ม.ค.12020ศาสนา630101_ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 สู่แดนทองฉลอง 50 ปีโพธิกิจ อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1EwpV85dW5oK6GS9yKS9hxwu7EjKMcpFHWcWmvOtLfZU/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1Y6-aqFETHNtihlk48bOo5Ww7BZCX7qAo พ่อครูว่า…ที่ 1 มกราคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศกขึ้น 7 ค่ำเดือนยี่ปีกุน เป็นวันพุธด้วยนะ วันแห่งพุทธะ ไม่มีอะไรดีกว่าธรรมะ และบุญ ภาษาบาลีคำว่าบุญหรือคำว่ากาย ไม่มีคำไหนในภาษาอื่นใช้แทนได้ ปัญญา คำนี้ก็เป็นของพระพุทธเจ้าบัญญัติ เอาไว้ใช้ แต่เอาไปเรียกเลอะ เหมือนกับคำว่าบุญเอาไปเรียกเลอะ จนกระทั่งตั้งคำว่านักบุญในศาสนาเทวนิยม เหมือนกับเอาลิงไปใส่มงกุฎ ปีนี้ปี 2563 อาตมาขึ้นต้นว่า จะมีรายละเอียดลึกซึ้งของธรรมะมากยิ่งขึ้น ตั้งใจฟังกันให้ดีๆ ก็กำลังเขียนหนังสือที่ยังไม่จบ ความเป็นประชาธิปไตยไทยที่โลกควรศึกษา กับปัญญา 8 ก็เอามาขยาย คุณใบฟ้า อยู่บ้านก็ส่งข้อความมา อรหันต์ในอาหารจ้อย ต้องอาศัยองค์ธรรมที่สมบูรณ์ในโพธิปักขิยธรรม 37 โดยการลดละเลิกเป็นลำดับๆ ด้วยธรรมะ 2 ด้วย 2 ตาเปิด แต่ต้องลดละด้วย ธรรมะ 2 คือเทวะ โดยเฉพาะเวทนา แล้วก็ใช้ ปหาน 5 วิขัมภนปหาน ตทังคปหาน สมุจเฉทปหาน ปฏิปัสสัทธิปหาน จนจบเป็น นิสรณปหาน ก็ติดตามฟังดีๆ จะขยายในปี 63 ปีใหม่ก็มีนิมิตมีเครื่องหมายบอกเค้าให้เห็นว่าน่าจะดี ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของสังคม สังคมใกล้ๆราชธานีอโศก พอมองเห็นไหม? จะมีอะไรต่ออะไรตามเข้ามา มีจุดที่มีคนสนใจ จากปรากฏการณ์จริงจากตัวตนบุคคลต่างๆ จากภาคกลางภาคใต้ภาคเหนือ ภาคอีสานเองไม่ต้องพูด มาขนต้นไม้ขนอะไรเต็มหอบกันไป มันก็จะมีทั้งด้านของสิ่งที่อาศัยใช้สอย เครื่องกินเครื่องอยู่ เราเองเราผลิตเครื่องใช้ไม่ค่อยเก่ง อุตสาหกรรมเราไม่ค่อยเก่ง เราผลิตกสิกรรม ผลิตเครื่องกินให้เก่ง ก็มีเค้ามีรากฐานส่อแสดงยืนยันชัดเจน ที่ดินเราขณะนี้ แม้ที่ดินรอบบ้านราชฯก็มากพอที่จะมาร่วมกัน อาตมาว่าจะฝันค้างหรือเปล่า ว่า มันน่าจะถึง 700 คน ใครที่พอรู้ตัวเองว่า เราน่าจะมาเป็น 1 ใน 700 ยกมือซิ เอาน่าไม่สิ้นหวัง ลุงตู่ยังบอกว่าไม่สิ้นหวังเลย ตามผมให้ทันก็แล้วกันนะ ลุงตู่ว่าอย่างนั้น อันนี้เป็นความมั่นใจของนายกตู่ มั่นใจอะไร มั่นใจว่าที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้ มีทั้งหลักฐานสิ่งที่ได้ทำมาแล้วเป็นหลักฐาน static ยืนยัน มีทั้ง Dynamic มีทั้งพลังงานใหม่ มีทั้ง Coefficient ของตัวเอง ที่พยายาม ในอุดมคติ Coefficient ของตัวเองคงมีไม่ใช่น้อยพลังงานก้าวหน้า อยู่ในห้วงความคิดคงจะมีมากพอจึงกล่าวคำว่าตามผมให้ทัน ก็คงเชื่อว่าตัวเองเดินลิ่วๆไปแน่นอน พวกเราอยู่ในสังคมประเทศไทยเรามีผู้ที่เป็นนายกฯดำเนินการบริหารไปก็ต้องดู เราก็เห็นให้ได้ว่าควรจะส่งเสริม หรือควรจะ Wait and see หรือควรจะปฏิวัติลงไปหรือปหานลง เราก็ดูแล้วว่าอันนี้ไม่ควรปหาน ไม่ใช่รอดู แต่ควรจะส่งเสริม สู่แดนธรรม ว่า..