620508_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญญาดับอวิชชาพาให้อภิปโมทยังจิตตัง
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1qSVXXP53Y9gvDNuPY_EvcYJ-d778YDHp4N6k2lnuBNA/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1o237ENHMl928VsIkZfd9XEOkYsqdK_rA
สมณะเดินดินว่า… วันนี้วันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2562 ที่บวร ราชธานีอโศก อีกประมาณ 1 อาทิตย์กว่าๆก็จะถึงวันวิสาขบูชา ปีนี้เป็นปีพิเศษที่สันติอโศก พ่อท่านจะไปอยู่ที่สันติอโศก 1 โดยมีองค์ประกอบหลายอย่าง วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคมเป็นวันที่เราจะได้จัดงานครบรอบวาระ 77 ปี 7 เดือน 7 วัน ของพันตำรวจโทรุ่งโรจน์ เรืองฤทธิ์ ชื่องานว่า โพชฌังคาริยสัจจายุ ก็ยังไม่ครบตรงเป๊ะ แต่ก็ใกล้เคียง เป็นวันที่จะรวมพวกเราญาติธรรมใกล้ชิด โดยเฉพาะพวกเราแฟนคลับเราคิดอะไร ที่ทำงานกันมาต่อเนื่องยาวนาน เป็นผู้ทำงานปิดทองหลังพระตลอดมา เคยเป็นสารวัตรมือปราบ ที่ถูกย้ายไปอยู่ชลบุรีเพราะว่า ต้องส่งมือปราบไปจัดการแก้ไขปัญหา แต่เมื่อมาได้ปฏิบัติธรรมก็ได้เป็นหลัก ที่แม้จะไม่ได้ปรากฏตัวแสดงอะไรมากมาย แต่ทำหนังสือพิมพ์เราคิดอะไรมาได้ 25 ปีแล้ว
คิดว่าจะทำแค่เล่มเดียวคือปฐมฤกษ์ แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่มาได้ถึง 25 ปีเพราะมีพวกเราเป็นวัวงาน มีบก.ที่รับผิดชอบมาตลอด
วันนี้ดูการ์ตูนจากนสพ.ผู้จัดการ ก็สะท้อนภาพเมืองไทยได้ดี คนไทยเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ในช่วงชื่นชมพระบารมี แต่หลังจาก 3 วันก็กลับมาสู่นรก เพราะกำลังแย่งยื้อเก้าอี้ ส.ส.กัน แต่เมื่อมีสวรรค์ก็ต้องมีนรก เราจึงต้องมาเข้าใจสัจธรรมชีวิต
พ่อครูว่า…ไม่ต้องไปลงนรกไปขึ้นสวรรค์ อาตมาว่ามีศาสนาเดียวศาสนาพุทธเป็นจริงชัดเจน สวรรค์นรกแท้จริง ที่เกิดกับจิตวิญญาณ จิตวิญญาณของอะไรก็แล้วแต่ จะเป็นธาตุรู้ของสัตว์โลก พระพุทธเจ้าค้นพบสิ่งนี้จริงๆสุดยอด อาตมามีหน้าที่สืบสานสืบทอดธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เป็นความถูกต้อง แม้แต่ในประเด็นที่บอกว่าศาสนาพุทธนี้เป็นศาสนาที่ไม่มีนรกไม่มีสวรรค์ ดับนรกดับสวรรค์หมด ดูเหมือนอาตมาจะเป็นคนยืนหยัดยืนยันอยู่คนเดียว
ไม่มีอาจารย์หรือปราชญ์ นักรู้หรือศาสดาองค์ใดมาพูด พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แต่ได้ถูกลืมเลือนไปมากแล้ว ถ้าเกิดว่าอาตมาไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันก็คงพูดต่อไปไม่ได้
ศาสนาพุทธเป็นศาสนานิพพานไม่มีสวรรค์ไม่มีนรกดับเทวะสิ้นจากธรรมะ 2 เป็นธรรมดา 1 ธรรมะ 0 เป็นสุญญตา อย่างนี้เป็นต้น แม้รู้ก็รู้อย่างกลางๆ รู้อย่างไม่มีสวรรค์ไม่มีนรกดับสวรรค์ดับนรกสิ้น อาการดีใจหรือเสียใจไม่มีทั้งคู่ อาการกลางๆ เป็นอาการที่อจินไตย ผู้ไม่มีสภาวะจริงหรือไม่ได้ จิตกลางๆ 1.เป็นภาวะว่างกลางเฉยๆแบบโลกียะก็ได้ 2. ทำให้เป็นจิตอย่างนั้นอย่างมีธาตุรู้ที่เป็นปัญญา แล้วทำได้ถาวร อยู่ตลอดกาลได้ด้วย อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติของผู้ที่ปฏิบัติประพฤติตามธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วมีผลสำเร็จได้อย่างแท้จริง ประเสริฐสุดของมนุษย์แล้วที่มีคุณสมบัติอย่างนี้ได้เป็นคุณค่าของโลก เป็นประโยชน์ต่อโลก
มีคนถามถึงประโยชน์ 6 อย่าง และสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ 6 อย่าง ก็น่าจะหมายถึงอบายมุข 6 แต่อาตมาอ่านโจทย์ผิด โจทย์บอกว่า สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ 6 อย่าง
_คุณ รักธรรม สรหงษ์…พ่อหนูเสียชีวิตไปได้เมื่อ 25 เมษายน ก่อนเสียชีวิตน้องสาวดูแลอยู่ พ่อเรียกน้องสาวไปหาก่อนเสียชีวิตแล้วบอกว่ากูจะไปแล้วนะ น้องสาวก็ถามว่าพ่อจะไปไหน พ่อตอบว่าก็จะไปจากพวกมึงน่ะสิ พ่ออายุ 86 ปีกว่า นอนติดเตียงมาเกือบ 2 ปี อยากจะทราบว่า คนเรารู้ตัวล่วงหน้าหรือไม่ว่าคนเราใกล้จะตายแล้วหรือเป็นเฉพาะบางคน
พ่อครูว่า..รู้ได้ โดยเฉพาะใกล้จะตาย จริงๆแล้วรู้ทั้งนั้นมันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเท่านั้น ยิ่งคนที่มีเรื่องมากทุรนทุราย คนไม่ทุรนทุรายก็พอรู้ว่าใกล้จะตาย ตายอย่างสงบเลย หรือหลับสงบไปเลยก็มีเยอะ เป็นเรื่องอจินไตย ดีที่สุดก็คือสงบหลับไป ไม่ต้องไปยากเย็นอะไรไม่ต้องดิ้นรนทุราย ก็คงไม่มีใครชอบ ไปยังอุปัทวเหตุก็คงไม่มีใครชอบ คงจะไปอย่างสงบๆวางใจตัวเองได้ก็ดี
อาตมาว่าไปถามก็เป็นอจินไตย ของแต่ละบุคคล มันไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก ถ้าถึงเวลาตายเราจะตายแบบไหนก็อยู่ที่วิบากของเราที่เราทำแล้วก็ฝึกฝนตัวตนไป ก็จะได้ตามควรเอง ก็ตอบแค่นี้ก่อน
_ปาลิตา ทองสุขนอก · พุทธศาสนาตามภูมิบ้านราชโจทย์หน้าร้อนไม่อยากตอบโจทย์เลยแต่คงเป็นไปไม่ได้ พ่อครูเจ้าขาช่วยหนูทำหน่อย ท่านปัจฉาและแม่เณรด้วยเจ้าคะ ทำไม่ได้โจทย์มันยากน้อมกราบนมัสการทุกรูปเจ้าคะ
พ่อครูว่า..มาสิมาอาบน้ำที่นี่มีหลายบ่อ มีน้ำตก น้ำโตน ซางไหลเด้อ ลำธารถอยหลังเข้า มีหลายน้ำ ก็มีคนมาใช้บริการเยอะอยู่เหมือนกันในทุกวัน ก็ดีนะ
SMS วันที่ 2 พ.ค. 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ : พ่อครู)
_1614 ความสุข ก็คือหทัยรูป เพราะเกิดเป็นรูปขึ้นในจิตครับ จิตสามารถสร้างขึ้นมาเองได้ทั้งๆที่ไม่รูปใดๆแล้ว/สุนทร
