620401_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 46
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1mL2OunJIzeMivzQxax_PprwilGwBtmmAoo48luJ_C7k/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1eAozIQAKTRgeHjM1yfFIP6Uq1EaP1RN0
พ่อครูว่า…วันจันทร์ที่ 1 เมษายน 2562 ที่บวรราชธานีอโศก ก่อนเริ่มรายการ เขาขอให้โฆษณาหนังสือเล่ม เป็นหนังสืออธิบายสมาธิของพุทธ การนั่งหลับตาทำสมาธินั้นไม่ใช่การทำสมาธิของศาสนาพุทธ เป็นแต่เพียงการนั่งหลับตาสะกดจิตเข้าไปข้างในเท่านั้นแหละ มันก็ไม่ใช่สมาธิของพระพุทธเจ้าแล้ว อาตมาพูดมาจะ 50 ปีแล้วเขาก็ยังไม่เข้าใจกัน ที่ผิดนั้นเขายึดวัตถุอย่างทุกวันนี้ หนังสือเล่มนี้จะอธิบายสมาธิของทุกอย่างเป็นวิชาการเล่มสำคัญของชาวอโศก เรียบเรียงโดยอาจารย์อาภรณ์ พุกกะมาน ซึ่งอาตมานี่แหละได้นำ มหาจัตตารีสกสูตร พระไตรปิฎกเล่ม 14 เอามาขยายความ ยังมีวิธีการเป็นลายแทงมหาสมบัติ ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบหนังสือวิชาการ จะใช้ค้นคว้าศึกษาใช้อ้างอิงประกอบงานวิจัย จะเป็นประโยชน์มากในขณะนี้ จะขอรับฟรีก็ได้หรือจะขอซื้อก็ได้แล้วแต่ ไม่มีปัญหาสักอย่าง ที่ร้านหนังสือธรรมทัศน์สมาคม หรือว่า สื่อธรรมะชาวอโศกทุกแห่ง ในรายการพุทธะชีวศิลป์ ท่านฟ้าไท กับสิกขมาตุผาแก้วก็พยายามช่วยนำไปประกาศแจกกันอยู่เสมอ เป็นสมาธิของพุทธแจกแจงให้เห็นชัดเจน
ทุกวันนี้อาตมาว่าหรือตำหนิสมาธิที่ผิด ที่ไม่ใช่สมาธิพุทธ เป็นสมาธิของเดียรถีย์ ทุกวันนี้ก็ตำหนิมาก แต่หนังสือเล่มนี้เป็นวิชาการไม่ได้ตำหนิมาก อธิบายให้รู้ให้เข้าใจชัดเจนเรื่องของสัมมาสมาธิ
ก่อนอื่นนะ เด็กๆฟังดีๆ สมาธินี่ แปลว่าอะไร? เด็กๆฟังอธิบายก่อน สมาธิแปลว่าจิตตั้งมั่น และจิตที่ตั้งมั่นนี้คือจิตอย่างไร จิตที่ตั้งมั่นเป็นจิตที่มีคุณภาพคุณสมบัติคือจิตไม่มีกิเลสจิตปราศจากกิเลส และจิตนี้แหละเป็นจิตที่ได้ปฏิบัติแล้วก็จะเกิดผล กิเลสออก จิตสะอาดจากกิเลสจะขจัดกิเลสออก แล้วจิตที่สะอาดปราศจากกิเลสจะตกผลึกลงไป เป็นจิตที่ตั้งมั่น ซึ่ง การปฏิบัตินั้นละเอียดลออ วิธีการของสัมมาสมาธิหรือสมาธิของพุทธ นั้นไม่ได้หลับตาปฏิบัติ หากหลับตาปฏิบัติก็ออกนอกสมาธิของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติสมาธิของพระพุทธเจ้าจะต้องมีตาหูจมูกลิ้นกายใจครบ ทำงานร่วมกันทั้งภายนอกและภายในเรียกว่ากาย กายต้องมีทั้งภายนอกและภายใน มีอายตนะสัมผัสอยู่ โดยการศึกษาหลักของพระพุทธเจ้านั้น จะต้องมีครบ ศีล สมาธิ ปัญญา สมาธิของพระพุทธเจ้าต้องมีศีลกับปัญญาช่วย ขาดศีลขาดปัญญาไม่ใช่สัมมาสมาธิของพระพุทธเจ้า
