620227_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ถ้าเอาแต่ให้ทุกคนรวยจะซวยกันทั้งโลก
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1O_zLNSLUwNQsruuHPxkyrGKXDgLsaKzJ-zmL1YC8mhg/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1n09aX0JMfa538TRhHvMlI5SyrkxLMLn4
สมณะเดินดินว่า…วันนี้วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ในช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้น อุณหภูมิทางการเมืองก็ร้อนขึ้นไปด้วย เนื่องจากคนเขาแย่งชิงอำนาจกัน มีพรรคเพียงพรรคเดียวที่มีนโยบายว่า
“มาจนร่วมกันไม่ต้องรวย จะช่วยผู้อื่นช่วยประเทศช่วยโลกได้
ถ้าเอาแต่ให้คนทุกคนรวย จะซวยไปด้วยกันทั้งประเทศทั้งโลก”
จึงเป็นพรรคที่ไม่ไปทำให้คนเดือดร้อน ตอนนี้ก็มีพรรคที่อาจต้องถูกศาลสั่งให้ยุบพรรค เป็นค่ายกลการเมืองที่คนเข้าไปก็หวังจะรวยหวังได้อำนาจทั้งนั้น
พ่อครูว่า…SMS วันที่ 25-26 ก.พ. 2562
_3867คนจะเชื่อว่าพ่อครูฯเป็นอรหันต์จริงฤาไม่?มากน้อยแค่ไหน?พิสูจน์จะจะบ้านวัดโรงเรียนที่ไร้หนี้ปลอดอบายไกลทุจริตฯบวรพึ่งตนตลาดอาริยะชุมชนพอเพียงอรหันต์เก๊สร้างไม่ได้!มีแต่ ผู้บรรลุอรหัตตผลจริงเท่านั้นที่สร้าง สิ่งที่ไม่เบียดเบียนโลกได้จริง!สาธุ
พ่อครูว่า…ถ้าจะพูดไปก็เหมือนกับยกย่องตนเอง อาตมาก็พยายามที่จะยืดอายุตนเองให้ยาวนาน ยาวนานเพื่อที่จะทำงาน งานที่อาตมาทำมาแล้ว 49 ปี ตั้งแต่ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าต้องมาทำงานนี้ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ก็เห็นผลได้เกิดหมู่คนจน เกิดหมู่คนที่บรรลุธรรมตามพระพุทธเจ้าไปตามลำดับมีวรรณะ 9 มีสาธารณโภคี มีสาราณียธรรม 6 เกิดจากจิตที่มีพุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ
อาตมาตั้งใจจะอธิบายการศึกษา 3 ไตรสิกขา ให้เป็นสภาพที่ละเอียดลึกซึ้ง มันเป็นจุดเริ่มต้นที่จะมีจุดต่อให้เป็นสัจธรรม หากทำความเข้าใจไม่ชัดจะไปไม่ได้ไกล มันต้องเข้าใจให้ชัดเจนถึงจะไปได้ไกล อาตมาพูดความจริงมานาน คนก็หาว่านอกรีตเอาตำราเอาอะไรมาขัดแย้ง (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดินว่า…เราถือศีลหากเจริญได้ก็จะมีอธิศีล อธิจิต อธิปัญญาขึ้นไป เป็นไตรสิกขาที่สมบูรณ์
