630802_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ เป็นคนไฮโซไม่โก้เท่ากสิกรติดดิน
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวน์โหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1lHsCJ2shMUpuXrd2JklAmsoyAvtKubITA0HR7oHOGus/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1wy90az9mK1c19i1bA3yVSktSBARv-V1R/view?usp=sharing
และยูทูปที่ https://youtu.be/89f–nUkD0c
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก สถานการณ์ covid คงอยู่อีกนาน เห็นมีบางท่านบอกว่าจะอยู่ถึง 4 ปี
พ่อครูว่า…4 ปีนี้จะได้คัดเลือกเอาคนที่มีคุณธรรม อาตมาว่าธรรมชาติ ในความเป็นธรรมชาติเอง มีคุณธรรมในความเป็นธรรมชาติ ถ้าเราดูไปบางคนก็บอกว่า ธรรมชาติมีคุณธรรมอะไร แผ่นดินไหวอย่างนี้ ทรมานทับคนตาย ภูเขาไฟระเบิดอะไรอย่างนี้ ธรรมชาติฟ้าผ่าอะไรอย่างนี้ ธรรมชาติน้ำท่วมที่กำลังจะใกล้ๆนี้ จะบอกว่ามันดีได้อย่างไรธรรมชาติมีคุณธรรมอะไร อาจจะว่าอย่างนั้นก็ได้
จริงๆแล้ว อจินไตย ความลึกซึ้งของภาวะ โดยเฉพาะเรื่องโลกจินตา ความหมุนเวียนความเป็นอยู่ของสิ่งที่เป็นอยู่ ของเอกภพมหาจักรวาล เป็นสิ่งที่คุณไปเอาแต่คิดเอา(โลกจินตา) ไม่ได้หรอก มันลึกซึ้งมากจนพระพุทธเจ้าเอาไว้ร่วมกับ อจินไตย 4 ยิ่งใหญ่มาก เราไม่สามารถเรียนรู้ความละเอียดของสิ่งเหล่านี้ได้หมด ที่จริงธรรมชาติมีดีมากกว่าธรรมชาติโหด
ที่เราบอกว่าธรรมชาติโหดก็เป็นอจินไตย โลกจินตา ที่คิดไม่ได้หรอก เป็นอจินไตยข้อที่ 4 มันเกี่ยวทั้งวิญญาณมันเกี่ยวทั้งวัตถุมหาภูตรูป นามธรรมที่สังเคราะห์สังขารกันอยู่ซับซ้อนเกินกว่าจะคิด พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อจินไตย 4 เป็นความรู้สุดยอดยิ่งใหญ่ที่สุดครบครันที่สุด สูงสุดที่สุดในความเป็นโลกในความเป็นเอกภพมหาจักรวาล และในความเป็นจิตวิญญาณ คือมี 2 อย่างนี้มีรูปกับนาม รูปธรรมกับนามธรรม มันลึกซึ้งสุดยอดจริงๆ
เพราะฉะนั้นผู้ที่เรียนรู้สั่งสมการศึกษา ไม่ใช่ศึกษาแค่ฉาบฉวยเฉพาะบัญญัติภาษา แต่ศึกษาเข้าไปสัมผัสเข้าไปค้นถึงทางด้านนามธรรมจิตวิญญาณ อยู่กันอย่างไร เกี่ยวข้องกันอย่างไรสังเคราะห์สัมพันธ์กันอย่างไรจัดการกันอย่างไร เรียกว่าเก่งที่สุดดีที่สุดมากที่สุดเท่าที่คนจะค้นพบได้ ก็คือพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เราก็เอามาสอนเอาไว้ในแต่ละยุคที่สมควรแก่กาล ที่เจ้าความรู้ของพุทธเจ้ามาขยายให้พวกเราได้ใช้เป็นประโยชน์ แม้แต่มนุษยชาติแต่ละคนก็จะใช้มาเรียนรู้ คนไม่เรียนรู้จะเป็นเศษสวะอยู่ในวัฏสงสาร
เศษสวะในวัฏสงสารคืออะไร ก็คือ คนที่ไม่ได้เรียนรู้อะไร ปล่อยไปตามยถากรรม ให้กรรมวิบากกับกิเลส มันเป็นตัวพาเป็นพาไป มันก็หมุนเวียนทุกข์ร้อนวุ่นวาย ไม่เป็นที่แน่นอน เรียกว่าอนิจจัง จับเอาอะไรไม่ได้ สั้นๆยาวๆทุกข์มากทุกข์น้อย นานมากหรือนานน้อยอะไรต่างๆ สูงต่ำ อะไรต่างๆ มันมีในทุกมิติแห่งความเป็นจริงของมนุษย์ แล้วแม้แต่วัตถุดินน้ำไฟลม มันก็เป็นสิ่งที่หลากหลาย ในขนาดในลักษณะในอำนาจของที่มันเป็นธาตุดินน้ำไฟลม