620602_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หมูปุถุชนทำการกู แต่หมู่อาริยชนทำการเมือง
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1YrvkeB5Jk50hgjF45fSgbs8gLYZD757pT9DlTwl-AE8/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ .. https://drive.google.com/a/ssv-asoka.ac.th/file/d/1iJ4cCJj6Q6cTi7ZSJCFvm-Vg-LWSs0XL/view?usp=drivesdk
สมณะฟ้าไท…วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2562 ที่บวรราชธานีอโศก พรุ่งนี้เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระราชินีในหลวงรัชกาลที่ 10 จะมีการแจกอาหารจัดโรงบุญมังสวิรัติ ที่ลานต้นไทรข้างน้ำตกบ้านราชฯ วันที่ 5 ก็เป็นวันสำคัญ 5 มิถุนายนเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลกและเป็นวันคล้ายวันเกิด พ่อครู ราชธานีอโศก และเป็นวันที่ประเทศไทยจะเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย
พ่อครูว่า…SMS วันที่ 31 พฤษภาคม 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครู)
_6218 พุทธศาสนามีหลายสาย ในเมืองไทย ใครชอบสายไหน ก็ไปสายนั้น แต่อย่า เที่ยวตำหนิกัน ก็ใช้ได้ครับ
พ่อครูว่า..คุณพูดอันบนถูกต้องแต่อันล่างไม่เป็นไปตามคำสอนพระพุทธเจ้า เป็นสากลสามัญคนต่างความคิดเห็นก็แยกกันไปหลากหลายมากมาย แม้แต่ความเชื่อเรื่องพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าท่านตรัสของท่านว่า ”มรรค มีองค์ ๘”นั้นคือ “ทางเอกทางเดียว ไม่มีทางอื่น”(เอเสวมัคโค นัตถัญโญ) ล.25 ข.30 ทางมีองค์แปด ประเสริฐกว่าทางทั้งหลาย
ทางเอกทางนี้ทางเดียว ไม่มีทางอื่น ถ้าแค่นี้จำกัดความไม่ชัดก็ล้มเหลว พระพุทธศาสนามีหลายสายในเมืองไทยก็เป็นไปตามที่ชอบความชอบ ก็แยกกันไปได้แต่มันไม่ตรงคำสอนพระพุทธเจ้า คําสอนพระพุทธเจ้านั้นมีทางเดียวไม่มีทางอื่น มีแต่ทางนี้ ทำความเข้าใจให้ชัดเจนแค่นี้ไม่ชัดแล้วแน่นอนคุณก็เสียเวลาอีกนานถ้าแน่ชัดแล้วว่าทางนี้ทางเดียว ตามสัมมาทิฏฐิ มีทางเดียวคือสัมมาอาริยมรรค มรรคที่เป็นทางเดียว ผู้ที่ฉลาดผู้ประเสริฐอย่างเป็นอาริยะเห็นได้รู้ได้ ถูกตรงมันถึงจะใช่
ทางของพระพุทธเจ้ามีทางเดียว ทางอื่นๆไม่มี จะแตกไปอีกกี่ทางก็เป็นเรื่องของคิดถึงแต่ละคน จะทางเอกต้องมีทางเดียวทางที่ถูกมีทางเดียว พระพุทธเจ้าก็ยืนยันของท่านว่ามีทางเดียว เอาให้ชัดๆ
อันหลังบอกว่า แต่อย่าเที่ยวตำหนิกัน ก็ใช้ได้ครับ อันนี้ขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย ที่ว่า…ผู้ชี้ขุมทรัพย์ !
อานนท์ ! เราไม่พยายามทำกะพวกเธอ อย่างทะนุถนอม
เหมือนพวกช่างหม้อ ทำแก่หม้อ ที่ยังเปียก ยังดิบอยู่
อานนท์ ! เราจักขนาบแล้ว ขนาบอีก ไม่มีหยุด
อานนท์ ! เราจักชี้โทษแล้ว ชี้โทษอีก ไม่มีหยุด
ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้.
อุปริ. ม. ๑๔/๒๔๕/๓๕๖.
คนเรา ควรมองผู้มีปัญญาใด ๆ ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าว
คำขนาบอยู่เสมอไป ว่าคนนั้นแหละ คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์
ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น
เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่
ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว ไม่มีเลวเลย.
ธ. ขุ. 25/25/16.
นิคคัณเห นิคหารหัง ปัคคัณเห ปัคคหารหัง ชมคนที่ควรชม ตำหนิคนที่ควรตำหนิ
ความไม่ดีอยู่กับใคร มันก็ทำความเดือดร้อนตลอดเวลาให้คนนั้นทุกวินาที แต่ความดีอยู่กับใครนั้นก็ไม่ทำความเดือดร้อนให้กับคนนั้น เพราะฉะนั้นเราต้องรีบให้คนเอาความไม่ดีออกจากตัวเอง เหมือนกับไฟที่ไหม้อยู่บนหัวต้องรีบเอาออกไป
เหมือนกับคนถูกลูกศรปักอกอยู่ ก็ต้องรีบเอาศรออก แต่คนไม่รู้กลับสำคัญว่าต้องไปถามว่าใครยิงหรือเป็นลูกศรของใคร ก็เลยช้านานวนไปวนมา ศึกษาให้ดีๆ
นี่ขัดแย้งว่าทางมีหลายทางและก็หนักว่าไม่ให้ตำหนิ คุณอาการหนักแล้ว อาการร่อแร่ อาการน่าเป็นห่วง
_ไข่นุ้ย ยศสุวรรณ · เจริญธรรมครับผมดีมากครับผม ได้รับฝังศีลตอนเย็น
พ่อครูว่า..สำนวนนี้ดีได้รับศีลแล้วฝังไว้เลย ได้ผลแล้ว ดี
_สตาร์แอร์ ทุ่งคอก · พ่อครู ทันสมัยเสมอ กราบนมัสการด้วยความเคารพรักครับ
พ่อครูว่า..ศาสนาพุทธทันสมัยใหม่เสมอ และเก่าสมัยใหม่เสมอ จะว่าเก่าก็ตามความเข้าใจของเขา พยัญชนะบอกว่าเก่า แล้วเก่านี้มันใช้ได้หรือไม่ เก่าไม่ควรใช้เราก็ไม่เอาแต่เก่าที่ควรใช้ อันมีรากฐานจากสมัยพุทธเจ้าก็มีเยอะ เก่าใหม่เป็นบัญญัติเท่านั้น เก่าที่ใช้ได้ดีก็มี ใหม่ที่ใช้ได้ดีก็มี ต้องชัดๆใช้สัปปุริสธรรม 7 มหาปเทส 4
มหาปเทส 4
-
สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย
-
สิ่งที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย
-
สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย
-
สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย.
