630308_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ทำจิตให้เป็นอุตุพีชะให้ได้ตามสามัญผลสูตร
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/15f5JqYHeIoYuhGiLC6ALCFYpap8lpJB3BR5Z_By8GL4/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1w0qurdWQl-AqlBh26gUO8OtR5EVeu1Pc
สมณะฟ้าไทว่า… วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้ชีวิตคนก็ยังหวาดกลัวกับเชื้อCovid 19 วันนี้จัดกิจกรรมร่มโพธิ์ร่มไทรก็ถามเขาว่าทำไมมาที่นี่ เขาก็บอกว่ามาที่นี่เพราะเชื่อว่าที่นี่ปลอดภัย เรียบร้อยดี
พ่อครูว่า…630308 sms
_sms วันที่ 6 – 7 มี.ค. 2563 (พุทธศาสนาตามภููมิ : พ่อครู)
สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) เรื่อง อิสรเสรีภาพ
_นาตยา วัฒนเสรีกุล : น้อมกราบนมัสการค่ะ ดูทุกวันค่ะพ่อท่านเจ้าคะ และสมณะสิกขมาตุดูที่จอทีวีจานดาวเทียมและยูทูปค่ะ ยูทูปไว้พิมพ์ส่งค่ะ
พ่อครูว่า…ดีที่รายงานผลมาแม้ว่าจะมีจำนวนน้อย พวกเรานั้นมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรโลก 7000 ล้านก็กล่าวกันมาหลายปีแล้ว พวกเราตั้งตัวเลขไว้ 777 คน ก็รอไปมันเป็นเรื่อง อิสระเสรีภาพไม่ใช่เรื่องที่จะมาหามวลปริมาณเยอะๆอย่างที่เขาทำ ไม่ว่าจะด้านศาสนา ด้านการค้า ด้านการเมือง ที่เขาทำการโฆษณาหาเสียงหาพวกมีเยอะ แต่พวกเราไม่ได้ใช้วิธีนั้นเลยจริงๆให้รู้ด้วยปัญญามีปฏิภาณปัญญาเอง เห็นเองรู้เองเข้าใจเองแล้วมาอย่างอิสระเสรีภาพ ซึ่งอาตมาสรุปผลได้สูงสุดรวมทั้งเรื่องของความเป็นสังคมเศรษฐกิจที่เป็นประชาธิปไตยเป็นการเมืองรวมได้มี 5 คำ อิสระ ทาน ปัญญา อนุกัมปา อนัตตา
รวมแล้วเป็นคุณวิเศษของจิตที่เป็นอิสระเสรีภาพ เป็น Independent เอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน มีความเป็นใหญ่ในตนไม่เป็นทาส เอาชัดๆ เช่นการเล่นพนัน ก็ตาม พอมันบรรลุแล้วไม่ติดยึดไม่เห็นว่ามันมีค่าเห็นว่ามันพาให้ต่ำเสื่อมด้วยซ้ำ หลุดพ้นแล้ว เป็นเอกราชทั่วทั้งแผ่นดินเราจะไปที่ไหนๆจะมีการเล่นไพ่อยู่ที่ไหนเราก็เฉยๆก็สบายอยู่เหนือมัน เขาจะหาแง่มุมมายั่วยวนกระแทกกระทุ้งอย่างไรก็ไม่มีการสะดุ้งสะเทือนเลย มันสุดยอด
เอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน ยิ่งกว่าสวรรคาลัย มีที่อาศัยที่ยิ่งกว่าที่อาศัยใดๆ