แล้วธาตุดินน้ำไฟลมอากาศ มันก็มีพลังงานในตัวของมัน ที่จะออกมาเป็นพลังงานที่จะสังเคราะห์สังขารอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสรรพสิ่งในโลก ที่มันมีอยู่ในมหาเอกภพ มันจึงเป็นเรื่องที่เกินจะคิด ผู้ที่ศึกษาให้สูงสุด อาตมาจึงสรุปว่า พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ศึกษาอะไรนอกจากการศึกษาความเป็นมนุษย์กับความเป็นสังคมมนุษย์เท่านั้นเอง แล้วท่านก็รู้ลึกซึ้งที่สุดถึงความเป็นมนุษย์กับความเป็นสังคมมนุษย์ แล้วก็เอามาเปิดเผยสั่งสอน ว่ามนุษย์ควรทำตัวอย่างนี้แล้วช่วยให้สังคมเป็นอย่างนี้ ดีที่สุด จนกระทั่งคุณจะทำงานอย่างนี้แหละ เมื่อคุณรู้แล้วคุณเป็นโพธิสัตว์
ก่อนอื่นคุณเป็นพระอรหันต์ให้ได้เสียก่อนเอาตัวรอดให้ได้เสียก่อน เอาตัวรอดแบบสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้าคือให้เป็นพระอรหันต์ เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วตัวเองก็อยู่เหนือโลก อยู่เหนือเอกภพได้แล้ว คุณก็เอาชีวิตนี้คุณจะต่อหรือไม่ต่อเป็นสิทธิของคุณ เพราะเมื่อคุณเป็นพระอรหันต์นี้ กายสเภทาปรัมมรณา คือ ทำกายแตกตาย หลังตายแล้วคุณก็กระทำการมีนิพพาน 3 ได้ สุญญตนิพพาน อปณิหิตนิพพาน อนิมิตนิพพาน คุณก็จะทำได้ พระอรหันต์ขึ้นไปทำได้จริงๆ
เพราะฉะนั้นคุณจะตายอย่างไม่เกิดอีกแล้ว สูญเลย มีสิทธิ์ สลายนามธรรมตัวนี้ซึ่งเป็นจิตนิยามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม ถ้ามาศึกษากรรมนิยาม ธรรมนิยาม แล้วเราจะทรงอยู่หรือไม่ทรงอยู่เรียกว่าธรรมะ จะทรงอยู่ต่อไปในวัฏสงสารในเอกภพนี้ก็ได้ คุณจะไม่ทรงอยู่จะทำลายความทรงอยู่ของอัตภาพ สูญสลายให้เป็นอุตุนิยามได้ นี่คือความรู้ที่สูงสุด
ความรู้ของโลกีย์ที่อยู่กันอย่างเป็นคนดี และก็ช่วยโลกได้ดี มันเป็นเรื่องแค่โลกีย์เท่านั้น ชัดเจน แล้วทำให้เป็นคนดีถาวรได้ด้วย เรียกว่าไม่ทำชั่วอีกแล้ว อย่างไรอย่างไรก็ไม่ทำช้่วอีกแล้ว สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง คุณจะอยู่ไปอีกนานเท่าไหร่ก็มีหลักประกันพวกนี้ ทุกกรรมคุณก็มีแต่ กุสลัสสูปสัมปทา ทุกกรรมกิริยาคุณก็ทำแต่ดี มีกุศล บุญคุณไม่ต้องทำอีกแล้วเป็นพระอรหันต์แล้ว ในกรรมทุกกรรมเป็นกุศลไปหมดเลย
อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ที่เอาคำต่างๆมาขยายให้พวกคุณฟัง พวกคุณจะไม่ได้ฟังจากที่ไหนเพราะในยุคนี้จะไม่มีใครเป็นโพธิสัตว์ที่จะมาอธิบายสิ่งเหล่านี้ได้ ขออภัยที่พูดเหมือนกับหลงตัวหลงตนยกตัวตนเกิน แต่มันเป็นความจริงพูดความจริงเท่านั้นโดยไม่มี สาเถยจิต ไม่ได้มีจิตจะโอ้อวดอะไร อาตมาจึงจำเป็นต้องพูดความจริง
คนที่มีปัญญาปฏิภาณดีจะเห็นว่านี่คือพระโพธิสัตว์จริง เป็นสัตบุรุษจริง นี่เป็นผู้รู้จริงอย่างพวกคุณ คุณก็ติดตามมาในชาตินี้ พยายามที่จะศึกษา ใส่ใจมานั่งฟังธรรมเต็มห้องอยู่ตลอดเวลาเลย พวกคุณชัดเจนแล้ว มันไม่มีอะไรดีกว่านี้ คุณฟังมาตั้งแต่ต้นเปิดรายการมีอะไรใหม่ๆให้คุณฟังไหม …มี อานิสงส์ 5 ประการที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มีอยู่ในนั้นหมดไหมไม่ต้องทบทวนหรอก