(พระไตรฯ ล.5 ข.92)
ในสมัยนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สมัยพระพุทธเจ้าไม่มี ก็ต้องเอาเหตุปัจจัยที่เป็นปรากฏการณ์ปัจจุบันเรียกว่า phenomenon ขณะนี้เลยปัจจุบันนี้เลย status quo ยืนอยู่เป็นอยู่ขณะนี้ ใช้ให้เหมาะกับจังหวะเวลาโอกาสสถานะ มีหลายมุมเหลี่ยมหลายมิติองค์ประกอบ ศึกษาให้สมบูรณ์จะได้ใช้ได้ดี
ก็ขอมาเรื่องการเมืองนิดหนึ่ง ไม่เอามากหรอก
จริงๆแล้วขณะนี้ในเรื่อง Animal Farm นิยายเรื่องนี้ ก็เอามาพูดกัน มันเข้ากับยุคสมัย ที่จริงแล้วมันเป็นสัตว์จะเข้ากับทุกยุคสมัยไม่ล้าสมัย ใหม่เสมอ แต่ในนิยายเรื่องนี้ ของ George Orwell เขาไม่มีข้อสรุป มีแต่สมบัติผลัดกันชม นโปเลียนตัวนี้ตายนโปเลียนตัวใหม่ก็เกิด เพราะมันเป็นโลกียะแย่งอำนาจกัน แต่ที่นี้ผู้ที่ไม่แย่งอำนาจอธิปไตยแล้ว เข้าใจคำว่าอธิปไตยได้ดีที่สุดหมายความว่า
อธิปไตย มันเกิดจากสัจจะของความเต็ม ความเต็มภาษาบาลีเรียกว่าสติ สตะ แปลว่า 100 คือ cyclic order แล้วร้อยนี้ก็หมุนอยู่
อะ อิ อุ ก็เป็นสระที่เป็นพลวัตร หมุนวน เรียกว่าสติ สามเส้าหมุนวน ทำงานเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา ตัวนี้เป็นแรงเรียกว่าอธิปไตย แรงหมุนได้มากเท่าไหร่ก็มีพลังงานมากเท่านั้น หมุนได้เร็วได้แรงได้มากเท่าไหร่ แล้วก็มีปัญญามาช่วย ปัญญาเป็นอุตตระ ปัญญานี้จะเร็วยิ่งกว่าชัดเจนยิ่งกว่าจะมีธรรมวิจัยสอดซ้อนแทรกเป็นมุทภูตธาตุที่เร็ว ทั้งวิจัยตัดสินได้เร็วทำงานได้เร็วจึงทำงานได้อย่างมีตัวตัดสินตัวเลือกมีตัวที่มีประโยชน์สูงสุด เป็นเทวดาเป็นธรรมะ 2 สติ กับ ปัญญา ทำงานคู่กันไม่แยก
ผู้ที่มีสติและปัญญาเป็นฐานจิต มุทุธาตุ คู่นี้ จึงเป็นผู้ที่ถือว่าจบวิมุตมีวิมุต เป็นผู้ที่หลุดพ้นไม่ติดยึด ไม่ต้องไปจม ลอยตัวอยู่เหนือ ใครเอาไปติดไม่ได้แถมยังเหมือนกับกระจกเงาลอยตัวอยู่เหนือทุกสิ่ง และมีพลังอำนาจที่จะช่วย จัดแจงอะไรช่วยได้ก็ช่วยอะไรไปช่วยไม่ได้ก็ไม่ไปละลาบละล้วง ก็มาดูตัวเราที่เราไม่มีความรู้ความสามารถจะไปช่วยเราช่วยไม่ได้ ช่วยได้ต้องมีเหตุปัจจัยพร้อมจะช่วย อย่างอาตมานี้ช่วยคนได้ น้อย โดยเฉพาะอาตมาไม่กระสันไปอยากจะได้ช่วยคนมากเกินไป ใครมาให้ช่วยมีความยินดีมาให้ช่วย แค่นี้ก็พอ Full House แล้ว
Full House เป็นภาษาเล่นไพ่ภาษาไทยเรียกว่าเห่า ในไพ่ 52 ใบ ถ้าจับตัวอะไรก็ได้มา 3 ตัวมันก็จะแบ่งเอามาจากใน 52 ใบ นอกจากได้ 3 ตัวเหมือนกันแล้วยังได้อีก 2 ตัวเหมือนกันเป็นคู่ก็เป็น 5 ตัว ถ้าได้ 5 ตัวนี้มา แล้วมาแบ่งสีอีก เป็นข้าวหลามตัดดอกจิกโพธิ์ดำโพธิ์แดง แยกเป็นมุมเหลี่ยมต่างๆ ถ้าได้ไอ้นี่มาอีก 5 ตัวนี้แล้ว ถือว่าถ้าอันเดียวในโพธิ์แดง ถ้าได้มา 5 ตัวนี้เรียกว่า straight flush มันก็มีความซับซ้อนคนคิดก็ฉลาดเหลือเกิน ฉลาดให้ตีกัน ฉลาดให้แย่งกันพวกนี้ก็เลยไม่จบ อาตมาก็เล่นมาเสียเงินมาเยอะแต่ไม่เก่ง เราก็ว่าเราไม่โง่นะ แต่สู้เขาไม่ได้ พวกนี้มีเล่ห์กล และพวกนี้จำเก่ง สุรพล โทณะวณิก ก็ยังติดค้างหนี้เราไว้เลยยังจำได้ เล่นกันไม่ต้องหลับต้องนอนเลยตอนนั้น จบงานมาตีหนึ่งตีสอง พวกสุรพล โทณะวณิก อาจินต์ ปัญจ
พรรค์ นพพร บุญฤทธิ์ เป็นขาประจำเลย บ้านอยู่ที่ทุ่งมหาเมฆ อยู่ใกล้ๆกันด้วย แล้วก็มีสมภพ ทั้งหมดเป็นเรื่องอบายมุขเลย
