620228_พ่อครูเยี่ยมและสอนอานาปานสติกับคุณลุงจำลอง ศรีเมือง ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 พ่อครูสมณะโพธิรักษ์พร้อมปัจฉาฯได้เดินทางไปเยี่ยมคุณลุงจำลอง ศรีเมือง ที่ได้ต้องโทษจำคุก 8 เดือนพร้อมแกนอีก 5 แกนนำพธม.ในคดีบุกรุกทำเนียบรัฐบาลในปี 2554
พ่อครูได้สนทนากับพล.ต.จำลองเป็นเวลากว่า 20 นาที เนื้อหาบางส่วนของการสนทนาผ่านกระจกกั้นแต่มีช่องให้ได้ยินเสียงกันแต่ก็ไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่ผู้เข้าไปฟังได้บันทึกไว้เท่าที่ได้ฟังและจับใจความได้ว่า…
พ่อครูได้กล่าวกับคุณลุงจำลองว่า ถือว่าได้มาพักผ่อนมารักษาสุขภาพนะ คุณลุงจำลองก็ได้กล่าวว่าการได้มาเป็นผู้ต้องขัง เช่นนี้ไม่ใช่จะได้มาเป็นง่ายๆเลยเป็นเหตุการณ์ที่ พธม.ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลย แต่ทำเพื่อประเทศชาติ
คุณลุงจำลองบอกว่านอนหลับสบายในการอยู่ในคุก คุณลุงคงยืนหยัด เอกามังสวิรัติ คือกินอาหารมื้อเดียวเป็นปกติแม้ในคุก ก่อนจะมาเข้าคุก คุณลุงจำลองได้จองตั๋วเครื่องบินสำหรับมางานพุทธาฯที่บ้านราชฯเรียบร้อยแล้ว เพราะได้เคยให้คำมั่นสัญญาว่า แม้จะไม่ได้มาอยู่ในชุมชนชาวอโศก แต่ว่าจะพยายามมาให้ได้ทุกงานประจำของชาวอโศกเพื่อให้ญาติธรรมได้เห็นหน้าลุง แต่งานนี้ ต้องทิ้งตั๋วเครื่องบินไปเลย เพราะต้องมาทำหน้าที่ในคุก และที่นี่ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ในคุกต่างให้ความนับถือเชื่อถือต่อคุณลุงจำลองอย่างดี
ท่านสมณะเดินดินที่ไปด้วยยังแซวว่าคุณลุงดูแจ่มใสกว่าอยู่ข้างนอก อีกอย่างอยู่ที่นี่คุณลุงว่านอนหลับได้ดี คุณลุงจำลองบอกว่าที่ผมได้ดีมาทุกวันนี้เพราะว่าได้พบพ่อท่านได้มาถือศีลกินมังสิวิรัติ อีกอย่างคือการไม่มีลูกนี่ทำให้สบายไปอีกหลายอย่างเลย ไม่อย่างนั้นจะมีกังวลอีกเยอะทุกข์อีกเยอะ
คุณลุงยังได้เล่าว่าแต่ก่อนก็เป็นคนแย่งชิงลาภยศสรรเสริญสุข ต้องการรวย ต้องการมีแก้วแหวนเงินทองเยอะ แต่มาเจอพ่อท่านเจอโศกทำให้คุณลุงเป็นจำลองคนใหม่ คุณลุงย้ำยืนยันเสมอครั้งนี้ก็เช่นกัน ยืนยันว่าชาตินี้ได้ดีเพราะว่าได้เจอกับพ่อท่าน
มีคุณชายกลาง ที่ไปเยี่ยมลุงด้วยบอกว่าให้พ่อครูเทศน์ให้คุณลุงจำลองฟัง เขาว่าให้เทศน์เรื่องอานาปานสติ
พ่อครูบอกว่า…อานาปานสติที่พ่อครูสอนนี้ไม่เหมือนกับอานาปานสติที่เขาเข้าใจกัน อานาปานสติที่เขาเรียนกันอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นอานาปานสติ หลงทาง อยู่ในช่องแคบๆ กับการหายใจเข้าออกแค่นั้นมันไม่ใช่ อานาปานสตินี่คือ ทุกเวลาที่เรายังมีลมหายใจเข้าเรายังมีลมหายใจออก เราต้องมีสติตลอดเวลา
แล้วเราก็จะต้องเรียนรู้สัมผัสทุกอย่าง แล้วก็ไล่กิเลสออกไปตลอดเวลาตามมรรคมีองค์ 8 ทำงานอาชีพอยู่ก็ตรวจกิเลสกำจัดกิเลส ทำกัมมันตะก็ลดกิเลส พูดอยู่ก็ลดกิเลสคิดอยู่ก็ลดกิเลส ไม่ได้หมายความว่าอานาปานสติหมายความว่ามานั่งจ้องลมหายใจ อันนี้มันเพี้ยนไปจนกระทั่งสุดทางแล้ว พระพุทธเจ้ามาอุบัติขึ้นก็เจอพวกที่สุดเพี้ยนนี้ ท่านก็ต้องมากอบกู้ให้มาเข้าสู่มรรคมีองค์ 8 สติปัฏฐาน 4 มาเป็นโพธิปักขิยธรรม 37 มันถึงจะใช่ นี่คือของศาสนาพุทธ มาเป็นโลกุตรธรรม 37