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของมนุษยชาติที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ แล้วเอามาประกาศให้ศึกษา อาตมาก็ศึกษาตามเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ก็รู้ประมาณ 1 อาตมาไม่ได้หลงตัวอวดดิบอวดดีอะไร แต่มีดีที่จะเอามาแสดง มีดีที่จะมาบอกกัน ให้รู้ความจริงด้วยใจจริงบริสุทธิ์ไม่มีกิเลสไม่มีอุปกิเลสอะไรจริงๆ แต่คนที่ไม่เชื่อเขาไม่เชื่อมันก็ห้ามกันไม่ได้ ก็เขาเข้าใจไม่ได้ ขนาดบางอย่างอาจจะมาทำดูเหมือนจะ เป็นข้อด้อยข้อเสียหายก็ไม่ค่อยดีขึ้นยังไม่ถือสาเลย อาตมาก็ประมวลข้อด้อยของอาตมามีตั้งหลายข้อ ที่อาตมาว่าอาตมาจำเป็นจะต้องรู้จริง จำเป็นต้องใช้ข้อด้อยนี้ก่อน เพราะอาตมาอนุโลมไปตามที่อาตมาจะต้องทำ พูดไปตามที่คนจะเป็น บางคนบอกว่าทำไมต้องลดลงมาหาต่ำเมื่อตัวเองสูงแล้ว ลดลงมาหาต่ำก็เพื่อช่วยพวกคุณ ดูว่าเราประพฤติต่ำก็เหมือนเป็นข้อด้อยใช่ไหม แต่ก็จำเป็นต้องทำเช่นนี้กับผู้ที่อยู่ในฐานที่ควรจะทำด้วยกัน เพราะฉะนั้นบางฐานบางอัน อาตมาใช้อัตโนมัติทำแรงมากดุมากด่ามากกว่ามาก เพราะว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันต้องทำอย่างนั้น เขาจะไม่รู้สึกได้ขณะนี้ ต่อไปในอนาคตเขาจะรู้สึก เขาจะรู้สึกว่าพระโพธิสัตว์ท่านได้ว่าเรา จะรู้สึกได้ในอนาคต แต่ตอนนี้เขายังไม่รู้สึก ก็บังคับกันไม่ได้ จึงต้องเป็นไปตามนั้น
อาตมาต่ออายุขัยไปเหมือนกัน แต่ก็อย่าประมาทเพราะชีวิตนั้นอายุ 100 ปี 200 ปีน้อยนัก คนสมัยเมื่อก่อนเกิดมาเป็นล้านปี
จิตนิยามที่คุณได้มาตั้งแต่เป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นสัตว์เซลล์เดียวมาจนป่านนี้ไม่รู้กี่ล้านชาติแล้วคุณเกิดมา คุณจำไม่ได้เฉยๆ อาตมาจำได้ไม่เท่าไหร่ก็ยังเอามาอ้างอิงยืนยันกับพวกคุณได้ขนาดนี้ ถ้าหากอาตมาจำได้มากกว่านี้จะได้เยอะกว่านี้อีก แต่ขนาดนี้ก็เมื่อยแล้วย่อยออกมาไม่ค่อยไหวแล้ว
SMS วันที่ 31 ก.ค. และ 1 ส.ค. 2563
_บุญยิ่งแก้ว นาวาบุญนิยม : ท่านที่อยู่ไกลๆ และขะน้อยที่แม้จะอยู่ในบ้านราชฯ มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน คือได้ฟังพ่อครูทางโซเชี่ยล อิอิอิ
พ่อครูว่า…อาตมาว่าก็สู้มาฟังต่อหน้านี้ไม่ได้มันครบกว่า ครบวิญญาณ มีวิญญาณที่กระทบกันมี responding มันเป็นเรื่องไม่ธรรมดาเป็นเรื่อง อจินไตยที่อธิบายไม่ไหว การพูดการคบสัตบุรุษที่บริบูรณ์ การเข้าใกล้เงี่ยโสตสดับ ท่านตรัสรายละเอียดเลยพระพุทธเจ้าอย่าประมาท เราจะได้ในสิ่งที่ควรได้โลกุตรธรรมของพุทธเจ้ารู้เองไม่ได้ต้องได้รับการถ่ายทอดฝึกฝนอบรมจากผู้รู้ และก็ไปทำให้ได้จนกระทั่งได้ทั้งรูปธรรมและนามธรรมเข้าไปถึงนามธรรมเราบรรลุทำไปได้เรื่อยๆ
_ນາງເກດມະນີ ສູກສະຫວັນ · ກາບນະມັດສະການພໍ່ທ່ານດວ້ຍຄວາມເຄົາລົຍຢ່າງສຸງຂ້ານອ້ຍຢູ່ເຮືອນກໍ່ປະຕິບັດຕາມພໍ່ທ່ານທັງທີ່ຮອບບ້ານຢູ່ຂ້ານອ້ຍບໍ່ມີໃຜປະຕິບັດແບບນີ້ເລີຍເຂົາກໍ່ຢູ່ກັນແບບໂລກໆ
ວຸນວາຍຕາມອັດຕະພາບວິຖີເຂົາແຕ່ຂ້ານອ້ຍປະຕິຍັດຕາມພໍ່ຕາມອາຈານໝໍຂຽວຊີວິດລຽຍງ່າຍສະບາຍອີຫຼີບໍ່ໄດ້ເດືກຮ້ອນເລີສະບາຍກາບຂອບໃຈຫຼາຍໆມີບຸນທີ່ໄດ້ມາພົບພໍ່ທ່ານແລະອາຈານໝໍຂຽວ
