621018_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมรสอันนัวคักปรุงโดยพระโพธิรักษ์
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1QBPaf16u7vqvqGCJ9q9apPY35nViTg54l1zr24kPlu0/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=17yCx5cT4I3n6M0pX_2zHJD9IZJE5LfDt
สมณะเดินดินว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก กำลังย่างเข้าสู่หน้าหนาว ชาวอโศกก็ดำเนินผ่านมาย่างเข้าปีที่ 50 ครึ่งศตวรรษ ก็คงจะมีอะไรให้เราติดตาม อย่างน้อยก็น้องน้ำมา ทำให้เราหมดภพชาติ ต้องออกจากถ้ำ พ่อครูประกาศปิดถ้ำแล้ว
สิ่งที่ยากไปเป็นลำดับ คือ ยากให้คนมีปัญญา คือปัญญาที่เป็นโลกุตระ สามารถมองเขาหาตัวเอง เห็นกิเลสในตัวเองแล้วลดได้กิเลสในตัวเองได้ถูก ทำตัวตนให้ลดลงน้อยลง ปัญญานี้ก็ไม่ง่าย แม้ชาวอโศกที่ฟังธรรมอยู่ทุกวัน บางคนก็ประกาศตัวเองว่าเป็นสายปัญญา แต่ว่าอาจจะเป็นปัญญาที่เป็นแค่ตรรกะ เป็นแค่ภาษา เขายังไม่ใช่ปัญญาที่สามารถมองเข้าหากิเลสของเราเอง แล้วลดละตัวตนของเราให้เล็กลงน้อยลงได้ ขั้นตอนที่ 1 นี้ก็ยากแล้วที่จะเปิดประตูเข้าสู่อาริยชน
แม้ข้อต่อมาก็ยากยิ่งขึ้น คือการเลื่อนมาเป็นผู้แพ้ เดินบนเส้นทางของความเป็นผู้แพ้มากกว่าจะไปเอาชนะคะคาน และข้อ 1 ข้อ 2 ก็เดินไปด้วยกัน เมื่อตัวตนเล็กลงน้อยลงก็จะดำเนินไปเส้นทางผู้แพ้ คนที่ไม่มีตัวตนจะทำตัวให้แพ้ก็ได้ชนะก็ได้ เป็นผู้ผิดก็ได้ ผู้ที่ถูกก็ได้ แต่คนทั่วไปอย่าบอกว่าฉันผิด ยอมรับไม่ได้ถ้าบอกว่าตัวเองเป็นคนผิด ชีวิตนี้ต้องยืนหยัดยืนยันแต่ความถูกต้อง ผิดไม่ได้แพ้ไม่ได้ก็ยากขึ้น
แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นอีกคือ การมาเป็นคนจน มารักชีวิตความเป็นคนจน ทิ้งความร่ำรวยความมั่งมีออกมาสู่เส้นทางของความจน ก็มีแต่พวกชาวอโศกที่ฟังกันรู้เรื่อง ไปพูดกับคนข้างนอกเขาจะหาว่าเพี้ยน
แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการทำงาน 50 ปีของพ่อครูคือให้พวกเทวนิยมมาไม่ติดสุขติดทุกข์ ล้างความยึดติดในสุขทุกข์ให้หมดไปล้างเทวนิยม หมดสวรรค์หมดนรก คิดว่าในศาสนาพุทธที่จะเข้าถึงตรงจุดนี้ได้ คิดว่ายากยิ่งขึ้นไปอีก
ถ้าถามว่างานโพธิกิจที่ทำมานี้มีแต่เรื่องยากทั้งนั้นเลย ที่จะพาผู้คนพ้นได้
ทางศาสนาเทวนิยมบอกว่าพาคนลงเรือโนอาห์แต่ของศาสนาพุทธก็พาขึ้นนาวาบุญนิยม มาล้างความสุขความทุกข์ให้หมดไป
พ่อครูว่า…SMS วันที่ 17 ต.ค. 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ สมณะ สิกขมาตุ : บ้านราช)
_1182 : ผู้จัดทำนสพ.เราคิดอะไรกลับจากกู้ภัยบ้านราชแล้วฤายัง?ฉบับ351เดือน ตค.นี้ยังไม่ได้รับเลย?สมาชิก367อยากเก็บฉบับสุดท้ายไว้เป็นที่ระลึกถึงหนังสือที่ทำให้เราเห็นโลกเห็นตัวเองด้วยโลกุตระธ.พ่อครูสาธุ! กบสิ้นโศก
_1614เฉลิมชัย ล้อลีลา : ลองนิยามปัญญาโลกุตระ พอสังเขปให้หน่อย. ครับ
พ่อครูว่า…ปัญญาโลกุตระที่อาตมากำกับไว้เลย จริงๆไม่ต้องกำกับ ความเป็นปัญญาเองก็เป็นโลกุตระอยู่แล้ว ก็คำว่าปัญญาเป็นพยัญชนะที่ตั้งขึ้นมา เรียกความเฉลียวฉลาด ชนิดของโลกใหม่ เป็นโลกโลกุตระไม่ใช่ความฉลาดแบบโลกเก่า หรือโลกนี้ มันเป็นของโลกใหม่ปรโลกหรือโลกอื่น จากโลกที่ปุถุชนเขารู้กันดี มันทวนกระแสกันมันมีความยินดีต่างกัน มันมายินดีในความจนอย่างจริงใจ ไม่ใช่ทำเล่น มาเป็นคนจนดีกว่าคนรวยนั้นดีกว่าจริงๆ มาเป็นคนขยันเป็นคนเสียเปรียบดีกว่าคนได้เปรียบ เราเห็นว่าการได้เปรียบนี้มันโง่ การเสียเปรียบนี้มันฉลาด ยอมเสียเปรียบทั้งๆที่รู้ไม่ใช่เสียรู้นะ เป็นคนเสียเปรียบให้แก่มนุษยชาติ คือเรามีสิทธิ์ที่จะเสียให้แก่มนุษยชาติ เรียกเต็มๆว่ามีสิทธิ์จะเสียสละให้แก่มนุษยชาติ เราไม่ต้องได้เราไม่ต้องเอาเราไม่ต้องซักซ้อมมาเป็นของเรา แต่เราให้แก่ผู้อื่นได้
ปัญญาโลกุตระถึงเป็นความเฉลียวฉลาดที่ทวนกระแสความคิดสามัญของโลกปุถุชนคนสามัญ เพราะเขาจะต้องได้ลาภยศสรรเสริญ โดยเฉพาะได้เสพโลกียสุข ส่วนโลกุตระนั้นจะศึกษาความสุขความทุกข์จนกระทั่งไม่ต้องมีสุขเลย ไม่ต้องเสพสุขเลยเป็นอุเบกขาไม่สุขไม่ทุกข์ เลิกเลย เป็นจุดสูงสุดของมนุษยชาติที่ความรู้ของพระพุทธเจ้าตรัสรู้เรียนรู้และปฏิบัติตามแล้วทำให้ได้ ทำได้แล้วจะรู้ธรรมรส วิมุตติรส คนไม่สุขไม่ทุกข์แล้วมันอย่างนี้เอง อาตมาก็ได้ ใครเชิญแย่งจากอาตมาเอาไปได้เลย
อาตมาพูดได้สบายเพราะว่าบอกไปแล้วว่าเป็นใครเป็นพระอรหันต์เป็นพระโพธิสัตว์ก็รู้สิ่งเหล่านี้มาแล้วก็พูดได้สบาย
ก็คือความเฉลียวฉลาดที่มันนอกกรอบจากตัวปุถุชนคนทั้งหลายเขาคิดดีเห็นดีอย่างปุถุชน อันนี้เห็นดียังทวนกระแสกัน นี่คือปัญญาโลกุตระ
