621025_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ปฏิบัติวิชชาจรณะพาออกจากถ้ำ
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1psrNDZs3tjcQgO-dE_lM1kj4HOYKcV1vHfWsdiDhZdA/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1dY7fr_-xovTJuiOyoJ_Gpl3jT9H-2ogm
สมณะเดินดินว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก เราเข้าใกล้งานมหาปวารณา 5-10 พฤศจิกายน 2562 ปีนี้ ตั้งแต่ปีนี้จนถึงปีหน้าเป็นปีพิเศษเป็นปีที่พ่อครูได้ประกาศธรรมะมา 50 ปี เรียกภาษาอังกฤษว่า Golden Jubilee
มีคนช่วยคิดสัญลักษณ์ เห็นว่าท่านพุทธทาสแจกดวงตาธรรมะ พ่อครูก็แจกสุญญตา นับตั้งแต่งานปีนี้เป็นต้นไปก็เรียกว่าขึ้นสู่ 50 ปีของการประกาศโพธิกิจ จะเรียกว่า ฉลองกาญจนาโพธิกิจ ก็แปลไทยเป็นไทยอีกว่า “เฉลิมฉลองสู่แดนทองโพธิกิจ” Bodhigij Golden Jubilee” ตอนนี้เรากำลังเดินสู่เส้นทางการเฉลิมฉลอง
แล้วจะทำอะไร เราก็เร่ิมทำมาตั้งแต่น้ำท่วมทำมาเรื่อยๆ
พ่อครูว่า…SMSวันที่ 23ต.ค.2562(พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครู : บ้านราช)
_7163พ่อครูไม่น่าจะเสียเวลากับSMSเกิน30นาที ควรให้ความรู้ลูกๆที่อยู่ต่อหน้าสำคัญที่สุด…..
พ่อครูว่า…อ่าน sms ก็มีการประกอบเอาธรรมะเข้าไปทุกทีนะก็น่าจะชัดเจน ว่าธรรมะคืออะไร อธิบายธรรมะไปกลับมนุษยชาติได้ทุกอย่าง ไม่ใช่เอาแต่ภาษาในพระไตรปิฎกเท่านั้นมาพูดถึงจะเป็นธรรมะ
_อัฏฐพนธ์ จอมประพันธ์ • ขอกราบนมัสการในคุณความดีของพ่อครูครับ
_สมนึก ลายลักษ์SomnuekLailak • พ่อครูสมณะ เป็นผู้มีแต่ให้ใครที่หาเรื่องว่าพระโพธิสัตว์มันบาปจะพูดอะไรก็มาศึกษาก่อนที่จะว่าพ่อครู ขอให้คนที่ว่าพ่อครูนั้นดวงตาเห็นธรรมด้วยเทอญค่ะ
_ເກດມະນີ ສຸກສະຫວັນ • ຂໍອອກຄວມເຫັນຖ້າໃຜຍັງບໍ່ໄດ້ເຂົ້າມາສໍາພັດຊາວອາໂສກແລ້ວຢ່າຟ້າວເອົາຄວມຄຶດຕົວເອງແບບຟຸງຊ້ານເລີຍຂັານອ້ຍເປັນຄົນມີຄວາມຮູ້ໜອ່ຍເມື່ອໄດ້ມາສໍາພັດແລ້ວເຂົ້າໃຈເລີຍວ່າທີ່ນີ້ແລະແຈ່ມແຈ້ງແທ້ໜໍພໍ່ຄູນີ້ແລະເປັນຜູ້ເຂັນກົງລໍ້ທັມມະຈັກຢ່າງແທ້ເພາະຕົວຂະນ້ອຍເອງກໍ່ໄປຫຼົງລັບຕາ.4_ປີ
เกดมณี สุขสวรรค์ ขอออกความเห็น ถ้าใผยังบ่ได้เข้ามาสัมผัสชาวอโศกแล้ว อย่าฟ่าวเอาความคิดตัวเองแบบฟุ้งซ่านเลย ข้าน่อยเป็นคนความรู้น่อย เมื่อได้มาสัมผัสแล้ว เข้าใจเลยว่า ที่นี้แหละแจ่มแจ้งแท้ หน่อพ่อครูนี้แหละเป็นผู้เข็นกงล้อธรรมจักรแท้ เพราะตัวข้าน่อยเองก็ไปหลับตา 4 ปี
_ศรียาวงศ์ จันปุ่ม: ผมได้ติดตามอาจารเจ็ดแก้วเพื่อที่ไปหาอาจารรักษาสุขภาพที่ปัญหากับตัวเองครับเพื่อผมจะได้เลี้ยงแม่อายุ๘๗ปีแล้วครับท่านมีผมเป็นลูกคนเดียวครับผมต้องดูแลแม่ให้ถึงที่สุดชีวิตของผมครับ
_กฤติยาภัทร อินทสระKrittiyaphatIntasara :กราบนมัสการพ่อท่านค่ะ อยากไปฟังธรรมจากพ่อท่านที่บ้านราชสักครั้ง ตอนนี้ฟังอยู่ที่บ้านทุกวัน อยากไปนั่งฟังต่อหน้าพ่อท่านบ้าง ไปรับบรรยากาศการฟังที่บ้านราชบ้างค่ะ ปีหน้าไม่ทราบจะมีโอกาสได้ไปหรือเปล่าค่ะ / ฟังธรรมะพ่อท่านสนุกค่ะ ไม่เครียด พ่อท่านเทศน์สนุกอารมณ์ดี / หนูไม่ได้ไปบ้านราชแต่หนูก็ไปทะเลธรรมทุกเดือนค่ะ
_กุญแจ เงินทอง : ขอเมตตา อธิบาย กาย และวิเวก 3
_ไอต๊ะขัตตะ คิมินิ AitakattaKimini :สอบถามพ่อครูครับ กรณีเรายังทานเนื้อสัตว์แต่กินปัสสาวะจะรักษาโรคได้ไหมครับ หรือต้องงดเนื้อสัตว์แล้วกินปัสสาวะครับ
พ่อครูว่า…อาตมาเองเป็นลูกพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่าปัสสาวะเป็นยา ยาดองในน้ำมูตรเน่า อาตมาเชื่อตามพระพุทธเจ้าก็ดื่มไปอาตมาก็ดื่มอยู่ทุกวัน
