620219_เทศน์ทวช.งานพุทธาฯครั้งที่ 43 บ้านราชฯ ตอบปัญหาดับเทวดา
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/11RM5HHYBW2YBGuscrWI82mEPoXO-7OXKTNXT5FUAB_s/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1PxmSNQn7g8t1jaiK41_PzmPPA48X3G1I
พ่อครูว่า…วันนี้วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้เป็นวันมาฆบูชา กำหนดเป็นวันตอบปัญหา ตอนเย็นเป็นการเทศนาวันมาฆบูชาที่ อาคาร บวร
มีคนส่งข่าวถึงคุณศักดา สัมมาอริยมรรค บ้านมรรคมีองค์ 8 อาจารย์แป้ง ผู้มีความจำหมดทำต่างๆได้ดี แต่ขี้ลืม กระเป๋าเป้ ไว้ที่บ้านลุง ขอให้ไปเอาด้วย
วันนี้ประมาณเที่ยงคืนข่าวมรณะ ครูคร่ำคร่า หุ่นตระกูล หรือครูหนู ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อคืนนี้ โคม่ามาหลายวันแล้ว ก็ติดต่อหากจะเอามาเผาที่นี่ก็มาเลยใส่รถวิ่งมา แก่กว่าอาตมาปีหนึ่ง มาอยู่ตั้งแต่ยังสาวโสด สาวโสดตลอดกาล ปลดเกษียณมาตั้งแต่ได้บำนาญเดือนละ 4,000 กว่าบาท ลาออกมาตั้งแต่ได้บำนาญ เดือนละ 4000 จนกระทั่งสิ้นชีวิตบำนาญก็ขึ้นไปนะ เขาก็เพิ่มให้ จนกระทั่งเสียชีวิต เป็นคนเดียวไม่เห็นมีญาติโกโหติกาเลย บ้านอยู่ที่แม่ฮ่องสอน เป็นคนแม่ฮ่องสอน เอ้า เพื่อนเราก็จากไปแต่ละผู้แต่ละคน
ก่อนจะได้โอภาปราศรัย นักกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ
มาฆมาศหกสิบสอง
เมื่อมาฆมาศแม้น เวียนมา
เดือนเด่นเพ็ญจันทรา สว่างแผ้ว
น้อมสํานึกศาสนาพุทธ ทั่วไปไทยเฮย
อโศกเพริศดั่งเพชรแพร้ว พิศพริ่งพยับโพยม
โอ้อโศกเอยกลิ่มน้อย ยิ่งนัก
อยู่ท่ามกลางฝูงยักษ์ แยกเขี้ยว
พ่อพาผ่านอุปสรรค คือโจทย์ฝึกใจ
เลี่ยงหมดบาลีเบี้ยว ท่านบู๊เราบุ๋น
เม็ดทรายแม้ท่วมท้น พสุธา
เทียบเพชรหนึ่งเม็ดพา ห่อนได้
ขนโคท่วมกายาท่วมร่าง โคฤา
เขาหนึ่งคู่โคไซร้ แกร่งกล้ากว่าขน
เห็นรอยพ่อรับรู้ว่า หนักพอ
หยาบนักอนาถหนอ มนุษยนี้
เมื่อพ่อไม่วอนขอสงบนิ่ง ลูกเอย
พุทธไม่เหลือกระพี้ หมดแล้วพุทธเอย
เรามาจนเพราะแจ้ง จากใจ
ทวนกระแสยุคสมัย แน่แท้
ขาดทุนรับกำไรคำตรัส พ่อหลวง
เศรษฐกิจอโศกแก้ กลับได้ดังหวัง
รัฐสอนราษฏร์เพื่อให้ ร่ำรวย
คนชั่วจะฉกฉวย แย่งยื้อ
รากหญ้ายิ่งจะซวย ขาดทรัพย์สินแล
อาเสี่ยเบ่งอั๊วลื้อ ข่มเจ้าคนจน
อนาคตคนจะเลี้ยว กลับหลัง
ทุนนิยมหมดหวัง จะสู้
ถึงยุคอโศกจะดัง โปรดสดับเพื่อนเอย
บอกผ่านอโศกทุกผู้ อย่าได้ด่วนตาย
กาลนี้เรานอบไหว้ วันทา
ขอช่วยชาวประชา ทุกข์แท้
สักวันหนึ่งเถิดหนา เขากลับไหว้เรา
ชัยชนะของผู้แพ้ เช่นนี้ โลกตะลึง
เข็นเขาขึ้นครกนั้น พจนา
ทั้งเหนื่อยหนักเหนือคณา นับได้
พุทธจักสว่างเวหา ช่วยโลกภายหลัง
เดือนเด่นเพ็ญจันทร์ได้ ส่องด้าวฟ้าดิน
อ.เป็นต้น นาประโคน
18 ก.พ. 2562
พ่อครูว่า….วันนี้มีการตอบปัญหา
_มีญาติธรรมผู้ใหญ่คนหนึ่งอยู่ในชุมชนชาวอโศก มีตำแหน่งสำคัญ เป็นที่รู้จักและนับถือของคนแถวนั้น บอกว่าตนเองบรรลุธรรมขั้นสูงแล้ว เป็นสัตบุรุษตัวจริง ตั้งตนเป็นอาจารย์เพื่อบรรยายธรรมะไปทั่วแถวอำเภอใกล้เคียง และต่างจังหวัด เคยถูกห้ามไม่ให้สอนในชุมชนมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ไม่ฟัง เลี่ยงคำสั่งพามาสอนที่บ้าน ซึ่งมีบ้านอยู่ในชุมชนที่ถูกห้ามแล้วบอกว่าธรรมะที่ท่านสอนไม่ใช่แนวทางที่พ่อครูสอน ถึงไม่บอกถึงสำนักไหน ฟังแล้วก็รู้ว่าเป็นพุทธวจน ปัจจุบันก็ยังสอนอยู่ คนมาใหม่ๆก็จะถูกเขาต้อนรับ และพูดธรรมะเสียเอง แทนที่จะได้พบท่านสมณะจะได้สัมมาทิฏฐิกว่า จะได้รู้ว่าชาวอโศกเป็นอย่างไร คำถามคือ อยู่อโศก แต่ไม่ศรัทธาพ่อครูหรือสมณะ กลับไปเอาคำสอนสำนักอื่นมานับถือมาสอน เขากำลังทำสังฆเภท หรือว่ากำลังหลงตนเองกันแน่ ขอพ่อครูช่วยโปรดเขาได้เถิด
พ่อครูว่า…ถ้าอาตมาว่าอาตมากำลังเทศน์อยู่ ถ้าเขาไม่ศรัทธาเขาก็ไม่ฟังเขาไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเขาศรัทธาอาตมาบ้าง ฟังบ้าง ก็คงจะพูดไปก็คงจะเป็นคนบ้าง แต่เอาเถอะ พูดไปนี่คนที่รู้จักเขาก็อาจจะนำไปบอกเขาบ้าง ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ
จริงๆแล้วการที่จะศรัทธาสัตบุรุษผู้นำ คือ
ศาสนาพุทธนี้เป็นศาสนาที่ลึกซึ้งละเอียดสูงส่งมาก ละเอียดมาก คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34)
ใช้ศัพท์คำว่า สันตา แปลว่าสงบ สงบนั้นมีคำบาลีอีกมาก เช่นคำว่าปัสสัทธิ สมถะ วิเวก เป็นต้น แต่คำว่าสันตา ก็รวมเอาความสงบไว้ทั้งหมดเป็นความสงบอย่างวิเศษ เพราะว่าสงบอย่างที่ว่าจะวุ่นวายอยู่กับสิ่งที่จะทำให้ไม่สงบขนาดไหนก็จะสันตา กว้างคลุมหมดเลยก็ยังสามารถสงบ สงบอย่างสมถะก็มี สงบอย่างปัสสัทธิก็มี สงบอย่างวิเวกก็มี สงบอย่างอุปสมะก็มี ต่างๆนานา เพราะว่าสามารถจะศึกษาและทำให้เกิดความสงบอย่างสมบูรณ์แบบเต็มเลย คำว่าสันตะหรือสันตาก็เหมือนกัน เอกภพทั้งเอกภพ และสิ่งเหล่านี้ก็คือความสงบบรรจุอยู่ในเอกภพทุกความสงบอย่างนี้เป็นต้น
ในธรรมะพระพุทธเจ้าสงบพิเศษแล้วยังมี สันตา ปณีตา สุขุมละเอียด ละเอียดขั้นหนึ่งนะ ยังมีความละเอียดอีกขั้นหนึ่งต่อไป ประณีตสุขุม
อตักกาวจรา มันคาดคะเนด้นเดาคิดนึกเอาไม่ได้ จะต้องมีครบองค์ประกอบ ทั้งข้างนอก อาโลก ทั้งลืมตาเปิด จักษุ มีปัญญา ญาณ วิชชา รู้ครบสมบูรณ์แบบ จึงจะเรียกว่าความรู้จักรู้แจ้งรู้จริง ถ้าไปหลับตานั้นไม่มีทวารทั้ง 5 ไม่มี อาโลก ไม่มีจักษุ ปัญญาที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ถึงเกิดไม่ได้ จะเกิดได้แต่สัญญาความระลึกรู้ขึ้นมาเองอยู่คนเดียว ไม่มีใครล่วงรู้ ขยายออกไปสู่คนอื่นๆไม่ได้อยู่ในวงแคบ
ความรู้ของพระพุทธเจ้าจึงเป็นความรู้ที่เปิดกว้างรับรู้ได้ร่วมกัน เชิญบุคคลให้มาสัมผัสร่วมรู้กันได้ ทุกปัจจุบัน
อตักกาวจรา แม้พยัญชนะคำว่า อตักกะ วจรา มีลีลามีการเคลื่อนไหวในความคิด เอาแต่ความเคลื่อนไหวทางความคิด ตักกะ ไตร่ตรองเอาไม่ได้ อตักกาวจรา
นิปปุนา เป็นความละเอียดลึกซึ้งที่ไม่มีคำพูดแล้ว แม้แต่ภาษาไทยก็แปลไม่ได้ ท่านใช้พยัญชนะคำว่าบาลี คำว่า นิปปุนา ละเอียดลึกซึ้งถึงขั้นสุดถึงขั้นนิพพาน ถึงขั้นไม่มีตัวตนถึงขั้นสูญ แต่ก็สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงรู้ชัดรู้ครบ เพราะฉะนั้นจึงรู้ได้แต่บัณฑิต
ปัณฑิตเวทนียา รู้ได้เฉพาะบัณฑิตไม่ใช่บัณฑิตแค่สอบเอาใบต่างๆตามมหาวิทยาลัย
แต่คนเขาหลงก็คิดว่าเขาถูกไปตามธรรมชาติธรรมดา หลงยึดถือไป มีมานะอัตตาอวดดี
การที่เป็นคนที่ไม่ค่อยรวมลงตัวกับหมู่ใหญ่ แต่เป็นคนปลีกแยกอยู่ในหมู่ มันก็จะต้องเป็นอย่างนี้แหละ และมันก็จะได้สภาพสมบูรณ์แบบได้ยากได้ช้า มันก็เป็นจริตของคนพวกเราบังคับกันก็ไม่ได้ แต่ก็ฟังอยู่คิดว่า เขาก็คงจะเอาไปไตร่ตรองบ้าง ที่อาตมาพูดนี้จะมีประโยชน์ไหม เอาล่ะ
_จากผู้อยากรู้มาก…(พ่อครูว่า…เอาแต่รู้รู้พอควรนะ อยากรู้มากจะเกิน)
1 พระเทวทัตทำสังฆเภทจริงไหมจะบาปหนักมากไหม
พ่อครูว่า…จริง พระเทวทัตทำสังฆเภทจึงแยกหมู่กลุ่มไปเป็นผู้บริหารหมู่กลุ่มต่างหาก ตามแนวคิดของเขา เขาเก่งทางฤทธิ์เดช นิยมทางฤทธิ์เดช แต่เขาไม่เก่งทางปรมัตถ์ทางโลกุตรธรรมก็อย่างนั้นที่เป็น พระพุทธเจ้าให้ตัด ประกาสนียกรรม ว่าคำสอนของพระเทวทัตก็อย่างหนึ่งคำสอนของเราก็อย่างหนึ่ง บาปหนักไหม? มันก็อนันตริยกรรม บาปหนักอนันตริยกรรม
2 พระพุทธเจ้าพยากรณ์ว่าพระเทวทัตจะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าจริงไหม
พ่อครูว่า…ก็จะเชื่อไหมพระพุทธเจ้าตรัสมาอย่างนั้นคุณก็รู้มาอาตมาก็รู้มาเช่นกัน และข้อสำคัญคือปัจเจกสัมมาสัมพุทธะคืออะไร อาตมาก็อธิบายไปไม่รู้กี่ทีแล้ว ปัจเจกพุทธะนั้น เป็นผู้ที่มีความรู้สูงสุดระดับ พอๆกับพระพุทธเจ้าเลย สูงสุดทำได้ขนาดนั้น มันมีขีดคั่นว่าสูงสุดแห่งที่สุดในความเป็นมนุษย์ไม่ได้ อนันตริยกรรม เช่น ผู้หญิงมีจะเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ เพราะฉะนั้นควรจะเป็นพระพุทธเจ้า คุณต้องมาเป็นผู้ชาย ต้องได้องคาพยพเป็นผู้ชาย แต่ถ้าคุณยังขืนเป็นอย่างนี้ เป็นเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่กวนอิมคือปางหนึ่งของพระอวโลกิเตศวร นานมากกว่าพระพุทธเจ้าสมณโคดมอีก เป็นพระโพธิสัตว์ยิ่งใหญ่ จนมีปณิธานอย่างน่ากลัว ปณิธานคือจะสอนคนกอบกู้คนให้เป็นอรหันต์ให้หมดเสียก่อนโลกแล้วจึงจะปรินิพพานเป็นปริโยสานเป็นคนสุดท้าย เฮ่อ อาตมาว่า ปณิธานท่านยิ่งใหญ่เหลือเกิน ก็ยกให้ท่าน