พ่อครูว่า..ถ้าจะพูดให้ละเอียดก็เป็นไปได้ จิตมันเป็นความสุขความทุกข์ของมัน เพราะว่าตัวเราเองไม่สามารถดูแลจิตใจตัวเอง ไม่สามารถมีอำนาจควบคุมดูแลจิตใจตัวเองได้ วสวัตตีโก ทำให้จิตเป็นไปตามอำนาจไม่ได้เพราะเราไม่ได้ฝึก มันเกิดด้วยอวิชชาเสียเยอะ ก็เลยติดในความสุขความทุกข์กันเยอะ สุขขี้หมูขี้หมาขี้กาขี้ไก่เยอะ สุขโดยที่ไม่น่าจะสุขก็เป็นไปได้อีกเยอะแยะ เป็นสุขอย่างที่ไม่ควรยึดถือว่าจะเป็นสุขเลยเป็นสิ่งที่ต่ำเรียกว่า อบายภูมิ สูญเสียเลอะเทอะไม่ดีไม่งามหรือสุขในความรุนแรง sadism สุขในความรุนแรงแล้วไปยึดถือว่าเป็นความสุข แม้แต่ความสุขที่ละเอียดสุขุมประณีตม ที่สุดทำความดีแล้วก็ติดในความดี ต้องเป็นต้องมีความดีอันนี้ถึงจะมีความสุข อันนี้ก็เป็นความสุขที่ติดยึดในความดี ความสุขในความดีงามที่เป็นความดีความชั่วสร้างขึ้นมาเป็นความสุขสร้างความดีงามให้แก่ตนก็เป็นกุศล สร้างไปเถอะ พระพุทธเจ้าก็ไม่สันโดษในกุศลในความดีงามที่มนุษย์ พึงนับถือกัน เราก็สร้างสิ่งนั้นให้แก่มนุษยชาติ แต่สิ่งใดไม่ใช่ความดีงามไม่เป็นความสุขก็ไม่ต้องสร้าง แต่ความดีงามกับความไม่ดีงามก็เป็นสมมติที่ต่างกันเราก็เอาเสียงส่วนใหญ่ ความยึดถือส่วนใหญ่ของมนุษย์ เป็นที่ตั้งก็แล้วกัน ที่ไม่ยึดถือว่าเป็นความไม่ดีงามเราก็ไม่ทำ เพราะความดีงามความดีความชั่วเป็นสมมติสัจจะตามแต่ละแห่งแต่ละบุคคลตามกลุ่มแต่ละภูมิภาคไม่เท่าเทียมกัน องค์ประกอบสิ่งแวดล้อมและสมมุตินับถือต่าง แม้แต่จะยึดถือด้วยปรมัตถ์ก็ต่าง ก็ค่อยๆศึกษาไป
มันอยู่ไหน คูหาสยัง กายยาววาหนาคืบกว้างศอกนี่แหละไม่มีที่ชัดเจนหรอกศึกษาไปแล้วจะค่อยๆรู้ แล้วจะรู้นามธรรมที่เป็นความละเอียดจริงๆ
สื่อธรรมะพ่อครู(สมาธิพุทธ) ตอน สัมมาทิฏฐิ 10 ต้องอธิบายจากสยังอภิญญา
_อุมาพร(อ๋อย) จากเดนมาร์ค ….กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพยิ่งค่ะ ฟังพ่อครูเป็นประจำค่ะ ส่วนใหญ่จะฟังย้อนหลัง เพราะเวลาที่พ่อครเทศน์ ที่นี่ (Denmark) เป็นเวลากลางวัน กำลังทำงานพอดีค่ะ รู้สึกประทับใจที่พ่อครูเทศน์เมื่อวันที่ ๑ พค. ที่ผ่านมาค่ะ ที่มีท่านผู้หนึ่งถามว่าอโศกเป็นนิกายอะไร พ่อครูตอบว่าอโศกไม่ใช่นิกาย แล้วพ่อครูก็ขยายความต่อว่า ต้องเรียนรู้กิเลสในตน แล้วพยายาม ทำ สอง ให้เป็นหนึ่ง แล้วลดลงเป็น ศูนย์ (สูญ) ค่อยๆทำทีล่ะคู่ … ตอนนี้ก็กำลังพากเพียรอยู่ค่ะ คงอีกนานกว่าจะถึงเส้นชัย
พ่อครูว่า..ดีมาก จุดนี้เป็นจุดสำคัญ ในพระไตรปิฎก เล่ม16ข้อ60พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) ล.10 ข.60 นั่นแหละเป็นจุดหัวใจของศาสนาพุทธเลย เพราะว่าการเรียนรู้ธรรมะ 2 ที่เป็นความสุขความทุกข์มันคือเวทนา ต้องเรียนรู้ตรงสภาวะความรู้สึกที่เรียกว่าเวทนานั่นแหละ ไปเรียนที่อื่นก็ไม่ใช่ เพราะความสุขความทุกข์อยู่ที่เวทนา ใครไปเรียนรู้อย่างอื่นไม่ใช่ตัวจริงไม่ใช่ฐานจริง เวทนาเป็นฐานแท้ของความสุขความทุกข์ ในพรหมชาลสูตรก็บอกไว้ว่าไม่มีผัสสะไม่มีฐานแห่งการปฏิบัติ จะมีแต่มโนสัมผัส เป็นความรู้สึกที่ไม่รอบถ้วนมันมีให้รู้แต่ข้างใน คุณทิ้งตาหูจมูกลิ้นกายแล้วอยู่ แต่ถ้าวันใดก็ไม่ใช่ ชีวิตนี้ไม่ได้อยู่ในภวังค์หลับตาเป็นหลักแต่มันอยู่กับการลืมตาใช้ทวารทั้ง 5 เป็นหลักมากกว่า ในภวังค์หลับตานี้ดีไม่ดีก็นอนหลับตาไป มันไม่ได้มีประโยชน์คุณค่ามีแต่เรื่องเลอะเทอะไม่ได้เรื่อง เพราะฉะนั้นหลับตาปฏิบัตินี้จึงเป็นลัทธิของเดียรถีย์
อาตมาพูดแรงหนักมากแล้วคนก็ยังติดยึดอยู่ แต่เขาเข้าใจไม่ได้ยังเชื่อถืออย่างนั้นยังยึดถืออยู่ก็เป็นอย่างนั้นไป อาตมาก็ต้องขออภัยที่ต้องตีแรงตีหนัก เอาหลักฐานมายืนยันแต่เขาก็เป็นอย่างนั้นเพราะว่าเป็นเรื่องที่คนติดยึดมากในโลกเพราะมันเป็นอวิชชา กว่าจะมารู้แล้วมาพ้นทุกข์ได้ต้องเป็นคนมีปัญญา มีความรู้ที่เป็นโลกุตระ ลืมตามาปฏิบัตินี้เป็นโลกุตระเป็นสัมมาทิฏฐิแท้จริง ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎกเล่ม 14 มหาจัตตารีสกสูตร ซึ่งเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งสำคัญมาก พระไตรปิฎกเล่ม 14 เริ่มต้นตั้งแต่ข้อ 252 ถึงข้อ 281 เป็นพระสูตรที่ยิ่งใหญ่ที่เกี่ยวกับสัมมาสมาธิ ของท่านเรียกว่าสัมมา เรียกให้เต็มว่าอริโยสัมมาสมาธิ อริโยคืออริยะ เป็นสมาธิของผู้ประเสริฐผู้ฉลาดผู้เป็นอาริยะ ไม่ใช่มิลักขะ
พระพุทธเจ้าท่านก็เรียกพระภิกษุมา ท่านตรัสเรียกมาเองเลย ถ้าท่านไม่ตั้งใจบอกสาวก สาวกก็คิดไม่ออกหรอกว่ามีสมาธิแบบนี้ด้วย จะมีแต่สมาธิที่เขาทำกันทั่วไป
[252] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสแล้ว ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงสัมมาสมาธิของพระอริยะ อันมีเหตุ มีองค์ประกอบ แก่เธอทั้งหลาย พวกเธอจงฟังสัมมาสมาธินั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวต่อไป ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่าชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ฯ
[253] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาสมาธิของพระอริยะ อันมีเหตุ มีองค์ประกอบ คือ สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ เป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง
(พ่อครูว่า..เป็นเอกัคคตา ที่ต่างจากจิตที่เป็นหนึ่งของการนั่งหลับตาปฏิบัติมันเป็นเพียง 1 แบบเอกธรรม เป็นธรรมะนิ่ง เฉย แข็งอยู่กับที่ มันไม่มี 2 ไม่มีสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ไม่มีครบเป็นเทวะ เป็นธรรมะ 2 มีทั้งบวกลบมีทั้งพลังงานสถิต และพลังงานเคลื่อนไหว เป็น static และ dynamic จะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก)
ประกอบแล้วด้วยองค์ 7 เหล่านี้แลเรียกว่า สัมมาสมาธิของพระอริยะ อันมีเหตุบ้าง มีองค์ประกอบบ้าง ฯ
[254] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 7 นั้น สัมมาทิฐิย่อมเป็นประธาน ก็สัมมาทิฐิย่อมเป็นประธานอย่างไร คือ ภิกษุรู้จักมิจฉาทิฐิว่ามิจฉาทิฐิรู้จักสัมมาทิฐิว่าสัมมาทิฐิ ความรู้ของเธอนั้น เป็นสัมมาทิฐิ ฯ
(พ่อครูว่า ถ้าประธานของคุณมิจฉาทิฏฐิก็พาไปผิดทาง ถ้าประธานของคุณถูกก็ไปสัมมาทิฏฐิ มันก็มี 2 ทางคือเทวกับอเทวะ)
[255] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มิจฉาทิฐิเป็นไฉน คือ ความเห็นดังนี้ว่าทานที่ให้แล้ว ไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้ว ไม่มีผลผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มีบิดาไม่มี สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะไม่มี สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลกไม่มีนี้มิจฉาทิฐิ ฯ
ข้อที่ 10 นี้สำคัญมาก เพราะเป็นจุดเริ่มต้น เหมือนกับกามนิตที่คุยกับพระพุทธเจ้าทั้งคืนตอนเช้าก็บอกว่าจะไปหาพระพุทธเจ้าอีก พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นพระพุทธเจ้าเขาก็จะเชื่อหรือ แม้บอกเขาก็ยังไม่รู้ ถ้าเป็นโพธิรักษ์ก็ยิ่งไม่เชื่อ หวังว่าพวกเราก็คงไม่มีกามนิตหรือกามหน่อย แต่มีกามมาก จะไหวหรือ ขนาดกามนิตก็ยังเข้าใจไม่ได้ว่าเป็นพระพุทธเจ้า แล้วกามมากๆ จะเข้าใจหรือว่าโพธิรักษ์เป็นผู้นั้น
ในเรื่องทาน จิตเราต้องรู้อาการจิต ให้แล้วอย่ามีภพชาติต้องการอะไรตอบแทนจะมีหวังต่อไปอีก เป็นจิตที่ยังมีภพ ถ้าจิตคุณยังมีอยากจะได้อะไรต่อมันก็ยังไม่เกิด ผลของคุณก็เป็นภพชาติ แล้วยิ่งอยากได้มากถูกหลอกว่าต่อไปจะมีสวรรค์มีนรก เฟส 1 2 3 4 เป็นสวรรค์วิมานตัวตนต่อไปอีกก็ยิ่งเลอะเทอะ คนนี้ยิ่งไม่มีผลใหญ่ อย่างนี้เป็นต้น
ข้อที่ 2 ยิฏฐัง ความรู้วิธีการทฤษฎีต่างๆ ทำตามวิธีการความรู้ทฤษฎีต่างๆที่คุณเข้าใจ คุณปฏิบัติแล้วมันก็มีผลเป็นผลล้างกิเลสไม่ได้ก็นัตถิยิฏฐัง เช่นการนั่งหลับตามันไม่เกิดผลหรอก
ข้อที่ 3 สังเวยที่บวงสรวง นัตถิ หุตัง อาตมาขยายความตามภูมิ คือปฏิบัติตามที่อาจารย์สอนมาตามทานตามศีลวิธีปฏิบัติ มันไม่เกิดผลทั้งคู่เรียกว่า นัตถิหุตัง ถ้าปฏิบัติทานก็ดี มันก็แยกสองอย่างคือทานกับวิธีปฏิบัติ มีทานภาวนา ศีลภาวนาแล้วก็เกิดผลคือภาวนาเอง ทานมัย ศีลมัย ภาวนามัย มย คือการเกิดผล การสำเร็จ ภาวนาคือการเกิดผล ทานสำเร็จผลเป็นอย่างไร ศีลสำเร็จผลเป็นอย่างไรก็คือให้บรรลุ ทาน บรรลุ ศีล เป็นการเกิดผลคือภาวนา
อันที่ 3 สำเร็จผล หุตัง ห คือธาตุแท้ธาตุหลักธาตุจริงธาตุมี โหติ เป็นต้น มันไม่มีแล้วไม่เกิดแล้วเป็นต้น เพราะฉะนั้น สังเวยที่บวงสรวง คือที่เราพยายามศึกษา ปฏิบัติประพฤติ บวงสรวงคือได้ทำสำเร็จไป ให้ได้ผลเสวยผล สังเวยผล ให้ได้ผล ในการประพฤติปฏิบัติ บวงสรวงเป็นภาษาโบราณคือการคบกับพระเจ้าให้ท่านพาทำ แล้วก็ได้ผลเสพผล สังเวยที่บวงสรวงแล้ว สังเวย คือเสพรส แต่มันไม่ได้ หรือเสพผลที่ผิดๆมันก็ไม่ได้ก็ไม่มี มันก็เป็น นัตถิไม่มีผลเลย เสพผลผิดๆหรือไม่มีผลที่ถูกต้องไม่เป็นอัตถิหุตัง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอธิบายได้
ขออภัยที่ต้องย้ำว่า ที่อาตมาอธิบายขยายความมานี้ขอยืนยันว่าถูกต้อง ที่ท่านบรรยายผิดไปจากอาตมานี้ผิดขอยืนยันอย่างนั้นด้วยมั่นใจเลย สัจจะพวกนี้ไม่ง่าย มันยากที่อาตมาก็ยืนยันอีกว่า อาตมาเป็นสมณะในข้อที่ 10 เป็นสยังอภิญญา ประกาศมาแต่ต้นเลยว่าจะมากอบกู้ศาสนาพุทธ
คนหมั่นไส้เพราะว่าอาตมาไม่มีต้นทุนที่สังคมจะยอมรับดีไม่ดีเขาหาว่าเป็นขบถกับคณะใหญ่ด้วย คณะหลักของธรรมะของพระพุทธศาสนาในเมืองไทยและทั้งโลกด้วย คนทั้งโลกเขานับถือคณะใหญ่ไม่ได้นับถือโพธิรักษ์ นี่พูดมาเกือบ 50 ปีแล้ว ยังมีต่างชาติ นิดๆหน่อยๆ ไม่เชื่อถือเต็มที่หรอกเพราะเขาต้องเชื่อถือองค์กรหลักของประเทศ สมาชิกองค์กรส่วนตัวที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร รางวัลหนึ่งเดียวก็ไม่มี ใครรับรองก็ไม่มี ไม่รับรองแล้วยังตีทิ้งด้วย อาตมาก็พยายามจะฟื้นชีวิตอยู่ให้ได้ยาวนาน ปฏิบัติพิสูจน์ถ้าไม่ได้ก็เอาต้องเกิดมาต่อ อยู่ใน 5000 ปีนี้แหละ ถ้าอาตมาทำแล้วยังไม่มีผลเพียงพอได้แล้วจะเกิดมาอีกตามหาให้เจอนะ อาตมานี่แหละจะตามหาพรรคพวก ซึ่งท่าทีสงสัยมันต้องเกิดมาอีก ก็พยายามลากสังขารให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้
แค่อาตมารักษาร่างกายไปให้ถึง 151 ปีได้ เชื่อไหมว่าจะมีคนเชื่อถือมากขึ้นกว่านี้ เพราะคนที่ดันทุรังสอนธรรมะอยู่ได้กว่า 120 130 ปีมันหายากแล้ว ถ้าหากอาตมาทำได้จะเป็นปาฏิหาริย์ มันเป็นอภินิหารเป็นปาฏิหาริย์อันนั้นแหละเขาจึงจะทึ่ง เหมือนอย่างที่ต้องไปเหาะได้ แต่ไม่อย่างนั้น เดี๋ยวอาตมาเป็นการสอนแบบอนุสาสนีปาฏิหาริย์ไม่ใช่อาเทสนาปาฏิหาริย์ หรืออิทธิปาฏิหาริย์
จึงต้องพยายามรักษาขันธ์ แต่ไม่ต้องไปหาอะไรมาประเคนให้เพิ่ม ทุกวันนี้ก็มากแล้ว ก็พยายามใช้ 8 อ.
ต่อจากนั้นก็เป็นผลของวิบากกรรมมีตั้งแต่โลกียะกับโลกุตระ
อธิบายกรรมวิบากของโลกุตระก็ยาก
-
ทานที่ให้แล้ว มีผล(ให้กิเลสลด) (อัตถิ . ทินนัง) . . . .
