621028_รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 77
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1Ws3l7OfFLiC1qwn1Ix7gLUROIFVYCHxS849-xYUh0qE/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=11hpPe9uIis3YyVDYflCS9GS0YeqdGxt1
พ่อครูว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562 ที่บวรราชธานีอโศก วันเวลาก็เวียนวนไป ธรรมชาติธรรมดาเขาก็แก่ไปๆ แต่เราไม่แก่เพราะเราแก่ไม่ทัน แต่ละวัน เดี๋ยววันๆ หมดวันแล้วหรือ วันก็วิ่งเดินไป แต่ตัวเราไม่ถึงวันสักที
_SMSวันที่ 26ต.ค.2562(วิถีอาริยธรรม พ่อครู : บ้านราช)
_9454นมัสการค่ะ ดิฉันแพ้สารเคมีที่อยู่ในสบู่และแชมพูทั่วไปพอดีดูรายการดินอุ้มดาวจึงทราบว่าทางร้านพลังบุญได้ผลิตแชมพูที่เป็นธรรมชาติ100%ไร้สารเคมี ถ้าสนใจสามารถติดต่อได้ช่องทางไหนบ้างค่ะอยู่ภาคใต้ค่ะ
พ่อครูว่า…อาตมาจะบอกเบอร์ติดต่อฝ่ายขายพลังบุญให้
บริษัทพลังบุญ กทม.ฝ่ายขาย 084-1457323
_จักจั่นทิพย์ สว่างล้ำJakkajanthipSawanglaum:โคราช เสียงทางนี้ฟังชัดเจน ไม่มีสดุดเลยค่ะ
_View 6 view 6 :ทุกอย่างจะได้ โดยศิล ไม่จำเป้นจะต้องรู้ก็ได้ แต่ศิลจะต้องดี และฟังบ่อยๆ ปัญญาจะมาเองเมื่อถึง สำคัญศิลพวกไม่รู้ แต่มีศิลเต็ม จะไวกว่าพวกที่รู้ เพราะนิพพานสุดท้าย จะต้องทิ้งความรู้
พ่อครูว่า…แต่ถ้าถือศีลพาซื่อเป็นสีลัพพตุปาทานก็ไม่ได้ แต่ต้องถือศีลอย่างมีอานิสงส์ เขาถือศีลเคร่งสีลัพพตุปาทาน หรือบางคนถือศีลมีสัมมาทิฐิแต่ไม่ได้ปฏิบัติก็เรียกว่า สีลัพพตปรามาส ลูบคลำเล่นหัวเหลาะแหละ
พยัญชนะ สีลัพพตุปาทานหรือสีลัพพตปรามาส มันเป็นสภาวะที่ว่าคุณอยู่ตรงไหนกันแน่ ไม่ใช่ว่าถือศีลก็ถือศีลไปอย่างนั้น บอกว่าพอถึงธรรมะมันจะขึ้นเอง ไม่มีรายละเอียดไม่มีปฏิสัมพัทธ์ของสารธรรมต่างๆ คุณต้องรู้ภาษาคำอื่นบ้าง คุณฟังแล้วไม่รู้เรื่อง จะได้อย่างไร มันเกี่ยวกันอย่างไรก็ต้องรู้บ้าง เพราะฉะนั้น หากพาซื่ออย่างที่คุณว่านี้ ศีลไม่ต้องไปรู้อะไรมีศีลให้แข็งแรงมีศีลให้เต็มจะไวกว่าพวกที่รู้ ว่างั้นอีก
ตกลงอาตมาไม่อธิบายต่อแล้วก็ขอสรุปไว้ว่าคุณมีแต่ตรรกะได้แต่ภาษา นี่ชัดที่สุดแล้ว คุณไม่มีสภาวะเลย แม้แต่สภาวะรู้ก็ไม่มี คุณถือว่าศีลเต็มแล้วอะไรอย่างอื่นตามมาหมด ยึดมั่นถือมั่นในศีล ศีล แต่ละข้อก็มีเหตุปัจจัยที่จะมีสภาวะต่างกันไป
ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ข้อ 2 เกี่ยวกับข้าวของกับพืช ศีลข้อ 3 เกี่ยวกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส แต่นี่คุณศีลแข็งอยู่อันเดียวไม่มีรายละเอียดเลยมันจะได้เรื่องอย่างไร ก็ให้ศึกษาให้ดีๆ
อรหันต์จะไม่มีฝันร้าย
_สมโชค สนธิแก้ว SomchokeSontikaew:กราบนมัสการพ่อท่าน สมณะ และสิขมาตุเรียนถามว่า ขณะนอนหลับ พระอรหันต์ฝันหรือไม่ครับ ถ้ามี ๆฝันร้ายบ้างหรือเปล่าครับ
พ่อครูว่า…ถ้ามีฝัน จะไม่มีฝันร้ายสำหรับพระอรหันต์
คำว่า ฝัน คืออะไร? ฝันคือเมื่อนอนหลับ มันจะมีภพภูมิภาพเรื่องลีลาของสิ่งที่เกิดมาจากความจำเรียกว่าสัญญา เป็นคลังความจำแต่ละชาติของเรามีเยอะ ถ้าตื่นขึ้นมามันมีสัมปชัญญะควบคุมก็เอาสิ่งที่เป็นปัจจุบันเป็นเรื่องหลัก แล้วเราก็ปรุงแต่งกับเรื่องนี้แต่เรื่องที่เป็นสัญญาอยู่ในคลังความจำมีเยอะแยะมันมีมากเลย มันก็ไม่ขึ้นมาเพราะเราใส่ใจอยู่แต่ข้างนอกของปัจจุบันอยู่แค่นั้น แต่พอปิดปัจจุบัน ธาตุรู้คุณมีอยู่ มันก็จะมีความจำโผล่ขึ้นมาเยอะ จนกระทั่งปนเป ไม่ได้ส่ำ ไม่รู้เรื่องว่าอะไรคืออะไร คนที่ไม่ปฏิบัติธรรมก็จะเละเทะ นอกจากเขาจะมีกิเลสแรงอยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็สร้างเรื่องไปตามใจตนเอง สุขบ้างทุกข์บ้างไปเละเทะตามเรื่องตามราว ซึ่งมันก็เป็นอำนาจของกิเลสซ้ำซ้อน เพราะฉะนั้นปุถุชน ความฝันคือเรื่องราวของความจำที่อยู่ในคลังความรู้ความจำเป็นธาตุรู้ที่ขึ้นมาทำงาน มันไม่มีของใหม่หรอก ตอนนอนหลับไปไม่มีของใหม่ มีแต่ของเก่าทั้งนั้นเลย หรือจะเป็นอันใหม่คุณก็ฟุ้งซ่านเอง คิดเองมีอะไรเองอยากจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไปในอนาคตซึ่งมันยังไม่ถึงคุณก็ฟุ้งซ่านคิดเพ้อเจ้อไป ก็ปรุงแต่งไป อนาคตจึงมีมากกว่าอดีต ที่พระพุทธเจ้าสรุปไว้ว่าอดีตมี 18 อนาคตก็มี 44
อาตมายังไม่เก่งพอจะขยายรายละเอียดให้คุณเข้าใจได้ดี ก็จะเสียเวลา ก็ยังไม่อยากเอามาขยาย เอาสิ่งปัจจุบันที่ลืมตามีกิเลสแล้วล้างหมดก็เป็นพระอรหันต์ แล้วก็จะพูดกันง่ายขึ้นตอนนี้มันยังยากเลยไม่อยากจะอธิบายเพิ่มเท่าไหร่
ภาพที่เกิดฝัน อรหันต์ภาพเหล่านี้ก็ไม่มีกิเลสปน แต่มันจะมีความทรงจำเก่าขึ้นมาต่างๆนานาเยอะเหมือนกัน ท่านเรียก ธาตุที่เกิดตอนฝันของพระอรหันต์ว่าคืนนี้นิมิต ให้รู้ว่านิมิตมันไม่มีกิเลสปนและไม่มีความเลวร้ายอะไร ไม่มีกิเลสตัณหาที่เป็นความต้องการอยู่ในใจมันมีความซ้ำซากบ้างมันมีใหม่บ้างที่คุณอยากให้มันเป็น ตัณหาคืออยากให้มันได้อยากให้มันเป็นแต่พระอรหันต์ท่านไม่มีแล้วไม่มีกิเลสตัณหา นิมิตกับฝันจึงต่างกันอย่างนี้