เพราะฉะนั้นปัจเจกสัมมาสัมพุทธะนี้เมื่อมีอนันตริยกรรมแล้ว อย่าไปทำเป็นอันขาด
-
ถ้าทั้งสองข้อนี้เป็นจริงมันจะไม่ขัดแย้งกันหรือ
พ่อครูว่า…ขัดแย้งคืออะไร ปัจเจกสัมมาสัมพุทธะไม่ใช่พระพุทธเจ้า คนเข้าใจปัจเจกพระพุทธเจ้ากับพระพุทธเจ้าต่างกันไม่ได้หรืออย่างไร เช่นเป็นผู้หญิง ตรัสรู้เป็นอรหันต์ได้ แต่จะไปเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ ถ้าหากอยู่เป็นผู้หญิงอยู่อย่างนั้น ต้องเปลี่ยนไปเป็นผู้ชายไม่ว่าปางใดปางหนึ่ง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นสามารถครบกระบวนการ แล้วประกาศศาสนาอยู่ในโลกขึ้นทำเนียบเป็นเทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ส่วนปัจเจกสัมมาสัมพุทธะนั้นไม่มีสิทธิ์มีศาสนาใดศาสนาหนึ่งไม่ได้ประกาศศาสนาใดศาสนาหนึ่งในโลก แต่ไม่ใช่ว่าสอนคนไม่ได้ ปัจเจกสัมมาสัมพุทธะนั้นผ่านการเป็นพระโสดาบันสกทาคามีอนาคามีอรหันต์ อนุโพธิสัตว์ นิยตโพธิสัตว์ มหาโพธิสัตว์ มาเป็นไม่รู้กี่ล้านปีจะสอนคนไม่ได้ได้อย่างไร สอนคนได้ แต่ไม่ได้ประกาศศาสนาเป็นของตน จนเป็นเจ้าของศาสนาหนึ่งในโลก ประกาศให้มนุษย์ได้รับรู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้าประกาศศาสนาของตน เพราะในยุคไหนก็แล้วแต่ สมัยไหนก็แล้วแต่ ที่ปราศจากผู้รู้ขั้นพุทธเจ้า ก็จะมีพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งถ้าเหมาะสมที่จะประกาศ ท่านก็จะลงมาประกาศศาสนาพุทธให้
เมื่อพระพุทธเจ้าองค์นั้นได้ประกาศศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าองค์นั้นก็ชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้าสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์หนึ่งในมหาเอกภพนี้ แต่ปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมีความรู้สัมมาสัมโพธิญาณเท่ากับพระพุทธเจ้า แต่ไม่ได้ประกาศศาสนา จะเพราะว่าท่านเองท่านหมดสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ท่านก็ประกาศไม่ได้ หรือท่านเองมีสิทธิ์จะประกาศ แต่ท่านไม่ประกาศ ท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลยจบ แยกธาตุของตนเองไปหมดก็จบ ก็ไม่มีศาสนาของท่านก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร เป็นสิทธิของท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่เราคิดเดาเอาไม่ได้ ท่านเองบอกว่าไม่ต้องการประกาศท่านพอแล้ว ปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทำงานมาหนักทั้งนั้นแหละ
_ช่วยขยายความ คำว่ายินดีในความเนิ่นช้า ปปัญจรามตา
พ่อครูว่า…รามตามี 5
1 .กัมมารามตา
-
ภัสสารามตา
-
นิทรารามตา
-
สังคณิการามตา
-
ปปัญจรามตา
กัมมรามตา คำว่า อารามะ แปลว่าความยินดีพอใจ ยินดีในกรรมในการงานในการกระทำ ติดงานว่างั้นเถอะ ผู้ใดยินดีจะติดงาน เกิดอารามตา มีอารามะ ผู้ใดติดยึดในการงานเกินไป ก็แน่นอนมันเป็นความเสื่อม เราต้องรู้จักพักรู้จักเพียร ทำการงานจนสังขารเสื่อมโทรมก็ไม่รู้ตัว หรือทำมากเกินไปจนเวอร์จนเกิน เลยเถิดเป็นเพ้อเจ้อฟุ้งเฟ้อก็ไม่ร้ตัวว่ามากเกินขอบเขต อะไรเฟ้อก็ไม่ได้ประโยชน์เสียเปล่า เรียกว่ากัมมารามตา
ภัสสารามตา ภัสสะ แต่ว่าคำพูด ยินดีในคำพูด พูดมากพูดเยอะ ดีไม่ดีก็เป็นการเพ้อเจ้อไร้สาระ ดีไม่ดีพูดกับต้นเสา หันหน้าพูดเข้าหากำแพงกับต้นเสา เขาก็เอาไปอโศก 2 ก็ช่างกระไร เอาอโศกไปตั้งชื่อตึกของคนบ้า ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา
นิทรารามตา การนอนไม่มีอิ่มเต็ม นอนก็ยิ่งติด ติดก็ยิ่งนอน ที่ไม่อิ่มเต็ม มีกาม น้ำเมา(มัชชะ) นิทรา(การนอน)
