620911_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สังคมสาธารณโภคีที่มีผลสำเร็จจริงในโลก
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1Mz4cpOG49XMKV65SPPzOUkWFXZSlDKVzBVB_5umza_0/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=19fYIzW9PVjjijGRgVJfU2a2N8vxfC9lU
พ่อครูว่า…วันนี้ วันพุธที่ 11 กันยายน 2562 ที่บวร ราชธานีอโศก รายการบุญนิยมระดมข่าวเฉพาะกิจ เย็นนี้ ตอน อัพเดทสถานการณ์น้ำท่วมบ้านราชฯ 2562
วันนี้เรามาออกอากาศกันในห้องทำงานของอาตมาเลย พิเศษมาก ถ่ายทอดในห้องทำงานเป็นห้องออกอากาศเลย ก็ไปตามสถานการณ์
ตอนนี้น้ำ ทำให้เราต้องเป็นเช่นนี้ทำเช่นนี้ ตามความเหมาะสมก็ได้เช่นนี้ เป็นองค์ประกอบก็ดูดี เปลี่ยนที่ฟังธรรม ยังไงก็ได้ ธรรมะไม่เลือกสถานที่เวลาส่ิงแวดล้อม เมื่อไหร่ก็ได้ที่เหมาะสม อาตมามีหน้าที่แสดงธรรม
ตื่นเช้ามา จากที่นอนก็เริ่มต้นไปก็ธรรมะ พูดธรรมะทั้งวัน ก็มีคนมานั่งฟังนั่งซักไป ไม่พูดก็เขียน อาตมาไม่มีหน้าที่อื่นเลยในชีวิต แล้วก็สบายดีมาก เป็นงานที่ดีที่สุดในชีวิตมนุษย์
ใครสมัครมาทำงาน เป็นผู้ทำงานทางธรรมในฐานนักบวช นักบวช จะต้องเป็นคนที่โภคขันธาปหายะ สละทรัพย์สินเงินทองบ้านช่องเรือนชาน ไม่มี เป็นอนาคาริกชน และสละญาติปริวัตตังปหายะ สละญาติโกโยติกาออกมาไม่รับผิดชอบญาติทางโลก เลิก มามีแต่ญาติทางธรรม ที่เราได้เป็นญาติธรรมเป็นญาติจริงๆ
จะเห็นได้ว่าพวกเรา เป็นครอบครัวใหญ่ อยู่อย่างสาธารณโภคี พูดไปแล้วก็ภาคภูมิใจตัวเองที่เอาธรรมะ พระพุทธเจ้ามาถ่ายทอดอธิบาย ทำให้สังคมคนเกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิต มีศรัทธา เลื่อมใส มี ศรัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ วิริยินทรีย์ ปัญญินทรีย์ มีความเพียร มีสติ มีสมาธิ คือมีจิตตั้งมั่นเป็น เอาจริงเอาจัง นำตัวเองมาปฏิบัติธรรมเป็นนักปฏิบัติธรรม เหมือนนักบวช ฆราวาสเหมือนนักบวช นักบวชต้องทำอยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้ศาสนาเสื่อม ภิกษุมาบวชแล้วไม่ได้โภคขันธาปหายะ ญาติปริวัตตังปหายะเลย แต่พวกเราแม้แต่สิกขมาตุศีล 10 ก็เป็นคนที่ทิ้ง ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับญาติกับโภคทรัพย์เลย มาอยู่กับส่วนกลางเป็นสาธารณโภคี
อาตมาทำให้ฆราวาส มารวมกันเป็นสังคมหมู่บ้านทิ้งมาเลย มามีทรัพย์ส่วนกลาง ในยุคพระพุทธเจ้าทำไม่ได้ อาตมาไม่ได้เก่งกว่าพระพุทธเจ้า แต่เหตุปัจจัยคนละฐานะกาละความเข้าใจ ทุกวันนี้เข้าใจกันดีจึงทำให้เกิดสาธารณโภคีในระดับฆราวาส เป็นความยิ่งใหญ่ในสังคมโลก เป็นหมู่บ้านสาธารณโภคีกระจายในประเทศ เป็นหมู่บ้านนิตินัยก็มีนะ ไม่ได้หมู่บ้านเล็กๆด้วย
สรุปแล้วชีวิตที่คนเห็นธรรมะเป็นแก่นสารของชีวิต เรานับถือศาสนาพุทธเราก็จริงจังกับศาสนาพุทธเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ จนกระทั่งชีวิตของเราเปลี่ยนแปลง ฆราวาสก็ตามมาเป็นสมาชิกมวลชนของสังคมชุมชนอย่างพวกเราที่ทำให้เกิดชุมชนขั้นสาธารณโภคีได้ แม้นักบริหาร รัฐศาสตร์เศรษฐศาสตร์ก็ยังไม่ซาบซึ้งเข้าใจว่า พฤติกรรมสังคมชุมชนสาธารณโภคีมันย่ิงใหญ่ ถ้าเขาเข้าใจดีๆแล้วจะทึ่ง แต่เขาก็มีสะดุดเหมือนกันว่าพวกนี้อยู่กันได้อย่างไร? คนที่มีปฏิภาณมีความสำนึกคิดนึกเข้าใจก็ดี vision ปฏิภาณปัญญา ที่ชัดเจน เขาสะดุด สัมผัสพวกเราแล้ว พวกนี้มาอยู่กันอย่างไร?
