641020_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สมาหิโตคือสมาธิพุทธแท้ของพระพุทธเจ้า
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1UjQvxqrU8ja1bHQJrgh_0jZ0nUfA3013O6QUscUvZlY/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1zJS4uIz2G6iML527poU4V7yt3CBcG1NH/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/8LNg-1lnTg/ และ https://youtu.be/oLMYOPauf9g
สมณะฟ้าไท…วันนี้วันพุธที่ 20 ตุลาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้วันโกน พรุ่งนี้วันออกพรรษา แต่ของเราไม่มีเข้าไม่มีออก เพราะอยู่ที่เดิม แต่เป็นวันสำคัญในการปวารณา ให้บอกข้อบกพร่องติงเตือนกันได้ การปฏิบัติธรรมตามมรรคมีองค์ 8 ต้องมีการสัมผัสสัมพันธ์กัน จึงจะปฏิบัติธรรมได้ ซึ่งต้องได้ฟังจากสัตบุรุษ ยุคนี้ไม่มีพระพุทธเจ้าก็มีพ่อครูสมณะโพธิรักษ์เป็นสัตบุรุษ ธรรมะของพระพุทธเจ้าจะรู้เองไม่ได้ต้องได้ฟังมาจากสัตบุรุษ
ไม่มีอะไรที่จะจบแล้วดีที่สุดเท่ากับธรรมะโลกุตรธรรม
พ่อครูว่า… ก่อนอื่นเขาก็ให้โฆษณาหนังสือลำธารชีวิต พิมพ์ออกมาแจกกันอย่าง
สนุกสนาน มันเป็นสิ่งดี สิ่งที่เป็นความรู้ความจริง ผู้ที่สามารถไขความจริงให้ผู้อื่นได้รู้ตาม เอาไปประพฤติปฏิบัติตามได้สำเร็จเรียบร้อย มันเป็นสุดยอดแห่งคุณงามความดีของมนุษยชาติ เพราะฉะนั้นเราก็ศึกษาเอา ติดตามเอา เกิดมามีชีวิต ใช้ชีวิตนี้ให้ได้
ซึ่งอาตมาสรุปไว้ เกิดมาได้จิตนิยามเป็นคน มันไม่มีอะไรที่จะจบแล้วดีที่สุดเท่ากับมาศึกษาเอาธรรมะโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าให้ได้บริบูรณ์ ทำปฏิบัติให้ได้ที่สุดแล้ว ทีนี้ คุณตัดสินใจจะอยู่อย่างพระอวโลกิเตศวร คือจะอยู่ในโลกไปไม่ยอมปรินิพพาน เป็นปริโยสานกันง่ายๆ จะช่วยมนุษย์โลก รื้นขนสัตว์ให้บรรลุนิพพานไปหมดโลก ท่านถึงจะปรินิพพานเป็นคนสุดท้าย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน
ก็เป็นปณิธานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จะเป็นจริงหรือไม่จริงก็ตาม มนุษย์คิดอย่างนี้ได้ ตั้งปณิธานอย่างนี้ได้ มันสุดแล้ว ก็ว่าไป มันสุดเป็นสัสสตะที่สุดแห่งสัสสตะแล้ว เป็นสัสสตทิฏฐิที่นิรันดร์ยิ่งกว่านิรันดร์
ถ้าฝ่ายที่เป็นเทวนิยม เขาไม่มีนิพพาน เขานิพพานไม่ได้ เขาก็นิรันดร์ของเขาประเภทที่มี ไม่ปรินิพพาน เขาก็มีอย่างนั้นไปนิรันดร ก็เป็นไปได้ จนกว่าจะมีความรู้ทางนิพพานแล้วก็นิพพานได้ ตราบใดที่คุณยังไม่ได้นิพพาน คุณก็เป็นนิรันดร์ของคุณไป ตามที่คุณจะมีอยู่อย่างนั้น วนเวียนขึ้นสูงลงต่ำ ลงต่ำขึ้นสูง วนอยู่อย่างนั้น ตามวิบาก อาจวนไปครึ่งๆกลางๆแต่ละวัฏฏะของคุณ มันไม่มีเวลาจบเลยนะ
แล้วมันก็มีอยู่ในมนุษยชาตินี่แหละในโลก ในมหาจักรวาลนี้ มันก็มีดินน้ำไฟลม มีชีวะ อยู่ในโลกลูกไหนก็แล้วแต่ที่จะเป็นสัตว์มนุษย์ เป็นสัตว์มนุษย์สูงสุดก็คือ จะมีตัวตนและไม่มีตัวตนหมดสิ้นไป ก็เท่านั้นเอง จะเป็นมนุษย์โลกไหนก็แล้วแต่ จะเป็นโลกพระจันทร์ โลกพระอังคาร พุธ พฤหัส อะไรก็แล้วแต่ หรือจะไปอยู่ไหน Galaxy ไหนก็ตาม ในโลกที่มีจิตนิยามสูงสุด มันก็มีจบที่ความมีกับความไม่มี จบแล้ว คุณรู้ตัวจบความมีและความไม่มี
ทีนี้คุณจะตัดสินความไม่มีแห่งที่สุด หรือคุณจะเอาความมีแห่งที่สุด เท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นคุณก็จะวนเวียนอยู่กับความมีและความไม่มีอย่างไม่รู้ แต่ถ้าคนรู้แล้วอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ ก็อยู่กับความมีไปให้พอ ประมาณนึง อย่างอาตมาอยู่กับความมีประโยชน์สูงสุดเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเสร็จแล้วก็…(ไม่ออกเสียง) เป็นที่รู้กันทั่วโลกใช้ภาษา เด็กก็รู้ ผู้ใหญ่เขา ไปแล้วนะ มันก็เป็นธรรมชาติธรรมดา ศึกษาดีๆก็จะเป็นอย่างนั้น
