640723_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมบรรยาย อัมพัฏฐสูตร ตอน 3
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1xKxVUU2vC0sWSBxod0pcYDmsoGYIyC0JzTnIfUaL_j4/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1y80RseNc6K-IdUX1Bzui_Dr6PDm2PuNR/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://www.facebook.com/300138787516163/videos/240331074591667
สมณะเดินดิน… วันนี้วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้วันโกนพรุ่งนี้ก็เป็นวันอาสาฬหบูชาเตรียมตัวเข้าพรรษา ตอนนี้เป็นภาวะสงครามโลกหรือสงครามโรค ตอนนี้ทั้งโลกมีคนติดเชื้อโควิด 193 ล้านคน ยอดเพิ่มวันละ 5.6 แสนคน ยอดยังพุ่งไปเรื่อยๆแต่ประเทศที่ฉีดวัคซีนมาก อัตราการตายจะลดลง แต่วัคซีนยังไม่ช่วยให้ยอดติดเชื้อลดลงมากแต่อย่างใด แสดงว่า โควิดจะอยู่กับเราไปอีกนาน มนุษย์ต้องปรับตัวอยู่กับโควิด
มีคนบอกว่า
อาจารย์ใหญ่ชื่อโควิด เริ่มเปิดหลักสูตรทำการสอนชาวโลกเมื่อปี 2019
“สอนให้รู้อะไรบ้าง”
-
โควิดสอนให้รู้จักอยู่อย่างสงบ รู้จักอยู่กับตัวเอง
-
สอนให้เป็นคนสะอาด ไม่มักง่าย
-
สอนให้อยู่บ้าน ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่เล่นการพนัน ไม่ติดวงเหล้า
-
โควิดสอนว่าอย่าโกหก ไปไหนมา อยู่กับใครบ้าง ทำอะไรกัน ต้องบอกให้หมด
-
สอนให้ออกกำลังกายเป็นประจำ
-
โควิดสอนว่า ปอด เป็นอวัยวะสำคัญ ถ้าปอดพัง อวัยวะอื่นก็อยู่ไม่ได้
-
ดังนั้น อย่าสูบบุหรี่ อย่าเสพยาเสพติด
-
โควิดสอนให้รักษาสิ่งแวดล้อม ถ้าโลกสกปรกเชื้อโรคจะรุนแรงขึ้นมนุษย์จะอยู่ไม่ได้
-
มนุษย์ชอบอยู่ด้วยกันใกล้ชิด ชอบสัมผัสกันทางกาย โควิดสอนว่าการทำเช่นนั้นอันตราย ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนไม่สะอาด
-
โควิดดึงสิ่งสำคัญออกจากชีวิตมนุษย์ นั่นคือ การอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีระเบียบ และ การกินอยู่หลับนอนกันอย่างมั่วสุม
-
โควิดสอนให้คนหัดหาความรู้และข้อมูล
-
โควิดสอนมนุษย์ว่า ไวรัส คืออะไร
-
โควิดสอนว่าถ้าอยากชนะ ต้องกล้าเสี่ยง
-
โควิดแยกคนมีสมองออกจากคนที่มีแต่อารมณ์
-
คนมีสมอง คนรู้จักคิด จะใจเย็น สงบ รอบคอบ มีโอกาสรอดมากกว่า
-
โควิดสอนให้ใช้เงินอย่างประหยัด ทำกับข้าวเอง ทานอาหารคนเดียว มีความสุข
