620821_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ อยู่กับบัณฑิตที่ให้คำตำหนิได้จะไม่มีวันเสื่อม
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/16-grCxerR6o4iR0clLpxEWfAuWBT2dp8jZ5qDFJsbGA/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=18KZpcKpmb1GCLCXKqlBffcKu8mqcAAT3
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้ วันพุธที่ 21 สิงหาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก มีข่าวค่ายสัมมาอาริยมรรค
ขอเชิญเข้าค่ายสัมมาอาริยมรรค เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเก่า
ค่าย “สิงหา พาเทิดพระคุณแม่”
ครั้งที่ 40 ณ บวร ราชธานีอโศก
ศุกร์ที่ 23 – อาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม2562
รับสมัครผู้สนใจเข้าค่าย ฟรี! (จะอยู่กี่นาทีได้)
สมัครได้ที่ อุทยานบุญนิยม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี หรือ
โทรฯ คุณชญาดา 087-4437865
##### สมัครonline ได้ที่ inbox เฟซบุ๊ก กองทัพธรรมFP หรือสื่อธรรมะพ่อครู
พบกับกิจกรรมตามมรรคมีองค์ 8 พบกับหมู่มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดีที่จะพาคุณสู่ “ทางเอกทางเดียว ไม่มีทางอื่น”(เอเสวมัคโค นัตถัญโญ) อันจะพาไปสู่ความบริสุทธิ์จนถึงสัมมาวิมุติ
ในประเทศไทยทั่วไปช่วงนี้ฝนตก แต่ไม่มาก ไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าว
อาตมาไปงานศพคุณชิตที่เป็นมะเร็งเสียชีวิตไปแล้ว เขาก็ให้พูดก่อนเผาศพ ปกติจะให้พระที่อื่นเขาให้นำหน้า แต่ที่นี่ให้พระอโศกนำหน้าไปก่อนเลย เขามาดูมาสัมผัสธรรมะชาวอโศก ก็สนใจกันมากยิ่งขั้น สะท้อนว่าสังคมเร่ิมยอมรับสังคมชาวอโศกมากขึ้น โดยเฉพาะนักบวชเขาจะไม่ยอมรับได้ง่ายๆหรอก เรื่องนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าพ่อครูทำงานได้ผลมากขึ้นเป็นระยะ ซึ่งขึ้นอยู่กับพวกเราจะต้องมาพากเพียรมาเสียสละ อย่างเช่นเรามาทำงานที่ร้านจิตอาสา เป็นงานที่ลดละตัวตน ไม่ใช่ร้านของพุทธสถานตัวเองเป็นร้านของส่วนกลาง ทุกคนทำก็ไม่ใช่เพื่อพุทธสถานตัวเองหรือเพื่อตัวเองแต่เพื่อส่วนกลางจริง เป็นการสลายตัวตนของชาวอโศก
งานฉลองอายุครบ 60 ปีพ่อครู พวกเราก็มากันที่นี่ ถนนหนทางสถานที่เปียกแฉะลื่นไปหมด ตอนฉลองอายุ 77 ปี อาตมามึนเลย มีผัสสะกระทบกระแทก พวกเราไปล่องเรือร้องรำทำเพลง แต่ก่อนไม่มี แต่พ่อครูว่าเจริญ คือเราทำได้แต่ไม่มีกิเลส ทำให้เขา แต่ก่อนอโศกมาใหม่ๆกินหลายมื้อไม่ได้ ใครใส่รองเท้ามองตาเขียวเลย ไม่ใส่ผ้าถุงไม่นุ่งม่อฮ่อมก็จะมีสายตาเพ่งมอง กำลังเคร่งคุม ฌาน 1 ตอนนี้เราก็พัฒนามากขึ้นจิตเราสงบมากขึ้นพ่อครูก็เขย่าเราให้เติบโตมากยิ่งขึ้น แก๊สน้ำตาจะไหวหรือเปล่า ตอนนี้ก็มีน้ำตกมีสไลเดอร์ พ่อครูทำงานมาจนอายุย่าง 86 ปี พวกเราก็จะมาฉลอง การทำงานครบ 50 ปีของพ่อครู
ร่างกายพ่อครูก็เหมือนรถที่เก่าแล้วใช้มานาน หากอยู่ถึง 90 ปีก็สุดยอด ถ้าคน 80 ก็ยังธรรมดา วันนี้เราจะได้ฟังธรรมะพ่อครูให้ทิฏฐิเราถูกตรงมากยิ่งขึ้น