สังคมพวกเราไม่มีทะเลาะแก่งแย่งกันเหมือนครอบครัวอื่นๆ ครอบครัวอื่นก็มีแย่งสิ่งของแย่งที่ทางก็ยังมี แต่พวกเราไม่ มีแต่เกื้อกูลกันมีอะไรก็แบ่งกันกินกันใช้ อาตมาประสพผลสำเร็จในชีวิตทำให้มนุษย์เกิดพฤติกรรมสังคมสาธารณโภคีได้
อาตมาว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ อันนี้เป็นทฤษฎีพระพุทธเจ้าทำให้เกิดผลจริง ตรงตามที่พระพุทธเจ้าสอน สมัยพระพุทธเจ้าทำได้แต่ในวงสงฆ์เพราะเป็นสังคมทาส สมบูรณาญาสิทธิราช ทำได้แต่ในภิกษุ ถือว่าตัดขาดจากงานบริหาร เพราะพระเจ้าแผ่นดินยุคนั้นในทวีปอินเดียยกให้พระพุทธเจ้าเป็นเอกราชในตัวเอง ประชาชนจะมานับถือตามกฎหมายเรียกว่าธรรมนูญ กฎหมายของพระพุทธเจ้าคือศีล คือวินัย ใครจะมานับถือตามเอาเลยสะดวก ประชาชนของแคว้นในทวีปอินเดีย พระเจ้าแผ่นดินของทุกแคว้นยกให้หมด เป็นเรื่องพิเศษ
ในยุคนี้มีตัวอย่างคล้ายๆกันคือ ที่เขายกให้เป็นดินแดน คือวาติกัน เป็นรัฐอิสระ ของศาสนาที่พิเศษ คนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้ นักบริหารประธานาธิบดีไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับวาติกันเลย เหมือนกันกับยุคพระพุทธเจ้า กลุ่มของพระพุทธเจ้าไปไหนๆ ในอินเดีย ท่านไปที่ไหนๆเขายกให้หมดเลย ให้เป็นรัฐอิสระ
มาเทียบของเรา ชาวอโศก มีชุมชนชาวอโศกเหมือนรัฐอิสระไปพูดแล้วจะหาว่าขบถ บริหารปกครองกันโดยมีศีล มีธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นสังคมมีศีลทั้งหมู่บ้านทุกชุมชนไม่ว่าเล็กใหญ่ ปฏิบัติธรรมมีศีลสมาธิปัญญาวิมุติ
ยิ่งมีเหตุการณ์ส่ิงแวดล้อมน้ำท่วมยิ่งได้พิสูจน์กับถึงความมีน้ำใจสาธารณโภคี จิตเอื้อมเอื้อเกื้อกว้างแก่กันและกัน นี่ที่เขาน้ำไม่ท่วมก็เป็นห่วงพวกเรา มีบ้านราชฯท่วมแน่ๆ
สมณะเดินดินว่า…น้ำท่วมเขาก็ห่วงแต่เขาห่วงพ่อครูกัน เขาเห็นพ่อครูเดินแล้วหวาดเสียว
พ่อครูว่า เดินยังแข็งแรงกว่าพล.อ.ประวิตรนะ ทั้งที่อายุมากกว่า ขออภัยที่เอามากล่าวถึง
_สู่แดนธรรมว่า..มีคนเสนอให้พ่อครูย้ายไปอยู่สันติฯครับ
_ฟังฝน ขอปรึกษาร่วมกับหมู่กลุ่มค่ะ
เนื่องจากขณะนี้สุขภาพของพ่อท่านมีภาวะร่างกายที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงมากค่ะ(เม็ดเลือดขาวต่ำ)
สถานที่บ้านราช ณ ขณะปัจจุบันก็ไม่สะดวก มีการเดินทางลำบาก ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินกับพ่อท่านแล้วจะแก้ไขยาก การเดินทางไปโรงพยาบาลก็ลำบาก
ดิฉันจึงอยากขอความเห็นว่า พวกเราน่าจะอาราธนาพ่อท่านไปพักอยู่ที่สันติอโศก ดีมั้ยคะ?