-
โควิดสอนให้มีสติ ไม่เสียสติไปด่าคนอื่น โทษคนอื่นทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพของตัวเอง
-
โควิดแยกคนโง่ออกจากคนฉลาดอย่างเห็นได้ชัด
-
โควิดสอนว่ามนุษย์ไม่ควรไปสถานที่อโคจร
-
สอนว่าอาชีพคนกลางคืน อาชีพสร้างความบันเทิง อาชีพสีเทา อาชีพที่ใช้เพศเป็นจุดขาย เป็นอาชีพที่อ่อนไหว ไม่สะอาดและไม่มั่นคงอีกต่อไป
-
โควิดสอนว่ามนุษย์ไม่ควรผิดศีล 5
-
โควิดสอนว่าใครจะรอดหรือไม่ ขึ้นกับภูมิคุ้มกันที่ตนมี ไม่ว่าจะเป็นภูมิคุ้มกันทางร่างกาย หรือเป็นภูมิคุ้มกันทางจิตใจ
-
โควิดบอกว่าจำนวนมนุษย์บนโลกใบนี้มีมากเกินไปแล้ว ถ้าคนจะตายไปบ้างอาจเป็นผลดีกับการอยู่รอดของคนที่เหลือ
-
โควิดสอนว่า คนฉลาด คนอดทน คนขยัน คนรอบคอบ คนสงบ คนมีสติ จะมีโอกาสอยู่รอดจากการระบาดครั้งนี้มากที่สุด
ขออนุโมทนา ที่มา Page:Kor.Nikar
ส่วนพ่อครูสอนให้คนเราอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ให้ได้
ชาวพุทธไม่ต้องเข้าต้องออกในการทำฌานทำสมาธิ
พ่อครูว่า…คำว่าเข้าพรรษาออกพรรษา เป็นลักษณะ 2 ของคนที่ยังไม่มีทิศทางเดิน ส่วนคนที่มีทิศทางเดินแล้วจะวนน้อยลง วนกลับมาที่เก่าคือเข้า แล้วออกไปที่เดิมแต่วนไป หากวนไกลก็กว่าจะกลับเขาก็นาน มีวนเข้ากับวนออก
ผู้ใดที่ปฏิบัติธรรมตามลำดับ เรื่องไหนที่เรายังวน ยังมีสุขมีทุกข์ยังมีสภาพ 2 เกิดแล้วก็ดับ เกิดขึ้นตั้งอยู่เสื่อมไปดับไป ผู้นี้จะนานจะวนนาน
เพราะฉะนั้นคำสั้นๆที่ว่าไม่ต้องเข้าไม่ต้องออก หรือเข้าไม่ต้องออก เข้าก็เข้าไปตรงๆไปเลย ให้วนน้อยที่สุด ถ้าวนน้อยที่สุด ภาษาสิริมหามายา วนน้อยที่สุดคือวนเร็วที่สุด ยิ่งวนนานจนไม่กลับมาเลย หรือไม่วนเลย ตรง 180 องศา คนนั้นคือผู้ที่พุ่งเข้าหานิพพานแน่นอน
จริงๆแล้วพูดที่ตรงไม่วนเลยคือผู้ที่มีนิพพาน
ที่อาตมาหยิบมาเพื่อไขให้เห็นว่า พวกหลับตาปฏิบัติเข้าฌานออกฌานเข้านิโรธออกนิโรธ เข้าสมาบัติออกสมาบัตินั่นแหละอยู่แล้ว ซึ่งเป็นรูปธรรมของ เดียรถีย์ มันไม่มีจบหรอก ต้องมาเรียนรู้ธรรมะของพระพุทธเจ้า ไม่มีเข้าไม่มีออก หรือไปเลย เข้าหรือออกไปทิศเดียวไม่มีเข้าๆออกๆ เข้าก็เข้าไปสู่นิพพานเลย ไม่มีการเข้าๆออกๆ
นี่ก็เป็นประเด็นที่เข้าใจยาก เป็นเทวะ เป็นสภาวะ 2 ที่ผู้รู้จริงแล้วไม่มีภาษาจะพูด ภาษาพูด แย้งได้ทั้งนั้น สัจจะที่รู้ตรงกันเป็นสัจจะที่เป็นหนึ่งเดียว 0 แล้วหยุดเลย ไม่ต้องเป็น2อีกเลย เพราะฉะนั้น 0 กับ 1 นี้ใช้แทนกันได้ ถ้าเรายังมีชีวิตเราก็มีนึง ตายไปแล้วก็มีแต่สูญหายไปเลย เพราะฉะนั้นต้องอาศัย 1 อยู่ มันก็ต้องอยู่กับ 2 ด้วยการอนุโลมปฏิโลม
การอยู่ด้วยการอนุโลมปฏิโลม ผู้ที่มีฐานที่ตั้งแข็งแรงเป็นโพธิสัตว์อย่างเช่นอาตมา เข้าใจดีว่าอนุโลมปฏิโลมกับเขา ต้องโน้มต้องยอม ยืดหยุ่นให้เขาพอสมควร แต่ก็หาทางตำหนิหาทางเตือนหาทางติให้เขารู้ตัว ว่าที่อนุโลมให้ยืดหยุ่นให้คุณนั้น ไม่ใช่ว่าคุณถูกนะแต่คุณยังผิดอยู่ เพราะฉะนั้นตำหนิจัดๆแรงๆมากๆ อันนั้นควรจะได้ประโยชน์
อาตมาติ ในเรื่องหลับตา ติแม้ในเรื่องลืมตานั้นก็ จริงๆแล้วมันมากกว่าคนหลับตา คนไปนั่งสมาธิหลับตามุ่งนิพพานมันมีเป็นจำนวนน้อย แต่คนลืมตานี่แหละ มันควรจะไปนิพพานทั้งนั้น ทีนี้ผู้ที่รู้ว่าการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าลืมตาปฏิบัติ น้อยกว่าหลับตา จะไปเข้าใจผิดว่า ถ้าจะไปนิพพานต้องไปนั่งหลับตา คนไปหลงเชื่อว่าการไปนิพพานต้องไปนั่งหลับตานั้นจะมีจำนวนมากกว่าคนที่เข้าใจว่า ผู้มุ่งนิพพาน คนเข้าใจมีสัมมาทิฏฐิแล้วว่าพระพุทธเจ้าสอนไม่ต้องไปนั่งหลับตา ทำฌาน ไม่ต้องหลับตา ทำสมาธิไม่ต้องหลับตา ทำในขณะทำอาชีพทำกรรมกิริยาทุกอย่างกัมมันตะ ทำในขณะพูดทำในขณะคิด นั่นแหละเป็นการทำสมาธิทำฌาน
มรรคองค์ 8 ก็ชัดอยู่แล้ว แต่เขาเข้าใจเสื่อม ก็มี สังกัปปะ วาจา กัมมันตะ อาชีวะ 4 ข้อนี้ชัดเจน แต่เขาก็งมงาย พูดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจหนังเหนียวแทงด้วยหอกร้อยเล่มเช้ากลางวันเย็นก็ไม่เข้า ติไม่สะดุ้งไม่สะดุดไม่รู้สึก อย่าว่าแต่คำถามนี้เลยแต่แทงด้วยหอก พูดแรงๆเจ็บๆ มันน่าจะรู้สึกคนมันน่าจะสำนึก ว่า อ๋อ เราผิดหรือนี่เราหลงงมงายยึดติดถือผิดหรือนี่ แต่ท่านถูก เรายังไปจัดการต่อว่าท่านด้วย จะเอาท่านลงด้วย หาว่าท่านมาทำผิดอีกด้วย ที่แท้ตัวเองผิด
เพราะฉะนั้นผู้นี้ถ้าสำนึกผิดแล้วจะละอาย คำว่าละอายคำนี้จึงยิ่งใหญ่มาก อาตมาตอนนี้กำลังเขียนหนังสือเรื่องปัญญา 8 ข้อ 1 ต้องเกิดความละอาย ผู้ที่ละอายแล้วเกิดจิตสำนึกที่เราได้ปกปิดกิเลสไว้เก็บกิเลสไว้ไม่ยอมเปิดเผย ไม่กล้าเปิดเผย เพราะตัวเองละอายซ้อนเข้าไปอีก กลัวคนจะรู้ว่าตัวเองโง่ตัวเองผิด ตัวเองไปตำหนิไปจัดการกับผู้ที่ท่านถูก ก็เลยไม่กล้าเปิดเผยตัวเองไม่กล้าบอกว่าตัวเองผิด ไม่กล้ารับผิดว่าตัวเองผิด มันจะซวยซ้ำไปอีกนานแสนนานมาก่ง
