631016_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ตอบปัญหาพระไปยุ่งกับการเมืองทำไม
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1rIqVo96H3cp-lbdPtyZ37Ybe48rAGzd3sYOKuARyZBA/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1eZ-6jpHUvnRHfyidsg8jvOkZJ5B_0KRi/view?usp=sharing
และยูทูปที่
สมณะเดินดินว่า…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ บวรราชธานีอโศก ที่บ้านราชฯตอนนี้ปรากฏการณ์เหลืองไม่หยุด มีดอกเหลืองไม่หยุดบานสะพรั่งทั่วหมู่บ้าน เหมือนกับที่ประชาชนไปใส่เสื้อเหลืองรับเสด็จในหลวง
ตอนนี้คนมองกันว่า ประเทศไทยจะเป็นเหมือนฮ่องกงหรือเปล่า ที่จะมีคนรุ่นใหม่ออกมาปฏิวัติ แต่พ่อครูบอกว่าประเทศไทยต้องสงบเรียบร้อยต้องเหนือกว่าฮ่องกงโมเดล
ทุกวันนี้ภาวะโควิดก็สร้างความเดือดร้อนทั่วโลก อย่างอเมริกาหรืออินเดียติดเชื้อวันละ 60000 แล้วอย่างนี้จะไปแก้ปัญหาอย่างไร
แม้ท่ามกลางวิกฤติ แต่ประเทศไทยก็ยังไปต่อได้ดี เพราะพ่อครูบอกว่าคนไทยมีเลือดโลกุตระ ตอนนี้ฝ่ายพิทักษ์สถาบันก็ออกมาขับเคลื่อนและร่วมกันจะออกมาช่วยเหลือปกป้องสถาบันกันแล้ว ก็ต้องเห็นใจนายกฯมาก เพราะภัยมารอบด้าน ทั้งประเทศ เศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ โควิด และการประท้วงอีก คงต้องเอาใจช่วยนายกฯให้มาก
พ่อครูว่า…ตอนนี้มีเทศกาลกินเจ ประเพณีของจีน คุณค่าต่อโลก ได้ก็เป็นประโยชน์ต่อตนต่อสังคมมนุษยชาติอย่างแท้จริง ซึ่งคนหลายคนจะมีกิเลสเอนเอียงในทางติดยึดที่จะต้องกินเนื้อสัตว์ รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสในผลประโยชน์จากการกินเนื้อสัตว์เขาก็ยังติดอยู่ ผู้ที่ไม่ติดยึดจริงๆ มีปัญญาเห็นแจ้ง มีจิตหลุดพ้นติดรสเนื้อสัตว์ ก็จะชัดเจนทุกอย่าง ก็ค่อยๆเจริญไป
กวีของคุณอโศกสัมปวังโก
มังสวิรัติ ภัตต์แท้ของพุทธ
ดูกร! ผู้สั่งใช้ ฆาตกร
เจ้ามิใช่ธรรมธร ดั่งอ้าง
เจ้าผลาญพร่าคำสอน พระศาส-ดาแล
เจ้าเลี่ยงบาลีล้าง ผิดให้ ผู้ทุศีล
เทวทัตตสูตรนั้น อย่าฉงน
ข้อวัตรห้าแยบยล เคลือบไคล้
องค์สัตถุบ่หลงกล เจ้าขบถ
ผู้คิดประทุษไท้ พฤติฟ้อง เจตน์ประสงค์
อาชีวกสูตรไซร้ ยืนยัน
องค์สัตถุภควัน ท่านเว้น
โภชนะผ่านอาสัญ แห่งสรรพ-สัตว์เฮย
ใยบ่คิดย้ำเน้น ยกอ้าง ผู้นับถือ
พุทธศาสน์ผิดเพี้ยน เสียหาย
ด้วยพจน์ผู้บ่อาย บาปอ้าง
เอ่ยเพียงวัตรข้อปลาย ขึ้นปด
ปั้นเหตุผลหักล้าง พฤติผู้ ครองศีล
ดูกร! ผู้เปล่งถ้อย เมตตา
จงหยุดเหตุปาณา- ติบาตรแล้
อย่าหลงเชื่อวาจา พวกอสัตย์
วิบากส่งผลแม้ ห่อนได้ สังหาร
ปวงสัตว์แสนปวดร้าว ทรมา
ยามร่างถูกศาสตรา หวีดร้อง
จงพินิจเถิดหนา นักเสพ
ชีพมนุษย์ใยจักต้อง อยู่ด้วย มังสาหาร
พ่อครูว่า…เป็นภาษากวี ต้องขยายความนิดนึง
ดูกร! ผู้สั่งใช้ ฆาตกร
เจ้ามิใช่ธรรมธร ดั่งอ้าง
พ่อครูว่า…คนที่ สั่งฆ่าสัตว์นี้ ไม่ใช่คนมีธรรมะหรอก ไม่ได้ อย่ามาอ้างให้ยาก
เจ้าผลาญพร่าคำสอน พระศาส-ดาแล
เจ้าเลี่ยงบาลีล้าง ผิดให้ ผู้ทุศีล
เทวทัตตสูตรนั้น อย่าฉงน