เพราะผู้ที่บรรลุสูงสุดที่พระพุทธเจ้าตัดรอบไว้ เป็นอรหันต์ เป็นมนุษย์ลำดับที่ 4 ก็คือผู้ที่รู้จักการทำ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน การแยกธาตุจิตนิยามเป็นดินน้ำไฟลมไปได้ จบมนุษย์ 4 ระดับเป็นระดับที่ 4 จะเป็นโพธิสัตว์หรือจะเป็นพระอรหันต์โดยไม่ตั้งจิตเป็นโพธิสัตว์เลยก็ตาม จบ 4 ระดับนี้ แล้วก็มีความรู้ของพระพุทธเจ้าสามารถแยกธาตุจิตนิยามตัวเองเป็นดินน้ำไฟลมได้ หรือคุณอยากจะอยู่อีกก็เอา
อาตมาเกิดมาเป็นคนไทย มาเปิดเผยความรู้ ธรรมะโลกุตระอันนี้ โอ้โห..ผู้รู้ทั้งหลายจะเอาอาตมาตาย เพราะว่าเถรวาทในเมืองไทยเขาเข้าใจเป็นอุจเฉทิฏฐิ พระอรหันต์องค์ใดก็แล้วแต่ตายลงไปในชาตินั้นต้องสูญ ต่ออีกไม่ได้ ไม่มีอะไรต่ออีก ถ้าจบเป็นอรหันต์ในชาตินั้นต้องสูญไป เถรวาทในไทยเข้าใจกันอย่างนั้นอยู่เยอะ อาตมาพูดนี้จะกระเตื้องกันเท่าไหร่
อาตมาก็เคยอธิบายไว้ว่า ถ้าเข้าใจอย่างนั้นศาสนาพุทธไม่ถึง 2,500 ปีหรอก สูญไปนานแล้วป่านนี้ พระอรหันต์จบของใครของมันไม่มีใครสืบสาน ก็สั้นลงเรื่อยๆ ขนาดอรหันต์ไม่จบ มีผู้สัมมาทิฏฐิอย่างเช่นอาตมาอยู่ 2,500 กว่าปี โลกุตระยังหมดเลยไม่เหลืออยู่ในโลก อาตมานำโลกุตระกลับคืนมา ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์ไว้แล้วในอาณิสูตร กลองอานกะ
ไม่ใช่พระพุทธเจ้าไม่รู้ แต่ท่านรู้ท่านก็ตรัสไว้ แล้วก็จริงที่สุด อาตมาก็ต้องมาสืบสานไป เพราะมีประโยชน์ต่อโลกต่อมนุษยชาติ
พ่อครูว่า… SMS วันที่ 13-14 ต.ค. 2564
_ใจธรรม สิทธินาวิน : กราบเรียนถามค่ะว่า กรรมฐานต้องดูเวทนาเท่านั้น ใช่ไหมคะ / เวลาฟังพ่อครูเทศน์ ชอบดูสายตาพ่อครู จะเห็นความเมตตา ความจริงใจ ในสายตาท่านค่ะ
พ่อครูว่า…เก่งที่ดูออก อาตมาเป็นผู้มีจิตใจเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นพระพรหม เป็นผู้ที่รู้จักสงสารจริง แล้วช่วยมนุษย์ให้พ้นสงสาร
กรรมฐานของศาสนาพุทธนั้น มีเวทนาเป็นกรรมฐาน เป็นตัวหลัก พระพุทธเจ้าตรัสไม่ใช่อาตมาพูด มีฐานะเป็นกรรม ถ้าไม่มีเวทนาไม่เกิดผัสสะไม่เกิดฐานในการปฏิบัติ ในการประพฤติ ในพระไตรปิฎกเล่ม 9 พรหมชาลสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ย้ำไว้ตั้งหลายข้อ ลองไปอ่านดู
รู้ไปปฏิบัติไป ได้ตามลำดับ อานาปานสติ
_Thanaphat Samanchai (ธนาพัฒน์ สมานชัย) : กราบนมัสการพ่อครูโพธิรักษ์ครับ อยากถามเรื่องอานาปานสติ อานะ คือหายใจออก ปานะคือหายใจเข้า สติคือความระลึก อานาปานสติจึงแปลว่าการมีความระลึกรู้ตัวในลมหายใจเข้าออก ในพุทธวจนพระพุทธองค์ท่านตรัสเรื่องอานาปานสติไว้มาก แต่เท่าที่ฟังพ่อท่านมาพ่อท่านไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ เลยอยากฟังพ่อท่านอธิบายในเรื่องอานาปานสติ / ขอถามเพิ่มอีกครับ ผมอยากให้พ่อท่านอธิบายโดยสรุปถึงวิธีการปฏิบัติธรรมตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงนิพพานให้ฟังหน่อยครับ
พ่อครูว่า… ขอเชิญติดตามมาตามมาจนตาย อาตมาจะอธิบายเยอะ ไม่ได้อธิบายหน่อยเดียว คุณจะได้เยอะด้วยไม่ใช่ได้หน่อยเดียว
อานาอาปานะ แปลว่าลมหายใจเข้าลมหายใจออก จะสลับกันได้ไม่มีปัญหาอะไรมันก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนอะไร ใช้พยัญชนะกับสภาวะเท่านั้น คนเข้าใจ 2 สภาวะแล้ว คุณจะเอาอันไหนมาจับก็ไม่ต้องงง เข้าใจคนอื่นที่เขากำหนดรู้ เราก็จบ เราไม่งงมันหมายถึงอะไรเราก็รู้แล้ว เป็นหนึ่งเดียวสัจจะตรงกันอย่างเดียว
