641203_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ คนจน 2 แบบ คนจนอวิชชากับคนจนโลกุตระ ตอน2
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/17eHyitFWUR3BylE87Ekw7NM3FFELcO1I1uq0VhZAqF4/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1fZjZZLlbawP07hXILQtn4d7_gi7-UBlz/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://www.facebook.com/300138787516163/videos/482236626539918
และ https://youtu.be/Na_ayMHeEso
สมณะเดินดิน…วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานี เหลืออีก 2 วันจะถึงวันพ่อแห่งชาติวันที่ 5 ธันวาคม มีคนเก็บสถิติ ตัวเลข 9 ของในหลวงรัชกาลที่ 9
-
รัชกาลที่ 9
-
ครองราชย์วันที่ 9
-
ครองราชย์ปี 2489
-
ครองราชย์เมื่อพระชนมายุ 19
-
ผนวชเมื่อ 2499
-
สวรรคตพระชนมายุ 89
-
สวรรคตปี 2559
-
สวรรคตปี 2016 (2+0+1+6=9)
-
สวรรคตวันที่ 13 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 11
(1+3+1+2+1+1=9)
เมื่อเอา 9 ทั้ง 9 ข้อมาคูณกัน 9×9 =81 (8+1 = = 9)
เป็นอะไรที่ถูกกำหมดมาแล้วจริงๆ ดีใจที่ได้เกิดมาในยุคที่มีท่านครองราชย์
พ่อครูเกี่ยวกับเลข 6 เยอะ
ในคำพยากรณ์ยุคกึ่งพุทธกาล 2,500 ปีจะมีธรรมมิกราช 2 องค์มากอบกู้ศาสนาพุทธ ในหลวงทำรูปธรรม แต่พ่อครูทำทางนามธรรม รูปธรรมว่าทำยาก แต่นามธรรมยิ่งทำได้ยากกว่าในยุคที่พุทธศาสนาเสื่อมโทรม จะกอบกู้ขึ้นมาเป็นเรื่องยาก
พ่อครูตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่ในหลวงทำ ที่เป็นโลกุตระก็ดูจากที่ทำอย่างไม่มีตัวตน ทรงงานตลอด 70 ปี ไม่ได้ไปโฆษณาหาเสียงไม่ทำเพื่อตัวตน แม้จะเจ็บป่วยก็ทำเพื่อประชาชนตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์
พ่อครูว่า… SMS วันที่ 1-2 ธ.ค. 2564
_ป้ารัตน์ หนึ่งในธรรม : กราบนมัสการพ่อครู และท่านสมณะ สิกขมาตุอย่างสูง
ฉีดวัคซีนมีข้อมูลทั้งดีและไม่ดี ทำให้ประชาชนสับสน แต่ที่แน่ ๆ ก็ต้องการ์ดไม่ตก ที่ลานนาอโศกมีทั้งดื่มโฮมิโอ และฉีดวัคซีน แต่จะเข้าวัดต้องตรวจ atk ทุกคน ก่อนเข้าวัด เพราะเชียงใหม่โควิดกำลังมาแรงค่ะ กราบนมัสการค่ะ
_คอยใคร : กราบพ่อครูครับ วันนี้เจอข่าวพี่ศรีพูดถึงเงินของ พส ที่ออกจากการบวชว่าต้องคืนเงินเข้าวัด มี พส บางตัวดิ้นพร่านๆสวนพี่ศรีไปว่า โง่
พอมาดูสมณะชาวอโศกแล้วหมดปัญหาเรื่องเงินเรื่องทอง เพราะไม่รับเงินรับทองตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้ว ถึงออกจากการเป็นสมณะแล้วก็มาอย่างไรไปอย่างนั้น
ผมเข้าใจผิดไหมครับพ่อครู
พ่อครูว่า… ถูกต้องแล้ว
_สติพล จนพัฒนา : **ทำอย่างที่พ่อครูพูดไม่ได้หรอกครับ อยู่คอนโดหรือหอพักมันมีที่จำกัดครับ.(องค์ประกอบก็ไม่เอื้ออำนวยด้วยครับ)
_Sujinda Chay (สุจินดา ฉาย) : ??❤️เป็นบ่อยเลยค่ะ ชอบคำชม.. ฉุนคำตำหนิ?หนักเลยค่ะ.. แก่ขึ้นโตขึ้นตามอายุ
พ่อครูว่า…ศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าและรู้ไม่เท่าทัน มันน่าสงสารนะ คนที่หลงในคำสรรเสริญ แล้วก็จมอยู่ในคำสรรเสริญลาภสักการะอันแสบเผ็ด เป็นอันตรายแสบเผ็ด มันไม่รู้ตัวได้ง่ายๆหรอก มันน่าเห็นใจ ที่จมอยู่กับลาภสักการะทุกวันนี้ก็ยังเห็นกันอยู่ พูดอย่างไรเขาก็ยังจมไป ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นสัจจะที่แท้จริง ก็น่าสงสาร
_บ้านเล็กเมืองน้อย
กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพยิ่ง
ทุกๆการกระทำในอดีต ย่อมส่งผลต่อปัจจุบัน และสะท้อนถึงอนาคต กรรมจึงเป็นอันทำ
….ซ้ำๆ นิสัยก็สะสม
….เคยชิน ก็อัตโนมัติ
เมื่อ “สติ” ถูก “คุณชุ่ย” ครอบงำ ยิ่งหลงตน ยิ่งข้องในถ้ำ ความบกพร่องในตนจึงถูกปิดบังไว้อย่างดีแล้ว จะแก้ตรงไหน จะไขอย่างไร จึงไม่รู้
คนโบราณที่มีอดีตลึกลับซับซ้อนอย่าง “ป้าวิ” จึงมักถูก “คุณชุ่ย” สังเวยแทน “แพะ” ที่ลืมตาอย่างสมถะ
ส่วน “แพะ” ที่รอดตายก็กลายเป็น “คนวิกลจริต” ของ Einstein ที่ทำผิดซ้ำๆ…. แล้วหวังจะได้ผลลัพธ์ที่ดีต่างออกไป
กว่าจะเกิด เรื่องดีๆหรือเรื่องแย่ๆนั้น ต้องใช้เวลาและเหตุปัจจัยเสมอ มิใช่จะเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน …เพียงแต่
…ขาดสติที่แจ่มใสพอ จะตามรู้ได้เท่าทัน
…ไม่มีเวลาพอจะนึกทบทวน
…ไม่อดทนพอจะไล่เรียง
…ไม่กล้าและยุติธรรมพอจะยอมรับความจริง (ปัญญา)
…ไม่อ่อนน้อมถ่อมตนพอที่จะค้นหาความผิดพลาดในตน
“ไม่สามารถอธิบาย” มิใช่ “วิบาก” เสมอไป
อย่าปล่อยให้ “คุณชุ่ย” ใส่ความ “ป้าวิ” จนเสียโอกาสอันดีในปัจจุบัน ที่จะทำบุญ เอาชนะ “ความกลัวว่าตนจะดูไม่ดีในสายตาคนอื่น”
“ป้าวิ” ที่ถูก discredit เป็นกระโถนของความอยุติธรรม ก็ยิ่งจะทำให้ “คุณอา” popular ในหมู่ชาวบ้าน แล้วหลักคำสอนอันเป็นเหตุเป็นผลของพระพุทธเจ้า ก็จะถูกด้อยค่า ด้วยพุทธพานิช ที่ตอบสนองความนิยมในตัว “คุณอา-จินไตย”
เมื่อชาติปางก่อนจึงไม่ต้องพูดถึง อุทาหรณ์ในชาตินี้ต่างหาก ที่จะช่วยเพิ่มวิชาจรณะ แก่การทำปัจจุบัน ให้อนาคตไม่ผิดพลาด ซ้ำรอยเดิมๆ
อานิสงส์ของศีล 10 ประการ ให้ถึงจิต
พ่อครูว่า… สรุปลงได้ดีมาก ชาติปางก่อนจึงไม่ต้องพูดถึง อุทาหรณ์ในชาตินี้ต่างหาก ที่ช่วยเพิ่มวิชาจรณะแก่การทำปัจจุบัน ให้อนาคตไม่ผิดพลาดซ้ำรอยเดิมๆ เพราะฉะนั้นเราจะทำให้ดีได้มันก็คืออนาคตที่จะมา อดีตมันแก้ไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดสำนึกสังวรสำเหนียกตรงนี้ได้ ปัจจุบันนี้แหละสำคัญที่สุด
เพราะฉะนั้นใครก็ดีที่ได้พบปัจจุบัน พบแล้ว ค้นหามาตลอด ไม่รู้กี่สังสารวัฏ เจอแล้วๆ โอ้ ชีวิตคือต้องอย่างนี้ จะต้องถึงที่สุดได้ต้องตรงนี้
จะเป็นโลกีย์ดีที่สุด หมดชั่ว ก็ตรงนี้ จะหมดสุขหมดทุกข์ ก็ตรงนี้ จะสามารถจบสิ้นปรินิพานเป็นปริโยสานก็ตรงนี้ รู้ไหมว่าตรงไหน?… ปัจจุบัน
ทีนี้ จะประกอบด้วยปัจจุบันก็คือ ต้องมีมิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี คือ ต้องมี พระพุทธเจ้าหรือมีสัตบุรุษ หรือมีผู้รู้ที่สัมมาทิฏฐิ ในฐานะครู จึงจะได้ยินได้ฟัง คำสอนที่เป็นโลกุตระ ที่สัมมาทิฏฐิจริงๆ
เพราะงั้น ผู้ที่ได้ฟังโลกุตระที่สัมมาทิฏฐิ จึงจะปฏิบัติศีล พอได้ ปฏิบัติศีลแล้ว ผู้ที่มีจิตปฏิภาณ มีปัญญาเมื่อได้ปฏิบัติศีลก็จะเห็นอานิสงส์ของศีลเกิดขึ้น
แหม.. ว่าจะไม่พูดถึง ว่าจะไม่ขยายความ เลยไม่ได้เตรียม พระไตรปิฎกเล่มนี้มา
การได้อานิสงส์ 10 ของศีล
กุสลานิ สีลานิ อนุปุพเพนะ อรหัตตายะ ปูเรนตีติ
ศีลที่เป็นกุศล ย่อมยังอรหัตผลให้บริบูรณ์ไปตามลำดับ ศีลที่ดี ศีลที่ถูกต้องจึงปฏิบัติแล้วเกิดอรหัตตผล อรหัตตผลสุดยอดคืออรหันต์ อรหัตตะคือผลการเป็นอรหันต์ไปเรื่อยๆจนบริบูรณ์เป็นอรหันต์
อานิสงส์ของศีล มี
-
อวิปฏิสาร (ความไม่เดือดร้อนใจ) ทุกวันนี้สอนศีลกันแต่เพียงว่า ปฏิบัติศีลแล้วจะสามารถควบคุมกายกับวจีเป็นอานิสงส์ นี่ก็ผิดแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่าศีลมีผลต่อจิต ถ้าปฏิบัติอย่างสัมมาทิฏฐิจริงแล้ว อานิสงส์ข้อแรกคือ อวิปฏิสาร คือ ความไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
คนที่ปฏิบัติศีลและมีอานิสงส์เกิดปฏิภาณปัญญาจริงๆ รู้ผลเห็นผลได้ ตัวเองก็มีปฏิภาณรู้ว่า เราไม่ไปยุ่งเกี่ยว
ศีล ข้อที่ 1 ไม่ไปทำร้ายสัตว์ มีความเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ โอ้โห.. จิตมันเจริญ จิตมัน ..แหม จิตเรานี่ มันไม่ได้ไปก่อเหตุที่จะทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ ในอดีตเราทำไปแล้วแก้ไขไม่ได้ ปัจจุบันเรารู้อย่างนี้ เห็นอย่างนี้แล้วมาหยุด ไม่ไปทำร้ายอะไรสัตว์อื่นใดอีก โดยเฉพาะคน
สัตว์เดรัจฉานก็ปล่อยเขาไปตามยถากรรม อย่าไปยุ่งเกี่ยวด้วยวิธีใดๆ แม้จะเจองูมันกินเขียดก็อย่าไปยุ่งกับมัน วิบากของมัน มันก็ต้องกินกัน ไม่ให้งูมันกินเขียด จะให้งูมันไปกินเห็ดจะให้งูมันไปกินมะละกอหรือไง คือ อย่าไปเผือกไม่เข้าเรื่อง สำนวนของเปลว สีเงิน เขา อย่าไปเผือก มันก็เป็นไปตามธรรม
เพราะฉะนั้นเรื่องคนนี้แหละสำคัญ คนนี่แหละ จะก่อ ความเดือดเนื้อร้อนใจให้แก่เรา เพราะฉะนั้นผู้ปฏิบัติศีลจริงๆ ปฏิบัติกับคนด้วยกันได้มันจึงมีอานิสงส์ ทำให้ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ เห็นไหม อานิสงส์นั้นยิ่งใหญ่
ผู้ปฏิบัติศีลเมื่อเห็นอานิสงส์อันยิ่งใหญ่จึงเกิดฉันทะ จึงเกิดความยินดี สุดยอด ชื่นใจดีใจ มีปราโมทย์
-
ปามุชชะ – ปราโมทย์ (มีความยินดี)
-
ปีติ (ความอิ่มเอมใจ) แล้วก็เกิดปัสสัทธิ
-
ปัสสัทธิ (สงบระงับจากกิเลส) จิตสงบแบบปัสสัทธิกับจิตสงบแบบสมถะมันคนละเรื่อง
ปัสสัทธิความสงบที่มีปัญญา มีความสงบในการปฏิบัติแบบพุทธลืมตาปฏิบัติ สมถะเป็นแบบเดียรถีย์ เป็นพวกนอกรีต สงบแบบสมถะ พูดแล้วก็น่าสงสารพวกหลับตาปฏิบัติได้แบบนี้ คือ มันไม่ใช่ทางพุทธเลย ในจรณะ 15 วิชชา 8 ก็ยืนยันว่าต้องมี อปัณณกปฏิปทา 3 ในพระไตรปิฎกก็ว่าไว้ซึ่งมันเห็นอยู่ เป็นหลักใหญ่ของพุทธคุณทั้ง 9 จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นหลักใหญ่
เตือนอย่างไรเขาไม่กระเตื้องเขาก็เฉย มันผิดไปอย่างชัดๆ มันเป็นอย่างไร มันขี้เท่อ ไม่ใช่รถตลาดมันโง่ไปถึงอย่างนั้น พวกนั่งหลับตาขออภัยเถอะทำไมโง่ถึงอย่างนั้น เตือนแล้วเตือนอีก ฟังเถอะนะ ไปเชื่อคนโง่ด้วยกันก็โง่อยู่ด้วยกันสิ ก็จมไปด้วยกัน กอดคอไปด้วยกัน ไม่มีตื่น ไปไม่ออก
เมื่อปัสสัทธิจึงเป็นสุข
-
สุข (แบบไม่บำเรอตน คือ วูปสมสุข) จิตมันก็ว่างมันก็ดี เป็นภาษาปรมัตถ์ ไม่ใช่ภาษาโลกีย์ สุขอย่างโลกีย์ก็ของโลกีย์ สุขอย่างปรมัตถ์ขอยืมภาษามา ว่าสุข เรียกโดยภาษาวิชาการว่า วูปสโมสุข หรือจริงๆคือ ปรมังสุขัง ไม่ใช่สุขอย่างโลกีย์
แล้วถึงเป็นสมาธิ
-
สมาธิ (จิตมั่นคง) คำว่าสมาธิเป็นคำกลางๆ ทั่วไปที่ใช้กัน จริงๆของพระพุทธเจ้า สมาหิโต ในเจโตปริยญาณ 16 คำนี้เป็นสมาธิของพระพุทธเจ้า คือ สมาธิที่ต้องปฏิบัติจรณะ 15 วิชชา 8 กิเลสลด กิเลสดับ ดับอาสวะ ก็เหลือจิตสะอาดบริสุทธิ์เป็นอุเบกขา ปริสุทธา ปริโยทาตา จิตที่ตกผลึกสั่งสม จากที่จิตมันล้างกิเลสออกจากจิตอย่างเด็ดขาดจริงๆไม่เกิดกิเลสในจิตอีกเลย แล้วจิตเหล่านี้รวมกันตกผลึก ตั้งมั่น เป็นกอบเป็นกองขึ้นมา ซึ่งที่จริงไม่มีตัวตนหรอก แต่พูดโวหาร เป็นประสิทธิภาพของจิตที่ยิ่งใหญ่ตั้งมั่น ถึงไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยสมาธิของพระพุทธเจ้า กว่าคนจะรู้จักสมาธิของพระพุทธเจ้าแล้วก็ทำได้อย่างที่อาตมาพูด
คุณต้องรู้ เคหสิตเวทนาอุเบกขา แบบโลกีย์ แล้วคุณก็ทำเป็นเนกขัมมะออกจากกิเลสโลกีย์ได้ จนเป็น เนกขัมสิตะอุเบกขา ฐานนิพพาน
ฌานที่ 4 อุเบกขา ถึงไม่ใช่ภาษาที่พูดกันเล่นๆ เป็นนักสะกดจิตหลับตาเป็นสมถะเฉย มันไกลมาก ไกลความเป็นความสงบของพระพุทธเจ้า ไกลจากความเป็นสมาธิของพระพุทธเจ้า มันไกลมากเลย
เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้รู้เรื่องของคุณสมบัติที่วิเศษ ที่มันรู้จักกิเลสแล้วก็ล้างกิเลสออกจริงๆเลย แล้ว ศีล ทำให้เกิด ยถาภูตญาณทัสสนะ
-
ยถาภูตญาณทัสสนะ (ความรู้ยิ่งในความจริง)เห็นแจ้งมีญาณทัสสนะวิเศษ เห็นสิ่งที่เป็นจิตวิญญาณ (ยถาภูตะ) เห็นความเป็นสมาธิ เห็นความเป็นสุขอะไรที่ผ่านมา แล้วก็เห็นต่อไปถึง นิพพิทา
-
นิพพิทา (เบื่อหน่าย) จิตที่มีความเบื่อหน่าย สุดยอด อาตมาเป็นโพธิสัตว์นี้ซาบซึ้งในความเบื่อหน่ายมาก เคยบ่นมา พูดแล้ว พวกคุณจะรู้สึกไม่ดี แต่ก็เคยพูดออกมา ว่ามันสุดเบื่อหน่าย มันไม่อยากอยู่แล้ว มันอยากพัก แต่ปณิธานเราเป็นโพธิสัตว์ มันคาคออยู่ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ บ๊ายบาย
คือ พระโพธิสัตว์ก็ดี พระพุทธเจ้านี้สุดยอดแล้ว มันน่าเบื่อ เบื่อหน่าย มันไม่มีอะไรเลยในชีวิตที่มันวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ถ้ามันไม่หลงงมงายไปใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มันมีโลกุตระแท้ๆ จริงๆเลย มันไม่มีอะไร มันเป็นเรื่องมายา เป็นเรื่องหลอกล่อ เป็นเรื่องที่สร้างรส สร้างชาติให้หลงจริงๆ มันน่าเบื่อหน่ายจริงๆ
อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7 ทุกข์ทรมานทนมาถึงปางนี้ มันสุดที่จะทนมันเบื่อหน่าย แล้วทุกวันนี้มันขึ้นมา เพราะว่า สังขารขันธ์ จะว่าไปก็ทรมานอยู่ คือมันเมื่อยง่าย พลังงานมันจะแย่แล้ว แต่ก็ประคองมันไป แล้วแถมจะต้องมาไอๆๆ ด้วยวิบากอันนี้ ไอทีนึง ก็กินพลังงานแคลอรี่ไปเยอะ ไอแต่ละที ไม่อยากไอแต่มันก็ต้องไอ เพราะมันมีเหตุปัจจัย เสลดมันติดอยู่ ก็เกิดความระคายเคือง ก็ต้องขจัดออกตามธรรมชาติของสรีระมันต้องทำงาน
เพราะฉะนั้นผู้ที่มีอานิสงส์ของศีล พอถึงนิพพิทา ก็วิราคะ
-
วิราคะ (คลายกิเลส) ไม่เอาแล้วราคะ เหมือนคุณป้าวิ ของ บ้านเล็กเมืองน้อย ก็วิราคะ เป็นวิมุตติญาณทัสสนะสุดท้าย