อาตมาไม่รู้ว่าจะต้องงดหรือไม่ ตอนนี้สื่อสารมวลชนกำลังว่ากันเรื่องดื่มปัสสาวะ
ทางโลกการดื่มปัสสาวะ แม้แต่กระเซ็นถูกตัวนิดหน่อยเขาก็รังเกียจแล้ว เขาถือว่าเป็นของสกปรก จริงๆแล้วไม่ใช่น้ำสกปรก แต่คนมามีอุปาทานกัน อินเดียเขารู้ว่าดีมาแต่ก่อน คนไทยก็น่าจะรู้ว่าดี อาตมาก็ดึงเอามาให้ใช้อีก
ก็ขอตัดสินอย่างนี้ ใครจะยินดีที่เห็นดีเห็นงามก็ทำไปเถอะ แต่ไม่เห็นดีเห็นงามจะรังเกียจมันก็เป็นส่วนตัว เพราะคนเรามีความเห็นแตกต่างกันได้ ไม่น่าจะต้องมาทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน
_บัณฑิต ประทุม : ผมปฏิบัตตามพ่อท่านถึงไม่ค่อยเข้าใจมีท่านลานศิลปและท่านซาบซึ้ง และสิกขมาตุสัจฉิกตาเอามาย่อยพอเข้าใจบ้างครับให้ย่อยบ่อยๆจะใด้เข้าใจครับผมพ่อน้องเปรี้ยว.ม.5ร.ร. สัมมาสิกขา สันติอโศกครับ ชื่อจริงเมธาวลัยประทุม
_เชวง กิจจะบรรณ์:กราบนมัสการครับพ่อครูผมเข้าใจว่าพระอรหันต์อยู่ที่ไหนก็ได้ถ้ากายใจวิเวกจากกิเลสตัณหา
พ่อครูว่า…ก็ใช่ วิเวกก็มีวิเวก 3 มีอมตะมีนิพพาน เช่นอุปธิวิเวก
อุปธิคือกิเลส ท่านให้เรียนรู้ขันธ์ 5 มีความรู้อภิสังขาร สามารถล้างและจัดการกิเลสได้ ก็เป็นอุปธิวิเวก ล้างกิเลสได้หมดก็เป็นนิพพานเป็นอมตะ
ศาสนาพุทธทุกคนนี้เป็นศาสนาที่ยังอยู่ในข้อง คุหยังสัตโต จะพูดสูตรนี้ไปอีกนาน ขยายแกะรายละเอียดต่อไปอีก
_ถึกไท ณ ห้วยขาแข้ง : น้อมกราบ อาริยชน ทุกฐานะ,พุทธในเอเซีย บกพร่องมาเป็นพันกว่าปี ท่านใดมาศึกษาทางนี้ มิใช่ง่าย
_ธีรภัทร ฟรีด้อมTeerapatFreedom :พ่อท่านแสดงคำว่าจนคำสั้นๆ นี้ชั่งลึกซึ้งเหลือเกิน
_จิตรา อัศวินChittraAswin :กราบ_/\_นมสก พ่อครู สมณสขม ที่เคารพยิ่ง พ่อท่านตอบผู้มีข้อขัดข้องใจ..อย่างได้ใจเจ้าค่ะ..เมื่อครั้งเกิดฟ้องร้องคดีสันติอโศก..ครั้งนั้นผลจบลงที่..’ชนะเป็นพระ แพ้เป็นสมณะ’..ธรรมะจัดสรรโดยแท้เทียว สาธุๆ
สังคมประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ
_ห้วยใหญ่ โมบาย HuayyaiMobile :ไปประท้วงได้แล้ว เขากำลังก่อม็อบ
พ่อครูว่า…อาตมาจะไปประท้วงก็ต้องมีปัญญาบอกตัวเองพอสมควร ตอนนี้อาตมาก็ใช้ปัญญาของตัวเองตรวจสอบอยู่ เพราะฉะนั้นคุณเห็นว่าไปประท้วงได้แล้วเขากำลังก่อม็อบก็เป็นของเขา เขามีกิเลสก่อม็อบไป ส่วนอาตมาไม่มีกิเลสจะไปก่อม๊อบทำไม เพราะว่าประเทศชาติขณะนี้ไม่เห็นจะต้องไปก่อม็อบอะไร ประเทศกำลังบริหารประเทศดีแล้ว
บ้านเมืองทุกวันนี้ของไทยสงบดีมาก จะมีเสียงเห่าบ้างก็เป็นเสียงธรรมชาติเป็นเสียงนกเสียงกา ก็เป็นธรรมดาธรรมชาติที่จะต้องมีเสียงนกเสียงกา ส่งเสียงร้องทักทายอย่างนั้นอย่างนี้มันก็จะมี มันเหมือนเสียงนกเสียงกาแต่ไม่มีผลอะไรหรอก และขอยืนยันว่าเขายิ่งร้องเขายิ่งเสีย ที่เขากำลังร้องแทนที่เขาจะได้ผลดีเขาจะได้ผลเสีย ก็เลยเห็นว่ายิ่งน่าสงสาร เมืองไทยการเมืองทุกวันนี้กำลังเรียบร้อยราบรื่นง่ายงามดีมาก ประชาธิปไตยจะต้องมีฝ่ายค้านทำหน้าที่คัดค้านก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ยิ่งจะเห็นว่าเขาคัดค้านกันอย่างเป็นเด็กๆ innocent ก็ทำไป แม้ว่าจะเรียนจบด็อกเตอร์ทางกฎหมายมาทางรัฐศาสตร์มาก็รวมหัวกัน แต่หลงในความหมายของคำว่าประชาธิปไตยตามแบบตะวันตก ตามแบบเทวนิยมตามแบบทุนนิยม เป็นประชาธิปไตยแบบนั้น
