620501_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ความเป็นประชาธิปไตยไทยต้องอย่างนี้
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1gZ_2Lgg4wQYR2LJ5QUP5Ru18p5DhF0HfyyebG-EPrXM/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1dLD1tPrsmsqvdI-DN-8ykuDggL2T2vEQ
สมณะเดินดินว่า… วันนี้วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก เนื่องในพิธีบรมราชาภิเษกทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้พวกเราไปจัดโรงบุญแจกอาหารมังสวิรัติในวันที่ 4 5 6 พฤษภาคมนี้
ขอเชิญเข้าค่ายสัมมาอาริยมรรค เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเก่า
“จิตอาสาแห่งพระธรรมราชา”
ครั้งที่ 38 ณ บวร ราชธานีอโศก
ศุกร์ที่ 3 – อาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม ๒๕๖๒
รับสมัครผู้สนใจเข้าค่าย ฟรี! (จะอยู่กี่นาทีได้)
สมัครได้ที่ อุทยานบุญนิยม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี หรือ
โทรฯ คุณชญาดา 087-4437865
##### สมัครonline ได้ที่ inbox เฟซบุ๊ก กองทัพธรรมFP หรือสื่อธรรมะพ่อครู
พบกับกิจกรรมตามมรรคมีองค์ 8 พบกับหมู่มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดีที่จะพาคุณสู่ “ทางเอกทางเดียว ไม่มีทางอื่น”(เอเสวมัคโค นัตถัญโญ) อันจะพาไปสู่ความบริสุทธิ์จนถึงสัมมาวิมุติ
ค่ายนี้สอดคล้องกับกิจกรรมโรงบุญวันบรมราชาภิเษกด้วย พ่อครูเคยให้โศลกเราว่า “เคี่ยวเราเพื่อเอามิตร ผลิตผลเผื่อคนอีกหลาย ขวนขวายงานแบบสานหมู่”
_จากไลน์ …สีเหลือง กรุณาอธิบายคำต่อไปนี้ว่าคืออะไรแปลว่าอะไรหมายความว่าอย่างไรเพราะฟังมานานแล้วชักจะเรื้อๆนึกไม่ค่อยจะออกแล้ว คือ คำว่า รูปารมณ์ สัททารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ นมัสการขอบพระคุณ
พ่อครูว่า…รูปารมณ์ คือ ความรู้สึก 5 รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เป็นความรู้สึกทั้ง 5 ทวารสำคัญมาก ผู้ที่มีชีวิตชีวะมีจิตวิญญาณระดับจิตวิญญาณ ต้องเรียนรู้ ทิ้งไม่ได้ด้วย ถ้าถือว่าไม่รู้จักไม่มี ไม่มีรูป เสียง กลิ่น รส กาย พวกนั่งหลับตาปฏิบัติไม่รับรู้ถือว่าไม่อยู่ในภาวะปัจจุบันไม่เป็นความจริงที่สมบูรณ์แบบ ผู้ที่หลับตาปฏิบัติธรรมจึงตัดทิ้งไปได้เลยไม่มีทางที่จะถือว่าได้บรรลุนิพพาน ไม่ผ่าน ต้องครบสมบูรณ์แบบอย่างน้อยมี 5 ทวาร ก็มีใจพร้อมด้วยเสมอจึงเรียกว่า 6 ทวาร ไปหลับตาทำ ทิ้ง 5 ทวาร ถึงไม่อยู่ในเกณฑ์ที่พระพุทธเจ้าจะนับอยู่ในศาสนาของท่าน ไม่นับเป็นศาสนาที่จะบรรลุสูงสุดได้ อาตมาพูดมามากแล้วแต่เขาติดยึดกันถึงไม่ค่อยเชื่อถือ อาตมาจึงไม่ถือสาเพราะรู้ดี ต้องขับเคี่ยวไม่ใช่เพื่อเอาชนะหรือแพ้ แต่เพื่อให้ชัดแจ้งในสัจธรรมถึงขั้นที่คนตาบอดเห็นได้ นี่คือปณิธานอันลึกซึ้ง เพราะเอาคนที่มืดบอดตาบอดเห็นรู้ชัดเจนได้ แล้วจะสัมผัสได้ด้วยมีสภาวะต่างๆรองรับอย่างแท้จริงเลย
ก็ค่อยๆศึกษากัน รูปารมณ์คือรูป สัททารมณ์คือเสียง คันธารมณ์คือกลิ่น รสารมณ์คือรส โผฏฐัพพารมณ์คือสัมผัสกาย กายไม่ได้อยู่เดี่ยว ๆ แต่เป็นธรรมะ 2 ทุกวันนี้คำว่ากายเขารู้อย่างไม่สัมมาทิฏฐิกันแล้ว ก็ต้องพยายามศึกษาให้ดีๆ
จาก SMS
_0890499 กราบๆๆๆ…พ่อพระโพธิสัตว์…และจักปฏิบัติตามด้วยคราบน้ำตาแล..อดทน!!
_0860851 กราบเรียน เตมูจินมองกำแพงคงสูงเกิน จะข้ามยังไงครับ นมัสการพ่อครูโพธิรักษ์
พ่อครูว่า…เตมูจินคือเจ็งกีสข่าน สมัยก่อนไม่มีเครื่องบินไม่มีรถเครื่องกำแพงเมืองจีนก็ถือว่าสูงแล้ว ใช้แรงของสัตว์และคนปีนกำแพงก็ไม่ได้ ติดตามให้ดีๆ เอาแน่ถ้าแน่ใจกี่ชาติๆก็พากเพียรเถอะไม่เสียหลายหรอก
_0851614 เป็นความจริง..อ่านแล้วเก็ทเลย(รายการวิถีอาริยธรรม & พุทธศาสนาตามภูมิ)ตามฐานะแห่งจิตตามสติปัญญาในฐานะของสาวกภูมิ แต่เป็นเรื่องที่ลึกฝึกเอาหัดเอาทำเอาใตร่ตรองตริตรองเอาและจะได้ตามอินทรีย์พละของตนอย่างซึ้งมาก ถ้ามีสภาวะจริงๆแล้วจะเข้าใจง่าย และได้ตามภูมิตนของใครของมัน ไม่สงสัยเลยจริงๆครับ..ได้ มี เป็นแค่ไหนก็แค่นั้น./ สติพล
_0893867 กฎแห่งกรรมเขาว่าช้างม้าวัวควายเกิดมาเพื่อใช้แรงงานชดใช้หนี้กรรมเก่าเคยเป็นลูกหนี้ที่ติดหนี้เจ้าหนี้ชาติก่อนที่ใช้ไม่หมดสณ.สม.ว่าจริงไหม?