สังคณิกา คำว่าคณิกะคือคณะ การจะหาหมู่คณะแล้วหลงยินดีในหมู่คณะ สัง คือประกอบ สร้างหมู่คณะให้ไม่มีจบสิ้น มันไม่มีทางจบหรอก หมู่คณะก็ต้องมีความเหมาะพอดีมีสัดส่วน แต่หากว่าอยากได้ใหญ่ได้มากได้เกิน อยากเป็นเจ้าโลกไม่ดีหรอก มันต้องมีที่สิ้นสุด ควรจะเอาเป็นเจ้าโลกจะต้องรวบรวมคนให้มาเป็นคณะของข้า เป็นพรรคของฉันหมดในโลกนี้ก็เป็นความตะกละตะกลามมักใหญ่เกินไป ตนเองก็ไม่ได้เก่งที่สามารถรวบรวมคณะใหญ่ได้มากไปก็เฉย เอาแต่มวลปริมาณมันไม่ได้ เอามามันก็สูญเปล่าทะเลาะกันควบคุมก็ไม่ได้ จัดการให้เกิดความเจริญก็ไม่ได้อะไรต่างๆ เอาให้พอเหมาะ อย่างอาตมานี่ไม่เรียกร้อง ไม่ไปประเหลาะไม่ไปอ่อย ไม่เเละเล็มเลียบเคียงมาเพิ่ม ให้ทุกคนเห็นว่าที่นี่ควรเข้ามารวม มาเป็นคณะ ให้แต่ละคนมีปัญญาปฏิภาณเอง เพราะว่ารู้ว่าเราควรมาอยู่ที่นี่ แล้วเขาก็สมัครใจมามีความยินดีพอใจ มันก็จะง่าย ผู้ที่มีฉันทะมีความยินดีมันก็ง่ายด้วย แล้วเขาก็มาดูอิสระ ไม่ได้บังคับไม่ได้ไปล่อหลอก ทุกอย่างเป็นสัจจะดี เขามาแล้วเขายังไม่ได ภูมิยังไม่ถึง หลงตัวเองก็ยังต้องออกไป ถ้าคนไปถูกบังคับมาบ้างตนเองหลงผิดบ้างมันก็อยู่ไม่ได้ แต่ผู้ใดที่พอเหมาะพอดี อุตสาหะพากเพียรดี มีภูมิธรรมพอเป็นไปได้ มันก็จะได้ของจริง พัฒนากันให้เจริญไป มันก็ไม่สูญเสียไม่มีอะไรรั่วซึม พอเหมาะพอเจาะ
ทีนี้ใครจะถามสด
_สุดชดา….ระหว่างการอธิษฐานติดตามพ่อครูเพียงรูปเดียวกับการอธิษฐานขอติดตามพระโพธิสัตว์องค์ใดก็ได้อะไรจะดีกว่ากัน
พ่อครูว่า…อาตมาว่าถ้าคุณมั่นใจในใคร และอธิษฐานคนเดียวนี้ มันจะไม่แกว่งไม่เสียศูนย์ มันก็จะเป็นหนึ่งเดียวไปได้แน่น เป็นแต่เพียงว่า คุณอธิษฐาน สัตบุรุษผู้นั้นดีพอจริงหรือเปล่า ถ้าหากสัตบุรุษยังไม สัตบุรุษยังช้าคุณก็ช้าตามสัตบุรุษ แต่ถ้าหากสัตบุรุษนั้นดีพอ หรือสูงพอคุณก็จะได้ดีไปด้วย ก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าเผื่อว่าคุณไปอธิษฐานโพธิสัตว์ต่างๆ คุณก็ต้องไปเลือกอีกทีนึงอยู่ดี เพราะที่สุดแห่งที่สุดแล้วมันจะเข้าไปหากันและกันอย่างสนิท เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะพยากรณ์พระพุทธเจ้าองค์อนาคตได้เป็นพระพุทธเจ้า จะมีทีม มีคู่ อัครสาวก จะมีพระอานนท์ อย่างนี้เป็นต้น เป็นตำแหน่งลักษณะพยายามทำงานร่วมกัน มี อิสีติสาวก 80 ก็จะมีตัวบุคคลที่เป็นบุคคลนั้นแน่นอนพยากรณ์ได้ จะเลือกเฟ้นเคี่ยวข้นไปหากัน ก็ไม่ต้องถามอาตมาหรอกคุณก็เลิกเป็นไปเองไม่ต้องสงสัยอะไรมากมันจะจัดสรรไปตามสัจจะ
_สุดชดา..หากพ่อครูบางช่วงไม่ได้มาอุบัติในโลก มีพระโพธิสัตว์รูปอื่นมาเราก็จะได้บำเพ็ญตามรูปนั้นไป อันนี้คิดผิดหรือเปล่าคะ
พ่อครูว่า…มันมีเหตุปัจจัยเยอะคุณไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าคุณเองคุณติดตาม แม้แต่กาละเวลา คุณต้องเกิดร่วมเหมือนผู้ที่ต้องเกิดร่วมเป็นสหชาติ มันต้องเป็นสหชาติ ผู้บำเพ็ญที่เกิดร่วมกันแล้ว คุณไม่ต้องไปกังวล คุณเคยได้ยินคำว่าสหชาติไหม นั่น แม้แต่เป็นม้ากัณฐกะก็ต้องมาเกิดมารับใช้พระพุทธเจ้า ขนาดเป็นม้าไม่ได้เกิดเป็นคนนะ แต่นี่คุณเป็นคน ชัดเจนนะ
_ร้องถาม(ขอ) ตัวหนังสือบนจอจะรีบเอาออกไปทำไมนักหนา
พ่อครูว่า..อันนี้ก็เคยบอก ดูหน้าอาตมากับตัวหนังสือ ให้เขาดูตัวหนังสือดีกว่าดูหน้าอาตมา เมื่อจบจากหัวข้อนั้นแล้วค่อยเอาออก
_ใบแพร…พ่อครูเคยพูดไว้ว่า การที่เรามาอยู่ในชาวอโศกมีงานทำมากมาย มีหน้าที่การงานบางคนมองว่า เท้าไม่ติดดินอยู่ในหอคอยงาช้างอยู่ในห้องแอร์ จริงๆแล้วมันต้องอยู่กลางดินอยู่ในการเกษตร พ่อครูเคยบอกว่าบางคนจะต้องมารับวิบากต้องบำเพ็ญบารมี บางทีเราท้อ ทำไมเราต้องมาลำบากอย่างนี้ แต่ถ้าเป็นการบำเพ็ญบารมีเราก็จะยอมอดทนยอมสู้ บางทีเราก็คิดว่าทำไมเราต้องมีวิบากอย่างไรต้องมาทุกข์มาลำบากอย่างนี้ ก็เกิดการท้อ