ฝันจึงมีเยอะแยะมากมายของคนที่ไม่ใช่พระอรหันต์ ส่วนพระอรหันต์ท่านมีจำกัดเรื่องราวก็ไม่มีมาก แล้วส่วนมากนิมิตของพระอรหันต์ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ แต่พระอรหันต์สายดับเขาก็จะนอนหลับเงียบเลยนิ่งไม่มีภาพไม่มีเรื่องอะไรเลย สายดับหรือสายเจโต
ส่วนสายปัญญาจะไม่ดับหรือดับไม่เก่ง นอกจากจะฝึกก็ได้แต่ไม่ฝึกก็ไม่ดับ แต่ไม่มีกิเลสทำให้คิดฟุ้งซ่าน เพราะฉะนั้นฝันจึงเป็นเนื้อหาที่ปรุงธรรมะ ที่พระพุทธเจ้าใช้บัญญัติเป็นปุคคลาธิษฐานว่าคุยกับเทวดา เทวดาตัวใหญ่เทวดาตัวเก่งเทวดาผู้ที่มีรังสีใหญ่ มาปรากฏคุยกันต่างๆนานาจึงมีเยอะแยะใช้ภาษาเรียกว่าเทวดาแต่ละชั้น อย่างเช่นพระพุทธเจ้าก็คุยกับเทวดาเหมือนกัน แล้วก็ได้เรื่องราวออกมา ได้ธรรมะออกมา
สรุปว่าพระอรหันต์ก็จะปรุงแต่งคุยกับเทวดาหรือเป็นธรรมะอยู่กับธรรมะส่วนใหญ่เลย อย่างอาตมานอนไปก็คุยกับเทวดาได้เรื่องราวหลายอย่างมา
_ป๊อกกี้ คามมาหาpockiekammaha: สัตว์ที่มีอวิชชาหนาแน่นยากที่จะเห็นและเข้าใจ ธรรมะสัจจะได้ ต้องตายมันจะเอาพลังสุดท้ายขยายพัน เช่นมะละกอ ลองฟันทิ้งดู
พ่อครูว่า…ต้องเรียนรู้พลังงานในระดับพืชในระดับสัตว์ในระดับจิตนิยาม ระดับจิตนิยามเป็นเรื่องของสัตว์ สัตว์ที่เจริญเป็นเวไนยสัตว์ สัตว์ที่เป็นโลกุตระบุคคล ถึงจะรู้แจ้งเรื่องกรรมกิริยาที่จะกระทำ ควบคุมกำจัดการกรรมได้ดีแล้วสั่งสมลงเป็นธรรมะที่ดี ที่ไม่ดีก็ทำการเลิกแล้วไปแล้วก็แล้วไป แล้วมันจะค่อยๆหมดฤทธิ์ไปส่วนธรรมะที่ดีก็สั่งสมไปสำหรับที่จะใช้งาน ถ้าเป็นโพธิสัตว์ก็จะมีธรรมะสะสมไป ส่วนธรรมะที่ไม่ดีก็จะทิ้งห่างไปเรื่อยๆก็จะไม่ออกฤทธิ์กับเรา จะเป็นพลังงานที่นำพาเราไปลิ่วๆ
วิบากเหมือนหมาล่าเนื้อ แม้วิบากจะเป็นอกุศลเราไม่สร้างอกุศลต่อสร้างแต่กุศล หมาไล่เนื้อไล่ไม่ทัน อัตราการก้าวหน้าของพระอาริยะ โดยเฉพาะพระอรหันต์ขึ้นไปมีแต่อัตราการก้าวหน้าแบบทับทวี วิบากเหมือนหมาไล่เนื้อก็จะวิ่งไล่ไม่ทัน
_หายโง่…แนะนำชาวต่างชาติ ชาวฟินแลนด์มา 3 ท่าน เป็น Professor
