650504 พิสูจน์ธรรมะพ่อครู ต้องดูไปไม่ต้องไปดูไบ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/10KQJWD6fDMrOMUInwaxv7BvzZNCWCYip_FOGbF4t5U8/edit?usp=sharing ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1mBhEgp0GDP-1UdPzliu0ffp_Ndu3Jh8j/view?usp=sharing และดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/cObkhojUJK/ และ https://youtu.be/TvsyWd9qBM4 สมณะฟ้าไท… วันนี้เป็นวันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก พระพุทธเจ้าบอกว่าศาสนาพุทธจะเสื่อมหรือเจริญ ขึ้นอยู่กับภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ตอนนี้เราได้ฟังพฤติกรรมแห่งความเสื่อมของพระอยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องผิดศีลผิดวินัย แต่ข่าวเราชาวอโศก มีขายปุ๋ยราคาถูก ทำกสิกรรมไร้สารพิษ มีผลผลิตมากมายเกิดขึ้น ปลูกข้าว ทำไปเพื่อช่วยเหลือมวลมนุษยชาติ ประชาชน อโศกขายของถูกซื้อของแพง สำหรับโลกุตระ ถ้าเป็นโลกียะขายของแพงซื้อของถูก โลกุตระคือยอมเสียเปรียบยอมเสียสละยอมแพ้ เป็นภราดรภาพ ไม่อาฆาตแค้นกับใคร เป็นพี่เป็นน้องกับคนทุกคนในโลกนี้ มาเป็นคนจนที่เจริญ พ่อครูว่า…โอภาปราศรัยกับ SMS ก่อน ตอบปัญหาคุณเดชา ประเด็น พ่อครูเป็นอรหันต์ อรหันต์ตายแล้วสูญหรือไม่ _เดชา อำพร · อาตมาก็อยากถามกลับว่า แล้วสมณะโพธิรักษ์สอนบริสุทธิ์หรือไม่ ที่พูดอุตตริมนุสสธรรมว่า(ตนเอง)เป็นพระอริยะ และบอกว่าเป็นพระสารีบุตรกลับชาติมาเกิด ซึ่งพระสารีบุตร ท่านเป็นพระอรหันต์ ไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ส…..ลักษ์ ประกาศตนเป็น กัลยาณมิตร กับ สมณะโพธิรักษ์ พร้อมทั้ง สนับสนุน ให้จัดตั้งพรรค ชื่อพรรคกม.ใหม่ โดยที่สมณะโพธิรักษ์อาจว่าได้รับบัญชาจากฟ้า คือ เง็กเซียนฮ่องเต้ ให้มาทำงานการเมืองที่เป็น อริยะ หลังจากตั้ง พรรคพลังธรรม มาแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ ยังคุยว่าต่อไป สมณะโพธิรักษ์ จะมาแทน สงฆ์ส่วนหลัก ประเด็นนี้ทำให้ ส…..