การหลุดพ้นเป็นเอกราช เป็นอิสระเสรีภาพ มันยิ่งกว่าอะไรเลย ยิ่งกว่าอธิปไตยใดๆในโลกทั้งปวง แรงมีอิทธิฤทธิ์มีฤทธิ์เดชมีพลังในตัวเองยิ่งกว่าอธิปไตยใดในโลกเป็นแรงยิ่งกว่าอะไรอะไรสุดยอดไม่มีอะไรที่จะมาดูดมาดึงเราไปได้ พระอาทิตย์ 5 ดวง 7 ดวงก็ดูดเราไปไม่ได้ มันไม่ดึงดูดตนมันหมดอะไรจะมาต่อมาทำปฏิกิริยาร่วมด้วยอย่างนั้นอย่างนี้มันไม่มีมันเป็นนิวตรอน อย่างนี้เป็นต้น เทียบกับวัตถุอย่างนี้แต่ว่านามธรรมมันก็มีลักษณะอย่างนั้นมันสูงลอยละเอียดไม่มีตัวตนสุดยอด ภาษาที่เราใช้สื่อสภาวะมันก็ได้ประมาณหนึ่งแต่จริงๆแล้วมันมีมากกว่านั้นค่อยๆฟังต่อไป ที่พูดนี้มีอิสระตัวเดียวนะ ทาน ปัญญา อนุกัมปา อนัตตา
_Muu Pana หมู ปาณา: ทำไมสัญญาณกระตุกบ่อยคะ
_ประดิษฐ อินทหอม : ระบบจานดาวเทียมคงจะหมดลง ต่อไปจะเป็นการสื่อสารความเร็วสูง 5 จีระบบอินเตอร์เน็ต ปิดดาวเทียมก็คงประหยัดไปเยอะครับ
พ่อครูว่า…อาตมาว่าไม่น่าจะนาน ต่อไปจะเป็นการสื่อสาร 5 G
_จารุพร กราบกลาง : กราบนมัสการพ่อครูสมณะและสิกขมาตุ ติดตามชมค่ะได้ลดกิเลสและได้ความรู้
_แน่งน้อย อินทสระ : ใช่ค่ะ หนูเคยคิดตลอดว่าโชคดีที่เจออาจารย์หมอเขียวโชคดีที่เจออโศก โชคดีกว่าถูกล็อตเตอรี่100ล้าน
_S Sunit : นับถือความสมถะของพวกท่าน
_จักรพล พุทธพัฒนา : ถึงแม้ผมไม่ได้เป็นอรหันต์เต็มรอบบริบูรณ์..แต่ก็เชื่อนะครับว่าเป็นอรหันต์แล้วเกิดอีกได้แน่นอน หรือจะไม่ให้เกิดก็ได้เพราะท่านมีอำนาจเหนือจิต(เจโตวสิปัตโต)แล้วครับ./ลูกศิษย์สายนั่งหลับตาบางวัดหรือวัดบ้านก็ติดหมากโดยเฉพาะคนแก่ๆเข้าไปตำกินกันในหลายวัดที่เขาไปถือศีล8เลยครับ
ผู้ที่เป็นอรหันต์ในโสดาบันจริงๆจะไม่ทำชั่วทั้งต่อหน้าและลับหลังเลยจริงๆ…ขอยืนยัน!!!
พ่อครูว่า…ถือศีลกันเป็นสีลัพพตุปาทานกัน ก็ค่อยๆช่วยกันไปในคนที่ช่วยได้
_Chittra Aswin จิตรา อัศวิน: กราบ_/\_นมสก พ่อครู สมณ สขม ที่เคารพยิ่ง ขอโอกาสเปรียบจรณะ๑๕ คือ technology know how เมื่อผ่านขั้นตอนการปฏิบัตินี้ได้แล้ว ผล คือความ ละ หน่าย คลาย ว่างจากกิเลส ใช่ไหมเจ้าคะ
พ่อครูว่า…ใช่ เป็นวิธีการที่คุณจะเอามาใช้ จนได้มรรคผล
_สมประสงค์ วรรณเพียร : กราบนมัสการพ่อครูครับ ถ้าสัญญาเก่าไม่มีอิทธิพลทำให้เราสุขหรือทุกข์ได้ จะเทียบว่า สัญญาเก่าคืออุตุได้หรือไม่ครับ?