ชาตินี้คุณรู้แล้วว่าเราผิดนะ ไม่ต้องพูดเลยว่า ชาตินี้คุณก็ยังไม่สำนึกผิดไม่ต้องพูดเลย แต่คุณยังหลงว่าตัวเองถูก งั้นไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้พูดถึงมีความสำนึกผิดนะ ถ้าชัดเจนจะรู้ว่าเราผิดจริงๆ แต่กิเลสที่ตัวเองละอายที่จะเปิดเผยตัวตนเองว่าตัวเองผิด ยิ่งใหญ่มากเลยอันนี้
ถ้าผู้นี้กล้าสารภาพเปิดเผยต่อสาธารณชน ต่อชาวพุทธด้วยกัน ว่า อาตมาผิดจริงๆที่ได้ไปตู่ท่านโพธิรักษ์ แล้วก็เกิดความละอายความเกรงกลัว ความรักความเคารพ
หิริ อาย โอตตัปปะ กลัว ก็จะยังไม่รักไม่เคารพอาตมา แน่นอน เขากลัวตนเองถูกเปิดเผยว่าตัวเองผิด ซึ่งน่าสงสารมากคนพวกนี้ ทำอย่างไร ผู้นี้จะกล้าสารภาพต่อธารกำนัล
เมืองไทยมีความจริงอันนี้อยู่ มีท่านที่พอรู้ว่าตัวเองผิดอยู่ไหนเถรสมาคม จะหาคนกล้าสักคนหนึ่งได้ไหม
สมณะเดินดินว่า… ใน 100 คนจะมีคนกล้าสัก 1 คน ใน 1,000 คนจะมีปราชญ์สัก 1 คน ใน 100,000 คน จะมีคนพูดจริงสัก 1 คน ส่วนคนทำดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนนั้นไม่รู้ว่าจะมีอยู่ไหม …พุทธพจน์
พ่อครูว่า… ถ้าเผื่อว่าสังคมเมืองไทย มีผู้กล้า ที่จะกล้าสารภาพว่าตัวเองผิด โดยเฉพาะ ท่านที่ได้ยอมรับนับถือกันอยู่ในเถรสมาคม การกล้าอันนี้ เป็นวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะทำให้เกิดคลื่นแห่งธรรมะ เป็นคลื่น covid ชนิดหนึ่ง จะเปลี่ยนแปลงความเป็นพุทธในเมืองไทย เหมือนกับตั้งหน้าตั้งตาสู้กับโควิด อันนี้เหมือนกันกับโรคโควิดคาอยู่ในเถรสมาคม ยิ่งกว่าวัคซีนเลยถ้ากล้าสารภาพมันจะเป็นการรักษาที่ชะงัดด้วย โควิดจะหาย หรือว่าความผิดความโง่ความเข้าใจจะสลายหายไป ในประชาชนคนไทยพุทธศาสนิกชนคนไทย
เอาละหวังลมๆแล้งๆ หวังไปตามสายลมว่าความจริงที่พูดไปจะเป็นจริงขึ้นได้หรือไม่ฝากไปกับสายลม
_SMS วันที่ 21-22 ก.ค. 2564