พ่อครูว่า…ต่อ sms อาตมาเพิ่มเติมอีกหน่อยว่าอาตมาจำเป็นต้องยืนหยัด อาตมาไม่เหลาะแหละสัจธรรม บรรยายธรรมะก็พูดตรงๆ ไม่มีอะไรเหลาะแหละหรือให้ความเข้าใจเป็นอื่น อันนี้เป็นเจตนาของอาตมา เพราะทุกอย่างทุกวันนี้มันเลอะเทอะ ยากที่จะเข้าสู่ความรู้ที่ชัดเจนเป็นแก่น อาตมาจึงไม่เสียเวลาไปเข้าใจให้ฟุ้งซ่าน หรือโค้งงอ จนหลงสิ่งที่ดำเป็นขาว สิ่งที่ขาวเป็นดำ ซึ่งมันถูกกลบเกลื่อนไปมากแล้ว
ยังดีที่มีคนมาเข้าใจสัจธรรมที่ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34)
สงบอย่างมีแรงมีพลังงาน ตั้งมั่น เย็นยิ่งมีแรง ไม่กระจัดกระจาย อาตมาว่าต้องอาศัยเวลา อาศัยผลงานที่เรากระทำ นี่ก็ได้ก่อหวอดมาเป็นรูปร่างแล้วมีทฤษฎี ปัญญาความรู้ความเข้าใจ เป็นความรู้ระดับปัญญา
อาตมาพยายามจะเจาะลงไปในความเป็นปัญญาที่ไม่ใช่แค่ความฉลาดเฉโก เจาะถึงรากของศัพท์ อัญญา คือความเห็นที่แยกแปลกไปจากโลกียะ มีอัญญธาตุ ธาตุจิตที่เป็นอื่น เปลี่ยนไปจากความรู้แบบเดิมแล้ว มาเป็นอัญญา เป็น ถัญญา สัญญา เจริญงอกงามอีกมากมาย มันต้องอาศัยแค่ความรู้ไม่พอ ต้องอาศัยการปฏิบัติให้เกิดผลจริง อยู่อย่างที่พวกเราเป็นนี่แหละ คนเข้าใจเห็นได้ยากเพราะถูกครอบงำความคิดมาแล้ว
_0851 จิตที่โมหะ ทำให้ละ18 อิฐฉา ผมออกจากงานที่วัดสวนแก้ว ยังไม่มีงานทำ ผมของานทำ จึงมากราบเรียน พ่อครู โพธิรักษ์ กราบนมัสการ
พ่อครูว่า…อิจฉา แปลว่า ริษยา ไม่ต้องการให้คนอื่นได้ดี แต่ถ้าอิสสานี่เป็นความประสงค์ความอยากได้กลางๆ อิสาวจร แต่ถ้าอิจฉา หรือริษยา คนไทยใช้คำนี้ เป็นเรื่องไม่ดี แต่อิสสาไม่ใช่ริษยา มันปนเปกันในภาษา แต่คุณอยู่ที่วัดสวนแก้วไม่ได้แล้วจะมาอยู่ที่วัดอโศกจะไหวหรือ แต่ก็มาลองดูเลย มาทำงานที่นี่ต้องทำงานฟรีไม่มีรายได้เงินเดือนนะ มีข้าวให้กินฟรี
_คอยไท ไมตรีวงศ์ · กราบเคารพพ่อครู. ผมได้ไปพักค้างที่บ้านราชมา 2คืน ผมได้ประสบการณ์ดีๆมามากมายเลยครับ อย่างแรกเรื่องของน้ำใจ อย่างสองเรื่องของมิตรภาพ. ทั้งสมณะและญาติธรรม อย่างสามการใช้ชีวิตแบบชาวอโศก ยิ่งตอนทานอาหารผมนี้อึ้งเพราะทานกันแบบมีระเบียบมากและอาหารเยอะมากๆ เวียนจนผมนี้ตาลายเลยครับ.