ที่นี่ผู้ยังมีลมหายใจก็ออกคือผู้ยังไม่ตาย ตราบใดยังไม่ตายก็ปฏิบัติอานาปานสติของพระพุทธเจ้า 16 ข้อได้ รู้กาย มีกาย
กายก็คือ กามภพ 5 ตาหูจมูกลิ้นกาย กามคุณ 5 แล้วคุณก็ศึกษา หาก ต้องไปนั่งหลับตาปฏิบัติก็ไม่เจอกับกามคุณ 5 ไม่บรรลุธรรม พวกนี้หลับหูหลับตา ไม่ใช่ไปว่าแต่เป็นเรื่องจริง
ถ้าเกิดว่าไม่เข้าใจแล้วก็ไม่เลิก ศาสนาพุทธในเมืองไทยหากเข้าใจสมาธิแล้วเลิกนั่งหลับตาปั๊บ เมืองไทยจะเป็นเมืองที่มีศาสนามีธรรมะช่วยโลกเขาได้อีกเยอะเลย จะช่วยนายกฯตู่ได้อย่างมหาศาลเลย จริงๆ ช่วยได้ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งด้านการเมือง ทั้งด้านสังคมอย่างแท้จริงด้วย เพราะธรรมะพระพุทธเจ้ามีครบทุกอย่าง
อานาปานสติไม่ใช่ไปนั่งกายตรงดำรงสติคงมั่นแล้วดูลมหายใจเข้าออก มันไม่ครบ กายมีแต่ภายนอกก็ไม่ครบ พระพุทธเจ้าถึงสรุปว่า แม้จะนั่งตั้งกายตรงดำรงสติคงมั่น คุณก็ต้องรู้ ลมหายใจเข้าออก รู้ความไม่เที่ยง ความจางคลายและความดับ ทำความดับให้สมบูรณ์แบบ ทำปฏินิสสัคคานุปัสสี ทวนเป็น อเนญชาภิสังขาร
ผู้ใดฟังแล้วยังไม่รู้ทั้งหมด ก็ให้ปฏิบัติไปตามขั้นตอนแล้วจะรู้ทั้งหมด อย่าเพิ่งไปรู้มากเกินกว่าที่ตัวเองปฏิบัติไปมาก ปฏิบัติให้เกิดสภาวะแล้วค่อยบรรลุไปเรื่อยๆ มันจะช่วยให้เราไปถึงตรงที่เราสงสัยข้องใจนั้นได้ ข้องใจตรงไหนวางไว้ก่อน เอาที่เรารู้และปฏิบัติที่เรารู้ให้สมบูรณ์แบบก่อน ปฏิบัติอย่างนั้น
ด่าพระโพธิสัตว์จะมีวิบากไปเกิดเป็นหนอนเป็นสิ้นเดือนได้ไหม
_จรรยา อิ่มประเสริฐ : กรรมวิบาก ของคนที่ด่า พระอาริยะ พระโพธิสัตว์อย่างในหลวง ร.9 ตกนรกขุมไหนคะ น่ากลัวมาก ตกนรกขุมไหนดิฉันหมายถึงต้องเกิดเป็นหนอน ไส้เดือนไหมคะ
พ่อครูว่า…อาตมาตอบไม่ได้ว่าตกนรกขุมไหน นรกเป็นนามธรรม จะเป็นขนาดเป็นหนอนเป็นไส้เดือนก็เป็นได้ทั้งนั้นจริงๆ หรือแม้แต่เป็นตัวหมัดตัวเล็น เล็กนิดเดียวก็เป็นได้ ไส้เดือนกิ้งกือยังตัวโตกว่านะ เป็นได้หมด ที่เป็นตัวเล็นไม่ใช่เล็กๆนะ เป็นตัวสูงๆด้วย เสร็จแล้วตายไปกลายเป็นตัวเล็นติดอยู่ในจีวร
_คุณรุ่งศรี แก้วดวงสี : กราบคารวะพ่อครูค่ะ ลูกมีสภาวะ อย่างหนึ่งเรื่อยมา ตั้งแต่ฝึกถือศีล กินมังสวิรัติ จะเข้าสี่ปีแล้ว คือ สงสารคนที่ยังไม่ได้ฝึก กินผิด ทำผิด กระทำผิด แล้วมันส่งผลต่อตัวเขาเอง จนลูก ได้เห็นการลงโทษของวิบากแก่คน ๆ นั้น การสงสาร บางอารมณ์ จนน้ำตาไหล และหน่ายคลาย เจ็บปวดก็มีบ่อย ๆ การฟังเทศน์พ่อครู เยียวยาได้ จนบ่อยครั้งวิบากเข้าลูกเอง ล้าและป่วยบ้าง กายไม่เท่าไหร่ แต่ใจมันก็เหนี่อยจนต้องขอบารมีพ่อท่าน หรือท่านฟ้าไท บางครั้งก็อาจารย์หมอเขียว เพราะถึงจะแข็งแรงก็เจ็บป่วยได้ ลูกจึงได้ฟังการบอกแบบ ผ่านทางการฟังธรรมในการกินอยู่และแก้ปัญหาซึ่งถ้าใครไม่เจอกับตัวจะไม่รู้ ลูกถึงรู้สึกว่า การที่ลูกฝึกกินอยู่แบบชาวอโศก จะช่วยคนได้ การเหนื่อยหน่าย และสงสาร และได้แต่อนุโลม คืออัตตา และกิเลสใช่มั้ยคะ
พ่อครูว่า…ใช่ คุณเข้าใจและปฏิบัติ อธิบายสภาวะความเจริญของตัวเองมาได้เรื่อยๆ ก็ดี
ประชาชนปฏิวัติ ไม่ใช่ลุงตู่ปฏิวัติ
_สื่อฟ้าศิลป์ ภูวนาถ : ขออานิสงส์ร่วมกันเคยร่วมทำหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดินและมาทำบุญฯ ร่วมจิตอาสาครัวกองทัพธรรมทานมวลชนคนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แผ่เมตตาสุขภาพชีวิต อ.สมเกียรติผู้ร่วมทุกข์สุขมวลชนฯ ไม่ทิ้งมวลมหาประชาชน สุขภาพอ.ดีวันดีคืนปกติสุขในเร็ววันสาธุ?