-
ยัญพิธี (พิธีการปฏิบัติ) ที่บูชาแล้ว มีผล (อัตถิ ยิฏฐัง)
-
สังเวย(เสวย)ที่บวงสรวงแล้ว มีผล (อัตถิ หุตัง)
-
ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้ว มีแน่ (อัตถิ สุกตทุกกฏานัง กัมมานัง ผลัง วิปาโก) . .
-
โลกนี้ มี (อัตถิ อยัง โลโก) หมายถึง วนในโลกีย์เดิมๆ . .
-
โลกหน้า มี (อัตถิ ปโร โลโก) หมายถึง โลกโลกุตระ .
-
มารดา มี (อัตถิ มาตา) . . .
-
บิดา มี (อัตถิ ปิตา) . .
-
สัตว์ที่ผุดเกิดอุปปัติเอง มี (อัตถิ สัตตา โอปปาติกา) . . .
พ่อครูว่า…เป็นมารดาบิดาทางจิตวิญญาณ เช่นศีลเป็นแม่ปัญญาเป็นพ่อหรือ โพชฌงค์ 7 เป็นพ่อมรรคมีองค์ 8 เป็นแม่ อย่างนี้เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นคู่ช่วยให้เกิดจิตที่เป็นสัตว์โอปปาติกะ
จิตอันหนึ่งดับอันหนึ่งเกิด นอกจากจิตที่ผู้ที่เป็นอรหันต์แล้วจะปรินิพพานเป็นปริโยสานก็มีประตูเดียว ประตูที่ดับแล้วไม่เกิดอีกก็คือปรินิพพานเป็นปริโยสานอย่างเดียว นอกนั้นดับแล้วต้องเกิดทั้งนั้น อาตมาเป็นโพธิสัตว์ สามารถดับปรินิพพานเป็นปริโยสานได้แต่อาตมายังไม่ดับ ก็จะเกิดต่อแล้วทำอะไรให้ยิ่งกว่านี้ ที่นี้รู้ได้อย่างไรว่าตนเองจะปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ ก็ต้องรู้สิ ถ้าว่าเป็นอรหันต์ขั้นต้นอรหันต์ระดับ 4 ก็รู้แล้ว อรหันต์ขั้นที่ 5 ก็ยิ่งจะรู้มากยิ่งขึ้น อรหันต์ขั้นที่ 6 ก็ต้องรู้มากขึ้น อาตมาอรหันต์ขั้นที่ 7 ไม่รู้ได้ไง ยิ่งอรหันต์ขั้น 8 ก็ยิ่งรู้มากกว่าอีก
-
สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ) . . . . .
(พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 257)
พ่อครูว่า…คนเราบังคับกันไม่ได้ ถ้าจะมาทำงานกับพวกเราก็ถือว่าเหนื่อย ทำงานขนาดนี้ มีสมาชิกเท่านี้ก็เมื่อยพอสมควร อาตมาไม่ได้มีปัญหาหรอก เพราะอาตมาไม่ได้ต้องการบริวารไม่ได้ต้องการคนมาห้อมล้อมเยอะแยะ ถ้าอาตมาพูดไปอย่างจริงใจแต่คนก็สารพัดจะไม่เชื่อ ก็ไม่เป็นไร อาตมาไม่ได้เป็นอย่างที่อาตมาว่าต้องการอย่างนั้นอย่างนี้ อาตมาบอกว่าไม่ต้องการอะไรเขาก็ไม่เชื่ออีก
พระพุทธเจ้าสอนสัมมาทิฏฐิกับมิจฉาทิฏฐิ แล้วก็แบ่งปัน สาสวะกับอนาสวะอีกด้วย
_ร้านคุณชาย SHOPเจ้าเก่า • น่าอนาถใจยิ่งนัก มารในศาสนา อ้างตัวว่าเป็นพระอรหันต์ แก่นแท้เป็นได้แค่มารในคราบพระ ลูกศิษย์ลูกหาหลงเชื่อโดยไม่เคยทราบประวัติท่านผู้นี้ คดีเก่าๆยาวเปนหางว่าว ใครว่าผมพูดไม่จริงก็เม้นตอบผมมาได้คับ ไม่มีใครทำให้คนอื่นโดยไม่มีผลตอบแทนหลอกคับแค่มารที่แสวงหาผลประโยชน์จากคนที่ศรัทธาก็แค่นั้น
พ่อครูว่า…บางคนที่หยาบมากเกินเราไม่กล้าเอามาอ่าน บางคนก็พอเอามาอ่านให้ฟังกันได้ ประวัติอาตมามี 4 เล่มใหญ่ เขาเขียนกันเอง ไม่ใช่อาตมาเขียน ให้คุณติดตามอ่านหน่อย คดีอาตมาไม่มีเป็นหางว่าว
อาตมาไม่ต้องการเบ่งข่มอวดอ้างหรือหาพวก อาตมาพูดโดยสัจจะให้คนชัดเจนขึ้น โดยใช้หลักฐานต่างๆถ้าไม่ใช่สิ่งนี้ก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาใช้
คนเขาไม่เชื่อง่ายๆว่าอาตมาทำนี้ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน เขาไม่เชื่อเพราะเขาเอาตัวเขามาเป็นเครื่องวัด อาตมาก็ชัดเจนในตัวคุณแน่นอนว่าคุณต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน เพราะคุณจะไม่เชื่อว่า ก็ต้องเชื่อตัวเองแน่นอนว่าทำอะไรไม่หวังสิ่งตอบแทนมันไม่เป็นไปได้ ก็กูยังต้องการสิ่งตอบแทนแม้แต่นิดน้อย เขาไม่เคยเป็นไปได้จริง ทานหรือการให้อะไรใครยังไม่ต้องการสิ่งอะไรตอบแทนเลย ตัวเขาเองเขาเป็นไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเขาจะไม่เชื่อเลย แม้แต่ผู้ที่เป็นไปได้บ้างแล้วก็ไม่ใช่ง่ายที่จะตรวจสอบว่ามันมีได้เหมือนกันนะ ให้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนคนที่เรารักที่สุดให้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน คนที่เรานับถือสูงสุดให้โดยไม่ต้องการสิ่งอะไรตอบแทนหรืออะไรอย่างนี้เป็นต้น มันก็น่าจะตรวจสอบให้ดีมีได้บ้างเหมือนกัน จริงไหมต้องนับถือรัก แต่ให้ด้วยบริสุทธิ์ใจของเราเองใครก็ได้ ให้ไปแล้วไม่ต้องการสิ่งตอบแทนมันเป็นความสะอาดบริสุทธิ์จริง จิตอย่างนี้มีได้ศึกษาให้ดี
_Apple Brown • ใครจะทำอะไร สิ่งไหน ถ้าไม่ได้ไปเบียดเบียนเอาเงินภาษีของคนในชาติเหมือนบางเผ่าพันธ์ที่กำลังทำกัน คนไทยด้วยกันเองโดยเฉพาะคนที่นับถือศาสนาพุทธ ไม่ควรเอาความคิดอคติของตนมาโจมตีในสิ่งที่พระพุทธศาสนาทำ คนไทยทุกคนจงร่วมมือร่วมใจกันสนับสนุนไม่ว่าอะไร สิ่งไหน ก็แล้วแต่ที่เชื่อมโยงกับพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนานั้นถึงจะต่างนิกายแต่เราก็คือศาสนาพุทธเหมือนกัน ทุกคนควรจะร่วมมือกัน สนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อให้ศาสนาพุทธจรรโลงอยู่ในโลกนี้ อย่าขัดแย้งกัน เพราะการขัดแย้งซึ่งกันและกันจะนำมาซึ่งความแตกแยก การแตกแยกไม่เป็นสิ่งดี เพราะจะทำให้มือที่สามที่คิดจะโจมหรือบ่อนทำลายจะทำได้ง่ายมากขึ้น ขอให้รักกันไว้ สามัคคีปรองดองกันไว้เพื่อความเจริญและผาสุขของศาสนาพุทธในอนาคต สาธุ