พ่อครูว่า…มีประวัติว่าพระเทวทัต ทูลขอให้พระพุทธเจ้าตั้งเป็นพระวินัยเลย 5 ข้อนี้ภิกษุกินมังสวิรัติเป็นวัตรเลย ออกกฎระเบียบเลย 5 ข้อนี้ให้เคร่งครัด ให้บิณฑบาตเป็นวัตร อยู่โคนไม้เป็นวัตร กินมังสวิรัติเป็นวัตร พระพุทธเจ้าก็ไม่ทำตามเพราะว่าใช้วิธีอนุโลมให้มีอิสระในการปฏิบัติได้ เพราะในยุคนั้นคนเกือบทั้งหมดกินมังสวิรัติ แม้แต่พระเทวทัตก็กินมังสวิรัติ แล้วจะไปออกกฎบังคับ น่าจะออกกฎระเบียบมาบวชแล้วต้องกินมังสวิรัติหมด พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ออกกฎระเบียบอย่างนั้น มันมีนัยซับซ้อนลึกซึ้ง จะเป็นที่สงสัยสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ ก็จะสับสนไปมา เคลือบแคลงไม่ลงตัว
ข้อวัตรห้าแยบยล เคลือบไคล้
องค์สัตถุบ่หลงกล เจ้าขบถ
พ่อครูว่า…พระพุทธเจ้าไม่หลงกลพระเทวทัตที่จะไปตราพระวินัย
ผู้คิดประทุษไท้ พฤติฟ้อง เจตน์ประสงค์
พ่อครูว่า…พุทธเจ้ารู้ถึงจุดประสงค์ของพระเทวทัตที่จะหาพวก
อาชีวกสูตร พระพุทธเจ้ามีเจตนาไม่ให้ชาวพุทธกินเนื้อสัตว์
อาชีวกสูตรไซร้ ยืนยัน
องค์สัตถุภควัน ท่านเว้น
โภชนะผ่านอาสัญ แห่งสรรพ-สัตว์เฮย
พ่อครูว่า…พระพุทธเจ้าอนุญาตเพียงให้ฉันเนื้อสัตว์ได้หากเป็นปวัตตมังสะ คือ 1. ไม่ได้เห็น 2. ไม่ได้ยิน 3. ไม่สงสัย ว่าเนื้อนี้เกิดจากถูกคนฆ่า คือต้องเป็นเนื้อที่เป็น 1.เดนสัตว์กิน คือสัตว์มันฆ่ากันแล้วมันกินเหลือ หรือ 2. สัตว์ตายด้วยการเจ็บป่วยหรือตายเองตามธรรมชาติ ซึ่งจะไปหาเนื้อสัตว์สองชนิดนี้ได้ที่ไหนกันมากมายอะไร ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเจตนาของคนฆ่าสัตว์มาทั้งนั้น แต่เขาไปเที่ยวบาลีว่าต้องเจตนาฆ่าอย่างระบุบุคคลนั้น บุคคลนั้นก็จะกินเนื้อสัตว์นั้นไม่ได้ บุคคลอื่นที่ไม่ได้ระบุก็ให้กินเนื้อสัตว์นั้นได้
เช่น วันนี้เพื่อนมาเยี่ยม เลยบอกให้ภรรยาฆ่าไก่มาต้มให้เพื่อนกิน เมื่อไก่นี้ระบุว่าให้ค่ามาเลี้ยงเพื่อนคนนี้กิน ถ้าอย่างนี้เพื่อนคนนี้ก็กินไม่ได้ ถือว่าเป็นการระบุบุคคล(คนเดียวนะ) นี่เป็นการเลี่ยงบาลี คนคนนั้นกินไม่ได้ ก็แสดงว่าเขาคิดว่าถ้าฆ่าแล้วไม่ระบุบุคคลใดก็ให้คนอื่นกินได้หมดนั่นแหละ นี่คือความเฉโก เลี่ยงบาลี จะให้ได้กินเนื้อสัตว์เป็นบาปซ้ำซ้อน หาทางหลีกเลี่ยงให้ตัวเองได้กินเนื้อสัตว์
สรุปแล้ว การขอธิบายนัยต่างๆมากหลายประเด็นหลายมิติ ที่พระพุทธเจ้าเอามาอธิบาย สรุปแล้วท่านไม่ให้กินเนื้อสัตว์ ถ้าเข้าใจในสูตร อย่างที่ท่านว่า บาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลยสักนิดเดียว (อาชีวกสูตร)
ทำบุญแต่ได้บาป 5 ลำดับ (ย่อมประสบบาป มิใช่บุญ เป็นอันมาก)
-
ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น)
-
สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส
-
ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”
-
สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส
-
ผู้นั้นยังตถาคตและสาวกตถาคต ให้ยินดีไปด้วยเนื้อ ย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา ตถาคตสาวกํ วา อุทฺทิสฺส ปาณํ อารภติ โส อิเมหิ ปญฺจหิ ฐาเนหิ พหุง อปุญฺญํ ปสวตีติ) ชีวกสูตร ล.13 ข.60
ข้อที่ 5 นี้ทำร้ายพระพุทธเจ้าด้วยการเจตนาให้พระพุทธเจ้าและสาวกติดใจในรสชาติเนื้อสัตว์นี้ ซึ่งเป็น อกัปปิยะ คือสิ่งที่ไม่ควรเลย อย่าเอาเนื้อสัตว์ไปถวายพระพุทธเจ้าเลย ย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก 5 ข้อนี้ชัดที่สุดเลยว่า คุณอย่าไปริอาจแม้จะดำริที่จะไปละเมิดสัตว์ ทำให้เขาตาย เอาออกไปถวายพระพุทธเจ้าและสาวก มีบาป 5 ขั้นเลยนะ หากเอาไปถวาย
