มิ.ย.142019ศาสนา620614_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ปฐมบทของประชาชนปฏิวัติที่สำเร็จงดงาม อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/12Oxpg0TQjA225iIuHhpkNR-13vj-YVFj9KSjIAYszrg/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1T3SuhkAg0AJj7AK6fKgbg8gaZgF9y0IW สมณะฟ้าไทว่า… วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2562 ที่ บวร ราชธานีอโศก เราเห็นพ่อครูผ่านอายุ 85 ปีย่าง 86 หลายคนฟังธรรมพ่อครูมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่รู้กี่กัณฑ์แล้ว หลายคนได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์เป็นพระโพธิสัตว์ หลายคนเป็นพระอริยะเป็นพระอนาคามีพระสกิทาคามีพระโสดาบัน แต่บางคนก็น่าสงสารต้องไปรับวิบากต่างๆนานา ที่จะต้องตกต่ำลงไปอีก แต่พ่อครูยังมีอิทธิบาท 4 ที่จะแสดงธรรมให้แก่พวกเราอย่างสม่ำเสมอ ไม่เว้นแม้แต่นักการเมือง พ่อครูก็ยังมีเมตตาแสดงธรรมให้ฟัง แต่ไม่รู้เขาจะรับฟังหรือไม่ ชาวอโศกเรารับฟังได้บ้างไม่มากก็น้อย คนเขาก็แย่งชิงตำแหน่งทางการเมืองกัน แต่หากรัฐบาลไหนบริหารไม่ดี เราก็พร้อมลงไปเดินที่ราชดำเนิน ที่ผ่านมาพวกเราใช้ความสงบใช้ธรรมะในการไปชนะความรุนแรง พ่อครูว่า…ก็ขอโอภาปราศรัยกับ sms ก่อนนะ _SMS วันที่ 12 มิ.ย. 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ) _1614chanwis เด็กเกิดมาดุจดังผ้าขาว..(จริงรึ..) หากคนเราบริสุทธิ์ดังผ้าขาวแล้วคงไม่ต้องมาเวียนวายตายเกิด. ข้อความ นั้น กล่าวถูกต้อง หรือไม่ แท้จริงเป็น อย่างไร พ่อครูว่า…เด็กเกิดมาด้วยกรรมวิบากของเขา ถ้าเป็นเด็กทั่วไปสามัญที่ไม่ใช่พระโพธิสัตว์มาเกิด มันมีการเกิดของคนสามัญปุถุชนทั่วไปกับการเกิดของพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์คือผู้ที่บรรลุแล้วแต่ยังตั้งจิตที่จะต่อภพภูมิต่อไป เด็กที่เกิดมานั้นไม่ใช่ผ้าขาวเกิดมากับกิเลสและอวิชชาพาเกิดทั้งนั้น เด็กทุกคนที่ไม่ใช่พระโพธิสัตว์มาเกิด ไม่ใช่ผ้าขาว แต่เป็นเด็กที่มีอวิชชา เป็นเด็กที่มีอวิชชานำพามาเกิดทั้งสิ้น ส่วนเด็กที่เกิดเป็นโพธิสัตว์มาเกิดอีกนั้นจะชื่อว่าผ้าขาวมาเกิดนั้นถูกต้อง แต่นั่นเป็นความซับซ้อน พระโพธิสัตว์มาเกิดต้องมีวิบากเป็นลิงลมอมข้าวพองอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วจึงจะฟื้นคืนมาเป็นพระโพธิสัตว์เต็มรูป แล้วจึงจะทำงานที่เป็นผ้าขาวที่เป็นพระอรหันต์เป็นสภาพสมบูรณ์ต่อไปได้ ก็เป็นอย่างนั้น ต้องศึกษาดีๆมันเป็นความซับซ้อนลึกซึ้งมากไม่ใช่เรื่องจะเดาเอาง่ายๆ เพราะเป็นสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนของการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนั้นมันไม่รู้กี่ชั้นต่อกี่ชั้นศึกษาให้ดีๆ ตอบเท่านี้ก่อน ติดตามดีๆ _3867พ่อครูเคยกล่าววันแสดงธ.ผ่านฟ้าฯ อำนาจที่อยู่ในตัวเองตามรธน.คือ authorityเป็นปช.ภิวัฒน์คือพลังอำนาจแห่งความถูกต้องของปชช. อันสุจริตสงบเป็นการปฏิวัติประชาชนที่บริสุทธิ์ในกุศลด้านปรมัตถ์! 23กพ.57 _รบ.หลายพ.ร่วมฯจะทำรัฐลุงตู่จะเป็นรัฐ animal farm เสียเองไหม? เชื่อ สัจธรรมพ่อครูหนุนลุงตู่ฯพาลูกหลานอโศกเจริญแผ่นดินสุขสงบสันติด้วย Model condor family ขนานคู่ไปด้วยกันกับรัฐหนุนลุงคนดีกราบอนุโมทนาสาธุ! คนโลกเงียบ _พีระสิน อินชัวร์ · อาณาจักรนี้งดงามทั้งภายนอกและภายใน สมเป็นชมพูทวีปจริงๆ อยากไปอาศัยด้วย พ่อครูว่า…เชิญยินดีต้อนรับมาเลย _นภารัตน์ อิ่มรัง · กราบพ่อท่านเจ้าค่ะ..เป็นชาวอโศกเก่าไปใช้ชีวิตมีครอบครัวทุกข์มากเจ้าค่ะ พ่อครูว่า…พากเพียรให้ดี หากจะมารวมอยู่กับหมู่กลุ่มได้ก็มา มาให้ได้ _ปองใจ จันทะมาศ · ชมผ่านมือถือ ชัดเจน สัญญานชัดเจน พ่อครูพยายามสอนให้เข้าใจ เนื้อหายากมาก พ่อครูว่า…มันก็ยากอยู่แต่ติดตามให้ดีๆ แล้วขยันติดตามฟัง เริ่มรู้ว่ายากก็ดีแล้ว _SMS วันที่ 13 มิ.ย. 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ สมณะ สิกขมาตุ บ้านราช) _3867เห็นญตธ.อุทัยฯไปมาบวรอโศกหลาย คนบ้างปักหลักประจำบ้านราชเมืองเรือไม่กลับมาเลย!อิจฉานิดๆที่คนบ้านเดียวกันปลีกโลกโลกียะไปอยู่กับโลกโลกุตระได้!ขออนุโมทนาปฏิบัติให้ถึงธ.อรหัตผลสาธุ!