650810 ทำไมสายศรัทธาจึงช้าและยากกว่าสายปัญญา พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1VGVGpcXzsWONzkohzp5lyCV9lYsHPkFS9kY7FXPEvzE/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1Ewcuh6nOLesvD4UnYEpUdIzkX0TSit7N/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/ePq84VmviK/
และ https://youtu.be/coS7yoPs9Dg
สมณะฟ้าไท…วันนี้วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก ภาวะปัจจุบันสังคมโลกเต็มไปด้วยการแย่งชิง ในกาม ในลาภยศสรรเสริญ สิ่งแวดล้อมก็เลวร้ายภัยพิบัติมากมาย แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่พ่อครูพาทำ ให้เป็นคนไม่แย่งในกาม ไม่แย่งลาภยศสรรเสริญ มาเป็นคนเสียสละในระบบสาธารณโภคี อยู่ด้วยสาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา เป็นกลุ่มชนเล็กๆในโลกนี้แต่จะช่วยโลกให้ดีขึ้นได้ ซึ่งจะพ้นภัยจากกลียุคได้ พวกเราจึงเป็นคนโชคดีที่ได้มาศึกษากับพ่อครู
พ่อครูว่า… ขอเชิญทุกท่านร่วมเข้าค่ายอุโบสถศีลออนไลน์ ครั้งที่ 9
“มีศีลเป็นแม่ เฝ้าดูแลให้ก้าวต่อ”
วันศุกร์ที่ 12 – อาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2565
สมัครง่ายๆ โดยการแสกน QR Code จากหน้าจอ เพื่อเข้าร่วมกลุ่มไลน์โอเพ่นแชท เมื่อเข้ากลุ่มแล้ว ท่านจะได้รับรายละเอียดกิจกรรมต่างๆ จากผู้ดูแลกลุ่ม
มหาวิทยาลัยโลกุตระมีแห่งเดียวที่ประเทศไทย เป็นชมพูทวีป
พ่อครูว่า… เพื่อพัฒนาตนเอง อาตมาก็ย้ำแล้ว คนเราเกิดมาแล้วจะมีความเก่งกาจแค่ไหนก็แล้วแต่ มันก็ยังไม่จบหรอก มีแต่บานปลายเป็นปากกรวยออกไป ไม่มีที่สิ้นสุดออกไปนอกโลกในอวกาศในเอกภพ สุดเอกภพก็ไม่จบหรอก
“ไม่จบ” คำนี้หมายความว่า
1.คุณทำตนให้สิ้นสุดกิเลสหมดเกลี้ยงไม่ได้
-
คุณจะไม่รู้จบรู้พอ มันจะมีแต่อยากอยากๆอยากไปอีก อยากไม่มีจบไม่มีพอ
-
คุณจะไม่รู้เลยว่า จิตวิญญาณหรืออัตตา อัตภาพของแต่ละคน ที่ได้อัตภาพมา เมื่อเกิดมาเป็นจิตนิยามแล้ว ได้อัตภาพมาเป็นของตัวของตน ตั้งแต่เริ่มเป็นสัตว์เซลล์เดียวมา จนกระทั่งเป็นสัตว์ล้านล้านเซลล์ จนกระทั่งมาเป็นคน เวไนยสัตว์ คนที่สอนโลกุตรธรรมได้แล้วก็เรียนรู้
จนกระทั่งไม่มี วิชชาอะไร อาตมาเคยย้ำแล้วว่า พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์เหมือนกับเราทุกคน ท่านก็แสวงหาไม่รู้หลงกี่ล้านชาติ จนกระทั่งท่านได้รู้ครบ ซึ่งพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ก็ได้รู้มาจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆถ่ายทอดมาจนกระทั่งเป็น สยังอภิญญา เป็นผู้ที่มีเองรู้เองจนกระทั่งเป็นอภิภู จนกระทั่งมาเป็นมหาโพธิสัตว์ จบเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเหมือนกันกับพระพุทธเจ้าทุกองค์
ก็จะรู้ว่ามันไม่มีวิชาอะไรที่จะจบ ไม่มีวิชาอะไรที่จะรู้รอบรู้จริงเหมือนกับวิชาโลกุตระ วิชาของพุทธเจ้า อาตมาจึงย้ำเสมอว่าพระพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านรู้โลก ทุกวิชา แม้ในยุคของพระองค์ สำนักตักสิลามี 18 สาขาวิชา ในยุคนี้จะมีรายวิชาในมหาวิทยาลัยต่างๆนี้ก็ตาม ถ้าท่านอยู่ท่านก็เรียนรู้ได้หมด จบทุกวิชา ได้เกียรตินิยมด้วย สมัยนั้นตักสิลามีเพียง 18 สาขาวิชา ท่านก็จบได้เกียรตินิยมหมด เสร็จแล้วท่านก็ทิ้งหมด 18 วิชา
ในตักสิลาไม่มีวิชาพุทธ เหมือนมหาวิทยาลัยทั้งหลายแหล่ ไม่มีวิชาพุทธ แม้จะเป็นมหาจุฬาฯ แม้จะเป็น มหามกุฏราชวิทยาลัย มีมหาวิทยาลัย 2 มหาวิทยาลัย ทางศาสนาพุทธ ของ 2 นิกายในเมืองไทย ขออภัยเถิดที่ต้องพูดความจริง ผู้ที่เป็นอาจารย์ในยุคนี้ ก็ไม่บรรลุ โลกุตรธรรม ที่จะประสาทวิชาโลกุตรธรรมให้บรรลุได้ ขออภัยที่ต้องพูดความจริง
ในยุคนี้มีโลกุตระ มีมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน คืออโศก ที่ประสาทวิชาโลกุตระได้ บรรลุสมณะ 4 เหล่าได้จริง รู้กำหนดกฎเกณฑ์ของความเป็นสมณะ 4 เหล่า เอามายืนยันเอามาอธิบายได้ มีตัวตนบุคคล มีพฤติกรรมจริง มีปรากฏการณ์จริง มีสังคมกลุ่มหมู่จริง ยืนยันได้
ต้องขออภัยไม่ได้พูดยกตนข่มท่าน เกรงใจแต่ต้องพูดความจริงให้เห็นชัดๆ เพื่อจะได้เอาไปยืนยันศึกษา ผู้ที่ศึกษาแสวงหาจะได้เปรียบเทียบ ว่าอาตมาพูดนี่มันเกินความจริงมัน Over เกินไปหรือเปล่า หรือว่ามันเป็นความจริง มันฟังแล้วดูเหมือนโอเวอร์จริง แล้วเหมือนหลงตัวหลงตนยกตัวยกตนจริงๆ ก็น่าเห็นใจเขา
เพราะในยุคนี้เป็นยุคที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วเป็นยุคของความเสื่อม ครึ่งพุทธศตวรรษ 2500 กว่าปีมาแล้ว มันเสื่อมอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อาณิสูตร กลองอานกะ มันไม่มีแล้วโลกุตรธรรม อาตมาต้องลงมารื้อฟื้นขึ้นมา ทำงานรื้อฟื้นมา 50 กว่าปีแล้ว
ก็ได้คนที่มีดวงตายังพอรู้ได้ เป็นชาวอโศกมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งอาตมาเห็นว่ามันจะต้องทำ เพราะจะต้องพยายามสืบทอดให้เผื่อพอ ไปจนกระทั่ง ผู้ที่มีธรรมะจะได้เกิดได้นำพา โลกุตรธรรมนี้ยืนยาวไปจนกระทั่งถึง 2500 ปีในพุทธกัปป์ของพระพุทธเจ้าสมณโคดม ซึ่ง พุทธกัป ศาสนาโลกุตระธรรมของท่านมีอายุแค่ 5,000 ปี ซึ่งมีอายุน้อยที่สุดแล้วในบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย มันใกล้กลียุคแล้ว
จากนี้ไปพระพุทธเจ้าจะไม่อุบัติอีก จนหมดศาสนาพุทธในยุคนี้ เป็นยุคที่น้อยที่สุดในภัทรกัปนี้แล้ว ก็สูญสิ้น จากนั้นก็จะว่างจากศาสนาพุทธไปอีกยาวนาน กว่าจะมีพระพุทธเจ้าขึ้นมาอุบัติ ในโลกอีก มีพระศรีอริยเมตไตรยก็อีกยาวนาน
อาตมาเป็นคนจริงจึงพูดความจริงสู่ฟัง ซึ่งก็มั่นใจว่าไม่ได้พูดผิดอะไรพูดถูกต้องอยู่ ก็ว่ากันไป
ก็สำทับกันอีกทีว่า เกิดมาเป็นคนแล้วคุณเอ๋ย จะเกิดมาอีกกี่ชาติมันไม่มีทางจบไม่มีทั้งสิ้น ปรินิพพานเป็นปริโยสาน แยกธาตุไปได้ เป็นดินน้ำไฟลมเป็นความไม่เกิดอีกแล้ว จิตนิยามนี้แตก กายสเภทาปรัมมรณา สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน ปรินิพพานเป็นปริโยสาน เป็นความรู้ที่พระพุทธเจ้าทำได้ ไม่มีศาสนาอื่นโดยเฉพาะเทวนิยมที่ทำอย่างนี้ได้ แม้แต่ในวงการศาสนาพุทธยุคนี้ก็ยากอย่างที่กล่าวแล้ว
ซึ่งอาตมาก็อยากจะพูดตรงที่ว่า ในประเทศอื่นๆที่เป็นพุทธศาสนาซึ่งมีอยู่หลายประเทศ ก็ยังไม่มี มีในประเทศไทยเท่านั้น เพราะในยุค 2,500 ปี เพราะว่ายุคนี้มันเสื่อมหมดแล้ว ประเทศอื่นที่เป็นพุทธเขาก็ยกให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในแกนของศาสนาพุทธ เขาก็ยกให้ ซึ่งก็จริง อาตมาก็สำทับไปว่า เป็นชมพูทวีปในยุคนี้
ที่เรียกว่าชมพูทวีปได้เพราะว่ามีคนจริงๆ มีสังคมของผู้ที่มี สุรภาโว สติมันโต อิธพรหมจริยวาโส มีคนที่มีภาวะของอินทรีย์ 5 พละ 5 ของภาวะ อาการ 32 ภาวะสังขารร่างกาย ภาวะจิตใจ รูปนามนี้ เป็นภาวะที่ สุรภาโว เต็มสภาวะ ครบครันที่สุด
สุรภาโวเป็นภาวะที่ปรากฎยืนยัน เป็นสัจจะเต็มสภาพ ครบ มีอาการ 32 ครบ มีสติมันโต มีสติสัมปชัญญะ ปัญญา ที่จะใช้มาศึกษาความรู้ขั้นโลกุตรธรรมหรืออาริยะนี้ได้ แล้วก็มีที่นี่เท่านั้น อิธพรหมจริยวาโส มีที่นี่เท่านั้นที่จะบรรลุพรหมจรรย์สูงสุด กาละเทศะฐานะ เทศะอยู่ที่ประเทศไทย อินเดียแต่ก่อนเคยเป็นเพราะว่าพระพุทธเจ้าเคยอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วในอินเดียมาอยู่ในประเทศไทย