ลักษ์ หมดความชอบธรรมที่จะมาพูดเรื่อง การปฎิรูปพระพุทธศาสนา ไปเลย.. พ่อครูว่า…อ่านจบแล้วทำให้เห็นภูมิธรรมของคุณเดชา อัมพร ก็ยังสับสน สลับไปสลับมา ไม่เป็นแถวเป็นแนว ไม่สอดคล้อง ไม่ร้อยเรียงกันเลย เอาประเด็นไหนก็ว่ากันตามความเห็นมีขัดแย้งกันในตัวเองบ้าง ทำให้ดูสอดคล้องกับตัวเองบ้าง ประเด็นแรกที่ถามกลับว่าสมณะโพธิรักษ์สอนบริสุทธิ์หรือไม่ที่พูดอุตตริมนุสสธรรมว่า(ตนเอง)เป็นพระอริยะ ตอบ บริสุทธิ์จริงๆ อาตมาเป็นคนที่สอนอย่างบริสุทธิ์จริงๆ พูดอุตริมนุสธรรมจริงๆ และเป็นพระอริยะจริงๆ แล้วบอกว่าเป็นพระสารีบุตรกลับชาติมาเกิด ความเห็นของคุณเดชา อัมพร บอกว่าพระอรหันต์ตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ถ้าพระอรหันต์ตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ก็เป็นอุจเฉททิฏฐิของสายเถรวาท อุจเฉททิฏฐิหมายความว่าเห็นว่าขาดสูญ ว่าได้อรหันต์แล้ว แต่ละองค์จบอรหันต์แล้วตายจากความเป็นชาติที่เป็นอรหันต์แล้ว ต้องดับสูญทุกองค์ ต่ออะไรอีกไม่ได้เลย เป็นอุจเฉททิฏฐิที่ร้ายแรงมาก เป็นมิจฉาทิฐิที่ร้ายแรงมาก ที่เป็นการขุดศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้า เป็นการตัดศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าให้สั้นลง ให้เสื่อมเร็วให้หมดเร็ว ความเห็นอย่างนี้จะทำให้ศาสนาพุทธเป็นอย่างนั้น เพราะว่าพระอรหันต์สามารถยังไม่จบ และยังมีพระอรหันต์ต่อเป็นโพธิสัตว์ภูมิได้ด้วย นับเป็นอริยะ 4 ขั้นก็เป็นอรหันต์ โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ อรหันต์ก็นับตรงโพธิสัตว์ระดับ 4 จบจากระดับที่ 4 เป็น 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่ที่ว่าโพธิสัตว์องค์นั้นจะรีไทร์ตัวเองก่อนถึงเป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ ความรู้ทางโพธิสัตว์สำหรับทางเถรวาทสายพระป่า เหมือนอย่างที่คุณเดชา อัมพรเป็นอยู่ จะเข้าใจได้ยาก ถือเป็นขั้นอจินไตยเลย จะเข้าใจไม่ได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นพูดไว้แค่นี้ก็แล้วกัน คุณเดชาอัมพร ก็พยายามศึกษาต่อไปเถอะ คุณก็ดูติดตามพวกเรามานานและตอบรับด้วยดี ก็ดีมากเลยสาธุ ขอบคุณอย่างยิ่ง ที่โอภาปราศรัยกันมา ถูกว่ากลับไปมั่ง คุณก็ยังใจดีใจแข็งตอบมาแย้งมา ดีมากเลย การทำอย่างนี้ทำให้เกิดวิจัยวิจารณ์หรือว่าทำให้เกิด วิพากษ์วิภาษณ์ ทำให้เกิดความเข้าใจแตกฉานเยอะดี ส่วนที่ว่า คุณ ส.ศิวรักษ์ เป็นกัลยาณมิตรและสนับสนุนให้อาตมาตั้งพรรคการเมือง พรรคการเมืองอาตมาไม่ได้ตั้งเลย พรรคพลังธรรมคุณจำลองเป็นคนตั้ง เมื่อตั้งเสร็จมีโลโก้เสร็จก็ค่อยมาบอกอาตมา ตอนนั้นเป็นพวกรวมพลัง ตั้งแต่เป็นผู้ว่า กทม. สมัยแรก แล้วใช้กลุ่มชื่อว่า รวมพลัง หาเสียงใช้ฝาเข่ง ใช้กระดาษกล่องเขียนติดเป็นป้ายอะไรต่ออะไรบ้างแบบกระจอกๆ เสร็จแล้วก็ได้รับเลือกเป็นผู้ว่า กทม. พอได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่า กทม.