เรื่องการเมืองเป็นเรื่องการแย่งอำนาจ นายกก็เอาเรื่อง Animal Farm ยกขึ้นมา พูดแล้วก็เจ็บแสบ มันไม่เจริญไปกว่าสัตว์ที่อยู่ในฟาร์มแย่งอำนาจแล้วก็เป็นเจ้าเป็นใหญ่ในหมู่สัตว์ทั้งหลาย เมื่อเข้าใจเสร็จแล้วใครอยากได้อำนาจคุณก็ต้องไปทำงาน แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าอำนาจไปทำงานเดี๋ยวคนอื่นก็มาโค่นคุณลง เดี๋ยวคนเขาก็ไล่ เราไม่ต้องไปไล่ เรามีสมรรถนะความรู้เราทำงานให้เขาอย่างเดียว เราขยันหมั่นเพียรทำงานเข้าใจด้วยปัญญาว่าทำงานอย่างบริสุทธิ์ใจทำงานเพื่อให้ เราก็ขออาศัยกินใช้บ้างในแรงงานในความสามารถของเรา อาศัยกินใช้ สิ่งที่ไม่สมควรกินใช้เราไม่เสียเวลาแรงงานไปทำ เราทำแต่สิ่งที่สมควรกินสมควรใช้ ทำได้แล้วเราก็แบ่งให้คนอื่น ความเข้าใจแค่นี้เลยสรุป
เข้าใจสิ่งที่สำคัญในความสำคัญในชีวิตของมนุษย์ คุณก็สร้างอันนี้ให้พอกินพอใช้ของคุณมีเวลาเหลือก็ไปสร้างอันอื่นที่สำคัญรองลงมา คนที่สร้างสิ่งสำคัญที่สุด อาหาร นอกจากอาหารแล้วก็มีบริขาร เป็นองค์ประกอบที่สมควรแก่ฐานะ
-
กวลิงการาหาร (อาหารคำข้าว ให้รู้กิเลสเบญจกาม) . .
-
ผัสสาหาร (อาหาร คือ ผัสสะกระทบให้เกิดเวทนา) .
-
มโนสัญเจตนาหาร (อาหารใจที่เจตนามุ่งกับตัณหา) . .
-
วิญญาณาหาร (อาหารของวิญญาณ กำหนดรู้นาม-รูป . อันเป็นปัจจัยให้ตั้งอยู่แห่งสังขาร เพื่อการเกิดในภพใหม่ คือมีปัจจัยเกิด ชาติ ชรา มรณะ ทุกข์ และความคับแค้น) .
(ปุตตมังสสูตร พตปฎ. เล่ม 16 ข้อ 241-244) .
คนที่ปฏิบัติธรรมผิดๆ ไปนั่งสมาธิ หลงจมในสัญญาฝันเพ้อโง่ไม่จบ ศาสนาพุทธต้องมีการเกี่ยวข้องกับสิ่งอื่นมีสัมผัสมีผัสสะแล้วก็จะเกิดเจตนา ทิศทางของจิตเราจะไปทางไหนต้องรู้เจตนา ถ้าหากเจตนาจะไปกามก็ไม่เอา ล้างกาม ล้างภพ รูปภพ อรูปภพอีก มีแต่ภพให้ประโยชน์แก่ผู้อื่น ไม่มีตัวตนมีแต่เพื่อผู้อื่น เราก็ดูความสัมพันธ์ที่จะเอื้อมเอื้อเกื้อกว้าง ต้องรู้ประมาณตัวเองอย่าไปช่วยเกินตัว จะตายทั้งคู่ มีแค่ร้อย ใช้เกินร้อยจะไปเหลืออะไร ใช้หมดตัวก็ไม่มีอะไรไม่มีอะไหล่สำรองนะ เราจะต้องใช้อย่างเหลือไว้เพื่อเป็นพลังงานทดแทน ไม่ต้องอวดดีไม่ได้คิดว่าเราเก่ง ยังไงก็ต้องช่วยให้ได้หมดเลย แต่เสร็จแล้วเราก็หมดตัวตายไปด้วยกันซวยทั้งคู่ เพราะฉะนั้นต้องช่วยเท่าที่ได้เราต้องไม่ซวยไปด้วย ต้องประมาณอย่างได้สัดส่วน ช่วยผู้อื่นต้องดูว่าเรามีต้นทุนเท่าไหร่ ช่วยเขาเราต้องไม่ให้ตัวเราเองหมดต้นทุน ไม่ต้องอวดดีหรอก
แต่ถ้าคุณจะบอกว่าตายเป็นตายเสียสละเกินร้อยก็ร้อยไม่เหลือตายก็ตาย บางโอกาสอาจจะต้องใช้ อันนี้ต้องดูว่าเรามีร้อยต้องใช้ถึงร้อย ตายไปก็ฝากถึงชาติหน้ามาทำต่อก็เป็นได้ อันที่เหมาะสมนี่คือนัยที่อธิบายแทรกเล็กๆน้อยๆ
สรุปแล้วตอนนี้อยู่ในภาวะที่กำลังเลือกเฟ้น ต่างคนต่างเจตนาดี เจตนาเห็นแก่ตัวมันมีแน่ เพราะฉะนั้นเจตนาเสียสละกับเจตนาเห็นแก่ตัวมันกำลังสังเคราะห์กัน ถ้าเมืองไทยเป็นเมืองที่มีคนดีมากกว่าคนไม่ดีก็สำเร็จเป็นสัจจะ ถ้าคนไทยมีคนไม่ดีมากกว่าคนดี ก็เสียท่า เพราะฉะนั้นคนดีก็ต้องพยายาม ไม่ให้คนไม่ดีชนะได้ครองอำนาจ ก็ต้องพยายามใช้ความจริงใช้ความรู้ ให้เขาหยุด ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องได้โทษวิบากก็เป็นอกุศลวิบากใส่ตนเอง