พ่อครูว่า…จริงๆเป็นจริงเหมือนกันแต่อย่าไปคิดมากเกินไปเพราะบางทีเป็นการสั่งสมวิบากบารมีของเขาก็ได้
พ่อครูว่า…SMS วันที่ 29 เม.ย. 2562 สำมะปี๋ซี๋วิต (ฉายซ้ำ)
_0499 ชายเจ้าชู้ทุกคน ยกเว้นศีลฟอกกมลมั่นแล้ว หญิงเจ้ามีกิเลสเกิด….!?!? ถ้าหลงเงินเป็นเลิศ สูญสิ้นมหาสตรี…!!ผู้ชาย ศัตรู คือ สตรีและสตางค์ ผู้หญิง ศัตรู คือ สตางค์และผู้ชาย
_อัมพร กุลศักดิ์ศิริ · พ่อท่านตอบปัญหาความรักสนุกดีครับ
พ่อครูว่า…สนุกก็ดีแล้ว แต่ควรจะทำให้ได้ด้วย
_นภารัตน์ อิ่มรัง · ไม่เชื่อพ่อท่านไปมีครอบคร้วทุกข์มาก
พ่อครูว่า…คำพังเพยโบราณว่า ชาติคางคก ยางหัวไม่ตกก็ไม่รู้สึก
_สุวัตร เวรกรรมมีจริงเปล่าที่ว่านายมนตรี พงษ์พานิชตายนั่นจริงหรือเปล่า กรรมมันตามทันกลโกงกินบ้านเมือง พลเอกชาติชายและนายมนตรีก็ตายไปแล้วเขาสร้างกรรมไว้กับประเทศนี้
พ่อครูว่า…ศาสนาพุทธเชื่อกรรมวิบาก วิบากคือผลของกรรม ที่เป็นจิตนิยามตั้งแต่เป็นสัตว์เซลล์เดียวมาก็สั่งสมวิบากมาทั้งนั้น เป็นเหตุเป็นปัจจัยมากกว่าจะมาเป็นคนควรจะเป็นเวไนยสัตว์ ที่จะมาเจอพระพุทธศาสนาเจอกับธรรมะโลกุตระยาวนาน พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องนี้ อาตมาเคยบอกไว้แล้วว่าพระพุทธศาสนาในยุคนี้ ไปจนกว่าจะสิ้น 5,000 ปี ของศาสนาพุทธ ตอนนี้ 2562 แล้ว ก็จะไปเรื่อยๆจะเจริญขึ้นอีกหน่อยแล้วก็จะเสื่อมลง มันจะเกิดสภาวะสูงต่ำต่ำสูงไป ที่เรากำลังส่งเสริมพัฒนาให้มีพลังงานสัมประสิทธิ์ ของศาสนาเพิ่มขึ้น ให้ศาสนานี้มีพลังงาน ตื่นฟื้นขึ้นไปอีก จนกว่าจะจบ ถึง 2562 นับไปจนถึง 5000 ปี ก็จะมีสภาพนั้นจริง
-
เชื่อกรรม 2. เชื่อวิบาก 3. เชื่อกรรมเป็นของๆตน แบ่งกันไม่ได้ แบ่งลูกเต้าหรือแบ่งให้ใครก็ไม่ได้ พระพุทธเจ้าจะแบ่งให้คนที่รักที่สุดก็ไม่ได้ 4. เป็นความตรัสรู้ ที่ท่านตรัสรู้ในเรื่องสุดยอดของความเป็นมนุษย์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้ตรงกันทุกพระองค์ แม้จะไม่ใช่ในยุคเดียวกัน พระพุทธเจ้าคนละคนและคนละยุคสมัย แต่ธรรมะอันเดียวกัน พุทธธรรมโลกุตรธรรมเดียวกันหมด ไม่ว่ากี่ล้านปี พระพุทธเจ้าตรัสรู้อันเดียวกันหมด
_บุญเลื่อน นี้คือนิกายอะไรค่ะหรือยังไงอธิบายหน่อยต้องการศึกษาค่ะ
พ่อครูว่า…ไม่ใช่นิกาย คำว่า นิกาย นั้นระวัง อย่าเอามาเรียกชาวอโศก ชาวอโศกไม่ขอรับคำว่านิกาย เพราะนิ คือ ไม่ กาย คือรูปนามธรรมะ 3 ที่จะสังขารปรุงแต่งแยกไปอีกมากมาย ธรรมะของพุทธไม่ใช่ธรรมะที่จะแยกไปจนไม่มีเรื่องของกายไม่มีเรื่องของเทวะที่จะพูดกันรู้เรื่องไม่มีธรรมะ 2 ไม่ใช่ นิกายที่พูดกัน กายที่เขาพูดกันเป็นเรื่อง 1 เท่านั้น แล้วกาย 1 นี้เป็นวัตถุไม่ใช่นามธรรม ส่วนนามธรรมก็ไปรวมเป็นกายที่เป็นรูปที่ตีไม่แตก เทวนิยมจะตีไม่แตกแยกไม่ออกในกาย กับเทวะ จึงจมกับ 2 กับ 1 ไปตลอด 0 ไม่เป็น ทำให้เป็น 1 เป็น 0 ถาวรไม่ได้ เทวนิยมจึงปิดประตูนิพพาน ต้องมาศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าจึงจะตีแตกแยกธรรมะ 2ทำให้ 2 กลายเป็น 1 ทำให้ 1 กลายเป็น 0 ได้ แล้วก็จะทำไปทีละคู่ ทำอีกหลายคู่ต่อไปจนเป็นล้านคู่ เป็น Infinity แล้วก็ไม่ต้องพิสูจน์อีกแล้วเพราะมันเป็น 0 ตลอด ทำให้เกิดก็ได้ทำให้ตายก็ได้ เป็นอมตะบุคคล ทำให้สูญก็ได้ทำให้มีก็ได้ เป็นเรื่องที่สูงที่สุดแล้วของมนุษย์ สรุปแล้วชาวอโศกไม่ใช่นิกายศึกษาให้ดีๆ
แต่อโศกเป็นนานาสังวาสกับชาวพุทธอื่น สังวาสแปลว่าร่วม เป็นพุทธร่วมกัน แต่ต่างกันในความเข้าใจ ในสิ่งในพฤติกรรมต่างกัน อธิบายขยายความธรรมะต่างกัน นี่คือ นัย ของนานาสังวาส
ตัวอย่างของอโศกทำนานาสังวาสมา แต่ตลอดมาเขาก็ยังเข้าใจกันไม่ได้ อาตมาคิดว่าจะอยู่ไปอีกหลายสิบปี
_อภิรัช บาปนิยมทีวี
พ่อครูว่า…แล้วกัน คุณตั้งทีวีใหม่หรือ พวกเราชื่อบุญนิยมทีวี ไปเรียกเราบาปทีวี คุณไปเรียกก็เป็นของคุณสิ เราไม่ได้ไปเรียกไม่ได้ตั้งไม่ได้เป็น แต่คุณจะเรียกจะเป็นก็เรื่องของคุณ คุณหามาเป็นเอง ตั้งใจให้ดี คุณรู้สึกว่าอันนี้ขัดใจไม่ต้องอารมณ์ ก็ศึกษาให้ดี อาตมาตั้งใจทำสิ่งดี ไม่ได้ทำสิ่งเลวทราม ตั้งใจให้ดี อย่าเพิ่งตีราคาใส่ความเกินไป
_ใสกลางเพ็ญ…สัมมาสังกัปปะแปลว่าอะไร
พ่อครูว่า….ด.ญ.น้ำมนต์ อายุ 6 ขวบ สนใจติดตามธรรมะ
สัมมาสังกัปปะ แปลว่า ความคิดที่ถูกต้อง สังกัปปะคือ ความคิดบวกลบคูณหารรวมกันทั้งหมดเรียกว่าสังกัปปะ แปลว่าความนึกคิดวิจัยวิจารณ์ให้ถูกต้องตามแบบพระพุทธเจ้าที่ถูกต้องเป็นสัมมาสังกัปปะ
จากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 30 เมษายน 2562_THE GOOD THE BAD THE UGLY ท่ามกลางความร้อน
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
ร้อนบ้านเมือง