ก็ดำเนินเป็นผู้ว่า กทม. 1 สมัย เสร็จแล้วเลือกตั้งอีก ก็ได้อีก เป็นผู้ว่าอีกเป็นสมัยที่ 2 อาตมาก็เคยพูดเลยว่า เป็นผู้ว่านี่แหละ ดีไม่ดีครบ 3 สมัยเลย แล้วจะรู้เอง จะเห็นผลเองว่า ซึ่งอาตมาก็บอกลึกๆว่า อาตมาใช้ภาษากับคุณจำลองว่า Bangkok is Thailand Thailand is Bangkok บอกว่าอย่างนี้แหละคือโครงสร้างของเมืองไทย การเมืองของกรุงเทพฯ กฎหมายก็เป็นกฎหมายพิเศษ เป็นจังหวัดที่ได้รับสิทธิพิเศษ บริหารอย่างไม่ได้อยู่ตามกฎหมายทั่วไป ซึ่งคุณจำลองทำไปก็ไม่รู้คิดยังไง อยากไปทำระดับชาติเลย ก็ไปตั้งพรรคการเมือง เป็นพรรคการเมืองชื่อ พลังธรรม จดทะเบียน มีโลโก้เรียบร้อยเป็นรูปพนมมือ แล้วมาบอกอาตมาว่า ขออนุญาตตั้งพรรค มีโลโก้เรียบร้อยแล้ว อาตมาก็ หมดคำเว่า อาตมาไม่ได้คุยไว้ก่อน ไม่ได้ส่งเสริม บอกว่าทำงานไปเถอะ แต่พูดอย่างที่ว่า Bangkok is Thailand Thailand is Bangkok อาตมาก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจ แต่ที่อาตมาเข้าใจคือแล้วจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยเอง นั่นคือเจตคติของอาตมา ที่รู้ที่เข้าใจ แต่คุณจำลองก็ไปทำซะอย่างนั้น ไปเป็นผู้ว่า 1 สมัย แล้วต่อเป็นผู้ว่าสมัยที่ 2 ไม่เต็มสมัย โดดเข้าสู่การเมืองระดับชาติ ตั้งพรรคพลังธรรมขึ้นมา เสร็จแล้วเลือกตั้งก็ไปได้พอสมควร ก็มีผู้สนับสนุนอะไรต่ออะไรไปได้พอสมควร สรุปไม่ขยายความต่อ ก็ไปได้แค่นั้น สุดท้ายคุณจำลองสูงสุดก็ได้เป็นแค่รองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ขึ้นถึงเป็นนายกรัฐมนตรี นั่นก็เป็นเรื่องเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้ว ที่บอกว่าเง็กเซียนฮ่องเต้ให้มาทำการเมือง คุณเดชา อัมพร ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด อาตมาไม่ใช่เทวนิยม ไม่ได้มีเง็กเซียนฮ่องเต้ ไม่ได้มีพระเจ้า ไม่มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์อะไรมาสั่งอาตมาหรอก อาตมาเปรียบเปรย แต่ไม่ได้พูดอย่าางที่คุณเดชาเข้าใจหรือหมายเอา เป็นคำเปรียบเปรยซึ่งอาตมาก็จำไม่ได้แล้วตอนนั้น ที่ว่า เง็กเซียนฮ่องเต้ส่งให้มา (พ่อครูไอตัดออกด้วย) สู่แดนธรรม.. ตอนนั้นเหตุการณ์มันเกิดไปแล้วก็เหมือนฟ้าส่งมา