มี.ค.62020ศาสนา630306_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ จรณะ 15 โดยพิสดาร อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1lF5HKoOSfdxfAzRH-vmRvCzPEp_cwEx2Wb6v93qNeKs/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=12E3d6C0YJ_pgat5gEDGq-LB91RjfSZFp สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้คนจะเข้ามาในประเทศก็ต้องคัดกรอง แม้แต่ในราชธานีอโศกต้องคัดกรองคนเข้ามา เพราะเกิดวิกฤติ Covid 19 เป็นยุคสมัยที่ต้องตรวจสอบอย่างยิ่ง ไวรัสไม่ไว้หน้าใคร พ่อครู…sms วันที่ 4 มี.ค. 2563 (พุทธศาสนาตามภูมิ : ) _ปะฟ้านวล : ท่านคะ อย่าปิดดาวเทียมนะคะ สงสารคนอายุเยอะค่ะ พ่อครูว่า…ทำไมคนอายุเยอะก็ดูได้ ขยายไปที่จอโทรทัศน์ได้ อย่าว่าแต่จอโทรทัศน์เลย จอ LED ใหญ่ขนาดไหนก็ยังได้เลย เพราะฉะนั้นมันไม่จำกัดว่าเราเปลี่ยนไปไม่เอาดาวเทียมแล้ว เราก็ใช้เทคนิคใหม่สมัยใหม่ ก็น่าจะถือว่า Complete แล้วนะ ไม่ Perfect นักก็แล้วแต่ สมณะฟ้าไทว่า..เขาบอกว่า เดี๋ยวนี้มี Smart TV สามารถเข้าอินเทอร์เน็ตได้เลย พ่อครูว่า..ช่างเทคนิคเขาก็ชัดเจน ปะฟ้านวลก็คงไม่ค่อยรู้เรื่องเทคนิคนี้มาก ก็ไม่ต้องกังวลหรอก ที่พูดว่าอยากจะหยุด เพราะดาวเทียม ภาระค่าเช่าอยู่หลายแสนเดือนๆนึง เราก็ดูว่าทุกวันนี้ พูดก็พูดเถอะนะ เรารู้สึกว่ามันจะเริ่มเอื้อมเอื้อเกื้อกว้างพอสมควร เราก็เลยทำงานกับสังคมมนุษยชาติเพิ่มขึ้น เราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ขนาดเราไม่ได้จัดงานตลาดอาริยะ งานอะไรที่เราจะต้องมีเงินก้อนมาช่วยแจกจ่าย ให้แก่มวลมนุษยชาติทีละหลายล้าน แต่ละครั้ง ขนาดนั้นเราก็ยังฝืดๆเลยทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นเราก็เลยจำเป็นที่จะต้องสงวน ให้เกิดประโยชน์สูงประหยัดสุดมาให้มากๆหน่อย มันก็เป็นความดีงามนะที่เราและคนจะได้ฝึกฝนให้เกิดประโยชน์สูงประหยัดสุด มันเป็นความเจริญทางเศรษฐกิจที่เยี่ยมยอด เศรษฐกิจที่มีประโยชน์สูงประหยัดสุดเป็นเศรษฐกิจที่มาหาความจน เป็นเศรษฐกิจที่จะต้องเข้าใจอย่างดีเลยว่า เรามาฝึกตนเองให้เป็นคนจน มีสังคมคนจน ซึ่งมีประเทศไทยประเทศเดียวในโลก ที่มีการชัดเจนยืนยัน มีผู้ยืนยัน อย่างอาตมายืนยันแน่ แต่อาตมาไม่ได้เป็นผู้มี favorite แก่สังคมมาก อย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 นี้แน่นอนเลย ทั่วโลกรับซับทราบจากพระองค์เลย ทรงตรัส เป็นเรื่องยิ่งใหญ่เลยว่าเรามาเป็นคนจน ขนาดนั้นนักเศรษฐศาสตร์ของคนไทยที่บริหารประเทศอยู่ ก็ยัง เงอะๆงะๆอยู่ ก็ในหลวงตรัสมา แล้วจะไปตำหนิท่าน จะไปค้านท่านก็ไม่ได้ ก็เลยได้แต่อึมๆอัมๆ แต่จริงๆแล้วก็ยังไม่ชัดเจนในภูมิปัญญาจริงๆ ถ้าคนไทยเราได้สนใจธรรมะพระพุทธเจ้า แล้วทำความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจ เศรษฐกิจพอเพียงก็ดี เศรษฐกิจแบบคนจนก็ดี ขาดทุนของเราคือกำไรของเราก็ดี ซึ่งเป็นคำตรัสของในหลวงทั้งนั้น อาตมาเอามาขยายความแล้วพาทำมาตั้งแต่ต้นทำงานศาสนามา ตั้งแต่ พ.ศ 2513 อาตมาเริ่มทำชุมชนชาวอโศกที่เป็นสาธารณโภคี เป็นชุมชนคนจน จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็สำเร็จได้กันอย่างที่คนเข้ามาในนี้ มีเป็นสมาชิกมีภูมิปัญญารับรู้เรื่องนี้ได้อย่างดี เข้าใจเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจแบบคนจนเรียบร้อยเลย หมดความสงสัย เพราะมีจิตวิญญาณที่เป็นผู้ที่เข้ากระแสโลกุตระของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นทาสโลกธรรมไม่ต้องไปแย่งลาภ ยศ สรรเสริญ ก็น่าจะเข้าใจได้ชัดเจน ไม่แย่ง มีน้อยก็อยู่ได้หรืออย่างเก่งคือไม่ต้องมีเลยส่วนตัว อาศัยกับส่วนกลาง จะขอเบิก มีให้ก็ใช้ ไม่มีให้ก็ไม่เอา ประหยัดไม่สุรุ่ยสุร่ายไม่ฟุ่มเฟือยและก็ไม่ตายหรอก และไม่ได้หมายความว่าจะไม่เจริญมีความเจริญด้วย