หน้าร้อนปีนี้ ดูจะหนักหนาสาหัส เมื่อวันพฤหัส-ศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญให้ไปช่วยมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ประชาคมคนอุตรดิตถ์ เพื่อสร้างระบบรองรับสังคมสูงวัย อากาศก็ร้อนอบอ้าวมาก คนอุตรดิตถ์ภาวนาอยากให้มีฝนตกเพื่อให้เย็นชุ่มฉ่ำหัวใจสักนิด ทุเรียน ผลไม้ที่กำลังจะได้ผลจะได้ไม่เสียหาย แต่ระหว่างที่อยู่อุตรดิตถ์ก็มีลมฝนมา แต่แล้วก็มีฝนตกเพียง 8 เม็ด กระจกหน้ารถยังไม่เปียกก็หยุดเสียแล้ว
กลับมากรุงเทพฯ พาสุนัข 2 ตัว (เจ้ากาแฟ กับเจ้าน้ำชา) ไปฉีดวัคซีน ที่คลินิกสัตว์แพทย์ พบว่า มีสุนัขเป็นโรคฮีทสโตรค หรือลมร้อน เข้ามารักษาหลายตัว บางตัวนอนมาเกือบไม่รู้สึกตัว เจ้าของต้องเอาผ้าเย็นโปะ และอุ้มเข้าไปหาแพทย์
คนกรุงที่มีเครื่องปรับอากาศ หรือได้อาบน้ำเป่าพัดลม หรือคนชนบทได้แช่น้ำในห้วยหนองคลองบึง และอยู่ในท้องทุ่ง ใต้ร่มไม้ ลมจากทุ่งก็พอจะช่วยคลายร้อนได้บ้าง
ทุกบ่ายที่อากาศร้อนจัด ติดต่อมาเป็นสัปดาห์ ผมนึกถึงแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้ง 6 คน ที่ติดอยู่ในคุก ว่าพวกเขาจะร้อนขนาดไหน เพราะต้องอยู่ในที่แออัด เฉพาะส่วน ต้องเข้าเรือนนอนตอนบ่ายสามโมงครึ่ง กว่าจะได้ออกมาก็ยามเช้า
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 80 กว่าแล้ว คุณสนธิ ลิ้มทองกุล คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข คุณพิภพ ธงไชย อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ทั้ง 4 คน แต่ละคนอายุมากกว่า 70 ปีแล้ว จะอายุน้อยสุด ก็ ดร.สุริยะใส กตะศิลา ที่มีอายุเกือบ 50 ปี
ผมอดสงสัยไม่ได้ ในภาพรวมของความเป็นธรรม และระบบยุติธรรมในสังคมไทย เพราะในหลักการของคนที่อยู่ร่วมกันในสังคม ผู้ที่ทำผิดคิดร้ายต่อสังคม หาประโยชน์ใส่ตนด้วยการกระทำที่กระทบต่อคนอื่นในสังคม สังคมก็เลยวางกำหนดกฎเกณฑ์ให้เอาตัวไปกักขังไว้ เพื่อจะได้ไม่ทำร้ายสังคม และขณะเดียวกันก็ให้การศึกษา ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ก่อนจะปล่อยมาอยู่กับสังคม
แต่ผมเห็นว่าแกนนำ พธม. ทั้ง 6 คน ไม่ได้ทำผิดคิดร้ายต่อสังคม ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือพรรคพวก และที่ทำผิดกฎเกณฑ์ไปบุกรุกสถานที่ราชการก็ด้วยสถานการณ์และความมุ่งหมายที่ดี จะบอกว่าทำผิดในแง่ของการบุกรุก การละเมิดพื้นที่ ก็คงจะได้ แต่ถ้าพิจารณาภาครวมก็คงจะเห็นเจตนา
สังคมจะไม่มีกลไกเยียวยา รักษาผู้มีเจตนาที่ดีต่อสังคมบ้างเลยหรือ กักขังตัวเขาไว้ก็ไม่ได้ช่วยให้สังคมดีขึ้น เพราคนพวกนี้ก็ไม่ได้มีพฤติกรรมคิดร้ายต่อสังคม จะกักขังไว้เพื่อเปลี่ยนนิสัย สันดาน หรือให้การศึกษาใหม่ ก็คงไม่น่าจะใช่ และไม่เกิดผลอะไรที่ดีขึ้น
ในฐานะที่เป็นนักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เคยมีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญ ดูภาพรวมของสังคมไทยในเรื่องนี้แล้ว คิดว่าประเทศควรต้องมีทางออก เพื่อเยียวยาแก้ไข
เกรงว่า นอกจากสังคมจะตอบแทนคนเหล่านี้ด้วยการจองจำ ขาดอิสรภาพ ทรมานในคุกที่ร้อนระอุ ต่อไปคนอื่นๆ ที่คิดจะทำประโยชน์เพื่อสังคมก็จะรู้สึกท้อถอย เพราเห็นตัวอย่างและผลที่เกิดขึ้น
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 27 เม.ย. 2562 ผมจึงได้เข้าเยี่ยมแกนนำพันธมิตรฯ ที่เรือนจำ มีโอกาสได้พบแกนนำพันธมิตรฯ 2 คน คือ อาจารย์พิภพ ธงไชย และ ดร.สุริยะใส กตะศิลา
ได้รับรู้ว่า ทั้ง 2 ท่าน ถูกขังอยู่ในเรือนนอน ที่ตั้งอยู่ตรงกลางอาคาร มีนักโทษในห้องรวมกัน 90 คน การที่ต้องเข้าห้องในเรือนนอนตั้งแต่บ่าย 3 โมงครึ่ง ขณะที่อากาศภายนอกร้อนจัด การมีพัดลมก็ช่วยได้บ้าง แต่ไม่มากนัก นอนกลางคืนต้องตื่นขึ้นมาเพราะเหงื่อท่วมกาย
อาหารที่ได้กินก็ไม่ถูกปาก ไม่ถูกรสชาติสำหรับอาจารย์พิภพ ทำให้น้ำหนักตัวลดลงไปกว่า 4 กก. และระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นมากว่า 160 หรือที่เรียกว่าเบาหวานสูง
อาจารย์สุริยะใส คุณสมศักดิ์ และอาจารย์สมเกียรติ ก็พอจะกินได้ แต่ พล.ต.จำลอง และอาจารย์สมเกียรติ ก็มีปัญหาด้านสุขภาพอย่างมาก
สังเกตเห็นอาจารย์พิภพและสุริยะใส มีสุขภาพจิตดี ความคิดแจ่มใสดี ได้เล่าให้ฟังว่า ระบบการบริหารจัดการและเจ้าหน้าที่เรือนจำค่อนข้างดี เข้ามาอยู่หลายเดือน ยังไม่ได้ยินเสียงผู้คุมตะหวาดนักโทษคนใดเลย ไม่เคยเห็นการทะเลาะวิวาทของนักโทษ ซึ่งก็เป็นข่าวดีเล็กๆ ที่พอให้ได้ยินดีชื่นใจบ้าง
ได้รับรู้ความรู้สึกที่ได้พูดคุยกับทั้ง 2 ท่าน รู้สึกว่าแกนนำพันธมิตร รวมทั้งนักโทษอื่น ต่างตั้งความหวัง เฝ้ารอ การอภัยโทษในโอกาสที่บ้านเมืองจะเปลี่ยนผ่านสู่ฟ้าใหม่ บรมราชาภิเษก ที่จะได้พระมหากรุณาธิคุณและพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ ได้ปัดเป่าทุกข์ยาก ให้ความร้อนที่สุมระอุได้คลายลง