ซึ่งมันไม่ใช่ประชาธิปไตยของไทย ของไทยนี่แหละประชาธิปไตย คุณธนาธร ปิยบุตรฟังเข้าบ้างแล้วเอาไปตรวจสอบให้ดี จะได้มีภูมิปัญญารู้บ้างว่าประชาธิปไตยคืออะไรอย่างที่คุณทำนั้นเป็นเผด็จการ ตามใจข้าอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์เลย มันไม่ใช่ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยนั้นจะมีสัดส่วนการค้านแย้งอย่างได้สัดส่วน ทุกวันนี้ฝ่ายค้านเขาก็ชัดเจนอยู่ เขาก็ไม่ได้โวยวายเหมือนพวกคุณหรอก เขาก็ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านกันอย่างเรียบร้อยดี ดูลีลาเขาก็ทำหน้าที่ได้ดี ให้ได้เรียนรู้พฤติกรรมของแต่ละกลุ่มแต่ละพรรคการเมืองของความแตกต่าง มันมีอยู่ในนี้ มีบริบทของมันครบพร้อม รวมอยู่ในนั้น เห็นว่าคดีความกำลังจะถูกตัดสิน ในเดือนพฤศจิกายน เขาทำการเมืองแต่ฆ่าตัวเองในทางการเมือง
ตอนนี้เมืองไทย เป็นตัวอย่างของประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่อาตมาว่าเอาตามConcept ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นประชาธิปไตยที่สุดยอดเลย สุดยอดถึงขั้นประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้านี้ ผู้ที่เข้าใจแล้วจะเต็มใจทำงานให้แก่สังคมเพื่อประชาชนเพื่อส่วนรวม ทำงานฟรีให้แก่สังคม อย่างชาวอโศกพวกเรา ทำงานฟรีอยู่ในนี้ เป็นสาธารณโภคีเป็นประชาธิปไตยที่สุดยอด เพราะว่าสมาชิกของสังคมนี้เสียภาษีให้แก่รัฐ 100% นี่สุดยอดเลยนะ ซึ่งไม่มีประเทศไหนในโลกทำได้ แต่มีประเทศไทยทำได้ เราคนไทยชาวอโศกทำอยู่ทุกวันไม่ได้เสแสร้ง ทำอย่างลงตัวไม่ได้วุ่นวายเดือดร้อนลำบาก เป็นสาธารณโภคีที่ลงตัว ทุกวันนี้ชาวอโศกแต่ละชุมชนเป็นสาธารณโภคีที่ลงตัว เป็นสุดยอดคอมมูน คอมมิวนิสต์ก็สู้ไม่ได้ ประชาธิปไตยก็สุดยอด
จะเป็นประชาธิปไตยหรือว่าคอมมิวนิสต์ก็ต้องการรายได้เข้าส่วนกลางให้ได้มากที่สุด ของพวกเราสาธารณโภคีให้ส่วนกลางได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยในแต่ละคนแล้วมันจะไม่สุดยอดอย่างไรมันจบเลยเรียบร้อย มันลงตัวไม่ได้ขลุกขลัก ไม่ได้สะดุดไม่ได้เดือดร้อนวุ่นวายอะไรเลย ราบรื่นง่ายงาม ทุกคนก็อยู่ไปตามระบบวิธีการสังคม มีงานการหน้าที่กินอยู่หลับนอน จะเรียกว่าเศรษฐกิจ รัฐกิจ ก็สมบูรณ์แบบ
ชาวอโศกก็เป็นสังคมที่สมบูรณ์แบบ เป็นอยู่สุขสำราญเบิกบานใจ เรียบร้อยราบรื่นง่ายงาม แล้วแบบคนจน อันนี้ยิ่งใหญ่
_SMS วันที่ 24 ต.ค. 2562 (พุทธศาสนาตามภูมิ สมณะ สิกขมาตุ : บ้านราช)
_วิวหกวิวหก : ใครผิดทาง อานิสงส์ลดลง เพราะการผิดทางสร้างกรรมมากขึ้น และจะติดในฝัน ยาวๆๆๆ / ผู้ที่รู้มาก มักจะจบช้ากว่าใคร
_เปิ้ล อั้ม PLE UM : คำทุกคำที่พระพุทธสอนมันมาจากไหนหละ? ช่วยผมด้วยครับ
พ่อครูว่า…คำทุกคำที่พระพุทธเจ้าเอามาสอนนั้นมาจากความตรัสรู้เองโดยชอบของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ท่านศึกษาฝึกฝนเรียนรู้สั่งสม ใช้เวลากว่าจะได้เป็นเจ้าของธรรมะหรือธรรมสามี จึงเป็นของพระพุทธเจ้าเองไม่ได้มาจากไหน ที่เรียกว่าเป็นของพระพุทธเจ้าเองนี้ เพราะว่าพระพุทธเจ้าองค์ใดก็แล้วแต่ตั้งแต่องค์แรกองค์ก่อนมา ได้ค้นพบสัจธรรมแล้วนำมาสอนเกิดคำสอนขึ้น
สัจธรรมที่ท่านค้นพบคือความจริงสูงสุดที่นำมาปฏิบัติแล้วจะได้เป็นผู้ที่มีนิพพาน พ้นความทุกข์ความสุข เกินกว่าความดีความชั่ว ศาสนาพุทธนั้นเรื่องความดีแน่นอนอยู่แล้วต้องทำแต่เป็นโลกียะ ศาสนาพุทธนั้นสอนให้เรียนรู้ความสุขความทุกข์เป็นหลักอริยสัจ และสุดท้ายสามารถหมดความสุขความทุกข์ ดับทุกอย่างได้หมดแม้แต่อัตตาหรืออัตภาพที่คนในโลกเทวนิยมอัตตภาพหรืออาตมัน มีอยู่กับพระเจ้าตลอดนิรันดร เพราะไม่รู้จักอัตตาไม่รู้จักอาตมันความเป็นพระเจ้า