พ่อครูว่า…ก็ถูกต้องแต่มีนัยยะละเอียดลึกซึ้งกว่านี้อีกที่ยังไม่ขออธิบายตอนนี้
_Aaa Bbb • ตลาดนัดบุญนิยม”ไม่มีการเก็บค่าเช่าแผงแม้แต่บาทเดียว” สินค้าที่นำมาจำหน่าย คือผลผลิตที่ชาวชุมชน ญาติธรรม และนักเรียน(สัมมาสิกขา)เป็นผู้ผลิต นำมาจำหน่ายส่วนเรื่องที่ค้าขายจับจองกันเอาเองอยู่ที่ว่าใครขยันกว่ากัน”ตื่นเร็วตื่นช้า” สินค้าที่นำมาจำหน่ายคือสินค้าที่ทุกคนยินดีจำหน่ายในราคาต้นทุนไม่มีกำไร และต่ำกว่าทุน ไม่มีกำไร แต่สิ่งที่ได้คือ”บุญนิยม” ต้องเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเอง จึงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร หากจะถามว่าทำไมผมถึงรู้ดีจัง ผมตอบได้ไม่อาย ผมนี้แหล่ะ ” สัมมาสิกขา “
พ่อครูว่า…เราทำเพื่อมวลชน ตั้งตลาดประชารัฐ ก็เพื่อประชาชน มีเงื่อนไขเล็กน้อย 4 ห้าม 3 ต้อง อาตมาก็เลือนๆแล้วจำไม่ได้ ก็มาศึกษาดู
_ขอบคุณ สู้สู้ • ไม่ต้องคิดมากหลวงปู่ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว แต่อย่าไปว่าสายหลวงปู่มั่นก็แล้วกันก็ท่านจะบาป
พ่อครูว่า..หลวงปู่ไม่ได้คิดมากอยู่แล้ว เป็นคนเข้าใจง่ายเข้าใจไวมีปัญญาก็เลยไม่ต้องคิดมาก คนคนนี้คงเป็นสายหลวงปู่มั่นไม่ให้แตะ ก็ขออภัยคุณขอบคุณสู้ๆว่าอาตมาก็ขอแตะขอว่าหลวงปู่มั่นบ้างเหมือนกัน เป็นคราวๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจตีทิ้งหรอก ก็ต้องตำหนิ ส่วนดีของหลวงปู่มั่นมี แต่อาตมาว่าส่วนดีนั้นยังไม่เป็นโลกุตระทีเดียว มันยังมีโลกียะอยู่ อาตมาก็ไม่อยากจะยกเท่าไหร่ ส่วนดีมีน้อยแต่ไม่ค่อยจะมีประโยชน์เท่าไหร่เพราะเป็นพระป่า คนที่เป็นพระป่าจะมีประโยชน์ต่อสังคมน้อย คนที่ศึกษาไม่ทำสิ่งชั่วทำสิ่งดีก็จะมีประโยชน์หน่อยถ้าอยู่ในเมือง แต่ถ้าอยู่ในป่าสิงสาราสัตว์มันก็ไม่รู้เรื่องด้วย เป็นคนป่า ศาสนาพุทธจึงไม่ใช่ศาสนาของคนในป่า เป็นศาสนาของคนในเมืองเป็นศาสนาของคนเมือง ศาสนาคนป่าก็เป็นศาสนาของคนที่เข้าใจผิดที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอัมพัฏฐสูตร ไปแสวงหาอาจารย์ในป่า ท่านตรัสไว้ตั้งแต่สมัยเริ่มสร้างศาสนา ท่านก็บอกไว้ในอัมพัฏฐสูตร ว่าผู้ที่มีวิชชาจรณสัมปันโนไม่ได้มีอยู่ในป่า หรือคนที่ยังมีเดรัจฉานวิชา จุดธูปจุดเทียนบูชาไฟ มีไฟเป็นสื่อมีน้ำเป็นสื่ออัคคียัญสิญจนยัญยังไม่ใช่สัมมาทิฏฐิ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าพูดไปแล้วศาสนาพุทธจะต้องล้มไปทั้งศาสนาเลย เพราะว่าถ้าไม่มีจุดธูปจุดเทียนทำพิธีกรรมก็เท่ากับล้มไปทั้งหมดเลย อาตมาไม่ปรารถนาจะทำอย่างนั้น เพราะถ้าล้มไปหมดเลยให้อาตมารับผิดชอบอาตมารับไม่ได้ไม่ไหว รับผิดชอบศาสนาพุทธทั้งหมดเลยในประเทศไทยไม่ไหว บอกตรงๆว่าไม่ได้ เพราะฉะนั้นท่านทำไปเถอะ ส่วนที่ท่านยังไม่ถูกต้องทีเดียวก็ไม่เป็นไร เพราะว่าสิ่งที่เป็นอบาย ยังเป็นเดรัจฉานวิชา สิ่งเหล่านี้เขาก็พอรู้ว่าจะต้องลดละก็อนุโลมได้
_แล้วแต่ ใง • ไม้ร่มต่อยมันเลยกลัวมันทำมัย….
พ่อครูว่า..อาตมาก็ไม่รู้ว่าแนะนำใครคนนี้ ไม้ร่มไม่ต่อยใครหรอก อย่างดีก็เอามือไปจิ้มจมูกเขาแค่นั้น ระวังเขาจะกัดนิ้วให้
_Bigmama Tim • คนทิ่อยู่ในชุมชนสังกัดของสันติอโศกไม่กินเหล้าไม่เสพยาเสพติดไม่เล่นการพนันชาวบ้านอยู่คล้ายระบบกงสี…มีสาวกไม่เยอะสู้วัดธรรมกายไม่ได้
พระสันติอโศกต้องทำงาน ทุกคนเขาปลูกข้าว ผัก ผลิตยา ของปฐมอโศกขายอาหารเจ ปลูกผลไม้…เอาขยะมาแปลงเป็นเงินสร้าง TV ช่องบุญนิยม
พ่อครูว่า..เป็นระบบกงสีจริงๆเลยไม่ใช่คล้ายเท่านั้น
_คนแปลกหน้า ที่รู้จักดี • ไม่ใช่พระครับแต่แต่งตัวเหมือนพระเขาเรียกตัวเองว่าสมณะ และพ่อครูของเขานั่นละ ซึ่งแปลงคำสอนให้มันเข้ากับตัวเอง เป็นลัทธิหนึ่ง ไม่ใช่พระในศาสนาแต่อย่างใด เหมือนกับสมัยพุทธการที่แข่งกันเป็นศาสดาของลัทธินั้นๆนี่ก็เหมือนกัน เป็นหัวหน้าลัทธิ ที่เริ่มเป็นอาณาจักรใหญ่ๆขึ้น เดี๋ยวเขาปล่อยให้สร้างใหญ่กว่านี้สมบูรณ์กว่านี้ก็เข้าไปยึด
พ่อครูว่า..ใครหนอเขาที่จะมายึด ก็มายึดก็ได้ ไม่ขยายความ
_เลียนแบบ เขามาติ่ • คือกลุ่มชนผู้ รักษาปฏิบัติ อธิศิล ได้อย่างปราณีต แน่นหนัก มั่นคง ยั่งยืน ด้วยการ ฝึกพึ่งพาตนเอง ฟันฝ่า อุปสรรค ความยากลำบาก มาได้อย่างเข้มแข็ง อดทน กระทั่งพบกับความผาสุกแท้ๆ ทั้งสุขภาพร่างกาย และจิตวิญญาณ…ซึ่งหาบุคคล ที่จะปฏิบัติ ได้เช่นท่านเหล่านี้ ยากมากๆๆ สาธุค่ะ.
_AMERICAN IS REAL •อย่าเชื่อเขาครับพระผู้นี้เเม้เเต่ศีลพระเขายังทำไม่ได้ เล่นการเมืองไปทั่ว ใส่รองเท้าอีกต่างหาก พระผู้นี้ไม่ควรนับถือครับ
เรียนงี้นะครับพระสงฆ์ห้ามใส่รองเท้ามันอยู่ในกฎสงฆ์หรือว่าคุณจะเถียง????
