640820_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ อายะ 3 ช่วยตนเองเท่ากับช่วยคนทั้งโลก
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1SWXlVUZ17pN7mSFNmAzeJ4Ttw-BcwzkJIBNKO8i-h8o/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1xJJwyKt-71VHw3ljRDDMb5-qkCF7oMA1/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/7vlnghSjVr/
สมณะเดินดิน… วันนี้วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก อานิสงส์การพบสัตบุรุษ ทำให้เราได้มีอัตสัมมาปณิธิ ตั้งตนไว้ชอบ ก็ทำให้การดำเนินชีวิตมีความหวังในการใช้ชีวิต ส่วนคนไม่ได้พบสัตบุรุษก็จะมองว่าประเทศไทยตอนนี้เป็นนรก ต่างกันกับผู้ได้พบสัตบุรุษ ที่ได้มีจักร 4
พ่อครูว่า… SMS วันที่ 16 ส.ค. 2564
_สุดชดา ทรรศนะวิเทศ : วันนี้ (จันทร์ที่ 16 สค. 64 รายการตุ้มตะลุ่มตุ้มม้ง) อาจารย์แป้งจัดรายการได้ดีค่ะ
_สว่างแสงบุญ บุญสุข : รายการนี้ ตุ้มตะลุ่มตุ้มม้ง สนุกจริง ๆ พ่อเทศน์ชัดเจนดูท่านสดชื่นแข็งแรงทุกครั้งเลยค่ะเห็นพ่อครูสดชื่นเช่นนี้ก็ดีใจมากเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…ต้องพยายามระลึกเสมอว่าความสรรเสริญ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นความต่ำทราม ไม่มีคุณพอที่จะทำให้บรรลุละหน่ายคลายได้ มีแต่บ้ายอ หลงเหลิงงมงายซับซ้อน เพราะฉะนั้นเขาจึงใช้คำสรรเสริญที่คนชนโลกีย์ยังไม่รู้เท่าทัน ซึ่งเป็นเรื่องลึกซึ้งมาก ต้องระวังใครได้รับการสรรเสริญต้องใช้สติปัญญาตั้งตัวให้ดี อย่าไปหลง
เขาสรรเสริญเพราะ 1. สรรเสริญโดยไม่มีเหตุผลยกยอเอาคำสวยๆมาพูดทั้งนั้น 2. เขาสรรเสริญชมเชยเพราะเขามีหลักเกณฑ์มีคำกำกับว่า สรรเสริญเราอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะอย่างนี้ดี บอกนัยยะมีรายละเอียด เราก็พิจารณาว่าดีจริงไหมมันดีอย่างไร เราจะได้ปฏิภาณเพิ่มเติม อย่าไปหลงเหลิงแต่เอาประโยชน์จากคำสรรเสริญ
_ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม : เด็กอโศกโชคดีกว่าเพื่อน ถามปัญหาพ่อครู พ่อครูตอบทุกประเด็น และพ่อครูเป็นครูภาษาไทยอธิบายได้ดีมาก
พ่อครูว่า…ตอนอาตมาเป็นฆราวาสก็หาเงินเลี้ยงตัวเองด้วยสอนภาษาไทย สอนศิลปะ สอนธรรมะ นอกนั้นก็มีการบันเทิงบ้าง นิดหน่อย เป็นครูมา 12 ปี
_กูรูสู่แดนธรรม : มีลุงคนหนึ่งไปพบปะปรึกษาที่บ้านผม ขอส่งความคิดเห็นถึงพ่อครู บอกว่า “รายการตุ้ม ตะลุ่มตุ้ม โม้ง!” ครั้งที่ 5 เมื่อวันจันทร์นั้น เห็นว่ากำลังเข้ารูปเข้ารอยที่ดี เพราะมีคนรุ่นใหม่เช่นเด็กๆ ต่างก็สนใจถามปัญหาสนทนากับพ่อครู และก็ได้รับคำตอบถ้วนทั่วกันทุกคน เพราะอาพิธีกรควบคุมรายการ ไม่ให้เน้นขยายความให้กับคำตอบใดเป็นพิเศษ ลุงจึงเห็นดีว่า ตะลุ่มตุ้มโม้ง ก็คือรายการที่คล้ายกับการเล่นศิลปะดนตรีไทยโดยเล่นเป็นวง ไม่ได้เล่นเดี่ยว