ส่วนศาสนาพุทธรู้จักความเป็นพระเจ้าดีและไม่ขึ้นอยู่กับพระเจ้า จะเรียกว่ากบฏต่อพระเจ้าก็ได้ สามารถเลือกอาตมันของตัวเองได้ พระเจ้าก็ไม่สามารถที่จะมาบังคับอะไรเราได้ ไม่กลับมาวนเวียนเป็นอาตมันหรือเป็นชีวะเป็นจิตนิยามตลอดไปได้อีก นี่คือสุดยอดแล้วหรือแม้แต่ จะมีชีวิตต่อไปเป็นพระอรหันต์ก็ไม่มีความสุขความทุกข์แล้วมีจิตที่เป็น พีชธาตุได้แล้ว เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณที่สมบูรณ์สูงสุด
อาตมาที่พูดไปไม่ใช่แค่รู้เฉยๆแต่รู้และทำได้ตามจริงอย่างนี้และพูดอย่างสบายใจอาตมามั่นใจที่พูดต่างๆนี้พูดด้วยความจริงที่เรารู้จริงไม่ได้ไปเอาคำพูดใครมาพูด
_ขออนุญาตเสนอความเห็นอย่างนี้ครับในการเทศนารายการพุทธศาสนาตามภูมิ จันทร์ พุธ ศุกร์ ไม่ควรใช้เวลากับ SMS เกิน 30 นาที อยากฟังหัวข้อธรรมะหมวดต่างๆที่พ่อครูจะได้สาธยาย ควรไม่ควรแล้วแต่พ่อครูจะพิจารณา
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะเดินดินว่า…ชาวอโศกมีความเป็นประชาธิปไตยมาก มีคนห่วงว่าชาวอโศกค่อนข้างจะยึดตัวบุคคลมากไป ก็จะเป็นปัญหากับสังคมบ้านเมือง ถ้ามาอยู่กับชาวอโศกจะรู้ว่าพ่อครูจะเป็นผู้นำเหมือนกัน แต่เป็นผู้นำที่บริหารแบบไม่ได้บริหารปกครองโดยไม่ได้ปกครอง ทุกวันนี้พ่อครูก็วางมือหมด จากการบริหาร เหลือแต่เพียงว่ามาทำงานเรื่องธรรมะ ส่วนการทำงานเป็นเรื่องของหมู่สงฆ์เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่จะพิจารณา ถ้าอยู่ใกล้กับพ่อครูจะรู้ว่าพ่อครูเป็นผู้ที่ว่าง่ายมาก
พ่อครูว่า…
คุหัฏฐกสุตตนิทเทสที่ 2
ว่าด้วยนรชนเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำคือกาย
[30] พระผู้มีพระภาคตรัสว่านรชนเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ เป็นผู้อันกิเลสมากปิดบังไว้แล้ว นรชนเมื่อตั้งอยู่ ก็หยั่งลงในที่หลง นรชนเช่นนั้น ย่อมอยู่ไกลจากวิเวก ก็เพราะกามทั้งหลายในโลก ไม่เป็นของอันนรชนละได้โดยง่าย.
พ่อครูว่า…คำว่าปิดบังไว้แล้วคืออภิชฌาวิสมโลภะ แต่คุณไปนั่งหลับตาปฏิบัติ คนอื่นไม่ได้รู้ด้วย ก็คือการปิดบังไว้แล้ว ทั้งกาย วาจา ใจ นรชนนั้นก็เลยหมักอยู่กับแบคทีเรียเชื้อโรคกิเลสแตกตัวมากมายเลย กิเลสคือเครื่องหมักดองในอาสวะของคุณมันแตกตัวขยายตัวน้ำหมักกิเลสของคุณเจริญมาก ก็หยั่งลงในที่หลง หัวจิ้มดิ่งในทางที่หลงๆๆๆๆๆ ไม่มีทางไปทางที่ถูกเลย
-
ผู้ที่คิดว่าการปฏิบัติธรรมต้องไปเข้าป่าก็ผิดแล้ว ก็ไกลจากวิเวก
-
แล้วก็ไปคิดว่าการนั่งในถ้ำหลับตาคือการฝึกปฏิบัติธรรมอีกก็ยิ่งผิด ไม่มีภายนอกเลย ก็ห่างไกลจากวิเวกไปอีก
กายวิเวกไม่จำเป็นต้องเอาร่างกายที่มีสัมผัส 6 นี้ออกไปจากผัสสะ
บันไดขั้นแรกก็ไม่มีแล้ว แต่คุณนึกว่าโดดเก่งโดดไปขั้นที่ 2 ที่ 3 เลย ขาถ่างเลย โดยสัจจะของพระพุทธเจ้าและคุณทำไม่ได้ แต่คุณก็จะดันทุรัง ฟังอาตมาให้ดีจะได้มาดันสุรังมาทางดี
เพราะกามทั้งหลายในโลก ไม่เป็นที่นรชนละไม่ได้โดยง่าย ท่านตีทิ้งเลย กาม คุณยังไม่ได้เริ่มต้นเรียนเลย ไม่ได้เริ่มบันไดขั้นต้น แต่ก็หอบร่างที่มีกิเลสมาก ปิดบังไว้แล้วก็หยั่งลงในที่หลง ก็โมฆบุรุษทั้งแท่งเลย ก็พูดฝากสายลมไป กับความมืด ว่าออกป่าก็ควรเลิกได้ หลับตาก็เลิกได้
ปฏิบัติธรรมสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้าไม่ใช่แบบ เดียรถีย์ พระพุทธเจ้าสอนมาผ่านไปสองพันห้าร้อยกว่าปีก็เลยเสื่อมกลายเป็นเหมือนก่อนยุคพระพุทธเจ้า
อาตมามารับงานยุคนี้ อาตมาว่ามันหนักกว่ายุคพระพุทธเจ้า ในยุคของพระพุทธเจ้า เป็นเดียรถีย์ที่หนักไปทางเทวนิยม แต่ยุคนี้มันมีอะไรอีกเยอะแยะ เช่นบริโภคนิยม อบายมุขนิยม ทุนนิยม ฟุ้งซ่านนิยม หนักกว่าของยุคพระพุทธเจ้า เพราะว่าค่านิยมของโลกสมัยนี้กับค่านิยมของสมัยพระพุทธเจ้าเขาไม่มีรสนิยมพิสดารอะไรมากมาย สังขารโลกยุคโน้นกับยุคนี้มันปรุงแต่งกันหนัก ยุคนี้หนักกว่าอาการยุคพระพุทธเจ้า