พ่อครูว่า…สัญญาเก่า ตัวนี้ลึกซึ้งมาก สัญญาเก่าคืออุตุ ได้ ถ้าลักษณะของสัญญาเก่าในเรื่องใดก็แล้วแต่มันไม่มีอิทธิพลให้เราสุขทุกข์ ก็คืออุตุ ถูกต้อง
_สุรภา ลิ้มวรรณเสถียร : ถ้าสู้ไม่ไหวควรหนีก่อนนะคะ ตั้งหลักได้จะกลับไปสู้ต่อนะคะ
พ่อครูว่า…ถูกต้อง เราพรากไม้ที่ชุ่มด้วยยางออกจากน้ำก่อน ไม้นี่ชุ่มด้วยยางคือกิเลสเหนียว แล้วก็แช่น้ำอีกก็ไม่มีวันแห้งได้ก็ต้องพรากไม้ที่ชุ่มด้วยยางออกจากน้ำก่อน ก็คือแทนที่จะอยู่กับหมู่ก็ไปปฏิบัติกับตัวเองก่อน แต่ระวังจะไปอยู่ในที่ส่วนตัวแล้วไปคลุกคลีกับหมู่ที่มิจฉาทิฏฐิ ก็แย่แน่ เสร็จอีด่าง ถ้าอย่างนี้ก็มาอยู่กับหมู่ดีกว่า มิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี จะช่วยป้องกันได้
_ศรีอัจฉริยะ ตระกูลเสียงไพเราะ : ความไม่มีในโลกล้วนมีในโลก
พ่อครูว่า…ถ้าคุณยังมีชีวิตร่างกายแล้วคุณก็ไม่มีกิเลสนั้นได้แล้วคือความไม่มีที่ได้แล้ว แต่คุณยังมีชีวิตมีร่างกายอยู่ในโลก มีธาตุรู้ แต่ถ้าคุณตายไปทั้งร่างกายแล้วคุณก็เป็นพระอรหันต์ แล้วคุณก็สามารถดับทั้งกิเลสแล้วตอนเป็นๆก็ดับได้แล้วตายไปคุณก็ดับขันธ์แล้วตั้งจิตตายไปเลย เป็นการตายอย่างไม่ตั้งอะไรไว้เลย สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อปนิหิตนิพพาน สูญ ไม่มีนิมิตใดๆอีกแล้ว จิตว่างไม่มีนิมิตไม่มีเครื่องหมายอะไรแล้วจิตก็ไม่ตั้งอะไรต่อไปเลย อย่างอาตมานั้นตั้งจิตไปต่อพุทธภูมิก็จะไม่เป็นอย่างนั้น แต่ว่าพระอรหันต์ที่ตายแล้วไม่ตั้งนิมิตอะไรต่อก็จะศูนย์ไปได้ ให้รู้ว่าความไม่มีในโลกก็จะไม่มีในโลกได้เพราะคนนี้ไม่มีในโลกนี้ไม่มีแล้ว แต่ถ้ายังเป็นอยู่ก็ใช่แม้แต่เป็นพระอรหันต์อยู่นั้นความไม่มีกิเลสสมบูรณ์แล้วแต่เรายังมีอยู่ในโลกเรายังมี รูป นาม ขันธ์ 5 อย่างนี้เป็นต้น
แยกจิตเป็นอุตุพีชะได้ใน นิยาม 5
_โชติพงษ์ พิทักษ์ชลเดช : รบกวน ช่วยตอบ เรื่องอุตุ พีชะ ชีวะ กรรม พอเข้าใจได้ไหมครับ หนุ่มเหนือน้ำ
พ่อครูว่า…คุณต้องเข้าใจคำว่าอุตุ พีชะ จิต ก่อน
อุตุคือ การปรุงแต่งของดินน้ำไฟลม ยังไม่มีชีวะใดๆเลย สิ่งใดไม่มีชีวะแล้ว ปรุงแต่งอย่างไรก็เรียกอุตุ ดินน้ำไฟลม พระอาทิตย์พระจันทร์ Galaxy nebula มันไม่มีชีวะอยู่ในนั้นเมื่อแตกมาเป็นโลกแล้วก็ต้องรอให้เย็นพอสมควรจึงมีสัตว์โลกที่เป็นชีวะอุบัติขึ้นได้ ซึ่งโลกบางโลกมีชีวะระดับหนึ่งยังไม่มีคน พูดมาก็วนไม่รู้โลกกี่ล้านดวง บางดาวก็เหมือนกัน ซับซ้อนมีชีวะได้คล้ายกัน หรือห่างกันเยอะ อย่างใกล้กัน ขนาดพระจันทร์ยังไม่มีสัตว์โลก
เราก็มาทำชีวิตให้ ไม่เป็นโทษภัยต่อใครเลยไม่เป็นโทษภัยต่อโลกด้วย อาตมาก็เอาเรื่องนี้มาอธิบาย อาตมาขยายความไปมากกว่าพระไตรปิฎกที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้อีก ซึ่งหลายคนก็ชัดเจนขึ้น ไม่ได้ค้านแย้งไม่ได้ไปล้มล้างบัญญัติของพระพุทธเจ้า แต่เป็นเรื่องที่ขยายความให้ละเอียดต่อไป