พ่อครูว่า…SMS วันที่ 19-20 ส.ค. 2562
สื่อธรรมะพ่อครู(สมถะ วิปัสสนา) ตอน นั่งหลับตาสมาธิมีผลอย่างไร และการจงกรม
_2166กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพ ฟังมาว่าชาวอโศกไม่นิยมนั่งหลับตาทำสมาธิ ขอถามว่าอโศกมีการเดินจงกรมทำสมาธิไหมครับและมีวิธีการกำหนดการเดินอย่างไร และประโยชน์ของการเดินจงกรมทำให้สมาธิตั้งอยู่ได้นานนั้นเป็นอย่างไรครับขอพ่อท่านช่วยอธิบายให้ฟังด้วยครับ กราบขอบพระคุณครับ
พ่อครูว่า…วันนี้จะขยายความพอสังเขป ที่บอกว่าชาวอโศกไม่นิยมหลับตาทำสมาธินั้น คำว่าไม่นิยมหมายความว่า พวกเราก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าสมาธิต้องนั่งหลับตา เพราะสมาธิของพุทธนั้นไม่ใช่สมาธินั่งหลับตา เป็นสมาธิแบบชาคริยา เป็นสมาธิอยู่ในสภาพของคนตื่นลืมตามีการสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ตลอดเวลา และก็สร้าง ไฟฌาน พลังงานอุณหธาตุที่ร้อนจนขจัดไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะได้ แล้วมันก็ถูกกำจัดได้จริง ไม่ต้องไปหลับตาที่เป็นการ กดข่มสมถะ แต่ของศาสนาพุทธเป็นการกำจัดกิเลสออกไปจากจิตจริงๆ จึงเป็นความสงบที่เป็นปัสสัทธิไม่ใช่สมถะ กดข่มหรือวิกขัมภนะ
วิกขัมภนะก็เป็นวิธีการกดข่มได้ผลเป็นสมถะ ในการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้านั้นมีวิกขัมภนะกดข่มได้ด้วยแต่ต้องมีปัญญาชำระกิเลสไปได้สะอาดหมดจดไปเรื่อยๆ จึงเรียกว่าสร้างปุญญะให้เกิดผลจากปัญญา
ปุญญะไม่มีปุญญา ไม่มีพหูพจน์นะ ปุญญะมีเดี่ยวถ่ายเดียวเส้นเดียวตรงเดียวไม่มีโค้งไม่มีสองเลย เป็นตัวกำจัด กำจัดเสร็จแล้วหายไปเลยกำจัดไม่เสร็จก็ต้องสร้างพลังงานนี้ขึ้นมาใหม่จนสามารถสร้างได้เก่งเรียกว่าทำฌาน ได้โดยไม่ยากไม่ลำบากซึ่งฌานทั้ง 4 จนเก่งจนชำนาญ จนเป็นบุญสำเร็จเกลี้ยงบุญก็ไม่ต้องทำอีกแล้ว แต่ฌานชำนาญมาก ก็เอาพลังงานที่กำจัดตัวที่ควรกำจัดมาใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน
พระอรหันต์พระโพธิสัตว์ก็ต้องใช้ ฌาน แม้พระโพธิสัตว์พระพุทธเจ้าก็ต้องใช้ ฌาน
แม้อรูปฌานในฌาน 8 ก็เข้าใจแล้วใช้ตรวจสอบได้ เข้าใจได้เป็นลำดับ เป็นฌาน 8 ด้วย พระพุทธเจ้าปรินิพพานเป็นปริโยสาน พระอนุรุธก็ตรวจสอบฌานของพระพุทธเจ้า จิตของพระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ท่านก็ทำ ฌานเป็นฌาน 1 2 3 4 ท่านจบที่ฌาน 4 ปรินิพพานตรงฌาน 4 ไม่ใช่ปรินิพพานฌาน 8 เป็นรายละเอียดที่เราไม่จำเป็นต้องลงก็ได้แต่รู้ก็ได้ ผู้ที่ถึงฐานแล้วมันจะใช้ได้ทำเป็นเอง
ทีนี้ ถามว่า นั่งหลับตา หากเข้าใจอย่างเป็นสัมมาทิฏฐิ ว่าสมาธิไปนั่งหลับตานั้นเป็นอย่างไร คุณได้ศึกษาก็จะรู้ อาตมาก็อธิบาย
นั่งสมาธิหลับตามีความสามารถเอามาใช้ได้ 4 นัย
-
พักผ่อน คนเข้าใจแล้วก็จะใช้ในการพักผ่อนแต่ถ้าไม่เข้าใจก็อาจจะเป็นติดได้ มันสบายจริงๆน่าดึงไม่ขึ้น เดี๋ยวก็อยากจะไปนั่งสบายอยู่อย่างนั้นยิ่งนั่งก็ยิ่งติดยิ่งติดก็ยิ่งนั่งแล้วจะขาดโลกวิทู แม้โลกานุกัมปาก็ไม่มี โลกุตระก็ไม่มีอยู่เหนือโลกไม่ได้