ผมเชื่อว่า พวกเราที่อยู่นอกเรือนจำ ก็คงจะร่วมจิตอธิษฐาน ให้ความหวังนั้นเป็นจริง และถือเป็นพระบารมีที่ให้ความร่มเย็นแก่ผู้ตั้งใจทำดีกับสังคม อันจะจารึกอยู่ไม่ลืมเลือนตลอดไป
ร้อนการเมือง
อากาศร้อน การเมืองในปัจจุบันก็เพิ่มอุณหภูมิร้อนขึ้น เมื่อปรากฏมีผู้สมัคร ส.ส.จำนวนมาก ขาดคุณสมบัติ คาดกันว่า หากตรวจต่อไปก็จะพบมากเป็นจำนวนร้อยคน เราคงจะได้เลือกตั้งใหม่เพราะเหตุนี้กระมัง
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อ้างรู้ว่ากฎหมายห้ามผู้สมัครมีหุ้นหรือเป็นเจ้าของสื่อทุกประเภท จึงได้โอนหุ้นให้แม่ตั้งแต่ 8 ก.พ. ก่อนไปสมัครรับเลือกตั้งแล้ว
คนจำนวนมากกังขาว่า ได้มีการโอนหุ้นบริษัทสื่อให้แม่ในวันดังกล่าวจริงหรือสร้างเรื่องโอนกันในภายหลัง แล้วย้อนหลังทำหลักฐาน ซึ่งก็ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ธนาธรในฐานะหัวหน้าพรรค ถ้ารู้ข้อห้ามในคุณสมบัติของผู้สมัครข้อนี้ดี ทำไมถึงปล่อยให้ลูกพรรค ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสกลนคร เขต 2 นายภูเบศวร์ เห็นหลอด ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตัดสิทธิลงสมัคร เพราะถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนทำสื่อ ทำไมไม่ตักเตือนห้ามปรามแต่แรก
แต่ธนาธรก็อาจอธิบายว่า ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติละเอียดขนาดนั้นก็ได้ คนจำนวนหนึ่งเขาก็เลยเชื่อกันอีกทางว่า เพราะเห็นลูกพรรคมีคุณสมบัติถูกศาลฎีกาฯ ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จึงเป็นข้อเตือนให้ธนาธรดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายย้อนหลัง
จะเป็นอย่างไร ก็รอให้ กกต.และศาลฎีกา มีหน้าที่แสวงหาความจริงและตัดสิน ในฤดูแห่งความร้อนนี้
“ทักษิณ” กับ “ธนาธร”
ในฐานะที่เคยติดตามตรวจสอบทักษิณซุกหุ้นในชื่อของคนอื่น ทำให้อดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ ถึงคนสองคน “ทักษิณ” และ “ธนาธร”
1) เป็นนักธุรกิจ ร่ำรวยทั้งสองคน
2) กฎหมายห้ามถือหุ้น ทักษิณถูกกล่าวหาโอนหุ้นใส่ชื่อหุ้นในนามคนสวน คนทำงานบ้าน ธนาธรถูกกล่าวหาโอนหุ้นให้แม่ภายหลังกำหนดเวลารับสมัคร ส.ส.
3) ขณะเกิดเหตุ ทั้งสองคนเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ทักษิณสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็น “คลื่นลูกใหม่” และ “ตาดูดาว เท้าติดดิน” ส่วนธนาธรก็สร้างภาพคนรุ่นใหม่ อนาคตใหม่ นักการเมืองใหม่ของประเทศ
4) เมื่อเกิดเหตุการณ์ซุกหุ้น ทักษิณอ้าง “บกพร่องโดยสุจริต” มีผู้หลักผู้ใหญ่จำนวนมากเคลื่อนไหว เพื่อช่วยและให้โอกาสทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น “อัศวินควายดำ” ของหมอเสม อาจารย์ประเวศ อาจารย์สุลักษณ์ และ “ผู้ใหญ่ในระดับสูง” ของบ้านเมือง ก็ออกโรง ออกกำลังภายในช่วยเหลือ เพราะมโนไปว่าจะได้ให้โอกาสนักธุรกิจเก่ง นำพาบ้านเมือง “รวยแล้วไม่โกง”
รอดูว่าครั้งนี้ จะมีใครที่มีความเชื่อว่า ธนาธร “ไม่บกพร่องและสุจริต” ออกมาเคลื่อนไหวในฤดูร้อนนี้บ้าง
ร้อนนี้ของไทย หนักหนาสาหัสมาก โดยเฉพาะธนาธรและปิยะบุตร ที่ไม่สามารถหลบลมร้อนอยู่ต่างประเทศได้ ต้องรีบกลับมาเผชิญความร้อนหลายประเภท ต่างกับทักษิณ แม้จะถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกคดีแล้วคดีเล่า ก็ยังหนีร้อน หนีคุกของไทยได้ ช่างแตกต่างกับแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 6 คนเสียเหลือเกิน นี่แหละความยุติธรรมสังคมไทย
…0…
พ่อครูว่า….ก็ขอแสดงความเห็นของตัวเองว่าสังคมไทยดีขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่ามีข้อบกพร่องก็ต้องปรับกันไปเรื่อยๆไม่ว่าด้านไหนทุกด้านค่อยๆขยับกันไป อาตมาก็ว่ารวมแล้ว อาตมาสรุปโดยความรู้ของอาตมายืนยันและก็ทำมาตลอด มาเป็นนักบรรยายธรรมะแล้วเอาธรรมะมาร่วมกับการเมืองอย่างมั่นใจว่า ธรรมะกับการเมืองนั้นแยกกันไม่ได้ และก็ทำให้เห็นจริง แล้วก็จะทำต่อไปเพื่อจะยืนยันให้เห็นว่า เพราะการเมืองขาดธรรมะ เพราะนักการเมืองหรือคนอะไรก็แล้วแต่ ไปดันธรรมะออกจากการเมือง นักการเมืองจึงเลวลงอย่างด้านสุดๆ ที่ไหนในโลกก็ตามสังคมไหนก็ตามถ้าไม่มีความจริงของความเป็นธรรมะที่ถูกต้องอย่างแท้จริงแล้ว ไปไม่รอดหรอก ไปได้ชั่วคราว ลวงเขาหลอกเขา ทำอะไรได้ชั่วครั้งชั่วคราวไม่เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ถ้าเผื่อว่าธรรมะจริง
อาตมามีโศลกว่า ความบริสุทธิ์เท่านั้นจะชนะทุกสิ่งในโลก ความจริงและความบริสุทธิ์เท่านั้นจะชนะทุกสิ่งในโลก ความบริสุทธิ์สะอาดนี้ กินความที่ไม่เป็นเรื่องทุจริตไม่เป็นเรื่องอกุศลไม่เป็นเรื่องไม่ดี เป็นเรื่องดีจะชนะทุกสิ่งทุกอย่าง แต่กระนั้นก็ตาม