เพราะว่ากรรมเป็นของของตน กัมมัสกตา อาจดีชั่วคราวแต่มันไม่นานถาวร มันก็ไม่ดีอีกนี่ต้องเป็นความชัดเจน ต้องประมาณอยากได้สัดส่วน ผู้ที่รู้ดีแล้วต้องไม่ปล่อยให้มันเสีย หรือว่ามันดีชั่วคราววูบวาบเดียว แล้วก็หมดพลังเสียเวลาเสียแรง กว่าจะหาแรงงานอะไรมาเพิ่มได้มันก็ไม่คุ้มเลย เพราะฉะนั้นเป็นนักลงทุนเป็นนักก็รู้ ที่ประมาทไม่ดี ต้องมีสติ (พ่อครูไอช่วยตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไทว่า…พ่อครูพูดถึง Animal Farm ก็เป็นการแย่งอำนาจกัน ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสว่า ต้องควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจและส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมือง
พ่อครูว่า..ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสไว้ชัดเจน หากไปเสียท่ากับคนโง่ เข้าพวกคนโง่อยู่ก็ไม่ดี ตัวเองต้องฉลาดตื่นให้เต็ม ตัดความลำเอียงผูกพันธ์ความรักความชอบ ตรวจสอบหลักฐานข้อมูลให้ครบสมบูรณ์ แล้วเราก็ประมวลมาให้มันได้สัดส่วนที่ดี ทุกคนก็อยากฉลาดอยากจะทำได้อย่างที่อาตมาพูดต้องมีหลักฐานเหตุผลศึกษา ต้องได้รับคำแนะนำจากผู้รู้ พูดแล้วน่าหมั่นไส้ อาตมาบอกว่าตนเองรู้ เขาก็หาว่าอวดตัวอีก ที่จริงไม่ได้อวดแต่บอกความจริง อาตมาพยายามบอกความจริง อาตมาเกิดมาในยุคนี้อาตมาไม่เล็กนะ นี่พูดอย่างถ่อมตน พูดจริงๆก็คือใหญ่ ที่จริงอาตมาเกิดมาในชาตินี้อาตมาใหญ่ แต่เขาไม่เข้าใจว่าอาตมาใหญ่ ไม่เข้าใจเพราะเขาโง่เขาไม่รู้ เขาเข้าใจไม่ได้ว่านี่ใหญ่จริงหรือ เขาเข้าใจผิดไปยึดถือผิดไปนับถือเป็นอื่น ไปเข้าใจอย่างเลอะเทอะด้วย มันก็ซวย
อาตมาก็ต้องบอกว่า ที่ไปหลงสิ่งเลอะเทอะมันผิดมันโง่ เขาก็บอกว่ามันผิดที่ไหนมันถูก เหมือนกับเราไปบอกหนอนว่าขี้มันไม่ดีนะมันเหม็น หนอนมันก็บอกว่าขี้นี้อร่อย แต่เราบอกไปอย่างนี้รู้ทั้งรู้ว่าบอกไปยังไม่สุภาพมันเหนื่อย แต่มันก็จำเป็นต้องทำ อันนี้พูดแล้วก็เหมือนแก้ตัวให้ตัวเอง แต่ด้วยความจำนน เหตุปัจจัย ยุคนี้ต้องให้พอเหมาะพอดีไม่อย่างนั้นไม่ได้ผล อาตมาก็คงจะเบาลงไปได้ตามลำดับ เมื่อพวกเรานี้คนทั้งหลายในสังคมฉลาดขึ้นรู้ได้ดีขึ้นง่ายขึ้นอาตมาก็เบาลงได้ไม่ต้องไปพูดแรง อาตมาไม่จำเป็นจะต้องไปแรง เพราะเขารู้แล้วไม่ต้องไปพูดอย่างแรงก็รู้ได้ ไม่ต้องไปเสียเวลาแรงงานไปหามาเพิ่ม เอาเวลาแรงงานมาเพิ่มเติมอีก มันเสียเวลาเสียแรงงานตามเศรษฐศาสตร์ที่ซับซ้อน
เมืองไทยเป็นเมืองที่มีแกนมีรากมี root ที่ลึกซึ้งเป็นแก่นของประชาธิปไตย อาตมาไม่มีที่อ้างอิงต้องอ้างอิงของพระพุทธเจ้า อ้างอิงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่จริงก็อันเดียวกัน อยู่ในระดับที่เหมาะสมควร ในหลวงท่านก็ทรงทำ อาตมาก็ทำของอาตมา อาตมาทำด้านนามธรรมนั้นรู้ยากกว่าต้องทำนานกว่า ในหลวงท่านทรงงานมา 70 ปี จนถึงอายุ 89 ปี ท่านทรงงานมาตั้งแต่อายุ 19 จน 70 ปี ก็เป็น 89
อาตมาจึงต้องทำมากกว่า 70 ปี ถ้าหากอาตมาทำ 7 เท่าเก่าก็ไม่เจริญ อาตมาต้องทำให้เจริญ ต้องเป็นทศนิยมมากขึ้น เป็น 8 ได้มันถึงจะเร็ว แต่ยังไม่มีใครสามารถให้คะแนนตรวจสอบสถิติพวกนี้ให้อาตมาได้ ถ้าเป็นนามธรรมจริงๆ ก็มีแต่ความพยายาม พยายามอธิบายด้วยภาษาพยัญชนะให้รู้ บอกปริเฉทต่างๆก็ยังไม่ง่ายไม่เก่ง