นิมนต์จิบน้ำ
สมณะฟ้าไท แจ้งปรากฏการณ์ sun outage ทำให้จอบุญนิยมทีวีอาจดับ แต่ต้องมีวิธีแก้ไขได้ คือปิดแล้วเปิดใหม่
พ่อครูว่า..อธิบายต่อ
อุตุ คือที่ไม่มีชีวะเลย แม้ตัวเราบรรลุธรรมแล้วเอาจิตส่วนหนึ่งที่เป็นอุตุได้ ก็มีสภาพเป็นดินน้ำไฟลม มันก็ปรุงแต่งในร่างเรา แต่เราทำจิตให้เป็นดินน้ำไฟลมไม่เป็นชีวะได้ เวลาตายจิตเราก็เป็นดินน้ำไฟลมไม่จับตัวกันอีก แต่ถ้าเป็นพืชพันธุ์ธัญญาหารที่เป็นชีวะ มันไม่มีความทุกข์ความสุขมันไม่มีความดูดความผลัก จนถึงขั้นจองเวร มันไม่ดูดอย่างผูกพันไม่ยอมปล่อยง่ายๆมันเห็นว่าใช้พอสมควรก็ปล่อยสลายได้ไม่มีการจองเวรชาติแล้วชาติเล่าเหมือนกับที่หนังจีนที่บอกให้ลูกแก้แค้นแทนพ่อ
ฐานของพีชะ จึงเป็นฐานของชีวะที่ไม่สุขไม่ทุกข์และไม่รักไม่ชังไม่จองเวรจองกรรมไม่มีความดูดดึงอะไร เป็นฐานที่อาศัย เป็นฐานที่ถือว่าเป็นพระอรหันต์ได้แล้วสิ้นอาสวะแล้ว ก็เหลืออนุสัยเท่านั้น อนุสัยคือยังนอนเนื่องอยู่ในจิต พระโพธิสัตว์จึงไม่ทิ้งอนุสัยง่ายๆ แต่หมดสิ้นอาสวะด้วยปัญญาวิมุติไม่มีทุกข์อีกแล้วไม่มีสุขอีกแล้ว อาศัยรูปฌาน
รูปฌานนี้อาศัยได้ เป็นพลังงานที่เอามาใช้ได้อย่างเหมาะสมได้ ส่วนอรูปฌาน เราก็ทำได้ แต่เป็นสภาพที่สะอาดบริสุทธิ์อย่างที่เราได้ไม่เปลี่ยนแปลงได้ จิตสะอาด อากาสาฯก็ว่างจริง อากิญจัญ ก็ไม่มีกิเลสแม้นิดนึงน้อยหนึ่ง เนวสัญญานาสัญญายตนะ คือ นอกจากเป็นได้แล้ว จิตนิดนึงไม่มีกิเลส คุณต้องรู้ด้วยว่าจิตคุณนิดหนึ่งน้อยหนึ่งกิเลสก็ไม่มี ตรวจสอบด้วยอากิจจัญเสมอ มันก็เป็น อากาสาฯเป็นรูป วิญญานัญจา คือนามเป็นธาตุรู้ เป็นธาตุ 2 เป็นเทวะ เท่านีั้นเอง
เมื่อใดผู้ใดที่ทำจิตให้เป็นพีชะได้ หมดรักหมดชังหมดความจองเวรจองกรรมแล้ว ได้อาศัยแล้ว แต่พระอรหันต์ไม่ได้แค่หมดสุขหมดทุกข์เท่านั้น พระอรหันต์จะต้องสูญได้ด้วยจะต้องแยกจิต พีชะ ให้เป็นอุตุได้ด้วย เมื่อตายไปแล้วปรินิพพานได้ ต้องมีเงื่อนไขอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นไม่เรียกว่าพระอรหันต์ แม้ว่าจะเป็นกายสักขี บางทีโลกกามไม่เกิดแล้ว แต่ในโลกที่ละเอียดกว่านั้นคุณยังไม่ถึง ต้องทบทวนด้วยการสัมผัส สัมผัสแล้วมีอนิจจัง แต่ถ้าไม่สัมผัสอาจจะใช้วิธีกดข่มได้ไม่แยแสได้ เอาแต่อรูปคุณก็ได้ แต่จริงๆแล้วคุณจะต้องอยู่เหนือเลย เป็นอุตระธาตุเป็นธาตุที่อยู่เหนือทั้งสองสภาพทั้งในเชิงของ เจโต และปัญญา อุภโตภาควิมุติ เหนือกว่าปัญญาวิมุติ อันนี้สิ้นอนุสัย
สยะ แปลว่าตัวเรา อาศัยก็คือตัวเรายังใช้งาน แล้วใช้งานได้เก่งเรียกนิสัย คือรู้แล้วสยะตัวเราไม่เอาแล้วไม่มีตัวตนแล้ว สูงกว่านั้นคือวิสัย ยิ่งกว่านิสัย เป็นอมตบุคคล สูงไปกว่านั้นคืออนุสัย เป็นอรหันต์แล้วจะรู้เองได้ อธิบายไปอย่างไรก็อจินไตย คุณก็ได้ฟังไว้ แต่ขอฝากไว้ก่อนโอฬาร