อาตมาไม่ได้ขี้ตู่เอา แต่มีหลักฐาน มีปรากฏการณ์จริง มีบุคคล มีพฤติกรรมจริง มีผลงานจริง มีสภาวะบุคคล ทำได้ มี วรรณะ 9 สาราณียธรรม 6 มีสาธารณโภคี เป็นคนที่อยู่รวมกันไม่ต้องมีรายได้ ไม่ต้องเอารายได้เลย เสียภาษี 100%
ซึ่งทางโลกเขาก็เรียนรู้เศรษฐศาสตร์บทนี้ ให้คนเสียภาษีให้แก่ส่วนกลางให้แก่รัฐบาล ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ของชาวอโศกนี้ไม่ใช่ส่วนมาก แต่ทุกคนเลยมีรายได้เท่าไหร่เอาเข้ากองกลางหมดเลยแล้วก็กินใช้ร่วมกันเรียกว่า สาธารณโภคี
ซึ่งเป็นยอดแห่งเศรษฐศาสตร์ ยอดแห่งรัฐศาสตร์ ยอดแห่งสังคมศาสตร์ ซึ่งเขาต้องการนะในโลก ผู้ที่มีปัญญารู้ดีทั้งนั้น ทางเศรษฐศาสตร์ก็ตาม ทางรัฐศาสตร์ก็ตาม ทางสังคมศาสตร์ก็ตาม เขาต้องการอันนี้
อาตมาพูดไปเผยแพร่ไป เขาก็ฟังอยู่ แต่เขายังไม่เชื่อ เขาจะดูซิว่านี่มันจะจริงหรือเปล่า มันจะไปได้กี่น้ำ เขาก็รอดู อ้าวนี่ 50 กว่าปีแล้ว เขาก็ยังไม่เชื่อเท่าไหร่ ถ้าไปถึง 100 ปี แหมถ้า 100 ปีนี้ อาตมาต่อไปอีก 52 ปีต่อไปอีก 48 ปี ทำงานถึง 100 ปี ก็ต้องต่อไปอีก 48 ปี
อายุอาตมาก็จะ 136 ปี อาตมายังกะอยู่เลยนะว่า จะอยู่สัก 133 ทำไมต้อง 133 ก็ไม่รู้ ไม่เอา 136 เอาแค่ 133 คิดว่า พอจะกระเสือกกระสน พากเพียร ยืดยาว ใช้อิทธิบาท ใช้วิชาความรู้ทางพุทธศาสนานี่แหละ ต่ออายุขัยตัวเองไป ลองดู แล้วคุณก็ช่วย
ทุกวันนี้ พยายามจะกินอาหารให้อร่อย หาอาหารดีๆให้กินให้มากๆ ดีนี้พวกเราหามาให้กินอยู่แล้ว ไม่มีสารพิษไม่มีอะไรมีพิษ หาแต่ของดีๆมาทั้งนั้น นี่ก็บอกว่า นึกถึงสมัยอาตมาเป็นฆราวาส เคยกินก๋วยเตี๋ยวอร่อย เป็นเจ้าประจำ ต้องไปกินเจ้านี้แหละ เจ้าอื่นไม่ค่อยจะเข้าไปกิน มันมีอยู่ไม่กี่เจ้าหรอก อร่อย ก็อยากจะกินก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ ก็ไปหาเส้น เส้นก๋วยเตี๋ยวที่มันเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบจีนไม่ใช่แบบไทย แม้แต่เส้นโคราชก็ยังไม่ค่อยตรงทีเดียว อาตมาก็นึกไม่ออกเหมือนกันทำอย่างไร แต่ว่าจำได้ว่า เส้นก๋วยเตี๋ยวมันไม่แข็ง มันไม่หยาบ มันกินดี เขาพยายามไปหากันอยู่เนี่ย จะกินให้อร่อยให้น้ำหนักขึ้นดูซิ นี่น้ำหนักลงไป 47 แล้ว ยังไม่ถึง 50 สักที แต่ก็แข็งแรงใช้ได้ ก็รู้สึกว่าดีขึ้น ดีขึ้นกว่าตอนที่มันแย่ๆ มันก็ดู Fresh up ขึ้นมาได้ทีเดียว
SMS วันที่ ๘-๙ สิงหาคม ๒๕๖๕
_*Jaitham Sittinawin ใจธรรม สิทธินาวิน* · ปีนี้น้ำจะท่วมบ้านราชหรือเปล่านะ ฝนตกเยอะจังค่ะ เข้าเดือนสิงหาคมแล้วด้วยค่ะ
พ่อครูว่า… มันยังทรงอยู่มันขึ้นอยู่เหมือนกันแต่ยังไม่ขึ้นมากนัก เดี๋ยวนี้ บ้านราช น้ำไม่เคยท่วมจะเพราะว่าเราทำให้สูงขึ้น หรือว่าทางการเขามีเขื่อนมีการระบายน้ำดีขึ้นมากขึ้นหรือไม่ มันก็เลยไม่ค่อยท่วม แต่ก่อน ถ้าประมาณนี้ กรกฎาคม สิงหาคม อยู่ใต้ศาลานี้มันจะไม่ขึ้นเป็น ฟุต เป็นเมตรหรือยังก็ไม่รู้ ขนาดที่นี่เราถมขึ้นมาสร้างศาลาส่วนกลางให้สูงแล้วนะ
ซึ่งฝนก็ตกหนักมากรอบนี้ อุตุนิยมก็บอกว่าจะตกอีกหลายวัน ก็ว่ากันไป ตอนนี้ยังไม่ท่วมเท่าไหร่นะคุณใจธรรม
ชาวอโศกจะเปิดหมู่บ้านจัดตลาดอาริยะ ปีใหม่ 2566
_*สุรัตนา น้อยศรี* : ชอบไปช่วยงานตลาดอาริยะมากค่ะ คนที่มาซื้อของ เขามีความสุขเบิกบาน/คนขายก็มีความสุขแท้ ที่ได้แบ่งปันความช่วยเหลือแก่ผู้อื่น/ไม่มีสังคมไหนเขาทำกันนอกจากชาวอโศกประทับใจจริง ๆ ค่ะ