อาตมาจึงต้องซ้ำซากตลอดเวลา
สม.กล้า
ส.แสนดิน แหม่มพราวพุทธเล่าว่า…วันก่อนมีชาวศรีลังกาคนหนึ่งชื่อ Dr. Kalinga มาเยี่ยมชมพุทธสถานของเรา เขาได้รับมอบหมายจาก The International Buddhist Confederation (องค์กรชาวพุทธนานาชาติ)ให้ศึกษาว่าจะใช้สื่อสารอย่างไรในการเผยแพร่ศาสนาพุทธ + ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของศาสนาพุทธเปลี่ยนแปลง เพราะคนรุ่นใหม่มีความรู้สึกว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนางมงาย
และเหตุที่เขามาเยี่ยมสันติอโศกก็เพราะ เขาต้องการจะศึกษาตัวอย่างของชุมชนชาวพุทธสำหรับทศวรรษที่ 21
ตอนแรกเขาคิดว่าสันติอโศกคงจะเป็นชุมชนที่สงบและอยู่ห่างไกลเมือง แต่พอมาแล้วกลับกลายเป็นสังคมที่อยู่ร่วมกับคนเมือง มีทั้งธุรกิจและโรงเรียน ซึ่งเขามองว่า นี่คือชุมชนตามอุดมคติของเขาเลย เพราะการปฏิบัติธรรมไม่ใช่การปลีกวิเวกไปนั่งสมาธิอยู่ในป่า หรือการทำพิธีกรรม หรือไสยศาสตร์อย่างที่ชาวพุทธทุกวันนี้
แหม่มได้เปิด Asoke at a Glance ให้เขาชม เขาบอกว่าเดือนมีนาคมปีหน้าจะมีสมาชิกของ The International Buddhist Confederation จากหลายประเทศ ประมาณ 60 คน มาเยี่ยมสันติอโศก เขาอยากให้เปิดสารคดนี้ให้พวกนั้นดูเพราะ “อธิบายเกี่ยวกับสาธารณโภคีกับบุญนิยมได้ดีมาก”
นอกจากนี้เขายังขอสารคดีของเราเอาไปลงใน website ของเขาด้วย
พ่อครูว่า…อาตมาจึงต้องแก้ความเห็นนี้ที่บอกว่าพระปฏิบัติคือพระออกป่าและต้องนั่งหลับตาสมาธิ เรียกว่า 99.99% เลยนะ
1.กายวิเวกเขาเข้าใจว่าต้องหลีกไปอยู่ป่า 2.จิตวิเวกคือต้องทำสมาธินั่งหลับตา ที่จริงการปฏิบัติจิตวิเวกก็ไม่ต้องไปนั่งทำ แต่ทำทุกเวลาอานาปานสติทุกลมหายใจเข้าออก แม้ว่าทำอาชีพอยู่ ทำการงานทุกอย่างอยู่ คุณกำลังพูดอยู่ คุณกำลังคิดอยู่ ก็ทำจิต อ่าน ให้รู้จักเวทนาในเวทนาเป็นกรรมฐาน มันจะมีกายกับจิต เวทนาเป็นตัวกลาง
เวทนาเป็นเจตสิก ต้องเรียนรู้เวทนา เพราะความสุขความทุกข์หรือโลกุตระ มันอยู่ที่เวทนา ไม่มีเวทนานั้นไม่มีฐานแห่งการปฏิบัติ พรหมชาลสูตร ก็อาตมาได้เอามาอ่านขยายความ ท่านจะกระเตื้องไหมหนอ อาตมาย้ำแล้วย้ำอีก ว่า พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ ไม่ใช่อาตมาพูด
ล. 9 ข. [87] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์เหล่าใดมีทิฏฐิว่า นิพพานในปัจจุบัน ย่อมบัญญัติว่า นิพพานปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ด้วยเหตุ 5 ประการ เขาเหล่านั้นเว้นผัสสะแล้วจะรู้สึกได้ นั่นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
(พ่อครูไอ ตัดออกด้วย)
ส.เดินดินว่า…พวกเราอยู่ใกล้แม่น้ำมูลแล้วน่าจะเข้าใจมูลสูตรได้ดี หากไปเดินริมมูนสูดอากาศดีๆก็จะมีความยินดีได้
พ่อครูว่า…ใช่ ท่านเดินดินพูดไม่ผิดหรอก ก็ในมูลสูตรมีฉันทะ มีความยินดีเป็นมูล ถ้าการปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ คุณไม่มีตัวแรกจริงๆเลยของมูลสูตร คือไม่มีความยินดี
น้อยคนจริงๆจะมาศึกษาศาสนาพุทธอย่างยินดี คนที่เป็นคริสต์จะมาศึกษาศาสนาพุทธก็เพื่อความรู้เพิ่มเติม ความรู้ทางศาสนา เขาก็ศึกษาศาสนาพุทธรู้จักศาสนาพุทธดีบางคนก็กลายเป็นศาสตราจารย์เลย