ลุงเห็นว่า ที่ผ่านมานั้นพ่อท่านจัดรายการศิลปินเดี่ยวมาหลายปีแล้ว จึงอยากเห็นนิมิตใหม่ ที่พ่อท่านกับสมณะและสิกขมาตุ จะเล่นเป็นวง โดยให้ลูกๆ หลานๆ ได้ถามปัญหา จะถามเองหรือเขียนส่งให้อาพิธีกรช่วยถามให้ก็ได้ แล้วก็ให้ท่านสมณะและสิกขมาตุ ได้ช่วยกันตอบไปตามมุมมองของแต่ละท่าน โดยมีพ่อท่านเป็นประธานฟังการตอบของท่าน แล้วพ่อท่านจะเสริมอะไร จะเน้นอะไรช่วยอีก ก็จะดูเป็นแท็คทีม เล่นเป็นวง ที่จะเกิดบรรยากาศเอื้อไออุ่น ที่เอื้อกันอย่างถ้วนทั่ว เวลาของรายการก็อาจจะขยายไปถึง ๒ ช.ม. ก็ได้ครับ พ่อท่านก็ไม่ได้พูดคนเดียวทั้งสองชั่วโมง จึงเสนอมาเพื่อทราบ “ควนมิควนก็.. แล้วแต่จะดังไฟ” (ภาษาอิสาน ครับ)
พ่อครูว่า…ก็ขอบอกตรงนี้นิดนึงว่าอาตมาก็กำลังทำอยู่ และพยายามที่จะทำให้มันเป็นวง สำหรับอาตมานะ ก็มี รายการตะลุ่มตุ้มม้ง สำหรับรายการอื่น อาตมาก็เป็นศิลปินเดี่ยวบ้าง ไม่อย่างนั้นอาตมาก็ถูกดึงไปตอบปัญหาที่เขาข้องใจกัน ถ้าอาตมาไม่พูดคนเดียวก็ทำให้สูงขึ้นไม่ได้ ซึ่งอาตมาจำเป็นเหมือนกันที่จะต้องขยายธรรมะให้ลึกซึ้งสูงขึ้น โดยเฉพาะในหนังสือ อาตมาเขียนคนเดียว การอ่านหนังสือจะได้ประโยชน์มากเลย ในผู้ที่ต้องการจะรู้ให้สูงขึ้นละเอียดขึ้นครบครันขึ้น จะดูโทรทัศน์รายการต่างๆก็จะได้ในกรอบหนึ่ง ไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือ มันจะมีข้อจำกัดของมันอย่างนั้น
_พลังเพ็ญ คำด้วง : กราบนมัสการค่ะ จะทำจิตอย่างไรให้อยู่กับปัจจุบันขณะให้ได้ดีที่สุดคะ
พ่อครูว่า…จะทำจิตให้อยู่กับปัจจุบันขณะมันไม่ง่าย และแค่ว่าจะทำความเข้าใจจะทำจิตให้อยู่กับปัจจุบันขณะก็ยังไม่ชัดเจนได้ง่ายๆเลยยังไม่รู้ได้ง่ายๆเลย ธรรมดาจิตของคนท่านบอกว่าเร็วยิ่งกว่าลิง ไวยิ่งกว่าลิง เร็วกว่าแสงวิ่ง ลิงมันไม่เร็วอะไรหรอกเมื่อเทียบกับแสงวิ่ง จะทำอย่างไรให้ได้ดี ก็ทำไปตามลำดับขั้นตอน
สื่อข่าวเสี้ยมทำให้เกิดสังคมแตกแยก
_บุญญากร พัฒนสัตถาพร : ? ทำไมลุงตู่นิ่ง..?? มีผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมลุงตู่ยังนิ่ง ไม่สนใจกระแสกดดันให้ลาออก.. จริงๆแล้วผู้สื่อข่าวน่าจะทราบคำตอบได้ดีที่สุด.. ก็ในเมื่อแต่ละคนที่เรียกร้องให้ลุงตู่ลาออก.. มีทั้งคนหนีคดี..คนที่ต้องการล้มสถาบัน..คนที่ทำผิดกฎหมาย..คนที่มีคดีติดตัว..คนป่วนบ้านป่วนเมือง..และมีนักการเมืองที่คนไทยได้เคยสัมผัสฝีไม้ลายมือกันมาแล้ว.. แล้วทำไมลุงต้องไปตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้.. ลุงท่านทราบดีว่า”คนไทยส่วนใหญ่” มองเห็นอยู่ว่าลุงกำลังทำหน้าที่แก้ไขปัญหาโควิด-19 อยู่..คนไทยมองเห็นการพัฒนาของบ้านเมืองในหลายๆด้านโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม..หรือเรื่องเหล่านี้ผู้สื่อข่าวบางคนมองกันไม่เห็น.. สื่อควรจะไปตั้งคำถามคนหนีคดี คนที่มุ่งล้มสถาบันกษัตริย์ และคนที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองดีกว่า..ว่าเมื่อไหร่จะหยุดกันเสียที..!?!?
