนนั้นนะ เพราะฉะนั้นจะใช้ประโยชน์ได้ให้สงบสบาย
-
สงบแล้วจิตใจมันก็นึกคิดปรุงแต่งสร้างความรู้ที่ละเอียดได้มากขึ้น ทางนามธรรมได้ละเอียดเยอะ ฟุ้งซ่านก็ได้เยอะ
-
เอาพลังงานทางเจโตสมถะไปทางฤทธิเดช แบบโลกียะ เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้ารังเกียจไม่เอาเลย ในเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์