แต่อย่างไรก็ตามขอยืนยันได้ว่า ของไทยเป็นประชาธิปไตย โลกยังรู้จักประชาธิปไตยง่ายๆ ยิ่งแหกคอกไปเป็นประชาธิปไตยขาเดียว ยิ่งยากมากเลย เขาไปยึดมั่นถือมั่นแล้ว ฟังดูเผินๆเหมือนกับอิสระหนึ่งเดียว เป็นเอกด้วยนะขาเดียวอิสระ แต่เขาไม่รู้สัจจะว่าในมหาจักรวาลนี้มันจะต้องมี 1ใน 2 มี 2 ใน 1
ก็คุณต้อง 1. รูป 2. นาม ต้องมีกายกับจิต สองทุกอย่าง จับคู่ได้มากเท่าไหร่คนนั้นแหละรู้จักรอบและมีภาวะ 2 ทุกมุมเหลี่ยม ทุกนัยยะ ทุกมิติ ทุกปริเฉท ทุกบริบท ทุกอะไรต่างๆนานาครบเลย แต่ละคนก็รู้รวมเป็นของแต่ละคน ถ้าคุณก็รู้ชัดเจนทุกคู่ๆๆ คุณก็เป็นผู้รู้ภูมิธรรมที่มากที่สุด ว่าอะไรสูงกว่าอะไรคู่กับอะไร เข้าใจว่าเทวะคือสองคือคู่ ทุกอย่างเปรียบเทียบกัน มี 2 คู่ มี 3 คู่ มี 5 คู่ มีร้อยคู่พันคู่ ก็มีมวลของความถูกต้องประกอบเป็นกายเข้าไปเรื่อยๆ
ยิ่งเป็นนามธรรมแล้วไม่มีภาษา นามธรรมหลายอย่างมีภาษาเรียก แต่ก็มีนามธรรมที่ไม่มีภาษาตั้งไว้ เป็นปฏิฆสัมผัสโสมี Action Reaction สัมผัสกันแล้วก็มี ฆ เป็นมวลรวมสามเส้า ก็จะตั้งชื่อเป็น หากมีคนตั้งชื่อไว้ เรียกว่า อธิวจนสัมผัสโส เป็นวจีสังขาร ยังไม่ใช่วจีวิญญัติออกมาภายนอก อันนี้มีขึ้น คือ ว คือพลังงานมีแล้ว มี จ คือธาตุรู้
ย ร ล ว ตัว ว. เป็นตัวที่ครบสามเส้าและออกมาอีกตัวนึง ก็ออกมา จะเป็นวจะ หรือ วจี หรือวจู ก็คือการเพิ่มเติมความครบครัน ของสิ่งนี้ให้มันบริบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยความหมายของพยัญชนะและสระ
พยัญชนะหรือสระ ตั้งขึ้นมาเพื่อสื่อสารสภาวะทั้งนั้น ใครที่มีความสามารถสื่อสารรู้พยัญชนะและสระว่าแทนสภาวะอะไร อย่างอาตมาพอรู้ก็เอามาพูด ไม่ได้รู้หมดรู้เก่งรู้ครบหรอก ไม่ได้อวดดีว่าตนรู้หมด เก่ง ครบ รู้ขนาดนี้ก็ยังไม่เห็นผู้พี่ที่รู้มากกว่าอาตมา หากว่ามีก็มาช่วยน้องหน่อยสิในการอธิบาย ก็ยังไม่มีใครปรากฏตัว ไม่ใช่ว่าอาตมาอวดเก่งอวดดีท้าทายก็ไม่ใช่ ถ้ามีตัวตน มีตัวจริงก็มาช่วยกันแล้วมาช่วยกันทำประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ ไปกบดานอยู่ทำไม แต่ถ้ามีจริงผู้นั้นก็จะออกมา เพราะผู้นั้นจะมีปฏิภาณรู้ว่าชีวิตคืออะไร ชีวิตต้องเรื่องเกี่ยวกับผู้อื่นและตัวเองไปหมกอยู่อย่างนั้นก็โง่ ต้องออกมาทำดีนี่สิ รู้จักพักรู้จักเพียร ใช้พลังงานควรพักก็ควรพัก ได้พลังงานมาพอแล้วก็ออกไปเพียร ยิ่งเพียร พลังงานก็จะยิ่งมีสัมประสิทธิ์ Coefficient เพิ่มขึ้นอีก เป็นสัจจะที่อาตมาอธิบายได้ แล้วก็พิสูจน์ตัวเองเป็นพยัญชนะ ด้วยเอาขันธ์ 5 เอาสรีระเอาจิตวิญญาณทุกอย่างมายืนยันพิสูจน์ จนกระทั่งเอาตัวตั้งคืออายุขัยมาเป็นเครื่องให้ตัวเราพิสูจน์
อาตมาบอก ว่าอาตมาอายุขัยแค่ 72 ปีในปางนี้ แต่อาตมาใช้สัมประสิทธิ์ของพระพุทธเจ้าสร้างสัมประสิทธิ์ขึ้นมาให้สามารถที่จะอยู่ได้ นี่ก็ผ่านมาอีกนักษัตรหนึ่ง เดี๋ยวก็จะไปอีก 1 นักษัตร เป็น 96 ปี จาก 96 ไปอีก 12 ปีเป็น 108