พ่อครูว่า…ลุงตู่นิ่งได้ นี่เป็นคำที่ชื่นชมลุงตู่นะ เหตุการณ์ที่เกิดการประท้วง จำนวนจริงๆมีไม่มาก นอกนั้นเป็นนักข่าวเสียมาก ทั้งในและต่างประเทศ บางรายงานบอกว่ามีการจ้างมาประท้วงด้วย คุณจะไปบอกให้นักข่าวเขาหยุด เมินเสียเถิดอย่าคิดถึง เพราะนักข่าว หรือนักหนังสือพิมพ์รายวันนั้นคือนักหาเรื่อง ขออภัยที่ต้องพูดความจริง ถ้าเขาไม่มีเรื่องเขาก็ตายเขาก็ตกงาน เขาก็เจ๊งเขาก็ล้มละลายสิ เรื่องราวในยุคนี้ไม่จบง่ายๆเพราะนักข่าวเป็นเหตุหาเรื่อง ในยุคก่อนนักข่าวไม่เฟื่องฟูอะไร ในยุคนี้ทั่วโลกเลย เพราะพวกนี้มันต้องหาเรื่อง นักข่าวนั้นอาตมาให้ความเห็นว่าเป็นนักหาเรื่อง เป็นมิจฉาทิฏฐิและเป็นนักส่อเสียด เอาความข้างโน้นไปว่าให้ข้างอีกข้างนึงให้เกิดความขัดแย้งกัน แล้วเขารู้ว่าคนชอบดูที่ทะเลาะกัน สัญชาติคนนั้นชอบคนตีกัน ไม่ชอบคนที่สนิทสนมสามัคคีกัน แบบนั้นเขาเฉยๆ แต่คนตีกันนั้นเป็นไทยมุงกันเลย แต่คนสามัคคีกันดีกันเขาก็ผ่านไปเลย เราต้องรู้ธรรมชาติอันนั้น ขออภัยนักข่าวนักหนังสือพิมพ์นะ ก็เห็นใจแต่ก็พูดความจริงให้ฟัง ต้องเข้าใจอันนี้ให้ดีๆ
_จากสายลมหวาน : กราบพ่อท่าน จะพิจารณาอริยสัจ 4 อย่างไรดี ในสถานการณ์ประเทศขณะนี้ซึ่ง เหว่ว้า วังเวง วิเวก วิเหวโหว ครับ
พ่อครูว่า…
สู่แดนธรรมว่า… เหตุเพราะเขาหนีจากความทุกข์ตัณหาที่อยากให้บ้านเมืองเป็นไปในทางที่เขาต้องการ คือลุงตู่ไม่ถูกใจเขา
พ่อครูว่า… อริยสัจ 4 ไม่ใช่ตัวพิจารณาเท่านั้น เรียนอย่างครบครันเลย (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สมณะเดินดินว่า… ดูเหมือนนายกฯทำอะไรก็ไม่ถูกใจเขา คนไม่เป็นหมอรู้ดีไปกว่าหมอ
พ่อครูว่า… เหมือนคนดูมวยเก่งกว่านักมวยบนเวทีทุกคน เห็นหมดรู้หมด บอกทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ลองขึ้นไปชกดูสิ มันเป็นอย่างนั้นแหละ
ก็ขอตอบง่ายๆว่า จะพิจารณาอริยสัจ 4 อย่างไร ก็ต้องศึกษาตามลำดับให้สัมมาทิฏฐิไปเรื่อยๆ และมีสัมมาปฏิบัติ แล้วจะเกิดสัมมาปฏิเวธ
ที่มาของคำว่ากษัตริย์
_ตุ๊ก อัศวิน : ขอโอกาส..เจ้าค่ะ คำว่า ‘กษัตริย์’ มีรากเค้ามาจากเหตุปัจจัยอย่างไร ได้โปรดถอดรหัส ในมิติของ ‘อักษรไทย’ ด้วยนะเจ้าคะ กราบ_/\_ขอบพระคุณในเมตตาธรรม..เจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…คำว่ากษัตริย์ รากคำมาจาก เกษตร หรือเขต กษัตริย์ เป็นภาษาสันสกฤต ส่วนภาษาบาลีคือ เขตตะ ส่วนสันสกฤต คือ เกษตร
คนไทยซวยหน่อย คือคนไทยนักรู้เอาคำภาษาบาลีไปนิยามอย่างหนึ่ง สันสกฤตเป็นอีกอย่างหนึ่งมีเยอะ ทั้งที่เดิมมันอันเดียวกัน จะบอกว่าเป็นความเจริญของภาษาก็ได้ แต่คนไม่รู้ก็จะยุ่งสิ มันก็สับสนที่พยัญชนะ ทำไมมาจากรากเค้าเดียวกันแต่ก็แยกกันให้ต่างกัน มันก็จะงง นี่แหละเกิดเหตุตรงนี้ที่เป็นเรื่องสำคัญ
เราก็เข้าใจให้ได้ตามที่เขานิยามก็แล้วกัน ว่า เกิดจาก
-
มีสถานที่มีอาณาจักรเรียกว่าเขตหรือเกษตร เกษตรเดิมหมายถึงพื้นที่ ผู้เข้าไปครอบครองเขตไหน ไปครอบครองพื้นที่นั้นเป็นหัวหน้าพื้นที่นั้นเช่นหัวหน้าเผ่า ก็เป็นธรรมชาติธรรมดาของมนุษยชาติมันต้องเป็นอย่างนั้นมา ก็ปกครองบริหารเขตนั้น เกษตรนั้น ผู้เป็นหัวหน้าก็เลยเรียกว่าเป็นกษัตริย์ ภาษาบาลีก็เรียก ขัตติยะ แต่ไม่ค่อยติดปากในไทย
สติปัฏฐาน 4 โดยย่อ