ฟังธรรมะแล้วเข้าใจให้ลึกซึ้งเข้าใจให้ดีๆ เข้าใจให้สมบูรณ์ครบถ้วน อาตมาเอาหลักฐานยืนยันพระพุทธเจ้าพูดไว้ด้วย ช่วงนี้ยังเป็นเทศกาลกินเจอยู่ วันนี้ล้างท้อง ก็เลยพูดเรื่องนี้ประกอบ เพราะกำลังอยู่ในยุคกาลเทศกาลกินเจ
โภชนะผ่านอาสัญ แห่งสรรพ-สัตว์เฮย
ใยบ่คิดย้ำเน้น ยกอ้าง ผู้นับถือ
พ่อครูว่า…ทำไมไม่อ้างผู้ถูกต้อง ที่เป็นสัตบุรุษยกตัวอย่างเช่นพระพุทธเจ้า ไปยกอ้างผู้ที่ผิดมา
พุทธศาสน์ผิดเพี้ยน เสียหาย
ด้วยพจน์ผู้บ่อาย บาปอ้าง
เอ่ยเพียงวัตรข้อปลาย ขึ้นปด
ปั้นเหตุผลหักล้าง พฤติผู้ ครองศีล
ดูกร! ผู้เปล่งถ้อย เมตตา
จงหยุดเหตุปาณา- ติบาตรแล้
อย่าหลงเชื่อวาจา พวกอสัตย์
วิบากส่งผลแม้ ห่อนได้ สังหาร
ปวงสัตว์แสนปวดร้าว ทรมา
ยามร่างถูกศาสตรา หวีดร้อง
จงพินิจเถิดหนา นักเสพ
ชีพมนุษย์ใยจักต้อง อยู่ด้วย มังสาหาร
อโศก สัมปวังโก
๑๕ ต.ค.๖๓
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะเดินดินว่า…ในชาดก มีเรื่องฤาษีกินเหี้ย คนนำแกงเนื้อเหี้ยมาถวายฤาษี ฤาษีก็ติดใจ ก็เห็นว่ามีเหี้ยอยู่ที่ใกล้กุฏิฤาษี เป็นโพธิสัตว์ที่เสวยชาติเป็นเหี้ย แต่วันนี้เหี้ยก็มีเซนส์ว่าฤาษีดูแปลกไป ก็เลยหลบทันและออกมาด่าฤาษีให้
การถวายเนื้อสัตว์ให้นักบวชก็เป็นบาปเป็นอันมากเพราะว่าทำให้ติดรสเนื้อสัตว์
พ่อครูว่า…ก็พูดทุกปี เพราะว่ามีเทศกาลกินเจ 9 วันในทุกปีแต่พวกเรากินเจทุกวันอยู่แล้ว เอามาย้ำในโอกาสนี้ เสริมหนุนให้ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น
SMS วันที่ 11-12 ต.ค. 2563
ทำทานจะได้อานิสงส์ต้องไม่หวัง
_Red Salond (เรด ซาลอนด์) : นมัสการพ่อครูค่ะ อยากให้พ่อครูอธิบายเกี่ยวกับการทำโรงทาน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงทอดกฐิน ว่าได้อนิสงส์จริงมั้ย ได้อย่างไรคะ ถ้ามีจิตไม่หวังและหวังในกุศลนี้ ที่ทำผลจะแตกต่างกันอย่างไร
พ่อครูว่า…เราจัดโรงบุญ ก็แจกอาหารเจ มังสวิรัติ เราทานแล้วก็อย่าไปสร้างจิตให้หวังว่าจะได้อะไร การทานนที่มีอานิสงส์ในสัมมาทิฏฐิ 10 ก็ทำทานให้อย่าไปสาเปกโข ไม่มีความหวัง หากทำไม่ได้คุณก็ไม่ได้อานิสงส์ในการทำทานนี่คือสัมมาทิฏฐิข้อที่ 1
ทานอย่างไรจึงอัตถิทินนัง ทานแล้วทำอย่างไรจะมีอานิสงส์ของศาสนาคือธรรมทานแล้วจิตใจจะรู้จักกิเลสและทำบุญเป็นระงับกิเลสได้แม้จะระงับไม่สนิทก็ได้เป็นส่วนแห่งบุญ คุณก็รู้ตัวจิตใจระงับแม้จะไม่สงบสุดจบมันก็ยังเป็นส่วนที่ได้สังวรระวัง ได้เรียนรู้ทั้งกดข่มและด้วยปัญญา ไม่ให้เกิดภพชาติ ต่อจากการทาน ผู้ที่ทำอย่างนี้ถึงจะได้บุญในการทำทาน ที่เป็นลักษณะที่สำคัญ
เพราะฉะนั้นโรงทานหรือโรงบุญที่ทำกัน ก็มีประเพณีซับซ้อนในการแจกอาหารนี้ ซ้อนผสมกับกฐิน ซึ่งกฐินนี้ก็ไม่อยากอธิบายเสริม กฐินทุกวันนี้ควรเลิกไปให้หมด มันเป็นแง่เชิงให้ตกนรกกันทั้งพระและฆราาส มันทำลายศาสนา ไปทำให้พระหลงผิดแล้วอาศัยเงินในการทอดกฐิน มาอาศัยอยู่กินปริ่มเปรม โดยไม่ปฏิบัติธรรมลดละเรื่องเงินทอง แต่ไปหาเงินทองมาอีกมันผิด ไม่พูดมากแล้วเรื่องนี้ ที่ไปทำการทอดกฐินทุกวันนี้ไม่ได้อานิสงส์เลยได้แต่บาปเพิ่ม
จะหายหลงผิดในความหลงว่าบรรลุธรรมได้อย่างไร
_สมประสงค์ วรรณเพียร : สอบถามพ่อครูเป็นกรณีศึกษา คนที่หลงว่าเป็นโสดาบัน“บุคคล” หรือเป็นสกทาคามีบุคคล(อาจใช้คำว่า“ผล”ก็ได้ อันนี้ไม่แน่ใจในบัญญัติ แต่หมายถึงถ้วนรอบจนจัดว่าเป็น“บุคคล”ได้แล้ว) คนนี้จะหายจากการหลงได้อย่างไรครับ?