หมดใบบุญที่บ้านวันใด คงได้ตามไปสักวัน! _9454กราบนมัสการค่ะ. ทุกวันนี้มีข่าวคนฆ่าตัวตายเยอะมากค่ะ อยากให้ท่านบรรยายบาปกรรมของการฆ่าตัวตายเพื่อเตือนสติทุกคนที่มีความทุกข์หน่อยคะ พ่อครูว่า…คนที่ฆ่าตัวตายเองบาปมากบาปหนัก บาปเพราะมีใจอำมหิต โหดร้ายมาก คนฆ่าตัวเองคือคนจิตใจอำมหิตมาก คนฆ่าคนอื่นสัตว์อื่น ใจไม่อำมหิตเท่าฆ่าตัวเอง เพราะคนเรานั้นรักชีวิตตัวเองมากกว่ารักชีวิตคนอื่น เพราะฉะนั้นถึงขั้นที่มันจะฆ่าตัวเองมันจึงต้องใช้ความอำมหิตมากกว่าการฆ่าคนอื่น แต่ถ้าฆ่าตัวเองต้องใช้ความอำมหิตอีกหลายเท่าถึงจะฆ่าตัวเองสำเร็จ เพราะฉะนั้นจึงบาปหนักกว่าการฆ่าผู้อื่น เอาเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน _กูรู สู่แดนธรรม “ทุกข์ คือ การต่อต้านความเปลี่ยนแปลง” พ่อครูว่า…มันก็ถูกต้องเพราะว่าความเปลี่ยนแปลงในโลกนี้แล้วมีคนต่างยึดต่างขัดแย้งต่างเปลี่ยนไป ผู้ที่ชัดเจนในความเปลี่ยนแปลงแล้วก็ไม่เห็นเกิดความประหลาดอะไร ก็เห็นเป็นความเปลี่ยนแปลงตามเหตุปัจจัยก็จบอยู่ในตัวก็ไม่ทุกข์ แต่ถ้าเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นโดยไม่เข้าใจ แล้วก็ไปวุ่นตามเขาจะทุกข์ ไปเห็นความเปลี่ยนแปลง แล้วเข้าใจเหตุของความเปลี่ยนแปลงแล้วก็จบ _สราวุธ • กินผักก็เป็นการทำบาป ตัดชีวิต เพราะต้นไม้ก็มีชีวิต มีการเจริญเติบโต ไม่ต่างจากสัตว์ พ่อครูว่า…คุณสราวุธต้องศึกษาให้ดีๆ เรื่องนิยาม 5 ธาตุที่มีความเป็นชีวิตและไม่มีชีวิต อุตุนิยามยังไม่มีความเป็นชีวิต หากมาเป็นชีวิตชั้นต่ำก็เป็นพีชะ ยังไม่มีเวทนาไม่มีวิญญาณยังมีแค่สัญญากับสังขารแล้วปรุงแต่งตัวเองเป็นตัวของมันเอง ยังไม่มีการจองเวรจองกรรมไม่มีรักไม่มีชังจึงไม่มีความทุกข์ความสุขไม่มีวิบากไม่มีการต่อเนื่องต้องหมุนวนใช้หนี้วิบาก การกินพืชผักจึงไม่ต้องไปใช้หนี้วิบากต่อกันและกันอะไรเลย ส่วนสัตว์นั้นแม้แต่สัตว์เซลล์เดียวเป็นจิตนิยามก็เริ่มจองเวรจองกรรมแล้ว แล้วจองเวรเก่งด้วยเพราะมันไม่รู้ก็จองเวรติดหนักเลย ศึกษาให้ดีๆแล้วจะรู้ว่าการแยกสภาวะจิต กับพีชนิยาม แยกกัน ถ้าชัดเจน พีชะ กับจิต ก็จะไม่ประหลาด ว่าชีวะนี้ไม่ถึงขั้นวิญญาณ ชีวะนี้ถึงขั้นวิญญาณแล้ว เพราะฉะนั้นจึงอย่าไปยุ่งมีวิบากกับสัตว์ ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียว แล้วสัตว์เซลล์เดียวแต่ละอัตภาพก็ต่างกันไป ถ้าเราไปร่วมเกี่ยวข้อง เราก็จะมีวิบากเกี่ยวข้อง ในชีวิตหรือในอัตภาพของใครแต่ละคนทุกคน มันได้เกี่ยวข้องมีวิบากกับสัตว์ต่างๆมามากแล้วอย่าไปเพิ่มวิบาก เกี่ยวกับสัตว์ใดอีก เพราะฉะนั้นก็ปล่อยให้เขาไปตามยถากรรมของสัตว์แต่ละตัว เรามีแต่จิตเมตตาหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ เราไม่ได้เป็นคนใจดำเราหวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ แม้ที่สุดสัตว์มันทำร้ายเรา เราก็ยังไม่พยาบาทอาฆาตมัน สัตว์ใดหรือคนใดมาทำร้ายเรา ส่วนเขาจะผูกพยาบาทเราก็เรื่องของเขาตบมือข้างเดียวก็จะไม่นาน แต่เราตัดขาดเลยเข้าใจกันเกิดการตาย ในการที่เกี่ยวข้องต้องใช้หนี้วิบากไปชาติแล้วชาติเล่า สัตว์ที่ได้เกิดมาร่วมกันต้องอย่าทำวิบากอะไรต่อกันและกัน แต่ว่ามันอาจจะเกิดในกาละอื่นผ่านมาแล้ว คนนี้ตายแล้วอีกคนก็ยังไม่เกิดเป็นต้น เรื่องกรรมวิบากเป็นอจินไตยที่ศึกษาให้ดีๆไม่ใช่เรื่องตื้นๆ หากไปเข้าใจว่ากินสัตว์ก็เป็นบาปกินพืชก็เป็นบาปนั้นยังไม่ถูกต้องต้องศึกษาให้ดีๆไม่มีสภาพอะไรที่ยืนยัน _คําพันธ์ สอรักษา • พวกคุณไม่ใช่พระ แต่แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ พ่อครูว่า…ขอยืนยันแม้แต่การแต่งกายเราก็ไม่ได้เลียนแบบพระสงฆ์ ที่บอกว่าเราไม่ใช่พระนั้นถูกแล้วเราเป็นสมณะ ศึกษาให้ดีๆไม่ใช่เล่นคารม ไม่ใช่เล่นวาทกรรม พวกเรานี้เป็นสมณะที่พระพุทธเจ้าตรัสคือสมณะ 4 เหล่า พระโสดาบันสกิทาคามีอนาคามีอรหันต์ ส่วนพระทั่วไปนั้น ทีเรียกตัวเองว่าเป็นศาสนาพุทธเหมือนกันเป็นสังวาสเดียวกัน แต่ก็ปฏิบัติต่างกันเป็นนานาสังวาส พัฒนาเราไม่ใช่พระนั้นถูกต้องอยู่แล้ว แล้วบอกว่าเราแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์เราไม่ได้เลียนแบบพระสงฆ์ มีเจตนารู้ด้วยว่าเราไม่ได้เจตนาเลียนแบบนุ่งห่มก็ไม่เหมือน อาตมาก็ห่มเป็นเหมือนกับพระได้ เพราะเราเคยเป็นมาก่อนแล้วเราก็ได้เลิกแล้วแบบนั้น เราจึงได้มาออกแบบการนุ่งห่มแบบของเราจึงไม่ได้ลอกเลียนแบบ กฎหมายเคยเล่นงานและฟ้องร้องเราเรื่องนี้ด้วยเรื่องแต่งกายเลียนแบบพระ แล้วเราก็แพ้มาแล้ว เข้าคุกแต่รอลงอาญา เราก็ยอมทุกอย่างจนพ้นหมดแล้วจบ เราก็ยืนยันออกมาแต่งตัวแบบนี้ จะมาฟ้องร้องเรื่องการแต่งตัวเลียนแบบไม่ได้แล้วแต่ก่อนนั้นใช่ แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนมาด้วยเจตนา ด้วยรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน ศึกษาดีๆไม่ได้ซับซ้อนอะไร _พงษ์ศักด์ ไอ้เรื่องรับเงินหรือไม่รับเงินอันนี้มันไม่ผิดหรอกมันผิดที่ใจที่ตัดกิเลสไม่ขาดถึงตัวเองไม่รับให้กรรมการรับแต่ใจเรายังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินนั้น มีการก่อสร้างสิ่งต่างๆ จิตที่สะอาดบริสุทธิ์นั้นถึงจะมีเงินกองอยู่ที่มือมากมายเท่าใดก้อไม่มีผลฉันใดก้อฉันนั้นเงินทั้งหลายเหล่าใดที่ผู้บริจาคมาเราเพียงรับรู้แล้วก้อบริจาคให้แก่คนยากคนจนไม่มีอันจะกิน