-
ได้พักผ่อนแบบสงบจิต มีอุปการะมาก
-
ศึกษาเพิ่มทักษะในเจโตสมถะ และใช้ตรวจอ่าน ภาวะจิตต่างๆ ในภวังค์ เมื่อสงบแล้วมันก็จะใช้สัญญาในการคิดกำหนดรู้ ที่ผ่านมาจริงหรือไม่อย่างไร ก็ทบทวนได้ เราใช้ความจำศึกษาเปรียบเทียบได้ อาศัยการระลึกของเก่า ทุกวันนี้อาตมาก็ยังอาศัยเลย เข้าไปในภพแล้วเพื่อการนอนพักก็ตามจะใช้นึกคิดอะไรก็ทำได้ระลึกใช้สัญญาตรวจสอบได้
-
เอื้อให้ปฏิบัติเตวิชโช (ทบทวน) ได้อย่างดี อันนี้เจตนาเอาของเก่ามาตรวจสอบลงบัญชีอย่างตั้งใจเลย เหมือนพ่อค้าแม่ค้าตรวจสอบ เช็คสต๊อกดูว่าอันไหนขาย ได้แล้ว อันไหนขายไม่ได้ เราทำให้กิเลสได้ดับไปหรือไม่ แล้วมันเกิดอีกหรือไม่ มันดับสนิทหรือยัง จนมันดับสนิท ดับอาสวะสิ้น กระทบกระแทกกระเทือนอย่างไรมันก็ไม่เกิดกิเลสอีกเลย
เตวิชโช ต้องใช้ในการตรวจสอบไม่งั้นเราจะรู้ได้อย่างไรในการตรวจสอบ ธรรมะพระพุทธเจ้านั้นให้ตรวจสอบไปตามลำดับ มันชัดเจนเป็นลำดับอันน่าอัศจรรย์แล้วไม่เสียเวลามากวนไปมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ได้หัวก็ลืมหาง กลับมาอีกก็ลืมหัวอีก ไม่ใช่ มันต้องเสร็จจบไปตามลำดับจึงไม่ย้อนไม่ซ้อนไม่ซ้ำ ได้แล้วจึงสมบูรณ์แข็งแรงยิ่งขึ้นถาวร อย่างนี้เป็นต้น
-
สร้างพลังทางจิต ที่จะนำไปทำฤทธิ์ต่างๆ (แต่ฤทธิ์ในพุทธศาสนา หมายถึง ฤทธิ์ที่ระงับ ดับกิเลส เพื่อไปสู่นิโรธ-วิมุติ-วิโมกข์-นิพพาน) ข้อนี้สำหรับผู้รู้ดีแล้วก็จะไม่ทำ
ผู้ที่รู้แล้วก็ทำตามควร ผู้ที่ทำให้เป็นนั่งหลับตาก็จะฟุ้งซ่านมันยังคิดไปอยู่ มันก็เป็นได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไรไม่ต้องไปกังวลเรียนรู้สิ่งที่เป็นกิเลสแล้วลดกิเลส กิเลสออกหมดแล้วเหลือแต่จิตคุณใสสะอาด จิตจะแคล่วคล่อง มุทุภูตธาตุ แล้วคุณจะรู้ว่าหากเร็วมันไม่ได้ก็จะหัดช้าบ้าง เร็วจนคนอื่นไม่ทัน ก็ไม่สอดคล้องไม่ได้เรื่องอะไร คุณก็จะรู้ว่าคุณควรช้าลง คุณจะปรับตัวให้ได้พอเหมาะสมพอเหมาะพอควร
แล้วเดินจงกรมคืออะไร สรุปอีกที สมาธิของเทวนิยมคือสมาธิไม่สัมมาทิฏฐิ หมดสิทธิ์บรรลุนิพพานก็ได้ประโยชน์สมาธิมิจฉาทิฏฐิ ตายแล้วก็วนเวียนอยู่อย่างนั้นมันไม่ได้จบในตัวมันแค่กดข่มไว้ หมดฤทธิ์หมดอำนาจมันก็วนเวียนกลับไปอีกไม่รู้กี่ล้านชาติ แต่ถ้าใช้ปัญญามันจะรู้จริงเหมือนกับเด็กมันรู้ว่าไฟมันร้อน ทีหลังมันก็จะไม่แตะไฟ เพราะมันร้อนมันรู้จริงๆนะ มันไม่เข้าท่า จะไปทำทำไม มันรู้อย่างเด็ดขาด แต่ถ้าคุณจะอนุโลมเพื่อประโยชน์ผู้อื่นจะเสียสละตนเพื่อประโยชน์ผู้อื่นแม้มาก คุณก็ทำสิ ถ้าคุณอยากจะทนถ้าคุณไม่อยากทนคุณก็ทำเท่าที่คุณทำได้
จง กม แปลว่า เดิน เป็นสันสกฤตว่า จงกรม
จัง คือการเดิน จ คือธาตุรู้ อัง
กม คือทำ หรือ จัง กับ ก กับ ม เป็นพยัญชนะตัวต้นตัวปลายของพยัญชนะทั้ง 5 วรรค
รากเหง้าของภาษาบาลี
วรรคที่ 1 ก ข ค ฆ ง
วรรคที่ 2 จ ฉ ช ฌ ญ
วรรคที่ 3 ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
วรรคที่ 4 ต ถ ท ธ น