พ่อครูว่า..คุณคนนี้จะรู้จักศีลของพระหรือเปล่านะ เอาประเด็นใส่รองเท้าประเด็นเดียวมาตีทิ้งก็น่าสงสาร ไม่รู้ว่าอาตมาเอาศีลของพระพุทธเจ้าคือจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มายืนยัน แล้วสมณะพระชาวอโศกมี จุลศีลมัชฌิมศีล มหาศีล แต่พระของเถรสมาคมไม่ถือศีลเหล่านี้แล้วมีแต่วินัย 227 ข้อ ไปถามพระเขาดูว่ามีศีลเท่าไหร่เขาก็จะตอบว่ามี 227 ข้อซึ่งมันเป็นพระวินัยไม่ใช่ศีล ก็ให้ศึกษาให้ดีๆ พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้านี้ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34
_ภาณุ 168 • คุณก็ลองเดินถอดรองเท้าไปในทุกสภาพ จะได้เข้าใจว่าทำไมต้องใส่รองเท้า. คุณจะยึดอะไรล่ะ ถ้าเอาตามที่กำหนด ก็มีแค่ผ้า 3 ผืน บาตร 1 ใบ สายตามีปัญหาก็ห้ามใส่แว่น คอนแทคเลนส์ เวลาหนาวก็ห้ามใส่เสื้อกันหนาว เวลาทำงานก็ห้ามใส่ถุงมือป้องกัน เวลาเดินไปในที่เป็นอันตรายห้ามใส่รองเท้าป้องกัน ชาวอโศกมีวัตรไม่ใส่รองเท้าเป็นปกติ แต่ก็ไม่ได้ยึดจนเพ่งโทษผู้อื่น พ่อครูท่านอายุ 85 ปีแล้ว และก็เคยลื่นล้มหลายครั้ง ลูกๆก็เป็นห่วงขอให้ใส่รองเท้าป้องกัน พ่อครูท่านต้องเดินออกกำลังกาย เดินตรวจ เดินเยี่ยมในคราวเดียวกันเป็นประจำ ซึ่งต้องไปในทุกพื้นที่ที่อาจเป็นอันตรายได้ ก็จะใส่รองเท้าสำหรับเดินออกกำลังกาย…
_AMERICAN IS REAL • (ตอบภาณุ 168 ) นี่ รึ ที่ เรียก ว่า อรหันต์??? ยุ่งการเมืองมองไกลพูดจาอะไรไม่รู้พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เเล้วว่าพระสงฆ์ต้องละทิ้งทางโลกไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือว่ากูฟังมาผิดตอบหน่อยดิ้
พ่อครูว่า..ฟังมาผิดๆเพี้ยนๆ ต้องค้นคว้าให้ดี คำว่าไม่ยุ่งกับการเมืองก็ลึกซึ้ง ศาสนาพุทธไม่ใช่ยุ่งกับการเมือง แต่ทำการเมืองให้เรียบร้อย ก็ศึกษาดีๆ
_guru x • สาธุคนับ คน้อยเห็นแล้วชื่นใจ แต่ก็อดห่วงวัดกระแสหลักส่วนใหญ่
นับวันยิ่งหาวัดหรือสถานปฏิบัติธรรมที่ร่มรื่นและเกื้อกูลเป็นสัปปายะแก่ปุถุชนน้อยลงทุกที
จะพอมีก็เพียงนับนิ้วมือได้ วัดชลประทานฯ วัดพระรามเก้า วัดท่านคึกฤทธิ์
วัดที่สร้างงานช่วยเหลืออาชีพชาวบ้านก็มีวัดสวนแก้วของหลวงพ่อพยอม แต่ติดตรงคนก็ยังมีคนกินเหล้าสูบบุหรี่แอบแฝงอยู่ และมีคนแอบแฝงหาผลประโยชน์จากหลวงพ่อ วัดป่าน่าเลื่อมใสส่วนใหญ่ก็หลีกเร้นอยู่ห่างสังคมเมือง วัดหลวงพ่อชา วัดป่าสุขโตของหลวงพ่อไพศาล สวนโมกข์ ของท่าน ว. ก็ไกล แต่วัดป่าหลายที่ก็เลอะเทอะมีแต่คนไปหาเครื่องรางของขลัง เลี้ยงสัตว์ป่า วัดในเมืองก็มีแต่สิ่งก่อสร้างที่ส่วนใหญ่มีแต่เอาไว้ดักล่อ เรี่ยไรทรัพย์จากประชาชน ตู้บริจาค โต๊ะเสี่ยงเซียมซี ค่าธูปเทียนดอกไม้บูชา หลายวัดก็เต็มไปด้วยขี้หมาขี้แมว ห้องน้ำสกปรกเลอะเทอะ พระเณรก็เอาแต่ดูทีวี นอนจำวัด เจ้าอาวาสก็มีแต่เดินสายรับซองหาเงิน ไม่มีเดินดูความเรียบร้อยหรือสอดส่องพฤติกรรมพระเณร ใครลงอุโบสถ ใครละเมิดวินัย
ยิ่งวัดในเมืองแค่เรื่องบิณฑบาตรก็มีเส้นสายกัน ใครใกล้ชิดผู้ใหญ่ก็ได้บิณเส้นหมู่บ้านคนรวย กุฏิก็เต็มไปด้วยเครื่องสังฆภัณฑ์จนเหลือล้น อีกทั้งโต๊ะหมู่บูชาพระพุทธรูป พระเครื่องคนมาวัดถวายของแล้ว ฟังพระสวดภาษาบาลีก็คิดว่าได้บุญแล้ว กลับไปบ้านก็ฆ่าเป็ดฆ่าไก่กินเหล้า เล่นหวยแบบเดิมๆ
_สุปัญญา จันทะคำ • สำนักนี้เคยร่วมชุมนุมกับไอ้เทือกปิดกรุงเทพ
พ่อครูว่า..ก็ใช่ จริงๆเราไปตั้งหลักก่อน คุณสุเทพก็ตามมาทีหลัง เขาเป็นนักการเมืองก็ทำเป็นกลุ่มใหญ่ได้เป็นกปปส. ชัตดาวน์กรุงเทพฯ เป็นนัยที่มีความถูกต้อง ประชาชนก็มีปัญญาก็มาร่วมกัน ของเรายืนยาวยืนนานปักหลักเป็นแก่น เป็นเรื่องเก่า นักรัฐศาสตร์ก็จะศึกษาต่อไปในอนาคตรายละเอียดพวกนี้เป็นเรื่องลึกซึ้งมาก อาตมาก็ว่าอาตมาเป็นนักรัฐศาสตร์คนหนึ่งที่ทำการเมืองชั้นสูง ขอยืนยันว่าอาตมาทำการเมืองชั้นสูง
เช่น พาไปออกสนามรบ ใช้ความสงบเป็นอาวุธอย่างนี้เป็นต้น ใช้ความสงบสยบความรุนแรงก็ชนะมาหลายศึก ใช้ความสงบและก็ชนะพวกมีอาวุธพวกรุนแรง มันเป็นสงครามชั้นสูงที่สุดแล้ว จะท้าให้พวกเราใช้ความสงบสยบความรุนแรงออกไปรบกับต่างประเทศได้ไหม อาตมาว่าก็ว่ายาก เพราะคนไม่มีภูมิธรรม เขาเอาความสงบไปฆ่าทิ้งหมดเพราะเป็นเรื่องยากไม่รู้อะไร อย่ามาท้าเสียให้ยากหรอกไม่ไป ในประเทศไทยทำได้เพราะเป็นคนชั้นสูงมีภูมิธรรม ยอมแพ้แก่ความสงบความดีงาม เป็นคุณธรรมอันสุดยอดของมนุษย์ในโลกซึ่งควรจะศึกษาอันนี้แล้วมาสู่จุดนี้กัน ใครถึงก่อนก็คือคนถึงก่อนคนบรรลุธรรมสูงเป็นคนชั้นสูง คนยังไม่ถึงก็ตามมาก็แล้วกัน
_มนัส คงเพชรศักดิ์ ถ้าเรื่องเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แล้วละก้อ..พระโพธิรักษ์ท่านสู้เต็มที่
(ในน้ำคำส่งมา…จากเรื่องชาวบ้านราชจัดโรงบุญ โรงครัวพระราชทานทุ่งศรีเมืองค่ะ)
_สุพัฒน์ เบ้าวันดี ท่านไม่สงสาร ลูกศิษย์อาจารย์มั่น ธรรมกาย ยุบหนอ พองหนอ อาณาปานัสสติบ้างหรือ ว่าอาจารย์เขาไม่ใช่อรหันต์ ว่าเขาจะทุกข์ใจขนาดไหน แม้ ท่านจะว่าด้วยความหวังดีก็ตาม แต่มันกลับกลายเป็นทำร้ายจิตใจให้ได้รับทุกฺข์ทรมาน ความเข้าใจของท่านอย่างหนึ่ง แต่มันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด ท่านรับผิดชอบความรู้สึกเขามั้ย หรือพูดไปแล้วใครจะรู้สึกยังงัยก็ชั่ง แล้วแต่กรรมใครกรรมมัน ถ้าท่านไม่พูดเขาจะมีกรรมอันนี้มั้ย ถ้าพูดอย่างกฎทางโลก ก็พอคุยกัน แต่พูดกับลูกศิษย์ท่าน จะหนีไปโลกุตระ ไปนิพพานกันหมด ไม่มีคำตอบ จากคำถามนี้สักที