ไปนั่งหลับตาไม่มีศีลอื่นมาเกี่ยวอะไรเลยปัญญาก็ไม่ใช่ปัญญาของพุทธ เขาเรียกว่าปัญญา แต่มันไม่ใช่ปัญญามันเป็นเฉโก เป็นความรู้ทางโลกีย ถ้าปัญญานั้นเป็นความรู้ทางโลกุตระ คนก็ไม่ค่อยเข้าใจ เท่าไหร่อาตมาก็จำเป็นต้องอธิบายให้เขาได้รู้ได้เข้าใจ ได้ชัดเจนในเรื่องสมาธิของพระพุทธเจ้า
ศีล สมาธิ ปัญญาในขณะปฏิบัติเรียกว่าไตรสิกขา การศึกษาพระพุทธเจ้าไม่มีอย่างอื่นหรอกมีแต่ไตรสิกขานี่แหละที่สุดยอด ถ้ารู้ถูกต้องแล้วครบ ศีลก็เจริญขึ้นเป็นลำดับเรียกว่า อธิศีล แล้วจะเกิดอธิจิต อธิปัญญา เป็นวิมุติ วิมุตติญาณทัสสนะไปตามลำดับ
มีการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าต้องมีศีลเป็นตัวตั้งต้น ฟังให้ดีนะตรงนี้ สมาธิของพระพุทธเจ้าหากไม่มีศีลเป็นตัวตั้งต้นไม่ใช่สมาธิของพระพุทธเจ้า เป็นสมาธินั่งสะกดจิตเอา แล้วเพ่งอะไรออกมาเฉย สมาธิที่ใช้การเพ่งให้จิตนิ่งสงบเกิดความสงบจิต จะสงบอย่างเพ่ง เช่นไปทำกับกสิณ 40 ไม่ใช่สมาธิของพระพุทธเจ้าเลย อย่างที่อรรถกถาจารย์รวบรวมมาเป็นกสิณ 40 ผลที่เกิดไม่ใช่สมาธิของพระพุทธเจ้าเลยขอยืนยัน นี่คือความผิดพลาดของศาสนาพุทธนั้นน่าสงสาร ซึ่งเกิดมานานแล้ว สมาธิของพระพุทธเจ้านั้นจะมีศีลเป็นตัวตั้งต้น และก็มีปัญญาเป็นตัวสำคัญที่จะเป็นความรู้ทางปรมัตถ์ที่เป็นโลกุตระ ปัญญาจะเป็นความรู้โลกุตระที่ร่วมให้เกิดผล จิต เป็นสมาธิและมีปัญญาเป็นตัวร่วมรู้ตลอดเวลา
ความรู้ที่เป็นปรมัตถ์เป็นโลกุตระคือความฉลาดที่เข้าขั้นสัมมาทิฏฐิ
สัมมาทิฏฐิคืออะไร คือความรู้ความเข้าใจหรือความเห็นที่ถูกต้อง ตรงกับทฤษฎีของพระพุทธเจ้า และทฤษฎีหรือจะเรียกว่าทิฏฐิ ของพระพุทธเจ้าคือ ทฤษฎีที่มีไตรสิกขาเสมอ ได้แก่การศึกษาที่ต้องประกอบไปด้วยกระบวนการ 3 เส้า เสมอ อันมี
อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา จะต้องมีสามอย่างนี้เสมอ ขาดกันไม่ได้ ศีล จิต ปัญญา จะมีศีลกำหนดหน้าที่ เกี่ยวข้องในชีวิตที่มีสัมผัสเป็นปัจจัย เช่น ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวข้องกับสัตว์สัมผัสกับสัตว์ แล้วก็ศึกษา หรือว่า ศีลข้อที่ 2 สัมผัสกับข้าวของวัตถุต่างๆ หรือพืชพันธุ์ธัญญาหารก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่สัตว์ เป็นวัตถุต่างๆหรือพืชไม่ใช่สัตว์ สำหรับศีลข้อที่ 2 แล้วมันจะมีผลต่างกัน สัตว์จะมีผลที่เกี่ยวข้องกันและมีพยาบาทมีความรักมีความชัง แต่ถ้าเป็นของคือพืชไม่มีรักไม่มีชังเกิดเลย
ส่วนศีลข้อที่ 3 นั้นเกี่ยวข้องกับตาหูจมูกลิ้นกายใจของเราที่จะเกิดสัมผัสในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสแล้วเกิดเวทนาต่อไป เมื่อสัมผัสแล้วจะเกิดเวทนาเป็นที่ประชุมลง ภาษาบาลีว่า สโมสรณา เวทนาคือ ตำแหน่งที่ตั้งแห่งการปฏิบัติ การปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้านั้นหากไม่มีเวทนาในการปฏิบัติ การไปนั่งหลับตานั้นไม่มีเวทนามีแต่สัญญา ก็สูญพันธ์ุพุทธ เดี๋ยวนี้มันก็สูญไปแล้ว อาตมานำขึ้นมาใหม่ฟื้นคืน สมาธิพุทธ ขึ้นมาใหม่ นี่เป็นหนังสือเล่มนี้แหละอธิบายสภาวะนั้น แต่คนก็ยังไม่เชื่ออาตมาหรอกเพราะอาตมาเป็นคนไม่มีเครดิต ไม่มีการได้รับความเชื่อถือทางโลกเพราะไม่มีอลังการอะไร ไม่มีวุฒิทางธรรมทางอะไรต่างๆ อาตมาไม่มีเลย อาตมามาแต่ตัวกับหัวใจและความรู้ความจริงที่เอามาอธิบาย
การปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้านั้น หากไม่มีเวทนาที่เกิดจากการสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้นกาย อันเป็นการสัมผัสอยู่ที่มีธรรมะ 2 คือกาย มีภายนอกภายในที่เกิดจากอายตนะ ก็ไม่มีเวทนาหรือไม่มีฐานที่ตั้ง ไม่มีตำแหน่งแห่งการปฏิบัติ เพราะฉะนั้นหลับตาแล้วไม่มีเวทนาหลับตามีแต่สัญญาสังขาร การหลับตาในศาสนาพุทธจึงเป็นเดียรถีย์หมด ออกนอกสายทางของศาสนาพุทธ อาตมาพูดชัดบอกชี้ให้รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก แต่ท่านผู้รู้ทั้งหลายที่ยึดมั่นถือมั่นในทางนั้นซะแล้วฟังจะขัดหู จะรู้สึกไม่ชอบใจอาตมาหาว่าจะมาไปว่า อาตมาก็ขอพูดความจริงเพราะเป็นความจริงที่เลี่ยงไม่ได้ ยึดกันมานานมามากมาผิด มันน่าสงสารแล้วไม่ได้มรรคผลก็สูญเปล่า ศาสนาพุทธก็ล้มละลาย