ถ้า 108 จะเกิดสามเส้าซ้อนขึ้นไปอีก ก็จะเป็นการพิสูจน์ ถ้า 108 แสดงว่ามีสัจจะที่เป็นสัมประสิทธิ์จริงอายุถึง 108 เขาจะต้องเอารางวัล Nobel prize มาประเคนอาตมา ไม่ได้อยากได้หรอกแต่เขาจะพอเห็นแล้ว แต่ถ้าเขาจะตามืดตาบอดมองไม่เห็นก็ได้ แต่ถ้าเห็นจะบอกว่าคนอะไรคิดได้ขนาดนี้ ของดีสภาวะดีขนาดนี้ ถ้ามีกรรมการผู้รู้ที่ชัดเจนเขาต้องให้จะไปปิดบังไว้ทำไม อันนี้แหละทางยุโรปเขาจะถือดี ว่าจะต้องให้รางวัลส่งเสริมช่วยกันกระจายความ แต่คนไทยนี้คนดีเขาจะไม่ส่งเสริม เป็นจิตริษยาของคนไทย อันนี้เป็นจุดด้อยของคนไทย ไม่ส่งเสริมคนดีแล้วไปส่งเสริมคนชั่วอีก คนดีจะถูกข่มกันริษยากัน ปิดบังคนดี ไม่ช่วยส่งเสริม ทางยุโรปเขาส่งเสริมคนดีกัน แต่ทางตะวันออกโดยเฉพาะประเทศไทยมีจุดด้อยตรงนี้ ที่พูดนี่ไม่ได้ให้เขามาส่งเสริมยกย่องเราแต่มันเป็นสัจจะ
เรื่องการเมืองก็ขอสรุปว่าอย่างไรอย่างไร อาตมาก็มั่นใจ
ว่า ประชาธิปไตยของไทยนี่แหละ เป็นประชาธิปไตยที่มีราก รากมาจากพระพุทธเจ้า เป็นปราชญ์เอกของโลก ในเมืองไทยนี้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ และยังตั้งวันสำคัญต่างๆในพระพุทธศาสนา เราควรช่วยกันเอาอะไรดีๆของท่านมากระจายเผยแพร่ อันนั้นเขาก็ทำอย่างจริงใจ มันก็เป็นประโยชน์ต่อโลก
เพราะฉะนั้นสิ่งนั้นเรามีตัวแทนพระพุทธศาสนาในเมืองไทยมีมาตั้งแต่เมืองไทยเกิดเป็นประเทศ และเป็นประเทศที่มีโลกุตระด้วย เป็นพระพุทธศาสนาที่มีโลกุตระ
ซับซ้อนไปอีก ใครยืนยันว่ามีโลกุตระต้องเป็นสัตบุรุษ อาตมาก็มาบอกว่าอาตมาเป็นสัตบุรุษ มีหลักฐานยืนยันผู้ที่ไม่เชื่อก็หมั่นไส้ (มีเสียงเด็กเล่นน้ำสไลเดอร์แล้วส่งเสียงดังไปหน่อย พ่อครูก็ว่าเป็นเสียงที่บอกถึงความแข็งแรงไม่หงอยเหงาและความไม่โศกเป็นการเพิ่มสัมประสิทธิ์ )
นิมนต์พ่อครูดื่มน้ำ
สมณะฟ้าไทว่า…สรุปว่าการเมืองไทยมีศาสนาพุทธที่เป็นโลกุตระเป็นแกนหลัก
(พ่อครูต่อ)คำว่าโลกุตระเป็นความรู้ลึกซึ้งเหนือกว่า สามัญที่เป็นโลกีย์ mundane อันนี้มันเป็นsupra mundane อันนี้เหนือสามัญโลกีย์ แยกมาแล้ว
โลกีย์มีแต่รวยในลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข อำนาจ แต่มาทางนี้รู้แล้วว่าอย่าไปยึดมั่นถือมั่นมันเลย มันเป็นเหตุแห่งทุกข์ ความรู้อันนี้มันก็เลยทวนกระแส แต่ก่อนเราเป็นทาส ลาภยศเงินทองข้าวของวัตถุสมบัติ เป็นทาสการสรรเสริญเยินยอยกยอปอปั้น ก็เข้าใจยกยอปอปั้นกันไป ถ้าเรามีจริงมันก็จริงไม่มีอะไร เรามีเงินทองไม่ใช่เอามาสะสมแต่ยิ่งสะพัดออกไป ยิ่งสะพัดก็ยิ่งเหนื่อย เราไม่เอาไปหว่านเฉยๆ เหมือนโปรยทาน มันก็ไม่เข้าท่า จะให้ใครอย่างไรมันก็ต้องมีปัญญาในการให้ได้เกิดประโยชน์ เป็นนาบุญ ให้คนนี้หว่านคนนี้ ให้ไปแล้วเป็นนาบุญคือเอาไปตัดกิเลส ไม่ใช่ให้ไปแล้วเขาเอาไปสะสมกิเลส ไม่ใช่นาบุญแล้วอย่างนั้น ให้เงินนี้ไปเขาเอาเงินไปเสริมกิเลสเขาให้หนาเพิ่มขึ้นอีกก็ ซวย เราก็ซวยเขาก็ซวย แต่ถ้าให้เขาไปแล้วเขาเอาไปพัฒนาเป็นนาบุญสละออกไปสร้างประโยชน์ เป็น relative ต่อไปอีกก็ยิ่งดีเป็น corridor ต่อเชื่อมไปหาที่อื่นอีกมันก็ยิ่งดี อย่างนี้เป็นต้น
เมืองไทยตอนนี้ดี พูดไปเป็นสภาวะจริง แม้อยู่ใกล้ตัวหรือการบริหารประเทศ อาตมาไม่ได้ไปช่วยบริหารประเทศแต่ก็รู้อยู่เห็นอยู่ คนทั่วไปแนะนำบ้าง ได้จากการฟังการดูบ้าง อะไรมีผลดีก็อนุโมทนา แต่ถ้าเผื่อว่าอาตมาพูดไปแล้วมันเกิดความผิดไม่ดี อาตมาก็มีวิบาก ที่ไปแนะนำสิ่งที่ผิด แต่ก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีเอาไปปฏิบัติประพฤติ อาตมามีเจตนาทำดีเพื่อส่วนรวมทำดีไปตลอด