พ่อครูว่า… ปีใหม่ปีนี้ชาวอโศกตั้งใจอยู่นะว่าจะเปิด เปิดหมู่บ้าน เกรงใจ covid เขามาก ๆ แต่ก็ แหม ก็พอบ้าง เกรงใจก็ ถึงวาระก็ควรพอบ้าง เพราะที่อื่นเขาก็ปลดไปเยอะแล้ว เราก็กะ ปีใหม่จะเปิดชุมชน หมู่บ้าน แล้วก็จะจัดตลาดอาริยะ
เราอยากจัดนะ อยากจัด เพราะตอนนี้ ดูเหมือนเงินคงคลังเราจะมีเพิ่มขึ้นอยู่ ถึงเวลานั้นก็ต้องขอมาทำตลาดอาริยะ แต่ก่อนนี้ทำ ครั้งหนึ่งครั้งหนึ่ง 4 ล้าน 5 ล้าน แต่ก่อนเงินมันก็แพงนะ เดี๋ยวนี้เงินมันลดลง เงินมันค่าตกลงไปเยอะ ก็น่ะ หลายๆล้านได้ก็ดี จัดตลาดอาริยะกันให้สนุกครื้นเครง โอ้โห! พรึ่บ เลยนะ คนมาตลาดอาริยะเต็มเลย ขายต่ำกว่าทุนกับแจกฟรี
ต่ำกว่าทุนได้มากที่สุดเท่าไหร่ เราจะต้องแข่งกันขาย ไม่ว่าเจ้าไหน มาออกร้าน ต้องขายให้ต่ำกว่าทุน ให้มากที่สุด แข่งกันให้หมดเนื้อหมดตัว แจกได้แจก เพราะฉะนั้นคนก็มากันจริงๆ เพราะของของเรานี้ของดี ของจำเป็น ของสำคัญ ไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย ไม่ใช่ของมอมเมาอะไรเลย มันก็เป็นของใช้ของกิน ของที่เป็นสาระของชีวิต ชาวบ้านสนุก แต่พวก ไฮโซเขาไม่สนุกเท่าไหร่ ของมันไม่เข้ากับเขาก็ไม่เป็นไร เราก็ไม่เอา เราก็ไม่มีปัญหาอะไร
เราก็มีคนพื้นฐานอย่างพวกเราเยอะ เยอะกว่าพวกไฮโซด้วยไม่มีปัญหาอะไร แต่ไฮโซเขาก็มีมาบ้างมาแทรกแซง ดีไม่ดีมีพวกมาแอบเข้าคิว มาหลายคนมาเข้าแถวซื้อโกยๆไป เราก็มีจำกัดว่าคนหนึ่งซื้อได้กี่ชิ้น เขาก็มีวิธีเวียนเทียนมา โอ้โห.. มันตะกละไม่จบ แต่สนุก สนุกแล้วก็สนุก
การได้แจกได้ทำเพื่อผู้อื่นได้ให้คนอื่นเขานี่ มันเป็นเรื่องวิเศษ เพราะฉะนั้นคนที่มีจิตจริง มีจิตใจจริงๆเลยว่า การใช้ให้ผู้อื่นเป็นสุดยอดสุข การเอาของผู้อื่นมามันกิลตี้ มันไม่สบายใจ ไปเอาของคนอื่น ไปโลภของคนอื่นมา มันเป็นสัจจะของคนนะ คนที่มีภาวะจริงอย่างนี้คือคนเจริญ คนที่ได้เปรียบเขาเอาๆ แล้วดีอกดีใจยังเป็นพวกไม่เจริญ ยังเป็นพวกมิลักขะ ยังไม่ใข่อาริยกะ ก็จริง
นี่ก็เข้าแถว บาทเดียวบาทเดียว จักรยานคันนึงบาทเดียว รำกันมาแล้ว เป๊ง บาทนึงมา สนุก มันสนุกจริงๆว่าไป ถึงเวลาวาระ ปี 66 เราจะได้จัดไหม มันจะลืมแล้วนะ โอ้โห.. เรา นานหลายปีแล้ว ไม่ได้จัดจนลืมแล้วนะ
อาตมาก็ว่ายังไม่ได้ข่าวได้คราวที่ไหนเขาทำแบบเรา ปีนี้น่าจะมีสื่อสารมวลชนมา ถ้าเผื่อเราจัด น่าจะมีสื่อสารมวลชนมาทำข่าว เพราะว่ามันไม่เหมือนยุคก่อน ยุคก่อน พวกเราเป็น Untouchable ห้ามแตะต้อง คุณจะอยู่เหมือนคุณไม่มีอยู่ในสังคม คุณจะทำอะไรก็เหมือน จัณฑาล ห้ามแตะต้อง เป็นคนน่ารังเกียจ คล้ายๆอย่างนั้นอโศก แต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปบ้างแล้ว มันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างเก่า ชาวอโศกไม่น่าจะเป็นจัณฑาลแล้ว อย่างน้อย ก็เป็นซักประมาณ แพศย์ หรือเป็นศูทรก็ได้ ไม่ถึงระดับกษัตริย์หรือระดับ พราหมณ์ คงไม่ใช่ จัณฑาลเหมือนเก่า ใช้ภาษาทางโลกมาเปรียบเทียบ เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยงหรอกคนเรายึดถือกัน
แต่ของเราไม่ได้เป็นอย่างที่ว่าหรอกไม่ได้เป็นพราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ศูทร อย่างที่ว่าหรอก เราเป็นพราหมณ์เป็นนักบวช เราไม่ได้ไปติดยึดอะไรพวกนี้หรอก แต่เราเป็นความจริง เราเป็นวรรณะ 9 เราไม่ได้เป็นวรรณะ 4 ตามที่อินเดียเขายึดถือกันจัด แล้วก็มีวรรณะที่ 5 คือจัณฑาล เราไม่ได้เป็น เราไม่ได้ใช้วรรณะนั้นแบบนั้น วรรณะของเราเป็นวรรณะ 9