พ่อครูว่า…คนที่หลงตนเองว่าเป็นพระโสดาบันเป็นพระสกิทาคามี จะหายจากความหลงได้อย่างไร นี่คือประเด็น ก็ต้องบอกคนที่หลงนั่นแหละ ต้องให้คนที่เขามีศรัทธาหรือให้ฟังสัตบุรุษผู้ที่อธิบายแนะนำให้ปฏิบัติธรรม ให้ฟังบ่อยๆฟังอย่างดีจึงจะได้เข้าใจและหายจากความหลง แต่จะให้เขาเกิดความเสียหายจากความหลงเองไม่มีทางเลยอย่าไปหวังตายแน่ไอ้หวังหวังไม่ได้ ต้องให้ฟัง
ก็ประเด็นนี้แหละคุณจะต้องได้ฟังจากพระพุทธเจ้าที่เป็นคำสอนโลกุตระ ถึงจะหายจากความหลง เรื่องพระโสดาบันสกิทาคามีอนาคามี คุณจะพูดเอาแต่ปากไม่ได้จะต้องไปฟังจากพระพุทธเจ้าหรือผู้ที่เป็นสัตบุรุษผู้อยู่ในฐานะครูที่มีสัมมาทิฏฐิ อธิบายจากผู้รู้ที่ถูกต้องเป็นสัมมาทิฎฐิจริงๆคุณจึงจะได้รับความรู้และเอาไปแก้ไขปฏิบัติจึงจะหายเลย ปฏิบัติแล้วได้ผลคนจึงจะรู้ว่าสิ่งที่เรายึดติดมาก่อนนี้มันผิดคุณถึงจะหายหลง
ต้องฟังคนอื่น เราจะต้องรู้ว่าที่เราปฏิบัติอยู่นี้มันบรรลุหรือยัง ถ้าคนปฏิบัติแล้วเขาหลงว่าตนเองบรรลุ อย่างไรเขาก็เชื่อว่าเขาบรรลุ อย่างเช่นสายนั่งหลับตาเยอะแยะ เขาหลงว่าเขาได้แบบนั้นเป็นนิโรธแบบเขาได้ผลแบบที่เขาได้เป็นมิจฉาผล ไม่ว่าจะเป็นนิโรธหรืออย่างอื่นก็ตาม เขาว่าเขาได้แต่มันผิด ก็ลองฟังดูแล้วมาปฏิบัติแบบที่เขาว่าไม่เหมือนกับที่คุณปฏิบัติมาเป็น อื่น ปรโตโฆษะ แประ แปลว่าอื่น พอมาลองดูแล้ว คุณจะรู้เองว่าแบบที่คุณเคยได้มานั้นเป็นสมถะโลกีย์ แต่อันนี้เป็นโลกุตระมีนัยมีเพศต่างกัน
ยิ่งปฏิบัติไปมากขึ้นมันจะยิ่งชัดเจน อาตมาก็บอกแล้วว่าอย่างที่คุณได้มาเป็นการนั่งหลับตาดับสมถะนิโรธแบบนั้นอาตมาทำได้ แต่อย่างนี้สิ มาเอาอย่างนี้อาตมาทำอย่างที่พระพุทธเจ้าบอกอย่างนั้นมันเป็นแบบฤาษีอาฬารดาบส อุทกดาบส คุณได้อย่างเดียวแต่อาตมาได้ 2 อย่างแล้วตรวจสอบแล้วว่าแบบนั้นไม่ถาวร แบบนี้มันถาวรกว่าแบบนี้อยู่บนโลกเหนือโลกไม่ใช่หนีโลกไม่ใช่หลับโลก เห็นไหม มันชัดเจนกว่ากันเยอะ
สรุปแล้วมาปฏิบัติแล้วเห็นเอง ได้เอง คุณจะไม่หลง
_Samart Baitamma (สามารถ ใบธรรมะ) : กราบสาธุพ่อท่าน พ่อท่านพูดถูกร้อยเปอร์เซนต์ อเมริกาเป็นวัตถุนิยมและบริโภคนิยม เป็นสังคมที่เอาเปรียบชาวโลก กราบสาธุครับ
_สมณะคิดถูก นาวาบุญนิยม : ทำไมลูกศิษย์พระอรหันต์ข้างนอก จึงชอบพูดคำหยาบคาย ใช้ภาษากู ๆ มึง… เหมือนคนไร้การศึกษา จากพ่อแม่ครูบาอาจารย์
พ่อครูว่า…สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล รู้เสียแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องลึกซึ้งอะไรเป็นเรื่องง่ายๆตื้นๆรู้ได้ไม่ยาก
_แก้วตะวัน พวงบุบผา :น้อมกราบนมัสการพ่อครูค่ะการประกาศธรรมะอย่างถูกตรงของพ่อครู ดู ๆ ก็ยากนะคะสำหรับคนไม่เปิดใจ ยิ่งการเมืองโลกุตระ ที่พ่อครูนำมาขยายก็ยิ่งจะยากเหมือนกัน…คนถ้าไม่ตั้งใจสดับรับฟังดี ๆ ก็จะเข้าใจได้ยาก หรือบางคนไม่เข้าใจเลยหรืออาจเข้าใจไปอีกอย่าง จนมีบางคนมากล่าวคำหยาบคายต่อพ่อครูอย่างไม่กลัวบาป…ซาบซึ้งใจในความเมตตาของพ่อครูค่ะ
พ่อครูว่า…ไม่ใช่ดูยาก แต่มันยากจริงๆ ยิ่งคนไม่เปิดใจยิ่งยากจริงๆ ใช่เลย
_รักธรรม สรหงษ์ : ขอตอบคำถามคุณซุปเปอร์วาว (Super wow) จริงค่ะ ต่อคำที่ว่า “การสวดมนต์ไม่ช่วยให้สมองเหี้ย ๆ ดีขึ้นเลย” เพราะสมองเหี้ย ๆ ย่อมจะไม่เข้าใจอรรถเข้าใจธรรม แต่ถ้าคนที่สมองปกติดีเขาย่อมเข้าใจดีอยู่แล้ว
_Super Wow (ซุปเปอร์วาว) : ลูก ๆ หลาน ๆ อย่าปล่อยให้ไอ้ลิงแก่มันล้างสมอง เอาพวกหนูไปเป็นทาสมัน ไปดูแลพ่อแม่ของเราดีกว่า