ย่อมมีและประโยชน์เราผู้เสนาสนะป่าต่อให้ชนผู้ปรารถนาสร้างวัดวิหารใหญ่โตเท่าใดก้อสำคัญไม่ จงเอาไปบริจาคแก่ผู้ยากไร้เถิด พ่อครูว่า…แสดงว่าคุณเป็นเลือดพระป่า 100% ไม่เอาการสร้างอะไรมาก คุณปฏิบัติอย่างนี้ไปอยู่กับพวกเชนได้ อย่าว่าแต่สร้างวัดเลย แม้แต่จะไม่ทำงานไม่สร้างอะไรเลย ผ้าก็ไม่นุ่งห่ม กินอยู่ไปแต่ละวันจนกว่าจะตาย เหมือนพวกเชน ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาพระป่าแต่เป็นศาสนาคนเมืองศาสนาสังคมอาริยะ ไม่ใช่สังคมคนป่า ที่ไม่รู้จักสังขารไม่รู้จักสังคมไม่รู้จักความสำคัญของมนุษยชาติ ไม่รู้จักเศรษฐศาสตร์ไม่รู้จักรัฐศาสตร์ ไม่รู้จักสังคมศาสตร์อะไรไม่ใช่ ศาสนาพุทธลึกซึ้งครบพร้อมทั้งรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์สังคมศาสตร์ แล้วช่วยสังคมอยู่ด้วยเศรษฐศาสตร์ที่จะเจริญประเสริฐ รัฐศาสตร์สังคมศาสตร์ที่เจริญทุกอย่าง อยู่ช่วยสังคมเขาได้หมด เป็นพหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก) ศึกษาให้ดีแล้วจะไม่สับสนจะชัดเจนในการแบ่งสัดส่วน _นวพันธุ์ ศรัทธาและความเชื่อของคนรวมทั้งการสืบทอดทางการใช้ชีวิตต่อกันมาเป็นรุ่นๆนั้นคือคำตอบของแต่ละหมู่เหล่าก็เท่านั้น เราก็อีกแบบที่ได้รู้เห็น สุดแต่จะวิเคราะห์ตามนั้นก็ไม่ว่ากันตามสบายเอาที่สบายใจก็สุขตามอัตภาพจ้า พ่อครูว่า…คนนี้ก็ค่อยๆไปอย่างสบายๆ ระวังๆแต่คำสอนพระพุทธเจ้าต้องตั้งตนบนความลำบากกุศลธรรมเจริญยิ่ง _มารุต • เอาใครมาสอนอะไรงี่เง่าให้เด็กๆฟังครับ(เรื่องอย่าเลี้ยงสัตว์) นี่คือองค์ความรู้ของคนระดับที่เป็นครูจริงๆเหรอ!!?? ขาดหลักการแบบสิ้นเชิง ผิดหลักทั้งทางโลก ทางธรรม พูดไปเรื่อย !!แทนทีจะสอนให้มีเมตตา ดันบอกอย่าไปเลี้ยง สอนไปได้… พ่อครูว่า…อาตมาเข้าใจคุณเพราะคุณยังไม่เข้าใจเรื่องวิบากกรรม ไม่รู้จักความสำคัญความเกี่ยวข้อง การก่อกรรมเป็นอันทำ การผลักดูดของวิบากที่จิตมี คุณยังไม่เข้าใจเลยแสดงว่าจิตของคุณหยาบ จิตนิยามมันผูกพันและพยาบาทด้วย วิบากเดิมมันก็มีอยู่แล้วของสัตว์แต่ละตัว เราต้องมีแต่ให้ลดวิบากลง พระพุทธเจ้าเกิดเป็นพระพุทธเจ้าแล้วยังมีคนอื่นๆที่มีวิบากร่วมกับท่านอีกตั้งเยอะเช่นมีพระเทวทัตมีพระนางพิมพา ดีไม่ดีมีพระราหุลจะมาเกิดร่วมด้วยอีกอย่างนี้เป็นต้น ศึกษาให้ดีๆ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะฉะนั้นอย่าไปเข้าใจอะไรง่ายๆตื้นๆอย่างนั้น _yy W. • คนไทยไม่เจริญ เพราะไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรเลว ชั่วว่าดี ดีว่าชั่ว ด่าผู้ทรงศีล เชิดชูคนโกง ประนามผู้ไม่เบียดเบียน มีวัดไหนสอนคนให้ลดละกิเลสได้เป็นหมื่นเป็นแสนได้อย่างสันติอโศก พ่อครูว่า…คนนี้ก็มองมาในแง่ดีกับชาวอโศกเรา ไม่ขอขยายความมากกว่า นี้ก็ดีแล้ว _John 111 ถ้าพูดตามเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดและเรื่องวิบากกรรมแล้ว คนทุกคนเคยเกิดเป็นสัตว์ สัตว์ก็เคยเกิดเป็นคนแถมบางคนเกิดเป็นคนแล้วก็กลับไปเกิดเป็นสัตว์ก็มี แล้วมันจะแปลกตรงไหนที่จะได้เกิดเป็นผัวเมียของสัตว์ แต่ไม่ใช่เพราะอย่างที่ท่านสอนแน่นอน ทุกอย่างล้วนเกิดจากกรรม เออ แล้วถ้าสัตว์ที่เราเลี้ยงมันมาเกิดเป็นคน เป็นผัวเมียเรามันจะแปลกตรงไหนล่ะ ในเมื่อต่างคนต่างก็มาเกิดเป็นคน เผลอๆต่างคนต่างเคยเป็นสัตว์มาก่อนซะอีก ไม่แปลกไม่น่าเกลียด ธรรมดามากๆ มีใจเมตตาต่อสัตว์มันก็ดีแล้วนะ ขอถามหน่อยว่าเอาคำสอนนี้มาจากที่ใดครับ ด้วยความเคารพ พ่อครูว่า…แน่นอนคนทุกคนเคยเกิดเป็นสัตว์เมื่อก่อนทั้งนั้น ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวจนมาถึงเป็นสัตว์ต่างๆจนมาเป็นคน เป็นคนที่สอนไม่ได้เป็น อเวไนยสัตว์ มาเป็นเวไนยสัตว์ที่สอนโลกุตระได้ มีหลายชั้น อาตมาว่าคิดแบบนี้ชักล่อแหลมนะ ระวังสัตว์ต่างๆจะถูกคนๆนี้ทำอุจาดได้ เห็นเป็นเรื่องธรรมดา คนๆนี้อย่าให้สัตว์ไปใกล้ๆนะ ก็เอามาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าติดตามให้ดีๆให้เรียนให้ดีๆ _FOR TRUTH 2559 แก้เบื่องาน ท่านโพธิรักษ์สอนถูกแล้วคือ งานนั้นดีเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นเป็นกุศล เป็นงานที่ควรทำ อยากเสริมประเด็นที่ว่า หนูคนนี้หรือคนอื่นๆที่เบื่องาน เขาเหล่านี้ มีตัวตนที่เบื่อที่ไม่ชอบ งานตามที่กล่าว ต้องสังเกตว่า ตัวตนพวกนี้มันเกิดมาจากจิตของตน ที่ไปสร้างอาการเบื่อขึ้นที่ร่างกายหรือสรีระของผู้นั้นเอง ไปสร้างอาการผลัก อาการไม่ชอบ งาน นั้นๆ มันจึงเกิดอาการของร่างกายหรือสรีระขึ้น แล้วจิตก็สัญญาเอาไว้ ยึดเอาไว้ จำเอาไว้ว่านี่แหล่ะคือตัวเบื่อ มันจะเป็นตนเป็นตัวของผู้นั้นทันที เป็นตัวตนที่จิตสร้างขึ้นมาเอง