ถ้าพ่อท่านเป็นห่วงสถานการณ์การน้ำ อยู่ศีรษะฯก็ยังจะดีกว่า
_คุณปลูกขวัญ ก็เสนอให้ไปที่ปฐมอโศก
_ส.เดินดินว่า…บทสรุปของกรรมการเฉพาะกิจในวาระพิเศษน้ำท่วมปี 62
เช้านี้พ่อครูให้นโยบายงานฉลองน้ำปีนี้ว่าให้เปลี่ยน “ฉลองเป็นฉลาดแล้วจะฉลุยจนถึงเฉลิม”
น้ำจะท่วมไม่ต่ำกว่าสองเดือน จะมีปัญหาต่างๆตามมา อย่างเรื่องไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ก็จะลำบาก หากตัดไฟ น้ำจะไม่มีใช้ มีคนเสนอ
1.คงต้องใช้นโยบายพระเจ้าตากเนื่องจากน้องน้ำล้อมเราไว้หมดทุกด้านแล้วและจะท่วมสูงขึ้นไปเรื่อยๆจึงต้องหาทางแบ่งกำลังฝ่าออกจากเมืองไปก่อน แล้วค่อยหาทางกลับมากอบกู้ในภายหลัง โดยจะแบ่งกลุ่มกำลังเป็น5ทีมดังนี้
-
ทีมพาณิชย์ไปช่วยเสริมกำลังที่อุทยานบุญนิยมและสหกรณ์
-
ทีมไวพลังไปช่วยงานทางด้านฐานกสิกรรมและเตรียมการเพาะปลูกหลังน้ำลด
-
ทีมไปฟื้นสุขภาพที่ศีรษะอโศกโดยเฉพาะผู้อายุยาวและผู้ที่ไม่สบาย (แต่พวกเราส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับว่าป่วยกัน)
-
ทีมรักษาการอยู่ที่บ้านราชเท่าที่จำเป็น ต้องการคนที่แข็งแรงพึ่งตัวเองได้
-
และทีมจิตอาสาซึ่งจะตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือประชาชนอยู่ที่โรงเรียนกุดระงุมสำหรับผู้ที่ร่างกายแข็งแรงพร้อมที่จะไปช่วยคนอื่นได้ เป็นโครงการระหว่างบ้านกุดระงุม รร.กุดระงุมและ กองทัพธรรม พร้อมไปช่วยผู้ประสพภัยน้ำท่วม ยืดหยุ่นจะมาช่วยข้างในหรือข้างนอกก็ได้
ส่วนที่เหลือนอกจากนี้ใครอยากจะกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องก็ตามสบายและทางโรงเรียนก็จะปิดเทอมเป็นเวลา 1 เดือนเพื่อให้ผู้ปกครองสบายใจไม่ต้องเป็นห่วงลูกเต้าของเขา และทั้งหมดนี้ก็ให้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจที่แต่ละคนคิดว่าดี
พ่อครูว่า..ดีพวกเราปรึกษากันประชุมกันได้ข้อสรุปมาถึง 5 ข้ออย่างนี้ดีมากเลย ยิ่งพูดไปเห็นว่าพวกเราประสพผลสำเร็จตามทฤษฎีพระพุทธเจ้า แม้มีวิกฤติพวกเราพึ่งตนเองได้ไม่เป็นภาระคนอื่น แถมยังไปช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วย เป็นการพึ่งตัวเองรอด แม้จะมีวิกฤติอย่างไรก็ตาม แข็งแรงเรียบร้อย
อาตมาสรุปเป็นสูตรสังคมเลย
-
ไม่เป็นหนี้
-
พึ่งตัวเองรอด
-
ทำให้เหลือให้มากเกินกินใช้
-
มีเหลือแจกจ่ายหรือขายถูกๆ