เขาบอกว่าจะวิ่งไล่ลุงตู่ ลุงตู่ก็เลยบอกว่าไล่ให้ทันก็แล้วกัน พ่อครูว่า…ผู้สื่อข่าวได้หันไปสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกิจกรรมวิ่งไล่ลุง พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวว่า “วิ่งให้ทันแล้วกัน” นอกจากจะมีกลุ่มที่วิ่งไล่แล้วยังมีกลุ่มที่วิ่งตามลุงด้วย นายกจึงบอกว่าจะไปร่วมไหม …ก็เป็นโวหารสนุก สนุกไม่ใช่แค่โวหารเท่านั้น สนุกตรงที่มีพฤติกรรม แม้จะไม่มีรูปธรรมชัดเจน แต่มันมีการวิ่งเป็นพฤติกรรม ด้วยการปฏิบัติประพฤติ ประพฤติให้เกิดกรรมกิริยาให้เกิดองค์ประกอบของ มีพฤติกรรมสร้างวัตถุมีพฤติกรรมทางนามธรรม จะมีวาจา แล้วก็มีทางมโนพฤติกรรมทางจิตนำไปเรื่อยๆ มีทิศทางมีเป้าหมายมีโรดแมปดำเนินการไป อาตมาจึงเห็นพลังงานแห่งการมุ่งมั่น ของลุงตู่ของคณะ แม้แต่พลเอกประวิตร ก็ยังมีแรง ตั้งใจตลอด แม้ว่าจะถูกแซวทุกว่า ก็เหนียวดีทีเดียว ใช้ได้ สู่แดนธรรมว่า… การที่เขาจะไล่ลุงตู่ทำให้นึกถึงองคุลีมาลไล่ตามพระพุทธเจ้าไม่ทัน พ่อครูว่า.. นี่เป็นโวหารของพระพุทธเจ้า เพราะว่าในโลกนี้มีเทวดามี 2 นัย เราหยุดชั่วหยุดทำผิดแล้วแต่เธอสิยังไม่หยุด องคุลีมาลเป็นคนที่มีปฏิภาณไหวพริบและเร็วมากเมื่อได้ยินคำนี้ของพระพุทธเจ้าตรัส ก็สะดุดทันที แทนที่ได้ยินแล้วจะเกิดโกรธ หาคารมโวหารตอบโต้ก็ไม่ทำ แต่สะดุด กำลังจะวิ่งตามไปฆ่าท่านด้วย ให้เป็นคนที่ 1,000 เพื่อจะได้ความรู้จากอาจารย์ พระพุทธเจ้าก็เลยดักให้เลย บอกว่าเราหยุดแล้วแต่เธอสิยังไม่หยุด เท่านั้นแหละ องคุลีมาลผู้มีปฏิภาณไหวพริบอันเฉียบแหลมทันทีตรวจสอบตัวเอง พบว่าตัวเองกำลังจะทำชั่ว เราก็ต้องรู้จักคำว่าพอ คำว่าพอ คำเดียวนี้แหละยิ่งใหญ่อีกในยุคนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสคำว่าพอ ซึ่งเอามาจากคำว่า สันตุฏฐิ หรือสันโดษ ของพระพุทธเจ้า แปลว่า ใจพอ อาตมาบัญญัติคำภาษาไทยคำว่าใจพอ คำว่าพอใจเขาก็ใช้กันมา แม้แต่มหาบัวก็ใช้ พอใจๆๆ มันบำเรอกิเลสนะพอใจ ภาษาไทยคำว่าใจพอกับพอใจคนละอย่างกันใช่ไหม ถ้าใจพอมันจะหยุด ไวยากรณ์มันชัดเจน ใจมันพอ แต่พอใจ นี่มันบำเรอกิเลส พอคำนี้ ไม่มีความหมายเป็นชื่นใจสมใจบำเรอใจ เราพอใจยินดี มันมีปิติ พอใจชอบใจ แต่ใจพอนี้เฉยๆว่างๆใจพอไม่ชอบไม่ชังไม่ดูดไม่ผลักใจหยุดใจพอใจนิ่ง พยัญชนะที่เราเข้าใจความหมายลงตัว เข้าใจความหมายที่ถูกลักษณะแท้ของมันได้ สื่อสารกันให้เข้าใจแล้วเอาไปปฏิบัติได้ เราก็จะรู้เองเป็นปัจจัตตัง ลักษณะพอลักษณะไม่มีลักษณะว่าง อาการว่างของอารมณ์ความรู้สึกว่างจากความสุข ว่างจากความทุกข์ ความทุกข์นั้นรู้ได้ง่ายกว่าความสุข ความทุกข์มันหยาบมันแรง ไม่สบายมันรู้ง่ายกว่า ความสุขมันเนียน ความสุขมันหลอก ความสุขมันทำให้คนเผลอ หลงไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นรู้สุขจึงรู้ได้ยาก พระพุทธเจ้าก็ไม่เอาความสุขมาสอนให้ดับ ฉะนั้นก็สอนให้ดับความทุกข์ พระท่านตรัสรู้ว่าความสุขความทุกข์มันเป็นเทวะ เทวะ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาจักรวาลคือพระเจ้า เขานับถือพระเจ้ากันว่าเป็นภาวะนิรันดร เป็นภาวะที่ยิ่งใหญ่ ภาวะที่บันดาล สั่ง สร้าง เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีวันตาย ศาสนาพุทธ ก็เรียนรู้ว่าพระเจ้าคืออะไร พระเจ้าคือธาตุจิต ธาตุวิญญาณ ธาตุรู้อันเดียวกันกับของมนุษย์ ธาตุรู้ของพระเจ้ากับธาตุรู้ของมนุษย์ทุกคนอันเดียวกัน คำสอนของพระเจ้าบอกว่า วิญญาณทุกวิญญาณ ของสัตว์โลก ของมนุษย์ทุกผู้ เป็นของพระเจ้า เพราะฉะนั้นวิญญาณทุกวิญญาณก็นิรันดรด้วยไม่มีสูญหาย ไม่มีการสลายไปไหน เป็นธาตุที่เที่ยงนิรันดร วิญญาณทุกวิญญาณต้องกลับคืนไปอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าจะเป็นผู้ที่บัญชาเอง ว่าจะให้ผู้ใดลงนรก ก็อยู่กับพระเจ้านิรันดร ในลัทธิที่มีชาติเดียวไม่รู้จักชาติที่ 2 -3- 4 ไม่มี rebirth ตายไปแล้วไปอยู่กับพระเจ้า ผู้นั้นก็จะมีความรู้แค่นั้นเป็นทิฏฐิชนิดหนึ่ง ที่เกิดแล้วชาติเดียวตาย แล้วก็ไม่เกิดต่อ ส่วนลัทธิอื่นจะมี 2 ชาติ 5 ชาติ 10 ชาติตามในทิฏฐิ 62 ที่พระพุทธเจ้าแบ่งแยกไว้ ก็เป็นความย่อเอาไว้ หากจะบรรยายให้ละเอียดลงไปอีก 1 ล้านก็คงไม่ไหว คำว่าพอหรือใจพอ คำนี้ยิ่งใหญ่ รัชกาลที่ 9 เอาคำนี้มาใช้ ให้โลกเอาไปใช้เป็นพยัญชนะสื่อสารให้รู้สภาวะของความพอ ผู้ที่เข้าใจความพอ แล้วใจมีลักษณะความพอให้แก่ตัวเองได้ คนนั้นก็สงบ คนนั้นก็หยุด ก็ตรวจสอบอีกว่าตัวเองที่เรามีอยู่นี้มันพอไหม มันอยู่รอดไหม ถ้าเรายังมักมาก ยังจะต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกมันก็ไม่พอ แต่ถ้าผู้นั้นตรวจตัวเองว่าพอแล้ว ของกินของใช้เหลือเฟือ เอาออกไปอีกได้ จนกระทั่งเหลือพอดีพอใช้ ปฏิบัติขัดเกลาต่อไปอีก สัลเลขะ ด้วยหลักเกณฑ์ของ ธูตะ ของศีล ก็ลดได้อีกๆ จนกระทั่งมาสู่จุดสมบูรณ์สุดก็คือ 0 ไม่มีเลย จนกระทั่งอนุโลมให้มีบ้างพอสมควร ในยุคของพระพุทธเจ้าใช้ผ้า3 ผืน สามนี่ สามเส้าครบ เลข 3 เป็นเลขที่หมุนได้ ถ้า 2 นี้ไม่หมุนเลย 1 กับ 2 จะขึ้นลงก็เป็น 1-2 จะไปอีกก็แค่ 1-2 จนถึง 10 เหลี่ยมมนกลมเลย ไปไหนไม่ออก สังขยาเลข 9 ก็มีเหลี่ยม มีเหลี่ยมสูงสุดถึง 9 มีเหลี่ยมที่ดิ้นออกไปได้สูงสุดคือ 4 เหลี่ยม ทักษิณมีสี่เหลี่ยมสี่เหลี่ยมก็มีสี่ด้านเลยยุ่งที่สุด ออกมาจากสามได้นึกว่าตัวเองเก่ง ก็เท่าหางเต่าหางอึ่ง นี่คือนัยของลักษณะธรรมทั้งหลาย อากาศดินน้ำไฟลม ลมกับไฟ เป็นธาตุอากาศกับพลังงาน อากาศแก๊สสองแก๊สมารวมตัวกันเข้าเริ่มจับตัวกันได้ มีสามขา ตัวหนึ่งเป็นออกซิเจน มี 2 ขาจับกับไฮโดรเจนอีก 2 ตัว กลายเป็นธาตุน้ำ มีรูปเปลี่ยนไป ธาตุน้ำ คืออาโปธาตุ อณูปรมาณูของธาตุน้ำ เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ธาตุน้ำมารวมกันมันก็จะมีระบบของมัน กว่ามันจะจับตัวได้รูปร่าง มันมีอณูที่เกาะกลุ่มกันหลายรูปแบบ มีสัดส่วน จับตัวกันเป็นผลึก จะให้คนเห็นได้จะต้องมีแสงสะท้อนมุมเหลี่ยมคนก็รู้ได้เรียกมันว่าผลึก เหมือนกับปริซึมน้ำก็เช่นกันสะท้อนแสงได้เป็น spectrum กระจายแสงออกมา 7 เฉดแสง ก็คือเลข 7 สูงสุด เป็นปริซึ่ม ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง แล้วก็แตกเฉดออกไปได้อีก เรากำลังจะทำสะพานโค้งรุ้งให้รถ 10 ล้อข้ามได้ ตั้ง budget ไว้สัก 2 ล้านบาทจะสำเร็จไหม (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ ก็มีความหมายที่เราจะรวบรวมความครบ รุ้ง 7 สีก็เป็นความครบ เป็นธรรมชาติที่มันจะอยู่อย่างนี้อีกนานเท่านานจะทำลายมันไม่ได้หรอก เป็นองค์ประกอบที่มันเกิดอันนี้เพราะเหตุนี้ รวมกันเป็นสังขาร เกิดจากไอน้ำและแสงสะท้อน ก็คือปริซึม ให้ได้สัดส่วน เกิดเป็น วงโค้งกลม มีแสงสะท้อนเข้าตาเรา คนที่อยู่ในมุมเดียวกันก็จะเห็นเหมือนกันไม่ประหลาด เป็นสิ่งที่จะต้องเป็นอย่างนี้ ของอุตุ พีชะ จิต พระพุทธเจ้าแยกแก่ชัดเจน ถึงสังขารในโลก พระพุทธเจ้าตรัสรู้แยกธาตุได้เสร็จหมดเลย สามารถที่จะทำลายธาตุจิตนิยาม จิตวิญญาณ ซึ่งพระเจ้าตีไม่แตกพระเจ้าแยกไม่ออก พระเจ้าทำลายไม่ได้จึงอยู่นิรันดรก็เลยยกให้พระเจ้าเป็นเจ้าของ แต่ที่แท้ก็คือความอวิชชา เพราะตัวเองไม่รู้ ว่ามันคืออะไรกันแน่ ธาตุจิตคืออะไรกันแน่พระเจ้าไม่ได้รู้ จึงได้อยู่กับธาตุจิตธาตุปัญญานิรันดรตีไม่แตกแยกไม่ได้ แล้วไม่รู้ต่อไปอีกว่าจิตวิญญาณนี่แหละ มันเกิดแตกตัวกันออกมาเป็นตัวตนเป็นอัตตาเป็นอัตภาพ ไม่ใช่พระเจ้าเป็นคนสร้าง แต่ว่าอัตตาหรืออัตตามันเป็นตัวของมันเองแต่ละหน่วย จิตวิญญาณของแต่ละอัตภาพแต่ละอาตมัน มันเป็นของเขาเองไม่ใช่ของพระเจ้า พระพุทธเจ้าจึงมาพิสูจน์ ว่าไม่ใช่เรื่องของพระเจ้าเป็นเรื่องของเราเองเรามีสิทธิ์สามารถพิสูจน์ได้ด้วยกรรมด้วยการกระทำใจของตนเอง ทำอัตตาทำจิตตนเอง วิญญาณเป็นภาษาใหญ่รวมแตกเป็นจิต มโน แล้วแจกเป็นเจตสิกต่างๆ แจกเป็นเวทนา เมื่อมาถึงเวทนาก็เป็นเจตสิกที่ต้องแยกแยะและทำลาย ทำลายธาตุรู้สึกตั้งแต่ตอนเป็นๆ รู้สึกหรือไม่รู้สึก จนกระทั่งเป็นพีชะ ไม่รู้สึก แต่เป็นชีวะ ทีนี้ไม่รู้สึกที่เป็น ธาตุรูป ไม่รู้สึก พอเป็นธาตุนามนี้รู้สึกได้ ทำให้เป็นพีชะ ไม่รู้สึกได้แต่เป็นชีวะ เช่น ผมขนเล็บฟันหนังก็เป็นชีวะแต่ไม่รู้สึก ผมมันยาวออกมาทุบมันก็ไม่รู้สึกไม่เจ็บ ตัดออกก็ไม่รู้สึก ทุบก็ไม่รู้สึก ตัดแล้วไม่มีเลือดไหลออกมา เล็บยาวออกมาตัดออกก็ไม่มีเลือดไหล ขนก็เช่นกัน ฟัน กรอส่วนที่ไม่มีประสาทออกได้ ไม่รู้สึกด้วย แต่ถ้าลึกลงไปถึงจุดหนึ่งก็รู้สึก ขน ผิวหนัง ผิวหนังส่วนหน้าภายนอกก็ไม่รู้สึก เล็บก็เช่นกัน ผมก็เล็กๆยาวๆ เล็บนี่แยกง่ายที่สุด ส่วนใด