ตกกระไดพลอยโจนไปด้วยกัน พ่อครูว่า… ที่ สู่แดนธรรมขยายความก็ถูกต้องแล้ว อันนั้นก็เป็นความเข้าใจที่ยังไม่รอบถ้วนของคุณเดชา อัมพร ก็พยายามต่อไป และที่บอกว่า สมณะโพธิรักษ์จะมาแทนที่สงฆ์ส่วนหลัก ประเด็นนี้คุณเข้าใจอย่างผิดมหันต์เลย อาตมาไม่เคยมีเศษเสี้ยวนิดนึงเลยว่า จะเข้าไปแทนที่สงฆ์ส่วนหลัก จะไปยึดตำแหน่งไปยึดอำนาจสงฆ์ส่วนหลัก ที่บริหารประเทศอยู่นี้ อาตมารู้ดีทุกอย่าง แม้แต่ในฐานะของตัวเอง แม้การยอมรับฐานะของสังคมในประชาชนคนไทย เพราะฉะนั้น อาตมาจะไม่ทำเลยเมื่อเหตุปัจจัยไม่สมบูรณ์ อาตมาจะไม่ไป ไปเป็นก็ขาหักขาเป๋เสียหายตัวเองไปไม่รอด อาตมาจะไม่ทำ เช่น ให้เป็นสังฆราช เป็นต้น ให้ไปบริหารสงฆ์หมู่ใหญ่ของประเทศ เป็นต้นอาตมาจะไม่ทำ เพราะประชาชนคนไทยคิดดูสิ ยังเป็นไสยศาสตร์ เดรัจฉานวิชา แม้แต่คดีเรื่องของสงฆ์ทุกวันนี้ ทิดกาโตะก็ดี ยังออกมาโครมๆ อาตมารู้ดีในสถานะองค์รวมของสังคมมันอยู่ขนาดไหน อาตมาไม่ไปทำหรอก ทำแล้วไปไม่รอด ดีไม่ดีจะตายคาเปล่าๆ เพราะอะไร มันมีเหตุปัจจัยเยอะ 1.อาตมาไม่หยาบพอ ที่จะไปทำกับสิ่งหยาบๆ พวกนั้น ประเด็นนี้สำคัญมาก อาตมาไม่หยาบพอที่จะไปทำเพราะฉะนั้นอาตมาไปทำไม่ได้เลย พวกหยาบกับหยาบเขาต้องทำด้วยกัน ผู้ดีก็ทำอย่างในมวลระดับผู้ดี ผู้ที่กลางๆ ก็ทำระดับกลางๆ ผู้ที่รุนแรงก็ทำอย่างดุดันรุนแรง ก็เป็นไปอย่างเหมาะสมตามแต่ละฐานะ เพราะฉะนั้นอาตมารู้ในขั้นตอนระดับของพวกนี้ดี อาตมาจะไม่ไปละลาบละล้วงในสิ่งที่ไม่สมควรเป็นอันขาด ก็ดี ยินดีต้อนรับคุณเดชา อัมพร คุณก็พยายามส่งมาอย่างนี้ดีแล้วเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความรู้ จะได้อธิบายทุกๆฐานะให้กันฟัง สู่แดนธรรม… ผมมีปัญหาว่า คนที่แสดงทัศนะว่าพระอรหันต์ไม่กลับมาเกิด คุณรู้ไหมว่าถามแค่นี้กำลังแสดงการอวดอุตริมนุสธรรมด้วยเช่นกัน คุณมีญาณรู้เชียวหรือว่า พระอรหันต์ไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ถ้าคุณยืนยันได้ คุณก็อวดอุตริมนุสธรรมที่มีจริง พ่อครูว่า… ได้ เห็นๆว่าอย่างนั้น คือการที่จะรู้ว่า พระอรหันต์ตายแล้วต้องสูญ กลับมาเกิดอีกไม่ได้ มันก็เป็นอุตริมนุสธรรมชนิดหนึ่ง แต่เป็นอุตตริมนุสสธรรมที่มิจฉาทิฏฐิ เพราะจริงๆแล้ว ก็พูดไปแล้วว่า ถ้าพระอรหันต์ทุกองค์ตายแล้วต้องสูญ ฟังดีๆ นะ ประเด็นนี้ เพราะชาติที่เป็นพระอรหันต์ตายไปแล้วต้องสูญเลย ก็ไม่มีผู้ที่มีภูมิธรรมอรหันต์เกิดมาต่อยอด