เรามีอาชีพ กัมมันตะ วาจา สังกัปปะ ตามมรรคมีองค์ 8 มีอาชีพสัมมา มีกัมมันตะกรรมการงานที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ มีวาจาที่ไม่เป็นโทษภัย ยิ่งความคิดมีแต่ดี มีแต่ประโยชน์คุณค่า เมตตากรุณามุทิตาอุเบกขา
สุดยอดทฤษฎีสังคมเอามาประกาศให้ปฏิบัติ อาตมาขอสรุปอีกว่ามีผลสำเร็จแท้จริง อาตมาจึงเบาสบาย อาตมาอายุเลยกว่าพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ยังแข็งแรง
ชีวิตไม่มีอะไรดีที่สุดเท่าทำให้มีธรรมะ เพราะธรรมะพระพุทธเจ้าไม่ได้ทิ้งอาชีพ การทำ การพูด การคิด ประมวลครบไว้หมดไม่ตกหล่นเลย เราไม่ต้องไปหนีออกป่าหรือหนีจากอะไรต่างๆนานา ตอนนี้เขียนหนังสือพูดถึง กายวิเวก อุปธิวิเวก จิตวิเวก
กายวิเวกขของเขาทำกันคือเอาร่างกายหนีเข้าป่าเขา จิตวิเวกก็นั่งหลับตาสะกดจิต นี่คือศาสนาพุทธเพี้ยนผิด แล้วไปนับถือพวกนี้ว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมแท้ๆ
(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
ส.เดินดินว่า…ประเด็นรัฐอิสระ เป็นได้เพราะพระเจ้าแผ่นดินสมัยก่อนมีภูมิธรรม นึกถึงพวกเราเมื่อก่อน เราออกเผยแพร่ ก็มีคนแจ้งนายอำเภอจะมาจับ แต่พวกเราอธิบายวัตรปฏิบัติ นายอำเภอฟังแล้วก็เข้าใจ ปวารณาว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือบ้าง คือคนมีภูมิธรรมนั่นเองก็จะเข้าใจพวกเรา เป็นรัฐอิสระเพราะคนมีภูมิธรรมจะยกให้
พ่อครูว่า…ธรรมะพระพุทธเจ้ายอดเยี่ยมลึกซึ้งไม่เก่า จะเป็นระบอบไหนก็ตาม ปชต.เผด็ขการ คอมมิวนิสต์ ก็ตาม เข้าได้หมด ไม่เป็นภัยแก่ใคร เป็นประโยชน์ต่อทุกระบอบ เขาไม่รังเกียจสุดยอด
อาตมาพิสูจน์ระบอบของพระพุทธเจ้าอาตมาว่าอาตมาทันสมัยที่สุดยิ่งกว่าทุกประเทศ
สู่แดนธรรมว่า ทุนนิยมเขารังเกียจบุญนิยมไหม
พ่อครูว่า…เขาไม่รังเกียจ เราไม่ได้เบียดเบียนแย่งชิงเขา ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ นอกจากไม่แล้วเราบาย คือเราปล่อยให้เขาจะโลภก็โลภไป จะโทสะก็โทสะไป จะโมหะก็โมหะไป
คนอย่างพวกเรานี่ ไม่เป็นภัยเป็นพิษต่อใครๆไม่ว่าลัทธิไหนๆในโลกจะไม่กระทบกระเทือน เพียงแต่ว่าเราอย่าไปเบ่งอวดดีว่าลัทธิเราสูงเราดี จนเขาเองรู้สึกว่าถูกข่ม ด้อยกว่ามีมานะกิเลส อย่าไปทำ แต่การจะพูดโดยสัจจะว่าอันนี้ดีกว่าหรือเท่ากันต้องมีศิลปะในการพูด แต่เขาก็ไม่มีศาสนาไหนมาท้วงอาตมา ก็พูดตามสัจจะ
สัจจะของศาสนาก็มีเทวนิยมกับอเทวนิยม
เทวนิยมมีทั่วโลก แม้พุทธทุกวันนี้กลายเป็นเทวนิยมเสียเยอะ