ประเด็นหลักความดีความชั่วหรือยังชั้นต่ำกว่าความสุขความทุกข์ ความรู้ในความสุขความทุกข์นี้เป็นโลกุตรธรรม ดีชั่วนี้เป็นความรู้ระดับโลกียธรรม ในปุถุชนทั้งหลายที่ไม่เข้าเขตโลกุตรธรรม จะวนเวียนอยู่ในความดีความชั่ว จะดีได้อย่างสะอาดบริสุทธิ์สูงสุดได้ เป็นศาสดาเป็นคุณธรรมของโลก แล้วอาศัยความดีนี้จริงๆไม่เสียหาย แต่ไม่ซับซ้อนและไม่กินความสูงสุดในทางด้านจิตวิญญาณสมบูรณ์
สุขทุกข์ เป็นความลึกซึ้งเป็นอจินไตยที่รู้ยากมาก ศาสนาพุทธเรียนรู้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว รู้เช่นเห็นชาติของความสุขความทุกข์ ว่าความสุขความทุกข์เป็นโลกียะ
โลกุตระหมายความว่ารู้เห็นไส้เห็นพุงสุขทุกข์ ไม่ใช่ว่าโลกุตระนั้นไปเป็นทาสของความสุขความทุกข์ แต่โลกุตระนั้นอยู่เหนือความสุขความทุกข์ ส่วนโลกียะนั้นไม่รู้จักความสุขความทุกข์ อยู่ใต้อำนาจความสุข ทุกข์
เทวนิยม ศาสนาทุกศาสนาที่เป็นเทวนิยมอยู่ใต้ความสุขความทุกข์ตีไม่แตก แยกไม่ได้ในเรื่องความสุขความทุกข์ แยกไม่ออกเพราะเป็นเหมือนเหรียญที่มีสองหน้า คุณจะแยกหน้าไหน คุณจะทำเหรียญนี้ให้บางเท่าไหร่มันก็ยังมี 2 หน้าเท่านั้น จนกว่ามันจะกลายเป็นผุยผงไป ไม่มีเหรียญอีกแล้วก็ไม่มีหน้า แต่ถ้ายังไม่เป็นผุยผงยังเป็นแผ่นก็มีสองหน้า แยกไม่ได้ฉันใดก็ฉันนั้น เพราะฉะนั้นต้องแยกสลายเรียบให้กลายเป็นจุณไปเลย เป็นอุตุนิยามเป็นผุยผงเป็นสิ่งที่ไม่จับตัวกัน หากจับตัวกันไม่เป็นแผ่นก็เป็นก้อน
เป็นก้อนก็มีนิวเคลียสหรือยังจับตัวกันตั้งแต่ 2 อันนี้เป็นต้นไป ศาสนาพุทธที่แบ่งนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม ด้วยกรรมนิยาม ธรรมนิยาม
เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้าที่โลกทั้งโลกเขาจะต้องมาศึกษาต่อไป อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า นำความจริงความรู้นี้มาประกาศมาอธิบายยืนยันรับที่อาตมามีภูมิ ผู้จะมีภูมิสูงกว่าอาตมาจะมาช่วยก็ยินดี แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถปรากฏตัว อาตมาก็ทำตัวเองไปก่อน อย่าหมั่นไส้อาตมาเลย
สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน
สมณะแสนดิน
ต่อจากนี้อาตมาขออ่าน กวี …
ความเป็นประชาธิปไตยไทยต้องอย่างนี้
(1) นาม“ระบอบ”ที่โลกใช้ ทั่วไป
ว่า“ประชาธิปไตย” ร่วมพร้อง
ต่าง“คอนเซ็ปท์”ของใคร ต่างกำหนด
ยืนหยัดของตนต้อง อย่างนี้จึงจริง
(2) ต่างชิงต่างวาดไว้ ในใจ
ว่า“ประชาธิปไตย” เช่นข้า
แต่ละชาติย่อมเป็นไป แตกต่าง กันเฮย
องค์ประกอบต่างกันท้า ว่าแท้คือกู
(3) ต้องรู้ทั้ง“เหตุ”-ทั้ง “ปัจจัย”
แยกแยะ“เทฺว”ไฉน ออกได้
จัดการ“ธาตุ 2”ไป ถูกสัด ส่วนแล
จึง“หมดทุกข์สุข”ไซร้ เพราะรู้“โลกุตระ”
(4) กระจะกระจ่างหมดโรคบ้า โวยวาย
เพราะเกิด“ปัญญา” หาย- โง่แท้
พุทธฆ่ากิเลสตาย จากจิต วิเศษเลย
จึงหยุดผลัดชนะแพ้ แย่งยื้อนรกสวรรค์
(5) พุทธรู้ทันสัจจะนี้ โดยเฉพาะ
หยุดแย่งไป่ทะเลาะ สงบได้
ต่างขยันกิจตนเสาะ เลี้ยงชีพ ตนแฮ
ตามศาสตร์พระราชไซร้ รอบรู้“เพียงพอ”
(6) ไม่ก่อ“ทุกข์-สุข”ได้ เด็ดขาด
เพราะเกิด“ปัญญา”ฉลาด วิเศษฟ้า ขั้นโลกุตระประหลาด “เหนือโลก” ชนประชากาจกล้า เก่งด้วย“พุทธธรรม”
(7) สำเร็จพิชิต“โลก”ได้ ด้วย“ธรรม”
กำจัด“อัตตา”สัม- ฤทธิ์แท้ “เหนือสุขทุกข์”นี้สำ- คัญสุด ยิ่งเอย
“อธิปไตย”ไทยแก้ จบด้วย“เทฺวธรรม”
“สไมย์ จำปาแพง”
1 พ.ค. 2562
[นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 346 ประจำเดือนมิถุนายน 2562]
พ่อครูว่า…ความเป็นประชาธิปไตยต้องทำงานได้กับผู้ที่สูงและต่ำ คนที่หยาบต่ำเราก็รู้ความจริงตามความเป็นจริงว่ายังช่วยเขาไม่ได้ ก็ต้องปล่อยเขาไปตามวิบาก เพราะทุกคนมีวิบากของตนเอง สัตว์ทุกตัวมีวิบากของเขาเองทั้งสิ้น เขาก็จะเป็นเช่นนั้น ช่วยยังไม่ได้ก็ต้องวางไปก่อน พยายามที่จะต้องมีความรู้ความสามารถ ในการไม่ให้คนที่ยังหยาบ ยังร้ายอยู่เข้ามาถึงตัวเรา เข้ามาทำร้ายเรา แม้เราจะข่มเขานะ จะว่าเขาอยู่นะ ก็จะต้องมีความรู้ความสามารถในการใช้ศิลปะวิทยา ใช้ศาสตร์ความรู้ ทำให้เขาไม่เข้ามาทำร้ายเราได้ ซึ่งอันนี้มีอจินไตยอีกเยอะ
ทำไมผู้ที่ทำร้ายมาทำร้ายผู้ที่มีบารมีสูงไม่ได้ คำว่าบารมีคือมีอะไรเป็นสิ่งที่ป้องกันเป็นรังสี ราศี ที่เหมือนกัมมันตภาพรังสีป้องกัน สิ่งที่เข้ามาไม่ถึงจริงๆ อันนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คนที่ร้ายจะเข้ามาไม่ถึง ผู้ที่คนร้ายยังเข้าถึงอยู่ก็ต้องเป็นไป อย่างคานธีก็ต้องอย่างนั้น บารมีของคานธี พระเยซูก็ตั้งถูกตรึงกางเขนเป็นต้น