_จรรยา อิ่มประเสริฐ : ข้างบ้านดิฉันติดโควิดทั้งบ้าน รอบ ๆ หมู่บ้านเป็นโควิดเป็น 5 ถึง 6 หลังคาเรือนในซอยเดียวกัน แต่ดิฉันรอด และไม่ประมาทค่ะ ใช้วิธี 1. กินน้ำด่าง 2. กินมังสวิรัติแบบง่าย ๆ 3. ไม่ออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น 4. ตื่นเช้ามากินน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น และกินทั้งวันสลับกับน้ำด่าง กินน้ำเยอะมาก 5. น้ำร้อนสมุนไพรที่เรามีอยู่สูดดมเท่าที่มีถ้าติดโควิดก็ถือว่าวิบากร้ายได้ตามมาทวงแล้ว ก็วางใจรักษาไปตามขั้นตอน
_ทำไมพวกดาราออกมาขับไล่ประยุทธ (ขอโทษนะคะ) ดิฉันเห็นว่าพวกนี้หากินไม่ได้ ควรทำอาชีพอื่นดีกว่าไหม????? โควิดมาแสดงตัวกับคนในโลกเพื่อให้คนมาปฏิบัติตนให้ถูกทางใช่หรือไม่ คืออยู่แบบพอเพียงไม่หลงยั่วย้อมมอมเมาสังคม จริงนะคะ สาธุค่ะ
พ่อครูว่า… ผู้ที่ร้องรำทำเพลงทำมาหากิน แต่ก่อนอาตมาก็ทำงานวงการมายา จากนั้นก็ออกมาปฏิบัติธรรม ตอนนี้อาตมาออกมาแล้ว เราก็สำนึกจึงไปว่าไปตำหนิวงการมายา คนที่รู้ตัวว่าโง่แล้วเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นคนฉลาดคนนี้แหละเป็นคนฉลาด แต่คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองโง่ก็โง่ต่อไป ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง คนที่มอมเมาคนทำมาหากินกับคนที่การละเล่นการแสดงการพนัน อาตมาไม่เกรงใจ พวกนี้น่าตำหนิน่าด่า ก็ต้องด่า ใครจะว่าหยาบก็ตามใจ แต่ตำหนิแรงๆ อาตมาไม่ได้ใช้ภาษาหยาบ แต่อาตมาตำหนิด้วยสำเนียง พยัญชนะ ดุๆหน่อย บ่อยๆ ซ้ำๆ ซึ่งมันก็ได้ผลกระทบกระเทือนเขาได้เหมือนกัน เขาก็รับรู้สึกแล้วก็ไม่ชอบใจอาตมา อาตมาไม่ขออภัยหรอกเพราะอาตมาทำถูกแล้ว
สิ่งเหล่านี้จึงไม่ใช่ง่ายสำหรับผู้ที่จะมาสำนึก สำหรับผู้ที่ยึดตัวตน ยึดถือศักดิ์ศรีสรรเสริญยศชั้น จมอยู่กับการผิดทางแม้จะเป็นปราชญ์ ผู้ที่ยึดติดในความรู้ แม้จะรู้แต่ก็ไม่กล้าเปิดเผยตัวมันก็ช้ายังไม่มีปัญญาปฏิภาณจริง ที่จะแก้ไขกลับ ที่จะทำทวนคืน เลิกสิ่งที่เราได้ยึดติด ทำตัวจำนนจมอยู่กับสิ่งที่ผิดๆ จมในลาภ ยศ สรรเสริญ จมอยู่ในอัตตา มันอร่อยมากสุขมากหรือ ไปติดอยู่ตรงนั้น ก็น่าจะรู้ตัวแล้วก็เลิกรา