พ่อครูว่า…ก็ตอบง่ายๆว่าอย่าท้อสิ ถ้าคุณรู้สึกอาการท้อ มันก็ท้อกำลังลง มันก็เสีย คนคิดท้อนี้เป็นคนโง่ ฟังไว้ตรงนี้ คนคิดท้อ มันต้องตรวจสอบว่าเรากำลัง ต้องอุตสาหะในอะไรที่กำลังทำ ถ้างาน กรรมกิริยาที่เรากำลังทำอยู่ขณะนั้น เราก็ต้องตรวจสอบว่างานอันนี้ควรไหมดีไหม ถ้าดีถ้าควร คุณอย่าท้อ อุตสาหะ ทำ ตรวจแล้วตรวจอีกว่าดีแน่นะ ที่เราอุตสาหะใช้เรี่ยวแรงพากเพียรอยู่นี่ งานนี้มันดีแน่นะ มันเหมาะสมเหมาะควรกับเวลาเหมาะสมกับโอกาสฐานะ ตรวจสอบพร้อมหมดแล้ว เอาเลย แม้ว่าหน้านองน้ำตาอยู่
เราต้องมารับวิบาก ต้องมาบำเพ็ญ
พ่อครูว่า…พระพุทธเจ้าใช้คำว่าผู้ที่จะมีทุกข์แม้ว่าหน้านองน้ำตาอยู่ ก็เป็นวิบากของเรา บุคคลในโลกนี้ ปฏิบัติกับทุกข์มีหน้านองน้ำตาอยู่
[ล.๑๒ ข.๕๑๘] ธรรมสมาทานที่มีทุกข์ในปัจจุบัน แต่มีสุขเป็นวิบากต่อไปเป็นไฉน? ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีราคะกล้าโดยปรกติ ย่อมเสวยทุกขโทมนัสอันเกิดแต่ราคะเนืองๆ เป็นผู้มีโทสะกล้าโดยปรกติ ย่อมเสวยทุกขโทมนัสอันเกิดแต่โทสะเนืองๆ เป็นผู้มีโมหะกล้าโดยปรกติ ย่อมเสวยทุกขโทมนัสอันเกิดแต่โมหะเนืองๆ (ต่อ)
บุคคลนั้นถูกทุกข์บ้าง โทมนัสบ้างถูกต้องแล้ว เป็นผู้มีใบหน้านองด้วยน้ำตาร้องไห้อยู่ แต่ประพฤติพรหมจรรย์บริบูรณ์บริสุทธิ์ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เขาย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมสมาทานนี้ เรากล่าวว่า มีทุกข์ในปัจจุบันแต่มีสุขเป็นวิบากต่อไป. [ล. ๑๑ ข.๕๑๘]
มันยากระหว่างสภาวะกับภาษา เป็นเทวะ เราต้องขยายความไปอีกเพราะว่าเทวะครองโลก เทวะมีอยู่จำนวนมากอย่างนี้ ศาสนานั้นมีเยอะไม่รู้กี่ศาสนา หลายศาสนาเป็นเทวนิยม แต่พวกนั้นเป็นอเทวนิยมเพียงศาสนาเดียว เป็นหนึ่งในโลก ศาสนาอื่นเป็นเทวนิยมทั้งนั้นเมื่อไรก็เป็นเช่นนั้น ไม่ต้องไปงงหรือสงสัยว่าเราเป็นพวกน้อย ชาวพุทธนั้นเป็นพวกน้อย เป็นเหมือนปรอท ส่วนศาสนาเทวนิยมเหมือนโฟม ถ่วงกันได้ เนื้อแท้เนื้อสาระแท้มันต่างกัน เหมือนปรอทกับโฟม อันโน้นฟ่ามกว้างมันหลวมไม่เข้าเนื้อเข้าแก่นแต่ของพุทธนั้นเป็นเนื้อเป็นสาระเป็นแก่น
_ผู้มาครั้งแรก…ก่อนอื่นขอเล่าที่มาของปัญหาก่อนครับ ความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับสมาธินั่งหลับตาคือ ความคิดที่ฟุ้งซ่าน เมื่อคิดฟุ้งซ่านมากก็จะเหนื่อยและหลับ(ตา)ผมเป็นคนหมกมุ่นเรื่องกามราคะผู้หญิงผู้ชายรู้ว่าไม่ดีแต่ก็หยุดไม่ได้ พยายามหาสารพัดวิธี เช่น ทางความคิดก็พิจารณาเป็นซากศพแต่พอเจอผู้หญิงก็ไม่เห็นเป็นซากศพเห็นว่าสวยไม่เหมือนที่พิจารณาแล้ว ทางการแพทย์เคยให้ใช้หนังยางรัดข้อมือไว้ พอเกิดความคิดทางกาม ก็ดึงหนังยางดีดเข้ามือตัวเอง ผมก็นั่งดีดตัวเองได้ทั้งวัน ไม่เป็นอันที่จะต้องทำงานการอะไร (เจ็บ)ก็เลยเลิกยอมแพ้เรื่องกามเพราะหมดหนทางแก้ไขแล้ว
แต่อยู่มาวันหนึ่งไม่มีลางบอกเหตุอะไร ไม่มีอะไรพิเศษ ผมก็นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยตามปกติ แต่หนึ่งในความคิดนั้นมีเรื่องหนึ่งคือ ผมเป็นคนไม่ติดบุหรี่ ไม่เคยคิดอยากและก็ไม่ชอบด้วย เรื่องกามก็ไม่น่าจะติดมันได้เหมือนบุหรี่ ทั้งในเรื่องกามก็ไม่ได้อยากเหมือนบุหรี่ ความคิดแค่นี้เองครับมันทำให้ ปราสาทกามอันใหญ่โตมโหฬารของผมพังครืนลงมา หลังจากนั้นความคิดเรื่องกามก็ดูเหมือนจะฝ่อไป มันไม่อยากคิดเพราะไม่คิดอยาก ก็ไม่อยาก (ทั้งที่พยายามจนแทบตาย ทั้งพิจารณาซากศพและเอายางรัดข้อมือไว้อีก)
คราวนี้ก็เข้ามาถึงคำถามครับ แค่ ผมคิดฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อย เอาสภาวะไม่ติดบุหรี่มาใช้กับการไม่ติดกาม กามก็เลิกติดได้เหมือนบุหรี่ แล้วถ้าผมไปนั่งฝึกสมาธิหลับตา มันจะไม่ได้อะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้หรือ (เลิกติดกามได้) แล้วนั่งหลับตาสมาธิได้ผลที่ยิ่งใหญ่ (ตามความคิดของผม ) มันจะไม่ขัดกับคำสอนพ่อครูเรื่องนั่งหลับตาสมาธิหรือ
พ่อครูว่า…เอาคำถามที่ถามมานี้เป็นเรื่องตรรกะทั้งนั้น
