631111_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สันติภาพตัวจริง คือหัวใจของทุกศาสตร์
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1DLNx4c2-0WoGXeAPGcps6hFjpHRibGs9z6XUYcKZiVM/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1-9uLbJ0KQ4BQwJ8p64PLPZ7PxxcpCV5F/view?usp=sharing
และยูทูปที่
สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ยุคนี้เขาถือว่าเป็นยุคทองคำแพงแท้ เพราะฉะนั้นวันที่ 5 ธันวาคมเขาก็จะเอาทองคำแพงแท้ไปแสดงที่แถวสนามหลวง ใครจะไปแสดงก็ไปแสดงทองคำแพงแท้ได้ที่นั้น และปีใหม่ 2564 ก็จะมีงานเพื่อฟ้าดิน เขาจะจัดในวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2564 โดยงานเพื่อฟ้าดินเขาจะจัดทุกพุทธสถานของชาวอโศกอยู่ แต่ละแห่งก็จะเป็นกลุ่มเอา กลุ่มไหนจะบำเพ็ญคุณบำเพ็ญธรรม แต่ฟังธรรมจากพ่อครูเหมือนกัน แต่เวลาบำเพ็ญๆต่างกัน แล้วแต่ละที่ๆ
รายการภาคค่ำแต่ละที่ก็หาทองคำแพงแท้มาแสดงกัน ที่บ้านราชฯ ศีรษะอโศก สันติอโศกก็ตาม แล้วก็จะมีการสอบ ที่จะเน้นเรื่องความเข้าใจมากกว่าความจำ โดยใช้หนังสือร่วมเปิดยุคบุญนิยม(เขียนโดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์) แต่ละที่ก็ติวกันได้ แล้วเราก็ฟังธรรมจากพ่อครูในงานเพื่อฟ้าดินด้วยเวลา 6.00 น. – 7.30 น. พ่อครูเป็นมนุษย์ independent จะเลยเวลาหรือก่อนเวลาก็ได้ เพราะบรรลุธรรมกันแล้วก็จบ (พ่อครูว่า…สักวันหนึ่งไม่แน่นะ)
พ่อครูว่า…พูดถึงทองคำแพง มันก็มีนัยยะ พวกเราแตกความเห็นไปเยอะ
ดิฉันขอแสดงความคิดเห็นเรื่องสู่แดนทองคำแพงแท้ แพ้แรงคนจนโลกุตระ นี่ของคุณฟ้าเจือศีล (เปรมจิตต์)
เขียนสู่แดนทอง (สีน้ำเงิน) คำแพง (สีแดง)
ทั้งที่จะเน้นว่า “สู่แดนทองคำ” โดยแยกมาเป็นทอง แล้วก็แยกมาเป็นคำแพงแพ้แรงคนจนโลกุตระ โดยจะเอานัยยะสำคัญคือ ถ้ามองมุมภาษา คำแพง หมายถึง วาจาแพง วาจาที่ยิ่งใหญ่ วาจาที่ประเมินค่าไม่ได้ วาจาที่ไม่มีว่าจะอื่นมาลบล้างได้ วาจาอมตะ เหมือนทองคำที่น้ำกรดละลายไม่ได้ ตีความอย่างนี้ได้ไหมคะ
พ่อครูว่า…ได้ ใช้ได้ ซึ่งเรารู้จักสาระตรงกันผู้เข้าใจสาระจริง ถ้าเข้าใจในเรื่องภาษา คนจะใช้ภาษา สื่อกัน ไม่เหมือนสัตว์เดรัจฉานไหนๆ สัตว์เดรัจฉานเขาก็มีการ เดา ว่า สัตว์มันก็คงมีภาษาของมัน มันก็ส่งเสียงด้วยภาษา เสียงที่มันมีเสียงกำหนดหมาย มีน้ำหนักมีลีลาสูงต่ำ โทนต่างๆนาๆ ซึ่งมันก็เป็นเครื่องหมาย เป็นนิมิต ให้ผู้ที่จะร่วมรู้กำหนดหมายกัน