เราจะใช้พยัญชนะเรียกว่า ไม่ใช่กายเราแล้ว คำว่า กาย มีสองนัย กายที่ไม่ใช่กาย ตัดออกไป นั่นไม่ใช่กายเด็ดขาด ยังไม่ตัดออกไป เป็นกาย แต่ไม่ได้เรียกว่า กาย ยังเป็นร่างอยู่ในร่างของเรา ทำให้สายหลับตาไม่เข้าใจ เลยเอาร่างกายไปออกป่า ไม่ใช่ กายไม่ได้หมายถึงแค่ความรู้สึกภายนอกเป็นแท่งก้อนเท่านั้น เป็นร่างเท่านั้นแต่มันไม่ถึงใจ กายนั้นหมายถึงความรู้สึก ไม่ใช่แค่ร่าง ส่วนที่แยกกายแยกจิตได้ พระพุทธเจ้าสอนเมื่อออกบวชให้แยกกายแยกจิตให้ได้ อันไหนเป็นอุตุธาตุอันไหนเป็น พีชธาตุ อันไหนเป็นจิตธาตุ หากแยกสามระดับนี้ไม่ออก คุณทำนิพพานไม่ได้ ทำจิตให้แยกเป็นอุตุธาตุไปเลยไม่ได้ ระดับธาตุที่เป็น พีชธาตุ เป็นชีวะแต่ไม่มีสุขไม่มีทุกข์แล้วไม่จองเวรจองกรรม มีพลังงานแม่เหล็กเป็นพลังงานดูดเหนี่ยวนำ เป็นนิวเคลียร์ฟิวชันดูดได้ ถ้าเป็นนิวเคลียร์ฟิชชันแล้วตามไม่ได้ไปถึงไหนก็ไม่รู้ ก็ไม่ต้องกังวล มันก็ไปของมัน ให้มาดูที่ผมขนเล็บฟันหนังของเรานี่แหละ ออกไปมากที่สุดก็คือผม ออกไปส่วนหนึ่งก็คือขน เล็บ บางคนก็ใช้เล็บยาวเลย พยายามรักษาไว้ นึกว่าเป็นสิ่งที่เก่งวิเศษสามารถ แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรหรอกมัวแต่รักษาเล็บ เราก็ดูให้พอเหมาะพอควรก็พอ ถ้าเอาไว้ขนาดนี้ทำประโยชน์ได้ดีมาก อาตมาพิจารณาเล็บหลายที เราจะตัดให้สั้นไปเลยก็ได้ ก็ตัดบ่อยๆเท่านั้นเอง แต่ถ้าเมื่อเราจะหยิบจับอะไรไปแล้วปลายเล็บมันช่วยได้ แต่ก็อย่าให้มีขี้เล็บอะไรมากมายมันน่าเกลียด ถ้าหากตัดบ่อยเกินไปก็เสียเวลาไม่ได้ประโยชน์สั้นเกินไปติดเนื้อใช้ประโยชน์ไม่ได้ ถ้าไว้พอสมควรนิดหน่อยได้ประโยชน์ เอาไว้แคะขี้หู ขี้ฟัน ขี้ดัง(จมูก) แต่ต้องตัดต้องฝึกทำด้วย ไม่งั้นได้แผลจึงจะต้องมีสติ ระวังตัวเมื่อจะแคะ ในบัญญัติคำว่าประชาธิปไตยในยุคพระพุทธเจ้ายังไม่เกิด เพราะเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นยุคที่ประชาชนยังไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน ไม่รู้จักสิทธิของตัวเองว่าเรามีสิทธิ์ในตัวเรานะ ไม่ใช่มีใครเป็นเจ้าของ ก็ยังไม่ได้ยังเป็นยุคทาส อย่าว่าแต่พระเจ้าแผ่นดินเป็นเจ้าของทุกชีวิต แต่ยังมีนายทาสเป็นเจ้าของชีวิตซ้อนลงไปอีก นายทาสจึงเป็นผู้หาประโยชน์แก่ลูกทาสอีกที แล้วไปส่งส่วยให้แก่พระเจ้าแผ่นดิน หรือว่าจะริบไปหมดแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก็ยังทำได้เลย เป็นราชาผู้มีสิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ของรัฐของแคว้น ทุกคนที่เป็นประชากรในแคว้น พระเจ้าแผ่นดินเป็นใหญ่ที่สุดมีนายทุนเล็กๆ ซ้อนลงมาอีก เหมือนกับในยุคนี้นายทุนก็ไปกอดคอกับนักการเมืองเป็นอำนาจบริหารกับอำนาจเงิน จับตัวกันเข้าก็เป็นอำนาจใหญ่ของแคว้นของรัฐ รัฐที่เป็นประชาธิปไตย จะใช้อำนาจเงินกับอำนาจของคนที่เป็นใหญ่ ก็ยังไม่ใช่ประชาธิปไตย ยังเป็นธนาธิปไตยหรือคณาธิปไตย