_สว่างแสง ขวัญดาว : น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งค่ะ ปรกติลูกจะได้ฟังพ่อครูเทศน์เรื่อง กาย กับ เวทนา ลูกพอเข้าใจได้บ้างค่ะ แล้ว ใน สติปัฏฐาน๔ มี กาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอย่างไรคะ ลูกกราบพ่อครูเมตตาช่วยอธิบายให้ลูกได้เข้าใจด้วยค่ะ
พ่อครูว่า…ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็คือกาย เวทนา จิต ธรรม ถ้าคุณศึกษาเข้าใจกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรมอย่างถูกต้องสัมมาทิฏฐิแล้วปฏิบัติ จะให้กายที่เป็น 2 เวทนาที่เป็น 2 จิตกับธรรมะนั้นไม่ยาก เพราะจิตนั้นท่านแจกเป็นเจโตปริยญาณ 16 ส่วนธรรมะท่านแจกเป็นแค่ 2 คือโลกุตระกับโลกียะ
ถ้าโลกียะ จิตในจิต หรือเจโตปริยญาณ 16 ไม่มี โลกียะไม่มีปัญญารู้อันนี้ แล้วถ้าเป็นโลกุตระจะรู้จักเจโตปริยญาณ 16 มีสภาวะครบเลย ปฏิบัติตามนี้บรรลุอรหันต์ เจโตปริยญาณ 16
คือ การกำหนดรู้ใจสัตว์อื่น (รู้สัตว์ชั้นต่ำสูงในจิตตน-ปรสัตตานัง) .
รู้บุคคลชั้นต่ำ-สูงอื่นๆในจิตอาริยของตน(ปรปุคคลานัง) เป็นปรมัตถ์.
-
สราคจิต (จิตมีราคะ)
-
วีตราคจิต (จิตไม่มีราคะ)
-
สโทสจิต (จิตมีโทสะ)
-
วีตโทสจิต (จิตไม่มีโทสะ)
-
สโมหจิต (จิตมีโมหะ)
-
วีตโมหจิต (จิตไม่มีโมหะ)
-
สังขิตฺตํจิตตํ. (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) .
-
วิกขิตฺตํจิตตํ . (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด)
-
มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)
-
อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น)
-
สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ)
-
อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า) .
-
สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว)
-
อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์)
-
วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น) . . .
-
อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) .
(พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 135)
สมาหิตะ เป็นจิตตั้งมั่นแบบพุทธส่วน จิตตั้งมั่นแบบฤาษี เรียกว่าเจโตสมถะ
สมาธิ เขาก็แปลว่าจิตตั้งมั่นแต่มันต่างกัน สมาธิแบบนั้นเป็นสมาธิที่ไม่ใช่ของพุทธ ผลได้อยู่ในทิฏฐิ 62 ไม่บรรลุโลกุตรธรรม แต่เขาบรรลุแบบมิจฉาทิฏฐิตามแต่ละอย่างของเขาที่บอกว่าถึงที่สุดของเขา อย่างเช่น อาฬารดาบสบรรลุขั้น 7 อุทกดาบสได้อรูปฌาน 8 เขาก็ว่าสูงสุดแล้ว
ของพุทธตรวจสอบตามเจโตปริยญาณ 16 ไปตามลำดับ ตรวจแล้วตรวจอีก สุดยอด ของพุทธเจ้าไม่มีการแย้งได้เลย ครบครัน
คุณเรียนรู้ กาย เวทนา จิต ธรรม และเรียนรู้ กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ก็จะตัดสินได้ว่าจบโลกุตระหรือไม่
_Aumporn Kul (อัมพร กุล) : กามพยาบา
พ่อครูว่า… คือ 2 ตัวหลักของกิเลสที่คุณจะต้องเรียนและดับให้หมด ตั้งแต่ต้นจนจบ
_Aranyar Zeman (อรัญญา ซีแมน) : กราบนมัสการพ่อครูที่เคารพอย่างสูงค่ะ ? ฟังท่านพูดธรรมะทำให้มีปัญญาและเป็นธรรมชาติมากๆค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ
_อัญชลี ชุ่มเชื้อ : ขอน้อมกราบสาธุเจ้าค่ะ. ฟังพ่อท่านกับอาจารย์หมอเขียว. แล้วมีใจสงบ..ลดกิเลสได้เยอะเจ้าค่ะ.