ตัวร่างกายหรือสรีระของคนมันไม่ได้เบื่อไม่ได้เกลียดงานอะไรหรอก จิตของคนไปสร้างอาการ ไปผลักไปดันให้มันเกิดอาการ เบื่อ สารเคมีที่สื่อความเบื่องานในร่างกายมันจะออกมาทำให้ ร่างกายมีอาการตามนั้น จิตมายึดเอาว่า นี่ไง เราเบื่อ การปฏิบัติธรรม ลดละเลิก ทำลายกิเลส ต้องเอา 3 สิ่งนี้มาร่วมพิจารณา เอามาปฏิบัติ เอามาสังเกตอาการ ความสัมพันธ์ของ 3 สิ่งนี้ จะพบความจริง บรรลุธรรมสมปรารถนา 3 สิ่งนั้นคือ กายยาววาหนาคืบกว้างศอกนี้ พร้อม สัญญา และใจ เป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ หากไม่นำร่างกายมาร่วมพิจารณา การปฏิบัติธรรมก็เป็นโมฆะ เหมือนคนที่ตายแล้วปฏิบัติธรรมไม่ได้ เพราะไม่มีร่างกายเป็นหลักฐานอ้างอิง(กายสักขี)ว่า ตัวตนของอาการกิเลสนั้น มันไม่มีอยู่จริงโดยสัจจะ แต่ที่มันมีขึ้นมานั้นมันเกิดจากจิตคนหลง(โมหะ)สร้างหลงปรุงแต่งขึ้นมาเอง เวลาทำงานจึงมีเคล็ดลับอยู่ว่า พยายามทำร่างกายหรือสรีระให้ปกติ ให้อยู่ในภาวะปกติของที่เคยเป็นอยู่ ไม่ผลักไม่ดูด แล้วสังเกตไปทำงานไป แล้วจะพบความจริงว่า ความเบื่อมันไม่มีอยู่จริงในที่สุด พ่อครูว่า…คุณต้องมีความเบื่อแล้ววางปล่อยทิ้งไม่ยึดมั่นถือมั่นก่อนเพราะว่าเบื่อก็อยู่กับสิ่งนั้น แล้วถึงเป็นจิต มันถึงเป็นญาณปัญญาที่จะต้องรู้จักกันเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน เบื่อไม่ลง อย่างอาตมานี่เบื่อไม่ลง ต้องสัมผัสสัมพันธ์กัน เราช่วยเขาได้ก็ควรช่วย ได้เวลาจิบน้ำ… พ่อครูว่า…ประชาธิปไตยของไทยกำลังเป็นตัวอย่างของโลกที่ละเอียดละออลึกซึ้งคมละเอียดละออมาก ยกตัวอย่างที่กล่าวถึงประเด็นที่จะพูด คือเรื่องของอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นคนที่ยึดมั่นถือมั่นเรื่องของประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว โดยตำรา อภิสิทธิ์ยึดมั่นถือมั่นประชาธิปไตยโดยตำรา โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า ประชาธิปไตยนั้นอำนาจต้องเป็นของประชาชนต้องเป็นของประชาชนหมู่ใหญ่ สืบทอดไม่ได้ สืบทอดเผด็จการไม่ได้ แต่แยกความเป็นเผด็จการและความเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ โดยเฉพาะความซับซ้อนที่คนไทยที่เป็นตัวจริงไม่ใช่ในตำรา คนไทยทำนี้ตํารายังไม่ได้บันทึก ขอย้ำอีก โปรดฟังครั้งที่ 2 ประชาธิปไตยที่เกิดจากของพระพุทธเจ้านั้น ความเป็นประชาธิปไตยแบบพุทธ ยังไม่มีบันทึกไว้ในโลกเป็นรายละเอียด ยังไม่มี ตำราประชาธิปไตยที่มีในโลกที่เขาไปเรียนกันมานั้นไม่ใช่ของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น ตำราความเป็นประชาธิปไตยนั้น คำเรียกว่าประชาธิปไตย ความจริงก็คือธรรมาธิปไตย ของพระพุทธเจ้า คือพหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)นั่นแหละจึงเป็นเนื้อหาเนื้อแท้ของประชาธิปไตยที่อาตมากำลังเอามาเทียบเคียงกำลังมีคนเรียบเรียงอยู่ ซึ่งจะมีในอนาคตตอนนี้ยังไม่มี ก็ขอบอกว่าแค่นี้ก่อน _ภูษิต • แทนที่ท่านจะพยายามรักษาคำของพุทธองค์ ให้ความรู้ความหมายที่แท้จริง ท่านกลับพยายามสร้างคำใหม่ขึ้นมาอีก ยิ่งทำให้ชาวพุทธหลงประเด็นเพิ่มไปอีก อริย- อริยะ พุทธองค์ ตรัสสอนไว้แล้วว่า สงฆ์สาวก ประพฤติแบบนัย ว่าเป็น อริย -อริยะ พระองค์ไม่ได้ตรัสว่า สงฆ์สาวก ที่ประพฤติทำ ติรัจฉานวิชา เป็นพระอริย – พระอริยะบุคคล แต่ชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจผิดกันไปเองว่า พระสงฆ์ประพฤติแบบนั้น เป็นพระอริยะ ในพระสูตร สัมปันนสีลา พระองค์ตรัสไว้ชัดเจนอยู่แล้ว (พระไตรปิฏกบาลี สยามรัฐ ๙| ๘๓| ๑๐๓) พ่อครูว่า…ก็ถูกต้องถ้าจะว่ากันแล้วพระพุทธเจ้าตรัสไว้ถูกต้องเป็นสวากขาตธรรมทั้งนั้น คนที่ประพฤติเดรัจฉานวิชาอยู่ เขาปฏิบัติของเขาเองถูกแล้ว คุณพูดไม่ผิดหรอก แต่ก็ต้องรู้ว่าผู้ที่ประพฤตินั้นทำตนเป็นพระ แต่ปฏิบัติเดรัจฉานวิชานั้นอยู่ล่ะ คือผู้ที่ปฏิบัติเดรัจฉานวิชาไม่ใช่พระ ก็ต้องเข้าใจว่าเดรัจฉานวิชาคืออะไร ดูกันได้ทางกายกรรมวจีกรรมที่ประกอบ จากมโนกรรม แม้แต่เดรัจฉานกถา เดรัจฉานคือสิ่งที่ขวางทางนิพพานไม่พาไปสู่นิพพาน พูดอะไรบรรยายอะไรที่เป็นเดรัจฉานกถา ประพฤติสิ่งต่างๆเหล่านั้นมันไม่พาไปนิพพานก็คือเดรัจฉานวิชชา ถ้าหากแค่พูดก็เป็นเดรัจฉานกถา ถ้าหากทั้งพูดทั้งพาทำด้วยก็เป็นเดรัจฉานวิชา เขาก็ใช้ในเดรัจฉานวิชาเลี้ยงชีพกันอยู่ทั้งนั้น มันไม่ได้พาให้บรรลุนิพพานแต่ขวางทางนิพพานหมด แต่ที่ทำไม่ได้พาไปนิพพาน แต่ขวางทางนิพพานด้วย คุณคนนี้อ้างอิงจากพระไตรปิฎกมา อ้างเล่มและข้อเป็นส่วนใหญ่ _เสาวณี รักทอง • ดับเทวะหมายถึงอะไรครับ พ่อครูว่า…คนนี้นึกว่าเป็นชื่อผู้หญิง แต่ลงท้ายว่าครับ ก็ต้องเป็นผู้ชายนะ ดับเทวะ หมายถึงอะไร ก็ย่อๆนะ ตอนนี้อาตมาอธิบายเรื่องนี้ ถ้ารู้เทวะและดับเทวะได้นี่สุดแล้ว