อย่างพระพุทธเจ้าเรานี่ แม้แต่ผู้ร้ายเก่งกาจอย่างพระเทวทัตก็ทำร้ายได้แค่กลิ้งหินถูกพระบาทห้อเลือด อย่างนี้เป็นต้น ขออภัยพูดตรงๆไม่ได้ยกตนข่มท่านหรือเบ่งใหญ่ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสัจธรรมของมนุษยชาติในมหาเอกภพซึ่งมีอีกมากมาย อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 เรียนรู้มาถึงวันนี้พูดไปยังไม่หมดยังมีความลึกซึ้งซับซ้อนยังมีอีก แบบพูดออกไปเรื่อยๆพวกเราก็ค่อยๆเข้าใจ
พวกเราหลายคนแต่ก่อนไม่เข้าใจที่พ่อท่านพูด จนกระทั่งทุกวันนี้เข้าใจมาตามลำดับจนใกล้ชิดเข้ามาจนกระทั่งทิ้งทางโลกเข้ามาจนกระทั่งมาบวช จนกระทั่งเป็นได้แบบนี้ นี่ก็เป็นเรื่องที่สุดยืนยันความจริง
ถ้าเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริงเป็นคนที่เลิศยอดที่สุดแล้วในโลกในสภาวะของความเป็นศาสดาในความเป็นมนุษยชาติที่มีตัวตนจริง เทวนิยมยกให้พระเจ้าเป็นใหญ่สุด สูงสุดก็ตามตำราตามคำสอนของศาสนาที่เอามาประกาศ เป็นปกาศก เป็นผู้เอาคำสอนของพระเป็นเจ้ามาประกาศ พอประกาศก็ได้ตามที่ตัวเองรู้ จริงๆแล้วศาสดาทุกพระองค์คือความรู้ของท่านเอง แต่ท่านไม่รู้ว่าของท่าน สั่งสมมาทุกชาติท่านไม่ได้รู้เหมือนศาสนาพุทธ ส่วนมากตายชาติเดียวเทวนิยม ตายชาติเดียวแล้วไปอยู่กับพระเจ้า แต่วนเวียนเกิดตายก็ช่างกรรมวิบาก เป็นร้อยชาติพันชาติมันไม่มีความรู้อันนี้ มันก็ไม่รู้กรรมที่สั่งสม ภาวะซับซ้อนอีกเยอะ ไม่รู้ ไม่รู้ก็พูดไม่ได้ ไปยกให้พระเจ้า จริงๆแล้วความรู้ของศาสดาก็เป็นของท่านเองไม่ได้เป็นของพระเจ้าที่ไหน แต่ท่านระลึกไม่ได้ ท่านไม่มีบุพเพนิวาสานุสติญาณ ตอนนั้นเกิดเป็นสัตว์เป็นคนชื่ออะไรทำอะไรมา ท่านไม่รู้ ไม่รู้ว่าข้อมูลต่างๆคือกรรม คือการกระทำของตนเองสั่งสมดีชั่วชั่วดี จนกระทั่งมาล้างดีชั่วชั่วดีที่เป็นตัวเองจนกระทั่งสูงสุดเป็นสุขเป็นทุกข์
ยินดีในชั่ว ยินดีในดี คนที่ชอบชั่วเป็นสุขในชั่ว คนทำดีก็เป็นสุขในดี ติดยึดดีชั่ว สลับซับซ้อนไปมากก็เลยสับสนตีไม่แตกแยกไม่ออก แต่พอค่อยคลี่คลายเอาดีชั่วมาพิจารณาค่อยๆเปลี่ยนล้างออกไป จนกระทั่งดีชั่วก็เข้าใจ เราต้องอยู่ในกรรมกิริยาที่ดี แต่ไม่ต้องไปมีความสุขในความดี แต่ความสุขในความชั่วนั้นไม่ต้องมีมันยากแก้ไข แต่แม้แต่ความสุขในความดีก็ไม่ต้องไปติดยึด จนไม่ติดยึดชั่วดี แล้วจะดีก็ไม่ยึดแล้วก็ไม่ยึดว่าเป็นเราเป็นของเราอีก ซับซ้อนไม่รู้กี่ชั้น
ตอนนี้ย้ำที่ทุกข์สุข ความสุขความทุกข์เป็นความรู้ที่เขาคิดว่าเขาก็ติดยึด แต่เขาไม่รู้ แต่โลกุตระนั้นรู้จักสุขรู้จักทุกข์จนกระทั่งลดละความสุขความทุกข์จนกระทั่งบางเบาไปเรื่อยๆเป็นเหตุปัจจัย 2 อย่างที่น่ายินดีก็สุขไม่น่ายินดีก็ทุกข์ จนกระทั่งเราเรียนรู้ล้างออกไปจนกระทั่งไม่ดีเราไม่มี ดีมากๆเราก็ทำได้ แต่เราก็ไม่ติดในความดี จะดีเท่าไหร่ เราก็ไม่ติดยึดว่าเป็นเราเป็นของเรา จนกระทั่งกลายเป็นคนไม่สุขไม่ทุกข์ได้ ซึ่งเป็นฐานนิพพาน กลางๆไม่สุขไม่ทุกข์ อทุกขมสุข หรือไวยพจน์ของมัน synonym คือ อุเบกขา แล้วก็มีอุเบกขาละเอียดลออ
ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา
ความบริสุทธิ์สะอาดปราศจากกิเลส แม้จะมีความลวร้ายแรงอย่างไรมากระทบเราก็ยังบริสุทธิ์ได้ จะด่างพร้อยอยู่บ้างเราก็ต้องทำให้บริสุทธิ์อยู่ จนกระทั่งสูงเท่าไหร่ก็ไม่ด่างพร้อยไม่ติดไม่ยึด จิตกลางมุทุ ไวเร็วทำได้เป็นอัตโนมัติ เป็นนเอง ตถตา เป็นความจริงเองไม่ต้องจัดการ ความดีความชั่วเราจะทำแต่ดีอยู่เสมออย่างเป็นอัตโนมัติไวและเร็วและไม่ทำชั่ว รู้ความชั่วได้เร็วได้แล้วก็ไม่ทำได้เร็ว ทำดีรู้ดีได้เร็วทำดีได้เร็วเหมาะสมกับทุกสิ่งทุกอย่างจึงเรียกว่าเหมาะสมควรเหมาะสม กัมมัญญา กระทำกรรมทุกกิริยา เหมาะสมเหมาะควรตลอดไป สรุปแล้วทั้งหมดทั้ง ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา เจริญๆขึ้น จิตก็ปภัสสรา ผ่องใส ยังยืนยันความบริสุทธิ์สะอาดขาวผ่องตลอดกาลนาน เป็นภาษาที่ยืนยันสภาวะที่เป็นจริงที่ไม่ใช่แค่ตรรกะเหตุผลให้ดูเท่ แต่เป็นจริงได้ตามบารมี แต่ละบุคคล อาตมาเอามาพูดก็เอาความจริงมาขยายมาอธิบาย ดีนะที่มีพยัญชนะของพระพุทธเจ้าอยู่ในธาตุวิภังคสูตรพระไตรปิฎกเล่ม 14 ถ้าไม่เช่นนั้นอาตมาเอามายืนยันไม่ได้ ถึงแม้ว่าอาตมาจะเอาพยัญชนะมายืนยันได้ ถ้าไม่มีรับรองในพระไตรปิฎกเขาก็ไม่
ก็ยืนยันในอรรถกถาจารย์ แต่ในพระไตรปิฎกของเถรวาทไม่มีธรรมนิยาม 5 นี้ แต่อยู่ในอรรถกถาจารย์ของพระวิสุทธิมรรค อาตมาเจอนิยาม 5 นี้แล้วก็รู้ว่าถ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้าแล้วไม่มีใครมานิยามได้ ไม่มีใครจะมาแยกแยะได้ละเอียดละออเป็นขั้นตอนอย่างนี้