พ่อครูว่า…ทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญ เป็นสำนวนของพลตรีจำลอง ศรีเมือง ทุกวันนี้รัฐบาลทรราชก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ ยังเป็นภาระยังไม่ยอมอยู่นั่นแหละ ทั้งๆที่เขาก็น่าจะไปเสวยสุขเสียสิ จะไปมีชีวิตอีกกี่ปี เงินทองมีอยู่ได้สบายๆแล้ว แต่ก็ยังอยากได้อำนาจคืน อยากจะเข้ามาอีก แก่แล้วอายุ 70 กว่า ก็ยังไม่ยอมลดราวาศอก เงินทองมาก คิดว่าใช้แต่ดอกเบี้ยทบต้นก็ทำให้ต้นสูงขึ้นด้วยซ้ำ แกเป็นคนขี้เหนียว ตายไปแล้วเอาเงินแกไปเผาไม่ต้องใช้ฟืนก็ได้
เราไปประท้วง โดยใช้ความรู้ความจริงความสงบ เป็นประชาธิปไตยโลกุตระ อย่างที่เราชาวอโศก กองทัพธรรมพากันไปทำ เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม และไม่ใช่รัฐบาลเดียวด้วย ไล่ไปตั้งหลายรัฐบาล จนกระทั่งรัฐบาลทรราชอย่างนั้นหมดอำนาจ แล้วก็ขึ้นรัฐบาลลุงตู่ขึ้นมาเป็นอำนาจใหม่ อำนาจของนอมินีทักษิณทั้งหมดเป็นอำนาจเก่า อำนาจแบบนั้นเป็นอำนาจทรราช แต่อำนาจที่เป็นสัมมาทิฏฐิ อำนาจที่เป็นของแท้สอดคล้องกันทั้งประชาชน ทั้งสถาบัน และก็ทางด้านยุติธรรม เพราะฉะนั้นสัจจะที่ลงตัวกันขนาดนี้คุณไม่ต้องห่วงหรอก แต่ก็ประมาทไม่ได้ ต้องช่วยกันระมัดระวังอย่าให้เกิดพลิกแพลงเกินไป ยังจะไปได้อีก
ไปเป็นตัวอย่าง อาตมาไม่ได้พูดเล่น แต่พูดตามภูมิที่มีอย่างจริงใจว่า ถ้าเป็นตัวอย่างของโลก ตั้งแต่พวกเราพาทำมาตั้งแต่ต้นเป็นตัวอย่างของโลก ซึ่งใช้ความสันติ อหิงสาซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ คมลึก แม่นประเด็น เป็นเครื่องปฏิวัติ เป็นเครื่องทำงานในการล้มรัฐบาลต่างๆได้
ซึ่งมันไม่มีคนจะเชื่อ ประชาชนปฏิวัติ ไม่ใช่ลุงตู่ปฏิวัติ นักรัฐศาสตร์เขาก็ยังไม่ยอมรับว่าประชาชนเอามือเปล่าไปปฏิบัติได้อย่างไร วะ เขามีปืน มีอาวุธยิงประชาชนตายหมด ซึ่งเขาไม่ได้เข้าใจคุณธรรมของมนุษยชาติที่เป็นประชาธิปไตยที่มีคุณธรรม มีคุณวิเศษ มีโลกุตรธรรมที่แท้จริงเลย เขาเข้าใจคำว่าโลกุตรธรรมไม่ได้ มันเป็นธรรมะที่ทวนกระแสสามัญของโลกีย์อย่างที่คุณเข้าใจรับรู้อยู่ แต่นี่เหนือชั้นกว่า แล้วก็พิสูจน์ให้ดู แล้วคุณก็ยังไม่เชื่อว่าจริง คุณก็ยังเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ปฏิวัติ
พลเอกประยุทธ์มีตำแหน่งหน้าที่ควบคุมกองทัพ มีปืนมีระเบิดมีกำลังคนเหมือนทุกประเทศที่เป็นทหาร เข้ามาบอกว่าขอยึดอำนาจเท่านั้นเอง ก็ประชาชนยึดอำนาจเสร็จแล้ว จากนิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล เขาก็รอจะเป็นนอมินีคนสุดท้ายซึ่งจะขาดแล้วด้วย โดยนายกฯคนสุดท้ายบอกว่า พี่รอหนูนะ แล้วหนูไปไหนวะ ให้พี่ติดคุก
ซึ่งมันเป็นประวัติศาสตร์เป็นหลักฐานจริงจังเลย จริง…มันมีองค์ประกอบต่างๆชวนให้ใช้พลังอำนาจให้คนกลัวอำนาจปืน อำนาจทหาร ผบ.ทบ. หัวหน้า คสช. ของพลเอกประยุทธ์ เขาก็เลยต้องยอม ที่จริงแล้วประชาชนทำเสร็จหมดแล้ว ทำเสร็จทุกนอมินีจนกระทั่งคนสุดท้าย ซึ่งยิ่งลักษณ์ก็คือนอมินีของทักษิณเท่านั้นเอง เดี๋ยวนี้ก็ยังพยายามหานอมินีขึ้นมาอีก ตอนนี้ก็ยังพยายาม
อาตมาว่าทำไมไม่เข็นคุณพานทองแท้ขึ้นมาเล่า อาตมารู้ว่าไม่มีน้ำยา พานทองแท้นั้น เขาก็พอรู้ว่าเสียของ เขาไม่กล้า นอกจากไม่กล้าแล้วลึกๆยังรู้ว่า น้องเขยก็ดี เอาคนนอก สมัครก็ดี คนสมัครดูไม่เข้าท่า ก็เลยเอาน้องเขย ก็ไม่ค่อยดีอีก เอาน้องสาวตัวเองเลย ซึ่งน้องสาวเขานั้นอาตมาก็เคยมีหลักฐานว่า จริงๆก็เป็นลูกสาวของเขานั่นเองแหละ ตั้งแต่เรียนหนังสือ เสร็จแล้วแม่ก็เลยเอาไปเป็นลูก