เช่น ภาษาใบ้ ก็มีการกำหนดหมาย ก็รู้กัน กำหนดเสียง กำหนดภาษาแต่เสียง คำพูด นอกจากเสียงแล้วก็มาปั้นเป็นคำพูด ในมนุษยชาตินี้ทำมากที่สุด ทิ้งไม่ได้ แล้วก็บันทึกเป็นพยัญชนะเป็นตัวอักษร มีไม่รู้กี่พันๆๆๆอักษรภาษาในโลก ใช้กันอยู่ สำคัญนะ
ที่นี่มาถึงในยุคนี้แล้วโอ้โห อักษรบันทึกมาพิมพ์สลัก จนกระทั่งเป็นตัวหนังสือพิมพ์ในกระดาษ อันนี้ใช้กันมานาน อย่างอื่นมันยาก แต่อันนี้มันง่ายขึ้นดีขึ้น จนกระทั่งไปบันทึกกันในเครื่องอิเล็กทรอนิกส์แล้ว คนก็เลยมาคิดว่าต่อไปหนังสือหรือตัวหนังสือที่บันทึกในกระดาษ มันจะไม่มีความสำคัญมันจะให้ไป ก็มีคนให้ข้อสังเกตว่า
_น้อมกราบนมัสการเรียนพ่อครู…
5-6เดือนผ่านไป…รำลึกถึงพ่อครูด้วยความเคารพและซาบซึ้งใจ ในความโชคดีที่ได้มาเรียนรู้ธรรมะกับพ่อครู…และได้อยู่ทำงานศาสนา ในแวดวงอโศก
อยากกราบเรียนเล่าว่า…วันหนึ่ง…ของปีนี้…
จากคำพูดในรายการภาคค่ำของวันนั้น…ที่พ่อครูเอ่ยถึง หนังสือเจริญชีพด้วยการก้าว .. บอกว่า ให้พิมพ์ออกมา “จะได้ไปช่วยเขา”…น้ำเสียงพ่อครูวันนั้น กังวาลถึงก้นบึ้งภวังค์… เลยค่ะ มันจับจิตจับใจ ใจพ่อครูช่างเมตตามากๆๆ และ ให้ความรู้สึกว่า สำคัญนะ … !!
ป้อมเลยได้นำ”เจริญชีพด้วยการก้าว” มาโพสต์ ในเพจ เพจอโศกอักษรซึ่งเกิดมารอ … อย่างไม่คาดคิดมาก่อน (สร้างเพจเดือนเมษา)
นับจากนั้น…ก็ขายหนังสือ ไปโดยปริยาย…
แล้วก็ได้เพจมาเพิ่ม เลยได้ขายสินค้าอื่นด้วย เพื่ออำนวยแก่ผู้ติดต่อผ่านกล่องข้อความมาเลือกซื้อ ออนไลน์ทำให้… ร้านหนังสือ มีชีวิตชีวา…
มันจริงนะคะที่..หนังสือยังไม่ตาย..ไปจากยุคสมัย สังคม ท่านสิริให้มุมมองว่า หนังสือจะกลายเป็นของหายากแห่งยุคสมัย ที่คนเข้าใจเรื่องนี้จะแสวงหาหนังสือมาเก็บไว้
คนที่สนใจหนังสือพ่อครู เข้าถึงหนังสือ ได้ง่ายและสะดวกขึ้นเพราะเราจัดส่งได้ถึงบ้าน
พ่อครูและหมอเขียว มีแฟนคลับค่ะ รวมทั้ง อาไม้ร่มด้วย อิอิ
เรื่องนี้ทำให้…จู่ๆ ห้องทำหนังสือ ก็กลายเป็นห้องขายหนังสือ ขายสินค้าอื่นๆด้วย..
ดีนะคะ ได้รู้จักกิเลสความโลภด้วย และดีมากๆเลยที่ธรรมะคุ้มกะลาหัว
เป็นคนบุญ นิยมตัดกิเลส ได้ละเลิกกิเลสโลภ ไม่เอาเปรียบ
ขายของสนุกมากเพราะปฏิบัติธรรม มีความสุขเพราะปฏิบัติธรรม เราจึงเป็นนักเผยแพร่…ในภารกิจขายของ
ถ้าไม่เจอธรรมะ คงไม่สนุกแบบนี้ แต่คงเมามันมากกว่า..