_9309 : อยากให้กลุ่มชาวอโศกต้มน้ำสมุนไพรที่ป้องกันโรคโควิดช่วยชาวบ้านทำเหมือนวัดอื่นเขาที่เขาเริ่มทำแจกกันแล้วดีกว่าจะมาอยู่กักตัว ไม่ช่วยเหลือสังคมและมัวแต่เชียร์พลเอกประยุทธ์อย่างเดียว คิดว่ามันจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่นะ ไหนไหนก็บอกว่าเพื่อมวลมนุษย์ชาติ ควรจะทำประโยชน์เพื่อสังคมในยุคที่บ้านเมืองกำลังลำบากแบบนี้ อโศกช้าไปหลายเก้าเลยนะวัดอื่นเค้าเริ่มทำกันแล้ว ที่วัดของอโศกน่าจะมีวัตถุดิบมากกว่าเขา ควรจะออกมาช่วยกันดีกว่าอยู่เชียร์พลเอกประยุทธ์อย่างเดียว สังคมกำลังต้องการสมุนไพรแท้โปรดช่วยด้วย มัวแต่กักตัว อยู่ในกำแพงเมืองไม่ออกมาสู้ข้าศึก สังคมกำลังต้องการสมุนไพรแท้และนักรบที่กล้าหาญออกมาสู้อย่ามัวแต่ขี่ช้างหลบในต้นไม้เหมือนพระมหาอุปราชาที่ขี้ขลาดไม่กล้าสู้กับพระนเรศวร
พ่อครูว่า… ชาวอโศกยังไม่มีกำลังแรงงานเพียงพอจะไปทำอย่างนั้นได้ ซึ่งตอนนี้อโศกก็ทำหลายอย่างอยู่ เช่นการกสิกรรมเป็นต้น
แล้วคุณว่าอโศกไม่ค่อยทำอะไรหรือไง ก็ลืมตานะ ตรวจสอบข้อมูลมาพิสูจน์มาดูเช้าชอบทำอะไร อย่าเพิ่งไปจินตนาการอยู่เพียงภายนอกบอกเพียงผิวเผินไม่ได้ เพราะอโศกนั้นทำในรายละเอียด ทำในกรรมกิริยาสังคมละเอียดระดับโลกุตระ
_คอยใคร : โรคโควิคทำคนตายทั้งถึงมือหมอไม่ถึงมือหมอ ตายคาเตียงหรือตายคาถนนก็โทษรัฐ แต่ไม่คิดว่าถ้าไม่ตายด้วยโควิคก็ตายทางอื่น ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นวิบากที่ต้องรับมากกว่าครับ
_ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม : กราบนมัสการค่ะ ขณะนี้กำลังติดตามรายการ ได้ยินชัดเจนค่ะตอนนี้ ที่ลานนาอโศกกำลังดำเนินรายการ รำลึกถึง เมืองหินที่เสียชีวิตไปด้วยอาการหัวใจล้มเหลว และไตวายค่ะ
พ่อครูว่า…พวกเราก็เรียนรู้การเกิดการตายเป็นเรื่องสามัญของมนุษย์ที่ทุกคนต้องเจอ เราก็ทำกรรมของเราให้ดี
วัฏสงสารของวันข้างขึ้นข้างแรม
_จาก ญาติธรรม กทม. : เพราะเหตุใดพระพุทธองค์จึงได้ทรงกำหนดวันขึ้น-วันแรม 8 ค่ำ 14 ค่ำ และ 15 ค่ำ ให้เป็นวันธรรมสวณะค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ
พ่อครูว่า…ไม่รู้
สู่แดนธรรมว่า… เป็นวิธีมองดูดวงจันทร์ 8 ค่ำ ดูง่าย ส่วนพระจันทร์เต็มดวงก็จะฟังปาติโมกข์กัน เพื่อให้จำง่าย