เทวนิยมคืออะไร อเทวนิยมคืออะไร ยิ่งใหญ่มากที่สุดในโลก ยิ่งใหญ่อยู่ชั่วกาลนาน ยิ่งใหญ่ถึงขั้น อเทวนิยมเกิดไม่ได้ในคน ในสังคมให้เกิดอเทวนิยมมีความรู้ประกาศลัทธิศาสนาขึ้นมาในยุคไหนที่คนไม่มีภูมิธรรมเพียงพอประกาศไม่ได้ ประกาศศาสนาพุทธไม่ได้ เช่นกลียุคที่แย่ประกาศไม่ได้ ทุกคนเป็นเทวนิยมหมด ปฏิบัติอเทวนิยมไม่ได้
อเทวนิยม เทวะแปลว่าพระเจ้าหรือเทวดา ศาสนาพุทธดับเทวดา เทวะแปลว่าสอง คือไม่รู้จักซาตาน เขานึกว่ามีแต่เทวะ ลืมทิ้งซาตาน แต่แท้จริงมันแทรกในตัวเขาแรงมาก จนไม่รู้ตัว เช่น ฮิตเลอร์เป็นต้น เขาไม่รู้ตัวหรอก หรือแม้แต่ประธานาธิบดีบางประเทศ เขาไม่รู้ตัวหรอก เขาจะเอาแต่เขาเทวะพระเจ้าที่เขาหลง
ลึกซึ้งที่สุดคือเขาไม่รู้จักสุข รู้จักทุกข์ เป็นนรกกับสวรรค์ที่แยกกันไม่ได้ แต่เขาไม่รู้จักนรก สวรรค์ ซาตาน ผี กิเลส เขาไม่รู้จักเหตุคือกิเลส เขาไม่ศึกษากิเลสแต่มุ่งแต่สวรรค์เป็นสุขนิยม เขาเลยกลาเยป็นพวกมีทุกข์โดยไม่รู้ตัวไปไหนไม่รอด เหมือนวัวลืมตีน
ศาสนาพุทธรู้จักสุข รู้จักทุกข์ สุขกับทุกข์คือเทวะ พระเจ้ายึดสุขไปเป็นเจ้าของสุข ใครจะสุขต้องให้พระเจ้าประธานแม้นรกพระเจ้าก็สั่งให้ลง ส่วนพระพุทธเจ้าศึกษาทุกข์ คนไม่เข้าใจเลยบอกว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาทุกขนิยม ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขั้นตั้งอยู่ดับไป แต่ไม่ใช่ ศาสนาพุทธรู้ว่าทุกข์กับสุขคู่กันเป็นเทวะ แล้วดับทั้งทุกข์และสุขหมดไปเลยเป็นอุเบกขา จิตเท่านั้นที่มันสุข จิตเท่านั้นที่มันทุกข์
ต้องเรียนรู้ที่จิต เหตุอะไรที่ทำให้ทุกข์สุข แล้วดับเหตุ จนเหตุมันดับไป เป็นจิตหมดทุกข์หมดสุข อุเบกขา ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา เป็นองค์คุณ 5
มีจิตสะอาดบริสุทธิแม้กระทบกระแทกอย่างไรก็อุเบกขา คนหมดกิเลสแล้วก็หมดสุขหมดทุกข์แล้วทำให้อย่างเร็วไว ปรับได้ทั้งเจโตและปัญญา ควบคุมกรรมได้ดี มีกัมมัญญา ทำการงานได้ดียิ่ง อย่างไรก็จิตปภัสสรนิรันดร
อาตมาเองเห็นในพระไตรปิฎก เขาแปลง่ายๆว่าทำจิตบริสุทธิผ่องแผ้วอ่อนควรแก่การงานผ่องแผ้ว
จิตเช่นนี้เป็นจิตสูงสุด อาตมาพูดไปนี้อาตมามีจิตปภัสสรตลอดเวลา แม้อาตมาจะพูดแสดงออกทางกายกรรม วจีกรรม มีจิตเป็นประธาน บางทีแสดงออกแรงหนักเหมือนไปว่าเหมือนโกรธแต่จิตก็ปภัสสรไม่ได้โกรธเคืองถือสาแต่ทำหน้าที่ นิคคัณเห นิคหารหัง ปัคคัณเห ปัคคหารหัง ตำหนิสิ่งผิดยกสิ่งถูก แต่เขาก็ว่าพูดไปกระทบเขา แต่จะพูดอย่างไรก็ไม่กระทบ แม้พูดกลางๆก็กระทบคนกลางๆ