อานาปานสติทุกเวลาทุกลมหายใจเข้าออก เราจะต้องทำโพธิปักขิยธรรมตลอดเวลา และพ่อครูบอกว่าที่ลุงจำลองทำเป็นสมถะอยู่เท่านั้นไปจดจ่ออยู่แต่ลมหายใจเข้าออก มันจะต้องทำให้เป็นวิปัสสนา ทำแต่สมถะเท่านั้น ก็เป็นความผิดเพี้ยนมิจฉาทิฏฐิเพื่อไปเท่านั้น ต้องเข้าใจ สุดท้ายต้องมาเป็นโพธิปักขิยธรรม 37 ให้ได้ ต้องพิจารณาตลอดเวลา สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 ให้ได้เกิดอินทรีย์ 5 พละ 5 อยู่ในบาทฐานของโพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 ครบ แต่เดี๋ยวนี้มันได้เสื่อม และก็เลยหลุดเลยเหลือแต่แค่ต้องอยู่กับลมหายใจสมถะมันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
นั่งอยู่เฉยๆมันไม่เห็นกิเลส ต้องมีการกระทบสัมผัสจึงจะเกิดกิเลส นั่งหลับตามีแต่สัญญาไม่รู้กิเลสหรอก กิเลสไม่ได้เกิดจริง ต้องมีผัสสะกิเลสถึงจะเกิดจริง แล้วถึงจะรู้ว่ากิเลสมันเป็นอย่างนี้ ถ้าไปนั่งหลับตามันก็มีแต่สัญญานึกว่ากิเลสไม่มี มันก็คือความปรุงขึ้นมาเองของตัวเอง จะจำได้ถูกหรือไม่ถูกก็ไม่รู้ แต่การสัมผัสอยู่นี่มันเกิดอาการอย่างนี้จริง กิเลสมันเกิดอย่างนี้จริงๆต้องรู้จักตัวกิเลสจริงๆแล้วก็ลดกิเลสจริง ก็จะรู้ว่าเราลดกิเลสได้จริง มันถึงจะเป็นผล ไม่อย่างนั้นมันไม่ใช่ของจริง ของจริงต้องเป็นปัจจุบันต้องมีผัสสะจริง ต้องมีเวทนาจริง
ฝึกฝนอยู่ทุกอริยาบทหายใจเข้าหายใจออก ต้องพิจารณากายพิจารณาองค์รวมของธรรมะรูปนาม 2 แล้วก็ลึกเข้าไปถึงเวทนา ก็ต้องวิจัยเวทนา เวทนา 108 แยกเป็นเคหสิตเวทนา เนกขัมสิตเวทนา อันไหนมันเป็นโลกียะก็ทำให้เป็นโลกุตระ ทำให้เป็นเนกขัมมะให้ได้ คือรู้กิเลสให้ได้ กิเลสมันอยู่ในตัวเรา สัมผัสแล้วกิเลสเกิดอยู่นะ แล้วก็ต้องพิจารณาเป็นไตรลักษณ์ กิเลสมันก็ไม่เที่ยงกิเลสมันเป็นเหตุแห่งทุกข์ เราโง่ปล่อยให้มันมีอยู่มันก็ทุกข์อยู่อย่างนี้แหละ ที่จริงแล้วมันอนัตตา กิเลสมันก็สูญได้ กิเลสมันไม่มีตัวตนได้ ถ้าเราเกิดปัญญาแล้วจะให้กิเลสมันเกิดมาในจิตเราทำไมเล่า เราก็โง่อวิชชาอยู่อย่างนั้นแหละ
กิเลสมันอยู่ที่เรา เราเองรู้ว่ากิเลสมีอาการอย่างนี้ลักษณะอย่างนี้คืออาการของจิตที่มันเป็นกิเลส ก็แล้วจะให้มันเกิดที่ใจเราทำไมมันโง่ มันพาเราตกต่ำมันพาเราทุกข์ มันพาเราไม่ได้ดิบได้ดีอะไรเลย ปัญญาเราก็ชัดๆปัญญาเราก็ไม่ให้เกิดกิเลสในจิตเราจบเลยเป็นอรหันต์
พ่อครูว่า …จริง เข้าใจให้ชัดๆมันไม่ยากหรอก ไม่ยาก แต่ที่มันยากเพราะมันไม่รู้ ถ้ามันรู้ แล้วก็รู้จักสภาวะเลยรู้จักจิตเจตสิกต่างๆ ว่าการกิเลสเป็นอย่างนี้ ปัดโธ่ แล้วเอ็งมาอยู่กับเราทำไม ถ้าเรารู้ว่ามันไม่ใช่เรา แล้วเอ็งมาอยู่กับข้าทำไม ชัดๆด้วยปัญญาแล้ว มันจะมีสิทธิ์มาอยู่กับเราได้อย่างไร ก็เราเข้าใจให้มันชัดแล้วมันก็จะจบ บรรลุธรรมในที่ไหนก็ได้ในคุกก็บรรลุธรรมได้ไม่เห็นเป็นปัญหา ดีเสียอีก อยู่ในคุกไม่มีอะไรกวนมากมันก็พิจารณาได้มากได้คมได้ชัดได้เยอะดี
พ่อครูสำทับอีกว่า…ถ้าฟังตรงนี้ จำได้เอาไปปฏิบัติแล้วจะเป็นอรหันต์ในคุกนี้ได้เลย มันยาก พูดเองว่ามันยาก ถ้าทำได้แล้วเห็นจริงแล้วมันจะไม่ยากเลย ที่ยากเพราะจำนวนว่ามันยากยาก ก็มันยากก็เลยไม่ได้สักทีสิ มันยากที่ไหนล่ะมันง่ายนิดเดียว
แซมดินแซวตอนท้ายว่า… ง่ายนิดเดียวแต่ยากเยอะ พ่อครูก็เลยว่า…พวกนี้สิริมหามายา
…จบการเทศนาอานาปานสติ กับลุงจำลองไว้เพียงแค่ประมาณนี้