พ่อครูว่า…เป็นธรรมดาที่คนเห็นต่อต้านแสดงออกมา เราไม่อาจไปล้างสมองใครหรอก ใครก็พิจารณาเอาไปตรวจสอบปฏิบัติตามให้เกิดมรรคผลตามแล้วคุณจะเห็นได้ เมื่อเกิดผลแล้วคุณจะรู้ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเชื่อใครเป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ สิ่งนั้นต่างหากที่จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เราจะเชื่อโดยที่ไม่ต้องเชื่อใครเลยแม้แต่พระพุทธเจ้า เพราะเชื่อสิ่งที่เกิดจริงแล้วเป็นจริงแล้วในตัวเราสรุปตรงนี้ก่อนละกัน
เป็นพระแต่มายุ่งกับการเมืองทำไม
_Chot Sangsahachat (โชติ แสงสหชาติ) : มายุ่งการเมืองทำไม ๆๆๆๆๆ พูดธรรมมะดี อย่ายุ่งการเมืองเลย ดูไม่ดีเลย เขารู้กันหมดแล้ว นี่หรือคือพระใช่หรือ ช่วยตอบหน่อย เป็นพระอย่าโกหก คนเขารู้หมดแล้ว
พ่อครูว่า…คนที่เขารู้อยู่แล้วว่า เป็นพระเขาไม่โกหกเขารู้แล้วว่าอาตมาไม่โกหกเขารู้แล้วแต่คุณทำไมยังไม่รู้ เอ้อ เขารู้หมดแล้วล่ะแต่คุณยังไม่รู้มิน่าจึงมาห้ามอาตมาว่าอย่าไปยุ่งกับการเมือง ความคิดอย่างคุณนี่แหละนักการเมืองถึงได้ปู้ยี่ปูยำบ้านเมืองไปหมด เพราะความคิดอย่างคุณนี่แหละ ว่านักธรรมะอย่าไปยุ่งกับการเมืองปล่อยให้นักการเมืองปู้ยี่ปูยำประเทศการเมืองก็ชิบหายสิ อาตมาไม่ได้เป็นคนใจดำไม่ได้เป็นคนโง่อย่างที่คุณคิดอาตมาเป็นคนฉลาดอาตมาจะต้องช่วยบ้านเมือง นักการเมืองเขาเป็นคนโง่คนบ้าทำอย่างนั้นคุณก็รู้ว่านักการเมืองไม่ดี แต่คุณก็ยังปล่อยให้นักการเมืองไม่ดีปู้ยี่ปูยำบ้านเมืองคุณใจดำจังเลยรู้ไว้ซะด้วย ใจดำเองไม่พอยังมาห้ามอาตมาอีกให้ใจดำอย่างคุณ อาตมาไม่เชื่อคุณหรอกไม่เอาตามอย่างคุณ อาตมาจะไม่ใจดำอาตมาจะช่วยบ้านเมือง
เพราะนักการเมืองทำให้การเมืองมันยุ่งมันวุ่น เราก็ต้องไปจัดการให้คนที่ยุ่งที่วุ่นๆออกไป การเมืองจะได้เรียบร้อย คนดีๆจะได้ทำการเมือง นี่ต่างหาก ความคิดอย่างนี้แหละมันยากเป็นสิริมหามายา พยายามพิจารณาสัจจะสาระให้แม่น ไม่งั้นคุณจะสับสน
_Verayut kager (วีรยุทธ เคเกอร์) : พูดแบบไม่สนข้อเท็จจริง เลยเลอะเทอะ พูดไปเรื่อยยยย
พ่อครูว่า…อาตมาพูดอย่างมีข้อเท็จจริงเพราะสนใจข้อเท็จจริง และพูดอย่างไม่เลอะเทอะไม่ผิดเพี้ยนไม่เปื้อน พูดแม่นๆตรงๆเลย และแน่นอนพูดไปเรื่อยๆพูดสัจจะไปเรื่อยๆ
ต่างคนต่างเห็นแย้งกันได้ดีแล้ว ตั้งใจฟังต่อไปเถอะ แล้วคุณยังมาอาตมาขอบคุณที่ยังมาตั้งใจฟังไปเรื่อยๆ
_พ. ทองคำ : การเมือง เรื่องผลประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง / ถ้าจะพูดเรืองการเมือง ไปก่อนละ
พ่อครูว่า…อันนี้ก็เป็นนิยามอย่างนึง เป็นนิยามของพวกทุจริตชนเป็นนิยามของนักการเมืองเลวว่าการเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง นั่นคือนิยามของพวกทุจริตพวกผิดเพี้ยนพวกนักการเมืองเลวเขาจะมีนิยามแบบนั้น การเมืองเป็นเรื่องของพวกพ้องและผลประโยชน์ตัวเองหรือการเมืองเป็นเรื่องสร้างอำนาจให้แก่ตัวเองให้แก่พวกพ้อง พวกนี้เป็นพวกทำผิดพวกทุจริตพวกไม่ฉลาดทั้งนั้นพวกโง่ๆทั้งนั้น