หรือ วรรณะที่เป็น สุพรรณะ ไม่ใช่ทุพรรณะ ที่ ต้องเข้าใจอย่างดี ในระดับอภิภู ระดับโพธิสัตว์ระดับ 8 อาตมาก็พยายามเริ่มอธิบายระดับ 8 ขึ้นไปบ้างค่อยๆสาธยายกันไป
_*Utthagone Prathiipthanit (อัฑฒ์ฐากร ประทีปฐานิศร์)* : พ่อครูแจกแจงได้ชัดมากๆๆเลยครับ กราบพ่อครูด้วยสุดเศียรสุดเกล้าครับ หลายเรื่องที่คนมองไม่เห็นเลยครับ ถูกอวิชชาครอบจนมองไม่เห็นความจริงๆ ทั้งๆ ที่ เป็นความจริงยู่ตรงหน้า กราบ กราบ กราบ
_*อัมพร กุลศักดิ์ศิริ* : คนไทยขายทุเรียนให้คนจีนลูกละ1พันบาท เราขายให้เขาแพงไปใหม? ตอนนี้คนจีนหันไปปลูกทุเรียนเองแล้ว ชาวสวนทุเรียนจะแย่ใหม?ครับ
พ่อครูว่า… ถ้าเป็นชาวอโศกแน่นอน แพง ถ้าเป็นคนอื่นข้างนอก จะบังคับเขาไม่ได้เพราะเป็นสิทธิของเขา เขาก็ขายแพงเราก็อย่าไปซื้อ ถ้าคนเห็นว่าลูกละ 1,000 ไม่เท่าไหร่หรอก สวนทุเรียนจะแย่หรือไม่แย่ก็ไม่รู้สิ เราก็พัฒนาทุเรียนของเรา อาตมาขอส่งเสริมปลูกขึ้นก็ปลูก ปีนี้อาตมาก็กินทุเรียนไปไม่น้อยเหมือนกัน พิสูจน์แล้วว่าทุเรียนไม่ได้เพิ่มน้ำหนัก นึกว่าจะเพิ่มน้ำหนักแต่ไม่เลย ทั้งที่กินจังเลย ปีนี้ก็กินทุเรียนไม่ใช่น้อย ไม่เพิ่มน้ำหนัก
_*สื่อฟ้าศิลป์ ภูวนาถ* : สัจธ.พ่อครูว่า โลกเลวร้ายเพราะคนสร้างอาวุธมาฆ่าแกงกัน ทำให้พลโลกได้รับรู้ว่า เหตุแห่งทุกสงครามโลก เกิดจากคนสร้างอาวุธฯ สาธุ
พ่อครูว่า…แน่นอนเพราะคนสร้างอาวุธก็เพื่อให้เกิดสงคราม อย่างน้อยซื้อกระสุนก็ต้องเอาไปยิงก็ต้องซื้อกระสุนอีก ระเบิดก็ต้องซื้อไประเบิดทิ้งแล้วต้องซื้อระเบิดใหม่ อาวุธสารพัดอย่างของเขาที่จะเอามา ตูมตาม.. ยิงกันฆ่ากันเขาก็ต้องเอามาทำลาย เสร็จแล้วก็เอามาทำร้ายคน ทำลายมนุษยชาติ ซึ่งมันบาปไม่รู้จะบาปอย่างไร มันก็ช่วยไม่ได้เพราะคน อเวไนยสัตว์ สัตว์ที่ยังสอนไม่ได้เป็นพวกมิลักขะ เป็นอย่างนั้นจริงๆเป็นคนเถื่อนคนป่า ยังพาเจริญไม่ได้
มันซับซ้อน มนุษย์แต่ละประเทศแต่ละรัฐ เขาก็ว่าเขาเจริญ แต่ที่จริงเขาเสื่อมหนัก ลักษณะพวกนี้มันซับซ้อนซึ่งคนจะมองไม่ออก เราก็พูดความจริงไปๆ ซึ่งก็ต้องระมัดระวังประมาณเหมือนกัน จะไปพูดสุ่มสี่สุ่มห้ามากเกินไปแรงเกินไปก็ไม่ดี แต่ก็พูดไม่น้อยเหมือนกัน เพื่อที่จะให้เขารู้สึกสะกิดใจของเขาบ้าง เผื่อเขาจะได้คิดบ้าง ว่ามันจริงหรือเปล่า ได้คิดขึ้นมาก็จะได้ศึกษาค้นคว้า แล้วอาริยกะ หรือว่าคนเจริญมันคืออย่างไร ทำไมว่าเขาเป็นพวกมิลักขะ
ศัพท์สองคำ มิลักขะ คือ คนเถื่อน คนป่า คนไม่เจริญจริงๆนี่คือสัจจะ ไม่ได้ไปว่าไม่ได้ไปลบหลู่ใคร ส่วนอาริยกะ คือคนประเสริฐ คนเจริญ คนฉลาดที่มีเมตตาธรรม โลกุตระธรรมแล้ว ก็ศึกษาไปแล้วก็พัฒนาตนเองไป อาตมาก็เรียนรู้มาทางความเป็นคนเหมือนพระพุทธเจ้า มาถึงระดับนี้ก็พูดความจริงบอกความจริงว่า อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ7 นี่ ก็จะไต่ขึ้นถึงระดับ 8 ก็เอาระดับ 8 มาพูดให้ฟังบ้าง แล้วพวกคุณเข้ามาศึกษาตามได้บรรลุตาม มี โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ จริงๆไม่ได้พูดเล่น ไม่ได้พูดโกหก ไม่ได้ไปหลอกลวงอะไรใคร แต่พูดความจริงก็พิสูจน์กันได้
สองยุคกาล ที่พระพุทธเจ้าไม่มาเกิดก็คือ
_*สว่างแสง ขวัญดาว* : น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
ตามที่พ่อครูกล่าวว่าใน”ยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้า” ก็จะมีสัตบุรุษหรือโพธิสัตว์ในระดับ 7 ระดับ 8 มาเป็นพระศาสดาของแต่ละยุคกาล โดยถือว่าเป็นผู้มีปัญญาที่สูงสุดในยุคกาลนั้นนั้น ลูกขออนุญาตกราบเรียนถามว่าคำว่า”ยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้า” นั้น หมายถึงยุคใดบ้างคะ กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