ดับเทวะคือไม่มีเทวะไม่ติดยึดเทวะ แต่เทวะในสภาวะนั้นมี เทวะ แปลว่าสิ่งที่ดีแปลว่าสิ่งที่ดีพาสุขพาสวรรค์อะไรก็ได้ แต่ผู้ที่ดับเทวะแล้ว มีเราก็ไม่ไปคลุกคลีเกี่ยวข้อง อสังสัคคะ จิตของเราก็ว่าง ก็มีของเขามีอยู่แต่จิตเราว่างไม่ดูดไม่ผลัก อยู่กับสิ่งเหล่านั้นอย่างเหนือกว่าลอย อุทธัจจะ อยู่เหนือแต่รู้ว่าเขาเป็น ไม่ได้หมายถึงข่ม แต่หลุดพ้นจากสภาวะเหล่านี้แล้ว _สินีนุช จริตของพระสงฆ์มักแตกต่าง ส่วนมากเราจะมองทางศีลธรรมมากกว่า พระองค์นี้อาจจะมีคำพูดจาไม่ถูกหู คนที่ชอบฟังแต่คำหวานระรื่นหูจะไม่ถูกจริตกับพระองค์นี้หรอก มีแต่คนที่ดุๆ ดุทั้งในตน และแลดูดุนอกตนจะเข้าใจพระองค์นี้ง่ายกว่า จะว่าใครไม่ได้หรอกในโลกนี้ ว่ากล่าวตักเตือนตัวเองจะเป็นบุญเป็นกุศลกว่า เพราะจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน พ่อครูว่า…ก็ตามศึกษาให้ดีๆเข้าใจไปตามลำดับ _ยุทธนา • คนปัจจุบันนี้เรียกพันธุ์ นรกแตก ไปที่ไหนชิบหายที่นั่น พ่อครูว่า…คนนี้มองแต่ในแง่ร้ายอย่างเดียวนะ คนที่พากันไปเจริญๆก็มีอยู่ _Mahalaoshi Ra. สุดยอดคอมเม้นท์คิดได้ยังไง ขอบคุณมากๆสำหรับ comment นี้ถูกต้องจริงๆ”พันธุ์นรกแตก”ไปที่ไหนพวกหมู่สัตว์หมู่มารเปรตอสุรกายอบายคนชั่วคนเลวโมฆะบุรุษทั้งหลาย แตกกระเจิงหนีไปหมดจริงๆ เจอลูกซอง 5 นัด กลดขาดพังท่านยังอยู่, เมียทักษิณสั่งcd4ระเบิดตี2.45 กระจกตึกรามบ้านช่องแตกกระจัดกระจายระเนระนาดเสียหายไปหมด แต่น่ามหัศจรรย์ไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ ก็รอดมาได้จนต้องสร้างและเก็บเป็นอนุสรณ์สถานกลายเป็น แหล่งท่องเที่ยวอันลือชื่อ ของบึงกุ่ม และสุดท้าย ก็รอดมาได้จากระเบิดของตำรวจ ที่ทำลายสถิติโลกอันดับ 1 จนทุกวันนี้ไม่มีประเทศใดในโลกทำลายสถิติได้ที่มีการชุมนุมอย่างสันติติดต่อกันนานยาวมากกว่า 365 วัน ที่ต้องการขว้างระเบิด ให้ตาย ให้พระมรณภาพทั้งวงซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 กว่ารูปรวม สมณะพ่อครูด้วย ตำรวจถูกสั่งการมาว่าให้เด็ดหัวที่พ่อครูเท่านั้นนอกนั้นอาจจะได้รับผลกระทบก็ไม่เป็นไรแต่สุดท้ายระเบิดกลับเด้งกลับมาถูกตำรวจผู้ปาขาขาดแต่ยังดีไม่เสียชีวิต ทุกวันนี้เหล่าพญามารเหล่านั้นหนีหัวซุกหัวซุนไปต่างประเทศผู้ที่กระทำการลงมือด้วยตนเองก็ตามที่เป็นสื่อก็ตามบ้างก็ติดคุกบ้างก็อุบัติเหตุเสียชีวิต บ้างก็เกิดเหตุเภทภัยต่างๆนานาในขณะเดียวกันที่พ่อครูอยู่สั่งสอนโปรดสรรพสัตว์จนนรกแตกและได้รับฉายาวันนี้ว่าพันธุ์นรกแตกจนทุกวันนี้จาก คนดูรายการ ในคอมเม้นท์นี้นั่นเอง พวกคนชั่วสาระเลวอบายมุขต่างๆแบบนี้หมดจริงๆไม่มีใครนรกหน้าไหนกล้าเผชิญหน้าสมกับฉายาที่ท่านตั้งให้ว่านรกแตกขอขอบพระคุณพระองค์ไปที่ไหนสัตว์นรกฉิบหายที่นั่นจริงๆ ผ่านการติดคุกขึ้นศาลมานับไม่ถ้วน รวม 8 ปี เป็นประวัติศาสตร์พุทธศาสนาของเมืองไทยที่ต้องจารึกซึ่งไม่เคยมีและจะไม่มีอีกแน่นอน ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายจริงๆแต่คนพูดความจริงอาจจะตายก็ได้ ขอขอบพระคุณท่านเจ้าพระคุณเจ้าของไอเดียจริงๆ ผมได้ศัพท์ใหม่แล้ว ขอขอบคุณเจ้าของคอมเม้นท์ผู้มีอุปการะคุณอีกครั้งความคิดเยี่ยมมาก ขอชมเชยจากใจอีกครั้ง _Somchai Ph รับใด้แทบทุกอย่างในหลักการและข้อปฎิบัติของสำนักแห่งนี้.แต่อย่างเดียวที่รับไม่ใด้.คือใช้หลักของพระพุทธศาสนานำหน้าในการสั่งสอนตลอด.แต่กลับไปสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง.อย่างจริงจังจนหน้าเกลียด.ทั้งที่หลักการขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีฝ่ายเลย.คือมีแต่ปล่อยวางเท่านั้น… พ่อครูว่า…ไปศึกษาให้ดีๆ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าให้อยู่กับหมู่บัณฑิต อย่าไปอยู่กับคนพาล นี่ให้อยู่กับฝ่ายใดหรือเปล่า ให้อยู่กับมิตรสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี ผู้ที่ดีก็อยู่ร่วมกัน ผนึกกัน เพื่อที่จะช่วยกันทำให้สิ่งที่ดีนั้นเจริญขึ้นเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ไม่ดีต่อไป ไปศึกษาให้ละเอียด หากตื้นเช่นนั้นคุณก็จะต้องอยู่โดดเดี่ยวแล้วมิจฉาทิฏฐิเข้าใจว่าเป็นกลางก็ต้องอยู่เฉยๆไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่วก็ต้องอยู่เฉยๆ นี่คือมิจฉาทิฏฐิ ความเป็นกลาง ต้องอยู่ข้างคนดีความดีเพื่อให้คนดีเจริญ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ทรงสอนทรงตรัสเช่นนี้ เหมือนกันเพราะว่าเป็นอันเดียวกันตรงกันกับของพระพุทธเจ้าเพราะในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ ไปศึกษาให้ดีๆแล้วจึงจะชัดเจน ไม่เช่นนั้นคุณจะไปกันใหญ่ _เรื่องหมาๆแมวๆขณะนี้กำลังเป็นปัญหาของวัดทุกแห่ง เมื่อไม่นานมานี้ดิฉันเพิ่งผ่านหน้าวัดพลแพน