คำว่า เจริญนี้ ซับซ้อนลึกซึ้ง ซึ่งไม่ใช่ความเจริญอย่างโลกีย์ที่เป็นอย่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ ถือว่าเจริญ สิริวัฒนภักดี ไม่ใช่อย่างนั้น ทั้งสองเจริญอย่างนั้น การเจริญแบบโลกีย์ เอาไปแล้วมีมวลของตัวเองมาก แล้วทำกำไรทำการเอาเปรียบ ได้เปรียบอย่างซับซ้อนไม่รู้จบ ฉันจะต้องขึ้นบอร์ดคนรวยที่สุดของโลก ขึ้นทำเนียบเป็นผู้ที่เป็นเศรษฐีเป็นคนร่ำรวย ที่จริงเรียกว่ากระฎุมพีไม่ใช่เศรษฐี คำว่าเศรษฐี เสฏฐะ เสฏโฐ แปลว่าผู้เจริญ สรุปแล้วโลกียะก็อย่างหนึ่งโลกุตระก็อย่างหนึ่ง สำหรับผู้ที่เข้ากระแสโลกุตระแล้วที่ผ่านขั้นอนาคามีขึ้นไป ชัดเจนทั้งรูปและนาม หากยังเป็นพระโสดาบัน สกิทาคามี ก็จะยังไม่ชัดเจน แต่ก็จะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆมีร่องรอยมากน้อยลดลง สกิทาคามีก็เห็นชัดเจนว่าคนนี้ไม่เพิ่มเติมไม่สะสมลาภยศสรรเสริญ มีแต่จะลดของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น กระแสสกิทาคามี จะชัดเจน ลดแน่ พอเข้าอนาคามี อนาคามะ แปลว่า ผู้ที่ไม่มีทรัพย์สินเงินทองบ้านช่องเรือนชานเป็นของตัวเอง ไม่เป็นผู้สะสมเงินทองบ้านช่องเรือนชานอยู่ในหมู่พวกเรามีเยอะ ซึ่งเห็นได้ไม่ได้เสแสร้างแกล้งทำเป็นเท่ เรื่องจริง อาจจะมีกิเลสอยู่ในใจที่เป็นรูปราคะอรูปราคะแต่ก็สบาย ถ้าเป็นอรหันต์ขึ้นไปก็ชัดเจน อาตมาถึงอยากจะอายุยาวเพื่อจะดูความเจริญความจริงของโลกุตระของพระพุทธเจ้า อยากจะอยู่ดูว่ามันจะน่าชื่นใจขนาดไหน ขนาดมีน้อยขนาดนี้ก็ยังชื่นชม ถ้ามันสามารถมีกระจายไปตามประเทศอื่นก็ยิ่งชัดเจน เข้าใจโลกุตระแล้วทำไปอย่างมีเพื่อนทำด้วยกันมีประเทศที่ 2 3 4 สาธุ ถ้าอยู่ 151 ปี ก็พอจะได้เห็นรอยๆไรๆบ้าง เอาน่า เดี๋ยวอีก 4 ปีอาตมา 90 อีก 6 ปี อายุ 96 ถ้าถึง100 ความเจริญคงพอสมควรแล้ว คงจะไม่มีเงินมีทองก็ฉลอง ไม่มีเงินทองก็ฉลองกันได้ เอาพวกนี้(พืชผักผลไม้) มาฉลอง อาตมามองไปที่หัวมัน หัวใหญ่อะไรกันนักกันหนา น่าชื่นชมจริงๆ อาตมาก็พยายามชักชวนกัน ให้พวกเราเป็น กสิกรแข็งขลังเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม ตั้งใจทำ มันจะเป็นแหล่งอาหารของโลกที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่าการสร้างอาวุธได้เก่ง ยิ่งใหญ่จริงๆนี่แหละอาหารมนุษยชาติ แล้วเราก็เน้นที่การกสิกรรมไม่ได้เน้นไปหาปศุสัตว์ ไม่ได้เน้นไปหาประมง เพราะฉะนั้นพลังงานก็จะมารวมเป็นหนึ่งเดียว สร้างกสิกรรมแผ่นดินยังมีอีกเยอะที่จะทำได้ยังขยายพอที่จะทำได้ หรือดีไม่ดีเราก็ไปเช่าต่างประเทศ เมืองลาวบ้าง มีเยอะ ที่ใกล้กับประเทศไทย พม่าเขมรได้ทั้งนั้น สร้างผลผลิตทางพืชพันธุ์ธัญญาหาร แล้วเอาไปเลี้ยงโลก เรื่องของพืชพันธุ์ธัญญาหาร ไม่ต้องไปเน้นเรื่องของสัตว์ไม่ว่าจะเป็นปศุสัตว์หรือประมง เราเอาแต่พืช ไม่ต้องกลัวว่าสัตว์ต่างๆมันจะล้นโลก มันจะทำลายกันเองด้วยสำหรับสัตว์ ไม่ใช่ว่ามันจะปล่อยให้มันเต็มโลกล้นโลก ไม่ต้องกลัว ธรรมชาติเก่งกว่าเราอีก มันไม่มีปัญหา เป็นแต่เพียงว่า ถ้าเราทำได้คนสิ จะอยู่เย็นเป็นสุข มันเป็นสาธารณโภคีได้จริงๆ ในกลุ่มนี้ ในกลุ่มประเทศอินโดจีน อาตมาว่ารับรองถ้าเป็นไปได้ขยายออกไปถึงต่างประเทศด้วยซึ่งทุกประเทศในโลกถ้าเป็นถึงระดับของสาธารณโภคีเป็นโลกุตรธรรม โลกุตรธรรมแท้ๆนั้นไม่กินเนื้อสัตว์แน่นอน มันเข้าใจมันมีปัญญามันรู้จักกรรมวิบาก ศาสนาเทวนิยมเขาไม่รู้จักกรรมวิบาก แม้แต่ศาสนาพุทธเองก็ยังไม่ชัดเจนสำหรับผู้ที่ยังไม่สัมมาทิฏฐิดีเพียงพอ ยังไม่เต็มบริบูรณ์ก็จะยังไม่ชัดเจนเรื่องกรรมวิบากเพราะละเอียดลึกซึ้งเลยว่ามันเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อกัน มันเป็นการสืบทอด ทั้งจองเวรจองกรรม ทั้งจองรัก จองผูกพัน จิตวิญญาณนี้ เป็นอจินไตยเดาไม่ได้ แต่ยืนยันว่าเป็นเรื่่องจริง