ยังไม่ใช่ประชาธิปไตย ขณะนี้ที่เห็นชัดๆก็คือสหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมามีบารัคโอบามา ยังไม่ใช่นายทุนใหญ่เหมือนโดนัลด์ทรัมป์ แต่ก็มีนายทุนที่เขาเชิดบารัคโอบามาอยู่ บารัคโอบามาจึงเป็นประธานาธิบดีที่มีนายทุนเป็นตัวตั้ง ทำไปทำมาก็กลับมาเป็นนายทุนเอง สหรัฐอเมริกาเป็นประชาธิปไตยรวม เป็นประชาธิปไตยที่ร้ายแรงที่สุด แม้แต่ประเทศจีน ก็เอาพวกทุนนี้มาเป็นองค์ประกอบ ประเทศจีนได้เปรียบตรงที่มีประชากรมาก เพราะฉะนั้นค่าเฉลี่ย ของแรงงานแต่ละบุคคลจึงได้เยอะ ได้มาเยอะก็เอามาบริหารเอามาเป็นอำนาจต่อรองกับประเทศอื่นได้ ตอนนี้สีจิ้นผิงจึงบริหารสบาย ส่วนประเทศอินเดีย ไม่ได้เป็นประเทศแบบ Progressive เป็นประเทศที่ conservative เป็น 2 ขั้ว 2 อย่างที่เป็น static และ Dynamic พลังงานธรรมชาติธรรมดาของโลกเทวะ ถ้าเข้าใจแล้วจะไม่น่างงน่าสงสัย สายของดินเดียไม่ค่อยมีความฉลาดดิ้น มีสองลักษณะคือฉลาดดิ้นกับฉลาดหยุด นายกของอินเดียคือนเรนทราโมดี ถ้ามี 2 อย่าง ประธานาธิบดีจะเป็นตัว static นายกรัฐมนตรีจะเป็นตัว Dynamic อินเดียรวบรวม 2 สภาพไว้ มีทั้ง static และ Dynamic จีนไม่เอา เอาอันเดียวเลย ผู้ที่มีอำนาจอย่างเดียวเลย จีนนั้นเป็นเผด็จการยิ่งกว่าอินเดีย เพราะอำนาจใหญ่ที่ สีจิ้นผิงมีคนเดียว ส่วนอินเดียนั้นมีประธานาธิบดีกับนายกรัฐมนตรี แต่เขาเคลื่อนไหวได้ช้า เคลื่อนไหวอย่างสุขุม ประชาชนเขาไม่ดิ้นมาก ประชาชนเขาไม่เรื่องมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่ยากเท่ากับจีน จับปูใส่กระด้งยากกว่าจับเต่าใส่กระด้ง ปูมันมีหลายขากว่าแล้วมันดิ้นไปมา ยิ่งปูลมนี่วิ่งเร็วมาก แต่เต่าลมไม่มี สู่แดนธรรม ว่า ประเทศอินเดียแปลกที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เลือก ประธานาธิบดี พ่อครูว่า. ..นายกฯเป็นตัว dynamic ส่วน ประธานาธิบดีเป็นตัว static อินเดีย เป็นประชาธิปไตยเพราะว่ามีนายกฯ ส่วนประธานาธิบดีก็เหมือนกับคล้ายๆพระเจ้าแผ่นดิน เป็นประมุข มันซับซ้อนอยู่อย่างมาก เมื่อเทียบกับประเทศไทยก็คล้ายกัน ที่ชัดเจนคือ ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยมีพระเจ้าอยู่หัว แล้วนายกฯก็คือ ผบ.ทบ. คือกำลัง ตราบใดที่อภิรักษ์ ผบ.ทบ.เป็นหนึ่งเดียวกับนายกฯ จบ อาตมาก็ว่าเมืองไทยยังเป็นอย่างนี้อยู่ ไม่เป็นสัจจะที่เป็นอจินไตย จิตวิญญาณของผบ.ทบ. พลเอกอภิรักษ์กับนายกฯตู่ ทำไมเข้ากันได้ แล้วชัดเจนว่าจะต้องช่วยกันอย่างนี้ทำให้ประเทศไทยเจริญอย่างนี้ต้องมี 2 พลัง ต่างคนต่างทำหน้าที่ 2 พลังนี้ให้ดี แล้วประเทศไทยจะไปอีกนาน พลเอกอภิรักษ์เป็น ผบ.ทบ.อีกปีเดียว เชื่อว่าประเทศไทยมีพระสยามเทวาธิราช เป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง ที่มีจริงเป็นจริงในประเทศไทย พระสยามเทวาธิราชเป็นนามธรรมที่เป็นประชาธิปไตย ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมีบารมี สยามเทวาธิราชคือบารมี เป็นฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้า ฉัพพรรณรังสี ตัว ฉ ฉิ่ง แปลว่า 6 สะกดด้วย พ พาน 2 ตัว ฉัพพ พ.