พ่อครูว่า… ฟังดีๆ ยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้าคือยุคที่ คนเสื่อม เป็นคนที่ส่วนใหญ่ของโลกมนุษย์โลก ยุคที่คนในโลกมนุษย์โลกนั้นเสื่อมภูมิปัญญาที่จะรับ พระธรรม จริยธรรมโลกุตรธรรมได้น้อย ได้น้อยไม่พอมือพระพุทธเจ้า ที่จริงท่านให้ได้ แต่คนมันไม่มีภูมิธรรมที่จะสามารถรับความรู้ของพระพุทธเจ้า มันแกล้งไม่ได้ จะรับมันแกล้งไม่ได้เพราะว่าภูมิมันไม่ถึงจริงๆ มันเสื่อม
จะบอกว่าสมองไม่เจริญพอ จะบอกว่าจิตวิญญาณไม่เจริญพอ ก็ใช่ คนยุคนี้
1.ผู้ที่เจริญผู้ที่รับโลกุตรธรรมได้จึงเป็นผู้เจริญจริงๆในยุคนี้ คนที่รับรองคุณธรรมได้แล้วมาเป็นเรื่องจริง เป็นอรหันต์เป็นโพธิสัตว์ระดับ 5 ระดับ 6 ขึ้นมาอีก มันจะเจริญจริงๆในโลกนี้ แล้วก็มีผู้เจริญสูงสุดในยุคที่มีพระพุทธเจ้า แล้วพระพุทธเจ้ามีเกิดในยุคนั้น
2.ยุคที่คนดี สงบดีหมดแล้ว ไม่จำเป็นที่พระพุทธเจ้าจะเกิดอุบัติขึ้นมาสอนทำไม เป็นยุคที่คนสบายดีไม่เดือดร้อน จะเป็นมนุษย์ที่มีจำนวนไม่มากก็ตาม จะมีจำนวนมากก็ตามแต่สงบดีมากเลย มีคุณธรรมเพียงพอ พระพุทธเจ้าก็ไม่ต้องไปปรากฏตัว ให้แต่แค่พระโพธิสัตว์มาเกิดในยุคที่คนดีเท่านั้นก็พอ พระโพธิสัตว์ต้องเรียนต้องตามเรียนรู้ทั้งในยุคที่คนเสื่อมและในยุคที่คนดี พระโพธิสัตว์ต้องเรียนรู้ทุกยุค ต้องเรียนทุกยุค ตามฐานะของแต่ละโพธิสัตว์ต้องมาเรียน แต่ละยุคกาล อย่างนี้เป็นต้น
กรรมมีเจตนาเป็นที่ตั้งของวิบากที่จะรับ
_*แก้วตะวัน พวงบุบผา* : กราบนมัสการพ่อครู ท่านสมณะ ท่านสิกขมาตุด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ..เรื่องการรักษาศีลให้เป็นปกติธรรมดาในชีวิตประจำวัน อันที่จริงก็ทำได้ไม่ยากนัก แต่เนื่องจากตอนนี้ดิฉันทำกสิกรรมไร้สารพิษ อดไม่ได้ที่จะฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่อยู่ในดิน เพราะเวลาถากหญ้าขุดดินก็จะพลาดไปโดนสัตว์พวกกิ้งกือ ไส้เดือนตายแม้จะระวังแล้วก็ตาม วิบากน่าจะเยอะอยู่ใช่ไหมคะ
พ่อครูว่า… วิบากไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ไม่ใช่ว่าอาตมาพูดเองแต่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ากรรมที่ไม่มีเจตนาไม่เป็นกรรมไม่มีวิบาก จริงๆ มันเป็นกรรมเป็นวิบากเหมือนกัน แต่เป็นกรรมเป็นวิบากข้างเดียว คุณไปเหยียบมดตายคุณไม่เจตนาแต่มดมันอาฆาตคุณไหม มันเดรัจฉานมันก็อาฆาต มันตบมือข้างเดียว แม่จะตกมาหาเราเราก็ยอมเขา เพราะเราไม่รู้ เราไม่มีเจตนา
แต่จริงๆแล้วมันจะห่างกัน สัตว์ที่ยังเป็นสัตว์เซลล์เดียวไม่เท่าไหร่ ไม่เป็นสัตว์ชั้นสูงกว่าวิบากมันจะมาสัมผัสกันมันนานมาก จนกระทั่งผู้ที่สูงแล้วบรรลุอรหันต์แล้วก็จะหายไปแล้วสัตว์เหล่านี้ก็จะค่อยๆเจริญเข้ามาหาเพราะฉะนั้นมันจะไม่มาทันกัน
เพราะฉะนั้นพวกสัตว์เล็กสัตว์น้อยจริงๆ มันจำเป็น คนที่ทำกสิกรรม สัตว์เล็กสัตว์น้อยมันอยู่ในดิน สัตว์ที่ยังมีเซลล์จำนวนไม่มาก และเป็นสัตว์ที่ยังไม่เจริญเท่าไหร่ มันยังไล่ไม่ทันอย่างที่อาตมาอธิบายให้ฟัง เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องไปกังวลมาก ไม่อย่างนั้นมันจะโอ้โฮ.. ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น มันจะทำอะไรไม่ได้สักที แต่เราไม่ประมาท เราไม่มีเจตนาจริงๆระมัดระวัง สุดวิสัยก็แล้วไป จบ ไม่มีเจตนาก็ไม่เป็นกรรม อย่างที่พระพุทธเจ้าสอนก็แล้วกัน
อยู่ร่วมกันและแยกันแบบนานาสังวาส