เมืองอุบลฯ มองเห็นที่หน้าประตูวัดมีกลอนบทหนึ่งเขียนไว้ว่า โยมเอ๋ย วัดนี้มีแล้ว แมวและหมา โยมไม่ต้องจัดหามาถวาย ที่กำลังขาดคือ อิฐหินปูนและทราย เหล็กก็ได้ไม้ก็ดี สีก็เอา ดีกว่าหมาแมวเยอะเลย…จบ ชัดเจนนี่แสดงว่าพระท่านคงเหลืออดแล้วที่วันๆไม่ต้องทำอะไรนอกจากเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ที่วัดบางแห่งมีพระสงฆ์แค่ 2 รูปคือเจ้าอาวาสและพระลูกวัด เจ้าอาวาสชอบเลี้ยงหมาพันธุ์ดี พระลูกวัดต้องมีภาระต้มข้าวใส่เนื้อสัตว์ให้มันกินทุกเช้า เวลาหมาป่วยแล้วก็ต้องพาไปหาหมอ ญาติโยมก็ไม่กล้าไปวัดเพราะหมาดุมาก ไปๆมาๆพระลูกวัดคิดจะย้ายวัดหนีหมา เพราะรับไม่ไหวแล้ว การเลี้ยงสัตว์นอกจากเราจะไม่ไปรักผูกพันกับมันเท่านั้น เวลาสัตว์มันกวนเรามากเราก็อาจจะโกรธและทำร้ายมันต่างๆนานา ต้องเป็นกรรมวิบากอีก คงเคยได้ยินข่าวเรื่องสามีภรรยาจัดงานศพให้หมานะ จึงถูกต้องแล้วที่พ่อครูสอนไม่ให้เลี้ยงสัตว์ พ่อครูว่า…ไม่ใช่แค่อาตมาสอนเท่านั้นแต่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ ท่านก็บอกว่านี่เป็นศีลไม่ให้รับ และท่านไม่ได้ตรัสหมดด้วย ท่านตรัสแต่เพียงว่าสัตว์ที่เป็นตัวอย่างไม่รับมานั้นก็เป็นศีลประการหนึ่งของเธอนะ สัตว์เลี้ยงมาเพื่อกิน สัตว์เลี้ยงมาเพื่อใช้ชิ้นส่วนของมัน สัตว์เลี้ยงมาเพื่อใช้แรงงาน การกินฆ่ากินไม่เอา เลี้ยงเพื่อใช้ส่วนของมันไม่ได้ฆ่าเช่น แกะ แพะ ใช้นมใช้ขนมันเป็นต้น ส่วนอีกอันใช้แรงงานมีช้างม้าวัวควายเป็นต้น ท่านแบ่งเอาไว้อย่าให้ไปยุ่งเกี่ยวกับสัตว์เหล่านี้ ท่านก็ไม่ไปซีเรียสกันไปว่าไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับสัตว์ แต่ตอนนั้นสัตว์ก็เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น และไม่มีสัตว์ตัวใดที่ไม่มีวิบากร่วมกัน เราก็ตัดที่เราตัดมันไม่มาหาเรามันมีวิบากมาหาเราไม่ใช่เราใจดำ จะได้ไม่ต้องมีวิบากร่วมกันอีกต่อไป ต่างคนต่างอยู่มันก็ตัดวิบากจากเราก็ตัดวิบากจากสัตว์ เราเป็นผู้รู้ว่าเราเป็นผู้ที่ตัดวิบากไม่ใช่ไปฆ่าเขา ไม่ใช่ไปทำร้ายอะไรเขา ถ้าเราไปช่วยก็จะสัมพันธ์ ถ้าเราไปเลี้ยงมีกิริยาและผูกพันมันก็ยิ่งพัวพันต่อเราชาติแล้วชาติเล่าไม่จบสิ้น ที่มีอยู่แล้วก็มีเยอะแล้ว ทั้งนั้นเลย อย่างพระพุทธเจ้าสมณะโคดมกับพระเทวทัต พระเทวทัตกับพระสมณะโคดมไปยิงสัตว์ ท่านไม่ได้ยิงหรอกแต่พระเทวทัตยิงสัตว์นั้นถูก แต่ไม่ตาย ตกลงมา แล้วเจ้าชายสิทธัตถะเอามาปฐมพยาบาล แต่เจ้าชายเทวทัตจะเอาไปอะไรก็แล้วแต่เขา พระเทวทัตก็ไม่กินเนื้อสัตว์แต่ทำไมไปฆ่าสัตว์ แต่แย่งนกกันใครจะเก่งใครจะได้เป็นเจ้าของ เป็นเรื่องลึกซึ้งซับซ้อนศึกษาให้ดีๆ เยอะแยะเลย ก็เลยตัดสินว่า ผู้ให้ชีวิตคือผู้ที่เป็นเจ้าของ ผู้ที่ทำลายชีวิตผู้นั้นไม่ใช่เจ้าของ นี่คือหลักการตัดสินตอนนั้น พ่อครูจิบน้ำ สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน สมณะเดินดิน พ่อครูว่า…อาตมาจะเอาบทกวี ที่ลงใน เราคิดอะไร เป็นหนังสือที่บันทึกเรื่องราวของสังคมประชาธิปไตยเรื่องของธรรมะซึ่งมันไม่ได้แยกกันเลย การบริหารบ้านเมืองสังคมเศรษฐกิจจะรวมอยู่ในนี้หมด ก็คิดว่าน่าจะรวมกวี มาเป็นเล่ม เคยรวมบทกวีมาแล้วครั้งหนึ่ง อันนี้น่าจะเป็นฉบับใหม่ ฉ.347 เดือนมิถุนายนแต่เพิ่งออกมา ความเป็นประชาธิปไตยไทยต้องอย่างนี้ (1) นาม“ระบอบ”ที่โลกใช้ ทั่วไป ว่า“ประชาธิปไตย” ร่วมพร้อง ต่าง“คอนเซ็ปท์”ของใคร ต่างกำหนด ยืนหยัดของตนต้อง อย่างนี้จึงจริง (2) ต่างชิงต่างวาดไว้ ในใจ ว่า“ประชาธิปไตย” เช่นข้า แต่ละชาติย่อมเป็นไป แตกต่าง กันเฮย องค์ประกอบต่างกันท้า ว่าแท้คือกู (3) ต้องรู้ทั้ง“เหตุ”-ทั้ง “ปัจจัย” แยกแยะ“เทฺว”ไฉน ออกได้ จัดการ“ธาตุ 2”ไป ถูกสัด ส่วนแล จึง“หมดทุกข์สุข”ไซร้ เพราะรู้“โลกุตระ” (4) กระจะกระจ่างหมดโรคบ้า โวยวาย เพราะเกิด“ปัญญา” หาย- โง่แท้ พุทธฆ่ากิเลสตาย จากจิต วิเศษเลย จึงหยุดผลัดชนะแพ้ แย่งยื้อนรกสวรรค์ (5) พุทธรู้ทันสัจจะนี้ โดยเฉพาะ หยุดแย่งไป่ทะเลาะ สงบได้ ต่างขยันกิจตนเสาะ เลี้ยงชีพ ตนแฮ ตามศาสตร์พระราชไซร้ รอบรู้“เพียงพอ” (6) ไม่ก่อ“ทุกข์-สุข”ได้ เด็ดขาด เพราะเกิด“ปัญญา”ฉลาด วิเศษฟ้า ขั้นโลกุตระประหลาด “เหนือโลก” ชนประชากาจกล้า เก่งด้วย“พุทธธรรม” (7) สำเร็จพิชิต“โลก”ได้ ด้วย“ธรรม” กำจัด“อัตตา”สัม- ฤทธิ์แท้ “เหนือสุขทุกข์”นี้สำ- คัญสุด ยิ่งเอย “อธิปไตย”ไทยแก้ จบด้วย“เทฺวธรรม” “สไมย์ จำปาแพง” 1 พ.