เราเป็นชาวพุทธ เราคล้ายเป็นคนหลงเทิดทูนศาสนาพุทธ ศาสนาอื่นมาฟังก็จะรู้สึกว่าหลงตัวหลงตนยิ่งใหญ่อะไรต่างๆนานา อาตมาว่าเป็นธรรมชาติศาสนาคริสต์เขาก็หลงในพระเจ้าของเขา ว่ายิ่งใหญ่จริงๆมันเป็นสัจจะหนึ่งของความคิดเห็นที่จริงเท่านั้นเอง นอกจากคุณจะไม่ศรัทธาสิ่งนั้น คุณจะมีใจยินดี คุณจะมายินดีในศาสนาพุทธบ้าง ถ้าเขาเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดมีเหตุมีผลมีหลักฐานหาสัจจะจากความจริงอยู่ เขาจะย้ายจากศาสนาอื่นมาอยู่ศาสนาพุทธ ซึ่งก็มีให้เห็น
เรื่องเปลี่ยนศาสนา มันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็มีบ้าง คนศาสนาพุทธ ไปเข้าศาสนาอื่นก็มีเยอะแยะง่ายด้วย เพราะว่าศาสนาพุทธะอิสระเสรีภาพทุกอย่างแต่ก็เป็นไปไม่ว่ากัน ไม่มีคอกกั้น ให้อิสรเสรีภาพมากที่สุด
ศาสนาอิสลามดูเหมือนจะมีประชากรมากที่สุดนำหน้าศาสนาคริสต์ไปแล้วในโลกตอนนี้ ส่วนศาสนาพุทธมีจำนวนน้อยกว่า ยิ่งพุทธที่เป็นโลกุตระยิ่งมีน้อยใหญ่เลย เพราะว่ามันไม่ง่าย ตามที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้วว่า ผู้ที่จะเข้าสู่โลกุตรธรรมได้ เท่ากับเอาเล็บนี้จิกลงไปในดิน ได้ดินเข้ามานิดเดียว เทียบกับดินทั้งปฐพี มันน้อยกว่ากันมากเลย
อาตมามาเกิดยุคนี้เอาโลกุตรธรรมาประกาศอธิบายได้พวกคุณมาเท่านี้ก็โพธิรักษ์เอ๋ยทำไมมีกุศลขนาดนี้ มีคนมาสนใจมีคนมานั่งฟังเกิน 5 คน ทุกวัน แม้แต่อาตมาลืมตาขึ้นมาตอนเช้าเดี๋ยวก็มานั่งล้อมเกิน 5 คน นั่งเก้าอี้ก็พูดธรรมะไป อย่าว่าแต่ตอนตื่นเลยตอนนอนก็อยู่กับธรรมะ คือมันไม่รู้จะอยู่กับอะไร มันอยู่กับธรรมะมันก็สบายดีแล้วมันก็เจริญดีทบทวนธรรมะ อย่างนอนนี่ยิ่งสบายทบทวนธรรมะไป ตอนหลับก็หลับ ไม่หลับก็ทบทวนธรรมะไป ก็ได้รายละเอียดที่เคยลืมไป บางอย่างดึงขึ้นมาไม่ได้ก็ดึงขึ้นมาได้เอาออกมา อธิบายเอาไว้ แต่ก่อนอาตมาต้องลุกมาโน้ต เดี๋ยวนี้ก็ปล่อยมันจำได้ก็จำได้ จำไม่ได้ก็จำไม่ได้ บางอย่างที่ละเอียดลึกซึ้งมันก็หลุดง่าย แต่ไม่เป็นไรสักวันหนึ่งก็คงขึ้นมาได้มีเท่าไหร่ก็เท่านั้น
ที่พระพุทธเจ้าตรัสอันนี้แล้วก็มีเถรวาทะ ส่วนใหญ่จะเป็นของพระสารีบุตรอธิบายไว้ต่อเป็นข้อ 31 เป็นต้นไป
[31] คำว่า นรชนเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ เป็นผู้อันกิเลสมากปิดบังไว้แล้วมีความว่าทรงตรัสคำว่า เป็นผู้ข้องไว้ก่อน. ก็แต่ว่าถ้ำควรกล่าวก่อน กายเรียกว่า ถ้ำ. คำว่า กายก็ดี ถ้ำก็ดี ร่างกายก็ดี ร่างกายของตนก็ดี เรือก็ดี รถก็ดี ธงก็ดี จอมปลวกก็ดี รังก็ดี เมืองก็ดีกระท่อมก็ดี ฝีก็ดี หม้อก็ดี เหล่านี้เป็นชื่อของกาย.
พ่อครูว่า…คำว่าข้องเป็นคำกิริยาเสริมระหว่างคำว่า คุหะยัง(ถ้ำ) และคำว่า สัตโต(สัตว์) คือสัตว์ผู้ข้องอยู่กับถ้ำ
นรชนทุกวันนี้คือผู้ข้องทั้งนั้น แล้วข้องอยู่ในไหนก็คือคุหะยัง คือถ้ำ
คำว่ากายเรียกว่าถ้ำ จบเลยนะ ข้องนี้แปลว่าผู้ไม่หลุดพ้น เพราะอะไร เพราะมีกิเลสมาก ปิดบังไว้แล้ว แล้วก็ยัง ขออภัยแปลให้ชัดๆ หน้าด้านนั่งอยู่ได้ นั่งทับอยู่ตรงนั้นแหละ ตรงที่หลุมนรกของเน่าของหมักหมม ไม่พอ หยั่งลงในที่หลง ตัวจิตยังทิ้งดิ่งในที่เน่านี้อีก
นี่คือคำขยายคนที่ไกลจากวิเวก
ก็เพราะกามทั้งหลายในโลกไม่เป็นอันที่นรชนละได้โดยง่าย ก็เพราะคุณหนีจากกามมาก่อน ซึ่งมันล้างได้โดยง่ายที่ไหน มันไม่ง่าย บอกแล้วบันไดขั้นต้นคุณก็ยังไม่ได้เลย คุณปีนให้ขาฉีกก็ขึ้นไปไม่ได้คุณต้องไปตามลำดับอันน่าอัศจรรย์ เพราะฉะนั้นคุณทำผิดลำดับอันน่าอัศจรรย์นี้แล้วคุณก็เป็นโมฆะไปเลย
อาตมาเอาพระไตรปิฎกมาเปิดเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเป็นหลักเลย แต่เขาปฏิบัติอย่างเป็นลำดับขั้นตอนเละเทะไปใหญ่
หากอ่านทั้งหมดของสูตรนี้ จะพบว่าศาสนาพุทธทั้งหมดอยู่ในสูตรนี้
ต้องศึกษาให้เข้าถึงวิชชา 8 จรณะ 15 ให้สมบูรณ์แบบ ทำอย่างไร?