_*Natchawan Sriphatsongsaeng (ณัฐชาวรรณ ศรีพัฒน์ส่องแสง)* : กราบนมัสการท่านสมณะ สิกขมาตุทุกรูป ติดตามฟังเพิ่มเติมให้เข้าใจมากขึ้นจากที่ยอมรับว่าเคยปรามาสอยู่คะ ขอโอกาสขอขมากรรม ขอสำนึกผิดกับท่าน ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
พ่อครูว่า… ปรามาสคำนี้ ก็เคยดูถูกดูแคลนนั้นเอง
ซึ่ง ก็ไม่เป็นไรมิได้ เป็นธรรมดาธรรมชาติ มีผู้ที่ปรามาสดูถูกดูแคลนเรามีอยู่ ข่มเราก็มีอยู่ เป็นเรื่องที่เขาไม่รู้จริงๆ เขาก็ทำด้วยความไม่รู้ เราไม่ได้ไปถือโทษ ไม่ได้ไปถือสาอะไรหรอก เพราะว่าเข้าใจอยู่ อาตมาเข้าใจ
ผู้ที่มาทำร้ายอาตมาพูดตรงๆ เจตนาจะเอาอาตมาให้ตาย อาตมาก็ไม่เคยจะไปถือสาไม่ได้ถือโกรธไม่ได้อาฆาตอะไรเลย ก็เข้าใจเขาเห็นใจ เขาก็ปรารถนาดี ดีไม่ดีเขามีความรู้ความสามารถอยู่ในวงการ สามารถจัดการอาตมาได้เขาก็ทำมาแล้วอย่างที่ผ่านมา ผ่านประวัติศาสตร์มา ที่อาตมาเจอมาในชาตินี้ ก็ไม่ได้ถือสา ไม่ได้อาฆาตมาดร้าย ไม่ได้ติดใจ
เพราะเข้าใจความจริง ว่าเขาปรารถนาดีนะ เขาถือว่าที่เขาเข้าใจนี้เป็นของถูก เราจะทำของถูกให้เขาเสียหาย เขายังเข้าใจว่า เขาถือสิ่งที่เขาถืออยู่นี่มันถูก อาตมาทำนี่มันผิด เขาก็จริงใจของเขา ไปถือสาเขาได้อย่างไร ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาก็จัดการเพราะเป็นของหวงของเขา ศาสนาพุทธต้องรักษา ใครจะมาทำร้ายก็ต้องสู้กันหน่อยด้วยปากหอก ไม่ไปทำร้ายมากกว่านั้นหรอก มีแต่พูดกันว่ากัน ปฏิกโกสนา พูดกันว่ากันอย่างแรงๆได้ด้วยปากหอก มุขสตีเท่านั้น
นอกนั้นไม่เอา จะไปฟ้องร้องเป็นอธิกรณ์เป็นคดีกันไม่ได้ พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าเป็นนานาสังวาสทำไม่ได้ แต่ถ้าเป็นนิกาย นิกายคือ ไม่รู้เรื่อง กาย เขาก็ทำผิดธรรมวินัยพระพุทธเจ้าไปหมด ถ้าเขารู้เรื่อง กาย หรือเป็นนิกาย ที่มีปัญญา นานาสังวาส แม้เขาจะอยู่ในนิกายอยู่ เช่น ธรรมยุติกนิกาย มหานิกาย แล้วถ้าเขามีความรู้ในนานาสังวาส เขาก็จะไม่ละเมิดหลักเกณฑ์ธรรมวินัยของนานาสังวาส เขาก็จะรู้ว่า
อาตมานี่ พูดแล้วพูดอีกว่าอาตมาไม่เป็นนิกายกับใครนะ ใครจะเป็นนิกายกับอาตมาก็เป็นเรื่องของเขา อาตมาเป็นนานาสังวาสกับทุกคน ใครจะมาร่วมก็มา มีหลักเกณฑ์วินัยหมดเลย จะเข้ามาสมานสังวาสก็ตาม วินัยเหมือนกัน ถ้าคนยังเป็นเดียรถีย์ ก็ต้องมาตามกฎตามเกณฑ์
ผู้ใดที่อยู่ในเกณฑ์เข้ามา มาสมัครก็เป็นสมานสังวาสได้เลย ก็เข้ามาได้ มีขั้นมีตอนอย่างที่ว่า สงฆ์ทางเถระสมาคมมาที่นี่ ก็ต้องมีตามขั้นตอนก็ต้องเช็คกัน เช่น คุณบวชเท่าไหร่ ได้ประพฤติมาอย่างไร แม้แต่ที่สุด พ้น มีเงินมีทอง พ้น นิสสัคคิยปาจิตตีย์ คุณยังมาร่วมไม่ได้ ทำสังฆกรรมร่วมกับเราไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น เราก็ทำทุกอย่างตามพระธรรมวินัยหมด ไม่ได้ไปแกล้งกัน เพราะมันเป็นสัจธรรม ถ้าทำผิดมันก็ผิดมันไม่ดี ทำให้ศาสนาพุทธเสื่อม เราก็ทำตามจริง
แต่ทางเถระสมาคมนั้น เงินทองของสะสมกัน ร่ำรวยกัน เป็นพระมหาศาลเหมือนกับยุคเสื่อมของพราหมณ์มหาศาลนั่นแหละ เหมือนกันเลย เอาละพอ ไปว่าเขามาก
นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ
สมณะฟ้าไท…
_*ให้ไม่หวง* : กราบขอเรียนถามว่า ….มีญาติธรรมไปขอบริจาคเงินจากญาติธรรมอีกคนหนึ่งเพื่อซื้อเครื่องมือการเษตรโดยอ้างว่าจะเอาไว้ทำงานให้กับวัด..แต่ก็ได้เอาเครื่องมือนี้กลับไปใช้งานส่วนตัวที่บ้านด้วย และไม่ยอมบอกกับสาธารณะว่าใครเป็นคนบริจาคเงินให้ อย่างนี้ เข้าข่ายสั่งสมบาปหรือเปล่าเจ้าคะ
พ่อครูว่า… แบบนี้มันไม่เปิดเผยมันลับๆล่อๆ มันอิงแอบส่วนตัว