พยายามพัฒนาตัวเองให้รู้เป็นปัจจัตตังจะรู้เอง อาตมาไม่ได้พูดอย่างเดาหรือสุ่มเสี่ยง เล่นผีถ้วยแก้วเอาก็ไม่ใช่ มันเป็นของที่อาตมามั่นใจจริง สมณะฟ้าไทว่า…เกษตรกรที่ปลูกมันญี่ปุ่นพันธุ์โอกินาว่า ตลาดกิโลกรัมละ 50 บาทแต่เขาขายกิโลกรัมละ 10 บาท พวกเกษตรกรขาย 10 บาทพวกเราก็ตกใจ บางทีเขาก็แถมให้ด้วย เป็นสิ่งที่เขาบอกว่าเขาก็ทำอย่างนี้มาก่อน พ่อครูว่า…ไปช่วยกันเก็บไปขายไปแจกกัน อีกอย่างหนึ่งอาตมาก็ท้วงพูดเล่นกันว่า ทำไมมันปลูกพริกกันจัง อาตมาก็ว่าเมนูใหม่ไปประกาศว่าร้านนี้ขายพริกขี้หนูชุบแป้งทอด หรือ พริกขี้หนูชุบไข่ทอด รับรองขึ้นห้างขายดีเลย คนกินเผ็ด อาตมาเห็นยังงงเลย กินพริกเฉย อาตมานี่แต่ก่อนติดกินข้าวคำพริกขี้หนูเม็ด แต่เดี๋ยวนี้แตะไม่ได้เลย ไอ สรีระไม่ให้กิน มันก็ดี ดีกับสุขภาพเรา สมณะฟ้าไทว่า…ไปถามเกษตรกรว่าปลูกอย่างไร เขาก็ว่า อย่าไปเอาใจใส่มันมากมันถึงจะงามถ้าเอาใจใส่มันมากเดี๋ยวมันไม่งาม พ่อครูว่า..ดร.อาจองว่า จะปลูกต้นไม้ให้งามต้องเอาใจใส่มันอย่างยิ่งร้องเพลงให้มันฟังด้วย พวกเรานี้ปลูกพริก มากมายหลายพันธุ์ เก็บกันไม่หวาดไม่ไหว อาตมาเลยบอกว่าให้เปิดเมนูใหม่พริกขี้หนูชุบแป้งทอด หรือไม่ก็ยำใหญ่พริกขี้หนู _ขวัญ เขตบุญ : งานพุทธาดิฉันไม่ได้ไปร่วม แต่ตั้งใจว่าจะไปงานปลุกเสก แต่พอพ่อครูบอกงดตามเหตุ จิตก็ไม่ตกค่ะ เพราะติดตามชมรายการทางยูทูป ทางเฟสบุ๊คทุกๆ วันอยู่แล้วค่ะ ต้องขอบคุณบุญนิยมที่ช่วยเอื้อบุญให้ ขอบคุณค่ะ _Yai Jaru ใหญ่ จารุ : ปกติจะรับชมช่องบุญนิยมทีวี โดยผ่านทางดาวเทียมค่ะขอขอบพระคุณค่ะ _พันธุ์ พอเพียง : มีลูกจำนวนพันเป็นอเนก ถ้าไม่แคล่วคล่อง ว่องไว ไม่ประกอบ นัจจะ คีตะวาทิตะ ก็สืบทอดศาสนาไปไม่ได้ กิริยาพ่อครูนั้น เหมาะกับกาลแล้วครับ ผมเคยโดนสายตาของพ่อฟาดที่เฮือนบวร สะดุ้งแทบร้องไห้ อีกวินาทีต่อมาหันไปคุยกับคนอื่นเฉยเลย คือพ่อครูหันไปคุยกับคนอื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่าได้ใช้สายตาดุผมหนะครับ สุดยอดศิลปินจริงๆครับ พ่อครูว่า…อาตมาก็พูดแล้วนะว่าอาตมาอยู่กับปัจจุบันที่จุดลงไป”จิ๊ก”แล้วยกขึ้นเลยนะ เข็มแหลมปัจจุบันจุดลงไปแล้วยกเลยอาตมามีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นอะไร ไม่ยืดยาวกว่าสองจุดสามจุดนี้ แต่ไม่ใช่ว่าจุดไปแล้วไม่รู้เรื่อง สัญญามีอยู่ มันก็ยังไม่เก่งที่ไม่ต่อเนื่องกันบ้างแต่ก็ฝึกอยู่ว่า ให้สัญญาเก่งขึ้นจำได้หมายรู้เก่งขึ้นได้มากขึ้น แต่อาตมาจะฝึกให้หยุดเร็ว ให้มีปัจจุบันที่เร็วที่สุด อันนี้อาตมาช่ำชอง ความจำไม่มีปัญหาหรอก วันนี้มีอะไรเก็บให้ สมณะฟ้าไท…พ่อครูเป็นสิริมหามายา พ่อครูว่า…พูดไปแล้วก็เหมือนหลวงจีน 2 คนที่ไปเจอผู้หญิงตกน้ำ หลวงจีนคนหนึ่งก็ไปช่วยผู้หญิงขึ้นจากน้ำได้สำเร็จแล้วก็เดินจากไป ส่วนหลวงจีนอีกคนหนึ่งบอกว่า ท่านไม่ควรทำอย่างนี้เลย ไปอุ้มผู้หญิงได้อย่างไร มันอาบัติมันผิดนะไปอุ้มผู้หญิง หลวงจีนอีกคนหนึ่งก็บอกว่า ผมวางไปนานแล้วนะท่านยังอุ้มมาด้วยเหรอเนี่ย ผู้ศึกษาก็จะรู้ว่าเรายึดมั่นถือมั่นหรือ แต่ท่านก็เสร็จแล้วไม่ได้ยึด ท่านช่วยเสร็จก็วาง แต่หลวงพี่อีกองค์หนึ่งก็วางไม่ลงหอบอยู่ได้ สู่แดนธรรมว่า…ก็คุณคนนี้คงได้ตอบให้พ่อท่านบอกเรื่องอาการหลุกหลิก พ่อครูว่า…ก็ศึกษาปฏิบัติธรรมมาให้ได้จริง อาตมาว่าอย่างนี้มันเป็นความถูกต้องความดี ใครยังไม่เข้าใจ ไม่เห็นด้วย ก็เป็นธรรมดาคนเหล่านี้ยังไม่เกิดศรัทธา เกิดความเชื่อถือยังไม่เห็นด้วยก็ยังไม่ตาม แต่ถ้ามันเกิดศรัทธาแล้วเป็นตัวต้น เกิดความเห็นด้วยเข้าใจแล้วก็ตามรู้ เริ่มต้นตั้งแต่ เชื่อถือ เชื่อฟัง เชื่อมั่น อาตมาขยายความออกเป็น 3 สเต็ป เชื่อถือ แล้วมาเชื่อฟัง คือ ปฏิบัติตาม เมื่อปฏิบัติตามจนได้ผลเป็นของตัวเองได้เห็นผลชัดเจนมั่นใจได้ คนนี้ก็จะกลายเป็นคนที่ เชื่อมั่น อัปปนา แน่วแน่ , พยัปปนา แนบแน่น , เจตโส อภินิโรปนา ปักมั่น _นุช ไทยเจริญพร : ใช้ชีวิตในความไม่ประมาทเจ้าค่ะ _จักรพล พุทธพัฒนา : คนที่คอยเพ่งโทษถือสาผู้อื่นเสมอๆเพราะสะกดคำว่า ให้อภัยไม่เป็น!!.