ท่านก็พูดสั่งสอน ให้เห็นโทษของการ ผูกอาฆาต ประสงค์ร้าย มุ่งทำร้าย ว่าเป็นบาปเป็นกรรม ให้ละให้ตาย แต่ว่าสิ่งที่ท่านพูดมันคืออะไร ผมไม่ใช่อรหันต์ และไม่ฉลาดเรื่องโลกุตระ แต่เรื่องนี้ต้องขอยกเว้น ผมว่ายังงัยก็ไม่ถูกต้อง ขอยืนยัน
ถึงท่านจะเป็นอรหันต์ ผมก็เชื่อว่าท่านอื่นก็เป็นอรหันต์เหมือนกันเพราะเขาก็ปฎิบัติตามคัมภีร์ สิ่งที่ท่านอ้างคัดค้านรู้สึกยังไม่ถูกต้อง จึงสรุปว่า คงเป็นอรหันต์คนละทาง คนละวิธีการ คนละโลกุตระ คนละนิพพาน ส่วนใครจะเป็นทาง มัชฌิมาปฎิปทา สายกลาง ตามพระพุทธเจ้า ต้องพิจารณาดู แต่ปฎิบัติจนถึงที่สุดทั้งนั้นแหละ ให้คำตอบตัวเองได้ชัดเจน แต่สำหรับคนอื่น ยังไม่
พ่อครูว่า..คุณถามมานี่ไม่ให้อาตมา ไม่คิดว่าอาตมาไม่รู้หรืออย่างไรว่าไปว่าเขาไม่เห็นใจเขาหรือ อาตมาก็ขอบอกว่า การเห็นใจนั้นเห็นใจ แต่พอเห็นใจ อาตมาจึงเห็นทั้งกายและใจเพราะปล่อยไปเขาจะตกนรกไปอีกนาน เขาจะงงมงายไปอีกนาน อาตมาก็รีบ ท้วงให้เขาตื่นให้เขารู้ว่า ว่าสำนักธรรมกายสำนักอื่นๆที่อาตมาตี ที่อาตมาท้วงว่าผิด ท้วงด้วยใจบริสุทธิ์ให้ไปศึกษาให้ดีๆไม่ได้ด่าแบบสาดเสียเทเสีย แต่ด่าอย่างมีเหตุมีผลมีหลักฐานยืนยันไปศึกษาให้ดี ท้วงติงว่าผิดจริงๆด้วยความรู้ทางศาสนาจริงๆไม่ได้ด่าอย่างบำเรอกิเลสตัวเองไม่ใช่ เป็นความปรารถนาดีที่มีความซับซ้อนหมุนรอบเชิงซ้อนหลายชั้น คุณก็ศึกษาให้ดีๆว่าเป็นความปรารถนาดีของผู้ที่จะต้องเตือนสิ่งที่มันยังไม่ดี ปรารถนาดีที่เตือนสิ่งที่มันยังไม่ดีที่มีความซับซ้อนหลายชั้น ให้ผู้นั้นเขารู้ คุณไม่ต้องไปเดือดร้อนแทนท่านหรอก เพราะขณะนี้ที่คุณไปเดือดร้อนแทนอาจารย์มั่นธรรมกายยุบหนอพองหนออานาปานสติ คุณจะแย่เอานะ อย่าไปเดือดร้อนแทน เอาตัวเองให้รอดก่อน ขอบอกด้วยความหวังดี ขอยืนยันว่าอาตมาทำนี้ไม่ผิด คุณเองยังไม่เดียงสาเท่าไรไม่รู้อะไรมาก ศึกษาให้ดีแล้วคุณจะได้รู้
อาตมาก็ขอยืนยันว่าอาตมาพูดถูกต้อง สรุปคุณเห็นอย่างหนึ่งอาตมาเห็นอย่างหนึ่ง คุณพูดมาอีกอาตมาก็ไม่เถียงแล้ว ภาษาไทยมันก็ต่างกันอยู่ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เป็นอรหันต์คนละทางคนละวิธีการก็ใช่คนละโลกก็ใช่ คนละนิพพานก็ใช่
ศึกษาให้ดีอาตมาก็เห็นใจเหมือนกันบังคับกันไม่ได้ที่จะให้รู้ใครรู้อย่างไรก็ตามอย่างนั้น
_SMS วันที่ 7 พ.ค. 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ สมณะ สิกขมาตุ สันติ)
_อัมพร กุลศักดิ์ศิริ · กราบนมัสการครับ ติดรายการบุญนิยมt.v ไม่มีเวลาไปเล่นเฟสเล่นไลน์ อย่างนี้ถือว่าเป็นกิเลสไหม?ครับ
พ่อครูว่า..ไม่ถือว่ากิเลสหรอก เล่นเฟสเล่นไลน์มีให้เล่นอยู่เยอะแยะไปไม่ต้องเป็นห่วงมากหรอกพวกนั้น มาอันนี้เป็นคราวๆ อาตมาเทศน์บรรยายเป็นครั้งคราว คุณไปดูสดๆก็เอาสดๆไปก็แล้วกัน
สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน
สมณะแสนดิน
_ปัญญาเหมือนหรือต่างกับปัญญินทรีย์อย่างไร
พ่อครูว่า..ปัญญินทรีย์มีคำว่าอินทรีย์เติมเข้ามา ปัญญาคือธาตุรู้ขั้นโลกุตระ ปัญญาเป็นคำที่มีแต่ในศาสนาพุทธเท่านั้น แต่คนเอาปัญญาไปใช้ในความหมายของเฉกะหรือเฉโก จนทุกวันนี้คนไม่ใช้คำว่า เฉกะหรือเฉโกกันแล้ว ซึ่งเป็นความฉลาดที่หลอกคนได้มากซับซ้อนเขาก็เลยไม่ชอบใจไม่ใช้ ตีทิ้งเอาปัญญาไปแทนหมด ทั้งๆที่ปัญญาเป็นความฉลาดโลกุตระ เป็นความฉลาดที่ลดกิเลสไม่มีกิเลส พระอรหันต์มีปัญญาเต็มจนไม่มีกิเลส
ความรู้ของคนเป็นความรู้ของโลกียะวนเวียนไม่มีทางออกที่วนไปหานิพพาน พอเริ่มต้นมีความรู้แบบอื่น หรืออัญญะ เป็นธาตุรู้อื่นต่างจากโลกียะ เริ่มต้น อัญญาโกณฑัญญะมี อัญญธาตุนี้เกิดแล้ว อัญญาสิวตโภโกณฑัญโญ ๆ อัญญาสิ คืออัญญาเป็นธาตุรู้ตัวนี้ ธาตุตัวนี้เกิดในจิตของโกณฑัญญะแล้วหนอ เกิดแล้วในโลกกับมนุษย์คนแรกเป็นธาตุรู้แบบปัญญา
อัญญา สัญญา ปัญญา เริ่มต้น ปัญญาจะเจริญขึ้นๆ ตามลำดับ เป็นปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละตามลำดับ
ปัญญา กับปัญญินทรีย์คือ ความเจริญขึ้นของปัญญามี 3 ขั้น ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ปัญญาพละหมายถึงกำลัง มีแรงกำลังมากขึ้นมีอินทรีย์ 5 พละ 5 เป็นต้น
เจริญขึ้นด้วยอินทรีย์ 5 เจริญขึ้นด้วยพละ 5 เป็น ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละอย่างนี้เป็นต้น ก็ต้องการอ่านปัญญาที่จะเกิดได้
ในมหาจัตตารีสกสูตร พระพุทธเจ้ายืนยันว่าปัญญาจะเกิดได้จะต้องมีองค์ประกอบในการปฏิบัติด้วย ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ สัมมาทิฏฐิ มัคคังคะ แล้วก็จะทำให้เกิด ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ เป็นองค์ 6 ของการเกิดปัญญาในมหาจัตตารีสกสูตรในข้อ 258
เป็นองค์ทั้ง 6 ที่ประกอบขึ้นเป็นปัญญาโลกุตระหรืออาริยะ
อาตมาก็ขยายความมาหลายปีแล้วตั้งแต่เขียนสมาธิพุทธ แล้วอธิบายส่วนย่อยอีกเยอะแยะ หลายครั้งหลายคราวว่า สัญญาต้องเกิดอย่างลืมตามีการปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ไม่ใช่ปัญญาคือการนั่งหลับตาสะกดจิตเข้าไปแล้วปัญญาจะโผล่ โพล่ง ขึ้นมาเอง อันนั้นไม่มีปัญญาหรอก สิ่งที่เกิดมีแต่สัญญา สัญญาคือความรู้ความจำในคลังความรู้เท่านั้นไม่มีอะไรใหม่ ปัญญาต้องมีอะไรใหม่ ต้องมีองค์ประกอบร่วมภายนอกและภายใน นัยยะของวัฏฏะ คือสิ่งที่ใหม่สิ่งที่เกิดการปรุงแต่งขึ้นใหม่เป็นปัญญาเป็นความรู้ทางโลกุตรธรรมมีองค์ประกอบภายนอกด้วย จึงจะเรียกว่าปัญญา หากว่าวนอยู่ในความรู้เก่าในคลังความจำคุณไปรู้ความจำของตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ คุณก็ดูของเก่าของคุณเท่านั้นคุณไม่ได้เจริญทางปัญญา