มหาปวารณาปีนี้ โศลกธรรมไพเราะมาก ลึกซึ้งมาก โดนใจ และพวกเราก็รับนโยบายทันที…ค่ะ
เกิดโปรการขาย สองโปร..อย่างปิ๊งแว้บ..ขึ้นเลย
๑.โปรทองคำแพงแท้ นั่นคือ หนังสือทุกเล่ม ฟรีค่าจัดส่ง หนักเบาได้หมด (หนังสือสัจจะชีวิตของพ่อครูทุกเล่ม คนคืออะไร… อยู่ในใจพวกเขา… ขายดีมาก)
๒. โปรแพ้แรงคนจนโลกุตระ คือ..
สินค้าอื่นๆ ลดค่าส่ง ซึ่งมีลำดับไป ตั้งแต่ ลด13บาท/ลด19บาท/ลด25บาท /ลด50บาท /หรือฟรีค่าจัดส่งไปเลย
และเนื่องจาก… คุณปะฟ้านวลเป็นผู้ทำงานร่วมห้อง และป้อมไม่สามารถทำงานคนเดียวได้
ป้อมรับคุยกับลูกค้า
คุณปะเป็นผู้มีทักษะในการห่อ การแพ็ค มานานปีมาก จึงจำเป็นต้องมาปฏิบัติหน้าที่ร่วมทีมด้วย…
และเป็นผู้คอยช่วยให้การขายของได้ตัดกิเลสโลภได้เป็นอย่างดี เวลาป้อมติดข้องกิเลส
เราว่าเราจะทำงานนี้ให้หมดกิเลสความโลภกันไปเลย(เท่าที่ได้ แต่เรียนรู้เต็มที่ค่ะ)
ปัญหาที่เราประสบคือ เวลามีน้อยเหลือเกิน… ของเล่น (งาน ) มีเยอะมาก
หนังสือ ดอกบัวน้อย สารอโศก…ไม่ได้ทำเลยค่ะ
และ เทอมนี้ไม่สามารถไปสอนได้ เจอหน้าเด็ก ก็แปะโป้งไว้ก่อน ต้อง บอกเขาไปว่า เจอกันเทอมหน้าๆ… (เขารอเราอยู่…เพราะเคยไปสอนกันไว้…มีความสัมพันธ์ที่พูดคุยกันไว้ด้วยดี)
เล่ายาว หากถ่ายคลิปก็ว่าจะเล่าแบบนี้แหละค่ะ…
เกรงว่าจะเล่าไม่หมด เพราะลืมหมดซะก่อน …
น้อมกราบด้วยความเคารพค่ะ กราบนมัสการค่ะ
ป้อม..สวยใส ๑๐ พ.ย. ๖๓
ปล. กราบเรียนเล่าถวายค่ะ เพราะนำโศลกพ่อครูมาใช้ในงานโดยไม่ได้เรียนขออนุญาตก่อน กราบขออภัยและกราบขอบพระคุณค่ะ จะทำให้ไม่เสียโศลกธรรมเลย...
พ่อครูว่า…ไม่ต้องขอเลย ได้เลย
อาตมาอ่านเจออันนี้ กวนน้ำให้ใส โดย สารส้ม หนังสือพิมพ์แนวหน้า
วันจันทร์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 02.00 น.