ใครภูมิไม่ถึงไปติเตียนพระอาริยะ(อริยุปาวาท)..ขอเตือนระวังความซวย(บาป)11ประการนะครับ!!. _Boy Mungchomklang บอย มุ่งจอมกลาง: น้อมกราบนมัสการด้วยความเคารพครับ ผมฟังธรรมไปผมก็สำนึกถึงความดีในผู้มีพระคุณเกือบทุกท่านที่ระลึกได้อยากจะไปร่วมเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่ผมก็มีวิบากร่วมกับทางบ้านที่ควรใช้ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก็ยังมีอีกเรื่องที่ผมคิดว่าควรร่วมคิด ร่วมทำคือเรื่องน้ำที่ใกล้จะขาดแคลน(ผมคาดว่าจะจบก่อนสิ้นเดือนมีนาคม 2563ครับ) ถ้าจบภารกิจนี้ก็มีเรื่องตอบแทนบุญคุณอาจารย์หมอเขียวอีกท่านที่เมตตาผม หลังจากนั้นผมคาดว่าจะไปร่วมเรียนรู้ด้วยใจจริงครับ ขอพ่อครูช่วยชี้แนะความเหมาะควรด้วยครับ เพื่อที่ผมจะได้นำมาปรับความคิดใหม่เพื่อใช้ให้เหมาะกับฐานะของตนเองครับ กราบขอบพระคุณครับ พ่อครูว่า…คุณก็ประมาณแล้วคุณมีข้อมูลต่างๆนานา อาตมาไม่รู้ข้อมูลไม่รู้องค์ประกอบชีวิตของคุณที่มีอะไรเป็นภาระ เป็นสิ่งที่ต้องจัดการให้มันเป็นไป ให้มันลดละให้มันน้อยลง เป็นการลดภาระ การลดภาระไม่ใช่หมายถึงไม่รับผิดชอบ ที่ควรรับผิดชอบก็ต้องรับผิดชอบ คุณต้องรู้ว่าความรับผิดชอบที่ต้องรับผิดชอบ กับที่ว่า แส่เกินไป ต้องรู้ให้ชัด แล้วจะรู้ว่าเหลือภาระอะไรที่ต้องทำให้แก่ตัวเอง มันจะค่อยๆลดลง เราก็จะได้มารวมอยู่กับหมู่ที่พาให้เจริญขึ้นแน่นอนอยู่เจริญขึ้นแน่กับหมู่ มาแล้วลดลงได้ เราก็จะได้ช่วยเหลือผู้อื่นได้มากขึ้น _random2475(แรนดอม 2475) : อารมณ์กังวล กลัวแปรปรวน จะแก้ไขยังไงคะ พ่อครูว่า…อาตมาว่ายังเป็นข้อต้นเหลือเกิน ที่มีกิเลสตัวนี้ อารมณ์กังวล กลัวแปรปรวน มันเป็นกิเลสที่ยังไม่สามารถจับมั่นคั้นตายอะไรได้เลย ตั้งแต่สังโยชน์แรก คุณยังไม่แน่ใจในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เริ่มต้นต้องติดตามฟังให้ดีศึกษาตามไป แต่ถ้าเกิดปี 2475 ก็คงจะแข็งแรงอยู่นะ พยายามก็แล้วกัน _NUCHI (นุชชี่) : จากคำถามที่ว่า.. ความรักเกิดจากหัวใจ หรือสมอง แล้วคุณสู่แดนธรรมแย้งพ่อท่านว่า ใช้ทั้งสมองและหัวใจนั้น ดิฉันขอแย้งว่า..หัวใจนั้นทำหน้าที่แค่สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกาย ไม่ได้เกี่ยวกับความรักเลย แค่ใจเต้นแรงตามคำสั่งของสมอง และจิตวิญญาณที่มีเวทนาชอบมาก จนเราเรียกว่ารัก พ่อครูว่า…ก็ถูกต้อง เรื่องเกี่ยวกับความรัก มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ที่เรียกว่าหัวใจ มันเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ที่เรียกว่าสมอง เพราะว่าสมองเป็นอุปกรณ์ให้จิตวิญญาณทำงาน ส่วนหัวใจนั้นเป็นอุปกรณ์ให้เลือด เลือดนี้เป็นเหมือนวิญญาณของสรีระ แยกเป็นรูปกับนาม นามคือวิญญาณของสมอง ส่วนรูปก็ หัวใจ เรียนรู้ไป _Right Effort Wrong View (ไรท์ เอฟฟอร์ท วรอง วิว): กราบนมัสการครับ ท่านอยู่วัดอะไรหรอครับ ชื่อวัดเผื่อได้แวะไปครับ _จักรพล พุทธพัฒนา ท่านอยู่บวร(ไม่เรียกวัด)ราชธานีอโศก ต.บุ่งไหม อ.วารินฯ จ.อุบลฯครับ พ่อครูว่า…อาตมาอยู่ บวร ราชธานีอโศก คือรวมทั้ง บ้าน วัด โรงเรียน หากคุณมาแล้วจะหาวัด รับรองหาไม่เจอ หากจะหาโรงเรียนก็หาไม่เจอ เป็นแต่เพียงเรามีอาคารที่จดทะเบียน รร.