นั่งหลับตาสมาธิเป็นความมืดความหนัก คำว่าสมาธิดำ สมาธิมืด กับสมาธิสว่างสมาธิขาว คือแม้แต่จะไปนั่งสว่างในภพ ก็สว่างอยู่คนเดียว แต่ข้างนอกนี้สว่างครบหมดเลย เป็นอาโลก แค่นี้ ถ้าไม่มีปฏิภาณปัญญาว่ายิ่งใหญ่กว่ากัน ข้างนอกนี้ยิ่งใหญ่กว่ากัน ก็เลยเอาคำพังเพยว่า หนึ่งในคลองดีกว่าเป็นสองในทะเล ฟังดูมักน้อย ก็จะเอาแค่นั้นมันก็เลยแคบแค่นั้น แค่นี้ก็ไม่มีปฏิภาณเรียนรู้ คุณก็ได้แค่นั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าคุณเข้าใจชัดเจนว่าจริงๆแล้วมันมีกว้างมันมีโลกมีอะไรมากกว่านี้ เราจะเอาเต็มที่เก่งอยู่แค่นั้นก็ได้แค่ในคลอง และการนั่งคิดนี้มันมีแต่ในอดีตกับอนาคต เป็นจิตใจของตนเอง สัญญยนิจจานิ ตัวเองจากกำหนดหมายเป็นนิรมาณกาย เป็นกายที่ไม่มีจริงเราปรุงแต่งขึ้นมาเนรมิตเอง เยอะได้เท่าไหร่ไม่มีที่สิ้นสุด
ดีไม่ดีนิรมาณกาย เดี๋ยวนี้มีใครร่วมรู้เห็นเลย ไม่มีสัมโภคกาย ไม่มีอทิสมานกาย มีแต่นิรมาณกาย กาย เนรมิตของตัวเองอยู่โดดเดี่ยวแล้วก็เฟ้อ ไม่มีที่สิ้นสุดที่จบเลย คุณบ้าไปใหญ่เลย เพราะฉะนั้นต้องมีคนรับรองต้องมีคนดึงไว้ถ่วงดุลไว้ต้องมีคนรับรู้ไว้ด้วย อันนี้ดีร่วมกัน มีดีมากเป็นร้อยล้านเป็นหลายล้านรับรองตรงกัน อันนี้แหละถือเป็นสัจจะในโลก
เพราะฉะนั้น มันต้องเข้าใจปฏิภาณปัญญาในมุมเหลี่ยมต่างๆพวกนี้
สรุป คนเรายังไม่กระจ่างก็หลงอยู่ เพราะมันพยายามสว่างในที่มืด คนก็ต้องสร้างพลังงานสว่างมาเอง แต่อยู่ในนี้ไม่ต้องเลย อาศัยพระอาทิตย์ ในโลกมีแสงสว่าง ทำไมจะต้องไปยากอะไร มันจะเห็นพร้อมกับคนอื่นกันไม่รู้กี่ความคิดที่ร่วมความคิดกับเรา แต่เราไปปั้นอยู่คนเดียว อะไรก็ไม่รับรอง แค่นี้เข้าใจไม่ได้ มันไม่น่าจะไปทำ เข้าใจใช่ไหม ไปหลงอยู่คนเดียว มันเป็นอัตตาเดี่ยวๆหลงอวดดีอยู่ มันไม่ได้ดีสมบูรณ์แบบหรอก มันดีร่วมกัน คนอื่นรับรองดีกว่า
อย่างอาตมาไม่ถือว่ารับรองตนเอง อาตมาให้พวกคุณรับรอง พวกคุณรับรองได้มากเท่าไหร่ คะแนนอยู่ที่พวกคุณ ไม่ใช่คะแนนอยู่ที่อาตมาเอามาบอกเอง คะแนนอยู่ที่พวกคุณจะให้มา นั่นคือคะแนนของอาตมา อาตมาเป็นอะไรก็เป็นอย่างที่คุณให้มา อาตมาเองเป็นอันนี้อันนี้อย่างนู้นอย่างนี้ มันไม่ได้คนอื่นไม่รับรอง อาตมาก็เป็นบ้าอยู่คนเดียว
-
การฝึกฝนลดกิเลสได้ผลจริงหรือ.. หรือได้จากความโลภ เพราะนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วก็ไปเจอความคิดดีๆขึ้นมา (จากการที่ผมเคยฝึกลดละมา )มันไม่ได้จนต้องยอมแพ้ แต่กิเลสกามมันแพ้ผมเพราะฟลุ้ค เจอความคิดที่ดี มันแปลก
พ่อครูว่า…มาปฏิบัติไปตามลำดับ คุณอย่าสับสนเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาไม่เป็นลำดับ พระพุทธเจ้าให้เรียงไปตามลำดับอัศจรรย์เป็นลำดับ อาตมาพาทำนี้ ลำดับพระพุทธเจ้าก็ลำบากให้แล้ว แม้แต่ศีลสมาธิก็ให้ทำตามลำดับ สมาธิคือจิตที่ตั้งมั่นไปตามลำดับของศีล ศีลข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ข้อที่ 3 ข้อที่ 4 ข้อที่ 5
สามข้อแรกเป็นเรื่องของกาย ข้อ 4 เป็นเรื่องของวาจา ข้อหาเป็นเรื่องของจิต
แต่ก่อน ข้อที่ 1 เอาแค่ไม่ฆ่าสัตว์ แต่ในยุคนี้แล้วคนมันมีปัญญา เฉกา ความรู้ในโลกมากฉลาดมากแล้ว เพราะฉะนั้นพยายามที่จะเอาแค่ ไม่ฆ่าสัตว์ไม่พอ ต้องให้ไม่กินเนื้อสัตว์ อาตมาก็ขยับมาอีก พอไม่กินเนื้อสัตว์แล้วจะเห็นกิเลสติดยึดมากได้อีก
เราปฏิบัติไปตามลำดับเรื่องของสัตว์เรื่องของของ เรื่องของรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส อาตมาพยายามขยายกว้าง และสรุปข้นๆไปทีละข้อ แล้วก็ขยายอีกขยายแล้วก็สรุปแล้วก็ขยาย มันก็มี 2 นัย คุณติดตามดูจะได้เร็ว อย่าไปเชื่อตัวเอง ให้เชื่อสัตบุรุษบ้างทำตามสัตบุรุษ ให้เลือกเฟ้นคนนี้แหละเป็นสัตบุรุษ ชาตินี้รับรองว่าตัวเองไม่ใช่สัตบุรุษหรอก ก็ต้องหาสัตบุรุษเป็นผู้ที่จะช่วยนำพา คนที่เหมาะใจที่สุดก็เอา ไม่ต้องเหลาะแหละ แม้แต่จะไม่ใช่สัตบุรุษที่สูงจริง ถ้าเป็นผู้ที่มีภูมิธรรมบ้าง เป็นสัตบุรุษระดับล่างมันก็ยังเดินทางได้ดี เลือกให้ดีก็แล้วกัน อันนี้ก็สุดท้ายแล้วนะ ตัวใครตัวมัน ใครจะบังคับไปเอาความเฉลียวฉลาดไปใส่หัวใครก็ไม่ได้ ของใครก็ต้องของคนนั้นเองไม่ได้บังคับ ต้องใช้ภูมิปัญญาตัวเอง