_จากมะขามป้อม กราบนมัสการพ่อครูที่เคารพศรัทธายิ่งค่ะ มีญาติมาซื้อปุ๋ยที่ปฐมอโศก150 ตัน แต่เกิดขัดข้องทางเทคนิค การจัดส่งสินค้า… คุณทิวเมฆ ได้มาช่วยเคลียร์ปัญหา แบบอ่อนน้อม ถ่อมตน (เป็นคนรับใช้)ค่ะ ญาติรู้สึกประทับใจ จึงสั่งซื้อเพิ่มอีก 150 ตันค่ะ
_โค่ยไทย ติ๊ก · กราบมนัสการครับ วันนี้ดรีมทีมของผมเลยครับ
_เกดมณี สุขสวรรค์ กราบนมัสการพ่อท่านอย่างสูง สมณะทุกรูป และสิกขมาตุ เจริญธรรมชาวบ้านราชฯทุกคน ເກດມະນີ ສຸກສະຫວັນ · ກາບນະມັດສະການພໍ່ທ່ານຢ່າງສູງສາມະນະທຸກຮູບແລະສຶກຂະມາດຈະເລີນທັມຊາວບ້ານລາດທຸກຄົນ
_สมคิด วงษ์ศิวิไล : ผู้มีศีลแท้ จะมาที่นี่ ผู้มีศีลเทียม จะไม่มา
พ่อครูว่า…คนอาจท่องศีลได้อย่างเก่ง แต่ไม่ได้ปฏิบัติเลยนั่นแหละคือผู้มีศีลเทียม ไปวัดก็มยังภันเต วิสุงวิสุง รักขณถายะ ติสรเณนสหะ ปัญจสีลานิยาจามะ …หากปฏิบัติจริงจะเห็นจิตใจพ้นทุกข์ ศีลข้อ1 จะเห็นว่าใจเกิดมีเมตตาขึ้นมา ไม่มีจิตคิดจะไปรังแกสัตว์ ฆ่าสัตว์ทำร้ายสัตว์เลย
_am am : สงสัยและสงสารผู้ฟังที่นั่งฟังอยู่จริงๆ ฟังดูหลายครั้งแล้วโพธิรักษ์ไม่เชื่อคำสอนที่บรรทึกอยู่ในพระไตรปิฏก แต่ชอบเอาพระไตรปิฏกมาอ้างอยู่เสมอ ก็แสดงว่าเลือกเอาเฉพาะที่ตัวเองชอบ อันใหนไม่ชอบหรือคิดไม่ออกก็ไม่เอา แล้วเอาหัวข้อธรรมในพระไตรปิฏกมาอธิบายมั่วซั่วไปหมดตามปัญญาของตัวเอง ดูหน้าตาคนที่นั่งฟังอยู่ไม่กี่คนแล้วน่าสงสารจริง ๆ ชีวิตได้เกิดมาเป็นคนแล้วชาตินึงต้องมาเจอ ต้องมาเสียเวลากับคำสอนที่บิดเบี้ยว มาเจออาจารย์ที่ไม่เชื่อคำสอนที่บรรทึกในพระไตรปิฏก แล้วเอาความคิดของตัวเองที่มีอยู่น้อยนิดมาสอนนอกเหนือจากพระไตรปิฏก ทั้งๆที่พระไตรปิฏกฉบับนี้พระสงฆ์ทั้งประเทศ เอามาเป็นแนวทางในการเทศน์สอนญาตฺกันกันเกือบจะตั้งประเทศ ยกเว้นพระสายพระพุทธทาส เพราะสายนี้เขาก็ไม่เชื่อพระไตรปิฏกเหมือนกัน สงสารคนที่หลงไปฟังไปนับถือจริงๆต้องมาเวลาของชีวิต ต้องมาเสียชาติเกิดไปชาตินึง ขออภัยที่ผมต้องมีความเห็นต่างนะครับ เพราะผมเป็นชาวพุทธผมมีสิทธิ์ท้วงติงคำสอนใครก็ตาม ที่ทำตัวเองให้คนอื่นเชื่อว่าเป็นพระสงฆ์ แล้วเอาความคิดของตัวเองมาสอนแล้วอ้างว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่เอาพระพุทธเจ้ามาอ้างผมก็คงไม่ยุงกับลัทธิของพวกคุณ เอาพระพุทธเจ้ามาอ้างแต่สอนไม่ตรงกับพระไตรปิฏ เป็นการสร้างความเคลือบแคลงให้เกิดขึ้นในหมู่ของชาวพุทธ
พ่อครูว่า…ก็ขอตอบตามความเป็นจริง 1. อาตมาเชื่อตามคำสอนในพระไตรปิฎกจริง ที่ว่าเอาพระไตรปิฎกมาอ้างนั้นก็จริง แต่อาตมาไม่ได้เลือกเฉพาะที่ตัวเองชอบ อันไหนที่ควรจะเอามาอธิบายก็เอามาอธิบายไม่ใช่เลือกอันที่ชอบหรือไม่ชอบ คุณจะเชื่ออาตมาหรือไม่ก็ตาม อาตมาก็บอกแล้วว่าอาตมาหมดความชอบความชังจริงๆ อาตมาจิตใจเป็นกลางไม่มีชอบไม่มีชัง พูดไปอย่างนี้คุณก็อย่าเพิ่งอาเจียนฟังต่อไป
หาว่าอาตมาอธิบายมั่วซั่ว นั้นก็ผิด อาตมาพยายามเจตนาทำให้ตรงให้ถูกต้องให้ดีงามตามที่อาตมามีภูมิ แล้วอาตมาบอกเลยว่าอธิบายธรรมะตามภูมิของอาตมา อย่างตั้งใจให้ถูกต้องที่สุด ไม่ผิดเพี้ยน และอาตมาอธิบายไปแล้วมันก็ไปขัดกับที่คุณเข้าใจกันที่คุณยึดถือกันทุกวันนี้ มันคนละความหมาย คุณก็ยึดเอาความเข้าใจของคุณว่าถูก มันตรงกันข้ามกันมันค้านแย้งกันคุณก็ซัดอาตมาว่าอาตมาผิด อาตมาไม่เถียงหรอก คุณยึดถือของคุณว่าถูกก็ ซัดอาตมาว่าผิด ก็คิดว่าน่าจะพอเข้าใจนะ
สู่แดนธรรมว่า…ผมก็เห็นด้วยกับเขาเหมือนกันว่า พ่อท่านเลือกเอาเฉพาะที่ตัวเองจะเลือกเอามาบอก เพราะว่าสงฆ์ทั่วไปเอาแต่โลกียธรรมมาสอน ซึ่งเขาทำหน้าที่กันมากอยู่แล้ว พ่อท่านถึงต้องเลิก เอาแต่โลกุตระมาอธิบาย
พ่อครูว่า…อาตมาไม่ค่อยส่งเสริมโลกียธรรม อาตมาตีด้วยซ้ำไป เป็นพระเป็นเจ้าควรจะมาศึกษาโลกุตรธรรม แต่ไปหลงส้องเสพกับโลกียธรรม อาตมาก็ต้องว่าให้
อาตมาต้องอ่านพระพุทธเจ้าเพราะว่าอาตมาเป็นชาวพุทธ ก็เอาอย่างนี้ก็แล้วกันพระพุทธเจ้าของคุณกับพระพุทธเจ้าของอาตมาคนละองค์ก็แล้วกัน คุณก็ถือแบบพระพุทธเจ้าของคุณไป อาตมาก็ถือแบบพระพุทธเจ้าของอาตมา อาตมาไม่ได้เอาพระพุทธเจ้าของคนอื่นมาอ้าง อย่ามาตอแหลกันนะ คุณเชื่อถือพระพุทธเจ้าของคุณก็เป็นอย่างของคุณ ของอาตมาก็เป็นอย่างของอาตมา อาตมาไม่ไปแย่งชิงของคุณหรอก อาตมาเห็นอะไรว่าถูกหรือไม่ถูกก็ว่าไป ตามที่อาตมาเห็นด้วยความจริงใจ
ตกลงแล้วนะ พระพุทธเจ้าคนละองค์นะ ไม่ต้องมาซัดอาตมา หากมาซัดอีกก็ถือว่าละลาบละล้วงอาตมานะ คุณไม่พอใจจะมายึดว่าพระพุทธเจ้ามีอย่างเดียวได้อย่างไรความเห็นของคุณก็ของคุณ ความเห็นของอาตมาก็อีกอย่างหนึ่ง จะปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าองค์ไหน คุณชอบอันไหนคุณก็เลือกเอา อันไหนเป็นธรรมวาทีอันไหนเป็นอธรรมวาที