ตามกระทรวง แต่เราก็ใช้เรียนได้หมดพื้นที่ชุมชนไม่ได้เรียนแต่ในกล่อง ก็มาสิ เชิญ ยินดีต้อนรับ _เจน ฮู เชอร์ กราบนมัสการเจ้าค่ะ _ภูเคียงไพร บุราไกร : ตามที่ได้ฟังธรรมพ่อท่าน เรื่อง เวทนาดอกเดียวปลิดวิญญาณ ตอนที่ 1 ค่ะ ลูกขอกราบนิมนต์พ่อท่าน อรรถาธิบายเรื่อง จิตวิญญาณอนาคามีที่ไปสถิตย์อยู่ที่สัตวาส 9 ค่ะ คือลักษณะจิตที่เป็นแบบใดค่ะ กราบนิมนต์พ่อท่านค่ะ พ่อครูว่า…ขอผลัดไว้ก่อน มันไม่ง่าย สัตตาวาส 9 กับ วิญญาณฐิติ 7 ต้องแยกกายแยกจิต จิตนี้รวมทั้งสัญญาอยู่ด้วย จิตนี้หน่วยใหญ่กว่าสัญญายังแยกยากเลย แต่นี่จะไปแยก กาย แยก สัญญา มันเป็นตัวจบเลยนะ แยกกาย แยกสัญญา อย่างวิญญาณฐิติ 7 ตัวแรก กายต่างกัน สัญญาต่างกัน ตัวที่สอง กายต่างกัน สัญญาอย่างเดียวกัน ตัวที่สาม กายอย่างเดียวกันสัญญาต่างกัน ตัวที่สี่ กายอย่างเดียวกัน สัญญาอย่างเดียวกัน ตัวที่ 5 6 7 เป็น อากาสาฯ วิญญานัญจา อากิญจัญญา จบวิญญาณฐิติ 7 ส่วนสัตตาวาส 9 เพิ่มอีกเป็น เนวสัญญานาสัญญายตนสัตว์ กับ อสัญญีสัตว์ เป็นคู่ที่วิญญาณฐิติ 7 ไม่มี เนวสัญญานาสัญญายตนะ เป็นคู่อายตนะสุดท้าย กับ สัญญาเวทยิตนิโรธ ที่อยู่ในวิโมกข์ 8 อย่างนี้เป็นต้น ค่อยอธิบาย สัตตาวาส 9 กับ วิญญาณฐิติ 7 วิโมกข์ 8 ต้องอธิบายสามสูตรให้ปฏิสัมพัทธ์อย่างสำคัญ อาตมาค้างอยู่และทวนอยากให้จบ นิมนต์จิบน้ำ สมณะฟ้าไท… พ่อครูว่า…อาตมาจะสรุป วิชชาจรณะสัมปันโน ย้ำว่าเป็นความรู้ของพระพุทธเจ้า ในพุทธคุณ 9 พระพุทธเจ้าไม่ได้บรรลุอะไร แต่บรรลุวิชชาและจรณะ ทวนพุทธคุณ 9 อะระหังสัมมาสัมพุทโธภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโตโลกะวิทู อะนุตตะโรปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ วิชชา คือ ความรู้ ทุกคนต้องปฏิบัติจรณะ แล้วก็เกิดวิชชาเกิดความรู้ทุกคน อันนี้ไม่ใช่เป็นแต่ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ทุกคนต้องมาทำแบบนี้ถึงจะได้วิชชาจรณะของพระพุทธเจ้า ความประพฤติปฏิบัติของคุณทั้งหมด แล้วจะได้บรรลุในผลของการประพฤตินั้นเป็นแบบของพระพุทธเจ้า ความประพฤติทั้งหมดที่ประพฤติแล้ว ทำให้จิตใจบรรลุกับเกิดปัญญามีความจริงคือจิตมันบรรลุหลุดพ้นจากกิเลสหมดเป็นจิตที่สะอาด เป็นการประพฤติเพื่อให้เกิดกายบริสุทธิ์ จิตบริสุทธิ์ วจีบริสุทธิ์ด้วย แล้วก็ต้องมีปัญญาร่วมรู้ไปด้วยเสมอไม่ได้ขาดกันระหว่างจิตกับปัญญาขาดกันไม่ได้ด้วย เป็นคู่ที่ร่วมรู้กันไปเสมอ เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธถ้าไม่ได้อยู่ในร่องรอยของจรณะกับวิชชาไม่ใช่ศาสนาพุทธเป็นการปฏิบัติออกนอกพุทธเลย ในพุทธคุณ 9 มีจรณะ 15 มีปัญญา คุณต้องทำให้ถึงขั้นสูงสุดที่ท่านตัดเกรดเอาไว้ ที่พระอรหันต์ กิเลสคุณหมดอย่างถาวรทำให้ตัวเองตายแล้วสูญแยกจิตให้เป็นอุตุธาตุได้ ตายแล้วทำให้ไม่เกิดอีกได้ หรือจะเกิดอีกก็ได้ อันนี้อาตมาเอามาเปิดเผยกับสังคมในยุคนี้ที่เป็นเถรวาทในเมืองไทยเขาจะเอาอาตมาตาย บอกว่าจบเป็นพระอรหันต์แล้วเกิดได้อีก เขาก็จะเอาอาตมาตาย แต่เดี๋ยวนี้เงียบไปเลยไม่กล้าแย้งอาตมาแล้ว เพราะว่ามันเป็นเรื่องลึกซึ้งละเอียด อาตมาก็ขยายความยืนยันหลักฐานตามพระไตรปิฎกไม่รู้ต่อกี่สูตร มีพยัญชนะ พระบาลีมีหลักฐานตำนานก็เลยจำนนต่อสิ่งที่อาตมาพูด เพราะว่าเถรวาทโดยเฉพาะในเมืองไทยไม่รู้จักพระโพธิสัตว์ ถ้าหากว่าเป็นมหายาน เถรวาทคือ หินยานคือ ยานเล็ก คนจำนวนน้อย ส่วนมหายานนั้นไม่ติดใจเรื่องการเวียนตายเวียนเกิด แต่เถรวาทเป็นอุจเฉทิฏฐิ เข้าใจว่า อรหันต์ตายแล้วสูญ เกิดอีกไม่ได้ จรณะ 15 วิชชา 8 ขึ้นหัวเรื่อง ศีล ศีลเป็นตัวกำกับกำหนดกรอบขอบเขตของทุกอย่าง ส่วนอปัณณกปฏิปทา 3 คุณต้องปฏิบัติอยู่ใน 3 หลักนี้ให้ได้ ต้องมี ถ้าไม่มี 3 หลักนี้ ไม่ใช่พุทธ ต้องมี 3 ข้อนี้จึงเป็นพุทธคือ สำรวมอินทรีย์ 6 โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคคะ ถ้าคุณบอกว่าจะถือศีล แต่ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายไปสัมผัสคุณไปนั่งหลับตาปฏิบัติ นั่งหลับตาแล้วคุณจะต้องไปถือศีลทำไม ศีล มันต้องเกี่ยวข้องกับสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 จะต้องเกี่ยวกับการพิจารณาของกินของใช้ โภชเนมัตตัญญุตา