การปฏิบัติหลับตานั้นไม่ใช่สมาธิ ผิดของพระพุทธเจ้า เพราะการหลับตานั้นปฏิบัติแบบไม่มีกาย การปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าขาดกายไม่ได้ ไม่มีธรรมะ 2 หรือไม่มีเทว เทวก็แปลว่า 2 เทวธัมมา ไม่มีภายนอกกับภายในที่เกิดจากอายตนะสัมผัสครบนอกกับใน ก็ไม่มีความบริบูรณ์ในองค์ประกอบของการปฏิบัติที่จะเกิดเวทนา ท่านสามารถจะปฏิบัติครบ เวทนา 108 เพราะฉะนั้นกระบวนการของเวทนา 108 นี่แหละเป็นกระบวนการสมบูรณ์แบบของศาสนาพุทธ ถ้าไม่มีกระบวนการร้อยแปดก็จะไม่เกิดอภิสังขาร 3 สมบูรณ์ จะเป็นนิพพานไม่ได้ ไม่พ้นอวิชชาอาสวะหรือไม่พ้นอวิชชานุสัย ไม่จบกิจตามปฏิจจสมุปบาท ไม่บรรลุในวิชชาทั้ง 8 ไม่สิ้น ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ ทุกขโทมนัสอุปายาสะ สัมบูรณ์ เพราะฉะนั้นต้องเป็นสัมมาทิฏฐิและเป็นสัมมาปฏิบัติที่จะบรรลุจบถ้วนสัมมาปฏิเวธสูงสุดได้ถูกต้อง
สรุปอีกทีว่าหลับตาปฏิบัตินั้นโมฆะไปจากศาสนาพุทธ อาตมาก็พูดตรงจริงชัดอย่างนี้มากแล้ว แต่ก็ต้องพูด เพราะเขายึดถือกันอย่างผิดๆมีอีกเยอะ อาตมาพูดนี้มีคนเชื่อถือเชื่อฟังทำตามไม่เท่าไหร่หรอก แต่ก็ต้องทำเพราะต้องดึงมาสู่ความถูกต้องให้ได้ความผิดพลาดนั้นจะต้องแก้ไข
_ลองอ่านของคุณใบฟ้า…ส่งมาเมื่อวานนี้
กราบนมัสการพ่อครูด้วยเศียรเกล้า ใบฟ้า31/3/62
กราบขอพิจารณาตามสมควรค่ะ
“เมืองไทยดี๊ดี ณ พ. ศ. นี้”
-
มีการเลือกตั้งแล้วตามหลักประชาธิปไตยสากลที่มวลชนให้ความสำคัญ มีการเลือกตั้งแล้วตามหลักประชาธิปไตยสากลที่มวลชนให้ความสำคัญ แต่เมืองไทย “ดีกว่า”เพราะมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข(ศูนย์รวมใจ)
-
มีนายกรัฐมนตรีที่ดี…“นายกลุงตู่” ที่คงมั่นไม่หวั่นไหวจากคลื่น-พายุทางการเมืองที่ซัดโถม นำประเทศเดินหน้าอย่างกล้าหาญไม่หยุดยั้งชะงักงัน
-
มี “ปุโรหิต”ของสังคมไทยในระดับ “โลกุตระ”คือ “พ่อครู”และคนดีในระดับ “กัลยาณชน”ที่เอาภาระประเทศออกมาชี้ถูก-ผิด เหมาะควรในหลากหลายรูปแบบ เสริมสร้างสังคม “อุดมปัญญา”ในสถานการณ์ “รอยต่อ”ทางการเมืองของ “ชาติ”ให้แคล้วคลาดจากความขัดแย้งที่ “เดินเหมาะ”
-
มีตัวอย่างของบุคคล สถานการณ์จริงๆ(มิใช่ละคร)ให้คนไทยทุกเพศ วัย ฐานะ ได้ศึกษาเรียนรู้ “พฤติกรรม”ของ “คนดี vs คนไม่ดี”ที่ต่างอาสามารับใช้บ้านเมืองเรียนรู้ “ปรากฏการณ์”ของการแพ้ – ชนะ – พลิกล็อค – เกินคาดของ “พรรคการเมือง” ซึ่งล้วนควรสนใจติดตาม
5.“เมืองไทย”มี “คนไทย”ทุกหมู่เหล่าที่มีวิญญาณของความ “เป็นไท”(อิสระ)บุคคลิก “ยิ้มง่าย”(ตัวตนน้อย)และ “เอื้อเฟื้อ”ต่อกันเป็น “นิสัย” ดังนั้น…ที่สุด…จะดี๊ดีค่ะ (sure!)