อุตุ พีชะ จิต จิตอรหันต์คือทำจิตเป็นพีชะ ได้ อุตุได้ โดยการทำกรรมกิริยา ที่เป็นอุตุ พีชะ จิต กรรม ธรรมะ เป็นธรรมนิยาม 5 ชัดเจนกว่า คำว่าชีวะก็อธิบายได้ไม่ครบ 5
อาตมาอธิบาย อุตุ พีชะ จิต ไปบ้างแล้ว จิตจะมีภาวะทำได้ทั้งอุตุ พีชะ จิต กรรมจะทำกรรม ทำมนสิกโรติ หรือมนสิการ ทำใจในใจเราให้เป็นอุตุ พีชะ ได้ในเหตุปัจจัยที่เราสัมผัสอยู่ในโลก เราก็สัมผัสมันมันมีอยู่ในโลก แต่จิตใจเราหลุดพ้นจริงๆ ก็ไปทำที่กรรมแล้วก็ทรงไว้ซึ่งธรรมะ เป็นจิตที่เหนือ เป็นพระอรหันต์ก็ทรงไว้ในจิตที่เป็นอรหันต์เอาไว้ใช้งาน ธรรมะแปลว่าทรงไว้ กรรมแปลว่าการกระทำ กรรมกับธรรมะเป็นรูปกับนามที่คู่กัน กรรมเป็น Dynamic เป็นตัวนามธรรม ธรรมะเป็นตัวรูปธรรมเป็นตัว static เป็นรูปกับนาม
มนสิการคือต้นธาตุต้นธรรมของตน
_ฟ้าใส แซ่หว่อง…ขอนอบน้อมกราบนมัสการพ่อครูผู้มีวิถีโลกุตระ The way of life ลูก ขอถามดังนี้ค่ะ
-
มนสิการ จะถือว่าเป็นต้นกำเนิด /เป็นต้นตระกูลของธรรมทั้งปวงได้ไหมคะ?
พ่อครูว่า…คุณทำใจในใจ หากทำมนสิการเป็น คุณก็จะสร้างใจสร้างกายสร้างชีวิต ตามที่คุณปรารถนาจะให้เป็น ก็เรียกว่ามันเป็นต้นกำเนิด คุณเป็นต้นธาตุต้นธรรมของตัวเองนะเป็นต้นตระกูลของธรรมะในตัวเอง เป็นสิ่งที่ทรงไว้ของใครก็ของใครของผู้นั้นทรงไว้ซึ่งสภาวะธรรม แล้วก็จัดการให้สะอาดบริสุทธิ์ เป็นสิ่งอาศัยเป็นประโยชน์คุณค่าไม่มีโทษแก่ใครๆเลยนี่เป็นการทรงไว้ หรือว่าคุณจะแยกธรรมะที่ปรุงแต่งหรือนี้ให้แตก เป็นธาตุอุตุเป็นธาตุดินน้ำไฟลมไปเลย คุณก็หมดทุกอย่างธรรมะก็ไม่ทรงอยู่ไว้อัตภาพ ก็ไม่มีชื่อว่าของคุณไม่เหลือเลย เป็นธาตุดินน้ำไฟลมไปเลย นั่นคือสูงสุดของความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า แต่ถ้าคุณบรรลุแล้ว คุณทำได้ทำให้จิตทั้งหมดเลยที่คุณสัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอะไรทั้งหมดอะไรมาสัมผัสคุณก็ทำให้เป็นอุตุได้ ตายแล้วคุณก็สามารถแยกจิตของคุณให้เป็นอุตุได้สูญแล้วสูญเลยจะกลับมาอีกไม่ได้ พระโพธิสัตว์ยังไม่สูญเลยทีเดียวยังต่อไปได้อีก ไม่เป็นไรลึกซึ้งรู้ไว้เข้าใจไว้อาตมาพูดได้เพราะว่าอาตมามีสภาวะนั้นแล้วเอามาอธิบาย ในพระไตรปิฎกไม่มีอธิบายไว้ฉบับสยามรัฐยังไม่เห็นว่าใครอธิบายไว้ อาตมาอาจอ่านไม่เจอก็ได้ อาตมามั่นใจว่าที่พูดไม่ผิด
สรุปคำตอบ คือ ถือว่าเป็นต้นกำเนิดก็ได้
-
พ่อครู เคยเทศน์ว่า จิต มันรับรู้เร็วมาก โดยเฉพาะการเกิด อายตนะ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ฯ มันเกิดทีละอย่าง แต่เร็วมากแต่เรารู้สึกว่าเกิดพร้อมกัน เช่น เราดูพ่อครูแสดงธรรม ทางทีวี การเห็นรูปกับ ได้ยินเสียงเรารู้สึกว่า มันเกิดพร้อมกัน แต่จริงแล้ว เห็นรูป กับการได้ยิน ไม่เกิดพร้อมกัน ลูกเข้าใจถูกไหมคะ?