พ่อครูว่า… แต่ก่อนไม่มีนาฬิกา การกำหนดวันที่ยังไม่มีปฏิทินอย่างทุกวันนี้ที่ทั่วโลกกำหนดไว้เหมือนกันหมดแหละ แต่ก่อนจะกำหนดก็ผู้ที่มีหน้าที่กำหนดวันเวลา แล้วคนธรรมดาสามัญไม่ค่อยรู้หรอกว่าวันนี้วันอะไร ผู้ที่เข้ามาทางธรรมะบ้างจึงจะมาดูวันเวลา จึงมีการกำหนด จนกระทั่งทุกวันนี้มีปฏิทินมีวันที่ กระทั่งมีการสื่อสารมีจุดศูนย์กลาง รู้จักการ โคจรวันเวลากำหนดบวกลบคูณหารกันไว้ทุกอย่างเป็นทศนิยม แม้แต่เวลามันก็ไม่ได้ลงตัว มันก็จะต้องทดไปเรื่อย เมื่อมันคลาดเคลื่อนไปมากเข้าเขาก็จะเพิ่มตัวเลขใหม่อีกที เพราะทุกอย่างการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้อยู่กับที่ มันไม่มีอะไรเที่ยง
สิ่งที่เที่ยงที่สุดคือสิ่งที่จบคือสิ่งที่สูญเสียสิ่งที่ไม่เคลื่อนที่แล้วไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) นั่นถึงจะเที่ยงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นคุณธรรมเป็นนามธรรมขั้นปรมัตถ์ขั้นปัญญา ปฏิภาณปัญญาโลกุตระจึงจะรู้สิ่งนี้
เพราะฉะนั้นคำว่าเที่ยงและไม่เที่ยงจึงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลายของความรู้ รู้เบื้องต้นชัดเจนในสภาวะสักเรื่องหนึ่ง วงวนหนึ่ง เป็นคู่สองที่จะทำให้อะไรไม่มี ไม่มีอย่างเที่ยงเลย ก็ต้องมาเรียนรู้ธรรมะ จนกระทั่งรู้มากมากขึ้น โดยพระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่าศีล ปฏิบัติไปแต่ละเรื่องแต่ละคู่เป็นเทว ก็เรียนรู้อันใดอันหนึ่งก็เอาอันนั้นเป็นหลักแต่ก็เอาอย่างอื่นเป็นการเปรียบเทียบไปอีกจนกระทั่งมากเพียงพอ ก็จะได้ข้อมูลหลากหลาย ชัดเจนแล้วก็ดีความรู้ลึกรู้ความจริงได้ถ้วนรอบเพียงพอ เราก็จะเกิดปฏิภาณปัญญานั้น ชัดเจนในการอยู่ในวัฏสงสารนี้
ทำใจอย่างไรไม่กลับไปผูกใจโกรธอีก
_จาก ผู้อยากทำลาย ความคับแค้นใจ (ประเด็นนี้ พ่อท่านยังไม่ได้ตอบเลย ท่านเพียงแต่อ่านชื่อผู้ส่งประเด็นเท่านั้นค่ะ)
ดิฉันมีความโกรธฝังใจอยู่กับพี่สาวที่ได้เคยทำกับลูกของดิฉันไว้สมัยเมื่อเขายังเรียนหนังสืออยู่ จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ลูกก็มีครอบครัวไปแล้ว หลายปีมานี้ดิฉันต้องมาอาศัยอยู่กับพี่สาวคนนี้ด้วยเหตุปัจจัยบางอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เจอหน้ากันทุกเมื่อเชื่อวันจึงมีผัสสะกันอยู่เสมอๆ ทำให้ดิฉันเป็นทุกข์มากดิฉันคิดว่าเรามาปฏิบัติธรรมกับอโศกก็หลายปีแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่หายโกรธสักที ขอพ่อครูกรุณาชี้แนะทางออกจากการผูกใจเจ็บในครั้งนี้ให้กับดิฉันด้วยเถิดค่ะ จะเป็นพระคุณยิ่งกราบขอบพระคุณค่ะ