อาหารการกินเครื่องใช้ไม้สอยที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ถ้าหากเกี่ยวข้องกับสัตว์มันจะอยู่ในอาหาร ถ้าเผื่อว่าเกี่ยวข้องกับของกับพืชมันจะอยู่กับเครื่องใช้ เรื่องกินก็คืออาหาร กวฬิงการาหาร เครื่องใช้คือดินน้ำไฟลมกับพืช พืชเป็นพีชนิยาม ไม่มีความรักไม่มีความชัง ไม่จองเวรจองกรรม ไม่สุขไม่ทุกข์อะไร มันมีชีวะแต่มันมีคุณสมบัติเหมือนกับวัตถุหลายอย่าง แต่ว่ามันเป็นชีวะมันก็มีความต่าง ความต่างพวกนี้ต้องเปรียบเทียบกันถึงจะรู้ว่าเราก็จะรู้จัก ลิงคะ คือความต่าง การศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าจึงต้องมีอาการ ลิงคะ นิมิต อุเทส อุเทส คือ คำบรรยาย เป็นการแสดงหัวข้อธรรม ธรรมะรายละเอียดของผู้ที่อยู่ในฐานะของครูให้ฟัง เสร็จแล้ว ต้องมีการสำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยค ให้ครบ ชาคริยานุโยค ไปแปลแค่ว่า ต้องตื่นจากหลับ อย่าเอาแต่นอนหลับ ตื่นขึ้นมาบ้าง ก็คนเราก็ต้องตื่นอยู่แล้ว ก็เลยไม่ต้องไปปฏิบัติอะไร ก็เลยไม่ลึกซึ้ง ชาคริยานุโยค เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า คุณจะต้องมี อนุโยคะ คือความเพียร เพียรให้ตื่นทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม การนั่งหลับตานั้นมีแต่มโนกรรม คุณก็ตื่นอยู่ในภพของคุณ มันจะไปยากอะไร แต่มันไม่พอ มันไม่ได้เรื่องอะไรหรอก มโน มันต้องควบคุมวาจาและกายอยู่แล้ว หากว่าคุณฝึกชาคริยา กับกายกรรม วจีกรรม จิตของคุณก็เก่งขึ้นแล้ว หากฝึกกับกาย วจี จิตก็จะเก่ง คุณล้างกิเลสได้ตั้งแต่ภายนอก ได้แล้ว เหลือแต่ภายในก็เรื่องเล็กของคุณเลย ไม่ต้องอาศัยข้างนอกก็ยังได้ สะดวกที่สุดแล้วก็มีเวลามากที่คุณจะจัดการมัน แต่ภายนอกคุณไม่รู้เรื่องเลย ขออภัยอย่างมหาบัวไม่รู้เรื่องกามภายนอก ไม่รู้เรื่องการเสพติด แล้วจะไปรู้เรื่องภายในจิต ที่เป็นอุปกิเลส ที่เป็น มานะ อติมานะ ก็ไม่มีทางรู้ได้ อย่างที่เห็นว่าตนทำดี โดยเฉพาะไปติดลาภยศสรรเสริญ ไปเรี่ยไรได้ลาภ ก็อ้างว่าเอาเข้าคลัง เขาก็ให้สิ แต่ก็ต้องนับถือว่าทำจริง จะหกตกหล่นบ้างก็แล้วแต่ จนได้เยอะ จนคนอื่นทำไม่ได้เพราะมีองค์ประกอบมาก มันก็ได้มีเครื่องช่วยตัวช่วยเยอะ อย่างน้อยเอาชาติอ้างก็ได้ มีคนยอมรับก็ได้เข้าใจหาเหตุแวดล้อมเพื่อให้ทำได้ แต่หลงภูมิใจว่าไม่มีใครทำได้อย่างนี้ มันก็จริงอยู่ ที่ทำได้มันก็ดีส่วนหนึ่ง แต่ในส่วนที่เสียที่ตัวเองไม่รู้ในสิ่งเหล่านี้ตัวเองติดแล้วจมไม่ลงหนักหนาอยู่ไม่รู้แม้แต่เรื่องของกาม จิต อัตตามานะ อติมานะที่ตัวเองติด สาเฐยยะ ก็เป็นอัตตาภายในจิตก็ไม่รู้จัก แล้วหลงแถมอีกว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว เป็นพระอรหันต์แล้ว แค่นี้ก็มืดยกกำลังมืดเลย สมณะฟ้าไท…หากหลวงตาได้ฟังก็จะเข้าใจ พ่อครูว่า…ที่อาตมาจำเป็นต้องทำคือ จำเป็นต้องแทงด้วยหอก แต่หอกอาตมาหักหมด ไม่รู้กี่เล่มแล้ว เขาไม่รู้เรื่องวิญญาณ นามรูป วิญญาณก็ไม่รู้เรื่อง ไปหลงวิญญาณ นิรมาณกาย ยิ่งกว่าวิญญาณล่องลอย แต่ไม่รู้วิญญาณนามรูป อาตมาต้องย้ำ พูดมากก็เพราะ ลูกศิษย์ลูกหาเขามีเยอะ ไม่ว่าจะเป็นสำนัก News 1 นี่ก็ตาม ก็เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์เขา ขออภัยยกตัวอย่างชัดเจน มันยาก อาตมาจึงจำเป็นจะต้องแรงและชัดเจนแยกให้ขาด เพื่อที่จะให้รู้ชัดเจน ไม่ใช่ไปกระหน่ำย่ำยี ท่านมหาบัว ไม่ใช่ อาตมาก็ขออภัยท่านอยู่แล้วในฐานะที่ท่านเป็นภันเต บวชก่อนอาตมาจนสิ้นไปแล้วอายุ 96 ปี หากว่าไม่รู้ตั้งแต่กามหยาบ ไม่รู้อัตตาภายใน แล้วไปประกาศว่าเป็นพระอรหันต์มันจะได้อย่างไรไม่รู้ 2 อย่างนี้ ไม่ได้ดับเหตุที่เกิดกาม เกิดอัตตา จึงเป็นจิต 0 ไม่ไปหากาม ไม่ไปหาอัตตา ซึ่งอันนี้เขาอธิบายเพี้ยนไปจนกลายเป็นทางสายกลาง อธิบายผิดไปหมด ธรรมะพระพุทธเจ้านั้น คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34) อาตมาก็ประกาศหาผู้พี่อยู่ ในยุคไอที Globalization ก็น่าจะรู้กันได้ ฟ้าบ่กั้น มันรู้กันหมด ไม่มีอะไรเป็นความลับ ก็ไม่น่าจะไม่รู้ว่าใครอยู่ที่ไหนเป็นอย่างไร สมณะฟ้าไทว่า..