อรหันต์ที่สูงขึ้นไปเป็น อนุโพธิสัตว์ อนิยตโพธิสัตว์ นิยตโพธิสัตว์ ก็ไม่มี แล้วจะไปมีสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างไร คุณก็เท่ากับตัดศาสนาพระพุทธเจ้าทิ้งด้วนไปเลย ศาสนาพุทธก็ด้วนไปอย่างนั้น เป็นการทำลายศาสนาพุทธอย่างย่อยยับเลย บาปมหันต์เลย ซึ่งอย่าไปคิดอย่างนี้นะขออภัย ไปบังคับคุณไม่ได้หรอก คิดใหม่คิดให้ดีๆ ศึกษาดีๆ SMS วันที่ 2-3 พ.ค. 2565 _แดง สารคาม · จะทำยังไงถึงจะเอาชนะใจตัวเอง ที่มันไปหลงชื่นชมยินดีคนที่มีอัธยาศัยดีคะ เช่น โน้มน้าวใจคนเก่ง เอาชนะคนที่มีจิตวิทยาสูงได้คะ หรือว่าต้องเรียนปริยัติศีลห้ามีอะไรบ้าง ปฏิบัติตามหัวข้อของศีลห้านั้น แล้วเราก็จะถึงปฏิเวธคือความพ้นทุกข์ที่ใจมันหลงอยู่นั้นได้คะ พ่อครูว่า…คุณก็มีไหวพริบถูกต้องแล้ว ก็มาปฏิบัติตามหัวข้อของศีล 5 นั่นแหละ แล้วเราก็จะถึงปฏิเวธไปตามลำดับ เพราะฉะนั้นการที่จะไปพูดโน้มน้าวจิตใจคน มีจิตวิทยาดี ต่างๆนานาพวกนี้ มันเป็นเรื่องของขั้นจิตในจิต ซึ่งมันเป็นเรื่องของขั้นจิตในจิต ซึ่งก็ไม่เป็นลำดับเท่าไหร่ คุณไล่เรียงไปตามลำดับ แนะนำกันเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน การเคารพอย่างสูงยิ่งต่อพ่อครูเป็นเช่นไร _Kittima Ekmapaisarn กิตติมา เอกมาไพศาล · กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพสูงยิ่ง พ่อครูมีเมตตากรุณาสูงมากในการให้สัมมาทิฎฐิแก่ผู้ที่ยังหลงผิด แม้ถูกกล่าวหาด้วยถ้อยคำที่ไม่เป็นจริงและไม่สุภาพ คำสอนของพ่อครู ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีจนถึงปัจจุบันก็เป็นจริงเสมอ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเองตามภูมิธรรมของแต่ละคน พ่อครูว่า…อาตมาว่าจะพูดถึงคำว่าเคารพสูงยิ่ง วันนี้ตั้งใจจะพูดคำนี้ คำว่า เคารพสูงยิ่ง คนข้างนอกเขาฟัง พวกเรา สมณะก็ดี สิกขมาตุก็ดี ฆราวาสก็ดี กล่าวถึงอาตมาว่าเคารพสูงยิ่ง อาตมาไปให้พวกคุณต้องมาพูดอย่างนี้กับอาตมา อาตมาไปกำหนดหรือ เคยกำหนดไหม ซึ่งอาตมาไม่เคยไปกำหนดให้ใครมาบอกว่าเคารพสูงยิ่ง ท่านฟ้าไทก็เคารพอย่างสูงอยู่นี่ อาตมาไม่เคยไปกำหนดไปบอกไปแนะนำ แต่มันเป็นความจริงของจิตใจของแต่ละคน เป็นความจริงที่เห็นเป็นเช่นนั้นจริง ซึ่งใช้ศัพท์ภาษาไทยว่าเคารพอย่างสูงยิ่ง เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าท่านใช้ศัพท์คำว่า ละอายอย่างแรงกล้า