สรุปแล้วประชาธิปไตยไทยเป็นตัวอย่างเป็น Pioneer เป็นหัวเจาะของประชาธิปไตยที่สุดยอด แล้วประวัติศาสตร์ของรัฐศาสตร์ประชาธิปไตยไทย ที่อาตมาปักชื่อว่าเป็นประชาธิปไตยแบบโลกุตระ ประชาธิปไตยแบบทุนนิยม ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า นักรัฐศาสตร์เขาก็คงเข้าใจไม่ได้ เขาเรียนมาตามตำราตะวันตก เทวนิยมเขาก็ไม่รู้จัก อเทวนิยมของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นตำราทางตะวันออก ทางอินเดีย
เขาก็ไม่รู้หรอก แต่ก็ไม่เป็นไร รู้ไม่รู้ไม่มีปัญหา แต่อาตมามีสิทธิ์จะพูดความจริงมันไปเรื่อยๆ แล้วทุกคนจะเข้ามาหาตรงนี้ จะเข้ามาหาสัจจะตรงนี้ ศึกษาไปเถอะจะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ก็แล้วแต่ จะเข้ามาหาตรงนี้ เพราะมันเป็นยอดของพีระมิดขึ้นไปเรื่อยๆ สุดยอดของพีระมิดก็คือโลกุตรธรรม ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่เจริญให้ถึงที่สุด แม้จะมีกลุ่มที่เป็นโลกุตรบุคคลจะได้น้อยที่สุดในยุคกาลสมัยพุทธศาสนาสมณะโคดมนี้ มันจะได้น้อยได้มากเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร มันจะเป็นหัวเชื้อที่จะนำพาประชาธิปไตยแบบโลกุตรธรรมไป
ตั้งใจอยู่ว่าจะเขียนหนังสือเรื่องปัญญาเรื่องประชาธิปไตย เสร็จแล้วก็คงจะหยุดเขียน อาตมามีเชิงรู้มากยากนานอยู่ในตัวด้วย ก็เลยไม่จบสักที คล้ายๆกับท่านประยุทธ์ ปยุตโต อาตมาก็สงสารองค์นี้ที่ท่านหลงความรู้ นี่ก็พูดให้สติท่าน ในฐานะที่ท่านอายุน้อยกว่าแต่ท่านเป็นภันเต ก็ต้องขอขมา ขออภัย เพราะท่านบวชก่อน ทางวัฒนธรรม ทางวินัยผู้ที่บวชที่หลังจะอายุมากหรือสูงส่งขนาดไหน เป็นโพธิสัตว์ขนาดไหนก็ตาม ก็ต้องไหว้พระที่บวชก่อนแม้จะเป็นพระสามัญไม่ได้เป็นอริยะเลยก็ตาม ต้องไหว้ผู้ที่บวชก่อน นี่เป็นหลักวินัยของพระพุทธเจ้า
ซึ่งท่านก็จริงใจก็ทำแต่อาตมาก็เห็นใจก็เลยเตือนว่า ลองสรุปแล้วทำให้เป็นขั้นตอนเข้าใจตั้งแต่ สักกายทิฏฐิ ลองอ่านหนังสืออาตมาบ้าง ท่านอ่านหนังสือมากมาย ลองอ่านหนังสืออาตมาบ้าง มันมีที่จบ
ถ้าท่านรู้อย่างที่อาตมารู้เป็นสัจจะตรงกันจะสะดุด ท่านจะสะดุดแล้วท่านจะเห็นลักษณะว่า การละอายอย่างแรงกล้า จะเกิดขึ้นในจิตของท่าน แต่คนที่ยังมีอัตตามานะอยู่มันยังไม่ละอายหรอก หมดอัตตามานะ รู้แจ้งความจริงในความจริงก็จะรู้ว่า โอหนอ ทำไมเราถึงได้มั่วซั่วอย่างนี้ มันจะสงสารตัวเองเลย จะเห็นวัฏสงสารของตัวเองชัดเจน
ส่วนเรื่องอ.สมเกียรติก็ได้ข่าวว่าดีขึ้นนะ มันก็เป็นไปตามวิบากของใครของมัน ซึ่งมีทั้งวิบากที่เป็นอดีต มีทางวิบากในปัจจุบัน และมีวิบากที่เป็นอนาคต มันก็เป็นการสังเคราะห์สังขารกันขึ้นไป ก็เป็นไปตามความพากเพียร
สมณะฟ้าไท…การอ่านหนังสือของพ่อครูมีตัวจบอยู่เสมอ ถ้าเราอ่านได้จริงปฏิบัติได้จริง
สู่แดนธรรม… มีคุณแซมดินบอกว่าอาจารย์สมเกียรติ พ้นขีดอันตราย ลืมตา พูดได้
ส่งมาทำเส้นลวดสอดไม่ให้แตกซ้ำที่กรุงเทพ หมอรับรองว่ารักษาหายแล้วจะกลับมาปกติ
พ่อครูว่า… สาธุ อาตมาก็ขอให้กำลังใจเต็มที่นะ
การสวดมนต์ที่ทำให้ตกนรก เป็นโทษ ทำลายศาสนาเป็นเช่นไร
_ชัยวิทย์ : ผมสวดมนต์กราบพระที่บ้านประจำทุกวัน ยกเวันบางวันมีกิจ
..คือว่าก่อนสวดมนต์ ผมจะเชิญชวนทวยเทพ เทวา เทวดาอารักษ์ อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ สิ่งสักสิทธ์ เจ้ากรรมนายเวร ขอเชิญมาบำเพ็ญกุศลร่วมกัน
..กราบพระรัตนตรัย บูชาพระรัตนตรัยด้วยกัน เพื่อที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ ที่จะปฎิบัติบูชา
และจะได้ช่วยสืบทอดพระศาสนาไปให้ครบ 5,000 ปี ตามกำลังและสติปัญญาที่มีอยู่ และปฎิบัติไปด้วยกันนะ
….ผมเชิญแบบนี้จะมีผลได้ใหม่ครับ หรือว่ายังเรียกว่าเทวะนิยมอยู่….