ถ้าจะพูดเรื่องการเมือง คุณจะไปก่อนหรือไปหลังอาตมาก็อนุญาตไม่อนุญาตคุณก็ไปอยู่แล้ว อาตมาก็ยืนยันว่าไม่เป็นไรหรอก คุณเองมีทิฏฐิความเข้าใจเช่นนั้นว่านักธรรมะจะไม่พูดเรื่องการเมือง คุณก็ต้องไปฟังธรรมะจากคนที่เข้าใจว่าทำไมต้องมายุ่งกับการเมืองเลยก็เป็นพวกที่อยู่ในวงแคบๆ ว่า ธรรมะจะต้องอยู่กับพวกที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของบ้านของเมืองของงานการที่เป็นการงานของบ้านเมืองจะต้องไม่เกี่ยว คุณจะไปเกี่ยวข้องแต่การงานของป่าการงานของคนเถื่อนเขาถ้ำ การงานคนหลบในรูในเลี้ยว ถูกต้องแล้วเป็นทิฏฐิของพวกที่หลงจมข้องอยู่ในถ้ำ ไปอ่านในคุหัตฏฐสูตร พระไตรปิฎกเล่ม 29 ข้อ 30
เป็นผู้หยั่งลงสู่ความหลงแน่นิ่ง พวกนี้ไกลจากวิเวกอีกนาน เพราะว่าเป็นผู้ข้องอยู่ในถ้ำ พวกมีกิเลสมากแล้วปิดบังไว้ด้วย ปิดบังกิเลสของตัวเองไว้ด้วยนรชนเมื่อตั้งอยู่ก็จงอยู่ในความหลง ฉะนั้นเมื่อคุณจะตั้งอยู่ก็ตั้งอยู่ในที่หลงก็จมอยู่ในที่หลง พยัญชนะของพระพุทธเจ้าที่สั้นๆแต่ลึกซึ้ง
ยิ่งโมหะหลง นรชนเช่นที่กล่าวย่อมอยู่ห่างไกลจากวิเวก ทูเรวิเวกา กายวิเวกก็ไกล จิตวิเวกก็ไกล อุปธิวิเวก แม้แต่กามเบื้องต้นก็ไม่ได้ลดละออกมา แม้กามคุณ 5 ก็เป็นของที่ไม่ใช่นรชนจะละได้ง่าย คุณยังไม่ทำเลยแล้วจะจมอยู่ในจิต กายเบื้องต้นคุณยังไม่ทำแต่คุณจะไปอยู่ในใจกลางภูเขา คุณยังไม่ทะลุนอกภูเขาเข้าไปก่อนแล้วจะเข้าไปในจนกว่าจะถึงกลางภูเขาควรจะเข้าไปถึงกลางภูเขาได้อย่างไรในเมื่อคุณไม่ทะลุข้างนอกภูเขาก่อน
_Pooh Daungsri (พูห์ ดวงศรี) : ท่านทำใจในใจแล้วว่าเป็นกุศล / คุณมีอวิชชาเต็มบ้องนะ รู้ตัวซะ
_2860 : ฉายาพ่อครู เปลี่ยนจากแร้งแก่เจ้าเล่ห์เป็นเห้งเจียจอมโม้ จะดีกว่าไหมครับ
พ่อครูว่า…เอาละไม่เป็นไร คุณจะเข้าใจอาตมาอย่างนั้นอยู่ก็เป็นเรื่องของคุณ ไปบังคับความเข้าใจความเห็นของแต่ละคนไม่ได้หรอก ให้ฟังติดตามไปอย่าทิ้งกันนะรักกันไว้
พระภิกษุปาราชิกเรื่องไหนง่ายที่สุด
_Honey Boogy (ฮันนี่ บูกี้): คิดว่ามหาสมปอง เป็นพระหรือเปล่า?
พ่อครูว่า…ก็ท่านบวชมา แต่ถ้าเผื่อว่าท่านปาราชิกแล้วก็ไม่เป็นพระแล้ว อาตมาไม่รู้นะว่าท่านจะปาราชิกหรือไม่ เพราะว่าท่านไปยุ่งเกี่ยวกับการเงิน ถ้าไปตรวจสอบกันดีๆ เงินนี่หากว่าเคลื่อนออกจากที่เพียง 1 องคุลี ด้วยจิตที่เป็นอกุศล จะเป็นการเรื่องทุจริตจากจิตทุจริต เคลื่อนวัตถุเงินเพียง 1 องคุลีก็ปาราชิกแล้วตั้งแต่ 5 มาสกเป็นต้นไป เขาตีราคา 5 มาสกเดี๋ยวนี้เป็นเท่าไหร่ ถ้าจะไปเอากันจริงๆแล้ว จะมีปาราชิกเรื่องเงินกันอีกตั้งเท่าไหร่เพราะมันละเอียด เป็นการจัดทำกรรมอันทุจริตเกี่ยวกับเรื่องเงินมันปาราชิกกันง่ายๆยิ่งกว่าการฆ่าคน ยิ่งกว่า แม้ง่ายยิ่งกว่าเรื่องเมถุน เรื่องเงินนี่ง่ายกว่าอวดอุตริมนุสธรรม ปาราชิก 4 เรื่องเงินทำได้ง่ายที่สุด แล้วก็ปาราชิกกันมากมาย
อาตมาได้ภูมิใจในพระภิกษุของชาวอโศก สมณะอโศก แม้แต่สิกขมาตุก็ไปรอด มายุ่งเกี่ยวเรื่องเงินเป็นระบบสาธารณโภคี อย่าว่าแต่นักบวชเลยแม้แต่ฆาราวาสบางคนก็ไม่ต้องใช้เงินเลย ใช้กินกับส่วนกลางเลย เขาบอกให้ใช้ก็ใช้ เขาไม่ให้เบิกใช้ก็ไม่ใช้ บางทีเราไม่มีกุศลไม่มีบารมีเขาก็ไม่ให้
อาตมาไม่วิจารณ์หรอกว่าท่านเป็นพระหรือเปล่า
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะเดินดิน…
_Kasem Santhong (เกษม สันทอง) : สมณะชาวอโศก ท่านสอนอย่างไร ท่านทำอย่างนั้น (มิใช่สอนอย่าง แต่ทำอย่าง)
พ่อครูว่า…อันนี้จริง พูดอย่างไรทำอย่างนั้น ทำอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที
_Rinfa Niyombuddha : จุดหมายปลายทาง ของชาวอโศก พ่อท่านได้เคยให้นิยามไว้ว่า.. “เบิกบาน แจ่มใส มัธยัสถ์ สุภาพ สงบ หมดความอยากสิ้นความเสพย์”