พ่อครูว่า… รอยต่อทางการเมืองของชาตินี้อาตมาเรียกว่า Democracy Corridor สนิทเนียนมากของระบบประชาธิปไตย ซึ่งของไทยนี้เกิดปรากฏการณ์นี้จริง เมืองไทยมีการปฏิวัติประชาชนรัฐประหาร หรือว่าปฏิวัติ ปฏิวัติอะไร ปฏิวัติรัฐบาลทรราชประหารรัฐบาลทรราชโดยประชาชน และประหารด้วยอะไร อาวุธคือความสงบสยบความโหดเหี้ยมได้ อาวุธคือความสงบสยบความรุนแรงของรัฐบาลทรราชได้ซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อไม่น่าจะจริงไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปได้ เป็นเรื่องจริงเพราะเป็นสังคมที่มีคนในประเทศ คือไทยนี่แหละ มีโลกุตรธรรมที่เป็นอาริยะแท้ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ทีนี้ รอยต่อนี้ก็ขอพูดอีกเพราะคนยังตะโกนโหวกเหวกอยู่
รอยต่อตรงนี้ พวกขี้ตู่กลางนาขี้ตาตุ๊กแก ขอบอกว่า รอยต่อระหว่างพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชามารับช่วงต่อรับไม้ผลัดต่อจากประชาชน ที่รัฐประหารหรือปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลทรราชมาได้ถึง 4 รัฐบาล รัฐบาลทักษิณ-สมัคร-สมชาย-ยิ่งลักษณ์ ประชาชนออกไปประท้วงบอกว่าออกไปออกไป คุณผิดอย่างโน้นอย่างนี้ด้วยความสงบ ไม่ได้ใช้อาวุธไม่ได้ใช้ความรุนแรง ไม่ได้มีกองทัพทหาร เพราะฉะนั้นจะบอกว่าพลเอกประยุทธ์นี้เป็นกองทัพทหารไปรัฐประหาร ไปปฏิวัตินั้นไม่ใช่ ฟังให้ดีนะ
เพราะฉะนั้นคนขี้ตู่ว่า ขณะนี้พลเอกประยุทธ์นี้เป็นเผด็จการ ยึดอำนาจ ด้วยอำนาจเผด็จการแล้วก็สืบต่ออำนาจเผด็จการ เขาบอกว่ารอยต่อตรงนี้สืบต่ออำนาจเผด็จการ คนที่ไม่มีความรู้ยังโง่เง่า ยังจะตะโกนโวกเวกอยู่อย่างนั้นว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาสืบทอดอำนาจเผด็จการ ขอยืนยันว่าอำนาจที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาสืบทอดมารับไม้ผลัดต่อนั้นเป็นการต่อจากอำนาจที่ประชาชนปฏิวัติ ต่อจากอำนาจที่ประชาชนรัฐประหารรัฐบาลทรราชสำเร็จตั้ง 4 รัฐบาล นี่เป็นประวัติศาสตร์ทางรัฐศาสตร์ในประเทศไทยที่อาตมาพูดนี้ มันเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ในโลก เพราะปฏิวัติได้อย่างสงบ ไม่ได้ใช้อาวุธปฏิวัติได้อย่างชนะสวยงามที่สุดในการปฏิวัติรัฐประหารของโลก แล้วเป็นอำนาจของประชาชนไม่ใช่อำนาจของเผด็จการทหาร ไม่ใช่เลย
เพราะฉะนั้นอำนาจที่ปฏิวัติรัฐประหารได้เสร็จแล้วนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มารับไม้ผลัด มาทำการ Corridor มาสืบทอดอำนาจแทนของประชาชน ไม่ใช่อำนาจเผด็จการ เป็นอำนาจประชาชนที่รัฐประหารหรือปฏิวัติสำเร็จจากรัฐบาลทรราช ฟังให้ชัดๆ