SMS วันที่ 18-19 ส.ค. 2564
_โชติธมฺโมภิกขุ เพลิน ดอกกระโทก : รับฟังทางวิทยุ Zone Radio สัญญาณเสียงชัดเจน ครับ
ยุคนี้อโศกมีดีที่สาธารณโภคี
_0015 : วันปฐมฤกษ์รายการ “ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ” นั้น พ่อท่าน ประกาศแนวคิดและหลักการบริหารหมู่กลุ่มชาวอโศก กระผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะดูคล้ายระบอบการปกครองของไทย คือประชาธิปไตย 2 ขา ครับ จากสุโขทัย(อดีต)สู่อุบลราชธานี(ปัจจุบัน)ถ้าเปรียบเทียบ ความจริญก้าวหน้าด้านพุทธศาสนาแล้วสมัยสุโขทัย(พ่อขุนรามฯ) กับสมัยปัจจุบัน(ชาวอโศก) สมัยใดมีมรรคผลและแก่นธรรมมากกว่าครับ
พ่อครูว่า…ในยุคนี้กำลังถึงแก่นธรรมที่ชาวอโศกกำลังทำนี่แหละ เห็นถึงชุมชนโลกุตระเลย อย่าง ในยุคสุโขทัยยังทำไม่ได้ เช่นเดียวกับในยุคของพระพุทธเจ้าเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ยุคทาส มนุษย์ยังไม่เข้าใจสิทธิมนุษยชนก็ทำได้แต่ในวงการพระสงฆ์ แต่ในยุคนี้มันแตกต่างกัน แค่อาตมายังพาทำโลกุตรธรรม สาธารณโภคีขึ้นมาสู่สังคมฆราวาสที่กว้างเป็นหลักฐานยืนยันได้ สุโขทัยก็ทำไม่ได้คล้ายๆกับของพระพุทธเจ้า ข้อจำกัดมันเยอะ แต่มันมีรากฐานแล้วของโลกุตรธรรมจึงอยู่เป็นสุข และคนไทยในยุคนั้น ยังไม่ชั่วเหมือนคนไทยในยุคนี้ ที่คนไทยชั่วเพราะไปเรียนรู้จากต่างประเทศเอาความรู้โลกียะมา ก็เลยเละ ทั้งๆที่เมืองไทยไม่ต้องเรียนรู้โลกียะ แต่ให้เรียนโลกุตระให้ถ่องแท้ให้บรรลุผลแล้วโลกจะมาเรียนรู้ตาม พระพุทธเจ้าก็เรียนรู้โลกุตระ ศึกษาเรื่องคนกับสังคม ท่านได้ทิ้งศาสตร์ 18 สาขาที่เรียนจากตักสิลาไปหมด
_ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม : กราบนมัสการพ่อครูค่ะ ฟังดูอาการ พ่อเป็นลมและมีเสมหะเหนียวต้องใช้พลังขับ ต้องฉันท์และดื่มสมุนไพรบ้างค่ะช่วยขับลม ถวายคำแนะนำค่ะ อย่าให้เกิดบ่อยครั้งค่ะ
_ณัฐพล มากเทศ : ฟังพี่ในน้ำคำพูดแล้วจุกในอกครับ
_บัวกรุ่นบุญ : กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ ลูกได้ฟังพี่อี๊ดเล่าอาการของพ่อท่านแล้วรู้สึกใจหายจังค่ะ ลูกเคยเห็นต่อหน้าที่ผาธรรม ครั้งนั้นเห็นก็ว่าแรงมากแล้ว ตอนเห็นลูกนี่น้ำตาไหลเลย ค่ะ …ลูกขอส่งกำลังใจ พลังใจทั้งหมดที่มีถึงพ่อท่าน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงน้อยนิด และจะขอตั้งใจปฏิบัติลดละกิเลสให้ได้ตามคำสอนให้ได้มากที่สุดค่ะ… กราบขอให้พ่อท่านมีสุขภาพแข็งแรงปลอดภัย ไม่มีอาการใดๆให้ต้องทรมานกายขันธ์ อายุยืนยาวค่ะ???