ພົ້ນທຸກລະດັບໜຶ່ງເຖຶງແມ່ນບໍ່ໝົດກຽ້ງຈະປະຕິບັດຕາມຈົນກວ່າຊີວຶດບໍ່ມີກາບສາຖຸສາຖຸສາຖຸ
นางเกตุมณี สุขสวรรค์: กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูง ข้าน่อยยุเฮือนก็ปฏิบัติตามพ่อท่าน ทั้งที่รอบบ้านข้าน่อยบ่มีไผปฏิบัติแบบนี้เลย เขายุกันแบบโลกๆ วุ่นวายตามอัตภาพวิถีเขา แต่ข้าน่อยปฏิบัติตามพ่อ ตามอาจารย์หมอเขียว ชีวิตเรียบง่ายสบายอีหลี บ่ได้เดือดร้อน และสบายกาย ขอบใจหลายๆ มีบุญที่ได้มาพบพ่อท่านและอาจารย์หมอเขียว พ้นทุกข์ระดับหนึ่ง ถึงแม้นบ่หมด ก็ยังปฏิบัติตามจนกว่าชีวิตจะบ่มี กราบสาธุสาธุสาธุ
กติกาการรับเงินบริจาคของชาวอโศก
_แพ้ธรรม ธรรมะ ธรรมชาติ : ช่วงกลางเดือน เห็นหลวงปู่มีดำริจะสร้างสะพานรถข้ามที่ราชธานีอโศก ดิฉันอยากบริจาคเงินร่วมด้วยจะได้ไหมคะ ไม่ได้บริจาคเยอะหรอกค่ะ แต่มีใจศรัทธาจริงๆค่ะ ดิฉันไปอโศกก็หลายครั้ง แต่ฟังเทศน์ทุกวันค่ะทางออนไลน์ค่ะ รบกวนตอบกลับทางอินบล็อคด้วยนะคะ กราบนมัสการค่ะ
พ่อครูว่า…ผู้ที่จะมาบริจาค เราได้มีกติกาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ คนที่ไม่ใช่สมาชิกชาวอโศกจริงๆ ไม่มีสิทธิ์บริจาค บริจาคให้เราก็ไม่รับ จะเอามากี่ล้านร้อยล้านพันล้านเราก็ไม่รับถ้าคุณไม่อยู่ในกติกา กติกามีโดยสังเขปสั้นๆว่า
-
คุณจะต้องรู้จักอโศกดีพออย่างสัมมาทิฏฐิ
-
คุณจะต้องอย่างน้อยมาสัมผัสจริงๆสัมผัสสังคมชุมชนชาวอโศกที่มีชุมชนอยู่ทั่วประเทศนี้ชุมชนไหนก็ได้ มาสัมผัสอย่างมาศึกษาเลยนะ มาครั้งเดียวก็ยังไม่เข้ากติกา 2 ครั้งก็ยังไม่เข้ากติกา 3 ครั้งก็ยังไม่เข้ากติกายังไม่มีสิทธิ์ 4 ครั้ง 5 ครั้งก็ยังไม่ได้ ต้อง 7 ครั้งขึ้นไป เป็นอย่างน้อยเอาเลข 7 เป็นตัวหลัก แค่มาซื้อของก็ไม่ได้ แม้แต่จะดูโทรทัศน์เกิน 7 ครั้ง ก็ไม่ได้ มีคนบอกว่าก็ดูโทรทัศน์ก็ศึกษาไม่ใช่ศึกษา เขาก็บอกว่าดูเกิน 700 ครั้ง อาตมาก็ว่ายังไม่ตั้งหลักเกณฑ์ทางโทรทัศน์ จะเป็น 70 ครั้ง 700 ครั้งก็ยังไม่ตั้ง เรื่องนี้เอาไว้ก่อนยังไม่ออก ไม่อย่างนั้นตีกินหมดเลย จะเอาโทรทัศน์ ตกลงแค่นั้นมันก็ไม่ได้มีสัมผัสทางวิญญาณ ลึกซึ้งนะมันต้องสัมผัสทางวิญญาณจริงๆ มันยิ่งใหญ่
-
ไม่ได้อ่านหนังสือ อย่างน้อย 7 เล่ม ไม่ใช่แค่เล่มเล็กๆอย่างหิ่งห้อยนะ ไม่ใช่อ่านแต่หน้าปกหลังปกหน้าต้องอ่านจริงๆให้ครบ หนังสือมีเป็นร้อยเรื่อง ที่อาตมาเขียนมา พิมพ์ไปก็หลายล้านเล่มแล้ว ที่แจกจ่ายออกไป มีกติกาที่เข้าข่ายบริจาคได้ จะบริจาคมากหรือน้อยก็ต้องตามกติกาแล้วคุณจะได้บริจาค ถ้าไม่ได้อยู่ในกติกาจะบริจาคเป็นพันล้านหมื่นล้านเราก็รับไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกอโศกนี้จึงเป็นพวกที่ คนรวยๆจะเอาเงินมาใส่แล้วทำเป็นเบ่งมีอิทธิพลไม่ได้กินหรอก เพราะฉะนั้นคนที่เขามีอย่างนั้นก็มีเงินกันเยอะนะ เอาเงินมาบริจาคแล้วจะได้อภิสิทธิ์ก็ช่าง ไม่ได้กินอโศกหรอกอโศกไม่มีทางให้เด็ดขาด เพราะเราถือว่า คุณบริจาคมาแล้วที่นี่จะลืมด้วยซ้ำไปว่าคุณเคยบริจาค ฟังให้ดีนะ ตรงนี้ คุณบริจาคมา ที่นี่จะทำลืมว่าคนบริจาคด้วยแม้ว่าจะจำได้ก็ทำลืม ไม่มีจารึกชื่อ แต่ลึกๆเราก็จะรู้อยู่ว่าคุณเคยช่วยเหลือเรา พระพุทธเจ้าหรือพระสารีบุตรก็ยังจำได้ว่า ราทะพราหมณ์ เคยใส่บาตรเราครั้งหนึ่ง ตอนมืดจะบวชแล้วไม่มีใครช่วยเหลือเลย พระสารีบุตรจำได้ว่าเขาเคยใส่บาตรข้าวหนึ่งทัพพี ก็เลยหาเครื่องสำหรับบวชให้ สมัยก่อนหายากนะแต่สมัยนี้หาได้ง่ายมาก