_โจ๊ก ม้าเกง • พระพุทธเจ้าบอกสาวกให้หมั่นประชุมกันเนืองๆ ให้พูดแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์ เรื่องความว่างเรื่องโลกุตระพิจารณาธรรมมะเพื่อมุ่งหวังนิพานเท่านั้น แต่ที่พวกท่านพากันพูดแต่เรื่องส่อเสียดผู้อื่น มันยังห่างใกลนักรู้ก็รู้ไม่ถ่องแท้ในคำสอน โดยเฉพาะท่านที่สอนพวกท่านอยู่นั่น ชั้นโลกุตระไปไม่เป็นเลย ที่ผมพูดผมเป็นห่วงพวกท่าน นิพพานมันไม่ง่ายอย่างที่พวกท่านนั่งคิดกันหรอกนะ ผู้นำท่านสอนไม่แจ่มแจ้งพวกท่านรู้ดี ไปวัดกันที่จิตสุดท้ายก่อนตายเถอะท่าน ถ้าเป็นแบบนี้อบายภูมิแน่นอน โปรดเข้ามาตอบโต้ด้วยครับถ้าผมพูดไม่ถูกต้อง
พ่อครูว่า…พ่อครูถามคนนั่งฟังธรรมในรายการว่า…พวกคุณที่นั่งกันนี่ว่าแจ่มแจ้งไหม…แจ่มแจ้ง ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคนนี้ตู่
อาตมาไม่มีเวลาพอจะไปตอบโต้คุณหรอกขออภัย ให้อาตมาใช้เวลาสาธยายก่อน คุณท้าทายมา อาตมาก็ขอแพ้ก็แล้วกัน
_มดคันไฟ มิวสิค • ความสุขความทุกข์เป็นสิ่งที่จิตใจคนเราสร้างขึ้นการดับทุกข์ทำให้ตัวเรามีความสุขและทำความดีให้ทานให้อภัยอย่ายึดติดอย่าหลงอย่าโลภสิ่งที่ติดตัวไปคือ บุญกับบาป ไม่ต้องไปเซาะแสวงหาเป็นพระอรหันเกิดแล้วแค่ขอให้เป็นคนดีทำความดีนี้แหละคือหลักศาสนาพุทธ…
คุณเรียกตัวเองว่าสมณะไม่ใช่พระในพุทธศาสนาแต่เอาหลักธรรมคำสอนไปใช้ในแบบบิดเบือนคุณควรตั้งกฏเอง คุณกำลังลังบิดเบือนพุทธศาสนา คุณกำลังล้มล้างพุทธศาสนาอยุ่
คุณก็เหมือนพระเทวทัตนั้นละ ที่จ้องทำลายทำความแตกแยกในหมู่สงฆ์
ไอ้คนบาปหนา ศาสนาพุทธเกิดก่อนมึงอีกกี่พันปี มึงจะมารู้ดีกว่าใครได้อย่างไร มึงคือคนบ้ารุ้ปะ
แต่ตัวเรานับถือศาสนาพุทธ เราขออโหสิกรรมให้เวรระงับด้วยการไม่จองเวร ใครทำไรใว้ไม่ว่าดีหรือชั่วผลกรรมก็ตามนั้น
พ่อครูว่า…อาตมามั่นใจว่าอาตมาไม่ได้ทำกรรมที่เป็นอกุศลอะไร แต่คุณเข้าใจว่าอาตมาทำกรรมอกุศล ก็ขออภัยที่อาตมาทำความเข้าใจให้แก่คุณไม่ได้ อาตมาก็คงต้องยอมรับว่าอาตมาไม่เก่งพอจะทำให้คุณเข้าใจได้ ก็ขออนุญาตทำกับคนที่พอเข้าใจกับสิ่งที่อาตมาอธิบายได้ ขออนุญาตแล้วนะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเคืองกันอีก ถ้าคุณฟังไม่ไหวก็อย่าฟังเลย ขออภัยเถอะ อาตมาจำเป็นต้องบรรยายตามที่อาตมาว่าอาตมาเป็นผู้ทำหน้าที่ที่จะอธิบายสิ่งที่ศาสนาพุทธ เหมือนอย่างที่คุณยึดถืออาตมาเห็นชัดว่ามันผิดกันอยู่ อาตมาจึงจำเป็นต้องแก้ไขให้ถูกมันก็ต้องขัดแย้งกันเพราะคุณไปยึดถือสิ่งที่ผิด ก็ต้องขออภัยถ้าคุณเห็นว่าคุณยึดถือสิ่งนั้นว่าถูก คุณก็ดำเนินตามนั้นเถอะ ขออภัย อาตมาก็ต้องยึดถือตามที่อาตมายึดถือที่เห็นว่าอันนี้ถูกต้อง อย่างนั้นผิดมันก็ต้องค้านแย่งกันเป็นธรรมดา มันไม่มีทางเลือกแล้วสุดท้ายคือต่างคนต่างทำนานาสังวาส เห็นอะไรเป็นธรรมวาทีก็ทำตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
_X Channel 888 • คลิปนี้ชัดเจนเลยครับผมเป็นศิษย์หลวงตามหาบัวครับและก็ชอบในกลุ่มสันติอโศกครับ แต่หลวงตาท่านเป็นพระอรหันต์ครับจากปฏิปทาที่ถูกต้อง สุดท้ายผมก็ได้ทราบว่าพวกท่านยังไม่ถึงในธรรมและหลงทางครับ ขอบคุณครับท่าน ความวิมุติหลุดพ้นคือจิตอันบริสุทธิต่างหากครับ
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะเดินดินว่า…วันนี้ต้องดูที่จูฬวิยูหสูตร พระพุทธเจ้าบอกว่าเมื่อเธอ ละสิ่งที่ต้องวินิจฉัยในทิฏฐิต่างๆแล้วก็จะไม่ทะเลาะกับใครเลย คือเจ้าลัทธิต่างๆมักจะยึดถือว่าสิ่งที่ตนเองคิดนั้นถูก ก็จะหาว่าของคนอื่นผิด ก็แล้วแต่ความเห็นของใครของใคร
พ่อครูว่า…พระพุทธเจ้าตรัสแสดงว่าผู้ที่เป็นนานาสังวาสก็แยกกันฟัง คุณเห็นควรพอใจอย่างนั้นว่าเป็นธรรมวาที ก็ไปฟังอันนี้ไม่เป็นธรรมวาทีก็ไม่ต้องไปฟัง ส่วนพวกอื่นพวกที่เห็นต่างเขาก็ฟังอีกแบบต่างคนต่างอยู่ก็สบายไม่ต้องไปทะเลาะกับเถียงกัน แต่มีสิทธิ์ที่จะ ปฏิกโกสนา ก็หมายความว่าฟังได้ที่เขายึดถืออย่างนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะประท้วง แย้งอย่างแรงๆตรงๆ แย้งเต็มที่ได้ ปฏิกโกสนา ในนานาสังวาส มีวินัยให้ค้านแย้งอย่างแรงๆได้เลย ท่านไม่ได้ห้าม แย้งแรงๆได้แต่อย่าให้ผิด ใครก็ต้องเชื่อว่าที่ตนแย้งไปจะถูก
_ปลาวาฬ 77 plawan 77 • มองด้วยใจเป็นกลาง ไม่ได้เป็นสาวกของสันติอโศก….ในดีมีชั่ว ในชั่วมีดี ถึงแม้ท่านจะไม่เป็นพระถูกต้อง แต่ความดีของท่านก็มีอยุ่ อย่างน้อยก็ช่วยให้คนมีงานทำ ตราบใดที่ท่านไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร ท่านก็ยังดำเนินตามทางของท่านได้อยุ่ มองหาส่วนดีของท่านบ้าง ใจเราก็เป็นสุข
