ราชธานีอโศกใครมาก็หลงรัก
ราชธานีอโศกเป็นเมืองหลวงของชาวอโศก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้วิถีชีวิตที่พอเพียง และเรียบง่าย ด้วยความที่เป็นชุมชนที่มีการผสมผสานระหว่าง ความทันสมัยกับ วิถีชีวิตที่สวนกระแส โลกสอนให้เรามารวยแต่ที่นี่สอนให้เรามาจน
ชุมชนแห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ด้วยความที่มีเรามีเศรษฐกิจพอเพียง มีเฮือนบวรเป็นที่จัดนิทรรศการมีชีวิตและขายสินค้า จึงเปรียบเหมือนห้องรับแขกขนาดใหญ่ซึ่งมีบุคลิกภาพที่ชัดเจนไม่เหมือนใครทั้งยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ มีบ้านเรือนที่ไม่ล้อมรั้ว มี เพราะเราใช้ศีล๕เป็นรั้วกั้น
ในที่สุดอโศกก็คืออโศก สินค้าทุกชนิด อาหารมังสวิรัติไร้สารพิษ ถูกขายในราคามิตรภาพอันเกิดจากความเต็มใจ การขายไม่ได้ทุ่งหวังแต่กำไรเพียงอย่างเดียวแต่มุ่งความสุขของ ผู้ให้และผู้รับเป็นที่ตั้ง ส่วนกำไรที่ได้จากการขาย คือการได้ลดกิเลส ราชธานีอโศกจึงเป็นอีกทีหนึ่งทีไม่ควรมองข้าม แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่พูดมานั้นไม่ได้เกินจริงเลย
เมื่อพ่อท่านอายุได้๘๔พรรษา ท่านได้ให้โศลกธรรมแก่ลูกๆชาวอโศกทุกคนว่า “จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ”ฟังครั้งแรก แล้วอาจรู้สึกตลกและมันจะเป็นไปได้อย่างไรกันในเมื่อ สังคมต่างปรารถนา ความร่ำรวย และพากันที่จะไปรวยมากกว่าที่จะพากันไปจน วลีดังกล่าวขยายความได้ว่า เป็นการดำเนินชีวิตที่มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อสังคม เพราะมีคุณสมบัติ มักน้อย กล้าจน เป็นคนขยัน เลี้ยงง่าย มีปัญญาที่จะเข้าใจว่า ความจนที่ว่านั้น เป็นของวิเศษอย่างแท้จริง เพราะไม่ใช่ความจนทางโลกที่เฉโก หลอกลวง แต่เป็นความจนทางโลกุตตระ ที่มีสัมมาทิฐิเป็นที่ตั้ง
ลองเปลี่ยนมาเดินเล่นช้าๆ แถวคลองถอยหลังเข้า และบริเวณริมแม่น้ำมูลที่ได้ชื่อเป็นหัวใจของภาคอีสาณอีกสาย และชมทัศนีย์ภาพแปลงกสิกรรมไร้สารพิษ การใช้ชีวิตของชาวชุมชน เดินชมเมืองที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านสายน้ำ พร้อมกับความเป็นมาของเรือขนาดใหญ่ ก่อนที่จะแวะซื้อผลิตภัณฑ์ของดีในชุมชนน และจริงๆแล้ว เราอยากจะบอกว่าชุมชนของเรา มีของดีซุกซ่อนอยู่อีกแยะเลยเชียว
ชาวราชธานีอโศกมีใจใฝ่ธรรมะ และมีแรงศรัทธาต่อพ่อครูสมณะโพธิรักษ์อย่างมั่นคง จึงเดินรอยตามคำสอนและยกให้ท่านเป็นผู้นำชุมชน ท่านได้ใช้ความจนสู้กับความรวยจนทำให้ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่ได้อย่างมั่นคง และเป็นอู่อริยบวร สามเส้า บ้าน วัด โรงเรียน ก่อให้เกิดความเข็มแข็งอย่างแท้จริง และนี่คือราชธานีอโศก ใครมาก็หลงรัก
เจริญธรรม สำนึกดี