พ่อครูว่า..ฟังดีๆ ให้คุณผูกโกรธพี่สาวคุณไปอีกสมน้ำหน้า สมน้ำหน้า ผูกไปสิ ก็เลิกโกรธเลิกแล้วไปแล้ว จบไปแล้ว แล้วคุณยังจะถือ คุณนั่นแหละคุณไม่เข้าใจว่าคุณยึดถือ แล้วก็ต้องไปอยู่กับพี่สาว ก็เพิ่งพากันและกันไปสิ แล้วก็ยังเป็นผูกโกรธกันอยู่ จะโง่ไปถึงไหนจะโง่ไปอีกกี่ชาติ เอา โง่ต่อไป ถ้าคุณยังไม่เลิก
เข้าใจความว่าเลิกคำว่าปล่อยคำว่าวาง แค่เหตุการณ์พฤติกรรมการจะผูกโกรธ ใจโกรธคืออะไร ใครถือสายึดถือเรื่องนี้ ลูกของคุณก็มีครอบครัวสบายไปแล้ว เขาก็ไม่ได้ต้องมารับรู้เรื่องราวอะไร แต่คุณต้องอยู่กับพี่สาวและคุณก็ยังมาถือสาเรื่องเก่าอีก บ้าคนเดียว พี่สาวเขาจะเป็นอย่างคุณหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็อาจจะมีความรู้สึกกระเทือนบ้าง เขาอาจจะมีปฏิภาณปัญญารู้ แต่เขาถ้าวางได้ยิ่งกว่าคุณ เขาก็ฉลาดยิ่งกว่าคุณแน่ ถ้าเขาไม่ฉลาดเหมือนคุณเขาก็ทุกข์เหมือนคุณ แต่เขาไม่แสดงออกก็อาจจะไม่รู้ได้ก็ต้องยกประโยชน์ให้จำเลยไป
ตัวคุณนั่นแหละรู้แล้วก็มาศึกษาทางธรรมะ เข้าใจให้ได้ อาตมาพูดแรงนะ คือทำไมมันจะโง่ดักโง่ดานขนาดนั้น
พ่อครูว่า… มาเรียนอัมพัฏฐสูตร แถมอจินไตย 4 เข้าไปด้วย
อัมพัฏฐสูตร เป็นสูตรที่อาตมาว่าเยี่ยมยอดมาก มีประเด็นต่างๆเยอะเลย ผู้ที่เรียบเรียงพระไตรปิฎกเป็นผู้รู้ พรหมชาลสูตร เป็นพระสูตรที่ 1 ในพระสุตตันตปิฎก พระพุทธเจ้าตรัสรู้สิ่งยิ่งใหญ่และเอามาประกาศต่อโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่เคยมีแล้วก็ประกาศทิฏฐิ 62 ต้องไม่ยึดติดทิฏฐิไหนเลยใน 62 และต้องรู้ให้มากรู้ให้ครบ แล้วอย่าไปยึดถือ แต่ต้องอาศัยบางทิฐิบางกาละปัจจุบันธรรมที่อาศัยการปรุงแต่งองค์ประกอบเท่านั้น อาตมาก็พยายามอธิบายให้ฟังก็อธิบายได้แค่นี้ก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ส่วนสามัญผลสูตร เป็นสูตรที่เรียนรู้วิธีการ ท่านก็เอาตำนานตัวอย่างที่พระเจ้าอชาตศัตรูเป็นตัวดำเนินเรื่อง ให้เห็นว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร ท่านก็เริ่มต้นง่ายๆที่ว่ามันมี 4 ประเด็นใหญ่
-
ศีลอันเป็นอาริยะ (อริเยนะ สีลกฺขันเธนะ)
-
สำรวมอินทรีย์สังวรอันเป็นอาริยะ (อริเยนะ อินทริยสัญวเรน)
-
สติสัมปชัญญะอันเป็นอาริยะ (อริเยนะ สติสัมปชัญเญน)
-
สันโดษอันเป็นอาริยะ (อริยายะ สันตุฏฐิยา)