พ่อครูประกาศว่าจบระดับ 7 ขึ้น 8 แล้วไหม พ่อครูว่า..ก็ทำไป ให้รู้จักอีกทีก็สูงเสียแล้ว ศีลข้อ 1 คุณต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสัตว์ โดยเฉพาะกับคน คุณจะต้องศึกษาความโกรธ ความซื่อสัตย์ ความรัก ความชัง มีเยอะแยะในคน แต่คุณไม่ โยนทิ้งไปดื้อๆ แล้วคุณจะได้ปฏิบัติกิเลสที่หมักหมมอยู่ในใจได้อย่างไร คุณละเลยมันแล้ว ก็เสร็จสิ กลายเป็นอุจเฉททิฏฐิ เป็นพวกขาดสูญ คุณไม่ได้ปฏิบัติกามคุณ 5 ตีทิ้งไปเลย อย่างมหาบัวเป็นต้น ไม่รู้ว่าตัวเองติดในสิ่งเสพติดอื่นๆกินหมากไม่ขาดปาก ติดหนัก ก็ไม่เข้าใจมันเป็นการเสพติด ซึ่งมันไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร จนกระทั่งเขาบอกให้เลิกกันได้หลายประเทศแล้ว ในเรื่องการติดหมากพลู เมืองไทยแต่ก่อนเคี้ยวกันตั้งแต่อำดำ อำแดง สายนั่งหลับตามหาบัวกินหมากจับๆ กันทั้งนั้น เพราะว่าไม่รู้ก็เลยพากันเลอะเทอะ อาตมาก็สงสาร ฟังธรรมะดีๆ อาตมาไม่ได้ไปด่ามหาบัวหรอก แต่ตักเตือนขนาดนี้ก็ยังไม่รู้ตัว ว่าพูดเยอะแยะคนจะไปรู้ได้อย่างไร เอาสำลีไปเช็ดหนามทุเรียนมันจะไปรู้ได้อย่างไร ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับข้าวของเกี่ยวกับพืช หากว่าคุณไม่สัมผัสไม่เกี่ยวข้องกับพืช กับข้าวของเลย ไม่ปฏิบัติ คุณก็จะได้พิจารณากับอะไร เพราะว่ากิเลสมันเกิดกับของกับพืช ซึ่งมันก็มีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสของ ของกับของพืช เช่นอันนี้กลมสวย โต๊ะสวย บ้านสวยอะไรก็ได้ทั้งนั้น เหมือนพวกเราชมพืชพวกนี้ แต่พวกเราไม่ได้ติดใจอะไร เขาก็ว่ายังติดเลย แต่เราไม่ได้ติด เราก็โชว์เพื่อให้คนได้ประโยชน์ ไม่ได้ทำให้เจริญอย่าง เจริญ สิริวัฒนภักดีกับเจริญเครือโภคภัณฑ์นะ แต่เจริญกิเลสลด เจริญไม่สะสม ไม่กอบโกย ถ้าหากคุณไม่ได้ปฏิบัติเพื่อที่จะเกี่ยวกับสัตว์เกี่ยวกับของ สัมผัสแล้วกิเลสมันเกิดหรือไม่เกิด คุณต้องอ่านความจริงในปัจจุบัน กิเลสมันเกิดต้องเกิดในปัจจุบันที่มันมีผัสสะ ไม่มีผัสสะ กิเลสไม่เกิดในปัจจุบัน ก็มีแต่สัญญานึกคิดเอา เป็นอดีตที่นึกคิดขึ้นมา หรือเป็นอนาคตที่สร้างขึ้นไป มันก็ลอยลม อดีตกับอนาคต มันมีที่ไหนเล่า ศาสนาของพระพุทธเจ้าจึงให้ปฏิบัติที่ ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ ต้องมีความเข้าใจว่านิพพานนั้นต้องมีทิฏฐธรรม มีกาละ เป็นปัจจุบันชาติ ทิฏฐกาละหรือทิฏฐธรรม แปลว่า เห็นอยู่หลัดๆโต้งๆ สัมผัสอยู่ก็ยังไม่หายไปยังไม่ขาดจากปัจจุบัน ถ้าหากขาดจากปัจจุบันเมื่อไหร่ ก็ไม่ต่อนะเป็นอดีต คุณก็จะนึกขึ้นมาเป็นสัญญา ถ้าต่อเนื่องกันไปไม่ได้ ขาดสันตติ คุณอยู่ในปัจจุบัน แต่ถ้าหากสันตติคุณยังไม่ต่อมันขาดไป ขาดไปแค่ 1 วินาทีก็เป็นอดีตแล้ว ครึ่งวินาทีก็ขาดไปแล้วครึ่งวินาที ละเอียดหน่อยนะอาตมาอธิบาย สรุปแล้ว หากคุณไม่มีสิ่งสัมผัสเป็นปัจจัยก็ไม่มีฐาน ไม่มีฐานะไม่มีที่ตั้งให้คุณได้ปฏิบัติธรรม ไม่มีแหล่งให้คุณปฏิบัติธรรม ในพรหมชาลสูตรว่าไว้อ่านพระไตรปิฎกให้แตก ไปหลับตาจึงตีทิ้งได้เลย แต่เขาก็ไม่เข้าใจกันเลยอยู่ในพรหมชาลสูตร สูตรที่ 2 สามัญญผลสูตร เป็นสูตรที่ให้เป็นสมณะเป็นสามัญ สูตรที่ 3 อัมพัฏฐสูตร ก็ว่าด้วย ความเสื่อม เน้นที่ความเสื่อม ชาวพุทธในการออกป่า เมื่อศีลเป็นตัวกำหนดแล้วปฏิบัติอปัณกธรรม 3 ก็เกิด ศรัทธา เกิดความเข้าใจ เกิดความรู้ เกิดความเชื่อถือ เชื่อฟัง เชื่อมั่น แล้วปฏิบัติตาม เมื่อมีการสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียงสัมผัสแล้วเกิดกิเลส แต่ก่อนคุณไม่ได้ละอายเลยที่คุณเกิดกิเลส ได้แต่สวาปามเอาเพิ่มกิเลสพวกนั้น