ความเป็นอุเบกขาว่างๆกลางๆนี่แหละยิ่งใหญ่ พระพุทธเจ้าสอนในธัมมจักกัปปวัตนสูตรแยกกามกับอัตตา ท่านสอนให้รู้ แล้วทำจิตให้เข้าใจสองอย่างนี้แล้วจิตเราก็กลางๆว่างๆ แต่เขาแปลมัชฌิมาปฏิปทาว่าทางสายกลาง คนก็เลยปฏิบัติแบบนั้น
คนเข้าใจคำว่ามัชฌิมาก็ดี ปฏิปทาก็ดี เข้าใจกันยังไม่ชัดในศาสนาพุทธ
ปฏิปทาคือทางปฏิบัติประพฤติที่จะทำให้ไปสู่จิตที่เป็นกลางมัชฌิมา แต่เขาไปแปลรวมว่า ทางสายกลาง นั่นไม่ใช่ แต่ทางหรือวิธีการคนต้องศึกษา เพื่อให้จิตเข้าสู่มัชฌิมาคือไม่มีทั้งอัตตาไม่มีทั้งกาม คือคนหมดกิเลสไม่มีทั้งกามทั้งอัตตา
กามคุณ 5
อัตตา 3 ให้ชัดเจน
เรียนรู้กามคุณ 5 ก่อน หมดกามแล้วเรียนรู้รูปภพอรูปภพอีกเป็นอนาคามีก็ล้างต่ออีกเป็นลำดับ แต่ทุกวันนี้ไม่ได้ปฏิบัติล้างกามก่อน แต่เข้าไปนั่งหลับตาหนี แล้วไปหลงการหนี หลีกเร้น
อ่านพระไตรปิฎกเลย ก่อนอ่าน ขอท่านเดินดินพูดนโยบาย 5 ข้อนี้อีกที
ส.เดินดินว่า…
เช้านี้พ่อครูให้นโยบายงานฉลองน้ำปีนี้ว่าให้เปลี่ยน “ฉลองเป็นฉลาดแล้วจะฉลุยจนถึงเฉลิม”
น้ำจะท่วมไม่ต่ำกว่าสองเดือน จะมีปัญหาต่างๆตามมา อย่างเรื่องไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ก็จะลำบาก หากตัดไฟ น้ำจะไม่มีใช้ มีคนเสนอ
1.คงต้องใช้นโยบายพระเจ้าตากเนื่องจากน้องน้ำล้อมเราไว้หมดทุกด้านแล้วและจะท่วมสูงขึ้นไปเรื่อยๆจึงต้องหาทางแบ่งกำลังฝ่าออกจากเมืองไปก่อน แล้วค่อยหาทางกลับมากอบกู้ในภายหลัง โดยจะแบ่งกลุ่มกำลังเป็น5ทีมดังนี้
-
ทีมพาณิชย์ไปช่วยเสริมกำลังที่อุทยานบุญนิยมและสหกรณ์
-
ทีมไวพลังไปช่วยงานทางด้านฐานกสิกรรมและเตรียมการเพาะปลูกหลังน้ำลด
-
ทีมไปฟื้นสุขภาพที่ศีรษะอโศกโดยเฉพาะผู้อายุยาวและผู้ที่ไม่สบาย (แต่พวกเราส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับว่าป่วยกัน)
-
ทีมรักษาการอยู่ที่บ้านราชเท่าที่จำเป็น ต้องการคนที่แข็งแรงพึ่งตัวเองได้
-
และทีมจิตอาสาซึ่งจะตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือประชาชนอยู่ที่โรงเรียนกุดระงุมสำหรับผู้ที่ร่างกายแข็งแรงพร้อมที่จะไปช่วยคนอื่นได้ เป็นโครงการระหว่างบ้านกุดระงุม รร.กุดระงุมและ กองทัพธรรม พร้อมไปช่วยผู้ประสพภัยน้ำท่วม ยืดหยุ่นจะมาช่วยข้างในหรือข้างนอกก็ได้