พ่อครูว่า…ขอบคุณ
_ตุ้ม พรทิพย์ : ลูกจะเร่งพัฒนาตัวเองค่ะ เพื่อเป็นการเสริมพลังพ่อครูค่ะ
พ่อครูว่า…อย่างนี้ดี
_อรัญญา ซีแมน : กราบนมัสการท่านพ่อครูที่เคารพอย่างสูงค่ะ ได้รับหนังสือที่ท่านเขียนและกำลังเริ่มต้นอ่านตั้งแต่หน้าที่1 กราบขอบพระคุณค่ะ
_ประดิษฐ แก่นลา : ไม่มีผู้ใดแสดงธรรมได้ละเอียดเช่นนี้ กราบสาธุครับ
_เกษม เพ็งกลาง : เริ่มเข้าใจชัด ๆ ลึก ๆ คำว่าแสวงบุญนอกเขตพุทธ
_ยุพา ชมชื่น : น้อมกราบสาธุเจ้าค่ะ กายคือสิ่งที่เรายังไปติดยึดอยู่ใช่ไหมเจ้าคะ
แกนเจโตและปัญญาของโลก
_ชัยรัตน์ นารอต : กายนอกตาหูจมูกลิ้นกาย กายในรูปกับนาม ถูกไหมครับไม่ค่อยเข้าใจครับ /กายเนื้อสัตว์มีวิบากเยอะไหมครับ
พ่อครูว่า…กายเนื้อสัตว์ คำนี้ อาตมาเข้าใจว่าคุณคงหมายถึงเนื้อสัตว์ร่างของมัน แล้วคุณก็คงจะกินมันหรือไม่กินก็แล้วแต่ พูดจริงๆแล้ววิบากเรื่องกินเนื้อสัตว์นี้ลึกซึ้งซับซ้อนมากกว่ามากเลย กว่าคนจะมามีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง แล้วก็เลิกกินเนื้อสัตว์ได้ มันไม่ง่ายจริงๆ
ขอเปรียบเทียบ อินเดียคือดินแดนของพระพุทธเจ้าไม่รู้กี่พระองค์ เพราะฉะนั้นศาสนาในอินเดียจึงเป็นศาสนาที่ไม่กินเนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้าไม่กินเนื้อสัตว์ อินเดียนั้นมีมานานกว่า 2,500 ปี มีพระพุทธเจ้าองค์ก่อนหน้านั้น การไม่กินเนื้อสัตว์จึงฝังรากลงไปในจิตใจชาวอินเดียว่าเป็นคนเจริญ อินเดียเป็นเมืองเจริญ จึงมีพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ เป็นแดนเจริญ มาก่อนชาติไหนในโลก เมืองอื่นไม่มีโลกุตรธรรม เมืองจีนเอาไปบ้างแต่ก็เป็นคอมมิวนิสต์ เขากำลังศึกษาเนื้อหาของประชาธิปไตยโลกุตระอยู่เหมือนกันสำหรับชาวจีน
ในโลกมีจีนกับอินเดียเป็น 2 ประเทศในโลกที่มีพลเมืองมากที่สุด มานานแล้ว จึงเป็น 2 ประเทศที่มีประวัติศาสตร์เยอะ อินเดียเป็นเจโต จีนเป็นปัญญา ทุกวันนี้ก็เป็นเช่นนั้นเปลี่ยนแกนของเขาไม่ได้ การศึกษารู้สภาพเจโตและปัญญา รู้สภาพ 2 รู้เชิงฉลาดที่เป็นโลกียะและโลกุตระ ชัดเจนดีแล้วคุณจะชัดเจน
แกนโลกุตระของอินเดียลึกและนิ่ง แกนโลกุตระปัญญาของจีนฟุ้งลอยอยู่ข้างบน ต้องขอใช้ภาษาแค่นี้ก่อน ของอินเดียลงล่าง ของจีนลอยบน ของไทยเป็นกลาง เพราะฉะนั้นอาตมาจึงประกาศไปแล้วว่าเมืองไทยเป็นชมพูทวีปของโลกุตรธรรม อินเดียและจีนต้องมาเก็บเอาโลกุตรธรรมต่อ แล้วต้องเก็บจากที่ไหนก็ต้องเก็บจากประเทศไทย ในยุโรปอเมริกาแอฟริกายังไม่ต้องกล่าวถึง ยังอีกไกล ยังอีกนาน เพราะฉะนั้นสองประเทศนี้จะเริ่มมา หรือประเทศที่อยู่ข้างเคียงมีศาสนาพุทธ คนมีปัญญาจะรู้ว่าอเมริกาดร็อปลงไปแล้ว