ในขณะนี้อาตมาว่า ผ่านวันนี้ไป พวกเราก็จะได้รู้ ใครหนอ รักเราเท่าชีวี? ใครหนอปรานี ไม่มีเสื่อมคลาย ก็จะรู้ว่าเป็นใครและคนนี้ จะเห็นร่วมกันไหม จะเหมาะสมเป็นไปได้ไหม ถ้าเผื่อว่าความรู้หรือความเห็นของคนส่วนใหญ่ เรียกว่าประชาธิปไตย
คุณชวน เป็นประธานสภา มีสิทธิ์ที่จะทูลเกล้าฯใครเป็นนายกฯ และในหลวงก็เป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่จะทรงลงพระปรมาภิไธย ก็มีหลายชั้นกลั่นกรอง ไม่ได้ประมาท เป็นกฎเกณฑ์สังคม ผู้ที่มีภูมิปัญญาไม่มีความลำเอียง ที่จะทำที่จะตัดสินที่จะวินิจฉัยออกมา เมืองไทยมีความสะอาดบริสุทธิ์อาตมามั่นใจ ไม่ต้องเป็นห่วงมาก
ถ้าสมมุติว่าตัดสิน จะผิดด้วยกรณีใดก็แล้วแต่ ตัดสินผิดออกมา แน่นอนคนไทยก็จะเป็นผู้ที่ได้รับผลจากการตัดสิน ถ้ามันผิดมันจะเกิดความทุกข์ความเสียหาย คนไทยมีความรู้สึกนะ อย่างน้อยก็ชาวอโศกมีความรู้ในเรื่องเวทนา เราก็จะพอจะรู้ได้เร็วเพราะเราศึกษามา คนนี้บริหารมาแล้วก่อความทุกข์ให้แก่ส่วนรวม มันก็เห็นแก่ตัวเราก็จะมีปฏิภาณพอจะรู้ว่าเห็นแก่พรรคพวกเห็นแก่สิ่งที่แค่คนส่วนน้อย มันก็จะเกิดการต่อต้านขัดแย้งเพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นมา มีเจตนาดีกันทั้งนั้น เพราะว่าเราไม่ใช่คนดูดายปล่อยปละละเลย ก็ไม่ใช่ พวกเรามีความรู้สึกความรับรู้และนึกถึงสิ่งที่อยู่ร่วมทั้งหมู่กลุ่มสังคม ถ้าประชาชนทุกข์ร้อนเราก็อยู่กับประชาชนเราก็พลอยร้อนไปด้วย เราพอมีแรงพลังอะไรไปช่วยก็ช่วยกันไป
ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาหลบหลีกมีสังคมแล้วไม่ดูดาย ใครจะเป็นจะตายก็ช่างหัวมัน ศาสนาแบบนั้นมันไม่ใช่ของพุทธเลย พวกที่นั่งหลับตาเข้าป่าไม่เห็นแก่ตัวก็โง่ที่สุดและรู้ไว้เสียด้วย เราเป็นจิตนิยามทำกรรมให้ทรงไว้ซึ่งความดีงามก็เป็นธรรมนิยาม มีพลังงานบวกลบทำงานเป็นธรรมะ 2
อาตมาที่พูดไปเป็นความรู้ที่ไม่ได้เก็บจากใต้ถุนร้านหรือจากร้านขายยา แต่ได้ศึกษาสะสมมาจึงได้มารู้อย่างนี้ ไม่ได้แย่งใครมาแย่งใครก็ไม่ได้
แม้แต่ตอนนี้อาตมาก็สุดสงสารสมณะบางรูป อาตมาจนกระทั่งจะปลดใจเลยนะ ทำไม สังฆาทิเสสข้อที่ 13 มีอัตตามากมาย ผิดเพี้ยน ไปหลงเก่งหลงงานหลงพูดหลงอะไรอยู่อย่างนั้น ไม่นึกผลส่วนกลาง โดยเฉพาะจิตวิญญาณเราไปยึดถืออัตตาอะไรตัวตนอะไรอยู่เรามาปฏิบัติธรรมจะไปยึดถือตัวตนความเก่งของตนเองยึดอยู่อย่างนี้ แล้วไม่ไปฟังเทศน์ด้วยอ่านหนังสือก็ไม่อ่านทำงานเสร็จแล้วก็อวดตัวหาพรรคพวก ก็นานแล้ว บวชนานแล้วด้วย
ถ้าคุณเก่งคุณไปหาพรรคพวกสู้อาตมาได้ไหม นี่สู้เทวทัตก็ไม่ได้ จะเก่งแบบเทวทัตก็เก่งสู้เทวทัตไม่ได้ ไม่รู้จะพูดยังไง ก็แล้วแต่ พูดออกไปนี้แล้วจะฟังหรือไม่นะ ฟังดูก็ให้รู้ว่ามันเสียเวลาตัวเองจะไปเสียเวลาทำไปทำไม ไปเสียเวลาตั้งก๊กตั้งเหล่าเอง มันเสียเชิง มาอยู่ใกล้อาตมา แล้วให้อาตมาเป็นอุปัชฌาย์ พระอุปัชฌาย์ก็บอกอะไรไม่ได้ไม่เชื่อฟังไม่เชื่อถือ อุปัชฌาย์ก็ไม่ใช่นักทู่ซี้อะไร เมื่อยเหมือนกันนะโว้ย พูดแล้วไม่ฟังอุปัชฌาย์ก็เป็นคนนะ ไม่เอาภาระก็ได้ด้วย แล้วอาตมาก็ช่างปล่อยวางด้วย
จะโยนไปให้หมู่กลุ่ม แล้วหมู่กลุ่มจะทำอะไรก็แล้วแต่เถอะ มันมีหลักเกณฑ์ของพระพุทธเจ้าไว้ทั้งนั้น หลักเกณฑ์ของสังฆาทิเสสข้อที่ 13 ว่ายากสอนยาก มีทั้งข้ออื่นๆ ให้หมู่กลุ่มมีอำนาจ อัปเปหิออกจากหมู่กลุ่มหรือจะพรหมทัณฑ์ก็ได้ทั้งนั้น หรือจะปลดเลยก็ได้