..ผมเชิญมานานนับเดือนแล้วครับ แต่ก็รู้ว่าเทวะนิยมอยู่ และยังคิดว่าคงพอได้ผลบ้าง…
..ท่านเห็นว่า สมควรที่จะดำเนินเชิญชวนต่อไปอีกได้ไหมครับ…
…ผมสงสัย แต่ยังเนวสัญญานาสัญญายตนะครับ
พ่อครูว่า…ก็ขออภัยที่ต้องบอกคุณว่า เลิกได้แล้ว ที่จะไปชวนอะไรมากมายอย่างนั้น มันเป็นความเพ้อเจ้อไปหลงคารมผู้ที่มี โลกจินตา ฟุ้งซ่านปรุงแต่งไป นี่ขนเรียกชื่อต่างๆมานี้ยังน้อย ขนมาได้อีกหลายกระบุง
ก็ขอแวะตรงนี้อีกหน่อย ขอทุบหัวตรงนี้หน่อย เรื่องสวดมนต์ ขออภัยต้องพูดให้ชัดๆว่าเป็นเรื่องงมงายของคน แล้วก็เป็นเรื่องเกินจริง ถ้าจะสวดมนต์ ก็คือภาษาคำว่าสวด หมายถึงสาธยาย คือเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสาธยายเรียกว่า สังวัธยาย แล้วก็ผิดเพี้ยนไปลากเสียงอันยาว แล้วก็ใส่ทำนอง แล้วก็กลายเป็น คีตะ วาทิตะ เป็นเพลง เป็นสวด ติดกันไปตามลักษณะชาวโลกที่ติดร้องรำทำเพลง มันเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นมันก็ไม่รู้ตัว บานปลายออกไป
กลายเป็นนักร้องนักรำ สวดมนต์ร้องเพลินกันไป มันก็ไปติดยึดที่ทำนองลีลา เป็น ขิฑฑาปโทสิกะ มีความรื่นเริงบันเทิงใจอันเป็นโทษเป็น นรกปหาสะ มันเป็นโทษในการหลงติดความรื่นเริงบันเทิงใจ ท่านแบ่งโทษเป็น 2 อย่าง มโนปโทสิกะ กับ ขิฑฑาปโทสิกะ
ขิฑฑาปโทสิกะ รื่นเริงบันเทิงใจทั้งโลกไปทั้งหมดรวมถึง มาโซคิส กับ ซาดิสซึ่ม แค่เตะบอลเข้าโกล์ได้ก็ตื่นเต้นตกใจ เป็นอุพเพงคาปีติ เส้นเลือดระเบิดแตกตาย มีมาแล้วไม่ใช่ไม่มี พวกนี้เป็นโทษ
มโนปโทสิกะ คือหลงจิตเป็นโทษ ไปหลงสะกดจิต เอาจิตไปมุ่นต่างๆ หรือเอาจิตไปขยายเป็นเรื่องเลอะเทอะไปอีก จิตเป็นโทษของผู้นี้ที่ไม่เข้าใจเรื่องของจิต มโนปโทสิกะ มีแค่ 2 อันนี้เท่านั้นเอง ท่านสรุปเอาไว้แล้ว
จิตวิญญาณมันเป็นโทษอยู่ 2 มุม ที่ยิ่งใหญ่ ฟังไว้ดีๆ ใครจะอยู่ในหมู่ใด ก็เลิกมาให้หมด ขิฑฑาปโทสิกะ กับ มโนปโทสิกะ มากมายแค่ไหนก็เลิกมา มันเป็นโทษ เป็นสิ่งอาศัยปฏิบัติให้หลุดพ้นได้ทั้งนั้น อย่าให้มันเป็นโทษ
จะไปร่ายเรียก เทวดา อินทร์พรหม เป็นพยัญชนะที่บ่งบอก นิรมานกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย สร้างเรื่องราวเป็นองค์ประกอบสมมุติชื่อเรื่อง ไปเป็นมากมายตั้งแต่ได้เป็นร้อยพันหมื่นแสนล้านชื่อก็ได้ ลักษณะร้อยพันหมื่นแสนล้านลักษณะก็ได้ เป็นลักษณะ โลกจินตา เรียกเจ้ากรรมนายเวรก็แล้วแต่
ถ้าคุณไปติดอยู่อย่างนั้นจะไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์สิ มัวแต่ไปเป็นเทวดา อินทร์พรหม ยมยักษ์อะไรไป ก็ไม่ได้เป็นมนุษย์สิ ต้องเลิกถึงจะได้กลับมาเป็นมนุษย์
คุณเชิญแบบนั้นก็มีผลลงนรก มีผลเป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าๆบอๆแบบนั้น ให้เรียนดีๆ น่าสงสาร ยังมีคนติดยึดในการสวดตั้งกรรมฐานเหล่านี้อีกเยอะ อาตมาก็ยังไม่อยากพูดดีแตกพวกที่ยึดมั่นถือมั่นเหล่านี้จนกระจุย ยังไม่อยากทำอย่างนั้น ก็ไล่ๆไป ค่อยๆตีไปเรื่อยๆตามลำดับก่อน
ถ้าอย่างคุณบอกว่า จะได้สืบทอดพระศาสนา ที่จริงมันเป็นการทำลาย ถ้าเข้าใจอย่างคุณเป็นการทำลายศาสนาพระพุทธเจ้า ไม่ใช่สืบทอด เพราะมันเป็นการเข้าใจผิดมิจฉาทิฏฐิ ขออภัยที่พูดใส่น้ำหนักงบแรงไปหน่อย อยากจะให้คุณเข้าใจรู้สึก พยายามตั้งใจดีๆ ศึกษาใหม่
คุณเชิญอย่างนั้นเป็นผลเลวร้าย เป็นเทวนิยมเต็มบ้อง ให้หยุดเลย ณ วินาทีนี้ให้หยุด คุณก็รู้ว่าเป็นเทวนิยมอยู่ อาตมาไม่ส่งเสริม ให้หยุดได้เลย