ก็ขอสรุปว่าที่ท่านอธิบายในคุหัฏฐกสุตตนิทเทสก็รวมวิชชาจะระณะสัมปันโน ไว้
ขอยืนยันว่าศีล สมาธิ ปัญญา หรือ นี่เป็นการศึกษา 3 ของศาสนาพุทธมีเท่านี้แหละ ศีล สมาธิ ปัญญา ไตรสิกขาก็คือจรณะ 15 วิชชา 8 ไม่มีอื่นเลย
เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดไม่เริ่มต้นด้วยศีล คุณก็ปฏิบัติผิดแล้วตั้งแต่ต้น เพราะว่าไม่ได้เริ่มที่บันไดขั้นที่ 1 คือศีล แล้วยิ่งคุณไปปฏิบัติ ยึด ปัณกปฏิปทาคือ ข้อปฏิบัติที่ผิดอีก 3 แต่ต้อง ปฏิบัติ อปัณกปฏิปทา 3 คือข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด เพราะคุณไปเข้าป่าหลับตาปฏิบัติไม่มีสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ไปหาอาจารย์ในป่าเก็บผลไม้ในป่ากิน ไม่มีสิ่งอุปโภคบริโภคที่มีในโลกนี้ทั่วไปแต่ไปอยู่ในป่ามีแต่ต้นหมากรากไม้เสือสิงห์ มันไม่มีเครื่องอุปโภคบริโภคที่จะประมาณโภชเนมัตตัญญุตา แล้วไปนั่งหลับตาปกติก็ไม่มีชาคริยานุโยคะ
ก็โมฆะตั้งแต่ศีล ไม่มีการปฏิบัติ อปัณกปฏิปทา 3 เลย ก็ไม่ได้ปฏิบัติจรณะ 15 ศรัทธาคุณก็มิจฉาศรัทธาไปเชื่อลัทธินอกรีต ลัทธิออกป่า ลัทธิไปนั่งหลับตา ลัทธิถือเทวนิยม ลัทธิจะเป็นได้ปฏิบัติแค่ทิฏฐิ 62 ได้แค่อดีตกับปัจจุบันจะไม่มีทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิเลย
คือต้องมีปัจจุบัน จึงจะมี ทิฏฐธรรมนิพพาน ไปทำที่ในอดีต อนาคตไม่ได้ ก็จะได้อย่างที่ท่านตรัสไว้ในพรหมชาลสูตร
คำว่าไม่มีปัจจุบันก็ยิ่งใหญ่มาก เพราะว่าอดีตไม่ใช่ความจริง อนาคตก็ยังไม่ใช่ความจริง ความจริงมีในปัจจุบันเท่านั้นสำหรับมนุษย์ คุณสัมผัสต้องมีเวทนาจริงๆ คุณไปนั่งหลับตาไม่มีเวทนาที่ไหนให้ปฏิบัติ ไม่มีผัสสะเวทนาก็ไม่เกิด
แค่ความรู้ที่ว่าไม่มีผัสสะไม่มีเวทนาให้ปฏิบัติหรือต้องปฏิบัติเวทนาเป็นฐานแห่งการปฏิบัติในพรหมชาลสูตร ท่านใช้คำว่าฐาน หรือฐานะ มันจึงหมดสิ้นไม่เหลือเลยศาสนาพุทธ
อาตมาก็มาให้สติแก่ผู้ที่หลงทิศทางเหลือเกิน
ก็มาเข้าสู่พวกเรา ที่มีสัมมาทิฏฐิแล้วไม่ออกป่าไม่หลับตาปฏิบัติ แต่ลืมตาปฏิบัติ
คำว่าปัญญาอีกคำหนึ่ง
ในมหาจัตตารีสกสูตร ข้อ 258 ท่านยืนยันว่า ปัญญาจะเกิดได้ต้องมีองค์ 6
ปัญญาปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ จะมีได้ ต้องมี ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ สัมมาทิฏฐิ มัคคังคะ
มัคคังคะ คือ ต้องมีมรรคมีองค์ 8 ปฏิบัติในขณะมีการงานอาชีพอยู่ ปฏิบัติได้ทุกกรรมกริยากัมมันตะ ปฏิบัติได้ขณะมีวาจา แม้แต่ในการขบคิด ก็ต้องขบคิดด้วย แต่การไปนั่งไม่ให้ขบคิด ทำไมถึงทำได้อย่างย้อนแย้งกับพระพุทธเจ้า
เมื่อทำมิจฉาทิฏฐิไปแล้วตั้งแต่ต้น ไปนั่งหลับตาเป็นมิจฉาทิฐิตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้าเป็นประธานในมรรคมีองค์ 8 องค์แห่งมรรค จะต้องมีสัมมาทิฏฐิที่เป็นประธานจึงจะปฏิบัติสัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา สัมมาสังกัปปะ ได้ หรือทำอาชีวะที่หยาบกว่าเพื่อน เลิกมิจฉาอาชีวะได้ก่อนเลย ในมหาจัตตารีสกสูตรท่านตรัสไว้ชัดเจน
มิจฉาอาชีวะ 5 เขาสอนกันที่ไหนในวงการศาสนาพุทธ ไม่สอน ไม่มี
มีพูดบ้างมิจฉาวาจาทั้ง 4 แต่มิจฉาอาชีวะ 5 เขาไม่ค่อยพูดกัน
-
การโกง ทุจริต คอร์รัปชั่น (กุหนา) มีในงานการเมือง .
-
การล่อลวง หลอกลวง (ลปนา) ในนักธุรกิจ-การเมือง .