พ่อครูว่า..อาตมาไม่มีปัญหาหรอก ใครจะหาว่าเป็นพระหรือไม่เป็นพระ จะผิดจะถูกอย่างไรก็ไม่มีปัญหา ศาสนาพุทธไม่ได้ทิ้งความดีหรือความชั่ว ก็ต้องยืนหยัดในความดีนั่นเป็นโลกีย์ แต่จุดสำคัญของศาสนาพุทธต้องเรียนรู้ความสุขความทุกข์และสูงสุดก็คือไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่เป็นเทวนิยมแต่เป็นอเทวนิยมสูงสุด ก็คือหมดความสุขความทุกข์ ฟังดีๆตรงนี้
อาตมาก็ยังไม่ค่อยได้ยินได้ฟังอาจารย์สำนักไหนที่ยืนหยัดยืนยันอย่างนี้ ว่า ศาสนาพุทธไม่ได้ไปติดอยู่ที่ความสุขทำให้มีแต่ความสุข ไม่ใช่ แม้แต่อาตมาอธิบายว่าต้องอาศัยความสุขเป็นบันได แล้วถึงจะหมดทุกข์ อธิบายได้ แต่คนจะเข้าใจคำว่าสุขนี่ก็คือสิ่งที่ยังมีอยู่ยังเป็นฐานอาศัย ความจริงความสุขมันก็ไม่มี ความทุกข์มันก็ไม่มี ผู้นั้นจึงจะถึงนิพพาน
อาตมาอธิบายธรรมะนี้เป็นการอธิบายธรรมะในระดับขั้นนิพพาน ตามที่คุณข้างบนเขาว่ามาว่าอาตมาไม่รู้จักนิพพาน แต่นิพพานของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ที่เขายึดถือก็คนละแบบกัน แต่นิพพานที่พระพุทธเจ้าแบบที่อาตมาเชื่อนั้นเป็นแบบนี้
เพื่อจะพ้นมาตั้งแต่โลกอบาย โลกกามคุณ โลกธรรม โลกอัตตา เป็นต้นดับโลกหมดโลกคือไม่หมุนเวียน ไม่หมุนไปกับโลกไหน อรหันต์มีจิตอมตะ จะเกิดอยู่ในโลกอีกก็ได้แต่ไม่เวียนไปสู่โลกโลกียะ ดับสุขดับทุกข์ไม่มีบาปไม่มีบุญแล้ว ปุญญปาปปริกขีโณ ก็ไม่เห็นสำนักไหนจะมาเน้นย้ำเรื่องนี้ เน้นว่าให้หมดบุญหมดบาป เป็นอรหันต์
พยัญชนะตัวเดียวกัน ปุญญะหรือบุญ แล้วมี ปุญญปาปปริกขีโณ
พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าท่านเป็นผู้ที่สิ้นบุญสิ้นบาป หรือพระอรหันต์หลายองค์ก็บอกว่าท่านเป็นคนไม่มีบุญไม่มีบาปแล้ว คำว่าบุญนี้ก็เป็นคำพิเศษ อรหันต์หมดบุญเด็ดขาดบาปก็ไม่มี บุญจึงไม่ใช่สิ่งที่ให้เป็นพวกจะยึดถือ
บุญเป็นพลังงานที่สร้างเพื่อทำลายกิเลส ถ้าทำลายกิเลสหมดจด บุญก็ไม่มีไม่เกิดอีกเลยบุญมีหน้าที่ทำร้ายบาปในจิตมนุษย์เท่านั้น เป็นพลังงานในปัจจุบันที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำลายกิเลสอาสวะ
บาปไม่มีบุญไม่มีเป็นสุดยอดโลกุตระ
ปัญญาโลกุตระ นั้นคือปัญญารู้จักิเลส ความเฉลียวฉลาดที่ดักจับตัวกิเลสได้แล้วมีการปหานกิเลสได้ นั่นคือปัญญาของโลกุตระ
คำว่าปัญญาจึงไม่ใช่เฉโก โลกีย์ แต่อันนี้มันผิดเพี้ยนไปแล้ว คนที่ฉลาดเฉโกเขาไม่เรียกแล้วเพราะรู้ดีว่า เฉโก เป็นความเฉลียวฉลาดแบบต่ำโลกียะ ก็เลยเอาคำว่าปัญญามาเรียกแทน ทั้งที่ตัวเองไม่มีปัญญาโลกุตระเลย
_พิมพ์พักตร์ ตันสกุล pimpak Tansakul • แตกต่างแต่ไม่แตกแยกเนอะ ถึงท่านจะไม่เหมือนพระทั่วไป แต่พระท่านก็พัฒนาให้ชุมชน สังคม ให้น่าอยู่ สงบ ไม่จำเป็นต้องเหมือนพระทั่วไป ก็ได้ อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นภาระสังคม แค่มีแนวคิดการดำเนินชีวิตต่างจากพระทั่วไปแค่นั้น แต่คุณงามความดีท่านมี
พ่อครูว่า…อันนี้จริงไม่ได้แยกนิกายเป็นสังฆเภท อันนั้นเป็นอนันตริยกรรม แต่ทำเป็นนานาสังวาส อาตมาแยกแยะความถูกความผิดเพราะถือว่าเป็นชาวพุทธร่วมกันคณะใหญ่ที่พวกเป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งหลาย อาตมาก็ไม่ได้รังเกียจว่าเขาไม่ใช่ชาวพุทธแต่ก็เป็นชาวพุทธ ถึงพูดให้ชัดเจนบอกว่าเป็นชาวพุทธก็ต้องทำให้ถูก ถ้าคุณไม่ถูกก็ต้องออกไปอย่ามาอยู่กับชาวพุทธ เป็นแต่เพียงอย่ามาไล่อาตมา อาตมาก็ไม่บังอาจไปไล่คุณหรอก คุณก็ยึดถืออย่างคุณไป อาตมาก็ต้องจบที่นับถือพระพุทธเจ้าคนละองค์
พ่อครูว่า..เมื่อกี้นี้พาดพิงถึงคนจน
อาตมาว่า เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ The Great Word
คนเข้าใจได้ยากมากเลย ความหมายนิยามพื้นฐานจนคืออะไร
จน คือ ไม่มีสมบัติพัสถานไม่มีข้าวของเงินทองทรัพย์สินมากมายเหมือนคนอื่น คือคนจน เมื่อเทียบกับคนอื่นนะ เป็นคนที่มีน้อยกว่าเขา เป็นคนอัปปิจฉะ เป็นคนมีสติสัมปชัญญะรู้ดีว่าเราต้องมายินดีในความจน อัปปิจฉะ แปลว่าความอยากมีน้อยหรือมักน้อย มักก็คือชอบ ชอบอะไร ชอบมีน้อยๆไม่ได้ชอบมีมาก มีจิตที่เป็นอย่างนั้นจริงๆ หากว่ามีอะไรมากเกินกินเกินใช้ก็ให้คนอื่นเขาเถิด ไม่ได้ยึดติดไม่ได้เอาไว้เป็นของตัวเอง คนอย่างนี้เป็นคนจนอย่างนี้ซึ่งมีคุณสมบัติครบ วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ 9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)
แม้จะบรรลุธรรมแล้วก็ยังมีสิ่งที่ต้องขัดเกลาใน กายกรรม วจีกรรม ที่ต้องพัฒนาต่อไป พระพุทธเจ้าพูดไว้ในอภิณหปัจเวกขณ์ว่า กายกรรมวจีกรรมที่ดีกว่านี้ของเรายังมีอีก ท่านไม่ได้บอกว่ามโนกรรม ท่านบอกแค่กายกรรมวจีกรรมเท่านั้น เพราะว่าอันนี้ท่านตรัสไว้เผื่อคนที่เป็นอรหันต์ อรหันต์ถือว่าจิตสูงสุดแล้ว จบ แต่แม้เป็นพระอรหันต์แล้วกายกรรมวจีกรรมที่ดีกว่านี้