รักอย่างแรงกล้า เคารพอย่างแรงกล้า ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านตรัสเป็นการตรัสนำ เป็นคำสอน ซึ่งผู้เห็นจริงที่ว่าสัจจะจะเกิดจริงอย่างนั้น มันจะละอายอย่างแรงกล้าจริงๆ มันเป็นความจริง ขยายความให้ฟัง คือ ผู้ที่รู้ตัว สำนึกผิด เห็นว่าเราเคยละลาบละล้วง คุณจะไปละลาบละล้วงศีล ละลาบละล้วงคำสอนพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะละลาบละล้วงบุคคล ไปดูถูกดูแคลนข่ม แต่เสร็จแล้วตัวเองผิด ตัวเองไม่ใช่ผู้ถูก ไปละลาบละล้วงผู้ที่สูงกว่า พอเกิดปัญญาเห็นจริงแล้วมันต้องละอายจริงๆเลย ตายๆๆๆเรา ละอาย จนกระทั่งบางทีไม่กล้าที่จะสารภาพเลย ว่าเราได้ผิดแล้ว จนตายไปจากชาตินี้เลย ชาติต่อๆไป ก็หาทางที่จะแก้ไข เพราะว่ามันเป็นสิ่งเกินจริง เป็นสัจธรรมที่เป็นความจริง มันก็จะแก้กลับ แต่ชาตินี้บางทีละอายจนไม่แก้กลับทั้งชาติ จะมาสารภาพผิด ก็เหมือนกับตัวเองมีอาบัติแล้วก็ไม่ปลงอาบัติ มันก็ไม่ได้เป็นความเจริญอะไร พัฒนาไม่ออก ไม่สารภาพต่อความผิดกับหมู่กลุ่มรับรอง ถ้ามาสารภาพหรือปลงอาบัติ ทุกอย่างให้หมู่กลุ่มรู้เรื่อง ผู้ที่ถูกละลาบละล้วงก็รับทราบ หมดที่จะเข้าใจผิดกัน มันก็ละลายสิ่งที่มันจะขัดข้องไปหมดเลย แต่นี้ถ้าไม่ทำ คาราคาซังข้ามชาติไปอีกจะยิ่งหนัก สิ่งเหล่านี้ ถ้ามีภูมิธรรมมีปฏิภาณปัญญาจริงๆ จะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ แต่เข้าใจไม่ได้ จึงไม่ทำตามอย่างที่อาตมาว่า มันก็ยิ่งชัดเจนว่า ผู้นั้นยังไม่สำนึก ยังไม่รู้สึก ยังไม่จริง ถ้ารู้จริงๆแล้วชาตินี้จะสารภาพ แต่ถ้าชาตินี้รู้แล้วแต่ไม่สารภาพ ก็อย่างที่อาตมาอธิบาย มันจะใช้ภาษาไทยว่า มันละอายเกินกว่าความละอายที่จะสารภาพ ที่จะเปิดเผยยอมรับต่อสังคม มันละอายเกินกว่าละอาย มันเปิดเผยไม่ออกเพราะไม่กล้าเปิดเผย หมายความว่ามันมีความละอายแล้วล่ะ แต่มันไม่กล้าเปิดเผยหมายความว่าอย่างไร สู่แดนธรรม… มีมานะซ้อนใช่มั้ยครับ พ่อครูว่า… ใช่ มันมีมานะซ้อน มีอัตตาซ้อน มันก็ทับถมไปอีก เหมือนกับการปกปิดอาบัติ มันจะทับถมเข้าไปอีก แล้วสัจธรรมทับถมไป มันจะแน่นหนาเข้าไปอีก ในแวดวงของพวกเรา ที่บอกว่าเคารพอาตมาอย่างสูงยิ่ง คนที่ไม่ใช่ในแวดวงพวกเรา ฟังแล้วจะรู้สึกว่าทำไมโพธิรักษ์ เก่งนะ ทำให้เขาเคารพอย่างสูงอย่างนั้น ซึ่งอาตมาไม่เคยจะไปคิดว่า จะให้มายกย่องเชิดชู ด้วยภาษาอะไรพวกนี้ แต่มันเป็นความจริงของพวกคุณเอง