หรืออย่างมีเครื่องรองรับป้องกันตัวเองเป็นปาฏิหาริย์อันสูงส่ง เป็นเรื่องที่กลับกันได้อย่างที่เขาไม่เชื่อว่าจะทำได้เป็นได้ เอาง่ายๆนะ แม้อาตมายังไม่เชื่อตัวเอง ว่าให้เราเป็นคนมีดีมาแต่เก่าแต่ก่อนอย่างนี้เชียวหรือ เราก็เป็นเด็กกะโปโลคนหนึ่ง จนกระทั่งออกมาทำงานทางนี้ก็รู้ตัว ทำงานทางโลกก็ไม่ได้ไปพิสูจน์ตัวเองว่าต้องรวยมหาศาลมีอำนาจยศชั้นก็ไม่ได้พิสูจน์อะไรมากมายเลย แต่มันรู้ตัวก่อนมีบารมีก็รีบออกมา ขนาดรีบออกมาก็ยังเสียดายหรือว่าไปเสียเวลาอีกตั้ง 36 ปี ก็ต้องกระเสือกกระสนให้อยู่ยาวไปอีกร้อยกว่าปี เหนื่อยชะมัด หากเกิดมาได้ตั้งแต่อายุ 7 ขวบมาทางนี้เลยก็แจ๋ว แต่พูดไปอย่างนั้นแหละมันก็ไม่ได้ ขนาดพระพุทธเจ้าก็ยังไม่ได้เลย ท่านก็ยังต้องระดับของท่าน
ก็สรุปแล้ว ก็สามารถที่จะช่วยโลกช่วยสังคมมนุษยชาติได้ เอาสิ่งที่ประหลาดสิ่งที่ลึกลับ ที่อาตมาพยายามอธิบายอยู่นี่ว่าความสงบ มันไปสู้ความรุนแรงได้อย่างไร เอาความสงบไปเป็นอาวุธฆ่าความรุนแรง พูดก็พอเข้าใจ แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร(วะ) เอาความสงบไปสยบปืน หรือลูกระเบิดมันเป็นไปได้อย่างไร ยากจะเชื่อแต่เป็นไปได้ เป็นอจินไตยซับซ้อนทางบารมี ทั้งที่เป็นพลังงาน ตัวตนบุคคล ต่างเป็นเหตุปัจจัยทำให้เกิดสิ่งนี้
ยกตัวอย่างที่ทำมาแล้ว
ประชาชนรวมตัวกัน อาตมาก็ไปร่วมด้วย ยืนยันความจริงความถูกต้อง จนเขาจำนนต่อความจริงความผิด เอาสัจธรรมเหล่านี้มาใช้ ก็ชนะ ไม่ต้องเอาความรุนแรงมาใช้ เอาความจริงใจความสงบไปใช้ แต่แน่นอนต้องมี error สมมุติว่ามีฝ่ายเราไปยิงเขาตายคนหนึ่ง แต่เขาฆ่าเราตายมากกว่า เราเอาความสงบไม่ใช้อาวุธ เปิดเผยความจริง เอาความจริงแท้ มาต่อสู้
สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็น
Neoprotest เป็นการชุมนุมประท้วงแนวใหม่ สังคมที่เจริญแล้วก็เอาประชาชนมาแสดงอำนาจประชาชนที่มีความเห็นร่วมกันอย่างนี้ ว่าคุณผิดอย่างนี้ จนชนะมาตั้ง5 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ ไม่ได้รัฐประหาร เพียงแต่มารับไม้ผลัดจากประชาชน รับช่วงบริหารประเทศต่อ ก็เกิดเป็นเรื่องราว นิทาน นิยาย ก็ขึ้นมาสวมบทบาทพระเอกมารับแทนก็ไม่ประหลาดเราก็ยินดี หรือก็ต้านไม่ได้ สมมุติว่า พลเอกประยุทธ์รับไปแล้วก็ไม่เป็นอย่างที่ประชาชนยอมรับเราก็ต้องออกไปแล้วออกไปประท้วงอีกแน่นอน
แต่นี่พลเอกประยุทธ์ทำได้ดีแม้จะเหน็ดเหนื่อย อาตมาก็อยากจะให้หยาดน้ำใจพระโพธิสัตว์นะ แต่ก็ยังไม่มีโอกาส
พลเอกประยุทธ์ไม่ได้สืบทอดอำนาจเผด็จการ แต่สืบทอดอำนาจประชาธิปไตยจากประชาชนจริงๆ
ความเป็นประชาธิปไตยกับเผด็จการเป็นธรรมะ 2 เขาก็ยังเข้าใจกันไม่ได้ ต้องดูเนื้อแท้เนื้อหาของความเป็นไป
พลเอกประยุทธ์ไม่ได้สืบทอดอำนาจเผด็จการแต่สืบทอดอำนาจประชาธิปไตยจากประชาชน ประชาชนต่างหากที่ยึดอำนาจ ที่รัฐประหาร สวยงาม ถึง 5 รัฐบาล รวมแล้วประเทศไทยมีแต่เรื่องดีๆ ตัวผู้ร้ายก็มาแสดงหลายตัว พระเอกคือ ระบอบบริหารอย่างประชาธิปไตยของไทยประชาชนก็ร่วมกันสร้างพลัง อธิปไตยคือพลัง จัดการ สิ่งที่ผิด รัฐบาลไม่ดี รัฐบาลทรราช เอาออกไป จนทุกวันนี้เขาก็ยังยืนยันว่าเขาถูก แต่ถูกก็ไม่กล้ามาต่อสู้ ก็หาเรื่องไป บอกว่าศาลยุติธรรมเชื่อไม่ได้จะเข้ามาทำไมก็อ้างไปทำไมแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ พลเอกประยุทธ์ทำงานตอนนี้ก็ได้รับการยอมรับจากนานาชาติด้วย
ระบบของพระพุทธเจ้านี้สุดยอด ดีที่สุดไม่ต้องไปรวย จนที่สุดแต่ช่วยเหลือประชาชนได้มากที่สุดมันสุดประเสริฐ จนที่สุด แต่มีสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนได้มากขึ้นเรื่อยๆ อาตมาก็จะพาพวกเราพิสูจน์อันนี้กันจริงๆ แม้ตอนนี้เราก็ทำอยู่ในสังคมใกล้ๆ เราอยู่กับจ.อุบลฯก็ค่อยๆช่วยหมู่บ้านต่างๆไป กว้างไปเราก็ค่อยไป ตามประสาเรา
เรามีรายได้น้อยจริงๆ เพราะว่าเราต้องเสียสละมาก เพราะประชากรที่เป็นมวลชาวอโศกก็มีน้อยจริงๆ คนที่เก่งกว่านี้มีสมรรถนะมีความสร้างสรรค์มากกว่านี้ก็ยังไม่มา พวกเราก็เก่งเท่านี้ ผู้ที่ผลิตสร้างสรรค์ได้แก่คนนี้มีเยอะในความรู้ทางโลกที่เขามีเยอะ แต่เขาก็ยังไม่มาเขาก็ยังยืนในโลกีย์ สร้างความร่ำรวยมากมาย เขายังไม่เห็น มาช่วยทำใมอโศก? มันซับซ้อน อาตมาไม่ท้อแท้ ค่อยๆพิสูจน์ความจริงไปจนกว่าเขาจะมา ช่วยกันไปเรื่อยๆ
อาตมาว่าจะมีอัตราการก้าวหน้าที่จะมีผู้ที่มาช่วยพัฒนากันไป มาเสียสละสร้างสรรค์ เขาไม่ได้มาทำเพื่ออาตมา ไม่ได้มาให้อาตมาหรือให้คนใดคนหนึ่ง แต่เพื่อมวลรวมที่จะเป็นการเสียสละกว้างใหญ่ตามความรัก 10 มิติที่อาตมาได้เขียนไว้ ขยายความไว้
เป็นความยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติมาร่วมกันทำจะเกิดผลงานเป็นสิ่งที่เป็นจริงเกิดขึ้น โลกต้องการสิ่งเหล่านี้ อาตมาสรุปเป็นบทกวีประชาธิปไตยมาไม่รู้กี่บท