พ่อครูว่า…จุดหมายปลายทางที่เราใช้มาตั้งแต่เริ่มต้น…ตอนนี้ไม่ค่อยพูดกันเท่าไหร่
เบิกบานแจ่มใสเราก็มีกัน มัธยัสถ์เป็นผู้มักน้อยสันโดษ สุภาพเป็นภาวะเป็นพฤติกรรมต่างๆที่ดีที่สุภาพ
สงบ คำว่าสงบคำนี้เป็นคำยิ่งใหญ่ เมื่อคืนนี้คุยกับเทวดาเหมือนกัน ว่า คำว่า สันดุสิตเทวราช
สันดุสิต กับ สันตะ
สันตะ สันตา สันติ สันตุ สันตู พวกนี้ ถ้าจะขยายความด้วยพยัญชนะต่างๆก็เยอะ
สันตะ หรือ สันตุสิตะ
สิตะ แปลว่า เย็น
สันตุ แปลว่าสงบ สงบเป็นภาษาไทยง่ายๆตื้นๆ
ความยิ่งใหญ่ของศาสนาพุทธ มีคำว่า สันตา ไม่ใช่สงบแค่สมถะแต่เป็นสงบที่มี สะ กับ อันตา ความสงบที่สุดยอดเลย
เป็นเรื่องเล็กซึ้งพอๆกับอาสวะและอนุสัย
เป็นความสงบอยู่เหนือความวุ่นวายได้เลยคือสันตะ ฉะนั้นเอาไปใช้คำว่า สันติภาพนี้หมายความว่ามีอำนาจสู่ความสงบ ฤทธิ์แรงเยอะ สามารถที่จะอยู่เหนือวุ่นวายของโลกสังคมที่กว้างมีสารพัดความยุ่ง แต่อยู่ได้ สันติ
_Jumbo Jumbo (จัมโบ้ จัมโบ้) : น้อมกราบพ่อท่าน สมณะชาวอโศก ลูกฟังอยู่ทางบ้าน ฟังทุกครั้งที่มีโอกาส เข้าใจยากบ้างเพราะภูมิปัญญาลูกมีน้อย แต่ลูกก็เพียรฟังซ้ำ ๆ ได้ความรู้ปัญญาเพิ่มมากขึ้น กราบสาธุเจ้าค่ะ / หนองคาย
พ่อครูว่า…ดีมากพยายามพากเพียรไป คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นแน่นอนที่สุดว่า คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม ๙ ข้อ ๓๔)
SMS วันที่ 14-15 ต.ค. 2563
_ขจร ลำเทียน : คิดถึงองค์พระมหากษัตริย์ในอดีตที่ยิ่งใหญ่ นำพามาสู่แผ่นดินไทยอันเป็นอยู่ทุกวันนี้ ด้วยความเคารพซาบซึ้งในพระปรีชาสามารถของแต่ล่ะพระองค์ มีชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ด้วย น้ำตาไหลอันซึมซาบในหัวใจ แต่ทุกวันนี้นัำตามันไหลด้วยความเศร้าบนแผ่นดินที่มีแต่แตกแยกของผู้คนในสังคมบนแผ่นดินไทย
พ่อครูว่า…ความรู้สึกรู้สากับเหตุการณ์บ้านเมือง ทำให้แผ่นดินมีแตกแยกเราก็เรียนรู้ไปแล้วก็ช่วยกันประคองช่วยกันเท่าที่มันจะมีเรี่ยวแรงอย่างที่เราทำกันทุกวันนี้แหละ
_สุมิตรา พงษ์ไชย : 14 ต.ค. 63 ปวดหัวใจที่สุดเลยค่ะ วันนั้นนั่งไม่เป็นสุข เดินรอบบ้านไปหมด อยากให้ข่าวที่ได้ยินในวันนั้นเป็นข่าวไม่จริง
พ่อครูว่า…คุณสุมิตราก็จะจริงจังกับสิ่งที่พบเห็น สิ่งที่มันเป็นปรากฏการณ์จริงแต่ไปอย่าไปยึดมั่นถือมั่นมากนัก เรารู้ว่ามันเกิดมันอยู่หรือมันไปชั่วคราวแล้วหรือมันจะดำเนินต่อไปอีกชั่วระยะหนึ่ง อาตมาว่ามันคงจะดำเนินอีกไปชั่วระยะหนึ่ง มันคงไม่แข็งแรงถาวรเท่าไหร่หรอกดูท่าทีแล้ว จริงๆแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าประมาทแต่ดูแล้วมันเป็นพลังงานสุดท้ายมั้ง
ที่มันยังดิ้นๆๆๆอยู่ในช่วงนี้เท่าที่มันจะต้องเป็นวิบากของพลเอกประยุทธ์จะต้องมีเหตุการณ์พวกนี้เป็นตัวปฏิกิริยาที่เกิดให้พลเอกประยุทธ์ต้องทำงานต้องได้รับอะไรต่ออะไรอีกอย่างเป็นภาระเป็นสัมภาระวิบากที่จะต้องทำ ก็ว่าไป
เราก็ไม่ได้ดูดายช่วยเท่าที่ช่วยได้ แต่ถ้าอันใดที่เป็นหน้าที่ของพลเอกประยุทธ์ก็ทำไปเถอะ อันใดเราช่วยได้ก็ทำไปเท่าที่เห็นว่าเหมาะควรไม่ดูดายหรอก
_ณิชา งามวงษ์ : กราบนมัสการค่ะ สิขอบอกวันที่ ๑๖ ตุลาคม เป็นวันอาหารโลก และพ่อครูก็กำหนดให้เป็นวันเกิดของชมร.ด้วยค่ะ
_ดาบบุญ : วันนี้(๑๖ ตุลาคม)ครบรอบ35ปีของชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย, แจกอาหารฯและน้ำผักปั่นฟรี ทุกแผนกในร้านครับ.