-
การตลบตะแลง (เนมิตตกตา) ยังเสี่ยง-ยังไม่แน่แท้
-
การยอมมอบตนในทางผิด อยู่คณะผิด (นิปเปสิกตา)
-
การเอาลาภแลกลาภ (ลาเภนะ ลาภัง นิชิคิงสนตา)
(พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 275 มหาจัตตารีสกสูตร)
ตั้งแต่ลาภแลกลาภ อยู่ในวงการศาสนาพุทธเขาทำงานเอา ลาภแลกลาภทั้งนั้น มีรัฐบาลตั้งเงินเดือนให้พระด้วย เขาตั้งเงินเดือนให้พระเลย ตั้งแต่สังฆราชยันพระระดับล่าง มันไปกันใหญ่ นี่คือลาภแรกลาภ
พาชาติทั้งชาติ ร่วมมือกันทำลายละเมิดคำสอนพระพุทธเจ้าหมด การที่พระมีเงินเดือนนี้ เขาไปเรียกเลี่ยงว่า นิตยภัต ก็คือเงินเดือนนั่นแหละ ซึ่งมันเสื่อมจนไม่รู้จะว่าอย่างไร
แม้แต่ไม่ได้รับเงินเดือน พระที่ไม่ได้รับเงินเดือนก็มีก็เป็นพระลูกวัดเป็นพระชาวบ้านไปไม่ได้บริหาร ไม่ได้รับเงินเดือน แต่ก็ทำงาน เอาลาภแลกลาภ เช่นการเทศน์ก็รับเงินค่ากัณฑ์เทศน์ ไปกิจนิมนต์ไปสวดก็ได้ซอง ให้น้อยก็ว่าเจ้าภาพอีก คือยังยินดีในรายได้ในสิ่วดงแเปลี่ยน ไม่พ้นลาเภนลาภังนิชิคิงสนตา เป็นมิจฉาอาชีวะ
พวกเราอย่าว่าแต่สมณะเลย แม้แต่ฆราวาสเรายังทำงานไม่เอาลาภแลกลาภทำงานฟรี อยู่กันอย่างสบาย มาอยู่ในชุมชนชาวอโศกต้องทำงานฟรีกันทั้งนั้น ซึ่งรู้กันเป็นวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นชุมชนเล็กหรือใหญ่มาอยู่ในนี้ทำงานไม่ได้รายได้ให้หรอกทำงานเอาผลผลิตรายได้เข้ากองกลางหมด เราทำได้ตรงตามคำสอนศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้า ข้อสูงสุด
นิปเปสิกตา แปลว่ามอบตนในทางผิด ก็คือ แม้อย่างพวกคุณนี่ มาอยู่ที่นี่ก็ทำงานฟรี เสร็จแล้วก็ออกมาทำงานข้างนอก นั่นแหละนิปเปสิกตา ไปรับใช้ ยิ่งพวกเลอะเทะไปหาพวกอบาย มิจฉาวณิชชา ก็เป็นการมอบตนในทางที่ผิด คุณสะอาดได้แต่คุณเองยังไม่แข็งแรงพอ จะต้องไปพึ่งพาอาชีพ ที่ยังไปมอบตัวในทางที่ผิด
นอกจากคุณเอา ลาภแลกลาภ คุณก็ยังไปส่งเสริมที่เขาปฏิบัติไปเชื่อทุนนิยมบางทีเป็นอบายมุขด้วย อย่างนี้เป็นต้น
อันที่ 3 เนมิตกตา ท่านแปลเป็นไทยว่า ตลบแตลงคือยังไม่แน่ไม่นอนยังเสี่ยงอยู่ ก็คือผู้ที่เริ่มต้นปฏิบัติให้เกิดความมั่นคงให้เกิดความแน่นอน ให้เกิดความเที่ยงแท้ โดยปฏิบัติตามธรรมะพระพุทธเจ้า แต่คนปฏิบัติไม่ถูกปฏิบัติไม่เข้าใจ เช่นปฏิบัติ มีศีล แล้วปฏิบัติศีลสมาธิปัญญาให้เกิดวิมุติ แต่ทุกวันนี้ปฏิบัติศีลสมาธิปัญญาไม่ได้เกิดวิมุต เพราะไม่ได้เกิดการปฏิบัติศีลสมาธิที่สัมมาทิฏฐิ ปัญญาจึงไม่เกิด อธิปัญญาไม่เกิด
การถือศีลก็ปฏิบัติตามจารีตประเพณี ไปเข้าวัดไปรับศีล พระก็ถือว่าตัวเองมีศีล ก็มะยังภันเต ศีล 8 ศีล 5 ไปตามจารีตประเพณี ไม่เข้าใจว่าปฏิบัติศีลจะต้องมีการสัมผัสทั้ง 6 มีการสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6โภชนมัตตัญญุตามีชาคริยานุโยคะ การปฏิบัติที่ไม่ผิด 3 ข้อ
ไปนั่งหลับตาก็ไม่ใช่การปฏิบัติที่ไม่ผิด 3 ข้อนี้ อปัณกปฏิปทา เขาไม่ได้เน้นเรื่องนี้เลย ให้มีสัมผัสเป็นปัจจัย มีศีล มีการประมาณในการอุปโภคบริโภค อ่านกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม
ถ้าคุณเข้าใจกายกับจิต แยกกายกับจิตได้อย่างลึกซึ้งแล้วทำใจในใจของคุณได้ลึกซึ้ง ทำได้เป็นมรรคผลเลย คุณแยกกายในกายแยกจิตในจิต หรือแยกกายแยกจิต สามารถที่จะไม่ให้จิตมันเกิดในกาย
ในกายทำใจในใจ(มนสิการ)ให้จิตของคุณเป็นพีชธาตุ มีธาตุจิตรู้คุมเป็นโลกุตระเลยให้จิตมันมีอภิสังขารปรุงแต่งอยู่อย่างพีชะ ถ้าจิตของคุณทำให้เกิดพีชธาตุได้ถาวรเลยคุณเป็นพระอรหันต์ เป็นธาตุอุเบกขา ยิ่งปฏิบัติฌาน 4 ได้อย่างโดยไม่ยากไม่ลำบากเลยนั่นแหละคุณบรรลุพระอรหันต์
อาตมาเคยเป็นเถระในยุคนั้นมาในยุคนี้เป็นสยังอภิญญา อาตมาไม่ได้อุตริมนุสธรรมที่มีในตนขอยืนยันว่ามีในตนเอามายืนยันประกาศมาพูด ที่อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาเป็น
สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ)
มีหลักฐานคืออาตมาอธิบายสัมมาทิฏฐิ 10 นี้ได้และพาพวกคุณปฏิบัติตามสัมมาทิฐิด้วย สมาธิที่ได้มรรคผล
สัมมาทิฏฐิ 10 ที่เป็นส่วนแห่งบุญ(ปุญญภาคิยา) ให้ผลวิบากแก่ขันธ์(อุปธิเวปักกา).
-
ทานที่ให้แล้ว มีผล(ให้กิเลสลด) (อัตถิ . ทินนัง) . . . .
-
ยัญพิธี (พิธีการปฏิบัติ) ที่บูชาแล้ว มีผล (อัตถิ ยิฏฐัง)
-
สังเวย(เสวย)ที่บวงสรวงแล้ว มีผล (อัตถิ หุตัง)
-
ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้ว มีแน่ .
(อัตถิ สุกตทุกกฏานัง กัมมานัง ผลัง วิปาโก) . .
-
โลกนี้ มี (อัตถิ อยัง โลโก) หมายถึง วนในโลกีย์เดิมๆ . .
-
โลกหน้า มี (อัตถิ ปโร โลโก) หมายถึง โลกโลกุตระ .
-
มารดา มี (อัตถิ มาตา) . . .
-
บิดา มี (อัตถิ ปิตา) . .
-
สัตว์ที่ผุดเกิดอุปปัติเอง มี (อัตถิ สัตตา โอปปาติกา) . . .
-
สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ) . . . . .