อาตมาอ่านพระไตรปิฎกก็เข้าใจตามภูมิของอาตมา แล้วส่วนมากที่อาตมาอธิบายขยายความ สาธยายทุกวันนี้ มันเป็นเรื่องของโลกุตระส่วนมากจนเกือบหมด คนในโลกียะก็หาว่าอาตมาตำหนิติเตียน เพราะว่ามันตรงกันข้ามกันค้านแย้งกัน เขาก็เลยเพ่งโทษอาตมา ก็ต้องได้แต่ขออภัยเขา ไม่ได้เจตนาจะทำให้เขาต้องเสียความรู้สึก ยิ่งไปว่าคนที่เขาจะถือว่าเป็นอรหันต์อาตมาก็บอกว่าเป็นอรหันต์เก๊ มันก็เลยดูแรงมาก ก็เลี่ยงไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างไรก็จำนนที่จะต้องเป็นแบบนี้
แล้วที่จริงแล้ว ผู้ใดมีปฏิภาณไหวพริบก็จะชัดเจนว่าความจริงมันถูกต้องแล้ว เป็นความจริง เพราะอาตมาพูดสิ่งที่อธิบายว่าเป็นสิ่งที่ถูกมันไปค้านแย้งกับสิ่งที่เขายึดถือกันอยู่อาจารย์สำนักต่างๆแม้แต่เถระสมาคมแม้แต่อาจารย์สำนักใหญ่ ก็เลยยิ่งชัดเจนว่า ถ้าพวกคุณว่าอาตมาผิดพวกคุณถูก ถ้าพวกคุณผิด อาตมาถูก
เขาไม่ยอมหรอก ..แต่อาตมาจะไปประนีประนอม ไปยอมหยวนๆมันไม่ได้ ผิดก็ต้องว่าผิด ผิดมากผิดน้อย ผิดตรงกันข้ามเลยก็ต้องบอกความจริงให้กระจ่าง อาตมาไม่เป็นคนประนีประนอมอมพะนำไม่ขี้ตู่ ไม่เก้อเขินไม่เหนียมไม่สะท้าน แต่คนที่เขามองว่าอาตมาก็ว่าหน้าด้าน แข็งเกินไม่ประนีประนอมไม่ปรองดองไม่ยืดหยุ่น
อาตมาว่าศาสนาพุทธ ที่มันเลวมันชั่วมันตกต่ำก็เพราะว่ายืดหยุ่น หรือประนีประนอมลงไปกับเขาอนุโลมลงไป เลยตกใต้ถุนไปเลย ตกไปหาบ่อน้ำเน่าเละเลย เพราะคำว่าอนุโลมคำเดียว แล้วตัวเองก็ไม่สามารถที่จะทำความจริงที่คุณก็พอรู้ว่า อันนี้ถูก คุณก็เลยอนุโลมตามเขาไป คุณก็ต่ำตามเขาไปเรื่อยๆ เลยกอดคอลงต่ำกันไปด้วยกัน ที่พูดนี้ขอยืนยันว่าอาตมาพูดถูกต้องไม่ได้ใส่ไคล้ไม่ได้ใส่ความ มันเป็นอย่างนั้นเลยทั้งนั้น มันจำเป็น
พูดแล้วพูดอีกก็ต้องขอ เปล่งอาภิสวาจาอีกครั้งว่า อาตมาเป็นผู้จะมากอบกู้ศาสนาที่มันผิดเพี้ยนนี้ไป มันผิดมาจนกระทั่งมันเห็นผิดเป็นถูกไปแล้ว เห็นดำเป็นขาวไปยึดดำเป็นขาวไปแล้วยึดผิดเป็นถูกไปแล้ว อาตมาจึงมาพลิกกลับแก้จริงๆ ตั้งใจฟังให้ดีๆ
จะมาเปลี่ยนทิฏฐิความเห็นความเข้าใจของอาตมาให้มาเป็นความยืดหยุ่นอนุโลมบ้างไม่ได้ อาตมาต้องยืนหยัดยืนยันอันนี้ได้แต่ขออภัย จะมาให้อาตมาไปอย่างไรก็ต้องตายคาความจริงความถูกต้องอาตมาเป็นอื่นไม่ได้ นี่เป็นสัจจะ
อาตมาพูดถึงคนจนยกตัวอย่างง่ายที่สุด พระพุทธเจ้าเป็นกษัตริย์อยู่ในกองบัลลังก์เป็นเจ้าแผ่นดิน เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่แต่ละรัฐแต่ละแคว้นในทวีปอินเดีย ทุกรัฐก็ยอมรับหมดเลย ท่านเป็นเจ้าแห่งลัทธิ เจ้าแห่งกฏหมาย คือพระธรรมวินัยของท่าน ท่านจะไปที่รัฐไหนประเทศไหนก็ประกาศธรรมวินัยของท่านได้ พระเจ้าแผ่นดินในยุคนั้นที่ประกอบด้วยแคว้นเล็กแคว้นใหญ่ก็แล้วแต่ก็ยอมให้ท่านหมด นี่เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ที่เรียกว่าประชาธิปไตย อาตมาแปลประชาธิปไตยอย่างสั้นที่สุดสรุปที่สุดให้ฟัง นี่แหละพระพุทธเจ้านี่แหละ
เพราะฉะนั้น ธรรมนูญ ธรรมวินัยคือธรรมนูญตั้งแต่ศีล คำสอนวินัยต่างๆคือกฎหลัก
ถ้าใครทำความเข้าใจแล้วยึดถือ ศีล และวินัย ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ผู้นี้ก็เป็นคนของรัฐนี้ประเทศนี้ รัฐพุทธ ประเทศพุทธ รัฐของพระพุทธเจ้า
ในยุคโน้น คนก็มีปัญญายกให้พระพุทธเจ้าจริงๆแต่ในยุคนี้คนไม่มีปัญญาแม้แต่จะเป็นเมืองพุทธประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ เสร็จแล้วก็มีสำนักต่างๆเหมือนหนังกำลังภายใน
ไม่ว่าสำนักอะไรต่ออะไร ต่างนับถือว่า ตัวเองเป็นสำนักที่ถูกต้องเป็นสำนักแห่งธรรมะทั้งนั้น แต่ผิดกันหมด รวมแล้วประมาณ 62 สำนัก พระพุทธเจ้าได้ลงไปแล้วประมาณ 62 ทิฏฐิ 62 สำนัก
ผู้เข้าใจก็ไม่ได้ติดยึดสำนักไหน แต่รู้ความจริงตามความเป็นจริงว่าสำนักนี้ถือกันอย่างนี้ ผู้ไม่ติดยึดก็มีทุกอย่างอนุโลมกับเขาได้แต่ไม่ได้เป็นอย่างเขา อาตมานี้อยู่ได้กับทุกลัทธิ แต่ผู้ที่ยึดลัทธิตน ผลักอาตมาไม่ให้อาตมาไปอยู่ด้วย แต่อาตมาแอบแทรกในขุมขน คนธรรพ์ แทรกในขุมขนพญาครุฑ
ทิฏฐิ 62 อันนี้เหมือนกับพญาครุฑ อาตมาก็เหมือนกับคนธรรพ์ พยายามกล่อมให้เขาเคลิบเคลิ้มด้วยโอสถทิพย์ให้เขาเอร็ดอร่อยกับโอสถทิพย์ให้ได้แตมันเป็นยาขมมาก เขาก็เลยลืมโอสถทิพย์ของอาตมา อาตมาก็ปรุงสุดฤทธิ์แล้วนะ อาตมานี่ปรุงสุดฤทธิ์รสชาติเป็นธรรมรสระดับ “นัวคัก” กลมกล่อมสุดๆ เท่าที่อาตมามีภูมิ อาตมาเป็นแม่ครัวพ่อครัวเอง ทำให้มีรสธรรมะ ที่เป็นวิมุติรส มันก็เลยไม่ค่อยจะถูกปากพวกโลกีย์เท่าไหร่ เขาว่าไม่ไหว รสมัน อ๋อนี่อาหารโลกต่างดาวเขากินอย่างนี้หรือ?