วรรคที่ 5 ป ผ พ ภ ม
เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อํ
ชีวะชีวิตเริ่มต้น ก็มี ก ตัว กก ตัว เกิด สุดท้าย ม คือจิตวิญญาณที่จะแตกเป็นธาตุรู้อย่างอื่นไปได้สูงสุดก็ตอนนี้แหละ มม มมังการ มนะ ก็ผันไปได้สารพัด ก็รู้ก็ใช้ควบคุมจัดการได้ทุกอย่าง ส่วนพลังงานเศษวรรค คือประสิทธิภาพของไดนามิก cyclic ของการปรุงแต่งการเกิดเป็นองค์รวมสภาพตัวตนขึ้นมา ก็อํ พยัญชนะรากเหง้าเหล่านี้มันมีความหมายในตัวมันเอง อาตมาก็ยังดึงขึ้นมาได้ไม่หมด คนเขาอยากจะทำพจนานุกรมแต่อาตมาก็ยังไม่รับรองว่าจะช่วยขยายความอธิบายให้ดีทีเดียวจนถึงขั้นเป็นตำราได้ แต่ก็ค่อยๆขยับไป สักวันอาตมาถึง 120 หรือ 150 ก็คงจะมีทางได้พจนานุกรมเล่มนี้ออกมาได้
สมาธิแบบนี้เป็นอุปการะถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใช้ก็ได้มันเป็นเพียงตัวช่วย ถ้าไม่ต้องการตัวช่วยเราก็ไม่ต้องใช้มัน ถ้าเราใช้ได้มันเป็นอุปการะแล้วก็ใช้
การเดินทำให้เกิดการเคลื่อนไหว หากนั่งมันก็นิ่งเข้าภพไปได้ แต่การเดินควรจะต้องมีสติสัมปชัญญะต้องมีสัมผัสกับภายนอก ให้ดิ่งไปในจิต คุณรับสภาพกำหนดกรอบในทิศทางที่คุณเดิน แล้วก็กำหนดกรอบที่คุณจะรับรู้
เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าท่านบอกกับคนที่รับรู้ตอนนั้นว่าท่านเดินอยู่ที่โรงกระเดื่อง เสร็จแล้วมีฟ้าผ่าในระดับที่ไม่ไกลวัวตาย 4 คนตาย 2 ดังสนั่น คนก็ไปดูกัน ดูแล้วก็เห็นพระพุทธเจ้าเดินจงกรมอยู่ในโรงกระเดื่อง เขาก็บอกว่าท่านสมณะ ก็ทักทายกัน เขาก็ว่าฟ้าฝ่า คนตาย 2 วัวตาย 4 พระพุทธเจ้าก็บอกว่าฟ้าผ่าหรือ คนเขาบอกว่า ท่านไม่ได้ยินท่านทำอะไรอยู่ พระพุทธเจ้าก็บอกว่าเดินจงกรมอยู่ แล้วท่านไม่รับรู้เหรอ ท่านมีสติอยู่หรือไม่ พุทธเจ้าก็บอกว่าต้องมีสติอยู่สิ คือ ท่านสามารถกำหนดกระบวนการรับรู้ของท่านเท่าใดก็ได้
ฌาน1 วิตกวิจาร ปีติ สุข
ฌาน 2 ปีติ สุข
ฌาน 3 สุข
ฌาน 4 อุเบกขา
เรากำหนดยังจิตให้อยู่ในอำนาจ วสวัตตีโกได้ (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไท…เมื่อเช้าฟังท่านมือมั่นว่า นั่งหลับตาสมาธิแล้วฟ้าผ่าก็ไม่ได้ยินได้ พระพุทธเจ้านี้เดินจงกรมตาเห็นอยู่แต่หูไม่ได้ยิน ถ้าหากหลับตาก็พอทำเนา แต่นี่ท่านกำหนดกรอบได้เลย เปิดหมดเลยแต่ไม่ได้เห็นไม่ได้ยิน คนก็ยากจะทำได้อย่างท่าน คนทำได้นอนหลับก็สบายมากเลย
ภันเตติกขะเคยเล่าว่าพ่อท่านก็จะกำหนดหลับหรือตื่นได้ตามต้องการ
อานิสงค์การเกินจงกรมก็มีหลายอย่าง เช่นทำให้เดินทน สมัยก่อนการเดินทางต้องใช้การเดินเป็นหลักแต่สมัยนี้ไม่ต้องเพราะพาหนะมีเยอะแยะก็ลดลงไป
ประโยชน์อย่างอื่นคนก็ค่อยๆศึกษาไป
_ค่อยไท · กราบเคารพพ่อครูครับ รับปากท่านดินไทว่าจะตามไปฟังธรรมพ่อครูที่ปฐมอโศกแต่ไม่ได้ไป ผมจะตกนรกไหมครับ
พ่อครูว่า…คุณไม่ได้ไปก็ไม่ได้ประโยชน์จากที่คุณจะได้ไปนรกมีอยู่เท่าไหร่คุณก็ตกเท่านั้นแหละถ้าคุณไปได้ประโยชน์คุณก็จะหลุดพ้นนรก แต่นี่คุณยังไม่ได้ไปก็ยังมีนรกตามนั้น ก็นรกเท่าที่คุณยังมี แต่คุณไม่ได้ไปฟังธรรมที่จะล้างนรก