ผูกสัมพันธ์เพิ่มน้ำหนักให้มันโตมันหนามันอ้วนอยู่ทุกวัน แต่ตอนนี้มารู้แล้วว่าเราเอ๋ย เพิ่งจะรู้ความโง่ของตัวเอง มันก็เกิดความละอาย ผู้สำนึกรู้จักละอายต่อความความผิดความติดของตัวเอง กิเลสมันมีเยอะแยะเราก็ละอายหมดก็คงจะหมดแรง ไม่ใช่ไม่ได้ ต้องเอาตัวไหนที่คุณกำหนดก่อน เรื่องไหนที่คุณจะปฏิบัติก่อน ไม่อย่างนั้นคุณทำไม่ไหวหรอก มันต้องทำเป็นตัวๆเป็นคู่ๆไป เมื่อเก่งขึ้นก็ 2 คู่ เก่งขึ้นก็ 3 คู่ เป็นศีล 5 ก็ทำให้เต็มที่เถิดรับรองว่าศีล 5 อย่างละเอียดขึ้นไป คุณบรรลุพระอรหันต์แน่นอน เมื่อคุณปฏิบัติถึงขั้นที่เกิดจิตใจที่ละอายต่อสิ่งที่แต่ก่อนว่าตัวเองทำ แต่ก่อนนี้ทาปากแดงใครก็ชื่นชมชื่นใจ แต่เดี๋ยวนี้ละอายหากว่าเราต้องทาปาก หรือแม้แต่นัยอื่นก็แล้วแต่ คุณต้องรู้สึกตัวว่า แต่ก่อนคุณไม่รู้ประสีประสา แต่เดี๋ยวนี้คุณรู้แล้ว มีเดียงสาแล้ว แต่ก่อนไม่รู้เดียงสาทำอะไรเหมือนเด็กๆ จนกระทั่งเกิดความละอาย อาย ที่มีน้ำหนัก อาย นี้ต่อหน้าไม่ทำ แต่ลับหลังเอาละน่า ไม่มีใครรู้ใครเห็นนี่หว่าทำลับหลัง แต่ถ้าเป็นโอตตัปปะ ต่อหน้าก็ไม่ทำลับหลังก็ไม่เอา เพราะเราเชื่อในกรรมวิบาก พอมันแวบขึ้นมา เราก็ไม่เอาแล้ว โอตตัปปะ ความกลัวต่อบาปต่อสิ่งที่ไม่ดีไม่งามที่เราตั้งใจจะลดละ มันก็เกิดน้ำหนักของความไม่เอาความปล่อยความวางความไม่คลุกคลีไม่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้หมายความว่าดับความจำ ดับความรับรู้ ดับความกำหนดรู้ ไม่ใช่ แต่กำหนดรู้อยู่ รู้อยู่แต่อ่านสอนว่าจิตใจเราไม่มีอาการของกิเลสเคลื่อนไหวเลย สัมผัสอยู่ มันยั่วยุ ทีรู้ตัว ทีไม่รู้ตัว สัมผัสแล้วกิเลสก็ไม่เกิดอย่างนี้ เราก็จะอ่านจะเจอ เราได้อย่างสนิทขึ้นๆ มันจะเห็นจริงเลย เพราะฉะนั้นอำนาจของ หิริ โอตตัปปะ ต้องเกิดจริง คุณก็ทำการลดละได้ สั่งสมลงเป็นพหูสูต แปลว่าเป็นผู้รู้มากขึ้น พหุ มาก สูตะ คือรู้ เป็นผู้รู้ ถ้าแปล พหูสูตรว่า (พ่อครูไอตัดออกด้วย) ว่าคงแก่เรียน ไม่ใช่ (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) สมณะฟ้าไท…ได้ฟังพ่อครูเทศน์ จรณะ15 อปัณนกธรรม3 สัทธรรม 7 ก็จะได้รายละเอียดเพิ่มขึ้นๆ พ่อครูว่า…เราทำได้ สั่งสมพหูสูตร ก็ทำซ้ำทำให้มาก อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง ภาวนา แปลว่า การเกิดผล แล้วก็ต้องอย่างที่ทำได้ ภาวนา แปลว่า ความสำเร็จ ไม่ใช่การท่องบ่น ไปนั่งสมาธิ ไม่ใช่ แต่ภาวนาคือทำอย่างสำเร็จผล ทำให้มาก พหุลีกัมมัง นี่คือการรักษาผลสามอย่าง อาเสวนาภาวนาพหุลีกัมมัง คุณก็จะสั่งสมตกผลึกเป็นพหูสูต อันนี้คือคุณธรรมของ วิริยะ สติ ปัญญา มีความเพียรทำด้วยสติ ปัญญาเป็นผู้ช่วยสติ กับปัญญาเป็นหวังเฉาหม่าฮั่น วิริยะคือผู้ช่วย ทำให้เกิดสัทธรรม 7 ทำอย่างนี้เป็น 7 คุณธรรมอันนี้เข้าไปสะสมเป็นบุญ คือพลังงานที่ทำนั้นเป็นพลังงานฌาน 1 2 3 4 พลังงานฌาน คือ อุณหธาตุ ทำงานเผากิเลส เผาตัวเป็นโทษภัยของจิตเจตสิกต่างๆ ตัวไหนก็แล้วแต่ที่เราตั้ง ศีล แล้วจัดการมันเผามันเผามัน เดี๋ยวก็ได้กินมัน เพราะฉะนั้นฌานเผา เป็นผลสำเร็จเรียกว่าเป็นบุญ บุญนี้เกิดตามหลังฌาน ฌานคือพลังงานที่เผา ฌาน 1 2 3 4 เผาเสร็จเรียกว่าปุญญะ ถึงเรียกว่านักฆ่า ตัวประหาร ตัวเพชฌฆาต เป็นตัวประหารให้คอขาด ตายเสร็จจบหมดสิ้นชีวิตอย่างถาวร เพราะฉะนั้น ตัว บุญ จึงทำงานฆ่ากิเลส เป็นตัวจบ แล้วก็ไม่มีตัว จฝแสดงตัวอีก ซึ่งอาตมชขยายความไม่รู้กี่ทีแล้ว ส.ฟ้าไท สรุปจบ Category: ศาสนาBy Samanasandin6 มีนาคม 2020Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:630304_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ อานาปานสติของพระอรหันต์NextNext post:630308_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ทำจิตให้เป็นอุตุพีชะให้ได้ตามสามัญผลสูตรRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024