คำว่าโลกลูกนี้กับโลกลูกอื่น อยังโลโก ปโรโลโก ที่ต่างกันต่างกันอย่างไร อาตมาบรรยายธรรมะมาเกือบ 50 ปีแล้ว ก็พยายามแยกโลกเหล่านี้ วิจัยวิจารณ์อธิบายให้ชัดเจนให้รู้ได้จริงๆว่า มันคนละโลกกัน
จะใช้คำว่า ศิวิไล อาริยะ หรืออารยะ หรืออริยะ ก็เจริญ
เจริญในระดบโลกียะคือเป็นผู้ที่ไม่ทุจริตธรรมสุจริตทั้งมวลทำจะดี แต่ก็ดีสุดสูงสุดกับความสุขที่สุด สุขสุดกับดีสุด ไม่มีนิพพาน ไม่มีสูญ เป็นนิรันดรมีตัวตน ดี อันนี้โลกุตระ ศาสนาพระพุทธเจ้าก็เข้าใจธรรมด้วยเป็นสมมติสัจจะต้องให้ดีตามโลกเขาที่เขายอมรับนับถือ แต่พอดีไปครึ่งหนึ่ง ไปถึงโลกุตระที่ชัดเจนขึ้นมาแล้วก็กลายเป็นโลกียะไปหมดก็เลยกลายเป็นมีแต่โลกุตระ มันก็เลยเป็นลูกศรคนละขั้ว เขาก็งง เพราะฉะนั้นก็ค่อยๆอธิบายมา รับได้เขาก็รับ รับไม่ได้อาตมาก็จะพูดโลกุตระไปหาสูญ นี้บ่อยและเร็ว เดี๋ยวก็บอกว่ามาเป็นคนจนเดี๋ยวก็บอกว่ามาสูญแล้วอาตมาทำได้ด้วยนะ นอกจากทำได้แล้วทำให้สังคมกลุ่มมีพฤติกรรมวัฒนธรรมทำได้ด้วย วัฒนธรรมสังคมศูนย์ มีหมดมิจฉาอาชีวะ 5 นี่เป็นโลกโลกุตระ
มิจฉาชีพ 5 ข้อ
-
การโกง ทุจริต คอร์รัปชั่น (กุหนา) มีในงานการเมือง
-
การล่อลวง หลอกลวง (ลปนา) ในนักธุรกิจ-การเมือง
-
การตลบตะแลง (เนมิตตกตา) ยังเสี่ยง-ยังไม่แน่แท้
-
การยอมมอบตนในทางผิด อยู่คณะผิด (นิปเปสิกตา)
-
การเอาลาภแลกลาภ (ลาเภนะ ลาภัง นิชิคิงสนตา)
(พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 275 มหาจัตตารีสกสูตร)
กุหนา ยกตัวอย่างธัมมชโยบอกว่าเอามาทำบุญให้หมดตัว จนคนฆ่าตัวตายไปเท่าไหร่แล้วยังไม่เอามาเปิดเผยบอกให้ปิดบัญชี คนก็เลยย่ำแย่ กว่าจะสะสมอีกต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเท่าไหร่
พวกนี้ไม่มีสูญเอาสวรรค์เเครื่องล่อ โลกหน้าของพระพุทธเจ้าไม่ใช่โลกของคนโลกียะ โลกียะนั้นมีโลกหน้า โลกหน้าของโลกุตระนั้นไม่มีผู้เป็นโรคของนิโรธ ดับเหตุของโรคด้วย
โลกที่มีอยู่ เป็นโลกสมุทัยคือยังมีอยู่ ตั้งแต่มีเหตุคืออบายภูมิ ก็ต้องวนเวียนในอบายภูมิ คือโลกที่ทุจริต ขี้โกงทำชั่ว และโลกที่ติด โลกที่ต่ำที่สุดคือโลกทุจริง1แล้วเข้าใจผิดว่าโลกทุจริตน่าได้น่ามีน่าเป็น เขารู้สึกอย่างนั้นเลย เขาทุจริตแล้วรวย มีอำนาจ ได้อะไรตามประสงค์ เป็นอำนาจยิ่งใหญ่เลย อย่างที่เขาพยายามพากเพียรจะเป็นเจ้าโลกให้ได้อย่างเช่นโดนัลด์ ทรัมป์ qqqq
ซึ่งแรงกว่าคิมจองอึน เพราะโดนัลด์ ทรัมป์ เล่นสายเปิดทุนนิยม ส่วนคิมจองอึน ใช้อำนาจลด ไม่เอากับทุนนิยม เป็นเผด็จการ 100% เพราะฉะนั้นจึงอยู่ได้ ต้องบังคับให้จน เพราะฉะนั้น ประเทศเขาก็เลยยากจน เป็นลัทธิบังคับที่สุดตีกรอบที่สุด ใช้การบังคับสูงสุด ก็แล้วแต่เกาหลีเหนือกับประเทศอื่นๆที่เขาเปลี่ยนแปลงแล้วเพราะรู้แล้วอยากจะแก้ไขปรับปรุง หรือเลือกส่วนดีไปใช้บ้างก็มีดีชั่วสองอย่างนี้ในโลกียะ
ในโลกโลกียะทั้งหลาย ก็ศึกษาฝึกฝนปฏิบัติธรรมให้สังคมประเทศชาติอยู่กับดีชั่ว วนเวียน ไม่ออกมาจากความสุขความทุกข์ มีแต่ศาสนาพุทธศาสนาเดียวที่มารู้เรื่องความสุขความทุกข์แล้วดับความสุขความทุกข์หมดเป็นนิพพาน เลิกเป็นชีวะที่จะเป็นอัตภาพอยู่ในโลก
สายที่ไม่สัมมาทิฏฐิเขาจะมี 2 สภาพ คือมีรูปนามแยกกันไม่ออก แล้ว เขาจะติดอยู่ที่สุข ชาวพุทธที่ยังแสวงหาความสุขอยู่ ชาวพุทธคนนั้นยังไม่ใช่ชาวพุทธที่แท้ ชาวพุทธที่แท้หมดความสุขความทุกข์ จะต้องเข้าใจความสุขความทุกข์เกิดในจิตคือเวทนา จุดที่จะต้องศึกษาคือเวทนาเท่านั้นของศาสนาพุทธ เป็นสุดยอดหัวใจของศาสนาพุทธ ศึกษาจนกระทั่งรู้อาการความสุขความทุกข์แล้วลดเหตุที่ทำให้เราไปหลงติดความสุขความทุกข์ ความสุขความทุกข์แยกกันไม่ได้มันเป็นคู่หูที่แยกกันไม่ได้
ก็ต้องดับเหตุที่ทำให้เกิดสุขก็ตามทุกข์ก็ตาม พระพุทธเจ้าฉลาดที่ให้คนได้เรียนรู้ที่ความทุกข์เพราะคนไม่ชอบก็ต้องดับเหตุของความทุกข์ ดับเหตุของความทุกข์หมดมันก็หมดความสุขไปด้วยเพราะมันเป็นคู่หูกัน เมื่อดับแห่งทุกข์ความสุขก็หมดไปด้วย อทุกขมสุข เป็นฐานพื้นที่ตั้งของศาสนาพุทธจึงอยู่ที่ความไม่สุขไม่ทุกข์เรียกภาษาว่าอุเบกขา ทำจิตให้ไม่มีความสุขความทุกข์ไม่มีความสุขตรงไปทางกาม ทางอัตตา ตามธัมมจักกัปปวัตตนสูตรที่เป็นพระสูตรแรก