แม้บทนี้ก็ย้ำยืนยันประชาธิปไตย มันจะต้องเข้าใจสัจธรรม 1. มีความรู้ความเป็นองค์รวมมี Concept ที่สอดคล้องกัน ไปด้วยกันได้ ยืนหยัดอย่างจริงจัง แล้วก็หมด อัตตา(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) หมดอัตตาหรือลดอัตตาไปได้จริงๆ ไม่มีตัวตน มีแต่พลังให้ พลังเสียสละ พลังเพื่อผู้อื่น มีสมรรถนะ มีความสามารถมากยิ่งขึ้น แล้วก็เสียสละจริงๆด้วยจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะเดินดินว่า… พ่อครูพูดถึงประชาชนปฏิวัติ อย่างคานธีใช้อหิงสานำประชาชนสู้กับอังกฤษจนได้รับอิสระเสรีภาพ คนเข้าใจได้ว่าเป็นการต่อสู้อย่างสงบสันติ เป็นชัยชนะของประชาชน แต่เมื่อประชาชนคนไทยทำบ้าง ก็ไม่แพ้อินเดีย มีคนเป็นล้านออกมา แต่ก็สงบ โดนยิงโดนระเบิดคนก็คุมกันอยู่ จนศาลก็ดี ทหารก็ดี เหมือนกรรมการกลางก็ต้องบอกว่า พวกรัฐบาลแพ้ฟาล์ว เป็นกบฏ แต่คนมองไม่ออกว่าเป็นชัยชนะของประชาชนกลับไปมองว่าเป็นฝีมือของพลเอกประยุทธ์ แม้แต่ในอินเดีย ถ้าหากรัฐบาลอังกฤษไม่ให้อิสรภาพกับอินเดียประชาชนก็ตายฟรี แต่ว่าอังกฤษก็ทำไม่ได้จึงทำให้เห็นสัจจะที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อประเทศไทยทำบ้างกลับมองไม่เห็น พ่อครูพยายามให้มองเห็นว่าเป็นความยิ่งใหญ่ของชัยชนะประชาชนแต่อินเดียเขามองออก
พ่อครูว่า…ก็ค่อยๆเข้าใจมองออกกัน เป็นเรื่องที่ซับซ้อนลึกซึ้ง คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34) แต่เราก็เป็นได้พิสูจน์ได้ยืนยันได้แล้วเราก็จะเป็นได้มากกว่านี้
อาตมาจึงได้สถาปนาภาษาลงไปว่า เมืองไทยนี้เป็นเมืองชมพูทวีป ภาษาของพระพุทธเจ้า เป็นชมพูทวีปเป็นภาษาธรรมะ หมายความว่า แดนทวีปที่อบอุ่น ชมพูทวีป สงบอบอุ่นมาก เจริญสูงสุดในจำนวนของมนุษยชาติ ถ้าหากประเทศใดทวีปใดมีประชาชนที่มีคนลักษณะของโลกุตระแบบนี้จริงๆ หมู่บ้านนั้นจะเป็นหมู่บ้านชมพูทวีป ประเทศนั้นจะเป็นประเทศที่เป็นชมพูทวีป ยิ่งเป็นทั้งทวีปเลย พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเป็นประเทศทวีปอินเดีย เพราะท่านเป็นไปอย่างอิสระมีอำนาจเต็ม พิสูจน์จากแคว้นใหญ่ในทวีปเอเชียคือประเทศใหญ่ๆของทวีปอินเดีย เช่นแคว้นมคธ แคว้นโกศลก็ใหญ่สุดในยุคนั้นก็ยอมยกให้พระพุทธเจ้า เคารพนับถือเลย ให้สิทธิเสรีภาพ พระพุทธเจ้าทั้งที่อยู่ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นทาสในเรือนเบี้ย ทาสเงินทอง แต่พระพุทธเจ้าได้ปลดแอกสิ่งเหล่านี้หมดเลย เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของเอกภพเลย ตั้งแต่ในยุคนั้นที่เป็นไปได้ยากมาก ท่านก็ทำได้ แต่มาถึงในยุคนี้ไม่มีสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่มีความเป็นทาส คนเข้าใจในสิทธิมนุษยชนดีอาตมาก็ทำได้อย่างสบายมาก ไม่ใช่ว่าอาตมาเก่งแต่องค์ประกอบของมันลงตัวแล้ว องค์ประกอบของมันง่ายแล้วดีแล้ว เป็นเรื่องที่พวกประชาชนเองก็เป็นของเขามาเอง มันก็เลยได้อันนี้ขึ้นมา
ในคนไทยที่เป็นได้แล้ว ให้ศึกษาดีๆ แล้วมาร่วมกันสร้างสิ่งที่ประเสริฐสุดในความเป็นมนุษย์ในสังคม พยายามจะทำขึ้นไป ไม่ได้เพื่อใคร แต่ทำสิ่งที่เป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดนี้ให้ได้
อาตมาพยายามก้าวหน้าไปถึงคำว่าเทวะ อธิบายไปทีละ 2 จนกระทั่งรูปนามก็ตามเรื่องกายเรื่องจิต เรื่องบุญเรื่องบาป จนกระทั่งมากล่าวถึงเรื่องสุขทุกข์
เป็นเรื่องใกล้มากในจิตวิญญาณคน ทุกคนติดสุขติดทุกข์ในตนเอง
สุข ทุกข์ คือความรู้สึก มันก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึก จะคิดจะนึกสักเท่าไหร่ เจ็บลึกเจ็บร้าวสักเท่าไหร่ ก็เป็นเพียงเสียงเรียกร้องของหัวใจ เกิดได้ดับได้ไม่จีรัง
เป็นบทกวีของอิสรา อาตมาเห็นเข้าก็เอามาใส่ทำนอง มี ทิพวรรณ ปิ่นภิบาล ร้อง
เป็นเรื่องของความรู้สึกหรือเวทนา มาศึกษาให้ดีๆ พระพุทธเจ้าแจกเวทนา 108 มีที่มาที่ไปตั้งแต่หยาบ 2 กายิกเวทนา เจตสิกเวทนา
แยกเป็น 3 เวทนา ได้แก่..
-
สุขเวทนา
-
ทุกขเวทนา . .
-
อทุกขมสุขเวทนา (ไม่สุขไม่ทุกข์ อุเบกขา).
(รู้กำลังของเวทนาทั้ง 5 ได้แก่)
-
สุขินทรีย์
-
ทุกขินทรีย์
-
โสมนัสสินทรีย์
-
โทมนัสสินทรีย์
-
อุเบกขินทรีย์
ต้องมีความรู้สึกทางทวาร 6 หากตัดทวาร 5 ออกไป ไปหลับตาปฏิบัติมันไม่รู้เต็ม
(แยกเป็น 6 เวทนา ได้แก่)
-
จักขุสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทตา
-
โสตสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทหู
-
ฆานสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทจมูก
-
ชิวหาสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทลิ้น
-
กายสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากประสาทกาย
-
มโนสัมผัสสชาเวทนา ความรู้สึกจากใจปรุงแต่งเอง
ได้แก่ มโนปวิจาร 18 (คือ เวทนา 3 ร่วมกับอายตนะ 6)
-
สุขเวทนาแบบโสมนัสสูปวิจาร (6 ทวาร+โสมนัส)
-
ทุกขเวทนาแบบโทมนัสสูปวิจาร (6 ทวาร+โทมนัส)
-
เฉยๆ ที่เป็นอุเบกขูปวิจาร (6 ทวาร+อุเบกขา)