ค. 2562 [นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 347 ประจำเดือนมิถุนายน 2562] ความรู้ของพระพุทธเจ้ารู้ถึงนิยาม 5 ชาวอโศกเข้าใจสิ่งเหล่านี้และปฏิบัติได้ด้วยจึงเป็นพระอาริยะ จนเป็นพระอรหันต์หมดประโยชน์ตนก็มีก็จะเป็นนักประชาธิปไตยที่รับใช้ประชาชน เป็นคนสร้างประโยชน์ให้แก่มวลมหาชน เป็นคนที่ทำให้เกิดสุขสงบ ไม่ใช่สุขโลกีย์ แต่เป็นปรมังสุขัง วูปสโมสุข ขอยืมพยัญชนะว่าสุข สุคือดี กับ ข คือความว่าง ถ้าเข้าใจพยัญชนะและสภาวะให้ถูกกาละเทศะฐานะก็จบสมบูรณ์ แล้วก็จะมีพฤติกรรมตามความรู้ อีกบทหนึ่ง โลกต้องเรียนรู้ประชาธิปไตยจากไทย (1) ประชาธิปไตยะนี้ คือไฉน พฤติอธิปไตยไทย ใช่แล้ว แต่ผู้ไป่เข้าใจ หลงผิด อยู่รา ย่อมโง่งมบ่แคล้ว คลาดรู้ความจริง (2) ผู้อิงแอบแค่รู้ กันมา ต้อง“เลือกตั้ง”ตำรา ว่าไว้ หลงยึดยิ่งหนักหนา กันทั่ว โลกเลย รู้ไม่ถึงแก่นไซร้ จึ่งร้ายสังคม (3) จมปรักอยู่แต่ตื้น ผิวนอก มิอาจลอกเปลือกปอก ออกได้ ติดวนอยู่ในคอก “เทวศาสตร์” แท้แล หากชัด“พุทธศาตร์”ไซร้ จบด้วย“ปัญญา” (4) “เฉกา”แค่ฉลาดรู้ “โลกียะ” แต่ฉลาด“โลกุตระ” ต่างชั้น เพราะรู้“โลก”รู้“เทฺวะ” ชัดสัจจะ แน่จริง จึงหยุดแย่งดื้อรั้น ไม่โว้ยโวยวาย (5) หลายประเทศยกให้ ไทยแลนด์ มี“อธิปไตย”สุดแสน วิศิฏษ์แล้ “ประชาธิปไตย”แกน แก่นหลัก ชัดเฮย ไทย“ปฏิวัติ”ถูกแท้ เพราะด้วยประชาชน (6) คนไม่รู้เรื่องนี้ กันชัด ว่า“ทหาร”ปฏิวัติ ผิดแท้ “ประชา”ต่างหากจัด การปราบ สำเร็จฮา ขับไล่รัฐบาลแพ้ เผด็จด้วย“มวลชน” (7) ผลเสร็จทหารเข้ารับ สืบทอด มิใช่“เผด็จการ”ถอด รหัสให้ ชัดคมแม่นอย่าขอด ค่อนเลอะ กันเลย “พลังปฏิวัติ”ไซร้ นั่นแท้ประชาชน (8) มืดมนมาแต่ล้วน ไม่เคย มี“รัฐกิจ”ที่เฉลย สัจจ์นี้ ไทยสร้าง“รัฐศาสตร์”เผย “ปฏิวัติ โดยประชา” “ด้วยสงบสยบร้าย”ชี้ ฝากเชื้ออธิปไตย “สไมย์ จำปาแพง” 7 มิ.ย. 2562 [นัยปก “เราคิดอะไร” ฉบับ 348 ประจำเดือนกรกฎาคม 2562] พ่อครูว่า…ทหารมาสืบทอดอำนาจอธิปไตยจากประชาชนที่ปฏิวัติได้สำเร็จ เพราะมันไม่เคยมีตัวอย่างในโลกเลยที่ประชาชนจะปฏิวัติโดยไม่ใช้อาวุธแล้วปฏิวัติได้สำเร็จด้วย แต่สำเร็จแล้วจะให้ประชาชนไปอยู่ในรัฐสภาหมดเลยก็ไม่ได้ต้องมีตัวแทน นักรัฐศาสตร์จะต้องศึกษา ที่พูดไปนี้เป็นพฤตินัยของประชาชนไทยที่ทำได้จริงไม่ใช่การเล่นแสดงหนัง เป็นชีวิตของคนไทยประเทศไทยที่เอาตัวละครของคนไทยสังคมไทย ประชาชนทั้งประเทศไทย เข้าไปร่วมกระทำ เป็นมวลหมู่รูปธรรมที่ชัดเจนที่สุด เมืองไทยทำได้ขนาดนี้ออกไปร่วมกันเป็นล้าน จะถึง 10 ล้านก็ไม่รู้ รวมทั้งประเทศไทยและต่างประเทศน่าจะถึง 10 ล้าน ที่เกิดการปฏิวัติ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย อาตมาได้ไปร่วมเป็นหนึ่งในประชาชนประท้วงด้วย ตั้งแต่พ.ศ. 2549 อาตมานำขบวนพวกเราไปปักหลักที่สนามหลวง จากนั้นก็ทำต่อไปอีกหลายรัฐบาล แล้วในเหตุการณ์แต่ละรัฐบาลก็จะต้องมีเหตุปัจจัยที่จะต้องออกไปล้มรัฐบาล ช่วยกันคนละประเด็นคนละแง่คนละเชิง รัฐบาลทักษิณก็มี พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ออกมาปฏิวัติคนไทยก็ดีอกดีใจเอาดอกไม้ไปเสียบกระบอกปืน ไม่ได้ยิงกันเลย มันสวยงามสงบ แต่เพราะประชาชนยืนยันความผิดของทักษิณชัดเจน ก็เลยจำนนต่อหลักฐานความจริงทั้งหมด ทหารทำเหมือนปฏิวัติและตั้งรัฐบาลต่อไปอีก เขาสรุปมาให้ทำการไล่รัฐบาลตั้งแต่ปี 2547 เมื่อกลางปี พ.ศ. 2547 มีการรวมตัวของ กลุ่มประชาชนเพื่อชาติและราชบัลลังก์ โดยมีแกนนำประกอบด้วย นาวาอากาศตรีประสงค์ สุ่นศิริ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อัมรินทร์ คอมันตร์ พลโท เจริญศักดิ์ เที่ยงธรรม นายสมาน ศรีงาม นายประพันธ์ คูณมี นายเพียร ยงหนู ได้มีการชุมนุมปราศรัยที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2547[4] และมีการจัดรายการวิทยุ และเว็บไซต์ วิพากษ์วิจารณ์ผลงาน และการทุจริตในรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร 23 กันยายน 2548 นายสนธิ ลิ้มทองกุลเริ่มการจัดรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 1-3 ที่หอประชุมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และครั้งต่อๆไปจัดที่สวนลุมพินี พร้อมทั้งออกอากาศสด ผ่านทางเว็บไชต์ www.managerradio.com และ เครือข่ายวิทยุชุมชนอีกหลายสถานีทั่วประเทศ และ เริ่มมีการประท้วงขับทักษิณ ชินวัตรออกจากตำแหน่ง และได้ขยายตัวเป็นวงกว้างยิ่งขึ้น โดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) แต่หลังจากนั้นก็มีกลุ่มคนที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีออกมาเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน ทำให้เกิดความเห็นต่างทางการเมือง มีผู้บาดเจ็บสาหัสจากการทำร้ายร่างกาย 5 ราย และต่อมาเกิดรัฐประหาร ในนามคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) และได้แต่งตั้งรัฐบาลชั่วคราว ซึ่งมีพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 2549-2550 จึงจัดการเลือกตั้ง พรรคพลังประชาชน ชนะ จึงจัดตั้งรัฐบาลผสม