ผมไปบ้านราชจุดประสงค์คือไปให้คำปรึกษาท่านคมคิดเรื่องม่านน้ำตก. แต่หาท่านไม่เจอครับ. แต่ได้คุยกับพ่อครูบ้างแล้วแต่นั่นแค่แนวทางที่อาจเป็นไปได้. ใจอยากจะเจอท่านคมคิดเพื่อคุยรายละเอียดและขึ้นดูพื้นที่จริงด้านบน. แต่ขอเป็นครั้งต่อไปครับ. ผมจะหาเวลาไปอีกครั้งครับ ตอนนี้มีเบอร์โทรท่านคมคิดแล้วผมจะลองประสานงานทางโทรก่อนครับ. เพื่อเป็นแนวทางคร่าวๆ. ปล ครั้งแรกในชีวิตที่ได้พักในอาคารร้อยกว่าล้าน นอนหลับสบายมากๆครับ
พ่อครูว่า…ที่จริงอาคารเฮือนศูนย์ฯนี้เราก็ทำกันเองเสียส่วนใหญ่ ถ้าจ้างด้วยเงินทุกวันนี้วัสดุแรงงาน แต่เราทำเอง เช่นหินแกรนิตที่ปูพื้นอยู่นี่แต่ก่อนได้ฟรีมาด้วย แต่ทุกวันนี้เขาต้องซื้อกัน เป็นปีกหิน ด้านหนึ่งเรียบอีกด้านหนึ่งขรุขระ เราก็ใช้ด้านที่เรียบร้อย เอาหินขัดมาเชื่อม แต่เดี๋ยวนี้ยากแล้ว เดี๋ยวไปเรื่องก่อสร้างแล้วคนก็ย้อนแย้ง มันเป็นสิริมหามายา กลับกลอกเหมือนตลบแตลงแต่ไม่ใช่
_1614 มุมมองที่ถูกต้องก่อนลงนั่งสมาธิคืออย่างไร? คือ การที่เราคิดไว้ก่อนว่าเราจะหลับตาลงเพื่อเห็นความไม่เที่ยง ทั้งความไม่เที่ยงของลมหายใจทั้งความไม่เที่ยงของสุขทุกข์ ทั้งความไม่เที่ยงของความฟุ้งซ่าน เพื่อที่ว่า เมื่อเห็นความไม่เที่ยงเหล่านั้นแล้วจิตจะได้ฉลาดขึ้นว่าสิ่งเหล่านั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆให้เห็นสิ่งใดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สิ่งนั้นไม่ใช่ตัวเดิม สิ่งใดไม่ใช่ตัวเดิม สิ่งนั้นไม่ใช่ตัวตน
เมื่อตั้งมุมมองไว้ตรงกับความเป็นสัมมาทิฏฐิแบบพุทธแล้ว ทุกครั้งที่นั่งสมาธิจะเป็นทุกครั้งที่ได้บุญใหญ่ขั้นสูงสุดเพราะเราจะเห็นทันทีที่กำหนดใจมองว่าเริ่มต้นขึ้นมา บางทีหายใจสั้น อึดอัด เป็นทุกข์แต่เมื่อลากลมเข้ายาว ระบายลมออกยาวก็เกิดความสบาย เป็นสุขเมื่อเป็นทุกข์ ก็ฟุ้งซ่านซัดส่าย แต่ละลมหายใจบอกความจริงกับเราเช่นนี้เสมอ แล้วทำไมเราจะต้องยึดเอาเฉพาะที่มันดีๆ ที่เป็นความสุข ที่เป็นความสงบไว้ว่าเป็นเราด้วย?
เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ว่า สมาธิทำให้เห็นความไม่มีตัวเรา เท่ากับนี่เป็นชาติที่ได้บุญเกินกว่าทุกชาติที่ผ่านมาแล้ว ….จากพี่เมธิพันธ์
พ่อครูว่า…ที่จริงมีส่วนแบบพุทธแต่เป้าที่ทำไม่เข้าพุทธ อะไรที่จะทำให้ไม่เที่ยงล่ะ หากตั้งมุมมองสัมมาทิฏฐิ คุณก็คิดว่าสัมมาทิฏฐิแต่มันผิดไปตั้งแต่ไปนั่งดูลมหายใจแล้ว
ก็คงจะยังไม่ขยายความมากเพราะมีเรื่องที่จะพูดอีกเยอะ มันเป็นเรื่องลึกซึ้ง ก็ขอผ่านไปก่อน ในประเด็นนี้ ก็ติดตามให้ดีๆ คิดว่าคุณก็คงติดตามศึกษาเรียนรู้ ก็มีนัยยะที่เข้าใจได้บ้างแล้ว แต่มันก็ยังสับสนซับซ้อน ยังมีอะไรที่ไม่เข้าร่องเข้ารอยอีกไม่ใช่น้อย
อาตมาตั้งใจอธิบายเป็นลำดับเรียงต่อกันไปในไตรสิกขา เรียนรู้ธรรมะสามเส้าของพระพุทธเจ้า จาก 2 แล้วมาเป็น 3 เส้า แล้วขยายเป็น 6 เป็น 9 เป็นความซับซ้อนที่สูงส่งก็ค่อยว่ากัน
ตอนนี้เอาที่นักคิดนักเขียนเขาเขียนเอาไว้ดีมาอ่าน ก็ขอบคุณทุกท่านที่ให้ข้อมูลมาให้อาตมาบรรยายมาเป็นธรรมะ
คอลัมน์แรกก็คือของคุณกาแฟดำ คือคุณสุทธิชัย หยุ่น หนี้มะกันล่าสุด