กราบนมัสการค่ะ
พ่อครูว่า…หากแยกแยะไม่ออก เห็นดีเป็นชั่วเห็นชั่วเป็นดีได้ เห็นโพธิรักษ์เป็นพระเทวทัตไปได้ มันคนละฟากฝั่งเลยต้องชัดเจน
การแยก 2 เป็น 1 ได้หรือทำ 1ให้เป็น 2 ตามที่พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ สามารถทำ 1 ให้เป็น 2 ให้เป็น 3 ให้เป็น 4 ให้เป็นหลายได้ แต่ในพระไตรปิฎกท่านบอกว่าทำให้คนหนึ่งเป็นหลายคนก็ได้ ก็เลยไปเนรมิตเป็นฤาษีไปเนรมิตคนเป็นร้อยเป็นพันนั่งอยู่ในห้องได้เหมือนกันหมดด้วยแยกไม่ออกเลย
แต่ของพุทธก็ต้องแยกออก ให้เป็นแฝดก็แยกออก มีอาการ ลิงค ที่ต่างกัน ต้องแยกออกให้ได้เป็น 2 เช่นสุขกับทุกข์ นี่คือโลกุตระ แต่ดีกับชั่วเป็นโลกียะ ก็เอาดีไว้ก่อนอย่าเอาชั่วเลย แต่สูงกว่านั้นเป็นสุขกับทุกข์ไม่เอาทั้งสุขและทุกข์เลย อันนี้สุดยอด แต่พวกไม่เอาทุกข์ก็ขอเอาสุขอย่างเดียวเป็นสุขนิยม ตายไปแล้วไปอยู่กับพระเจ้านิรันดร เขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องเกิดแล้วตาย เขาระลึกของตัวเองได้แค่นี้แล้วก็เอามายืนยันว่าตายแล้วเราก็ไปอยู่กับพระเจ้า แม้แต่ชาติที่ 2 ก็ไม่มีก็เลยตายแล้วไปอยู่กับพระเจ้า จบ ถือว่าเป็นความสุข ทั้งๆที่ตัวเองมีความชั่วตั้งเยอะแยะต้องไปนรกเป็นซาตานอะไรอย่างนี้อธิบายไม่ออก เพราะเทวนิยมเป็นอย่างนี้จึงยาก พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในพรหมชาลสูตร ระลึกอดีต 18 อนาคต 44 ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย อาตมาก็ได้หยิบเอามาอธิบายบ้างไว้สักวันจะเอามาอธิบาย แต่คนที่ไประลึกชาติ เป็นตัณหาแส่หา อยากจะเป็นชีวิตอย่างโน้นอย่างนี้ซึ่งมันไม่จริงเลย อยากเป็นอะไรอยากเก่งอะไรจะสร้างคู่ต่อสู้มาอย่างเก่งเลย เป็นขนาดที่เก่งที่สุดเอาชีวิตคนตายได้ก็ยังเก่งกว่ายมทูตพญายมอีกอย่างเช่นอาจารย์มั่นอย่างนี้เป็นต้น ก็ว่าไป ซึ่งจริงๆแล้ว
พญายม คือสัจธรรมของกรรมของตัวเองพาให้คุณตายพาให้คุณตกต่ำ จะสั่งให้คุณไปนรกไปสวรรค์ก็ได้ สวรรค์กับนรกก็เป็นภพชาติทั้งนั้น คุณหลงสวรรค์อย่างไรตอนเป็นตอนตายก็ไปเป็นวิมานลอยอย่างนั้นได้ก็เป็นจริงเท่าที่พลังงานคุณได้สร้างไว้เสร็จแล้วหมดฤทธิ์หมดอำนาจคุณก็ไปตกเป็นนรกเพราะว่านรกนี้มันอยูที่อยาก หากคุณอยากได้สวรรค์มากเท่าไหร่ นรกก็ลึกเท่านั้น คุณอยากได้สวรรค์ 80 ปีแต่ตกนรกเป็น 800หรือ 8000 ปี สวรรค์นิดเดียวแต่ว่านรกมันเยอะกว่าเทียบกันไม่ได้เลย เพราะความติดยึด สวรรค์นั้นคือของปลอมมันมีนิดเดียวแต่นรกเป็นของจริง