_ผมขอถามว่าหมอเขียวและอาจารย์เจ็ดแก้วเป็นพระโพธิสัตว์ระดับล่างๆใช่ไหมครับ
พ่อครูว่า..คุณจะว่าใช่ก็ใช่
_มีญาติธรรม กรรมการชุมชนในบวรเลี้ยงหมา
พ่อครูว่…อย่านึกว่าไม่มีวิบากนะอยู่ในหมู่กลุ่ม ทำสิ่งที่หมู่กลุ่มเขาไม่ยินดีรับ วิบากมันแรง เพราะหมู่ไม่รับก็ต้องเป็นวิบากสร้างใส่จิต ร้อยคนก็ร้อยวิบาก พันคนก็พันวิบาก ล้านคนก็ล้านวิบาก มันเป็นจริงตามกรรม ดีไม่ดีไม่มีแค่จิต แต่ปากเขาทิ่มแทงด้วย ให้เลิกเสียที หรือไม่ก็สายตา สายตาพวกเรานี่น่ากลัวนะ กรรมเป็นอันทำ
ทำไมรักหมายิ่งกว่าเพื่อน รักหมายิ่งกว่าตัว ให้เพื่อนรับรองดีกว่าให้หมารับรองใช่ไหม ไปรักหมาให้หมารับรองตัวเดียว แต่ว่าหมู่กลุ่มนี้สู้หมาไม่ได้ คนๆนี้ไม่น่าจะอยู่ในหมู่กลุ่มนี้ไปอยู่กับหมู่หมาดีกว่านะ พูดสัจธรรมไม่ได้ด่านะ อัตถิอุปมานะ
แต่ถ้านัตถิอุปมาคือจบไร้เทียมทานไม่มีอะไรเปรียบเทียบได้
_น้ำปัสสาวะ รักษาโรคได้ไหมครับ
พ่อครูว่า…พระพุทธเจ้าตรัสไว้เลยว่าน้ำปัสสาวะรักษาโรคได้ คุณไม่เชื่อหรือ ไม่เชื่ออาตมาก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วอาจารย์อาตมาบอกว่ารักษาได้ ถ้าคุณไม่เชื่อ อาตมายังเชื่ออาจารย์เลยว่ารักษาได้
_คุณปางน้อม กล้าจน..เทวะสองต่างกันหรือเหมือนกันกับธรรมะ๒กระจ่างชัดอย่างไรคะ
พ่อครูว่า…ไม่ต่าง มันคือสองหน่วย เทวะก็สองแปลว่าสอง เลข 2 ธรรมะ 2 ก็คือการทรงไว้ 2 เป็นคำไวพจน์กันใช้แทนกันได้ เทวะ 2 ก็ดี คำว่าสองก็ดี ธรรมะสองก็ดี
กาย 2คือรูปกับนาม มีสิ่งที่ถูกรู้กับธาตุรู้ คนเราเกิดมามีชีวิตเป็นจิตนิยามต้องมีธาตุรู้ระดับจิตนิยาม เพราะฉะนั้นต้องมีอีกสิ่งหนึ่งคู่เสมอสิ่งที่ถูกรู้
คนตาบอด เขาถูกรู้ได้ 5 ทวาร ทวารใจกับทวาร หู จมูก ลิ้น กาย ทวารตานั้นไม่มี ก็รับรู้ได้ 5 ทวาร อย่างนี้เป็นต้น แต่ที่นี้คุณมีครบ6ทวาร คุณก็สามารถดู จะรู้ได้ทีละ 2 ตากระทบรูปคุณก็รู้อันนี้ คุณอาจจะมีความเร็วในการที่จะรู้เสียงรู้ตา ฝึกได้ แต่ก็ต้องมีอันหนึ่งที่เด่น ที่เน้น ถ้าไม่เน้น เท่ากัน คุณจะตัดสินอะไรไม่ได้เลย ถ้าเน้นเท่ากันจะตัดสินอะไรไม่ได้
เสียงก็ตามแสงก็ตามมันไม่เร็วเท่าความคิด ความคิดมันเร็วกว่าแสงกว่าเสียง คุณอาศัยแสงเสียงกลิ่นรส มันสู้จิตคุณไม่ได้ ฝึกจิตให้เร็วและคุณจะรู้ได้ในสิ่งเหล่านี้ แต่มันจะต้องมีลำดับ 1 2 3 4 5 ก็ค่อยๆรู้กันไปแล้วศึกษาไป อันนี้คุณยังเข้าใจ นัยละเอียดไม่ได้ค่อยๆติดตาม
_การตั้งจิตตามพระโพธิสัตว์ไปในชาติหน้าเป็นความหวังหรือไม่(สาเปกโข)
พ่อครูว่า…จะว่ามันสาเปกโขก็ใช่ตามฐานะของเรา เราก็ต้องตามผู้ที่เราจะตามไปก่อน ถ้าเรามั่นใจก็ตาม คุณไม่ต้องกลัวหรอก อาตมากลัวแต่ว่า คุณจะรู้สึกว่าเรานำหน้าโพธิสัตว์องค์นี้แล้วนะ อาตมาตัวอย่างนั้น กลัวแต่ว่า เราเลยหน้าโพธิสัตว์องค์นี้ เราไม่ต้องตาม
ไม่ต้องกลัว ถ้าคุณรู้ตัวเองว่าเราเท่ากับโพธิสัตว์องค์นี้แล้ว คุณก็ไม่ต้องตามคุณก็เป็นตัวเองได้ ดีไม่ดีคุณเลยหน้าไปแล้ว คำว่าโพธิสัตว์คือความรู้ที่รู้จริงรู้ชัด รู้แจ้ง ไม่ใช่รู้ผิดเพี้ยน ไม่ใช่รู้ออกนอกความจริง แต่มันเป็นการรู้ความจริง เพราะฉะนั้นคุณเดินอยู่ในสายความจริง คุณไม่ต้องกลัวว่าคุณจะวิปลาสไป มันจะเข้าหาความจริงอย่างตรงไปเลย
_กรุณาอธิบายความแตกต่างและความเหมือนของการตั้งจิตอธิษฐานให้ตนได้ตามสิ่งที่ต้องการ กับความหวังว่าจะได้
พ่อครูว่า…ตามพระโพธิสัตว์ไปก่อนสักวันคุณก็จะรู้ตัว วันหนึ่งเราไม่ต้องตามก็ได้ เหมือนกับผู้ที่รู้ตัวว่าเราโตแล้ว เราไม่ต้องพึ่งพี่ เราก็พึ่งพาตนเองไม่ต้องเป็นภาระของพี่ ไม่ต้องเป็นภาระของพ่อของแม่ มันจะมีปฏิภาณพอว่า เราไม่ต้องไปตาม เราก็ช่วยตัวเองจนช่วยตัวเองได้ครบ และการเป็นสัจจะนี่มันจะไม่ไปลบหลู่ แม้ผู้นั้น เอาไปเอามาเราจะเหนือกว่าผู้ที่เคยเป็นครูของเรา เราก็จะไม่ลบหลู่ ครูเขามีบารมีเท่านี้ เราก็จะช่วยครู อย่างมีสัมมาคาราวะด้วย ครูที่เคยสอนเราเป็นครูชั้นประถม ยังมีครูมากกว่าชั้นประถม แต่เราเป็นด็อกเตอร์แล้วเราก็จะไม่ลบหลู่ ในฐานะเป็นผู้ที่เคยให้คุณแก่เราสร้างรากฐานแก่เรา มันจะมีปฏิภาณปัญญามากจะไม่ลบหลู่ใครง่าย แม้แต่คนชั่วเราก็ไม่ลบหลู่ แต่เรามีหน้าที่จะกำราบเขา จะตำหนิเขา ใช้ศัพท์ว่าด่าด้วย ก็หนัก มันหยาบ แต่ลึกๆใจเรา ไม่ได้เกลียดชังเขาไม่กลัวเขาจะเกินหน้าตาเรา ไม่มีจิตพวกนี้มีแต่จิตเมตตาก็บริสุทธิ์