พาน คือตัวไดนามิค คือตัวพฤติกรรม ป ผ พ ภ ม ตัว พ เป็นตัวกลางของพฤติกรรมที่เป็นแกนแข็งแรงที่สุด เหมือนกับตัว ท ทหารที่เป็น static ส่วน พ เป็น dynamic เอา พ มันเป็นตัวกลางของ ฉ คือพลังงาน 6 จะ เป็น 6 ใหญ่ก็เรียก ฬ จุฬา เป็นเศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ เป็นตัวที่ 7 เป็นตัวพลังงานใหญ่สุดของเศษวรรค เอามาใส่ใน ฉฬ เป็น 6 เต็มที่ แต่ถ้าไม่ 6 เต็มที่ ฉัพพ ก็เต็มที่เหมือนกัน ฉัพพรรณรังสี ขยายไปเป็นสิ่งที่ขยายแสงออกไป อธิบายรูปธรรม แล้วก็สีเป็น 7 สี ฉัพ คือ 7 ส่วน ภ คือ 7 เหมือนกับชาวอโศกแยกออกจากเถรสมาคม มีสมณะ 21 รูป กับเณรอีก 2 คือ รวมกันก็เป็น 22 ในมงคล 38 ข้อที่ 22 คือ คารโว คือเคารพ ส่วน นิวาโต คือ อ่อนน้อมถ่อมตน 22 เป็นตัวที่ต้องเคารพหรือให้เคารพ เราต้องเคารพสิ่งที่ควรเคารพ และต้องเป็นผู้ที่เป็นผู้ควรให้คนเคารพ 23 นิวาโต คือ อ่อนน้อมถ่อมตน โศลกของเราคือ อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้ ชนะแน่นอน อย่าอวดดีไปกว่านี้ อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้ แล้วจะเจริญๆๆๆๆ เจริญอย่างแข็งแรงแจ่มใส ไม่พาเมา เจริญแบบคนเมานั้นพาชิบหายวายป่วงหมด สิ่งเหล่านี้อาตมาใช้เป็นรูปธรรม เป็นสัญลักษณ์ แม้แต่สังขยาเลข ชื่อคน แต่ผู้อื่นอย่ามาเล่นอย่างอาตมา มันไม่เข้าท่ามันจะเสียหายไปมาก เรายังไม่ใช่ผู้ที่จะใช้อันนี้ได้ ง้าวกวนอู 80 ชั่ง ต้องมีพลังงานเพียงพอถึงจะใช้ได้ต้องมีพลังงานอย่างนั้น ต้องมีพลังงานเหมือนแซมซั่น อาตมาแม้เหนื่อย แต่ไม่เคยท้อ เพราะเห็นคุณค่า แต่ก็เห็นว่าเรามีอุปสรรคไม่ใช่น้อย อาตมาก็ชัดเจนว่าอุปสรรคคือของทำให้คนพัฒนา แต่อย่าตะกละอุปสรรค ตายลูกเดียว เอาให้สมสัดส่วน ตัวเองตั้งต้นบนความลำบากกุศลธรรมเจริญยิ่ง นี่คือคำสอนหพระพุทธเจ้าชัดเจน อย่าเหยาะแหยะ อย่าทำน้อยเกินไป ให้ทำพอสมควรเลย ให้ตั้งตนบนความลำบาก หากคุณเองอยู่บนความสบายอกุศลธรรมเจริญยิ่ง ยถาสุขังโขเมวิหารโต อย่าเชียว ปล่อยตนตามอกุศลกรรมตัวเองไม่ดีเลย ต้องขนขวายตั้งตนบนความลำบาก ต้องพยายามหาอุปสรรคให้กับตัวเองอย่างพอเหมาะ อย่ามีอุปสรรคเกินตัวไม่ได้ต้องประมาณ นี่คือการจัดสัดส่วนให้ตัวเองที่พอเหมาะ แล้วจะเจริญ ภาษาพูดใช้ได้แค่นี้ ใครประมาณได้พอดีก็เจริญได้สัดส่วนดี เหยาะแหยะเกินไม่เจริญ ทำเกินตัวตายกลางคันไปไม่ออกเสื่อมทรุดด้วย ไม่ดี ลักษณะนามธรรมเหล่านี้มีรูปธรรมประกอบ แต่นามธรรมนั้นเป็นตัวสำคัญเป็นความรู้สึก เราจะรู้ความพอเหมาะของอาการอารมณ์ความรู้สึก คุณต้องใช้ความรู้สึกใช้อารมณ์ใช้อาการของจิต ที่รู้สึก หากใช้ไม่เป็น ใช้อารมณ์ความรู้สึกไม่เป็นใช้เวทนาไม่เป็น