แล้วขอให้เป็น เนวสัญญานาสัญญายตนะ ที่จริง เนวสัญญานาสัญญายตนะ มันแปลว่าไม่รู้แท้ จะว่าใช่ก็ไม่ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ อะไรอย่างนั้น
SMS วันที่ 18 ต.ค. 2564
_เพื่อนสอน มาแล้ว : กราบนมัสการ พ่อครูด้วยความเคารพ…เอากำลังใจช่วย…ในการยืดอายุขัยปางนี้…ได้แค่ไหนก็แค่นั้น พ่อได้สู้ถึงที่สุดแล้ว..ลูกๆก็จะได้ป่ายปีนตามพ่อไป…สาธุ
_ฝน : พ่อครูต้องเปลี่ยนบรรยากาศในการฉันนะ เปลี่ยนไปฉันตรงสวนลอยฟ้า ชิวๆ เปิดเพลงบรรเลง ต้องใช้มุขโลกีย์ บิวท์อารมณ์ แบบเหมือนเข้าบรรยากาศ ไปทานริมทะเล ริมน้ำ ราว ๆ นี้ ใส่กลิ่นธรรมชาติในอาหารอบอวล พ่อครูไม่ติดโลกแล้ว หนามยอกเอาหนามบ่ง กราบสาธุค่ะ
พ่อครูว่า… เขาพูดนี้ดี จริง แต่อาตมาปลุกไม่ขึ้น มี บรรยากาศสวนด้านข้างก็มี มีกลิ่นดอกไม้อโรมาเทอราปี แต่ว่ามัน built ไม่ขึ้น ขอบคุณที่เอาใจช่วย
_กสิฐ สุภามาลา : กราบนมัสการครับ ถ้าพ่อท่านอยู่ได้ 108-120-132-144-151 ก็จะบังเกิดสิ่งมหัศจรรย์อันดับต้นๆของโลกครับ
พ่อครูว่า… จริง ถ้าเป็นไปได้อย่างนั้น เพราะคนอย่างอาตมาถ้าอายุถึง 151 มันจะมีอะไรเกิดผลแก่สังคมมนุษยชาติอีกเยอะ มันจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นแก่โลกไม่น้อยจริงๆ จะเป็นประโยชน์มหาศาลมาก แต่มันก็เป็นไปตามสัดส่วนเท่าที่มันจะเป็นไป ก็พยายามไป ได้เท่าไหร่ก็เอา ใช้ความพยายาม ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น จบ
_นุ้ย วิโรจน์ มาบุตร : ผมอยากฟังที่พ่อท่านประกาศตนเป็นโพธิสัตว์ มีลิ้งค์คลิปไหมครับ
พ่อครูว่า…ก็ประกาศอยู่เรื่อยๆ
_คนไม่มีศาสนา : คนที่พูดว่า ไม่มีศาสนา จะดำเนินชีวิตโดยไม่มีหลักยึดได้ไหม
พ่อครูว่า…หากไม่มีอะไรกำหนดมันก็จะไปถึงอะไรได้ ไม่มีหลักยึดไม่ได้
_ส.ถักบุญ : เมื่อรู้จักทุกข์(นรกและความมี)ใช้ปัญญาในการกำจัดความทุกข์ออกไปจนหมดสิ้น(สวรรค์และความไม่มี) เมื่อวางความไม่มี วางสวรรค์ ก็จะเข้าถึงความเป็น “อนุปคัมมัง”(สภาวะdynamic) ได้สัมผัส “มัชฌิมา”(สภาพstatic)
พ่อครูว่า… ถ้าใครชัดเจนว่านรกคือความมี คนที่เป็น นร แล้ว ก ก็มี ถ้าเข้าใจสวรรค์กับนรกเป็นมายาคู่ ก็ไม่เอาทั้ง 2 อย่างมีและไม่มี หมดทั้งสวรรค์และนรก ก็จบ
นี่ก็อธิบาย ตามความเข้าใจของสมณะถักบุญ
อนุปคัมมะ ก็คือ ความไม่มีแล้ว กับความมี จะมีความมีอยู่กับความไม่มี แต่อนุปคัมมะ คือ ไม่มีทั้งความมี และ ไม่มีทั้งความไม่มี พระไตรปิฎก เล่ม 16 ข้อ 43-44 ซึ่งสรุปความมีและความไม่มีไว้สมบูรณ์แบบ ทั้งมัชเฌนธรรม ที่ท่านประยุทธ์อธิบายไว้ยืดยาว ก็อยู่ในนี้หมด สวยสุดจบ ถ้าสรุปอย่างนี้ไม่ได้เข้าใจไม่ได้ มันไม่มีจบ จบที่เป็นมัชฌิมา
ผู้ที่อนุปคัมมะ คือ ผู้ที่มัชฌิมา รู้จักว่าจะทำงานอยู่กับความมีหรือความไม่มี โดยเข้าใจสาระของความมีก็อย่างหนึ่ง สาระของความไม่มีก็อีกอย่างนึง เราจะช่วยความมีให้กลายเป็นความไม่มี จบที่ไม่มี สุดท้ายจบที่ไม่มี
จะช่วยความมีให้ไม่มี และจะช่วยความไม่มีให้ไม่มี เพราะสูงสุดก็เท่ากับ อนัตตา หรือ สูญ หรือไม่มี มีปรินิพพานเป็นปริโยสานแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมไป สูงสุดก็เป็นอย่างนั้น
โลกจินตาในวสสูตร
_อันนี้จาก วสสูตร ภัยของฝน ที่นักพยากรณ์ก็ไม่อาจรู้ ตาของหมอดูก็ดูไม่ได้
-
เตโชธาตุกำเริบบนอากาศ
-
วาโยธาตุกำเริบ
-
อสุรินทราหูเอาฝ่ามือรับไปทิ้งบนมหาสมุทร
-
วสวราหก ประมาท
-
มนุษย์ไม่ดำรงอยู่ในธรรม
พระสูตรนี้เป็นอจินไตย และเป็นทั้งบุคลาธิษฐานและธรรมาธิษฐานใช่ไหมครับ