_Rakchan Raksai (รักฉัน รักใส) : กราบนมัสการค่ะ ไม่ว่างานอะไรทั้งหมดทั้งสิ้น ก็อย่าลืมลดละงานของกิเลสตัณหาและอัตตานะเจ้าคะ
_Naza myLove (นาซา มายเลิฟ) : สันติอโศกไม่ได้นับศาสนาพุทธ ใช่มั้ยคับ
พ่อครูว่า…ตอบเลยว่าสันติอโศกนั้นสุดยอดในการนับถือศาสนาพุทธ และก็มีความรู้ความเข้าใจว่าศาสนาพุทธของพุทธเจ้าเป็นโลกุตระเป็นอริยะอย่างที่เรากำลังเข้าใจกันแล้วก็ปฏิบัติประพฤติจนได้มรรคผล ตามที่เราเข้าใจนี่แหละ คุณNaza myLove สนใจก็ติดตามดูกันต่อไปเราขอยืนยันว่าเรานี่แหละพุทธก็จะปฏิบัติแบบไม่เหมือนชาวพุทธทั่วไปที่เขาปฏิบัติกัน ก็เลือกดูเลือกทำการปฏิบัติเอา
_หทัยทิพย์ กุลวัฒนาพันธ์ : ไม่ใช่เด็กรุ่นใหม่ เด็กรุ่นใหม่ดีดี คิดดี พูดดี ดีดีมีมาก. แต่เด็กกลุ่มม็อบเล็กมันคิดเป็นแต่เรื่องเลว ๆ มีไม่มากค่ะ พวกเนรคุณชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์
พ่อครูว่า…ก็พอจะรู้ๆกันมีปฏิภาณก็คงไม่ยากอะไร
_๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓
กราบนมัสการค่ะ พ่อครูที่เคารพยิ่ง
ดิฉันรู้สึกประทับใจที่พ่อครูเปรียบเทียบว่า จิตเรามันมีธรรมชาติอยู่ไม่สุขคล้ายลิง ดิฉันจำได้คลับคล้ายคลับคราว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า “จิตนี้มีธรรมชาติคล้ายลิง กวัดแกว่ง ห้ามได้โดยยาก” ถ้าดิฉันจำผิด พ่อครูกรุณาแก้ไขด้วยค่ะ
สรุปว่า มีลิง ๓ จำพวก คือ
๑.ลิงแสนโง่(อวิชชา) ลิงจำพวกนี้ซุกซนไม่เข้าเรื่อง แต่ละวันมันวิ่งวุ่นเที่ยวก่อความเดือดร้อนให้ตัวเองและคนอื่นอยู่ร่ำไป เวลาหิวมันก็วิ่งไปหากาม บางทีก็ไปขโมยกล้วยชาวบ้านกิน บางทีก็ยกพวกตีกัน กัดกัน(พยาบาท) ถึงเวลานอน ก็นอนไม่ค่อยหลับ เพราะมันคิดเรื่องกามบ้าง พยาบาทบ้าง เวลาฟังธรรมก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะมันคิดเรื่องอื่นอยู่ เวลากราบพระมันก็ไม่อยากเงยหน้า(อยากฟุบหลับต่อ เพราะถีนมิทธะครอบงำจัด)…เป็นต้น
๒.ลิงแสนรู้(วิชชา) เป็นลิงที่ถูกฝึกจนเชื่องแล้ว มีคุณค่า มีประโยชน์ ช่วยคนทำงานได้ เช่น ขึ้นต้นมะพร้าวเป็นต้น วัน ๆมันคิดถึงแต่เรื่องจะช่วยคน ไม่ซุกซนโง่ ๆ
๓.ลิงป่วย(โมหะ) ลิงประเภทนี้ชอบอยู่นิ่ง ๆ มันหลง เลอะเลือน “หลงว่าทุกข์ เป็นสุข หลงว่าสิ่งไม่งาม เป็นงาม หลงสิ่งไม่เที่ยง ว่าเที่ยง หลงสิ่งไม่มีตัวตน ว่ามีตัวตน” (ตามคำตรัสของพระพุทธเจ้า) การอยู่นิ่ง ๆ ไม่ทำอะไร ทำให้ไม่แข็งแรง เจ็บป่วย กินอาหารอร่อย ๆ ที่ไม่มีประโยชน์ก็เป็นโทษแก่ร่างกาย ฯลฯ
ดิฉันขอเพิ่มอีกจำพวกหนึ่งค่ะ คือ
จำพวกที่ ๔ -ลิงหลอกเจ้า- ลิงพวกนี้เป็นลิงไม่ซื่อสัตย์ ปากอย่างใจอย่าง “ต่อหน้ามะพลับ ลับหลังตะโก” “หน้าไหว้ หลังหลอก” ไม่มีความจริงใจกับใครทั้งสิ้น เดี๋ยวก็สวมเสื้อเหลือง เดี๋ยวก็สวมเสื้อแดง…เป็นต้น
กราบขออภัยที่รบกวนเวลาของพ่อครูมากไป ขอบพระคุณค่ะ
“คนบ้านราช”
พ่อครูว่า…ก็เข้าใจที่ศึกษามาก็รายงานผล
แผ่นสุดท้าย…กราบขอโอกาส
-
กายคือร่างกายจิตใจและจิตวิญญาณ เข้าใจถูกไหมคะ
พ่อครูว่า…กายมี 2 อย่างคือร่างกายและจิตวิญญาณด้วย กาย มีอย่างเดียวคือมีแต่ ร่างข้างนอกนี้ไม่ได้ จะอธิบายอีกหลายคาบแต่วันนี้เวลาหมด
-
โดยสายกลาง (มัชฌิมา) คือใช้กับเวทนามันใช่ไหมคะคือสุขทุกข์ไม่ควรใช้กับการงาน