หนี้มะกันล่าสุด: $22,000,000,000,000
หากเป็นประเทศอื่น การมีหนี้สาธารณะระดับนี้ก็เข้าข่าย “หนี้สินล้นพ้นตัว” แล้ว
แต่เพราะสหรัฐฯ เป็นพี่เบิ้มใหญ่ สามารถพิมพ์เงินเองโดยไม่ต้องมีทองมากองเอาไว้เพื่อรับรองความมั่นคงของสถานะการเงินของตนเอง รัฐบาลสหรัฐฯ จึงกู้เงินอย่างไม่บันยะบันยัง
ล่าสุดระดับหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นสถิติใหม่อีกครั้ง คือมากกว่า $22 ล้านล้านดอลลาร์ ตามการเปิดเผยของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ
พูดง่ายๆ ก็คือตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2017 หนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นจากระดับ $19.95 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 22.01 ล้านล้านดอลลาร์
อีกสาเหตุหนึ่งก็เพราะทรัมป์ลดภาษีให้ธุรกิจใหญ่ๆ เพื่อเอาใจนายทุน ทำให้รายได้ของรัฐหดตัวลง ก็ต้องสร้างหนี้เพื่อประคองเศรษฐกิจของตนเอง
นอกจากเป็นเพราะนโยบายลดภาษีของทรัมป์ มูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ การอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมทั้งในส่วนของการใช้จ่ายภายในประเทศ และงบประมาณด้านการทหาร Make America Great Again ของทรัมป์ คือการสร้างแสนยานุภาพทางทหารอย่างไม่ลดละอีกด้านหนึ่ง
ทุกอย่างมีราคาของมันเอง ทรัมป์ต้องการสร้างความนิยมชมชื่นทางการเมืองก็ต้องออกนโยบายเอาใจทั้งระดับเศรษฐีและรากหญ้า
ท้ายที่สุดคนที่ต้องควักกระเป๋าก็หนีไม่พ้นประชาชนทั้งหลายนี่แหละ
ไม่ต้องสงสัยว่าหากวิเคราะห์ตัวเลขทั้งหมดแล้วก็จะเห็นภาพชัดว่า ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกันทั้งระยะกลางและระยะยาวอย่างปฏิเสธไม่ได้
เฉพาะดอกเบี้ยที่เกิดจากหนี้ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์นี้ก็ทำให้รัฐบาลที่วอชิงตันมีต้นทุนเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
ขอย้ำว่าดอกเบี้ยตก 1,000 ล้านเหรียญหรือเท่ากับ 32,000 ล้านบาทต่อวัน
นั่นเฉพาะดอกเบี้ย ไม่คิดเงินต้นที่เพิ่มขึ้นทุกปี
ด้วยเหตุนี้สิ่งที่จะตามมาก็คือการขาดดุลงบประมาณ
สำนักงานงบประมาณของรัฐสภาสหรัฐฯ ประเมินไว้ว่า เฉพาะปีนี้อเมริกาจะขาดดุลงบประมาณอีกประมาณ 897,000 ล้านดอลลาร์ และจะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป
ที่เป็นเช่นนี้เพราะการเกษียณการทำงานของคนอเมริกันที่เกิดในยุคเบบี้บูม หรือคนที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่วันนี้มีอายุ 55 ปีขึ้นไป
คนกลุ่มนี้ตายกันน้อยลง เพราะความก้าวหน้าทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพตัวเองที่ดีขึ้นมาตลอด
ข่าวเรื่องปริมาณหนี้สาธารณะของสหรัฐพอกพูนผ่านหลัก 22 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 700 ล้านล้านบาทมีขึ้นขณะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านนโยบายการค้าของอเมริกากำลังเจรจารอบใหม่กับจีนที่กรุงปักกิ่ง เพื่อหาทางลงจากการเผชิญหน้าทางการค้าที่ยืดเยื้อมากว่าปีแล้ว