สัญญากับปัญญาก็ต้องรู้ว่ามันมีความหมายต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ อย่างยิ่ง
ปัญญินทรีย์คือความเจริญของปัญญา
_สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ 6 อย่างคืออะไร
พ่อครูว่า…ก็คืออบายมุข ก็ไล่ไปสิ เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น เล่นพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้าน เสพสิ่งเสพติด
_เกิดมามีอะไร มีชีวิตสิ้นสุดอยู่ที่ไหน
พ่อครูว่า…สัตว์เริ่มต้นจากเซลล์เดียวคือพัฒนาการของเอกภพจักรวาล ก็พัฒนาจากอุตุนิยาม เป็นพีชนิยาม เป็นจิตนิยาม ตั้งแต่เป็นสัตว์เซลล์เดียวมันเกิดมาอย่างไม่รู้ คนที่พัฒนาก็เรียนจากเป็นเวไนยสัตว์แล้วเรียนรู้ จนดับจิตนิยามได้หมดต่างหาก
คนไม่เรียนรู้ไม่รู้เกิดมาเป็นสัตว์โลกโดยธรรมชาติ อวิชชาอยู่ทั้งนั้น สูงสุดทางโลกีย์ก็ดีชั่วสลับกันไปตกนรกขึ้นสวรรค์ ขึ้นสวรรค์ตกนรกวนเวียนอยู่ไม่รู้แล้วนานนับชาติ โดยใช้จิตนิยามเป็นตัวศึกษา เป็นตัวพัฒนาตัวเองแล้วก็ ลืมแล้วเหลิง ทำชั่วลงนรกใหม่ วนเวียนไม่รู้จบจนกว่าจะรู้ทางรอดว่าทางไหนไม่ต้องลงนรกอีก เริ่มต้นจากนรกขั้นต้นเรียกว่า อบายภูมิ กามภูมิรูปภูมิ ถึงจะเลิกกันวนเวียนในอบายภูมิแล้วเข้าสู่กามภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ จนไม่ต้องตกไปในภูมิไหนอีกเลย เลิกตกนรกอีกเลย หมดนรก นรกกับสวรรค์อันเดียวกัน เมื่อเลิกตกนรกก็ไม่มีสวรรค์ไม่มีนรก จบ นี่คือศาสนาพุทธศาสนาเดียวเท่านั้นที่ตีแตกเทวะสวรรค์นรกหรือคู่วนเวียน ศึกษาให้ดีแล้วจะได้ แล้วเป็นจิตใจที่จะมีปัญญาจริงๆเป็นจิตเมตตาเป็นพรหมจริงๆ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาเป็นจิตซื่อสัตย์ที่สุด ถึงทำประโยชน์ให้แก่มนุษย์โลกอย่างจริง เป็นพระอรหันต์และจะมีครบตรงนี้แล้วยิ่งสั่งสมบารมีเป็นโพธิสัตว์ ระดับสูงเพิ่มขึ้นจะยิ่งรู้เข้าใจความจริงความซื่อสัตย์อันนี้ แล้วทำประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติ จนสูงสุดจะปรินิพพานเป็นปริโยสานเมื่อใดก็ได้ สิ่งที่เกิดมาสูงสุดก็เป็นอย่างนี้สิ้นสุดเป็นแบบนี้
_ความจริงของจริงคือจิต คือจิตที่ไม่รู้จักตายใช่หรือไม่
พ่อครูว่า..จิตที่ไม่รู้จักตายสายเทวนิยมคืออมตะ เขาไม่สามารถฆ่าหรือทำร้ายจิตของเขาให้สูญปรินิพพานเป็นปริโยสาน เขาทำไม่ได้ แต่พุทธศาสนาทำได้ แทนที่จะอยู่ไปอีกนานแสนนานเช่นพระอวโลกิเตศวรเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีปณิธานสูงมาก จะช่วยคนรื้อขนสัตว์ให้หมดเป็นคนสุดท้ายท่านจึงจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน เป็นปณิธานอุดมคติที่สูงสุด พระอวโลกิเตศวรหรือแปลงเพศเป็นเจ้าแม่กวนอิม ศึกษาให้ดีแล้วเราจะเข้าใจ ไม่มีปัญหา คุณจะเอาอย่างก็เอาสิ จนกว่าคุณจะเห็นว่ามันไม่ได้หรอก ท่านอวโลกิเตศวร ท่านปรินิพพานเป็นปริโยสานแล้วคุณจะไปแทนก็ได้หรือคุณบอกว่าไม่ไหว ตามพระอวโลกิเตศวรมันนานมากไม่ไหว ขอปรินิพพานเป็นปริโยสานปริโยสานก่อน แต่พระอวโลกิเตศวรท่านตั้งปณิธานไว้ก็ตัวใครตัวมัน อาตมาไม่ได้สงสัยหรอก อาตมาไม่ได้ตามพระอวโลกิเตศวร อาตมาตามพระสมณโคดม ขอเป็นพระพุทธเจ้าสมัยเดียว ไม่เอา 2 สมัยด้วย ทุกวันนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะรีไทร์ตัวเองหรือเปล่าเพราะว่าอาตมารีไทร์ตัวเองได้ปรินิพพานเป็นปริโยสานเมื่อใดก็ได้ แต่ตั้งใจจะเอาให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งให้ได้ อาตมาเข้าใจลักษณะ 4 ที่เป็นอนิจจตา อุปจยะ สันตติ ชรตา อนิจจตา อาตมาก็จะเอาหรือไม่เอาก็เรื่องของอาตมาอย่ามายุ่งกับอาตมา ถ้าจะเอากลับมาก็มายุ่งได้ แต่ถ้าอาตมาไม่เอาก็มายุ่งไม่ได้
_พรรณาปีติกับ อภิปโมทยังจิตตัง เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
พ่อครูว่า…พรรณาปีติไม่มี มีแต่ ผรณาปีติ พรรณาคือต่อความยาวสาวความยืดไปเรื่อยๆไม่ใช่อย่างนั้น
ผรณา แปลว่าบางเบาแผ่ซ่าน ปีติมี 5 ปีติ
-
ขุททกาปีติ (ปีติเล็กน้อย) เป็นปีติได้เป็นเรื่องๆ
-
ขณิกาปีติ (ปีติชั่วขณะ) เป็นเวลาขณะนั้นขณะเดียว สองขณะสามขณะก็แล้วแต่เป็น static
-
โอกกันติกาปีติ (ปีติเป็นพักๆ) เป็นครั้งๆ เป็น dynamic หมายความว่าคนจะสร้างปิติอย่างโลกียะ หรือปิติอย่างโลกุตระ จะสร้างให้เป็นขนาดก็แล้วแต่ ก็สร้างให้มันสั่งสม หยั่งลงในจิต โอกกันติ แม้แต่การเกิดก็มี ชาติ สัญชาติ โอกกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ ถ้าเป็นทางโลกียก็ไปไม่รอดถ้าเป็นทางโลกุตระก็จะไปรอด
-
อุพเพงคาปีติ (ปีติแรงกล้า โลดลอย) หมายความว่าปีติแรงจนต้องระเบิด เหมือนคนทั้งโลกที่เส้นประสาทแตกต่างช็อกตายดีใจจัดเสียใจจะตาย นี่คือพวกที่มี อุพเพงคาปีติ กระโดดโลดเต้น พวกที่เตะเข้าโกลเล่นฟุตบอล ก็ดีใจ จนจะตาย พวกที่ชกเอาชนะ เสียใจจนตาย หรือมันแรงกระโดดโลดเต้นเหาะได้อะไรอย่างนี้เป็นต้นเป็นไปในทางอภินิหารก็มี คือแรงจนมีฤทธิ์วิเศษ
-
ผรณาปีติ (ปีติซาบซ่าน) บางเบาแผ่ซ่านอาศัย เรียกว่าผรณาปีติ อาศัย หรืออภิปโมทยังจิตตัง ซึ่งเป็นจิต