เรื่องโกหกนี้คุณไม่ได้มีเจตนา แต่ถ้าคุณไปโกหกเล่นคุณก็มีนรกจากการโกหก แต่ถ้าไม่มีเจตนามันมีเหตุปัจจัยจริงๆก็เพราะเป็นสิ่งที่จะต้องทำก่อนไม่มีเจตนาจะโกหก
_รักเย็น · รับฟังจากfbณ.อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ สัญญาณดีมากค่ะ
_งามใบตอง นิลมณี · น้อมกราบนมัสการพ่อครูค่ะ ฉากของปฐมอโศกสวยดีค่ะ เปลี่ยนสถานที่เทศน์ก็ได้ชมบรรยากาศใหม่ๆที่แตกต่างค่ะ
สื่อธรรมะพ่อครู(การตำหนิ การชม) ตอน คนมีมรรคผลจะทนต่อการตำหนิ
_สุพัฒน์ เบ้าวันดี · เห็นด้วยท่านทุกอย่าง ไม่เห็นด้วยคือท่านใจเร็วไปหน่อย ปากไวไม่ฟังให้ชัดเจนก่อน รีบร้อนเหมือนกลัวอะไรไม่รู้ ลูกศิษย์ท่านเขากำลังจะอธิบาย เพียงแต่เขาพูดถึงการปฎิบัติแบบอาจารย์มั่นหลับตายังอธิบายไม่จบท่านก็พูดตำหนิเขา ว่าเขายังต่ำ ยังโง่ เขาก็ค่อยๆพูดว่าเขาก็เห็นกับท่านนั่นแหละ ท่านถึงได้เสียงอ่อยไปลง ผมว่าจะร้อนรีบอะไรนักหนา ถ้าฟังคนอื่นบ้างก็จะดี อย่างการพูดถึงคนอื่น ผมว่ายังไงก็ยอมรับไม่ได้ เราก็เชื่อในสิ่งที่ปฎิบัติอยู่ใครมาตำหนิเราๆก็ไม่ชอบใจ มันก็ผิดอยู่แล้ว อย่างผมไปตำหนิชาวอโศก อโศกก็ไม่พอใจ แล้วมันจะผิดใหมก็ผิด ท่านบอกให้ฟังดีๆผมว่ามันไม่หนีจากนี้แน่นอน แม้ท่านจะเป็นโพธิสัตว์ก็ตาม ผมว่าผิด ท่านบอกให้ไปฟังคนอื่น เดี๋ยวจะเป็นทุกข์ ผมก็ฟังทุกอาจารย์ แม้ท่านเองผมก็ฟังจะไม่ฟังไม่ได้เพราะต้องดูว่ามันเสียหายต่อคนอื่นหรือไม่ ผมถึงได้ว่าไม่ถูกต้อง อย่างอื่นก็เห็นด้วยกับการที่ท่านพูด เพราะไม่เสียต่อส่วนรวม สาธุ.
พ่อครูว่า…อโศกนี้ยินดีให้ตำหนิได้เลย ถ้าไม่ตำหนินี้สิว่าเลย คุณเดาผิดที่ว่าชาวอโศกจะไม่พอใจ อย่างตอนนี้อาตมาไม่มีอาการไม่พอใจเลย คุณตัดสินเองว่าผิด แต่เราว่าตำหนิเลยไม่ผิดหรอก อย่างพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเราจะตำหนิแล้วตำหนิอีก ท่านพุทธทาสแปลได้ดี
อาตมาไม่มีเวลาฟุ่มเฟือยเหมือนคุณนะ คุณทนฟังอาตมาได้ก็เก่ง แต่คุณฟังมาก็เพื่อทำนาคนอื่นไม่ได้ทำนาตนเอง พลังงานไปดูกิเลสตนเองก็เลยไม่พอ…สุดท้ายความเห็นของคุณกับความเห็นของอาตมามันก็คนละอย่าง
ขอยกคำพูดที่เขายกมาให้อาตมาดู …
อานนท์ ! เราไม่พยายามทำกะพวกเธออย่างทะนุถนอม
เหมือนพวกช่างหม้อทำแก่หม้อที่ยังเปียก-ยังดิบอยู่
อานนท์ ! เราจักขนาบแล้วขนาบอีก ไม่มีหยุด .
อานนท์ ! เราจักชี้โทษแล้วชี้โทษอีก ไม่มีหยุด
ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้ .
(พุทธพจน์จาก พตปฎ.เล่ม ๑๔ ข้อ ๓๕๖)
คุณก็ประมาณของคุณอาตมาก็ประมาณของอาตมา ก็พอเหมาะพอดีตามของอาตมาแต่ของคุณก็พอเหมาะพอดีของคุณ จะมาเทียบกันคงไม่ได้ ถ้าหากอาตมาทำไม่พอเหมาะประโยชน์ก็จะน้อย นอกจากประโยชน์น้อยแล้วดีไม่ดีก็จะแรงไป คนอื่นก็ถือสาทำให้เกิดวิบาก อย่างคุณนี่ก็ต้องจำนน คุณก็ต้องรับวิบากเอง อย่างอาตมาว่าธัมมชโย ทักษิณ มหาบัว ไม่ใช่ว่าอาตมาจะไม่ได้รับวิบากนะ แต่ก็ได้รับวิบากแม้ว่าเจ้าตัว ธัมมชโย ทักษิณ หรือมหาบัวจะไม่ถือสาอโหสิแล้วก็ตาม คนอื่นที่เขาถือสายึดถือก็เกิดวิบากกับอาตมาอยู่แล้ว อย่างเช่นคุณเป็นต้น มีคนมาร่วมจองกฐินจองเวรอาตมา แต่อาตมายอมเสียสละ มีผู้จองเวรเพื่อประโยชน์ที่คนอื่นเข้าใจได้มาก อาตมาเป็นโพธิสัตว์ เสียสละส่วนของตน เพื่อชนหมู่มากเพื่อประโยชน์แก่คนหมู่มาก อันนี้ก็เป็นหลักเกณฑ์ของพระโพธิสัตว์อยู่แล้วก็ต้องทำ