สรุปแล้วการจะรับบริจาคหรือไม่รับบริจาคเพราะมีกติกาและไม่ได้ทำเล่นนะ เพราะเป็นการศึกษาเป็นการปฏิบัติเรียนรู้สัจธรรมเรื่องบริจาคเป็นการเรียนรู้สัจธรรม
_Nittaya Siriwong (นิตยา ศิริวงษ์) : น้อมกราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพศรัทธายิ่งค่ะ..สังคม”คนจน”เป็นสังคมปาฏิหาริย์….สุดยอดจริงๆ ค่ะ
พ่อครูว่า…มีตำนานว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสเรื่องแบบคนจนกับพระโอษฐ์ ทุกวันนี้เราก็เอามายืนยัน ท่านตรัส ก่อนที่จะเอามาบอกมาเปิดในโทรทัศน์ที่เป็นคลิป คลิปนี้ อัดวันที่ 4 ธันวาคม 2534 ท่านท้าวความที่มาที่ไป คือ มีรัฐมนตรีเกาหลีที่เป็นเพื่อนกับประธานาธิบดีเกาหลี แล้วเขาก็บอกว่าเพื่อนฝากถามในหลวงรัชกาลที่ 9 มา ฝากทูลถามว่า จะบริหารประเทศแบบใดแบบไหน เซ้าซี้ท่าน ว่า จะเอาแบบใดดีมีวิธีอย่างไรที่จะบริหารก็เขาศรัทธาเขาเข้าใจว่ามันดี เสร็จแล้วในหลวงท่านก็ตรัสว่า เอาแบบคนจน เขาก็งง ท่านก็ตรัสอธิบายแล้วเขาก็งง ก็คงต้องการคำอธิบาย “เราเลยบอกว่า ถ้าจะแนะนำได้ ต้องทำ “แบบคนจน”
เราไม่เป็นประเทศร่ำรวย เรามีพอสมควร พออยู่ได้
แต่.. ไม่เป็นประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก
เราไม่อยากจะเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมาก
เพราะถ้าเราเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมาก
ก็ จ ะ มี แ ต่ ถ อ ย ห ลั ง !
ประเทศเหล่านั้นที่เป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมก้าวหน้า จ ะ มี แ ต่ ถ อ ย ห ลั ง และถอยหลังอย่างน่ากลัว !
แต่ถ้าเริ่มมีการบริหารที่เรียกว่า “แบบคนจน”
แบบที่ไม่ติดกับตํารามากเกินไป ทําอยางมีสามัคคีนี่แหละ
คือ เมตตากัน ก็จะอยู่ได้ตลอดไป…”
เป็นจิตใจที่มีเมตตาจริงไม่ใช่ทำทีเป็นเมตตาไม่ใช่ท่องแต่เมตตา ไม่ใช่ แต่จิตใจมันเกิดสัจธรรมอย่างนั้นจริง เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นองค์ธรรมที่รวมไม่แยกกัน เมตตาก็เจริญขึ้น กรุณาก็เจริญขึ้น มุทิตาก็เจริญขึ้น อุเบกขาก็เจริญขึ้น พวกนี้เป็นอุตตริมนุสสธรรมเป็นธรรมะที่วิเศษ เมื่อมีเมตตาก็อยู่อย่างพวกเราจะมีสาราณียธรรม มีเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรมกันอยู่จริงๆ มีพุทธพจน์ 7 มีสาราณียะ มีความระลึกถึงกัน เยี่ยมเยียนกันติดต่อกัน ระลึกถึงกัน
-
สาราณียะ (รู้จักระลึกถึงกัน คำนึงถึงคนที่ควรเอื้อ)
-
ปิยกรณะ (รักกันสัมพันธ์ดี-ปรารถนาดีต่อกัน) .
-
ครุกรณะ (เคารพกัน รู้จักฐานะ รู้จักคุณวุฒิ)
-
สังคหะ (สงเคราะห์เกื้อกูลช่วยเหลือกัน) . . .
-
อวิวาทะ (ไม่วิวาทแตกแยกกัน) .
-
สามัคคียะ (พร้อมเพรียงกัน มีพลังรวมยิ่งใหญ่) .