ต้องชัดเจนอาการลิงคนิมิตอุเทสของเวทนาแล้ว เพิ่งรู้เวทนา 108 แยกเนกขัมมะ กับเคหสิตะ เข้าใจแล้วเรียนทีละคู่ จิตไปกระทบสัมผัสทางตา ก็เรียนรูป นาม หรือสัตว์หรือวิญญาณที่เกิดทางตา ที่มีเวทนาติดสุขติดทุกข์ บ้างออกไป ก็จะได้ผลอันนี้ แล้วเรียนรู้เหตุปัจจัยอื่นๆให้หมดความสุขความทุกข์ ทำไปเป็น 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เป็นร้อยเป็นพันเป็นแสนคนก็สมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าคุณติดอยู่แค่แสนก็ทำแสนอัน คุณก็เป็นพระอรหันต์ แต่จริงๆแล้วถ้ามีปฏิภาณปัญญามันไม่ถึงแสนหรอก มันจะมีปฏิภาณปัญญาเห็นตัวที่ล้อเลียนกัน พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ย่อลงไปแล้ว จัดการกามโลกที่หมุนเวียนกับภายนอกเบื้องต้น
คุณไม่มีเบื้องต้นก็ไม่มีเบื้องกลาง ปลาย คุณจะปลูกต้นไม้เอากลางต้นไปปลูก คุณจะปลูกได้อย่างไรก็ต้องเอาต้นลงที่พื้นดิน ก็ต้องหาต้นที่มีรากมีตอมาปลูก หากต้นที่เอายอดมาเสียบปลูกได้ ต้นปลูกได้ก็แล้วไป จะใช้ยอดมาปลูกก็ต้องปลูกที่ต้น เป็นลำดับแล้วจะดี ลัทธิที่ไม่มีต้นกลางปลาย คำว่ากามก็ดีเป็นเบื้องต้น
คนที่หลับตาปฏิบัติเป็นพวกที่เอาปลายมาปฏิบัติก่อนจะเอาสุดยอดเลย ลัดเลย พวกนี้จึงไกลจากวิเวกมาก
ไกลคือมันไม่ใกล้เลย ทูเร วิเวกา มันไกลคือ มันไม่ใช่ใกล้ ไกลแสนไกล
คำว่า ไกลจากวิเวก มีความว่า นรชนนั้นใด เป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำอย่างนี้ อันกิเลสมากปิดบังไว้อย่างนี้ หยั่งลงในที่หลงอย่างนี้ นรชนนั้นย่อมอยู่ไกลแม้จากกายวิเวก ย่อมอยู่ไกลแม้จากจิตตวิเวก ย่อมอยู่ไกลแม้จากอุปธิวิเวก คืออยู่ในที่ห่างไกลแสนไกล มิใช่ใกล้มิใช่ใกล้ชิด มิใช่เคียง มิใช่ใกล้เคียง. คำว่า อย่างนั้น คือ ผู้หยั่งลงในที่หลง ชนิดนั้นเช่นนั้น ดำรงอยู่ดังนั้น แบบนั้น เหมือนเช่นนั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นรชนเช่นนั้นย่อมอยู่ไกลจากวิเวก.
พวกหลับตาไม่มีทางปฏิบัติที่จะไปสู่วิเวก เพราะไม่เข้าใจคำว่ากายวิเวก ตื้นแค่เอาร่างกายตัวตนทั้งร่างออกไปปลีกไป ปลีกแยกไป ออกไปจาก
คำว่าวิเวก กับเนกขัมมะเป็นไวยพจน์ ออกไปจากกายไม่ได้ก็เอาตัวเขาไปป่าเขาถ้ำป่าช้า ไปเดินผู้เดียวอยู่ผู้เดียว นั่นเขาว่าเขาวิเวกกาย พระพุทธเจ้าไม่ได้เน้นที่ร่างเลยสำหรับคำว่ากาย ก็ไกลจากวิเวกเลย เขาไม่รู้จักวิเวกแท้จริง
กายวิเวกไม่ต้องไปเอาร่างกายออกป่าเขาถ้ำ ก็ปฏิบัติกับสิ่งภายนอกที่ไปติดยึดเกาะเกี่ยวคุณสัมผัสอยู่แต่คุณก็มีจิตที่หลุดพ้นเหนืออยู่ไม่ได้หนีไปไหน
ไม่ได้ไปไหนแต่ทำจิตให้เป็นจิตใจที่ไม่มีเพื่อนสองอยู่แต่ผู้เดียว มันไม่มีพยัญชนะจะเรียก เมื่อกี้นี้ก็บอกว่าอยู่ผู้เดียวบิณฑบาตผู้เดียวแต่ไปโทษว่าอยู่ผู้เดียวไม่ถูก แต่นี่บอกว่ามีจิตที่เป็นผู้เดียวไม่มีเพื่อน 2 แต่คำว่าผู้เดียวอันนี้ไม่ต้องเอากายไปบิณฑบาตคนเดียว จะอยู่กับใครคนอื่นได้อยู่กับการบิณฑบาตกับหมู่ก็ได้แต่จิตไม่มีกิเลสไม่มีเพื่อนสอง
การที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้แยกกายแยกจิตตั้งแต่เริ่มมาบวช ก็ต้องเรียนเพื่อให้ถึงนิพพาน ท่านก็ให้แยกกายแยกจิตเป็นอันแรกเลย การแยกกายแยกจิตผู้รู้อุปัชฌาย์ต้องให้กรรมฐานให้แยกรู้ว่าอะไรที่เป็นกายอะไรไม่เป็นกาย
ต้องแยกเลย อะไรไม่เป็นกายเลยแม้แต่พีชะก็ไม่ใช่ แม้จะติดกับชีวะ แต่มันไม่ใช่กายเราแล้วเป็นพีชะก็ต้องรู้อีก เพราะฉะนั้นก็มีความทุกข์ความสุขอยู่ที่จิตเท่านั้น จึงแคบเข้าจะศึกษาทุกข์สุขก็ต้องศึกษาที่จิต หากไม่สุขไม่ทุกข์ก็เป็นพีชะ แต่เป็นจิตนะ
การศึกษาให้ถึงนิพพานต้องรู้การแยกกายแยกจิตนี้ เคยมาบวชพระพุทธเจ้าท่านให้อุปัชฌาย์สอนให้รู้จักการแยกกายแยกจิตให้รู้จักนิยาม 5 หากอุปัชฌาย์ไม่มีความรู้เรื่องนิยาม 5 อุปัชฌาย์นั้นเป็นอุปัชฌาย์เป็ดอุปัชฌาย์เต่าไข่ทิ้งเลย
คนมาว่าอาตมา โพธิรักษ์บวชไม่ถึง 10 พรรษาตั้งตัวเองเป็นอุปัชฌาย์ อาตมาว่าอาตมาเป็นอุปัชฌาย์ที่จะสอนลูกศิษย์ให้รู้จักนิยาม 5 อุตุนิยาม พีชะนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ตัวอาตมาเป็นอุปัชฌาย์แท้ แต่ทั่วไปเขาจะสอนให้ลูกศิษย์แยกกายแยกจิตได้อย่างสมาธิได้หรือไม่ …เขาสอนเป็นเพียงพิธีการเท่านั้น หรือสอนให้เป็นแค่โลกียธรรม เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปอันเป็นสามัญไม่ใช่แบบโลกุตระ