เพราะฉะนั้น ความรู้ทางรัฐศาสตร์นี้นักรัฐศาสตร์น่าจะมาทำความเข้าใจให้ละเอียดลออชัดเจนและพูดให้ถูก และควรส่งเสริมเพราะมันเป็นความสวยงามที่สุดของการเมืองของประชาธิปไตยที่สุดยอด ที่ประชาชนทำได้ ปฏิวัติรัฐบาลทรราชย์ได้ 1 รัฐบาลก็ดีแล้ว ที่ทำได้อีกรัฐบาลทรราชย์ที่ 2 ที่เป็นนอมินี ที่มารับช่วงอำนาจ รัฐบาลที่ 3 ของสมัครของสมชายรัฐบาลที่ 4 ของยิ่งลักษณ์ ที่สืบทอดอำนาจเผด็จการอำนาจทรราชมา ประชาชนล้มล้างได้หมดเลยเกลี้ยง ถือเป็นการสำเร็จอย่างสุดยอด Absolute แล้ว สำเร็จเด็ดขาด เป็นการแสดงออกซึ่งประชาชนใช้อำนาจที่เรียกว่า อำนาจรัฐประหาร อำนาจปฏิวัติเป็นประชาชนปฏิวัติ เพราะฉะนั้นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามาสืบทอดอำนาจนั้น สืบทอดอำนาจอธิปไตยจากประชาชน เรียกว่าประชาธิปไตย เป็น The Great Authority มันไม่ใช่อำนาจเถื่อน ไม่ใช่เผด็จการแบบ dictator ไม่ใช่เลยต้องเข้าใจรัฐศาสตร์อันนี้ให้ชัดเจน ไม่ใช่อำนาจ Dictate มีผู้ปฏิวัติ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ใช่ dictator ประชาชนต่างหากที่เป็น dictator ถ้าประชาชนเป็นผู้ปฏิวัติซึ่งเป็นอำนาจของประชาชนโดยสิทธิ ที่ถูกต้อง Right เป็นสิทธิที่ถูกต้องสมบูรณ์แบบของประชาชน
เขาพูดกันอยู่นั่นแหละว่าจะต้องมาล้มล้างอำนาจเผด็จการที่สืบทอดเผด็จการอยู่ พวกนั้นเป็นคนโง่ที่พูดกันอยู่ได้ ความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นความจริงอย่างที่คุณเห่าอยู่อย่างนั้น เมืองไทยไม่ได้เกิดอำนาจเผด็จการ รัฐบาลที่เป็นอยู่คืออำนาจที่ใช้อยู่ทุกวันนี้เป็นอำนาจประชาธิปไตย นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำงานอยู่นี้ เป็นการทำงานบริหารประเทศด้วยอำนาจที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ รับช่วงรับไม้ผลัด Corridor จากประชาชนเอาไปปฏิบัติไปทำงานแล้วทำงานได้เข้าตามาแล้ว 5 ปี เลย 1 เทอมของประชาธิปไตยที่นายกจะทำงาน 4 ปีต่อ 1 เทอม แล้วคนก็ยังสนับสนุนเพราะว่าฝีมือทำงานนั้นดีจริงๆ ทั้งๆที่มีคนตะโกนว่าไม่ดีไม่งามถล่มทลายอยู่นั่นแหละ แต่ความจริงพฤติกรรมจริงฐานความจริงที่เกิดของนายกฯตู่ ที่ได้ประพฤติปฏิบัติว่ามันดีหรือไม่ดีกันแน่ นี่เป็นสิ่งที่เลิศยอดสุดยอดของเมืองไทยนี้เกิดอยู่
พลังงานหรือบทบาทพฤติกรรม ที่ประพฤติกันอยู่ รัฐบาลบริหารก็ดี พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชามีพฤติกรรมทำงานอยู่ก็ดี มันเป็นพลังงานแห่งความถูกต้อง เป็นพลังงานแห่งความดีที่มายืนยันอ้างอิงความจริง ว่าใครถูกใครผิด ซึ่งตอนนี้ฝ่ายผิดก็ต้องดิ้นรนซึ่งเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่หรอกเพราะจำนนต่อสัจธรรม จริงๆแล้วจะบอกว่าไม่ให้ดิ้นเลยก็ไม่ได้ เขาก็ต้องดิ้น