พ่อครูว่า…พวกเราอยู่อย่างสนิทเนียน harmony จะมีสิ่งที่ไหลซึมซับกันอย่างสนิทเนียนเรียกว่า osmosis อันนี้แหละไม่ค่อยรู้กันได้ง่ายว่าพวกเรามีได้ แม้แต่เด็กและผู้ใหญ่ มันละเอียดมากซึมซับเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นหลายคนอยู่ในนี้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ขึ้นมา เหมือนกับเขาไม่ได้เรียนอะไรมากมายแต่เขาได้ ได้ คุณธรรมนั้นเข้าไป
คำว่าออสโมซิส จึงเป็นเรื่องที่สุดยอดเลยอยู่ในบวร บ้านวัดโรงเรียน จะมีการศึกษาที่มีตลอดเวลาจะอยู่รวมกันเป็นบ้านจะมีธรรมะที่เรียกว่าวัดตลอดเวลา สังขารสังเคราะห์ อยู่กันได้โดยไม่รู้ตัวแต่ละคนได้โดยไม่รู้ตัว
เพราะฉะนั้นในเสนาสนะ 4 ของพระพุทธเจ้า
มีเสนาสนสัปปายะ มีบุคคลสัปปายะ อาหารสัปปายะ ธรรมะสัปปายะ
มีบุคคลมีกรรมกิริยามีอาหารสถานที่ครบครันทุกอย่างที่เราได้ให้แก่กันและกัน ยกตัวอย่างพวกเรามีกรรมกิริยาที่ดี กรรมกิริยาที่ไม่ดีมีน้อยหรือไม่มี ดีจนกระทั่งถึงโลกุตระ ส่วนกรรมกิริยาที่ไม่ดีนั้นน้อยจนถึงไม่มี ส่วนกรรมกิริยาที่ดีนั้นมีกระทั่งสูงสุดถึงโลกุตระ มันมีการซึมซับกันอยู่อย่างลึกซึ้ง
เพราะฉะนั้นจึงเป็นความจำเป็นที่จะมาอยู่กับหมู่กลุ่ม สัมปวังโก มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี เป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์
-
มีมิตรผู้มี“ทิฏฐิ”ตรงกัน ปรารถนาดีต่อกัน (กัลยาณมิตโต) .
-
มีมิตรดี ผู้มีความร่วมมือ ร่วมประโยชน์ดี (กัลยาณสหาโย)
-
มีสังคมสิ่งแวดล้อมดี (กัลยาณสัมปวังโก)
นี้เป็นทั้งสิ้นของพรหมจรรย์ (คือ ทั้งสิ้นของศาสนา)
(พตปฎ. เล่ม 19 ข้อ 5)
ถึงบอกว่ามารวมกันอยู่นี่จะปฏิบัติได้เร็วถ้าแยกกันอยู่นี้จะปฏิบัติได้ช้า พูดไปใครเห็นตีได้ก็มาเปิดรับอยู่ มาอยู่ร่วมกันไม่ต้องกลัวหรอกว่ามันจะหนาแน่น ขอให้มันหนาแน่นเถอะแล้วพวกเราก็ช่วยกันหาที่เพิ่มไง ถ้าคนมาติดใจคุณก็จะเข้าใจเรื่องการแชร์เรื่องที่จะมารวมกันมาเสียสละรวมกันเป็นส่วนกลาง อาตมาไม่จนทาง คนไม่สิ้นไร้ไม้ตอกหรอก เผื่อคนมีคนไม่มี มีก็แชร์มาเป็นส่วนกลาง
_สู่แดนธรรมว่า…ชาวต่างชาติจะกลับแล้ว พรุ่งนี้เดินทางไปต่างประเทศแล้ว
คุณลุงเราโน่เคยตอบคำถามที่ว่า ประเทศฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดหรือไม่ แล้วเขาตอบว่าอย่างไร ลุงตอบว่าไม่จริงหรอก ถ้ามันจริงแล้วผมจะมาอยู่ที่บ้านราชฯทำไม
ฝรั่งเวลามาเที่ยวเมืองไทย เขาเห็นภาพลูกหลานจูงมือคนแก่คนเฒ่า ก็น้ำตาไหลเลย