ก็ขอบคุณตามฟังศึกษาให้ดีๆ ขออย่างหนึ่งก็คืออย่าทิ้งกัน ตามอาตมานะติดตามฟังอาตมาไปเถอะ
_รักธรรม สรหงษ์ · ไม่อยากให้ขึ้นจอเป็นสีขาว ดูจากทางทีวีแสบตามากค่ะ อยากให้เปลี่ยนเป็นพื้นสีน้ำเงิน ตัวหนังสือสีขาวแทนค่ะ
พ่อครูว่า…ก็ดี ขอบคุณที่แนะนำ
_เอกีภาวะ วิชชาราม · ฟังธรรมพุทธศาสนาตามภูมิสันติอโศก การทำดีจนหมดบาป ความรู้สึกของลูกทุกครั้งที่ได้ทำดี ลูกแค่ดีใจที่ได้ทำแต่กิเลสบาปในตัวเรา ลูกคิดว่ามันจะต้องฝึก และใช้เวลาอยู่กับคนที่สามารถพาสัมมาทิฐิที่ชัดเจน เพียรอยู่กับผู้ที่หมดความอยากสิ้นความเสพแล้วจริง ๆ ซึ่งลูกคงต้องใช้เวลาติดตามคนที่ใช่อีกหลายปี มันคงไม่ใช่แค่ใส่บาตรหรือแจกโรงบุญลูกเข้าใจถูกมั๊ยเจ้าคะ น้อมกราบนมัสการทุกรูปเจ้าคะ
พ่อครูว่า…ถูกต้อง ก็ค่อยๆติดตามไป เข้าใจไปทีละระดับ
_สมนึก · ใช่ค่ะท่าน เห็นคนกินเนื้อเหมือนกีดเนื้อตนเองมีความกลัวมากค่ะท่าน
พ่อครูว่า…คุณคนนี้ก็เข้าใจรู้สึกอย่างนี้ เพราะฉะนั้นก็กินแต่พืชสิเลิกกินเนื้อสัตว์ เนื้อสัตว์ก็เหมือนเนื้อตัวเอง แต่หากเป็นเนื้อปลาเนื้อช้างเนื้อม้าเนื้อควายเนื้อไก่อาจจะต่างกันในเหตุปัจจัยที่มันสังเคราะห์สังขารกันขึ้นมา แต่มันก็เป็นเนื้อสัตว์ เขาก็คือเนื้อสัตว์ เนื้อของตัวเราเองแต่ละคนก็สังเคราะห์สังขารมาเหมือนกัน คนๆนี้ก็สรุปง่ายๆดีก็ใช้ได้ก็เลิกเสียไม่กินเนื้อสัตว์เราก็กินแต่พืช ธาตุต่างๆ ดินน้ำไฟลมกับพืชที่กินได้ก็เหลือแล้วในชีวิตแข็งแรง เราเลิกกินสัตว์ที่เป็นจีตนิยามเรากินแต่อุตุนิยามกับพืช ที่เป็นธาตุวัตถุ เกลือแร่ ที่ไม่ใช่ชีวะ กินอันนั้นก็พอแล้ว รับรองว่าคุณไม่ตายหรอก แต่การกินอะไรเลอะเทอะกินเนื้อสัตว์มากๆอายุสั้นนะ พวกเอสกิโมไม่มีพืชเขากินแต่เนื้อสัตว์ อายุสูงสุด 40 ปี โดยค่าเฉลี่ยอายุเขาก็ 20 กว่า อายุ 40 ถือว่ายืนยาว อย่างนี้เป็นต้น พวกสัตว์กินเนื้อจะอายุสั้น สัตว์กินพืชก็จะอายุยาวเช่นพวกเต่า ช้างก็ดี อายุยาว
สื่อธรรมะพ่อครู(อัตตา) ตอน ความเสียเปรียบสูงส่งกว่าความเสมอภาค
_คนด้อยภาษา …ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านหนังสือ เราคิดอะไร ตั้งแต่ของพ่อครู ซาบซึ้งประทับใจท่านทั้งหลายที่เขียนให้เราอ่านได้ทั้งปัญญาและความรู้ทางโลกทางธรรมแม้ของเด็กยิ่งยิ่งก็อ่านดี
ขอพ่อครูอธิบายความเสียเปรียบกับความเสมอภาคอีกครั้ง
มีสภาวะของอะไรที่กำลังจะไม่มีให้เราอ่าน ก็มีค่า เราจะเก็บเล่มของพ่อครูไว้อ่านซ้ำๆและปฏิบัติแยกกายแยกจิตให้ได้เข้าใจทุกท่านถึงเวลาก็ต้องเกษียณไม่เสียใจ จาก..คนด้อยภาษา
พ่อครูว่า…ความเสียเปรียบสูงกว่าความเสมอภาค ความเสียเปรียบทั้งๆที่รู้แต่เราไม่ได้เสียรู้ ส่วนคนที่เอาแต่เสมอภาค ต้องเท่ากันๆ