ต้องเรียนรู้ขณะเป็นๆ ขณะนี้คุณผัสสะกับสิ่งนี้แล้ว เรื่องนี้เป็นสิ่งชั้นต่ำ เป็นการพนันสิ่งเสพติด ไปกินหมาก สูบบุหรี่ ก็แค่นี้คนก็รู้ว่าเป็นสิ่งเสพติดเป็นของตื้นแต่เขาก็ไม่รู้กันเลยคนยังติดหมากบอกว่าเป็นพระอรหันต์ มันเลยแย่เลย ขณะนี้สามัญ ก็รู้ ขนาดกินไม่หยุดปากก็ไม่รู้ว่าตัวเองเสพติดอยู่ แค่รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสก็ยังไม่รู้จัก แล้วไปหลงกันว่าเป็นพระอรหันต์จะไม่ให้อาตมาถล่มได้อย่างไร เพราะเขาเข้าใจผิดกันจริงๆจะไปงมงายขนาดนั้น
สมณะเดินดิน…ก็ต้องเห็นใจเขา แค่คำที่พ่อท่านสอนว่า ประโยชน์ตนประโยชน์ท่านเป็นอันเดียวกันอาจจะมาก็คิดว่าเป็นคนละอย่างกันก็เป็นการยึดถือคนละอย่าง พ่อครูก็อธิบายว่าประโยชน์ตนคือการลดละกิเลสเมื่อกิเลสตัวเองน้อยลงก็ช่วยคนอื่นได้มากมันก็เป็นอันเดียวกันแต่เราเข้าใจแค่เพียงภาษา ก็ยึดภาษา
พ่อครูว่า…ความจนนี้เป็นเศรษฐศาสตร์ เป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่ คนที่ทำพฤติกรรมของตัวเองให้เป็นคนมากน้อยไม่สะสม เป็นคนวิริยารัมภะ ขยันพากเพียร จิตใจเป็นคนยินดีในความน้อย น้อยก็พอ สันตุฏฐิ เป็นคนมีชีวิตเรียบง่ายสบายเป็นคนเจริญ สุโปสะ สุภระ ขัดเกลาแต่ตัวเองเป็นคนที่มีอาการน่าเลื่อมใส ปาสาทิกะ อย่างอาตมาเป็นคนที่มีกายกรรมวจีกรรมเป็นคนน่าเลื่อมใสเขาก็หาว่าอาตมาอีก ว่าอาตมาพูดแรง แต่แรงขนาดนี้ยังไม่เข้าเลย จะให้อาตมาทำอย่างไร เดี๋ยวก็รำคาญอาตมา ต้องเอาให้จริงเปรี้ยงๆให้ตาเขียวใส่อาตมาเลย อาตมาจะยิ้มหวานใส่ เดี๋ยวจะหาว่ายั่วอีก
มาเข้าสู่ จุดสำคัญ ศีล สมาธิ ปัญญา
ผู้ที่ปฏิบัติศีลสมาธิปัญญา คิดถึงเริ่มต้นด้วยทานศีลภาวนา เป็นเบื้องต้นกว่ารวมมากกว่าศีลสมาธิปัญญา ทานศีลภาวนา
ภาวนาคือการเกิดผลแต่เดี๋ยวนี้ผิดเพี้ยนไปแปลว่าการปฏิบัติ ภาวนานี้มันเป็นผลไม่ใช่เหตุแค่นี้ก็ผิดกันแล้ว ไปสวดมนต์ภาวนากันเป็นต้น มันได้ผิดเพี้ยนไปไกลๆเลย ภาวนาคือการเกิด
ศีลสมาธิปัญญามันเจาะลึกเข้าไปสู่ทานศีลภาวนา
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในสัมมาทิฏฐิ
ข้อที่ 1 คือทาน ข้อ 2 คือศีล ข้อ 3 คือการเกิดผล คือภาวนา สามข้อนี้เป็นหลัก
คนก็อธิบายกันไม่ได้ก็เลยแปลตามพยัญชนะโบราณ
ข้อที่ 1 ก็บอกว่า
เป็นส่วนแห่งบุญ(ปุญญภาคิยา) ให้ผลวิบากแก่ขันธ์(อุปธิเวปักกา).
-
ทานที่ให้แล้ว มีผล(ให้กิเลสลด) (อัตถิ . ทินนัง) เป็น Past perfect tense สมบูรณ์กิริยา ทานที่ให้แล้วแต่คุณทานเสร็จแล้วไม่มีผลไม่มีอานิสงส์ในการปฏิบัติ ทุกวันนี้ เพราะทานไม่รู้จักการทำจิตในจิตหรือทำใจในใจ คุณทำใจในใจไม่เป็น
ทาน คือ กายให้ วาจาให้ สละออกไป ใจก็ให้ นี่คือทานตรงถูกต้อง วัตถุสมบัติคุณก็ให้วาจาคุณก็ให้ จิตใจคุณก็ให้จบ ไม่มีอะไรไปคิดนึกว่าเราจะต้องอะไรได้กลับมาตอบแทน ได้สวรรค์ได้ภพชาติหน้า ในสิ่งที่เราทานจะได้สร้างเป็นสวรรค์เฟส 1 เฟส 2 เฟส 3 เฟส 4 อย่างที่ธัมมชโยหลอกมนุษย์ไว้ ซึ่งค้านแย้งกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรง หรือแม้แต่ทุกวันนี้สำนักต่างๆสอนการทำทานก็จะได้อาศัยในชาติหน้าๆๆ สอนกันอยู่อย่างนี้ มันก็เลยผิดหมดไม่ได้ผลจึงเรียกว่าไม่ได้ผล นัตถิทินนัง สอนการทำทานทำจิตในจิตไม่เกิดผลอะไรนี่คือข้อที่ 1 ของศาสนาพุทธ ก็สำนักไหนวัดไหนที่ไหนๆก็สอน,.อย่างนี้ อิมินาสักกาเรนะ ให้เกิดลาภยศสรรเสริญโลกียสุขอยู่ในนี้ทั้งนั้น การทำทานอย่างมีภพชาติ ยังมี สาเปกโข แล้วก็เพิ่มเป็นคลังบ่อหลุม สันนิธิเปกโข (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) แล้วก็สั่งสมใส่เข้าไปอีก
มีปฏิพัทจิตโต จิตผูกพัน…
สมณะเดินดิน…วัดไหนก็สอนกันอย่างนี้ แต่ทำทานพระพุทธเจ้าสอนให้ลดความโลภ แต่ว่าวัดต่างๆก็สอนว่าจะได้อย่างนั้นอย่างนี้ แบ่งให้คนอื่นได้ด้วย ได้หมดทั้งตระกูลเลย ตายไปแล้วก็ได้
พ่อครูว่า..ทั้งที่พระพุทธเจ้าสอนว่ากรรมเป็นของตัวเอง
-
กัมมัสสโกมหิ (มีกรรมเป็นสมบัติแท้ของตน)
-
กัมมทายาโท (มีกรรมเป็นทายาทรับมรดกของตน)
-
กัมมโยนิ (มีกรรมเป็นแดนเกิด-หรือพากำเนิด)
-
กัมมพันธุ (มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์, พันธุ์เทพ,พันธุ์มาร)
-
กัมมปฏิสรโณ (มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยแท้ๆ)