สื่อประเทศจีนก็จับตาตัวเลขชุดนี้อย่างใจจดใจจ่อ หนังสือพิมพ์ทางการที่ปักกิ่งอ้างรายงานข่าวต่างประเทศว่ากระทรวงการคลังของสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า ปริมาณหนี้สาธารณะของประเทศนับตั้งแต่ปี 1993 ถึง ณ วันที่ 13 ก.พ.ปีนี้ ทะยานสู่ระดับ 22.01 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 689.3 ล้านล้านบาท ) เป็นครั้งแรก
นักวิเคราะห์จีนดีดลูกคิดแล้วประกาศว่า ยอดหนี้มะกันสูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี ) ตลอดทั้งปีที่แล้ว
หนีไม่พ้นว่าจะต้องมีนักวิเคราะห์มองว่านี่เป็น “ความเสี่ยงครั้งใหญ่หลวง” ต่อเศรษฐกิจของสหรัฐซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
อีกทั้งคุณภาพชีวิตของชาวอเมริกันทุกคนก็จะถูกกระทบอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก
จีนจับตาเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะรายงานชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในช่วงที่คณะผู้แทนเจรจาการค้าของสหรัฐ นำโดยนายโรเบิร์ต ไลธิเซอร์ และนายสตีฟ มนูชิน รมว.กระทรวงการคลัง เยือนกรุงปักกิ่ง เพื่อพบหารือกับนายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาด้านนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
การพบปะกันรอบใหม่นี้เป็นการต่อยอดจากการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา
ที่นั่น สี จิ้นผิงและทรัมป์ประกาศ “เห็นชอบร่วมกันในหลักการ” ให้ระงับการตั้งกำแพงภาษีต่อกันเป็นเวลา “90 วัน” นับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา แล้วใช้ช่วงเวลาดังกล่าวในการเจรจากัน “อย่างมีประสิทธิภาพ”
ถึงวันนี้ยังต้องจับตาว่าสองยักษ์ใหญ่จะต่อรองกันได้มากน้อยเพียงใด
ที่แน่ๆ คือสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศหนี้สินสูงสุดของโลก ขณะที่จีนมีเงินสำรองระหว่างประเทศมากที่สุดเช่นกัน!
พ่อครูว่า…อเมริกาเขาเคยเป็นยักษ์ ตอนนี้ 2 ยักษ์ก็กำลังแยกเขี้ยวใส่กัน นี่คือลักษณะของโลกียะที่เป็นอำนาจบาตรใหญ่
นี่บทความของกาแฟดำ
จริงๆแล้ว Americanพิมพ์แบงค์ดอลล่าร์ออกมาคนตามสถิติไม่ได้ด้วยนะ ใครมารวบรวมดูดอลล่าร์ แล้วไปดูว่า เขามีทรัพย์สินมีค่าอะไรที่พอจะแลกออกมาเป็นธนบัตรดอลลาร์ได้ไหม นี่คือสิ่งที่ปรากฏการณ์ให้เห็นเลยว่าเป็นโรคที่เขาไม่เคยรู้สึกตัว อาตมาก็ยังไม่รู้ได้ว่าคนอเมริกันจะรู้สึกตัวเองไหม แต่ผู้บริหารนั้นไม่สามารถรู้ตัวเองได้แน่นอนไม่มีความรู้โลกุตระ ไม่มีความรู้ว่าเราควรจะคิดใหม่ เราคิดจะใหญ่นั้นมันจะตายอยู่แล้วนะ มันเหมือนกับอึ่งอ่าง ไปเบ่งแข่งแม่วัว เบ่งๆๆแล้วกว่าจะตัวใหญ่เท่าแม่วัว อึ่งอ่างระเบิดตายก่อน ไม่มีความเข้าใจ แทนที่จะรู้ตัวว่าเราเองผิดพลาด คนก็จะรู้สึกเอ็นดูขึ้น แต่ถ้าเบ่งอย่างนี้ ความเอ็นดูจะลดน้อยลง
มาอีกบทความ บทเรียนจากความจริง ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ วันเสาร์ ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562, 02.00 น.