ถามว่าจะสั่งสมบาปไหมมันก็มี มันไม่บริสุทธิมันก็บาป ตามจริงมันมากหรือน้อยก็ตาม ก็พอรู้ในรายละเอียดตามที่บอกมา ก็มีมันไม่สะอาดบริสุทธิ์ทีเดียว ถ้าสะอาดบริสุทธิ์ ก็ไม่มีตัวเอง นี่คุณก็บอกว่าเอาไปใช้งานส่วนตัวที่บ้าน คุณบอกมา
จริงๆแล้วมันก็ซ้อน ถ้าสมมุติว่าเขาเอาไปใช้เองที่บ้าน แต่เขาก็ทำเพราะว่าเขายังมีบ้านอยู่ เขาก็ทำเสร็จแล้วเขาก็เอาเข้าส่วนกลางหมด เขาก็ไม่ได้เสียหาย ไม่ได้ผิดอะไร แต่เขาก็ไม่น่าจะปิดบังคนอื่น ก็มันมีรายละเอียดเล็กๆน้อยพวกนี้เยอะ ดีอาตมาก็ตอบไปตามข้อมูลเท่านี้ก่อน
ศาสนาพุทธสอนให้พึ่งตน แต่ก็ให้อยู่กับหมู่มิตรดีเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
_คนบ้านราชฯ : เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาพ่อครูตอบผู้สื่อข่าวไทยรัฐทีวีว่า พึ่งตัวเองคือให้ผู้อื่นพึ่งเราได้ นับว่าเป็น วลี ที่เป็นปริศนาซ่อนอยู่อย่างลึกซึ้งมาก หมายถึง กัมมปฏิสรโณ นั่นเองใช่ไหมคะ
พระอรหันต์เจ้าเปรียบเสมือนคนที่ว่ายน้ำเก่งแล้วย่อมสามารถสอนคนอื่นให้ว่ายน้ำเป็นได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยคนที่จะจมน้ำตายให้รอดชีวิตได้ด้วย
พ่อครู มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อช่วยคนที่มีอวิชชาแน่นหนาอยู่ คนที่เห็นคุณค่าของการทุ่มเทเสียสละนี้ จึงรัก เคารพ และบูชาพ่อครูอย่างสุดเศียรสุดเกล้า
พ่อครู มีนโยบายอะไรก็พยายามสนองนโยบายนั้น มีอะไรดีๆก็อยากนำไปถวาย
พ่อครูว่า… จริงๆสำนวนนี้น่าจะบอกว่า พึ่งตนเองจนให้ผู้อื่นพึ่งได้ พึ่งตนเองจนเรามีมากมันเกิน เราก็ใช้ ก็กินในแรงงานของเราในส่วนที่เราลงทุนลงแรงทำ แล้วมันก็มีผลผลิตจากแรงงานของเรา เป็นส่วนเหลือส่วนเกินที่เป็นของของเราโดยสุจริต แล้วเราก็ให้คนอื่นช่วย ช่วยคนอื่น แบ่งแจกคนอื่นได้ อย่างนี้เรียกว่า กัมมะ เป็นการกระทำงาน ปฏิสรโณ หมายความว่าพึ่งซึ่งกันและกัน ปฏิ คือทวนไปมา
สรโณ แปลว่าที่พึ่ง หรือแปลให้ลึกว่า มันมีภาวะรบกันอยู่ สรณะ แม้เราจะรบกับคนอื่นอยู่ ถ้าเราเป็นที่พึ่งของคนอื่น เราก็รบอย่างที่เป็นกาชาด อย่างที่เป็น กองพลาธิการ ช่วยเหลือรักษาเขา ถ้าบาดเจ็บมา อาหารของใช้ไม่พอ เราก็หยิบยื่นให้ ไม่ได้ไปรบราฆ่าฟันตีรันฟังแทงอะไรกับเขา เป็นคนวางตัวเป็นกลาง ปฏิสรโณ เป็นคนเหมือนรบกันขัดแย้งกัน แต่เราจะทำเพื่อคนอื่นจริงๆ เขาจะเอาชนะคะคานเราด้วย แต่เราก็มีน้ำใจช่วยเขานี่แหละ คุณเอาชนะคะคาน คุณชนะได้ก็เอาไป เราไม่ว่า เราก็เสียสละ เรายอมเสียเปรียบให้ เรายอมแพ้ เราไม่ต้องเอาชนะคะคานใครหรอก นี่เป็นสุดยอด ในคนที่ไม่มีตัวตน คนที่ไม่เห็นแก่ตัวไม่มีตัวตนแล้ว เสียสละจนหมดตัวตน คุณจะฆ่าจะแกงเราก็ตาย เราก็รู้เรื่องกรรมวิบากฆ่าเราก็หมด
พระอรหันต์ถูกคนฆ่าตาย ก็ไม่ได้ถืออาฆาตพยาบาทอะไร เพราะฉะนั้นเกิดอีกก็จะไม่มีวิบากที่จะไปอาฆาตพยาบาทคนอื่น หรือ ท่านเป็นอรหันต์แล้วจะตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ฆ่าท่านตาย ท่านก็ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ไปเลย ไม่เห็นจะมีปัญหา
ผู้ที่จะพึ่งตนเองสูงสุดได้คือ พระอรหันต์เจ้า เอาเกณฑ์นั้น พระอรหันต์ถือว่าพึ่งพาตนเองได้ถึงที่สุด ไม่ใช่ที่สุดที่จะให้คนอื่นพึ่งได้นะ แต่พึ่งพาตนเองรอดแล้ว สำหรับตนเองนี่ ไม่ต้องไปเบียดเบียนใคร เป็นคนที่ทำกิน
-
ไม่เป็นหนี้
-
พึ่งตนเองรอด นี่แหละคือ อรหันต์
-
เพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้เหลือทำให้เกิน ให้เหลือ ให้มาก ให้เกิน ที่เรากินเราใช้เอง
-
แจก เผื่อแผ่คนอื่น