-
เอกีภาวะ (เป็นปึกแผ่น มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน)
(โกสัมพีสูตร พตปฎ. ล.22 ข.282-283)
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะฟ้าไท…พ่อครูพามาจน พวกเราปลอดภัยจาก covid ใช่ไหม เมืองไทยถ้ามีชาวอโศกเป็นล้านคนรับรองได้ว่าโลกนี้น่าอยู่ขึ้นเยอะ
_บ้านเหล่า เวียงเชียงรุ้ง : กราบนมัสการจ้าว พ่อท่าน ไพรดอกหญ้าดอยรายจ้าว มุ่งมั่นพากเพียร คบหาสัตบุรุษสามเวลาจ้าว ฟังเอามาไตร่ตรอง ขัดเกลา ปรับปรุงจิตใจอยู่เสมอจ้าว
อภัยคือใจไม่รักไม่ชัง
_กรรณิกา เสนาะนํา : พ่อคะชีวิตลูกเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ เพราะการปฏิบัติธรรมและมาอยู่ในอโศก ทุกวันนี้ลูกยังเจอผัสสะ แต่ลูกจะอ่านเวทนาให้ถึงจิตและวางได้ค่ะ ชีวิตลูกเปลี่ยนไป ครอบครัวมีความเข้าใจกันทุกคน พ่อบ้านกลายเป็นมิตรแท้ คอยให้กำลังใจเสมอเวลาเจอผัสสะในบวร และบอกให้หันมาจบที่ตนเองและอภัย
พ่อครูว่า…อภัย แปลว่าเลิกมีภัย ภัยคือ จะต้องผูกเวร รักผูกพยาบาทก็ผูก อภัยแปลว่า ว่าง ไม่ผูก เลิกจองเวรจองกรรมกัน หรือไปในแนวโน้ม อภัยคือไม่มีโทสะตอบ เขาจะว่างั้น แต่ยังมีรักตอบอยู่นะ เขาจะเข้าใจเป็นช่วงนั้นไม่มีโทสะตอบ แต่ยังรักผูกพันกันอยู่ ซึ่งจริงๆมันจะต้องมีความสัมพันธ์ แต่ความผูกพันมันจะมี นัย สำคัญที่ต่างกัน ศึกษาให้ดีแล้วจะเข้าใจ
ควรยกย่องชาวไร่ชาวนาเพื่อกู้ชาติ
_Anna B (แอนนา บี) : เคยได้ยินเด็กพูดว่า ทำไมเราไม่ซื้ออาหารจากต่างประเทศ แล้วเอาแผ่นดินไปทำอุตสาหกรรม? คะ…
พ่อครูว่า…อาตมาขอบอกเด็ก เด็กเขาคิดไปหลงอุตสาหกรรม ไม่เข้าใจว่ากสิกรรมนี่แหละจะเลี้ยงโลก อาตมากำลังพยายามจะเรียกว่าปลุกเร้า เร่งรัดพัฒนากันให้คนไทยมาอยู่ในโซนนี้ มีแผ่นดิน ที่จะมาทำกสิกรรมนี้ได้ ถ้าเผื่อว่าคนไทยมีเลือดเนื้อกสิกรรม แล้วทำกสิกรรมกันเป็นหลัก ให้มีคุณภาพและปริมาณดี ทุกวันนี้ ทางด้านการคมนาคม การสื่อสาร โลจิสติกส์ มันทำได้ง่ายแล้วทำได้เลยเราจะเลี้ยงโลกช่วยโลกได้ มากมายเลยอาตมาพยายาม Comment น่าจะส่งเสริม ข้าราชการก็ต้องพยายามส่งเสริมกสิกร ผู้ที่เป็นชาวไร่ชาวนาชาวสวนต่างๆส่งเสริมให้เขามีเกียรติให้เขาได้รับแม้แต่ที่สุดจะต้องมีการให้เหรียญตรา ให้เกียรติยศ honor ต่างๆ ให้ชาวไร่ชาวนาเป็นคุณหญิงเป็นท่านผู้หญิง หรือเจ้าคุณ เหมือนกับได้รับ เครื่องราชฯ อะไรต่างๆ ให้ได้เป็นคนที่มี จิตวิทยานี้ยิ่งใหญ่ เกาหลีเหนือเขาใช้วิธีนี้ เห็นไหมเขามีเหรียญตราติดหน้าอกเป็นแผง ให้รางวัล เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ว่าไม่ใช้ จะต้องใช้สำหรับคนที่ต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้ คนที่อยู่เหนือสรรเสริญอยู่เหนือการยกย่องแล้วก็แล้วไปเถอะ ให้ท่าน ท่านก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกท่านไม่หลงใหล จะให้ท่านก็ได้ ไม่ให้ท่านก็ไม่เป็นปัญหาอะไร จิตใจท่านอยู่เหนือแล้ว ส่วนคนที่ไม่อยู่เหนือ ต้องให้เขา แล้วเขาจะได้มีสิ่งนี้ ถ้าเป็นผู้ที่มีจิตใจเหนือแล้วแม้จะให้ก็ไม่เสียหายอะไร ไม่ได้มีจิตใจหลงใหลปลาบปลื้มกับคำยกย่องชมเชยเหล่านี้ มันเป็นสัจธรรมของโลกุตรสัจธรรมที่จริง ไม่มีปัญหาอะไร
โลกียะทำอะไรกับโลกุตระได้ในเรื่องดี เรื่องเจริญในเรื่องยกย่อง ทำสิ่งดีๆให้ชาวโลกุตระ ไม่เสียหาย แต่ถ้าทำสิ่งไม่ดีกับชาวโลกุตระนี้ บาปมันสูง นี่ไม่ใช่ขู่นะแต่เป็นสัจจะ แม้จะทำดีกับชาวโลกุตระ ให้รางวัลอย่างนู้นอย่างนี้อย่างเช่นโลกีย์ให้มา ชาวโลกุตระก็ถือ1.เป็นโจทย์ คนที่ติดอยู่ในฐานเสขบุคคล ก็อาศัย แต่ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ขึ้นไปเป็นโพธิสัตว์แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรเฉย แล้วก็รับ ผู้ที่ให้เกียรติเรายกย่องชมเชยเราให้รางวัลเราด้วยความจริงใจของเขา มันดีเป็นสิ่งดีเราจะปฏิเสธทำไม เราไม่ปฏิเสธ แต่ว่า ไม่ต้องแอคอาร์ท เราก็ต้องรู้ตัวเรา ถ้าเผื่อว่าเขามาให้เราโดยมีอะไรแฝง หรือแม้ไม่แฝงก็ตาม เราควรจะตอบรับๆเหมาะควรแค่ไหน เรื่องนี้ จะมีบทเรียนนี้มีการศึกษานี้ขึ้นไปเรื่อยๆ ในสังคมชาวอโศกของเราสังคมโลกุตระ