ทำการโยกย้ายข้าราชการ จะแก้รัฐธรรมนูญ และมีทัศนคติเป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกลับมาชุมนุมอีกครั้ง โดยการจัดสัมมนารายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ในวันที่ 28 มีนาคม และในเดือนธันวาคม 2551 ได้บุกยึดท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิเพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ออกจากตำแหน่ง ก่อนยุติการชุมนุมเมื่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน ผลการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนธันวาคม 2551 ปรากฏว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเลือก ทำให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช., เดิมคือ นปก.) กลับมาชุมนุมอีกครั้งในปี 2552 และ 2553 เพื่อกดดันให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ในเดือนพฤษภาคม 2553 มีการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ หลังจากนั้นยังไม่มีการชุมนุมจากกลุ่มการเมืองต่าง ๆ พักหนึ่ง เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุบสภา ผลการเลือกตั้งใหม่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ผู้ชนะคือ พรรคเพื่อไทย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี พอสิงหาคม2556 ได้เสนอ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ 4 สิงหาคม 2556 กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ จากจังหวัดต่างๆ ได้ทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมจับจองพื้นที่แบ่งย่อยเป็น จุดแรกคือที่สวนลุมพินี และจุดที่ 2 คือที่สวนจตุจักร 31 ต.ค. 2556 เสียงนกหวีดแรกที่ดังขึ้นที่สถานีรถไฟสามเสน เพื่อต่อต้านการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม นี้เช่นกัน นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งต่อมามีการรวมตัวกับกลุ่มต่างๆขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 เรียกว่า คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 กปปส. ยุติการชุมนุมเมื่อเกิดรัฐประหาร พ่อครูว่า…ตอนชุมนุม กปปส. มีพลเอกปรีชา ประกาศปฏิวัติ เราก็นำขบวนการเดินไปที่หน้าวัดพระแก้ว ไปถึงแล้วก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องกันทั้งเราและทางเจ้าหน้าที่ ก็ไม่มีการทูลเกล้าถวายในหลวง ก็เลยกลับมาชุมนุมกันต่อเป็นที่กระอักกระอ่วนน่าดู มันเป็นอันแรก ต่อไปมันได้มีบทปฏิบัติต้นแบบมาแล้ว หากไปชุมนุมครั้งที่ 2 จะงดงามกว่านี้ นั่นถือว่าเป็นการชุมนุมครั้งที่ 1 ถ้าเป็นการชุมนุมครั้งต่อไปจะงดงามกว่านี้อีก เชื่อไหม ใครจะไปกับอาตมาบ้าง….. (ยกมือกันพรึ่บ)จะสนุกนะ ฟังเหมือนคนคะนอง ที่จริงไม่ใช่ แต่มันสนุกเพราะว่าเราเข้าใจกันลึกซึ้งว่าทุกอย่างมันไม่มีอะไร สัจธรรมสิ่งที่ถูกต้องดีงามเป็นอย่างไรมีการเกิดตายตายเกิดเราเข้าใจแล้วถ้าเราสร้างจิตของเราให้เหนือกว่าเป็นอมตะบุคคลแล้ว จะเกิดอีกก็ได้จะไม่เกิดอีกก็เป็นเรื่องของเราแล้วสูงสุด ศาสนาพุทธสูงสุดได้แค่นี้จริงๆ ผู้ที่ชัดเจนทำได้ก็จะสบายใจพูดได้อย่างชัดเจนไม่ใช่เรื่องที่หลอก ไม่ใช่เรื่องโม้ไม่ใช่เรื่องเล่นเป็นเรื่องจริง เพราะฉะนั้นถึงบอกว่ามันไม่มีปัญหาเลย คนที่มีปัญญาคนที่บรรลุพุทธธรรมคนที่บรรลุอรหันต์ อรหันต์ไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ใช่เรื่อง Magical ที่ลึกลับไม่ได้เรื่อง แต่เป็นเรื่องเปิดเผยยืนยันได้มีบุคคลยืนยัน ไม่ต้องเอาคนฉลาดลึกซึ้งอะไรมากมายหรอกพูดกันว่าอย่างนี้อย่างนี้คือพระอรหันต์มันก็เข้าใจกันได้ไม่ได้เลยเถิดลึกลับ อะไรก็ไม่รู้ พูดกัน คนที่รู้ส่วนน้อยไม่ใช่ แต่นี่คนส่วนมากก็รู้กันได้เข้าใจได้ แต่มันก็ต้องมีการเริ่มต้น ต่อไปประเทศไทยเป็นชมพูทวีปจะมีพระอรหันต์เพิ่ม ซึ่งเป็นพระอรหันต์ที่ยังไม่แก่กล้ายังไม่บริบูรณ์เสียทีเดียว เป็นลำดับมีอรหัตตผลไปตามลำดับ จะไป ทิฏฐิปัตตะ กายสักขี ปัญญาวิมุติ อุภโตภาควิมุติ จึงจะเป็นคนที่มีประสิทธิภาพยืนยันได้ในอนาคตจะมีตัวอย่าง ส.ฟ้าไท สรุปจบ หากเราได้ปฏิบัติตามพ่อครูเราได้ชื่อใหม่ว่า คนพันธ์ุนรกแตก คือไปที่ไหน นรกแตก นรกอยู่ในตัวเราไม่ได้อยู่แล้ว Category: ศาสนาBy Samanasandin14 มิถุนายน 2019Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรมสำมะปี๋ซี่วิต Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:EBOOKหนังสือพิมพ์เราคิดอะไรฉบับที่ ๓๔๗ “ความเป็นประชาธิปไตยไทยต้องอย่างนีั”NextNext post:620616_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ เมืองไทยมีพระอรหันต์เมืองไทยก็คือชมพูทวีปRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024