_เจ็ง เจ็ง : อเมริกาเห็นแก่ตัวเพราะเค้าไม่มีชาวอโศก
พ่อครูว่า…องค์รวมของคนอเมริกันคงทำอะไรไม่ได้มากแล้ว น้องชายและหลานสาวอาตมาก็ตั้งรกรากอยู่ที่อเมริกา ก็ว่าไป
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะเดินดิน… พ่อครูดำริเรื่องสื่อที่จะเพิ่มโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม
พ่อครูว่า… สรุปง่ายๆว่า ค่าใช้จ่ายเราก็ยังไม่ไหว ก็พอเป็นไปเท่าที่ได้ ก็พยายาม ซึ่งอาตมาก็ทำงานเท่าเดิม จะมีโทรทัศน์หรือไม่มีโทรทัศน์ดาวเทียม ก็ทำงานเท่าเดิม ออกอากาศสื่อสารตามโซเชียลมีเดียที่เขามีหลายแบบก็พอดูกันได้ แต่ถ้าโทรทัศน์ดาวเทียมด้วยก็จะครบ
อายะ 3 ช่วยตนเองเท่ากับช่วยคนทั้งโลก
อาตมาคิดว่าจะพูดรวมๆว่า อาตมาทำงานศาสนาในฐานะที่เป็นโพธิสัตว์ ผู้ที่เขาไม่ศรัทธาเลื่อมใสก็หมั่นไส้ อาตมาก็เลี่ยงไม่ออกที่จะต้องพูดความจริงยืนยันความจริงและเน้นด้วย คำว่าเน้นนี้ไม่ใช่ตื้นๆ
นะ แต่มันลึกซึ้ง เหมือนกับตอกตะปู ระหว่างตอกเบาๆกับตั้งใจตี ให้มันอย่าพลาดอย่าผิดเพี้ยน เอาให้ตรงเปรี้ยงๆ มันได้ผลดีกว่าใช่ไหม ทั้งคมทั้งแม่นทั้งตรง แรง ทีสองทีก็เข้าแล้ว แต่คนมันยังหนาอยู่ก็ยังไม่ค่อยลง หากตีแต๊กๆๆ ก็ไม่ลง ดีไม่ดีดันคืนมาอีก อาตมาตายพอดี ไปไม่รอด
เพราะฉะนั้นการทำงานจึงเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งมาก
ยุคสุโขทัย ยุคเดิมของไทยต้นๆ ที่ได้บริหารมา เมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่มีโลกุตระตั้งแต่ดั้งเดิมมา มีโลกุตระฝังในรากของจิต ในยุคนี้อาตมาได้คุ้ยเขี่ยโลกุตระขึ้นมา คนไทยมีวิญญาณ มีอนุสัยที่มันเป็นโลกุตระอยู่แล้ว อาตมาคุ้ยขึ้นมาไม่ง่ายเลย เพราะมันซ้อน
ซ้อนตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า โลกุตรธรรมจะเสื่อมตามอาณีสูตร เล่ม 16 ข้อ 672
ในยุคพ่อขุนราม พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ มีโลกุตรธรรม แต่พอมาเรื่อยๆ คนไทยเริ่มเห่อ มายุคหลัง เข้าไปนิยมความรู้ทางตะวันตก เทวนิยม ยุโรป อเมริกา ก็เลยไปรับความรู้ใหม่เข้ามา ทั้งๆที่ความรู้เก่าของเราพวกเราผ่านมาทั้งหมดแล้ว ความรู้เทวนิยมนั้น ชาวอเทวนิยมหรือโลกุตระผ่านมาทั้งหมดแล้วมีอยู่ในเนื้อหมดแล้วไม่ต้องไปศึกษาอีก ถึงจะไปศึกษาก็เป็นความรู้ที่ปรุงแต่งใหม่ เป็นวิชาความรู้ที่บานปลายออกมา