_ในอโศกนี้มีใครเป็นสัตบุรุษที่รองลงมาจากพ่อครูบ้าง
พ่อครูว่า…มีเยอะ รองลงไปมีเยอะแยะศึกษาเอาเอง
_น้ำมนต์…สายเจโตกับสายปัญญาแตกต่างกันอย่างไรคะ
พ่อครูว่า…เด็กหญิง 6-7 ขวบก็ถามกันอย่างนี้ มันเป็นธรรมชาติอันหนึ่ง สายศรัทธาหรือสายเจโตเป็นคู่ ส่วนปัญญาปลีกเดี่ยวเป็นหนึ่ง
เจโต หมายถึงจิต ตัวจิตตรงๆ ส่วนศรัทธานั้นคือความรู้แล้วมีความรู้แล้ว เป็นความรู้ผสมแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นความรู้ที่สมบูรณ์ ถ้าสมบูรณ์ก็จะแยกมาเป็นปัญญา ถ้ายังไม่สมบูรณ์มันก็จะต้องมีคู่ พวกนี้ยังไม่เก่งยังไม่ใช่จอมยุทธหนึ่งเดียว มันก็จะต้องมีคู่อยู่ เพราะฉะนั้นเจโตก็ดีศรัทธาก็ดี จึงเป็นธาตุคู่ ที่ต้องอาศัยกันช่วยกัน มีจิตกับความรู้ ศรัทธาแปลว่าความรู้ความเชื่อความเข้าใจอะไรต่างๆอยู่ในศรัทธา แต่ปัญญานี้เป็นความรู้ตัดกรอบมาเป็นโลกุตระ เพราะฉะนั้นธาตุรู้ปัญญา กับศรัทธาหรือธาตุรู้ระดับทิฏฐิ มีพยัญชนะหลายตัว แต่คำว่า ปัญญานี้ ท่านตั้งไว้ของท่านแต่คนเอาไปใช้แทนเฉโก ความฉลาดแบบโลกีย์มันเลยเลอะเทอะไปหมดอาตมาก็เลยต้องกอบกู้ขึ้นมา ต้องมาเน้นให้ชัด อาตมาไม่บังอาจตั้งพยัญชนะขึ้นมาใหม่แทนปัญญาได้ อาตมาไม่บังอาจเด็ดขาด มันมีนัยของมันนะ
มี ป กับ ญญ
คำว่าป เป็นความปรุงแต่งผสมส่วนที่สมบูรณ์แบบในพยัญชนะที่ใช้ ตัวต้น
ก จ ด ต ฏ ป ห้าวรรคนี้ มันเป็นพยัญชนะที่ ระบุบอกสภาวะต่างๆกัน
ก เป็นตัวสภาพ
จ เป็นตัวนำมาทำสว่าง อรูป
ฏ เริ่มจับตัวตั้งต้ว ต้องเป็น ต.เต่า ซึ่งจะเป็นตัว static เต็มตัว แล้วจึงเป็น ป ร่วมกันสองสภาพทั้งรูปนาม Dynamic Static กระแสเคลื่อนบวกกับลบทำงานกัน
ป คือจิตร่วมกับรูป ตั้งแต่อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม มาหยั่งลงเป็น ป แล้วต้องมีคู่อีกคือ ผัสสะ แล้วก็เป็น 2 ทำให้เกิดเจริญขึ้นอีก
ตัว พ ต้องมีความตั้งมั่นหยั่งลงเป็น static เป็นพฤติกรรมที่แข็งแรงมีแกน ทำให้เจริญขึ้นอีกเป็น ภ ภสำเภา รวมแล้วก็เป็นฐาน ม
ป ม นี่ เริ่มต้นจะมีพลังงานร่วม เขาถึงเอารอเรือจากเศษวรรค ย ร ล
ถ้า ย กับ ร นี้ ย เป็นเหมือนตัว static ร เหมือนตัว Dynamic ก็เอามารวมเป็น บรม คือ ปรม ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วในสิ่งต่างๆ ตัดหางป.ปลาเป็น บรม ถ้าบาลีก็ ปรมะ
นัยละเอียดพวกนี้อาตมาก็ค่อยๆขยายความจากพยัญชนะ ให้พวกเรามีความรู้เพิ่มขึ้น อาตมายังรู้ไม่ถ้วนเต็มในพยัญชนะทั้งหมด แต่ค่อยๆรู้ไปเรื่อยๆ ก็เอามาขยายความให้พวกเราฟัง มันมีมารากเก่า เดาไม่ได้ เดาจะเละ แต่นี่ไม่เดาแต่ค่อยเป็นไป
_1. โครงสร้างของสไลเดอร์ที่ท่านคมคิดจะทำให้เสร็จทันฉลองปีใหม่เมษายนนี้หรือไม่
พ่อครูว่า…ตอบแทนไม่ได้ต้องไปถามท่านคมคิด ถ้าท่านไม่บานปลายออกไปมาก อยู่ในกรอบขอบเขตน่าจะทัน แต่อาตมาไม่ไว้ใจท่าน เพราะความคิดท่านคมขึ้นด้วย อาตมากลัวจริงๆ พยายามหยุดยั้งอยู่ สไลเดอร์จนคนมาว่าอาตมาเป็นอรหันต์สไลเดอร์แล้ว เขาก็ประชดประชัน แต่เป็นความปรารถนาดีของอาตมา จะให้คนได้พักผ่อนได้ออกกำลังกายได้ถูกแดดถูกน้ำ มันได้ประโยชน์ในเรื่องของอยู่ในธรรมชาติที่ดี เพราะของเราเราเชื่อว่าของเราไม่ได้ทำในสิ่งที่จะเป็นพิษภัย ในทางโลกเขาเป็นพิษภัยเยอะ เราไม่ได้ทำอย่างค้าขายด้วย เราทำให้คนอาศัยเท่านั้น พูดไปก็เหมือนกับคุยโม้ โอ่อวด โฆษณาโปรโมทตัวเองเกินไปก็ขอผ่าน
-
โปรเจคการสร้างคอนโดมิเนียมริมมูลตอนนี้คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เริ่มสร้างเมื่อไหร่
พ่อครูว่า…ตอนเที่ยงนี้ประชุมกันเรื่องนี้
-
พ่อครู ช่วยขยายความคำว่ามนุษย์ Robot ช่วยโลกช่วยสังคม ด้วยค่ะ