สู่แดนธรรม..คนคิดทำไมไม่ให้ประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมไปซื้ออาหารจากประเทศอื่น ทำไมไม่คิดว่าประเทศเราเป็นประเทศครัวโลก เราจะไปเปลี่ยนเป็นประเทศซ่อมเครื่องจักรไปทำไม
พ่อครูว่า…อุตสาหกรรมแม้แต่ในหลวงก็ตรัสไว้แล้ว ทำไมใช้คำว่าอุตสาหกรรมกสิกรรมเท่านั้น จริงๆแล้วก็คืออุตสาหกรรมนั่นแหละคนเขาหลงใหล ความจริงแล้ว อาตมาวิจารณ์ไว้ว่าคุณจะเก่งสร้างลูกระเบิด สร้างจรวด สร้างเครื่องมืออุตสาหกรรม แม้แต่เทคโนโลยีอะไร คอมพิวเตอร์อะไรต่างๆนานาพวกนี้ สิ่งลึกซึ้งกว่านี้ เป็นพลังงานซับซ้อนที่ยิ่งกว่า เป็นอิทธิฤทธิ์อิทธิเดช ยิ่งกว่าอาเทศนาปาฏิหาริย์ คุณได้อาศัยมันเท่านั้นคุณจะยังชีพด้วยสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ นอกจากคุณจะเอาไปแลกเปลี่ยนพืชพันธุ์ธัญญาหาร สิ่งที่เป็นผลผลิตทางกสิกรรมมามาเลี้ยงชีวิต คุณกินเทคโนโลยีพิเศษสูงสุด คุณเอามาเลี้ยงชีพไม่ได้หรอก พระพุทธเจ้าท่านศึกษาท่านตรัสไว้บอกว่า อาหารเป็นหนึ่งในโลก ไม่มีอะไรสูงกว่านี้ เพราะฉะนั้นเราควรเข้าใจคำตรัสของพระพุทธเจ้าให้ดีๆ
เรายึดหัวหาดนี้แล้วภูมิประเทศเราก็เหมาะสมกับกสิกรรมด้วย คนที่เคยไปมีจิตรังเกียจ รังแครังคัด ชาวไร่ชาวนา ชาวสวนว่าเป็นคนต่ำ เป็นคนอยู่กับโคลนกับดิน สู้เขาไม่ได้ เขาอยู่หอคอยงาช้าง เป็นพวกไฮโซ ความคิดเห็นอย่างนั้นเป็นพวกตกยุคแล้ว ดูให้ได้เสียด้วย คนที่มาอยู่กับดินโคลน แต่เลี้ยงโลกได้นี่แหละ มันจะต้องมาสู่ความจริงอันนี้ แล้วไม่ต้องไปบังคับกัน พวกเรา มีสามอาชีพกู้ชาติ กสิกรรมธรรมชาติ ปุ๋ยสะอาด ขยะวิทยา
คำว่าขยะวิทยาก็ยังเข้าใจกันยากอยู่ อาตมาก็อธิบายไม่เก่ง ทำหนังสือแสงสูญ ขยะวิทยาไม่รู้กี่เล่ม ก็ยังอธิบายไม่เก่ง เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอธิบายเท่าไหร่แต่มีผล เพราะขยะนี้ช่วยชีวิตได้ จนกระทั่งเราสามารถที่จะเป็นผู้เก็บขยะ เป็นผู้ที่รวบรวมขยะออกมาทำการหมุนเวียน ให้มันเกิดระบบทางเศรษฐกิจ ขยายทางเศรษฐกิจ เราก็ได้รายได้ทางขยะเอามาแต่ก่อนนี้ยังใช้โทรทัศน์ดาวเทียม เสียค่าดาวเทียมแพง เดี๋ยวนี้เราใช้ทางอินเทอร์เน็ตซึ่งก็จะเจริญขึ้นเรื่อยๆ จะดูจอใหญ่เท่าไหร่ก็ได้ มีกล่องที่เสียบจากมือถือไปเข้าจอใหญ่อันละ 200 กว่าบาทเอง
สรุปแล้วเราจะพามาทำแบบคนจนให้เกิดประโยชน์สูงประหยัดสุดให้ได้ ไปเรื่อยๆ พัฒนาประโยชน์สูงประหยัดสุด ช่วยกันทำความเข้าใจแล้วยกตัวอย่างประโยชน์สูงประหยัดสุด เพราะฉะนั้นเด็กที่ยังเข้าใจว่า ประเทศไทยควรจะเจริญอุตสาหกรรม แล้วซื้ออาหารจากต่างประเทศ อาตมาว่าหนูเอ๋ยเลิกคิด ประเทศเราจะเป็นประเทศกสิกรรม ส่วนอุตสาหกรรมนั้นเราจะซื้อเอาตามที่จากต่างประเทศหรือทำเองได้ก็ทำไป เขาจะตั้งราคาแพงก็ตาม แต่อาหาร ผลผลิตกสิกรรมจะขายแพงไม่ได้ คุณจะขายให้ถูกที่สุดมีเหลือก็แจกจ่าย เดี๋ยวเราไม่เตี้ยอุ้มค่อมเราไม่เดือดร้อน ก็แจก ขายถูกเท่าไหร่ได้ก็ถูกไป ต้องมีแนวคิดมีเทรนมีแนวโน้มอย่างนี้ แล้วเราจะกอบกู้สังคมโลกได้ช่วยเหลือโลกได้อย่างดี
อย่าหลงตนมีมานะและอย่าติดแป้น
_สติพล จนพัฒนา : ทำไมต้องให้คนอื่นมาบังคับ ติงเตือน ขัดเกลา แนะนำ พร่ำสอนเราให้ทำดีเล่า..? รู้ดีมีปัญญาแล้วก็ทำให้มันเต็มร้อยเข้าไปสิ..ไม่น่าจะมีปัญหาเลยครับ ผมเชื่อผู้ที่เข้าสู่กระแสของความเป็นพระอาริยะที่แท้จริง จะไม่มีคำว่า”ติดแป้น”เด็ดขาดครับ เข้าวัดตั้งแต่เด็กต่อมาทำผิดศีลเลยต้องออกไป กับเข้าวัดตอนแก่แล้วอยู่ได้ยาวเลย..ถามว่าอย่างไหนดีกว่ากันครับ?