พ่อครูว่า… ใช่แล้วเอามาพูดให้หัวแตกทำไม มันเป็นอจินไตยไม่ต้องเอามาพูด เพราะพูดไปแล้ว จะพยายามอธิบายก็อธิบายได้แต่มันเมื่อย พยายามจะให้มีสภาวะก็ได้ พยายามจะอธิบายให้มันเพ้อเจ้อไปก็ได้ เพราะฉะนั้นสรุปแล้ว คุณอย่าไปศึกษาในสิ่งที่มันไกลห่างเกินไปพวกนี้ มาศึกษาสิ่งที่อยู่กับเนื้อกับตัวคุณ ที่เป็นกิเลสแล้วล้างกิเลสให้บรรลุหมดจบ ไอ้พวกนี้ไม่ต้องไปศึกษาหรอก จะเป็นอะไรที่คนเขาพยายามสร้างเป็นโลกจินตา เป็นเรื่องเป็นราวเป็นเนื้อเป็นตัวเป็นตัวเป็นตนอะไรอีกเยอะแยะมากมาย ไม่จำเป็นที่จะต้องเอามาวุ่นวายเสียเวลามากเกิน มันไม่เข้าท่า เสียเวลาเปล่า เอาที่มันเป็นสภาวะ ทุกข์ สมุทัยนิโรธ มรรค เอาตรงนี้ ให้หมดให้จบซะ มันก็จะได้ผล ได้สิ่งที่ประเสริฐ
สมาหิโตคือสมาธิพุทธแท้ของพระพุทธเจ้า
พ่อครูว่า… สมาธิ เดียรถีย์ เขาก็เข้าใจอย่างนึง สมาธิของพุทธที่สัมมาทิฏฐิกันจริงๆ ของพุทธที่ว่ากันนั้นมีมิจฉาทิฐิเยอะ ของพุทธสัมมาทิฏฐิก็เข้าใจอย่างหนึ่ง สมาธิของเดียรถีย์นั้นมีมาก แล้วก็รู้กันอย่างเดียรถีย์ ยึดถือเชื่อถือกันอย่างเดียรถีย์ ยึดถือกันเยอะแยะมากมาย ต่างคนต่างยึดแตกต่างกันไป เคยฟังมาแล้วนะ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าสัจจะมีหนึ่งเดียวที่ตรงกัน ไอ้ที่แตกต่างกันนั้นไม่ใช่สัจจะ
แม้แต่พุทธ ชาวพุทธส่วนใหญ่ทุกวันนี้ เกือบทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะไปนั่งหลับตาหรือจะฟุ้งซ่านไปแบบธัมมชโย หลับตานะ แต่ลืมตา เอาใสๆๆ พวก อาภัสสรา ส่วนพวกสุภกิณหา พวกหลับตาดับมืด พวกใสๆ จะไปไม่มีจบหรอกอย่างธัมมชโย ไปได้เรื่อยๆ มันมีแสงสว่างมันมีเห็น ที่พวกมืดสรุปแคบเข้าๆ พวกสุภกิณหา กัณหา แปลว่าดับ ดำ มืด
มีสมาธิสว่างกับสมาธิมืดที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ส่วนสมาธิของพระพุทธเจ้านั้นเข้าใจทั้งสองแบบ
พวกหลับตาปฏิบัติ มีสติอยู่ในสมถะ สติสะกดอยู่ที่สมถะ ก็มีปัญญา เขาเข้าใจว่าปัญญาคือความรู้ความฉลาด แต่มันไม่ใช่ปัญญาจริง เป็นแต่เพียงสัญญาความจำอยู่ภายใน ก็มันอยู่ในกรอบอยู่ในภวังค์ มันก็มีแต่ภายในเท่านั้น ซึ่งมันแตกต่างจากพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกันเลย
สมาธิของพุทธนั้นคือ ใช้ศัพท์เรียกคำนี้ ไม่กว้างขวาง เพราะแม้แต่พระมหากัสสปะรวบรวมพระไตรปิฎกชุดสยามรัฐ ก็ไม่ได้แตกฉานเรื่องของ สมาหิโต เพราะท่านสายศรัทธาเต็มๆ แบบเดียรถีย์ แบบนั่งหลับตา
เพราะฉะนั้น สมาหิโต ถ้าใครไม่ได้เรียนรู้อย่างสมบูรณ์แบบ ตามพุทธคุณ 9 จรณะ 15 วิชชา 8 จะไม่ซาบซึ้ง ไม่รู้ละเอียดทะลุรอบเป็นปฏิเวธะ ในความเป็น สมาหิโต
ขอสรุป ว่า สมาหิโต นี้ หมายความว่าสมาธิของพระพุทธเจ้าเป็นบัญญัติ ยืนยันอยู่ในเจโตปริยญาณ 16 สมาหิตะหรือสมาหิโตส่วนมากก็เป็น เจโตสมาธิ หรือผันคำว่าสมาธิไป แจกวิภัตติออกไปอีกหลายคำ
แต่สมาหิโต ของพระพุทธเจ้านั้น เป็นสมาธิพุทธแท้ๆ
ลักษณะ 9 ของ ฌานที่เป็นสมาธิพุทธแท้ มีดังนี้
-
สมาหิเต (จิตเต จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ)
-
ปริสุทเธ (จิตบริสุทธิ์ สุกสกาว ไม่มีอะไรที่จะแอบแฝง)
-
ปริโยทาเต (ผ่องแผ้ว อย่างแข็งแรงอยู่กับผัสสะ)
-
อณังคเณ (ไม่มีกิเลสเครื่องเศร้าหมอง)
-
วิคตูปักกิเลเส (ปราศจากแม้แต่อุปกิเลส )
-
มุทุภูเต (แววไวด้วยจิตหัวอ่อนดัดง่ายแก้ไขไว )
-
กัมมนิเย (ควรแก่การงานอันไม่มีโทษ ไม่มีกิเลส)
-
ฐีเต (จิตถึงความตั้งมั่น )
-
อเนญชัปปัตเต (จิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหว )