650824 คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1SQx3DpDPsHoLfSYtmcZRX4aiSAAmchS6xdXfOI8M6Co/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1IKAkmgOcQlwjyugQQ9rxD22ryBGcxtlS/view?usp=sharing
ดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/f5Rx683RXk/
และ https://youtu.be/X6WnW1BeaiQ
สมณะฟ้าไท… วันนี้วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้คนไทยก็ได้เห็นเหตุการณ์อย่างหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินให้พลเอกประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ พลเอกประวิตร ก็ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี แต่ว่าพลเอกประยุทธ์ก็ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอยู่ต่อไป
เข้าใจภาวะสองละเอียดได้เท่าใดก็เข้าใกล้อภิภู
พ่อครูว่า…ก็ดู sms กัน ซึ่ง หากเราพูดไปคนเดียว ไม่มีคนรับฟังโต้ตอบด้วยเลย ก็คงจะพูดไปจนกว่าจะหมดแรงพูดไป ซึ่งก็คงไม่ได้อะไรให้รับรู้สึกว่า มีอะไรที่จะได้พูดกัน จะได้รู้ร่วมกัน จะได้ทำร่วมกัน เหมือนกับพวกเชน เขาคิดจะปลีกเดี่ยวจนกระทั่งไม่มีอะไรเลย สุดโต่งไปเลย 1 ไม่เหลือ 0 ก็ยังจะไม่ให้มี 0 เลยนะ เขาโต่งไปถึงขนาดนั้น แต่เขาก็จำนนว่าตัวเขายังมีตัวตน เขาเอาตัวตนออกไปให้ห่างจากทุกอย่างเลย แต่เขาก็ทิ้งบาตรหรือกะลาอันนึง เพื่อจะใส่อาหารกิน ทิ้งไม่ได้ แล้วเขาก็ยังมีความคิดอีกว่า มันยังมีชีวิตร่วม เขาก็อาศัยบิณฑบาตเลี้ยงชีพไป แล้วเขายังมีความคิดอีกอย่างหนึ่งว่า เหลือชีวิต ชีวะเล็กๆ เขาก็จะไม่เกี่ยว มี ไหมบาตรอันเดียว คือ มันประเภทคนที่คิดสุดโต่งได้ ไม่มีใครคิดสุดโต่งได้เท่ากับ พระมหาวีระหรือเชน โอ้โห อยู่กับความไม่มี ไม่เอา ไม่เป็นอะไรเลย ปฏิเสธ 0 เลย
พระพุทธเจ้าท่านรู้จักความเป็น 0 แล้วก็รู้จักความมี เป็น 2 แต่พวกเชนนี้ไม่รับรู้อะไร
คุณยังมีสิ่งหนึ่งเป็นตัวรู้และเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ธาตุรู้ของคุณก็คือนาม และมีอีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องกระทบกัน คู่ เทวะ แล้วมันก็ต้องถูกรู้ วิโมกข์ 8 ข้อที่ 1 รูปี รูปานิ
รูปีคือสิ่งหนึ่ง รูปานิคืออีกสิ่งหนึ่ง จะแปล รูปีเป็นนามหรือรูปก็ได้ รูปานิเป็นนามหรือรูปก็ได้ ความหมายสลับกันได้ แล้วมันจะเกิดสภาวะ ปัสสติ รูปีรูปานิปัสสติ
ในวิโมกข์ 8 ข้อที่ 1 นี่แหละรูปกับนาม แล้วเกิด ปฏิกิริยาอีกอันหนึ่ง ที่เรียกว่า เห็น หรือได้ยิน หรือได้กลิ่น หรือได้รส หรือได้สัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง หรือยังรับรู้สึกทางจิต จะเรียกว่า เวทนา หรือสัญญา ก็คู่สุดท้ายแล้ว เวทนากับสัญญา
เวทนาคือตัวตน รู้สึก สัญญาคือตัวที่ไปเกี่ยวกับตัวตนเขา เวทนาคือตัวตน สัญญาคือไปเกี่ยวกับตัวตนเขา แล้วแยกกันไม่ได้นะ สุดท้ายจะตายก็ตายด้วยกันไปทั้งคู่ สุดท้ายดับเวทนา ดับสัญญา เป็น 0 พวกสุดโต่งดับเวททนากับสัญญาดื้อๆ เลย
พระพุทธเจ้า ก็ดับ อย่างนั้นก็ได้ ก็รู้ ดับเป็นอสัญญี ก็ไม่มีอะไรรู้ ตัวตนก็หายไป กดข่มไว้นิ่งเลย แต่พระพุทธเจ้าบอกว่า นิ่งมันก็ต้องกลับก็มาอีก เพราะมันไม่สูญจริง แต่ พระพุทธเจ้า สรุปตัวที่สูญจริงได้ก็คือ มันมีธาตุจิต แล้วก็ธาตุชีวะระดับพีชะ แล้วก็ธาตุมีแต่พลังงานไม่มีธาตุรู้ร่วมเลยคืออุตุ
สิ่งเหล่านี้มันจะเกิดภาวะ 2 และก็เกี่ยวข้องกันหรือกระทบกันเรียกว่า กรรม กรรมแล้วก็จับตัวกันเรียกว่าธรรมะ ก็อยู่เท่านี้ แยกแล้ว พระพุทธเจ้าแยกเป็น 3 เป็น 2 รวมแล้วเป็นขันธ์ 5 รูป รูปนาม แล้วก็ธาตุรู้ หรือประธานบวกลบ ก็ไปแยกอีกคู่หนึ่งก็คือ กรรมกับธรรมะ หรือตัว Static กับ Dynamic
เข้าใจ 5 สภาพนี้เรียกว่ารูปนามขันธ์ 5 ครบ แล้วรู้รายละเอียดที่จะเกี่ยวข้องกัน รู้ทุกมิติ ทุกประเด็น ทุกนัยยะ ทุกเหลี่ยม ทุกสภาวะ ที่จะจับมาเปรียบเทียบเป็น 2 ทุกคู่ ที่จะจับมาเปรียบเทียบกัน เป็นสอง
เช่น ละเอียดที่สุด คุณเอาขาวกับขาว 2 ตัว ภาษาพูดว่า 2 ตัว ขาวกับขาว 2 ตัวมาเทียบกันสิ ไม่เท่ากัน คุณจะรู้ความต่างของขาวกับขาวได้ไหม สูงสุดแล้ว นี่ล่ะคือสุดท้ายของอภิภูหรืออภิภายนตะ 8 จบตัวสุดท้ายคือขาวกับขาว เหลืองกับเหลือง แดงกับแดง เขียวกับเขียว ส่วนจะเอาเขียวมาเทียบกับแดง แดงกับเหลือ หรือเหลืองกับขาว รู้ง่าย
เพราะมันเป็นอันเดียวกัน เขียวกับเขียว ก็ไล่ไป มันต่างกันมากจนใกล้กัน จบ หมดคำพูด
SMS วันที่ 22-23 สิงหาคม 2565
ภาวะสองที่พ่อครูจะอยู่หรือจะจบอย่างไรในชาตินี้
_ฟ้าเจือศีล …ดิฉันขอปรียบเทียบกายกับจิต กายเปรียบได้กับฝักดาบ จิตเปรียบได้กับดาบ อุปาทาน เปรียบได้กับกาวที่ยึดฝักดาบไว้กับดาบ แต่ตัวที่ยึดได้เหนียวกว่าอุปาทานคือ ศรัทธาที่มิจฉาทิฏฐิ ส่วนปัญญา เปรียบเหมือนน้ำยาล้างกาวออก ให้ฝักดาบเป็นอิสระจากฝักดาบ ความเข้าใจแบบนี้ถูกไหมคะ
พ่อครูว่า… ถูก เข้าใจได้ เราก็ได้แต่เข้าใจแล้วจะไปล้างกาวนั้นคืออะไร กาวของคุณคืออะไร ฝักดาบคืออะไร ดาบคืออะไร ความเหนียวคืออะไร แล้วน้ำยาล้างความเหนียวมีไหม มีจริงไหม บ้างได้ไหม ถ้าพูดมาคุณทำได้หมดก็จบ มีสภาวะจริงก็จบ เพราะรู้แล้วเหลือแต่ทำได้ไหม
พวกเรานี้รู้อย่างนี้เยอะ แต่คุณทำสภาพจริงอย่างนี้ได้ครบไหม ครบคุณเป็นอรหันต์ อรหันต์จริงๆ อาตมาไม่ได้โมเมไม่ได้พูดเล่น ความรู้พวกเราครบ สรุปไม่ลง ถ้าสรุปลงกับสภาวะ คุณทำได้จริงไหม ถ้าทำได้คุณก็รู้ ความหมายอย่างไรคุณพอพูดให้คนอื่นรู้เรื่อง กับทำได้ไหม ถ้าทำได้ คุณก็จบ
พวกเรานี้อรหันต์เยอะ แต่สรุปไม่ลง จบไม่เป็น ไม่ต้องไปเทียบกับ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่ไม่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ที่พูดคืออรูป ใช่ไหม แล้วคุณก็ติดกับอรูป เอามาเทียบไป คุณก็ทำได้หมดแล้วรู้หมดแล้วจะเทียบอีกเท่าไหร่ก็ได้ จับมาสองตัวก็เทียบได้อีก แล้วคุณทำได้ด้วยคุณจบแล้ว เมื่อเทียบกับ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข คุณไม่เกี่ยวไม่เอาเลย อยู่อย่างนี้ได้เหลือแต่วันตาย มันยังเป็นอยู่ นึกว่าเราเป็นอยู่ อะไรมีประโยชน์
เรายังเป็นอยู่ อย่างคนที่รู้จบทำได้แล้วด้วย อย่างที่พูดนี้ คุณยังเป็นๆอยู่คุณจะอยู่ทำไม..ทำประโยชน์เท่านั้นเอง จนกว่าจะสลายร่างนี้ ชีวิตนี้มีประโยชน์เท่านั้นเอง เป็นประโยชน์
ถ้าคุณไม่เป็นประโยชน์ คุณก็เป็นคนถ่วงโลก เป็นโทษ เป็นประโยชน์ก็มีสิ่งที่ให้กับคนอื่นได้ แต่ถ้าคุณยังมีอยู่ แต่คุณไม่มีสิ่งที่ให้คนอื่นได้เลย คุณก็คือคนที่เป็นหนี้ พึ่งคนอื่นหรือเกาะคนอื่นอยู่
อยู่ในนี้คุณไม่ต้องเกาะคนอื่นก็ได้ คุณเก็บกินเองเฉพาะตัวเองก็รอดได้ อย่างน้อยเก็บหน่อไม้กินได้ อันอื่นก็มีผักตาโก้ง ผักโขมก็เยอะ ต้นมันอวบใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งนิ้ว ต้นอะไรนะต้นผักโขม ป๊อบอาย
ไม่ใช่เล่นนะเรื่องนี้ ถ้าจบได้ก็เป็นอรหันต์สบาย อยู่หรือจะ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน อยู่ก็มีประโยชน์ คนเป็นโพธิสัตว์ เกิดมาก็มีประโยชน์แก่สัตว์โลกมันไม่เสียหายอะไร เพราะมีหลักประกันหมดแล้วคือ 1. คุณไม่ทำชั่วเด็ดขาด คุณไม่มีโทษเด็ดขาด มีแต่ทำประโยชน์ มีแต่ทำแต่ดีตลอดกาล คุณก็หมดสุข หมดทุกข์ อยู่อย่างไรก็ไม่มี ทุกข์หมดสุขหมดทุกข์มีแต่เบิกบานร่าเริง
อาตมาเห็นใจตนเองที่ว่า อยู่กับความพยายาม พยายามอยู่ พยายามทำความอยู่ พยายามมีชีวิตอยู่ ยังไม่ยอมตายแล้วโรคมันไม่ถึงกับทำให้ตายทันทีทันใด มีแต่ไอ คันแรง เบาไม่ได้ เบามันไม่หายอาการนั้นมันไม่หยุดต้องแรงถึงขีดที่มันต้องหยุดมันถึงจะหยุด เป็นไฟต์บังคับจริงๆเลย ก็เหลือแต่ขาดใจก็จบ ไอจนขาดใจก็จบ อาตมาก็รออยู่อย่างนั้น 1.ไอจนขาดใจก็จบ 2.นอนหลับไม่ตื่นก็จบ 2 ประตู รอดูว่าจะออกประตูไหน
สู่แดนธรรม… ฝ่ายดูแลไม่ยอมให้พ่อท่านตายง่ายๆครับ
พ่อครูว่า… มันถึงขีด ไอถึงขีด ปฏิกิริยาแรงถึงขีดก็ตายหรือนอนหลับไม่ตื่น ใครจะช่วยได้ สุเทพก็นอนหลับตายไปเลย อายุ 85 เท่ากัน สุเทพกับอาตมา เขาแก่กว่าอาตมา 2 เดือน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เข้าวงการ จนสุดท้าย ก็ต่างแยกกันไปคนละงาน อาตมาก็มาทางธรรมะ เขาก็ทำงานเขาจนสุดสิ้นเลย งานเขาคือร้องเพลง งานอาตมาคือธรรมะ
ชาวอโศกมีสาระแท้ทั้งสสารและจิตวิญญาณครบ
_คอยใคร · กราบเคารพพ่อครูครับ ฟังท่านถักบุญมาแทนท่านด่วนดีช่วงที่ท่านด่วนดีติดยศสองขีด ท่านถักบุญพูดถึงน้ำจะท่วมบ้านราชให้เตรียมตัวไว้ แล้วบอกว่าการไฟฟ้ามอบงานให้ทำเลย เพราะศักยภาพของบ้านราชมีพร้อม เลยให้ไม้ชักฟิวไว้ชักกันเอง พอได้ยินเช่นนี้มานึกถึงคนโลกๆ ที่เวลาเดือดร้อนทีก็ร้องขอแต่ความช่วยเหลือไม่คิดช่วยตัวเอง บางทีมีถึงกับฟ้องหน่วยงานด้วยว่า ทำให้เสียหายอีก แต่ชาวอโศกกับช่วยราชการและตัวเองได้ด้วย แถมยังมีไปช่วยคนที่ กทม.ช่วงน้ำท่วมอีก ผมก็ไม่รู้ว่าสังคมเราตาบอดหูหนวกหรืออย่างไรที่ไม่เห็นความดีงามของชาวอโศกบ้างเลยครับ
พ่อครูว่า… คุณคอยใครก็เห็นใจพวกเรา อาตมาเข้าใจสังคม สังคมไม่มีตาหรือไง ว่าอโศก ขออภัยไม่อยากพูดแต่ต้่องพูด อโศกมีดี แต่ทำไมคนไม่เห็นดีอันนี้ของอโศก แล้วที่ว่าดีอันนี้ อาตมาก็ขออภัยอีก มันดีจิรงๆ มันไม่ใช่ดีเล่นๆ ดีในขั้นยอดที่ พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ด้วย เช่น สาธารณโภคี หรือว่ารับใช้มวลชน ดูหยาบๆนะคำรับใช้มวลชน อโศกมีไหมลักษณะนี้ ทั้งนั้นๆ
เพราะอะไร เพราะเรามีพออยู่พอกินเหลือเฟือไม่เดือดร้อน้ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ สรุปค่าเฉลี่ยชาวอโศก หาคนขี้เกียจเกือบไม่ได้ เอางี้เลย แต่มันมีคนขี้เกียจหลบๆเลี่ยงๆอยู่บ้าง แต่โดยค่ารวมเป็นทศนิยม.000001 เป็นต้น บางคนช่วยคนอื่นท้ังวัน ตัวเองหาเวลากินกับนอนให้ตัวเท่านั้นเอง แล้วมาช่วยคนอื่นก็ทำไปท้ังวัน มีกลางคืนกับกลางวันมีนอนกับตื่น
บางคนก็นอนคืนนึงไม่กี่ชั่วโมง แล้วก็ตื่นนอกนั้นก็ทำไปตั้งแต่เพื่อนไม่ตื่นเราก็ทำจนเพื่อนตื่นช่วยกันทำแล้วก็นอน อยู่เป็นกิจวัตรทำไปสบายๆ แล้วเจ็บป่วยได้ไข้น้อย
โฮ่งปัว มีพยาบาลหลายคนก็มีคนแก่อาศัยอยู่ คนเจ็บก็มีบาดเจ็บทำแผลนิดๆหน่อยๆ นอกนั้นก็มีอะไรใคร ถ้าว่าทางด้านสุขภาพโดยค่าเฉลี่ยชาวอโศกดี ชั้นหนึ่งเลย ได้ขนาดนี้เยี่ยมแล้ว เพราะอะไร มาจากเหตุ เพราะอะไร ก็ไม่ได้ไปกินทั่วไป ที่เขาพากันบ้าๆบอๆ กินอยู่ในกรอบขอบเขต ซึ่งพวกเราก็ไร้สารพิษอยู่แล้วมีแต่ธาตุอาหารสังเคราะห์ให้ร่างกาย
สรุปแล้วเอาความฉลาดมาเลือกเฟ้นสาระให้กับชีวิต มีแต่สาระกับสาระ นั้นคือวัตถุ ส่วนจิตใจเป็นอย่างไร เบิกบานร่าเริงสุขสำราญ ถ้าจะอิจฉาอโศกแล้วรีบอิจฉานะ ใครๆทั้งหลายได้ฟังแล้ว สสารวัตถุก็อุดมสมบูรณ์ จิตใจก็มีแต่เบิกบานร่าเริงสุขสำราญ เอาอย่างไรอีก มีอะไรดีกว่านี้ไหม พัฒนาไปสู่ความไม่มีตัวไม่มีตน ไม่ใช่แค่ภาษานะ แต่เป็นจริง
_ชีวิต อยู่ที่การตั้งค่า · จากเรือรั่วกำลังจะจมน้ำ..ท่าน(พลเอกประยุทธ์)มาอุดรอยรั่วพายเรือนั้นข้ามฝั่งมาได้..ถึงเวลาแล้วที่ท่าน(พลเอกประยุทธ์)ต้องวางเรือนั้นลงไม่ต้องแบกมันอีกต่อไป..มิใช่ท่านใจจืดใจดำ..แต่หากเรือลำนั้น(นี้)คนชอบท่านก็มากคนเกลียดท่านก็เยอะ..แม้เราจะรักและศรัทธาท่านเพียงใด แต่..ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกลา..ถึงเวลาแล้วต้องปล่อยต้องวาง.ประเทศนี้คงไม่สิ้นไร้ไม้ตอก..ตราบใดที่คนเห็นผิดยังน้อยกว่าคนเห็นชอบ
พ่อครูว่า… คุณเชื่อไหม เมืองไทยคนเห็นชอบมากกว่าคนเห็นผิด ที่ไปประท้วงมีน้อยคนไม่ถึงร้อย เขาพยายามดิ้นรน เป็นอาตมาหยุดแล้ว อาตมาเคยพาพวกเราไปประท้วง ไม่ได้หยุดหรอก ประท้วงจนจบงาน ถ้าจะต้องไปอีกก็ไป ขอบอก อาตมามีแรงพาพวกเราไปประท้วงได้ ใครจะไปกับอาตมาบ้าง …ไม่เจียมแก่กัน แก่กันมากแล้วนะ ตอนไปนั้นปี 49-57 ต่อเนื่องกัน 3-4 รัฐบาล เราช่วยทำจนจะตั้งหลักสร้างชุมชนดูไป ที่สวนลุม นี่ก็เป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องเล่น หากมีอะไรแรงๆอยู่ ป่านนี้ชุมชนดูไปคงยึดสวนลุมไปแล้ว เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าดู
เท่าที่อาตมามี ปฏิภาณปัญญาว่า ประเทศไทยมีตัวอย่างประชาธิปไตยๆที่ใช้พลังงานประชาชนแท้จริง ประชาชนทำ ปฏิวัติรัฐประหาร เขาอาจหาว่าอาตมาเพ้อพก แต่อาตมาว่าเป็นจริง อาตมาเป็นตัวดำเนินบทบาทในนั้นด้วยแล้วอาตมาเข้าใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ประชาชน เป็นใหญ่เป็นอย่างไร แล้วประชาชนไม่มีตัวตนไม่ไปรับตำแหน่ง แต่คุณประยุทธ์ไปรับหน้าที่ต่อ 8 ปีแล้ว เขาก็เอาตัวเลข 8 ปีมาเข่น ก็ไม่มีปัญหา ดูไป อันนี้อจินไตย ดูไปกับดูไบ ทำไมต้องดูไป ดูไบไม่มีสิทธิ์เข้ามา มีแต่เห่าเท่านั้น แต่ดูไปนี้มีสัมผัส มีปฏิกิริยา มีตัวตน แต่ดูไบ ยิ่งกว่าหมาเห่าใบตองแห้ง อันนี้หมาเห่าเครื่องบิน ไกลกันเยอะ
_สุพันธ์ มาชะนา · น้อมกราบนมัสการพ่อท่านด้วยเคารพยิ่ง พาลูกพุทธค่าเพชรกับเพชรพึ่งพุทธจากสีมาฯมาอยู่ขอนแก่น 5 ปีแล้ว สงสารลูกอยากไปหาหลวงปู่ใหญ่แต่วาสนายังไม่ถึงครับ
_มุ่ง ตรงธรรม · รายการวันนี้พ่อครูแสดงสุดลึกซึ้งขอรับ จากลูกฟังพ่อครูวันนี้พ่อครูแสดงข้อความต่างขอแปลว่างฌานของฤาษี และฌานพุทธ ลูกเห็นความต่างของสภาวะจิตภายในขนะฟังพ่อครูไปเห็นอาการจิตเกิดสภาวะภายใน ฌานของฤาษีหรือฌานทำเอา คือ สภาวะอัตตา ส่วนของพุทธนั้นคือ สภาวะการทำลาย หรือสลายอาการจิตที่แปลกปลอมเข้าซ่อนเร้นมากับจิตนี้ขอรับ ฌานฤาษีจึงเป็นเพียงฌานอัตตา ส่วนฌานพุทธเกิดมาเพื่อสลายกิเลส ทิฏฐิลูกที่เห็นสภาวะขณะฟังพ่อครูครับ ขอพ่อครูเมตตาเติมเต็มสัมมาทิฏฐิให้ยิ่งขึ้นด้วยขอรับ สาธุ สาธุ สาธุ
พ่อครูว่า… เติมเต็มหน่อย
สมณะฟ้าไท… เขาก็เข้าใจถูกแล้ว ของพุทธมีปัญญาเหนือชั้นกว่าเฉกะ ไฟราคะ โทสะโมหะทำอะไรเราไม่ได้
ฌานของพุทธเป็นเรื่องปกติของชีวิต
พ่อครูว่า… ขยายคำว่าฌานต่อ
เริ่มต้นจุดแรก ของความเป็นฌานคืออะไร คนสัมมาทิฏฐิจะตอบตรงกันว่าฌานคือสภาวะจิตในขณะที่ไม่มีนิวรณ์ 5 นี่คือคำจัดกับความหรือนิยามของฌาน ฌานคือ ขณะนี่คือขณะใดที่จิตคุณรู้แล้วว่าไม่มีนิวรณ์ 5
ถ้าจิตฌานตกผลึกตั้งมั่นภาษาเรียกว่าสมาธิ พระพุทธเจ้า เรียกว่าสมาหิโต ของ พระพุทธเจ้า สมบูรณ์แบบ เอา เจโตปริยญาณ 16 มาเป็นตัวตรวจสอบ สุดท้าย วิมุติ อวิมุติ ตั้งมั่นกับไม่ตั้งมั่น จิตเหนือสูงสุดคือ อนุตรจิต กับ สอุตรจิตแล้วเลือกเอาที่เหนือกว่าแล้วตั้งมั่น เป็นสองคู่สุดท้าย คู่ปลายวิมุติกับอวิมุติ สมาหิตะกับอสมาหิตะ สุดท้ายจบ เป็น อนุตรจิต สูงสุดจิตตั้งมั่น ถูกต้องที่สุด กับหลุดพ้นถูกต้้องที่สุด ก็จบ จิตก็สมบูรณ์แบบที่สุด
ขณะนี้ ก็ขอเข้าสู่ความเป็นฌาน เคยยืนยันให้ฟังว่าเด็กๆ เดียงสาหน่อย 7 ขวบ รู้ว่าจิตใจเป็นไงแล้ว แต่ถ้าไม่ถึง 7 ขวบ ก็พูดกันไม่รู้เรื่องกำหนดรู้ไม่ได้ แต่ถ้า 7 ขวบพอรู้เรื่องแล้ว 7 ขวบขึ้นไปเป็นอรหันต์ได้ พระพุทธเจ้า ยืนยันไว้ ในยุคของท่านก็มีอรหันต์ 7 ขวบ
ผู้มีฌาน สมาธิ จิตไม่มีนิวรณ์ 5 ต่อเนื่องอยู่ไม่บกพร่อง ผู้นั้นคืออรหันต์โดยรู้ๆตัวเองด้วย หรือยิ่งคุณทำได้ คุณเป็นคนทำให้ไม่มีนิวรณ์ 5 เองเลย สำเร็จแล้วสำเร็จเลย ได้ต่อเนื่องคุณก็เป็นอรหันต์ตลอด เป็นเรื่องเป็นจริงไม่ใช่ลึกลับ จึงเรียกว่าได้โดยไม่ยากได้โดยไม่ลำบากซึ่งฌานทั้ง 4
ฌาน 1 ทำงานปรุงแต่ง มีวิตกวิจาร ทำงานร่วมกับคนอื่น โดยจิตนั้น ฌาน 4 ท่านอธิบายว่า วิตกวิจารคือฌาน 1 เอกัคคตา คือฌาน 4
เอกัคคตา คือฌาน 1 ที่ยิ่งใหญ่ คือไม่มีนิวรณ์ ในฌาน 1 ไม่มีนิวรณ์แล้วเอาไปทำงาน วิตกวิจารแล้วมีปีติ ยินดี ทำได้ดี มีสิ่งนี้ดีในตัวเรา ไม่มีอะไรดีเท่ากับจิตของคุณเป็นฌานหรอก ไม่มีนิวรณ์นี้ดีที่สุด ในควาเป็นมนุษย์ จิตไม่มีนิวรณ์นี้ดีที่สุดคือให้ทำได้รู้จริิง
แล้วเอามาใช้งานกับคนอื่น จิตก็ยังไม่มีนิวรณ์ก็ดีใจ ปีติ จิตไม่มีนิวรณ์คือจิตสงบ ฌานที่ 3 สงบที่ไม่มีนิวรณ์ ไม่ใช่สงบเพราะถูกกดข่มไว้ สงบเพราะจิตสะอาดไม่มีนิวรณ์
ฌาน 3 ก็ไม่นิ่งสนิท มีอุปกิเลสปรุงร่วมฟุ้งบ้างตามสภาพ 2 คือผลักกับดูด ติดกับกระจาย หรือ ผลักกับดูด คุณก็ทำให้มันคล่องตัว มุทุภูตธาตุ เป็นจิตที่เบาง่ายคล่อง มุทุตา กัมมัญญตา สมบูรณ์แบบ แล้วแต่จะต้องการแบบไหน มุมไหน มีอยู่ 3 มุม 1.ลหุตา 2.กัมมัญญา 3.มุทุตา
มุทุตา องค์รวม เบากับทำงาน เบาๆก็ไม่ทำงาน ทำงานก็มีงาน มันก็ไม่ใช่ลหุตาก็เท่านั้นเอง แล้วมุทุตา ทำได้ต้องการเมื่อไหร่ได้เลย คล่องแคล่วว่องไว นี่คือคุณสมบัติวิเศษของจิตวิญญาณมนุษย์ อาตมามีสภาวะเท่าที่อาตมาพูด ถ้าเป็น โพธิสัตว์เหนือกว่าอาตมาจะเก่งกว่าอีก อาตมารู้ว่าจิตดีกว่านี้ยังมีอีก อาตมายังไม่จบ อนุตรจิตเหนือกว่าสอุตรจิต
สอุตระดีแล้ว แต่ดีกว่านี้มีอีก ยังไม่จบ เราเรียนมานี่ อาตมาเรียนธรรมะ พระพุทธเจ้า ก็รู้ว่ามีดีกว่านี้อีก ทุกวันนี้อาตมาได้สูงขึ้นทุกวัน ขออภัยไม่มีใครไล่ทันอาตมาหรอก
สู่แดนธรรม.. พ่อท่านดูทีวี 3 จอพร้อมกัน
พ่อครูว่า… แสง เสียงมันช้ากว่าจิตเยอะ
สรุปจบ ฌานพุทธเป็นเรื่องปกติของชีวิต จิตไม่มีนิวรณ์ปกติ ตั้งมั่นแข็งแรงไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่เบิกบานร่าเริงกับทำงานไม่ว่างทีเดียว มีวิตก วิจาร ปีติ สุข จิตสุดท้ายท่านจบที่อุเบกขาหรือเอกัคคตา เอกัคคตาก็มีตั้งแต่ตัวที่ 1-4 จบได้ที่อุเบกขา ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ไว้หมดแล้ว อาตมาหยิบมายืนยัน คุณมีสภาวะทำได้ ใช้งานได้จริงๆ
คนที่มาเรียนรู้จิตวิญญาณทำได้ พูดไปอย่างไรทำได้อย่างนั้น ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที พูดอย่างไรทำได้ ทำอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ก็ยืนยัน มีความกล้าหาญ มั่นใจ เพราะมีความจริง ไม่ได้แอบเอาของใครมา แม้จะนามธรรมเราก็พูดตามประสาเรา อธิบายนามธรรมเราตามภาษาไทย แต่สื่อภาษาเด็กๆให้เขารู้ได้ แต่คนโตก็มีอีกภาษา ยิ่งรู้ภาษาเยอะ ก็พูดได้เยอะ
คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 4 ประการ
_Jaitham Sittinawin ใจธรรม สิทธินาวิน · ขออนุญาตเรียนถามพ่อครูว่า พระโพธิสัตว์ คือใครคะ ทำไม ลุงตู่ ลุงชวน ไอสไตน์ ก็เป็นโพธิสัตว์ คือไม่คิดว่าเขาเป็นโพธิสัตว์ จนรู้สึกงงมากค่ะ กราบนมัสการค่ะ
พ่อครูว่า… คือ โพธิสัตว์โพธิรักษ์ รัก รักพงษ์
อาตมาเคยกล่าวพาดพิงคนเหล่านั้นมา ว่าเป็น คุณไม่รู้ก็ต้องงงเป็นธรรมดา หากคุณรู้อย่างอาตมารู้ก็ไม่งง
โพธิสัตว์คืออะไร โพธิสัตว์ แปลว่า ความตรัสรู้ คือ ความรู้ของพระพุทธเจ้า ที่ท่านค้นพบสูงสุดแล้ว เป็นสัมมาสัมโพธิญาณ แล้วท่านเอามาตรัส เอามาพูดให้คนอื่นรู้ แล้วเอาไปฏิบัติได้ เรียกอันนี้ว่า ความตรัสรู้ ความรู้ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสแล้วคนเอาความรู้ที่พระพุทธเจ้าตรัสไปเรียนรู้และปฏิบัติได้ด้วย สรุปอันนี้เรียกว่า ความตรัสรู้
ตอบ ความตรัสรู้คืออะไร คือ อันนี้ไง คือโพธิสัตว์ คือคนที่มีความตรัสรู้ มันก็วนเนาะ คือ คนที่มีความรู้ตรงกับที่พระพุทธเจ้ารู้แล้วเอามาตรัสมาพูดให้คนฟัง เช่น
โลกุตระ หรือโลกุตรธรรม คำนี้ พวกเราฟังแล้วก็คงเข้าใจได้ว่า มันมีเฉพาะในศาสนาพุทธ ความรู้เหนือโลก โลกอื่นก็ไม่มี คนอื่นไม่มี ศาสนาอื่นไม่มี มีแต่ศาสนาพุทธศาสนาเดียว สัมมาทิฏฐิด้วยนะ ถ้าไม่สัมมาทิฏฐิ ก็โลกุตระเก๊ แต่ถ้าโลกุตระแท้ มีอันเดียวกัน ตรงกันหมด
ทีนี้ โลกุตรธรรมคืออะไร คือ 1.ไม่มีตัวตน 2.รับใช้ผู้อื่น 3.ซื่อสัตย์
ที่จริงมีอีกอันนึง คือ 4. มีสมรรถนะ
นี่เป็นยอดคน ยอดประชาธิปไตย ยอดมนุษยชาติ ได้น้อยหนึ่งก็เป็นยอด น้อยหนึ่ง ใครเริ่มมีคุณสมบัติ 4 อย่างนี้น้อยนึง ก็เป็นยอดน้อยหนึ่ง หรือเป็นโพธิสัตว์น้อยหนึ่ง
ทีนี้กลับไปตอบ
ลุงตู่มีคุณสมบัติ 4 อย่างนี้หรือไม่ หลายน้อย
คุณชวนมีไหม มี
ไอสไตน์มีไหม มี
ถามมาว่า ทำไมเป็นโพธิสัตว์ ตอบแล้ว ชัดไหม
คุณบอกว่าไม่คิดว่าเขาเป็นโพธิสัตว์เพราะคุณไม่รู้ว่าโพธิสัตว์คืออะไร อาตมาบอกแล้วนะคุณใจธรรม (มีสามีเป็นเภสัชฯ)
สู่แดนธรรม… เขามองว่าโพธิสัตว์ต้องเป็นแบบเจ้าแม่กวนอิมต้องเป็นตัวแทนศาสนา
พ่อครูว่า… นั่นท่านเป็นใหญ่ เป็นผู้ช่วยผู้คนได้เยอะ อันนั้นมันเป็นตำนาน
มาเข้าสู่ฌาน เข้าฌานคำนี้เป็นภาษาเนาะ แต่ที่จริง ฌาน ไม่ได้เข้าไม่ได้ออกหรอกเป็นสามัญ ฌาน ของพระพุทธเจ้าคือสัจธรรมที่จิตไม่มีนิวรณ์ 5 คุณมีอยู่ในปัญญาของคุณ คุณทำได้ว่า อาการนิวรณ์เป็นอย่างนี้ แล้วเราก็ทำให้ไม่มีนิวรณ์ในจิตเราได้ นั่นแหละคือ ฌานแท้ๆ
ที่นี่มันก็มีนัยยะสำคัญ 2 ประการคือ
-
กดข่มไว้ ไม่ให้มีอาการ กาม พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจะกุกกุจจะ วิจิกิจฉา คุณทำได้ 4 อย่างนี้ไม่มีอาการ กาม พยาบาท รู้แล้วและ ถีนมิทธะ ที่เกาะตัว อุทธัจจะกุกกุจจะ ที่ฟุ้งซ่านก็ไม่มี จะบอกว่าไม่เกาะมันก็เกาะ ของ เดียรถีย์ นิ่ง แต่ของพุทธไม่นิ่ง มันไม่เกาะตัวแต่มันไม่มีนิวรณ์ 5 จิตไวคล่องแคล่วเป็น มุทุภูตธาตุ แล้วทำงานด้วยการอยู่เหนืออาการจิตของตัวเอง ให้จิตมันทำงาน วิตกวิบัติ คุณวิเศษของจิตวิญญาณที่ทำได้ มันมีแต่ประโยชน์กับประโยชน์และประโยชน์
เพราะฉะนั้น มนุษย์ผู้ที่มี ฌาน ขั้นสมาธิหรือสมาหิโต ยังแข็งแรงตั้งมั่นด้วย จิตไม่มีนิวรณ์อย่างแข็งแรงตั้งมั่นด้วย เป็นปกติ เป็นสามัญ แล้วทำงานช่วยมนุษย์อยู่ด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข อุเบกขา นี่แหละคือมนุษย์ยอด มนุษย์โพธิสัตว์ มนุษย์อรหันต์
ที่คุณจะเกิดมามีชีวิตคนแบบนี้ จะอยู่ไปอีกนานเท่าไหร่ก็อยู่ไปสิ เพราะมีแต่ประโยชน์คุณค่าให้แก่มนุษยชาติ คุณจะกิน คุณจะกินเท่าไหร่กันเชียว คุณจะใช้ก็ใช้เท่าไหร่กันเชียว
แล้วคนที่รู้จัก กาละเวลาและกรรม รู้กรรม และ กาล คุณไม่เอากรรมไปทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ วาระ กาละ เวลา คุณใช้กาละทุกวินาที (วินะ อาที)
อาที หรือ อาทิ แปลว่า เป็นต้น
วินะ แปลว่า มีกับไม่มี , วิ แปลว่า มียิ่ง , น แปลว่า ไม่มี
วินะ อาทิหรืออาที วินาที
กาละที่นับวินาทีนี่แหละ คุณจะเร่งเท่าใดก็ได้ วิ คุณจะทำให้เร็วเท่าไหร่ก็ได้ เขาจะเรียกว่าภาษาอะไรก็แล้วแต่ คุณไปตั้งภาษาใส่วินาทีที่เร็วกว่านาที นาฬิกาที่คนตั้งวินาทีหนึ่งชช้านานเท่านี้นะ กำหนดในโลกเท่ากัน แต่อันนี้มันเร็วกว่านี้ ก็เรียกวินาทีเหมือนกัน ซึ่งมันมีอัตราส่วนต่างกันก็เท่านั้นเอง แต่ความเข้าใจตรงกัน ตรงที่ว่าก็คือการเคลื่อนไปของเวลา กาละ
เพราะฉะนั้นทุกเวลาหรือทุกกาละที่มีอยู่ คุณก็มีชีวิตสุขสำราญเบิกบานใจ และคุณก็มีกรรมอันเป็นประโยชน์คุณค่า คุณจะอยู่ไปคุณก็ภาคภูมิใจ ก็มีชีวิตที่มันไม่ไร้ค่า มันดี แล้วคนอย่างนี้คุณจะมีชีวิตอีกนานเท่าไหร่ก็นานสิ อยู่ให้มันได้ก็แล้วกัน อย่าเป็นภาระคนอื่นก็แล้วกัน อย่าเจ็บอย่าป่วย อย่าไปทำอะไรที่ทำให้คนอื่นต้องมาช่วย ช่วยตัวเองให้รอดก็ยิ่งดีใหญ่
พูดไปแล้วนี่เท่ากับเป็นการอธิบายถึงคุณลักษณะ หรือ คุณสมบัติ หรือ คุณธรรมอันวิเศษของมนุษยชาติ พูดไปแล้วก็ทำให้ได้ เกิดมาเป็นมนุษย์จะเอาอะไร จะทำอะไร จะเป็นอะไร ก็ทำแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว
คุณไม่เปลืองคุณไม่ฟุ่มเฟือย แม้แต่อารมณ์ที่จะไปกระดี๊กระด๊า เอาไปเสพอารมณ์อะไรก็แล้วแต่ เสพอารมณ์ บำเรอใจตัวเอง อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นปฏิกิริยาคุณก็ไม่มี คุณก็อยู่กับกรรมกิริยาที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น คุณจะเสพประโยชน์ที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น คุณจะเสพอารมณ์นี้เป็นอารมณ์ชื่นใจ คุณทำประโยชน์ให้คนอื่นแล้วชื่นใจก็ทำไปสิ ไม่ได้ไปรบกวนใคร คุณทำประโยชน์ต่อคนอื่นได้แล้วคุณก็ดีใจของคุณเอง จะถือว่าเป็นอุปกิเลส ก็ไม่ได้เปลืองใคร ไม่ได้เสียหายกับใคร คุณก็เป็นอัตตาของคุณเท่านั้นเอง ถ้าคุณยึดมันก็ติด ก็ติดกับกาละกับอัตตา ถ้าคุณไม่รู้ก็สลายไม่เป็น สลายไม่เป็นก็วนเวียนอยู่ในโลกนี้ แต่มันก็ไม่เสียหายเพราะสิ่งที่คุณติดมันเป็นประโยชน์ แล้วคุณก็ดีใจที่ได้ทำประโยชน์ต่อผู้อื่น ฟังทันนะ แล้วมันก็ไม่เสียหายอะไร ถ้าอยู่กับคนอื่นแบบนี้ คุณจะมีประโยชน์ อย่างไรคนก็ไม่ปฏิเสธหรอก
มันเป็นคุณวิเศษ หรือคุณสมบัติของมนุษยชาติที่กลั่นกรองแล้วว่า คุณปฏิเสธไม่ได้นอกจากคุณเป็นคนโง่หรือคุณตะแบง ถ้าไม่โง่หรือตะแบง คุณก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นความจริง สำหรับคนที่พอมีปัญญา มีความเฉลียวฉลาด ที่จะรับได้ ชาวโลกียะเขาก็ฟังได้รับได้ ยิ่งชาวโลกุตระแล้วไม่ต้องพูด นี่คือคุณวิเศษหรือคุณสมบัติอันดี หรือคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ที่มนุษย์พึงศึกษา และเป็นให้ได้มีให้ได้ อยู่ในโลก
เมื่อคุณจะเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วคุณมีคุณสมบัติคุณวิเศษอย่างที่ว่านี้ล่ะ คร่าวๆ เมื่อยคุณก็พัก ไม่เมื่อยคุณก็เพียร เราไม่พัก เราไม่เพียร เราข้ามโอฆะสงสารได้ คุณเพียรได้เท่าที่เพียรได้ พักเสร็จก็เพียร เราไม่พักอยู่ (อัปปติฏฐัง) เท่ากับยังเพียรต่อไป
เราไม่เพียรอยู่ (อนายูหัง) เท่ากับพักหรือไม่ต่ออายุอิทธิบาท
เราเป็นผู้ข้ามโอฆสงสารได้แล้ว (โอฆมตรินติ)
นี่เป็นความรู้ที่อาตมารู้แล้วก็ทำได้ด้วย ไม่ใช่พูดลอยลมฟุ้งซ่าน เพ้อๆ แล้วคุณก็มีคุณสมบัติคุณวิเศษหรือคุณธรรมอันนี้ ขณะที่อาตมาพูดอยู่ตอนนี้ พูดดังนะ แรงนะ แล้ว อาตมายังกับคนหนุ่ม
ฌานวิสัย เป็น อจินไตย ที่คนเข้าใจยาก แต่ไปเข้าใจว่าเป็นสิ่งลึกลับ จนต้องเต๊ะท่า ตั้งกายตรงดำรงสติคงมั่น นั่งเพ่งแล้วทำให้จิตนิ่งไม่มีนิวรณ์อะไรอย่างนี้ ลำบากชิบหายเลย กว่าจะได้ฌาน เป็นฌาน ที่ได้โดยยากโดยลำบาก มันไม่ไหวนะ
ของพระพุทธเจ้าเป็น ฌาน ที่ได้โดยง่ายโดยไม่ลำบาก หายใจเข้าก็เป็นฌานหายใจออกก็เป็นฌานได้ สบาย ใช้ได้ด้วย กำหนดให้มีคุณสมบัติ วิตกวิจาร ปีติ สุข อุเบกขา เอกัคคตา คุณก็จัดสรรมันได้ ตามพยัญชนะที่กำหนดไว้ คุณทำได้หมด ก็ครบแล้ว พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้มีจิตวิญญาณเท่าที่พระพุทธเจ้าตรัสก็เหลือแหล่แล้ว ใช้งานได้ตลอดจะตายกี่ชาติจะเกิดอีกกี่ชาติ ทำฌาน อย่างนี้ได้ ทำจิตแบบนี้ได้ แล้วคุณก็รับใช้ปวงชนอยู่อย่างนี้
1.ไม่มีตัวตน 2. รับใช้ประชาชน 3. ซื่อสัตย์ 4. มีสมรรถนะ
-
มีอายุ ก็ได้
คุณจะอยู่ก็อยู่ไปสิ เพราะฉะนั้นจะบอกว่าคุณมีเศรษฐกิจแบบนี้ 5 อย่าง 4 อย่างนี้ คุณจะมีรัฐศาสตร์หรือมีการเมือง 5 อย่าง 4 อย่างนี้ คุณจะมีเศรษฐศาสตร์ 4 อย่างนี้แหละ จบเลย
เศรษฐศาสตร์ก็ตาม การเมืองก็ตาม สังคมก็ตาม ไม่มีตัวตน ตัวเดียวนี้ก็จบแล้ว นอกจากไม่มีตัวตนแล้วก็รับใช้ประชาชนหรือมีสมรรถนะภาพ แล้วมีความซื่อสัตย์แถมอีก
คุณประยุทธ์ พลเอกประยุทธ์นี้ ได้รับการยอมรับอยู่ทุกวันนี้ เพราะมีความซื่อสัตย์ จะเก่งหรือไม่เก่งคนก็หามุมเหลี่ยมไปตำหนิกันไป แต่ความซื่อสัตย์ตำหนิคุณประยุทธ์ไม่ได้ อันนี้รักษาตัวรอด สำหรับคุณประยุทธ์
-
ทำงานรับใช้ประชาชนไหม
-
เห็นแก่ตัวไหม…ก็ไม่
-
มีสมรรถนะไหม …มี พอสมควร จะบอกว่าเก่งหรือไม่เก่งก็ทำได้ขนาดนี้แหละ มีคนรายงานผลงานที่พลเอกประยุทธ์ทำมา 8 ปีนี้ อย่าง ดร.อานนท์ลิสต์มา 60 อย่าง