จิตหรือว่านรก หรือว่าทุกข์ พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้เป็นอาริยสัจเป็นสัจจะความจริง ส่วนสวรรค์นั้นพระพุทธเจ้าบอกว่าเป็น สุขัลลิกะ เป็นของเก๊ ของเท็จ
อาตมาแยกศัพท์อย่างนี้ เถระสมาคมก็หาว่าอาตมาแปลผิดทั้งๆที่พยัญชนะมันก็ยืนยัน ท่านไม่เชื่อก็จมในที่หลงไปเรื่อย ท่านไม่เชื่อเอง อาตมาบอกแล้วอาตมาน่าเชื่อถือนะ ก็ไม่เชื่อ อาตมาจะทำอย่างไรได้ คุณต้องเห็นเองยอมรับนับถือยอมเชื่อเอง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าความเชื่อนี้มันเกิดถึงขั้นเป็นศรัทธา มันชัดเจนมันมีปัญญาแรงกล้าด้วยนะแล้วก็เชื่ออย่างแรงกล้า เชื่ออย่างมีความรักเคารพ มีความเกรงกลัว มีความละอาย หิริโอตตัปปะ ซึ่งเป็นนัยลึกซึ้ง
ที่คุณเข้าใจนี้ดีแล้ว
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ…
สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน…
พ่อครูว่า…มาทวน จรณะ 15 วิชชา 8
จรณะ 15
-
ถึงพร้อมด้วยศีล . . 9. ปรารภความเพียร (อารัทธวิริโย)
-
คุ้มครองทวารอินทรีย์ 10. สติอันเป็นอาริยะ
-
ประมาณในโภชนา 11. ปัญญา
-
ประกอบความตื่น 12. ปฐมฌาน
-
ศรัทธา (เชื่อมั่น) 13. ทุติยฌาน
-
หิริ (ละอายต่อบาป) 14. ตติยฌาน
-
โอตตัปปะ. (สะดุ้งบาป) 15. จตุตถฌาน
-
แทงตลอดในพหูสูต (ล.13/34)
จรณะ 15 กับวิชชา 8 หรือปัญญา ญาณ ปัญญา วิชชา คือความรู้โลกุตระ 8 ประการ มันร่วมปฏิสัมพัทธ์หมุนรอบเชิงซ้อนที่ช่วยกันทำงานอย่างได้สัดส่วนเต็ม แล้วจึงเกิดจิตสะอาด อาสวะสิ้น วิชชา 8 นี่ วิชชาข้อที่ 8 คือสิ้นอาสวะ จิตที่สะอาดคือดับอาสวะก่อน ยังไม่ดับอนุสัยนะ
ดับอาสวะได้แล้วถือว่า เป็นจิตที่สะอาดบริสุทธิ์จิตที่สะอาดบริสุทธิ์นี้จึงจะเริ่มเป็นอเนญชา เริ่มการสะสมผล อนุรักขณาปธาน ทำจิตให้สะอาดไม่มีอาสวะอย่างนี้ ทำอาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง ให้ได้ จิตสะอาดบริสุทธิ์มากขึ้นแข็งแรงจิตนี้จึงเรียกว่าสมาธิ เห็นสมาธิขึ้นหรือยังไม่ใช่ไปนั่งหลับตาสะกดจิตเอาแล้วให้จิตแข็งทื่อไม่รู้เรื่องอย่างนี้ขยับไม่ออกแม้แต่จะคิดว่าจะถอนขึ้นมาหาฌานที่หนึ่งจึงจะคิดได้ ยิ่งออกมาหาตาหูจมูกลิ้นกายเขาก็บอกว่าไม่ใช่ฌานท่านจะต้องไม่รับรู้ตาหูจมูกลิ้นกาย
ผู้ที่มีทิฐิความเห็นความรู้ความเข้าใจอย่างนี้ก็ สุญโญ จากธรรมะพระพุทธเจ้า
คำว่าสมาธิคำนี้สรุปให้เห็นชัดๆเลยว่าไม่ได้เกิดง่ายๆต้องเกิดจากหลังจรณะ 15 วิชชา 8 ได้จิตปริสุทธาแล้วก็อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง ก็จะเกิดปริโยทาตา จิตเก่งมุทุภูตธาตุแล้วก็ทำงานเป็นกัมมัญญาได้อย่างไม่บกพร่อง เหมาะควร แต่จิตก็ประภัสสร