เพราะฉะนั้นเวทนาเป็นธาตุรู้ตัวสำคัญของจิตวิญญาณ พื้นฐานการศึกษาของพระพุทธเจ้า คนที่ไม่รู้จักเวทนาจึงน่าสงสารมากในชาวพุทธ เป็นบริวารพระพุทธเจ้าแท้ๆ แต่ว่ามิจฉาทิฏฐิไปหลงมาร หลอกให้ไปนั่งหลับตาแล้วไปหนีผัสสะ เวทนาจะเกิดได้ต้องมีลักษณะเป็นเหตุเป็นปัจจัย ในปฏิจจสมุปบาท หรือพระสูตรอีกหลายพระสูตรบอกไว้ เวทนาเกิดแล้วก็จะมีผัสสะ โดยเฉพาะผัสสะภายนอกทิ้งไม่ได้ ถ้าไปทิ้งแล้วก็ไม่มีจุดเริ่มต้นเพราะภายนอกเป็นตัวอย่างเป็นจุดเริ่มต้นก่อน ปฏิฆสัมผัสโสอยู่แต่มโนสัมผัส มันก็ไม่ไปไหนสักที มันเท่ากับทำใบมีดโกนยิลเลตต์อยู่ภายใน ด้ามมีดโกนก็ไม่มีสิทธิ์แล้วจับใบมีดโกนยิลเลตต์มาสู้กับอีโต้ภายนอกสู้กับสากกะเบือไม่ได้ คนถือใบมีดยิลเลตต์เมื่อสู้สากกะเบือก็ไม่ได้ เชื่อไหม ถูกไม้หน้าสามซัดเอา ขว้างยิลเลตต์ใส่เรากับเราขว้างสากกะเบือใส่ใครจะไปก่อนกัน ไม่ใช่เรื่องอุตริ แต่เป็นการอธิบายให้ชัดเจน สู่แดนธรรม ว่า ปีใหม่นี้พ่อครูมีอะไรจะมอบให้แก่ลูกไหมครับ พ่อครูว่า… “ผู้อยู่ขอให้อยู่แข็งแรงมั่นคงดีๆ แล้วพากเพียรพัฒนาตัวเองมั่นคงต่อไป ผู้ที่มีศีลยังไม่ได้มา จงมา เชิญมา โปรดมา มาเถิดมาอย่าช้า…อยู่ไหนรีบมา” มาเอาพร้าจอบเสียมที่นี่ก็ได้ไม่ต้องแบกมา ทำไมเราเน้นจอบเสียม เพราะเราเน้นการกสิกรรมพืชพันธุ์ธัญญาหาร เราไม่เน้นที่ปืนผาหน้าไม้ เราเน้นสิ่งที่กินที่ใช้ เราทำให้มันเจริญงอกงามงดงาม ง สู่แดนธรรมว่า…สัญลักษณ์มือที่โลโก้สู่แดนทอง ฉลอง 50 ปีโพธิกิจ ความหมายคืออะไรครับ พ่อครูว่า…มีมือที่เป็น สัญลักษณ์แห่งความรัก และอีกมือ สัญลักษณ์ของการเป็นผู้ให้ สรุปแล้วคือให้ด้วยความรักจริงใจ นี่คือ สื่อด้วยภาษาใบ้ ข้อ 3 ทับอีกทีหนึ่งว่า ผู้ที่มีศีลแล้วยังไม่ได้มาจงมาผู้ที่มาแล้วจงแข็งแรงตั้งใจเบิกบานสดชื่นให้ได้ ผู้ที่มีศิลป์แล้วยังไม่ได้มาจงมา ผู้ที่ยังไม่มีศีลจงพยายามพากเพียรปฏิบัติศีลให้ได้ ถ้ายังมีศีลไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องอบายมุขก็อย่าเพิ่งมาเรายังไม่มีพลังงานที่จะเอาไปสู้ได้มันไม่ไหว เพราะฉะนั้นขออภัยที่ต้องบอกว่า ถ้าคุณยังไม่พร้อมเลยยังเต็มไปด้วยอบายมุขยังเต็มไปด้วยความอยากจะเป็นใหญ่เป็นโตขนาดที่จะต้องไปแย่งชิงบ้านเมืองอะไรอยู่อย่างนี้ก็ขออภัยอย่าเพิ่งมา พวกนั้นเขาไม่ฟังด้วยไม่มาหรอกเห็นเราเป็นเศษสวะด้วยเขาไม่มา อันนี้เป็นสัจธรรมที่จัดสรรกันอยู่แล้ว ที่พูดนี้ก็เพื่อที่จะคนที่มีหูพูดแล้วเข้าหูแล้วก็เข้าใจ เข้าใจแล้วเข้ามาเข้าถึง เป็นเช่นนั้นสำหรับวันนี้ก็เอาพรุ่งนี้พรุ่งนี้ Category: ศาสนาBy Samanasandin1 มกราคม 2020Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:621231_ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 ผู้ข้องอยู่ในถ้ำอันไกลจากวิเวกNextNext post:508(530) asoke news ธันวาคา ๖๒ รวมปักษ์Related Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024