พ่อครูว่า…ระวังนะคุณสติพล คุณกำลังจะหลงตน คนที่ยังไม่ดียังมีมากกว่าคุณ ให้เขาฟังธรรม ดีไม่ดีจะต้องบังคับ ทำไมต้องให้คนอื่นมาบังคับ คุณพูดอย่างมีมานะอัตตา ให้เขาบังคับเราบ้าง เราก็ยอมเขาบ้าง ทำไมให้เขามาติงเตือนก็ดีแล้ว ขอบคุณเขา อย่ามีอัตตามานะ ทำไมให้เขามาขัดเกลา ให้เขามาแนะนำพร่ำสอนให้เราดี คุณมีจิตที่รู้ตัวแล้วก็พัฒนาตัวเองได้ โดยไม่ต้องมาสอนต้องมาบังคับหรอก รู้เองเราจะทำเองของเราก็ดีแล้วล่ะ แต่คุณจะไป อาละวาดกับคนอื่น ที่จะมาบังคับกันอยู่ อย่างอาตมาขัดเกลาติงเตือนแนะนำจังพร่ำสอนจัง อย่าว่าอาตมาเลย อาตมาขอทำเถอะ
คุณพูดถูกแล้วรู้เต็มร้อยก็ทำให้มันเต็มร้อยนั้นถูก แต่คุณจะไปว่าเขา เขาจะติงเตือนบังคับกันก็อย่าว่ากัน คุณอย่าไปหลงตัวเอง แต่ได้แล้วก็ไม่บอกใครน่าจะเป็นแบบโลหิจสูตร ต้องเกื้อกูลกันบอกกัน
คุณไม่ติดแป้นก็ต้องเจริญอย่างมีลำดับอันน่าอัศจรรย์ ซึ่งไม่ใช่รู้กันง่ายๆ
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ในเมถุนสังโยค 7 ผู้ที่ทำตัวเองได้เจริญเป็นเทวดาแล้วก็ติดแป้นเป็นเทวดาองค์นั้น คุณไม่รู้ตัวเองหรอกว่าคุณติดแป้นหรอก เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้ และเอาไปเขียนไว้ใต้ศาลาสันติอโศก พระไตรปิฎกเล่มที่ 24 ข้อ 53 เราไม่สรรเสริญแม้ซึ่งความตั้งอยู่ (ฐิติ) ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไฉนจะสรรเสริญความเสื่อมรอบ (ปาริหานิ) ในกุศลธรรมทั้งหลายเล่า
แต่เราสรรเสริญความเจริญ (วุฒฺฑิ) ในกุศลธรรมทั้งหลาย มิใช่ความตั้งอยู่ มิใช่ความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลาย (พตปฎ. เล่ม 24 ข้อ 53)
คุณจะต้องอยู่ในความไม่เที่ยงให้ได้ ถ้าหากคุณติดอยู่ในความเที่ยง คุณก็เสื่อมแล้ว ถ้าคุณมีความคิดว่าคุณจะต้องอยู่ฐานนี้ไม่ไปไหน มันไม่มีหรอก พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรที่จะไม่เที่ยง ทุกอย่างที่ตั้งอยู่และไม่เคลื่อนไปไม่มี มีแต่ความไม่เที่ยง เพราะฉะนั้นเมื่อมีเที่ยงแล้วก็ยังไม่เที่ยงอย่างเสื่อม จงไม่เที่ยงอย่างเจริญขึ้น นี่คือสัจจะ
อุปัญญาตธรรม 2 (ความรู้ทั่วถึงในคุณของธรรม)
-
ความเป็นผู้ไม่สันโดษในกุศลธรรม (อสันตุฏฐิตา) กุศลไม่เที่ยง จึงบูรณาการได้อีก
-
ความเป็นผู้ไม่ย่อหย่อนในความเพียร(อัปปฏิวาณิตา) (พตปฎ. เล่ม 20 ข้อ 251)