พ่อครูว่า…มนุษย์ที่มีจิตวิญญาณเจริญจะรู้เลยว่าคนเราต้องอาศัยกันอย่างอบอุ่น อาศัยกันอย่างพึ่งพากันได้ อย่างพวกเราเป็น คนที่มีปฏิภาณปัญญาเฉลียวฉลาดจะเข้าใจจะรู้สึกเลยเขาจะมีเซ้นส์ สัมผัสเลยเขาจะรู้ อย่างฝรั่ง พอเวลาลูกเขาโตประมาณ 17 ก็ให้แยกออกไป เขาจะไม่อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ อยู่เป็นครอบครัวเล็กๆแล้วก็สร้างครอบครัวต่อไปอีกเรื่อยๆ มันก็ไม่ผิดแต่เป็นวัฒนธรรมที่ขาดตอน เมื่อเขามาเห็นวัฒนธรรมทางเอเชีย มีอยู่กันอย่างครอบครัวใหญ่ เลี้ยงดูกันในบ้านในเรือนมีทั้งปู่ทั้งย่าทั้งตาทั้งยายทั้งทวด ทวดของทวด ถ้ายังไม่ตายนะ ดูแลช่วยเหลืออุ้มชูกัน เขาไม่เห็นแม้แต่เด็กๆไปจูงทวดเดินเขาน้ำตาไหลเลย เพราะเขาไม่มี หลานจูงตายาย พฤติกรรมเหล่านี้เขาไม่มี มีเรื่องที่ลึกซึ้งกว่านี้อีกเยอะ
ยิ่งของเราล้างตัวตนล้างเผ่าพันธุ์ มีเป็นตระกูลเดียวกันคือพุทธบุตร สุดยอดเลยอาตมาก็ไม่ขยายความต่อ รายละเอียดจากอันนี้แล้ว เป็นลูกพระพุทธเจ้าด้วยกัน ถอดตัวตน ถอดตระกูลออกไป ไม่ว่าจะเป็นคนบ้านไหนเหนือใต้ออกตก หรือแม้แต่ต่างประเทศ
_SMS วันที่ 27ต.ค. 2562(ดำเนินรายการโดย อ.ยักษ์)
_Love Art Eat Art Is Me:อาจารย์ยักษ์ยิ่งพูดยิ่งใช่ อาจารย์มาเตือนความทรงจำให้คนรุ่นเก่าและเล่าประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นใหม่ฟัง ??????
_ผีเสื้อ เพื่อธรรม : รับชมรับฟังจากสวนสมรม จ.กระบี่ กระผมน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านมาน้อมนำปฏิบัติครับผม
_วัฒนา สง่างาม : วันนี้อีกบรรยากาศหนึ่ง ดีจังค่ะ ท่านพูดฟังง่ายดีค่ะ
_ธัญพัฒน์ วราธนพรพิทักษ์ ขอบพระคุณอาจารย์ยักษ์ที่มาให้ความรู้เป็นวิทยาทานค่ะ..อนุโมทนาสาธุค่ะ
_เมฆ กลางทุ่ง : ปี ‘53ได้ไปร่วมงานช่วงเดือนมีนาคมที่ศูยน์กสิกรรมมาบเอื้องชอบมากครับ
_กมลพร สิริโพธิ์ กราบขอบพระคุณอาจารย์ยักษ์มากค่ะที่ให้ความรู้ค่ะ
_กฤตภัทร ป้อม KrittaphasPom Siri พึ่งไปเยี่ยมเยือนราชธานีอโศกที่อุบล เมื่อ 19 ตุลาที่ผ่านมา บรรยากาศดีมาก น่าอยู่มาก
_เบิกฟ้า หาพุทธแท้ อาจารย์เป็นต้นกำเนิดแนวคิดต่อต้านสารพิษ 3 ตัวจนสำเร็จ…ส่วนแนวคิดที่อาจารย์กำลังจะทำนี้ คงไม่ไกลเกินฝันครับ ผมขอเป็นกำลังใจและกำลังแรงช่วยงานนี้ให้สำเร็จครับ
………
(ยังมีอีกหลายท่านที่ชื่นชม อนุโมทนา ขอบคุณที่อาจารย์ยักษ์มาให้ความรู้…แต่ไม่ได้นำมา)