_มีผู้ส่งคำาถาม ข้อความสรุปมาว่า…..ผมเกิดความคิดขึ้นว่าพระอรหันต์ไม่มีทุกข์อริยสัจแล้วแต่ก็ยังมี อายูหะคือความเพียรทำสัมประสิทธิ์ สัมประสิทธิ์นี้ได้มาจากไหนบ้าง ผมเห็นว่าได้มาจากความประพฤติพลังงานความยินดีปรีดาปราโมทย์ ที่มีของจริงภายนอก มาร่วมประพฤติด้วย เปรียบเหมือนกับเด็กได้พบแหล่งน้ำได้เล่นสนุกด้วยกัน เปรียบเทียบกับการเมืองที่มีผลเจริญพ่อท่านก็ร่วมสร้างด้วย คนอื่นที่เข้าใจก็ร่วมทำให้เกิดความสนุกสนานน่าจะสนใจด้วย แบบนี้การเมืองจึงเจริญด้วยสัมประสิทธิ์ได้ไหมครับ
พ่อครูว่า…ก็เป็นเรื่องเอาพลังงานไปช่วยร่างกายให้เสื่อมช้าลงให้อายุยืนยาว สัมประสิทธิ์ที่ได้จากไหนบ้าง
คนที่ติดอัตตามานะ อัตตาตัวเองก็ไม่รู้ว่าหลงอยู่กับความจมจมอยู่กับอัตตาตัวเอง จมอยู่กับความสุข เทศน์อะไรไปไม่รู้จะฟังไหม ฉันเดียวกันกับพวกที่จมอัตตา เราพูดอะไรไปเขาก็ไม่รู้ จมกับอัตตา
การเจริญที่มีสัมประสิทธิ์มันมีภาวะที่ซับซ้อน วนซ้อนช่วยกันไปช่วยกันมา อาตมาถึงไม่อั้นตู้หมดทาง เหนื่อยก็รู้สึกว่าเหนื่อย แต่ก็พักแล้วก็หายเหนื่อยแล้วก็พากเพียรต่อ แล้วก็ยังฝืนสั่งอายุขัยยังไม่ตาย
อาตมาไม่รู้ว่าตายไปในชาตินี้แล้ว วิบากจะดึงให้ห่างออกไปหรือเปล่าหรือไม่ห่างออกไปก็ต้องเสียเวลาพัฒนาร่างกายอีก ไม่อยากจะเสียเวลาอยากให้มันต่อเนื่องกันไปอีก ทุกวันนี้อาตมาว่ากำลังแรงงานพฤติกรรมพฤติการณ์อาตมาก็มีพอที่จะทำงานเต็มที่อยู่แล้วไม่เหยาะแหยะ ก็ไม่นะ มันก็ดู ได้สัดส่วนที่ดีอยู่ อาตมาก็ว่า ก็ต้องพากเพียรไป แล้วอาตมาก็ต้องพิสูจน์ด้วย หากอาตมาทำไม่เฉื่อยๆหลุดๆหล่นๆไปกว่านี้ไหม ถ้ามันยังดีขึ้นได้ก็ยิ่งพิสูจน์พลังงานสัมประสิทธิ์ มีพลังงานสด fresh up ขึ้นไปเรื่อยๆ มี protoplasm เจริญขึ้นเรื่อยๆ
protoplasm เป็นพลังงานที่เอามาสร้างเป็นพลังงานเป็นน้ำเป็นน้ำมันเอามาเสริมสร้างขึ้นไปอีก ทางวิทยาศาสตร์ก็มี protoplasm และ cytoplasm
ที่อาตมาพูดทุกวันนี้เป็นความรู้ที่อาตมารู้ไม่ได้ไปลอกเลียนใครมา คนอื่นฟังแล้วก็พอรู้เรื่องเอาไปปฏิบัติได้ด้วยแล้วเจริญได้ด้วย เจริญทั้งทางภายนอกและภายในเป็นปรมัตถธรรม เจริญจิตวิญญาณก็ใช้ได้
ความรู้อันนี้จึงเป็นความรู้ที่มีหลักฐาน มีปรากฏการณ์จริงมีพฤติกรรมจริง ที่มันเป็นการสังขาร สังเคราะห์กันขึ้นมาแล้ว เรามีองค์รวม สังขารก็คือการสังเคราะห์
สังขาร สังขตะ คือสรุปรวมลง สังเคราะห์ก็แตกออกไปวิจัยวิจารณ์ สังเคราะห์ได้สัดส่วนเอามารวมตกผลึกเป็นสังขาร ก็มาเป็น สังขตะ นี่พยัญชนะสื่อสภาวะแต่ละคำ เท่าที่อาตมามีความรู้ ถ้าเห็นว่าอาตมาพูดตกหล่นก็แย้งมาได้ ที่จริงแล้วในภาษาบาลีมีความละเอียดกว่านี้
-
ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุติญาณทัสนะ
-
ก็จบ แล้วเจริญเป็นอธิศีล ไม่ใช่ศีลตัวเก่า แต่เป็นศีลที่ขยายโจทย์ไปสู่ อธิศีล เลื่อนขึ้นไปเป็นอธิจิต อธิปัญญา อธิวิมุติ อธิวิมุตญาณทัสสนะ จากพยัญชนะไปสู่สภาวะ แล้วจากสภาวะก็มาสู่สภาวะ วนไปซ้ายขวาแล้วก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าวนซ้ายขวาแล้วเสื่อมลงเรื่อยๆหรือเท่าเดิม อย่างนี้เป็นต้น