1 ความเสมอภาคเป็นไปไม่ได้ในโลกก็เป็นความจริงอันหนึ่ง มีบางประเทศอย่างฝรั่งเศสเขาเอาความเสมอภาค ผู้หญิงผู้ชายต้องเสมอภาค …ไม่มีเลย ปรมาณูสองอันเกิดมาแล้ว จะเล็กเท่าไหร่ก็ตาม เกิดมาแล้วไม่มีอะไรเท่ากันจะเป็นอิตถีภาวะและปุริสภาวะทั้งสิ้น
เมื่อมาเทียบกันแล้วระหว่าง 2 อย่างไม่มีอะไรเท่ากันทั้งสิ้น
แม้คุณจะทำให้เท่าเทียมกันเสมอภาคก็แค่ไม่เจ๊า ไม่มีใครได้ไม่มีใครเสีย แต่ถ้าในสังคมมีคนยอมเสียสละด้วยเต็มใจเสียสละแล้วเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนในการเสียสละ ไม่ได้ลำบากลำบน หรือแม้จะลำบากนิดหน่อยทนได้โดยไม่ยากไม่ลำบากไม่ได้เสื่อมอะไรมากมาย ไม่ถึงกับทำลายชีวิตตนเองเราก็เสียสละ สรุป
เสียสละคือพฤติการ หรือพฤติบทของคนที่มีพฤติการเสียสละให้แก่คนอื่น แล้วถ้ามันไม่เท่ากันแล้วเราจะแบ่งอย่างไร ใครจะยอมเสียหรือไม่ยอมเสีย ถ้าคนยอมเสียก็คือจบ แต่ถ้าต้องแบ่งกันให้เท่ากันมันไม่เท่าแล้วจะทำอย่างไร ถ้าไม่มีคนยอมเสียสละสักคนนึง ก็ฆ่ากัน ไม่จบ แต่ถ้ามีคนเสียสละสักคนหนึ่งเรื่องก็จบ
เพราะฉะนั้นคนเสียสละคือคนชนะ คนที่ไม่ยอมเสียสละจะต้องให้เท่ากันนั่นแหละคือคนไม่จบ คนยังมีตัวตนคนยังยึดมั่นถือมั่น คนที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นจะสูญก็สูญได้
เรื่องการเสียสละเรื่องความไม่เท่ากันนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน 2 อันขึ้นไปไม่มีอะไรที่เท่าเทียมกันเลย มีคนศาสนาเทวนิยมมาถามอาตมา อาตมาก็บอกว่าอาตมาไม่เถียงกับคุณหรอก คนบอกว่าพระเจ้าสร้างมาต้องเท่าเทียมกันอาตมาก็บอกว่าไม่เท่ากันหรอก พระเจ้าสร้างขึ้นมามีอันที่พิสูจน์ได้ว่าไม่เท่าเทียมกัน ตั้งแต่เริ่มมีชีวิตมาไม่มีอะไรเท่าเทียมกัน ท่านสร้างชีวิตหรือคนขึ้นมา การสร้างอดัมขึ้นมา แล้วท่านก็สร้างอีฟขึ้นมา แล้วอีฟกับอดัมเท่าเทียมกันไหม คุณจะให้ชายหญิงเท่าเทียมกันไหม ก็พระเจ้าคุณยังไม่เสมอเลย พระเจ้าสร้างอาดัม สร้างขึ้นมาเป็นคน คนแรกเลยจากทุกอย่าง แต่สร้างอีฟ ออกจากซี่โครงซี่ที่ 7 ของ Adam ไปอ่านประวัติพระเจ้าของคุณให้ดีๆ คุณไปทำให้อีฟกับอดัมเท่าเทียมกันก่อนแล้วค่อยมาแย้งกับอาตมา เขามีประวัติศาสตร์มีตำนานของพระเจ้าเขา เขาก็ไม่เถียงกับอาตมาต่อ ถ้าเขาดันทุรัง อาตมาก็อาจจะเถียงสู้ไม่ได้ แต่ยังไม่เจอ
สม.กล้าข้ามฝัน…อยากชวนชาวอโศกไปเดินจงกรมในนากัน ต้นโสนมีเยอะ เดินไปก็ถอนโสนออกง
สมณะเดินดิน…
สื่อธรรมะพ่อครู(ทาน) ตอน พฤติกรรมสาเปกโขคืออย่างไร
_อโศกสัมปวังโก…ในอดีตพ่อท่านเคยสอนคำว่าอทินนาทานคือการให้ในขณะที่ใจของผู้นั้นยังไม่คิดจะให้จริง (การให้ ความหมายดังกล่าวแตกต่างหรือลึกซึ้งกว่าความหมายในพจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถานที่ให้ความหมายของคำนี้ว่า คือการถือเอาของที่เขาไม่ได้ให้แก่ตน) พ่อท่านได้ย้ำว่าเป้าหมายของการให้ทานเพื่อกำจัดทานที่เป็นอทินนะอยู่
คำว่าอทินนาทานาเวรมณี คือเว้นขาดจากการให้โดยที่จิตใจของคนที่ให้ยังคิดว่าจะได้อะไรจากคนอื่นอยู่