ถ้าอ้างปัญหาความยากจน ก็ต้องไล่รัฐบาลทุกชุด ทุกๆ ปี
หนึ่งในข้ออ้างที่ออกมาไล่นายกฯ พลเอกประยุทธ์และองคาพยพ + เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ + (อ้างว่า)ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ คือ อ้างว่า รัฐบาลปัจจุบันแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ปัญหาความยากจนความเหลื่อมล้ำหนักกว่าเดิม หนักที่สุดในโลก จึงต้องไล่ออกไปเพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป
ข้ออ้างว่านี้ นับว่าตื้นเขิน และหากเชื่อเช่นนั้นจริงๆ ก็น่าสงสารว่าตกเป็นเหยื่อให้นักการเมืองอีกฝ่ายที่กำลังจะเป็นจะตายเพราะตนไม่ได้มีอำนาจบริหารประเทศ (หลังจากที่เคยมีอำนาจ แล้วโกงกิน ทำความฉิบหายให้กับเศรษฐกิจของประเทศชาติ จนมีภาระหนี้สินมหาศาลในปัจจุบันมาแล้ว)
-
ปัจจุบัน ประเทศไทยไม่ได้เหลื่อมล้ำที่สุดในโลก ผลการศึกษาที่อ้างดิสเครดิตประเทศไทยต่อๆ กันนั้น สุดท้ายก็เปิดเผยมาแล้วว่า
จัดอันดับไม่กี่ประเทศ และใช้เกณฑ์การถือครองทรัพย์สินแบบหยาบๆ มิได้ใช้ดัชนีจีนี (Gini coefficient) ที่เป็นที่ยอมรับในทางเศรษฐศาสตร์ทั่วโลก
-
ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ในประเทศไทย มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
ค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาค หรือค่าสัมประสิทธิ์จีนี (Gini coefficient) ด้านรายได้
ในปี 2562 มีค่า 0.430
ในปี 2560 มีค่า 0.452 นั่นแสดงว่า สถานการณ์ดีกว่าเดิมดีที่สุด นับตั้งแต่ปี 2531
นี่คือข้อมูลล่าสุดจากสภาพัฒน์
-
นางสาวจินางค์กูร โรจนนันต์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า สศช.หรือ สภาพัฒน์ ได้จัดทำรายงานสถานการณ์ความยากจนและเหลื่อมล้ำเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา เพื่อนำเสนอสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลง
ที่สำคัญในด้านความยากจนและความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งการวิเคราะห์ลักษณะของปัญหา และนโยบาย หรือ
โครงการสำคัญของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของ สศช. เพื่อให้สาธารณชนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้
รายงานสถานการณ์ความยากจนและเหลื่อมล้ำในปี 2562 ซึ่งเป็นการรายงานสถานการณ์ล่าสุดของ สศช. พบว่า สัดส่วนคนยากจนลดลงจากร้อยละ 9.85 ในปี 2561 มาอยู่ที่ร้อยละ 6.24 ในปี 2562
หรือมีคนจนจำนวน 4.3 ล้านคน ลดลงจาก 6.7 ล้านคนในปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแนวโน้มของความยากจนในระหว่างปี 2541-ถึงปัจจุบัน สัดส่วนและจำนวนคนจนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนคนยากจน 25.8 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 38.63 ในปี 2541 ลดลงเหลือ 11.6 ล้านคน หรือร้อยละ 17.88 ในปี 2552 และลดลงเหลือ 4.3 ล้านคน หรือร้อยละ 6.24 ในปี 2562
นอกจากนี้ สถานการณ์ความยากจนในระยะ 5 ปี หลัง (ปี 2558 – 2562) พบว่า สัดส่วนคนจนอยู่ในระดับต่ำ โดยมีสัดส่วน ไม่เกินร้อยละ 10
และมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 ครั้ง คือ ปี 2559 และ 2561 โดยสัดส่วนคนยากจนที่เพิ่มขึ้นในปี 2559 เกิดจากผลกระทบของปัญหาภัยแล้ง ขณะที่ในปี 2561 เกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศ เงินบาทแข็งค่า และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ซึ่งส่งผลสืบเนื่องต่อผู้มีรายได้น้อย ซึ่งสอดคล้องกับการรายงานของธนาคารโลก (World Bank, 2019. “Taking The Pulse of Poverty and Inequality in Thailand”)
ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ความยากจนในระยะหลัง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และธนาคารโลก ระบุว่า อาจเกิดจากความยากจนของไทยลดลงมากจากอดีตที่ผ่านมา จนทำให้ครัวเรือนที่มีสถานะยากจนอยู่ในปัจจุบันเป็นครัวเรือนที่มีปัญหาความยากจนเรื้อรัง หรืออยู่ในกับดักของความยากจน ซึ่งต้องมีนโยบายแก้ปัญหาความยากจนอย่างตรงจุด ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์กลุ่มคนยากจนในระยะหลัง พบว่า ครัวเรือนยากจน 1 ใน 3 เป็นผู้มีการพึ่งพิงสูงโดยมีเด็กและผู้สูงอายุจำนวนมากในครัวเรือน และจบการศึกษาในระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า (คนจนร้อยละ 79.18 จบการศึกษาระดับประถมศึกษาและต่ำกว่า) อีกทั้งผู้มีงานทำที่ยากจนส่วนใหญ่ทำงานในภาคการเกษตรซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีรายได้น้อย สะท้อนให้เห็นว่าครัวเรือนยากจนมีความสามารถในการสร้างรายได้ได้น้อย
พ่อครูว่า…เขาตั้งใจจะให้เกษตรกรมีรายได้มาก อันนี้..ผิด!! ที่จริงแล้วเกษตรกรมีรายได้น้อย.. ถูกแล้ว ต้องขายสินค้าราคาให้ต่ำ.. ถูกแล้ว นั่นคือความเจริญ อันนี้ก็คงเข้าใจกันยาก หรืออย่าง GDP รายได้องค์รวม ของประเทศ ควรอธิบายได้จากผลผลิตของตนเองภายในประเทศเท่านั้น ไม่เอาจากของภายนอกต่างประเทศมารวมด้วย ว่าเราได้ให้ของเราไปได้เท่าไหร่ต่างหากนี่คือเศรษฐกิจดี เพราะคนที่ได้เราก็ได้ช่วยเขา เราก็ได้เสียสละ เราก็มีค่า นี่คือ “ค่าทองคำแพงแท้”
การปรับตัวลดลงของคนจนในปี 2562 สาเหตุสำคัญเกิดจากการขยายความครอบคลุมมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐในปี 2562โดยเฉพาะโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยโดยตรง
โดยในปี 2562 มีผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนทั้งหมด 14.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นมาจากปี 2561 ที่มี 11.4 ล้านคน จากการที่รัฐบาลได้เปิดการลงทะเบียนรอบพิเศษ (ในระหว่างช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2561) สำหรับกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนในรอบก่อนหน้า โดยผู้ที่มีบัตรฯ จะได้รับการช่วยเหลือด้านภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันรายเดือน ได้แก่ วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น 200 – 300 บาท/เดือน ค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะวงเงินรวมสูงสุด 1,500 บาท/เดือน และค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาท/3 เดือน อีกทั้ง คนยากจนบางส่วนยังได้รับการเงินช่วยเหลือจากโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และคนพิการ และเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
อย่างไรก็ตาม แม้สัดส่วนคนจนในปี 2562 จะมีแนวโน้มลดลง แต่การรักษาระดับสัดส่วนคนจนให้อยู่ในระดับต่ำยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป เนื่องจากในปี 2563 ประเทศไทยประสบกับภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานเป็นวงกว้าง และยังมีความไม่แน่นอนว่าการแพร่ระบาดจะต่อเนื่องยาวนานแค่ไหน ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์ความยากจนในปี 2563 กลับไปแย่ลงอีกครั้ง
รองเลขาธิการ สภาพัฒน์ กล่าวยืนยันว่า การนำเสนอสถานการณ์ และการวิเคราะห์ข้อมูล สำนักงาน ยึดหลักวิชาการ และความถูกต้องเป็นหลัก เพื่อสะท้อนผลการพัฒนาที่แท้จริงสู่ประชาชน และใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแนวทางการพัฒนาให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อให้ประเทศมีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
-
จะเห็นว่า ข้อมูลภาพรวมที่มาจากการจัดเก็บข้อมูล มิใช่การทำโพลล์ หรือการมโน หรือการเอาความรู้สึกส่วนตนเข้ามาวัด สะท้อนชัดว่า สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ในยุคนี้ ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ตรงจุด และทำต่อเนื่อง เป็นรูปธรรม จับต้องได้