โชคดีของเราที่เกิดเป็นคนไทยที่ไม่เป็นประเทศที่ล้มเหลว (Failed State)
บรรยากาศการเมืองในช่วงนี้ฝุ่นตลบไปด้วยการแสดงการโต้ตอบกันไปมาของนักการเมือง ยิ่งมีเรื่องการปรับลดงบประมาณกองทัพ บิ๊กแดงให้ฟังเพลงหนักแผ่นดิน ทำให้การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นมาก
ผมอยากให้เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้วกลับมาประเทศไทยของเรา มีปัญหาขัดแย้งกันมาก จนบางครั้งคิดว่าน่าจะไปไม่รอดบางประเทศที่ล้มเหลวหรือ Failed State คือประเทศที่ทำหน้าที่หลักๆ ไม่ได้เลย เช่นในสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงกับเป็นประเทศที่ล้มเหลว แต่ล้มเหลวในการใช้อำนาจเกินรัฐธรรมนูญของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะ 3 เรื่อง
-
ถือชัยชนะของเขาเป็นความสำเร็จทุกอย่าง สิ่งที่ผิดกฎรัฐธรรมนูญ โกหก เอาเรื่องฐานคะแนนเสียงของตัวเองเป็นหลัก ผมติดตามบทบาทของ Trump มาเกือบ 2 ปี การบริหารของเขา นึกถึงเฉพาะคนลงคะแนนให้ส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาวที่ตกงาน มีความรู้สึกว่าคนชาติอื่นๆ ที่อพยพมาแย่งงาน โดยไม่คำนึงว่าประเทศอเมริกาคือประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
-
สังคมอเมริกาเป็นสังคมของความหลากหลาย (diversity) แต่การได้เป็นประธานาธิบดีของทรัมป์ แสดงให้เห็นว่าคนที่เสียเปรียบคือคนผิวขาวตกงาน หรือปรับไม่ทันกับเทคโนโลยีต่างๆ ในรัฐที่เคยรุ่งเรือง เป็นฐานอุตสาหกรรมหลักในอดีตของอเมริกา เช่น Ohio, Florida, Michigan, North Carolina, Pensylvania เขาแพ้คะแนนนิยมทั้งประเทศถึง 3 ล้านคน แต่ก็ชนะคะแนนในรัฐต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว รัฐธรรมนูญอเมริกา เปิดโอกาสให้คนชนะคะแนนแต่ละรัฐ สามารถเป็นประธานาธิบดีได้ โดยคำนวณจาก Electoral College สื่อแบ่งข้าง ไม่ยุติธรรมคือพูดความจริง แต่ถ้ากระทบทรัมป์ในทางลบก็จะเรียกว่า“ข่าวปลอม” (Fake News)
-
อเมริกามีกฎหมายรัฐธรรมนูญแบ่งแยกอำนาจ แต่ทรัมป์แหกกฎอยู่เสมอ ไปตัดสินกันที่ศาลฎีกาแทน คนไทยรู้ไหมว่า นายกรัฐมนตรีอย่างพลเอกประยุทธ์ ที่ว่ามีอำนาจมากมายรวมถึง ม.44 ก็ไม่เคยแต่งตั้งผู้พิพากษาระดับศาลฎีกาเลย เพราะในประเทศไทยมีคณะกรรมการตุลาการ ศาลยุติธรรม ประกอบด้วย ตัวแทนของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้น ประมาณ 15 คน และมีผู้ทรงคุณวุฒิ เลือกจากวุฒิสภาอีก 2 คน เป็นผู้แต่งตั้งระดับผู้พิพากษา ระดับศาลฎีกา