องค์ 5 อุเบกขา สิ้นอาสวะแล้วจิตก็สะอาดบริสุทธิ์ แล้วก็ยังทำงานได้อย่างเก่ง มีจิตที่หัวอ่อน จิตมุทุภูตธาตุ จะดัดจะปรับให้เป็นอย่างไรก็ได้ มีธาตุรู้ที่รู้เร็วเท่าทัน ทำการงานนั้นได้ เพราะฉะนั้นจึงมาจัดการกับกรรมมาปฏิบัติมาทำมีกรรมกิริยาต่างๆ กรรมกิริยาที่ปรุงแต่งไปเป็นสังขารเป็นกายสังขารวจีสังขารต่างๆ จิตที่เป็นประธานเป็นมโนสังขารมันจึงเก่ง กายกรรมก็เก่งขึ้นเป็นคนดีเรียกว่า กัมมัญญตา แล้วจิตก็ยิ่งเก่ง ปภัสสรมากขึ้นเรื่อยๆยิ่งขาวสะอาดผ่องแผ้ว ประภัสสร ขึ้นเรื่อยๆนี่คือองค์ธรรม 5 ที่สั่งสมขึ้นเป็นสมาธิ
กว่าคุณจะรู้จักคำว่าสมาธิได้ เช่นคุณติดยึดในอบายมุข คุณติดในการลักทรัพย์ในการฆ่าสัตว์คุณเกี่ยวข้องกับสัตว์อย่างน้อยยังไปรักไปชังกับมัน
ชังก็ไม่กระไร คุณเลิกได้ก่อน คุณไม่ทำร้ายมันเลยมีจิตเมตตา แต่คุณก็รักมัน วันนี้ยังเห็นว่าพระพุทธทาสก็ยังรักไก่ มหาบัวยังรักในเสืออยู่ สร้างสวนเสืออยู่ที่เมืองกาญจน์มีอ.จัน ดูแลอยู่ เป็นวัดป่าของหลวงตามหาบัว เลี้ยงเสือขาย
เมื่อสามารถที่จะเข้าใจเรื่องจิตสมาธิได้แล้ว คุณก็จึงจะทำสมาธิ ได้ถูกต้องเป็นสัมมาทิฏฐิ ก็เกิดการทำจิตเป็นสมาธิ แล้วสั่งสมหากคุณไม่เข้าใจความสะอาดอย่างนี้ก็เอาอะไรไม่รู้มาสะสมที่เป็นของสกปรกให้มันแน่นเข้าไว้ แล้วจะเรียกว่าเป็นจิตสมาธิได้อย่างไร มันก็เป็นการหมักหมมเน่าในและคุณก็ไม่รู้ตัว ดังนั้นจึงจะต้องให้สะอาดจริงๆทำไปทีละอย่างตามศีลเป็นหลัก ในเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ตั้งแต่สัตว์เล็กสัตว์ใหญ่สัตว์ที่เกี่ยวกับเราจนกระทั่งเป็นมนุษย์ จนกระทั่งเป็นมนุษย์ที่ดีผูกพันกับมนุษย์ที่ดีก็ยังดีนะ แต่ก็อย่าผูกพันแม้แต่เป็นมนุษย์ให้เพียงแต่อาศัยกันก็เกื้อกูลกันช่วยเหลือกัน อนุกัมปา เกื้อกูลกัน ช่วยเหลือกันถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเกิดมาเป็นพ่อเป็นลูก เป็นลูกศิษย์เป็นครูช่วยเหลือกันไปอย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นสัจจะที่จะหมุนเวียนและมาเป็นประโยชน์แก่กันและกันอนุกัมปาจึงได้มีเยอะมาก
ผู้ที่สามารถมีความเข้าใจมีปัญญาตั้งแต่
วิชชา 8
-
วิปัสสนาญาณ
-
มโนมยิทธิญาณ
-
อิทธิวิธญาณ
-
ทิพโสตญาณ
-
เจโตปริยญาณ
-
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
-
จุตูปปาตญาณ
-
อาสวักขยญาณ