_พิมพ์เพชรรุ้ง…เดือนนี้ก็ครบที่มาอยู่ที่นี่ได้ 1 ปี หลังจากเหตุการณ์ Big cleaning ก็ทำงานกันไม่หยุด ยังไม่เรียบร้อย จะบ่นนิดหนึ่ง ตอนทำงานอยู่สายการบิน เมื่อบินสายที่ยาวๆ แต่สายการบินโพธิรักษ์โพธิกิจ ไม่มีแลนดิ้งเลย มีงานต่อเนื่องตลอด แต่เมื่อฟังธรรมะแล้วกลับไปตรวจสอบก็ได้ธรรมะที่พ่อท่านสอนเอาไปใช้ ที่เราสามารถทำได้อย่างนี้เพราะว่าธรรมะที่พ่อท่านสอน ได้นำเอาไปฝึกปฏิบัติแต่ละวัน
พ่อครูว่า…อดีตเขาอยู่กับเครื่องบินเป็นแอร์โฮสเตส จากนั้นก็เป็นอาชีพมาอยู่ที่นี่คุณผึ้ง พิมพ์เพชรรุ้ง เปลี่ยนจากอาชีพแอร์โฮสเตส มาเป็นชาวอโศกไป ก็อย่างนี้แหละเราก็ยินดีต้อนรับ ใครต่อใครที่มีศีล มาที่นี่ต้องมีศีลนะ ถ้าไม่มีศีลอย่าเพิ่งมาอย่างน้อยศีล 5 คุณมาที่นี่ต้องสมาทาน แม้คุณไม่สมาทาน แล้วต้องทำได้ อย่าละเมิดแม้ทางกาย
-
ไม่ฆ่าสัตว์ 2. ไม่ลักขโมย 3. เรื่องของกาม คุณต้องสำรวม ต้องระมัดระวัง อย่าไปจัดจ้านเกินมากจนกระทั่งรุ่มร่าม เราก็จะเห็นจะรู้ เรามีเท่านี้สัมผัสรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส มีให้กินเท่านี้ จะสวยงามก็ประมาณเท่านี้เราก็มีเท่านี้ เสียงจะไพเราะเท่านั้นเท่านี้แหละไม่มากกว่านี้ไม่ปรุงแต่งมากกว่านี้ มีรสมีเสียงมีกลิ่นมีรูป มีสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งประมาณเท่านี้ มาร่วมที่นี่ก็จะได้รับฝึกฝนไป ต้องคนเข้าใจทิศทางที่ไปนิพพาน หากไม่มีจริตไม่มีความเห็นจะไปนิพพานไม่มาหรอกที่นี่ มาก็จะลำบากใจทนไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นสถานที่คัดเลือกมนุษย์จริงๆ คนที่จะอยู่ที่นี่ได้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าผู้มีมรรคผลจะทนอยู่ได้ ผู้ที่ยังไม่มีมรรคผลก็จะทนขนาดว่า ปฏิบัติธรรมะหน้านองน้ำตาอยู่ อดทนไป แต่มีจิตสำนึกรู้ว่าที่นี่ดี จะร้องห่มร้องไห้หน้าน้องน้ำตาก็ต้องทนเอา ถ้าคนมีความรู้ลึกๆมีเซนส์ลึกๆ จะไปไหนก็ไม่ได้แล้วที่นี่สุดยอดแล้ว แม้แต่หน้านองน้ำตาอยู่ก็อยู่ได้ ส่วนคนที่มีฐานแข็งแรง ไม่กินเนื้อสัตว์ มีศีล 5 แค่นี้สบายแล้ว แต่พวกติดแป้นก็มีนะ ก็หยุดเป็นแบบนี้อีกล้านชาติดีไม่ดีจะตกต่ำด้วยก็ต้องพัฒนาขึ้นไป มันจะมีเครื่องรับประกันได้ว่าจะไม่ตกต่ำ สูงเกินไปเท่าไหร่ก็มีเนื้อหาสาระที่แท้จริงมันยิ่งเป็นสัจจะป้องกันไม่ให้ลงต่ำได้ หากไม่เอาสูงเสียทีเอาแต่แค่นี้พื้นฐานแค่นี้ สักวันหนึ่งก็ต้องหลุดไปแน่นอน