พ่อครูว่า…ก็สรุปไว้ดีแล้ว ศีลข้อที่ 2 คือปฏิบัติเว้นจากการที่ให้โดยที่ใจของผู้ให้นั้นยังคิดที่จะได้อะไรคืนมาจากผู้ที่ตนได้ให้ไป ก็ถูกแล้วเอาแค่นี้ ไม่อย่างนั้นก็จะวนพูดไปอย่างละเอียดละเลียดมันก็ดี แต่อย่าไปละเลียดกับคนที่เขาไม่ไหว
_ในปัจจุบันพ่อท่านได้ยกเอาคำว่าสาเปกโข คือจิตที่มีเยื่อใยกับการได้ให้ไป โดยหวังว่าจะได้อะไรจากผู้ที่เราได้ให้ไป ไม่ว่าจะเป็นคำสรรเสริญเยินยอหรือการสร้างภพชาติในทานที่ได้ให้ไป
การให้ทานอย่างสัมมาทิฏฐินั้นผู้ให้จะต้องทำใจในใจขั้นสูญสิ้น สาเปกโข
พ่อครูว่า…คือมีอาการหวังว่าจะได้อะไรคืนมาแม้เล็กน้อยก็สาเปกโข ต้องไม่มีสิ่งเหล่านี้จึงจะทำการให้ทานอย่างสัมมาทิฏฐิ ยังได้ผลสูงสุด และได้ชื่อว่า ปุญญภาคิยา(ผู้มีส่วนในการได้ชำระกิเลส) คำว่าปุญญภาคิยา หรือปุญญภาคิยะ แปลว่า ส่วนบุญ
ภาค แปลว่า ส่วน ปุญญะ แปลว่าชำระ ทุกอย่าง
คำว่า มีส่วนบุญ คือมีส่วนที่คุณได้เสียไปแล้ว หากจะวนไปมีอีกก็ไม่จบ ปุญญภาคิยะ แปลว่าได้ตัดกิเลสในส่วนที่ได้ให้ไปแล้ว แต่หากจะเอากลับมาก็ต้องทำบุญอีก พยัญชนะกลับไปกลับมา
คำว่าบุญนี้ยิ่งใหญ่อาตมาได้เปิดคอลัมน์เปิดยุคบุญนิยม ตอนนี้กำลังจะปิดหนังสือพิมพ์เราคิดอะไรคอลัมน์นี้ก็คงจะปิดไปด้วยแต่ก็ยังจะต้องขยายความต่อไปอีก
อย่าง ธัมมชโยเอาบุญไปใช้เละเทะเลย
_คำว่าสุญญตาคือสภาวะจิตหมดสิ้นอทินนาทานกับสาเปกโขใช่หรือไม่
พ่อครูว่า…ใช่ สุญญตาคือไม่มีอะไรเหลือ ก็ไม่มีแม้สาเปกโข
สาเปกโข เป็นรายละเอียดของอุเบกขากับ ส
อุเบกขาคือกลางว่างไม่มีอะไรแล้วสะอาดบริสุทธิ์แล้ว
_พฤติกรรมต่อไปนี้มีสาเปกโขหรือไม่?อย่างไร…
-
แม่ค้าในร้านขายอาหารได้พูดกับลูกค้าว่าขายอาหารราคาถูกให้แล้วช่วยล้างช่วยล้างจานให้ด้วยนะคะ
พ่อครูว่า..หากไม่ได้จู้จี้อะไรบอกไปให้เกิดประโยชน์เขาได้เสียสละอัตตาของเขาให้รู้ว่าลูกค้าล้างถ้วยชามให้ด้วยได้หรือ. ..ได้ก็บอกให้รู้กันก็ดี เขาจะได้ละตัวตนเขาด้วย เขาไม่ล้างก็ไม่ได้ว่ากระไร อย่างน้อยก็ได้ฝึกปรือ คนที่ไปช่วยล้างจานชาม พูดอันนี้ก็นึกถึงโยมคร่ำคร่านะ โยมครูหนู เป็นผู้ว่าล้างจานคือล้างใจเอาภาระเรื่องนี้ อธิบายได้พาทำได้สนุกสนาน ก็มีประโยชน์หลายอยู่
-
คนเก่าคนแก่ในบางฐานงาน อ้างว่าตนมาอยู่ก่อนมาก่อนออกคำสั่งที่ใช้กับคนอื่นตามที่ตนเองพอใจ ไม่ยอมรับฟังความเห็นของผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ที่มาทีหลัง
พ่อครูว่า..คุณไปเจอเข้าสิ คุณจึงอัตตาขึ้นคุณก็ยอมเขาสิ แต่ถ้ามีศิลปะให้เขารู้ตัวว่าคนนี้คนเก่าคนแก่นี้รู้ตัวคุณมีศิลปะก็ทำได้ให้เขาได้รู้ แต่ถ้าทำแล้วเกิดเรื่องทะเลาะกันอย่ามาหาว่าอาตมายุนะ คุณต้องมีศิลปะในการให้เขารู้ตัว ก็ช่วยกัน เราก็มีการช่วยกันอยู่อย่างนี้
-
การที่นักเสียสละบางคนตามสถานการณ์ต่างๆอิ่มอกอิ่มใจกับคำชมของญาติธรรมที่อยู่นอกชุมชน ว่า หายากนะ คนที่จะมาเสียสละทำงานฟรีอย่างคุณ และในบางครั้ง คำชมดังกล่าวก็มักเกิดคู่กับธนบัตร ถือเป็นลาภัมมิกาหรือไม่อย่างไร