เพราะทางเทวนิยมเขาเองก็เสื่อม เพราะฉะนั้นไปเอาตอนยุคนี้ ในยุคหลังนี้ คือความเสื่อมขึ้นมาทั้งนั้น ฝั่งตะวันตกเสื่อมลงเสื่อมลง ทางตะวันออกกำลังเจริญขึ้นเรื่อยๆ อันนี้เป็นสัจจะความจริง เพราะฉะนั้นอย่าไปหลงตะวันตกมากนะ ศึกษาได้ แต่จงมีความภาคภูมิใจในความรู้ทางตะวันออกเรา ขออภัยไม่ได้พูดให้เกิดความแตกแยกนะ แต่สัจจะมันมีภาวะ 2 อยู่เสมอในอะไรก็แล้วแต่
ตะวันตกกับตะวันออกเป็นภาวะ 2 เหนือกับใต้เป็นภาวะ 2 แต่เหนือกับใต้เป็นภาวะที่ยาก เพราะเป็นแกนที่ไม่เคลื่อนที่ อยู่กับที่ จึงได้รับความเจริญที่ช้าทั้งคู่ แต่ตะวันออกกับตะวันตกเป็นแกนที่รอบโลกรอบมหาจักรวาล ได้รับความแจ้งสว่าง ทั้งภูมิประเทศ ทั้งอะไรต่างๆ นานา องค์รวมของสภาวะ มันทำให้เจริญบริบูรณ์ได้กว่ากัน ส่วนเหนือกับใต้จะอยู่อย่างนั้น นาน แต่ตะวันออกกับตะวันตกหมุนรอบกว้างไกลกระจายได้กว่า
จะเจริญเร็วหรือช้ากว่ากันก็เกิดจากเหตุปัจจัย ไม่ได้ยกตนข่มท่าน ถ้าจะพูดไปแล้วตะวันตกเขาเคยเจริญ ข่มตะวันออก ข่มอินเดีย ข่มจีนด้วย ตะวันตกยุโรปเขาเคยเจริญ แต่มันเจริญโลกีย์ไง แต่ตะวันออกเจริญโลกุตระ ตอนนี้โลกุตระกำลังเจริญ โลกียะกำลังเสื่อม ถ้าเข้าใจแล้ว ยอดปิระมิดมีหนึ่งเดียว สัจจะมีหนึ่งเดียว ความเจริญก็มีหนึ่ง ความเจริญรองก็เป็น 2 มีภาวะ 1 กับ 2 และ 1 ก็คือยอดของ 2 นี่คือสัจจะ มันจะเป็นอย่างนี้
เพราะฉะนั้นพวกเรานี่พากเพียรเถอะ เราช่วยตัวเองเท่ากับเราช่วยโลกทั้งโลก มันเป็นเหตุปัจจัย อิทัปปัจจยตาเกี่ยวเนื่องกัน เป็นรีเลชั่นกันอย่างนี้ทั้งนั้น เป็นปฏิสัมพันธ์อย่างนี้ทั้งนั้น เราช่วยตัวเองเท่ากับช่วยทั้งโลก มันมีอัตตากิเลสทั้งนั้น ให้ตนเองเด่น ดัง มีอำนาจโลกีย์จะยกอัตตา แต่ถ้าเป็นความเจริญของโลกุตระมันไม่ใช่ความเจริญอัตตา แต่เป็นความเจริญของโลก
พระพุทธเจ้า แบ่งโลกกับอัตตา ไว้ 2 อย่าง เป็นภาวะคู่ ท่านจึงตรัส โลกาธิปไตย อัตตาธิปไตย ธัมมาธิปไตย
ธรรมาธิปไตย ก็คือโลกุตรธรรม โลกียธรรม ในตัว เพราะฉะนั้นผู้ที่มีโลกียธรรม ย่อมรู้โลกกับอัตตา ไม่มาก แต่โลกุตรธรรม จะรู้ครบเรื่องโลก เรื่องอัตตา
อธิปไตยหรือพลังงานความครบครันด้วยพลังงานสมบูรณ์แบบ ของโลก คือองค์รวมทั้งหมดอยู่บนโลก กับพลังงานอธิปไตยของอัตตา รวมเข้ามาหาตัวตนแต่ละคน
คนที่เป็นโลกุตรธรรม ธรรมะโลกุตระก็เข้ามาสู่แต่ละคนๆ แต่ซ้อนลึกลงไปว่าแต่ละคนเป็นคนไม่ยึดอัตตา ไม่ยึดตัวเอง ไม่เอาตัวเองเป็นหลัก ไม่เอาตัวเองเป็นใหญ่ ถ้าเป็นชาวโลกุตระก็พยายามให้โลกเป็นใหญ่ เราเป็นผู้รับใช้โลก จบ
ตัวจบของผู้รับใช้โลกจึงจบด้วยคำว่า อายะ 3
-
พหุชนหิตายะ(เพื่อหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)
-
พหุชนสุขายะ(เพื่อความสุขของหมู่มวลมหาชนเป็นอันมาก)
-
โลกานุกัมปายะ(รับใช้โลก ช่วยโลก)