เพราะฉะนั้นสายตาของคนทั่วโลกแม้แต่ต่างประเทศที่เขามีความรู้ประชาธิปไตยเขาก็มองมาที่พลเอกประยุทธ์ที่ทำงานอยู่ ก็เห็น จนกระทั่งทุกวันนี้ไม่มีประเทศไหนที่เห็นว่าพลเอกประยุทธ์เป็นเผด็จการ นอกจากคนโง่ในประเทศไทยที่ยังเห่าอยู่ว่าพลเอกประยุทธ์เป็นเผด็จการ ทุกวันนี้ พลเอกประยุทธ์เข้าได้ทุกประเทศไม่มีใครถือว่าเป็นประชาธิปไตยเผด็จการ แต่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ความรู้สากลของต่างประเทศก็ยืนยันด้วยช่วยตัดสินอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่มนุษย์ที่ยังงมงาย อย่าโง่เง่าเต่าตุ่นหลงอำนาจตัวเองอยากได้อำนาจตัวเองก็อย่างนี้แหละก็จะต้องเห่าอยู่อย่างนี้ แม้เขารู้ว่าไม่ถูกเขาก็ต้องเห่าเพราะเขาจะเอาอำนาจหรือไม่รู้จริงๆโง่จริงๆดักดานจริงๆเขาก็ต้องเห่าอยู่อย่างนั้นแหละ ถ้าจะว่าจริงๆแล้วมันเส้นทางหมดท่าแล้วจริงๆ เพราะฉะนั้นตอนนี้ไม่ถอยเขาไม่ถอยก็เหมือนกับถอย เพราะมันแพ้แต่ไม่ยอมแพ้ เพราะเขายึดมั่นถือมั่นว่าแพ้ไม่เป็นแพ้ไม่ได้จะต้องสู้สู้ๆ หัวเรือใหญ่คือทักษิณเขาบอกเลยว่าสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น มีแต่ตายกับสู้ อาตมาว่าเขาก็คงถึงตายแหละ ก็คงจะต้องตายอย่างไม่ค่อยสวย เท่าที่ดูนะ อาตมาไม่ได้แช่งเขานะแต่มันจะเกิดจริงเป็นจริง
มาตอบประเด็นปัญหา
_หายโง่..ที่พ่อครูบัญญัติศัพท์ว่า Democracy Corridor ประชาธิปัตยายตนะ ไม่มีในพจนานุกรมศัพท์ใดๆ ได้ถามผู้รู้ เราโน่เขาว่าใช้คำว่า Democracy Corridor แม้จะเป็นคำนามกับนามก็ใช้ได้ ทำให้น้ำหนักมากขึ้นน้ำหนักเท่ากัน ดิฉันถามว่าทำไมไม่ใช้คำว่า Democratic Corridor เราโน่บอกว่า ถ้าใช้คำนี้จะถกเถียงกันไม่จบ การใช้ Democracy Corridor นั้นถูกต้องชัดเจนแล้ว
พ่อครูว่า…เท่าที่อธิบายมาก็ขอบคุณด้วย เราโน่มีความรู้ทางภาษาอย่างดี
_น้ำผึ้ง …ถ้าเกิดธนาธรได้เป็นนายกฯหลวงปู่จะทำอย่างไร
พ่อครูว่า…ก็ต้องยอมรับสิถ้าเกิดเหตุการณ์ที่เขาได้เป็นได้ก็ต้องยอมรับไป ก็ค่อยๆช่วยกันไป ธนาธรเขาจะบริหารประเทศดีหรือไม่ดีก็ช่วยกัน ไม่มีทางอื่นหรอก ถ้าสมมุติว่าเป็นได้ก็ต้องยอมรับและเราก็ต้องช่วยกัน อะไรที่มันไม่ดีเราก็ต้องช่วยกันปราม อะไรที่ดีได้ก็ว่ากันไป
ไม่ใช่ว่าเราเองไปบอกว่าไม่ได้หรอกประชาธิปไตย ประชาธิปไตยต้องมีฝ่ายค้านและฝ่ายสนับสนุนไม่มีฝ่ายค้านไม่ได้เลย การเมืองที่เป็นประชาธิปไตยก็ต้องให้เขาทำ ให้เขารับผิดชอบถ้าเขาผิดเขาเสียหน้านะ ถ้าเขาไม่เข้าท่าเขาจะเสียหน้า แต่ถ้าเขามีส่วนดีส่วนได้ก็รับรอง แต่จริงๆแล้วฝ่ายที่ผิดฝ่ายที่ถูก ถ้าประเทศสังคมที่มีปัญญาอย่างประเทศไทยมีปัญญา เพราะฉะนั้น จะมองว่าอะไรผิดอะไรถูก ไม่ต้องห่วงหรอกเขาทำหน้าที่ค้านกันไปเถอะ เป็นธรรมดาของสิ่งที่จะต้องถ่วงดุลกันไม่แปลกอะไรเพราะฉะนั้น แม้เขาจะเป็นฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่อย่างดีได้ แต่ถ้าเขาทำไม่ดีเขาก็เสียเอง
_สมณะหนักแน่น… วันนี้มีนักเรียนมาร่วมฟังด้วย (พ่อครูว่า ฝ่ายหญิงฝ่ายชายดูปริมาณใกล้เคียงกัน) ผมมองว่า ลักษณะเด็กนักเรียนเรา ก็สืบทอดอำนาจ เป็นทายาท เป็นเจ้าของมรดกอโศก ทีนี้อยากถามว่า เขาจะรู้ตัวไหมว่า เขาเป็นทายาทเป็นเจ้าของมรดก
พ่อครูว่า…หลวงปู่จะถาม ท่านหนักแน่นถามว่า เด็กๆจะรู้ตัวไหมว่า พวกเราเป็นเจ้าของมรดกอย่างเช่นที่บ้านราชฯนี้พวกเราเป็นทายาทจะมากินใช้ร่วมกันนี้ได้เลยมีสิทธิเด็กๆรู้ตัวไหม …รู้ แล้วจะเอาหรือไม่เอา…รู้ว่านี่เป็นสิทธิเอาได้ แต่พอบอกว่าจะเอาไหม? ไม่เอา มันไม่อร่อยหรือไง ไม่มีอยู่มีกินหรือไง …มี แล้วทำไมไม่เอา…โง่ ให้คะแนนเลย
สมณะหนักแน่นว่า…ที่ไม่เอาเป็นเคหสิตะหรือเนกขัมมะ
พ่อครูว่า…เขาไม่เอาเป็นเคหสิตะ เขาชอบโลกียะอยู่ เพราะอโศกเป็นเนกขัมสิตะ ก็มีเด็กที่สมัครใจอยู่กับหมู่กลุ่มก็มี แต่น้อยมากเลยมีตั้ง 20 ปีมาแล้ว เด็กที่จะมาเอาโลกุตระอันนี้ ไม่ค่อยมี นอกจากว่าบางครอบครัวพ่อแม่เขาอยู่ในนี้แล้วในชุมชนเลย เด็กเหล่านั้นก็เลยต้องอยู่ตาม แต่ขนาดนั้นก็ยังไปดิ้นรนอยู่ข้างนอกเลย อยู่อย่างสงบในนี้เลยไม่ไปไหนมีน้อยมาก แต่ไม่เป็นไรในอนาคตเดี๋ยวก็จะรู้ดีแล้วเขาก็จะทยอยเข้ามา ช่วย
แปลว่าโลกุตระเป็นเรื่องของสัจจะ คนที่จะมามีวรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)
วรรณะ คือ class เขาเรียกว่า The classes เป็นคนชั้นสูงเป็นคนมีคลาสที่แท้จริง ก็คือคนมีวรรณะ ผู้ใดมั่นใจแล้วอยู่ในนี้ก็คือผู้ที่เป็นคนชั้นสูงที่อยู่กับชาวอโศกอย่างมั่นใจไม่ไปไหนเลย มีชีวิตสุขสำราญเบิกบานใจ ก็คือคนคลาสสิค
_อย่าคุยอย่าเล่นกันได้ไหมน้องๆสัมมาสิกขาเพราะมันเสียมารยาท
พ่อครูว่า…ขอบคุณ มาช่วยหลวงปู่ก็เงียบขึ้นนะจะได้นานเท่าไหร่ลองดู
_หลวงปู่ครับทำไมคนเราขี้อาย
พ่อครูว่า…ก็เพราะว่า 1. เราไม่มีปัญญา 2. เรามีอัตตาตัวตน
มีตัวตนคือ ไม่อยากให้ใครมาตำหนิหรือว่าไม่อยากให้เขามองเราบกพร่อง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ คนเราต้องมีจุดบกพร่องเรายกให้พระพุทธเจ้าองค์เดียวที่ไม่มีจุดบกพร่อง หลวงปู่ก็ยังมีจุดบกพร่องไม่น้อย ก็ต้องยอมรับความจริง ปัญญาคือความรู้ความจริง
-
มีอัตตาตัวตนถือดี ไม่อยากให้ใครมาเห็นข้อบกพร่องตัวเราเองซึ่งมันยาก 2. เราก็ต้องเป็นคนที่ถูกตำหนิได้ เขาตำหนิเราผิดๆก็มีเยอะ อาตมามีคนตำหนิผิดเยอะ หลวงปู่ก็เข้าใจเขาไม่มีปัญหาอะไรเขาก็มีภูมิเท่านั้นที่มาตอนนี้เราตามภูมิเขาเท่านั้น ส่วนคนรู้ดีก็ไม่มีปัญหาอะไร เขาจะไม่ตำหนิด้วยซ้ำไป เขารู้ว่าเขาเองไม่เท่าอาตมาไม่มีภูมิเท่าหลวงปู่เลย