ทั้งสมณะ สิกขมาตุ ทั้งฆราวาสเอง ทุกคนทำด้วยความจริงใจ อาตมาพูดไปแล้วอย่างนี้ ถ้าผู้ใดจะเห็นว่าทีหลังจะไม่เรียกว่าอย่างสูง ก็ไม่มีปัญหานะ ก็ทำได้เลย แต่ผู้ใดจะเห็นว่าก็ฉันจะพูดอย่างนี้เขารับอย่างสูงอย่างนี้ มันก็เป็นสิทธิ์ที่เป็นอิสระเสรีภาพของแต่ละคน สู่แดนธรรม… จริงๆแล้ว แม้แต่คลิปที่พ่อครูเดินออกกำลังกาย ใครทำอะไรอยู่ โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อท่านเดินมา เมื่อเขารู้ว่าพ่อท่านมาเขาก็จะก้มกราบเคารพที่พื้น เคารพอย่างสูงก็คือเอาหน้าผากติดพื้นเลย หมายความว่า ทำอย่างสูงแต่ทำอย่างต่ำ คนที่ไม่เข้าใจในการดูคลิป ก็คอมเม้นด่าว่า ไปเคารพอย่างนั้นทำไม แต่พ่อท่านไม่ได้สั่งเลย เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติ ไม่ได้สอนให้เป็นระเบียบอย่างนั้นเลย พ่อครูว่า… สอนวิธีกราบเคารพบูชาพระพุทธเจ้าหรือสิ่งสูงสุด เขารู้สึกอย่างนั้นก็เอาความรู้สึกว่ามันสูงส่งจะต้องทำอย่างนั้น กราบเลย เบญจางคประดิษฐ์ ทั้ง 5 จุด ขาสองขาแขนสองแขนและหน้าผากหัวอีก 1 จุด ก็เป็นที่รู้กัน เบญจางคประดิษฐ์ เราก็ทำจบเลย เบญจางคประดิษฐ์ 5 จุด เต็มที่แล้ว แล้วก็ทำกันอย่างเข้าใจ เต็มใจทำ ใช่ไหม ก็ไขความอันนี้ไปพอสมควร ที่อาตมาคิดว่าน่าจะพูด ที่ว่า จะมีการบังคับกฎเกณฑ์ออกแบบให้ทำอย่างนี้หรือไม่ ก็ไม่ใช่ เป็นของพระพุทธเจ้า เบญจางคประดิษฐ์ก็ของพระพุทธเจ้า อาตมาไม่ได้ตั้งเอง คนที่เขายังเข้าใจไม่ได้ที่ยังหลงผิดกล่าวหาอาตมาก็ไม่ได้มีปัญหากับเขาอาตมาก็ไม่ต่างกับเขา จะไปสู่ทิฏฐิปัตตะต้องมีพลังงานผ่านสามเส้าแรกก่อน _โกศล สุขเล็ก · กราบคารวะพ่อท่าน..ผมอยากฟังพ่อท่านอธิบายกระบวนความของพระธรรมมากกว่าจะมาเสียเวลากับผู้ที่ยึดติดกับศรัทธาผิดๆที่ปลูกฝังกันมาจนคิดว่านั้นถูกต้องแล้ว.. พ่อครูว่า…คุณก็อย่าเพิ่งไปตีทิ้งผู้ที่เขาศรัทธาผิดๆ ศรัทธายังไม่ขยายไปสู่ปัญญา ยังเป็นศรัทธาผิดๆ ปัญญายังไม่ร่วมศรัทธาลงไปได้ ก็เลยยังศรัทธาอยู่อย่างเดิม เรื่องศรัทธานี้อาตมาก็อยากจะขยายความเหมือนกัน คือความเป็นสัทธานุสารี ธัมมานุสารี สัทธาวิมุติ มี 3 เส้า จะอธิบายละเอียด ต่อจากสามเส้า ออกมาเป็นตัวที่ 4 คือ ทิฏฐิปัตตะ คนที่จะหลุดออกมาจากสามเส้า cyclic order นี้ จะออกมาจากวงกลมนี้ ต้องมีแรงพิเศษเป็นตัวที่ 4 คือ ทิฏฐิปัตตะ เหมือนคนจะออกนอกโลกต้องมีแรงพ้นจากความเรื่องดูดของโลก จึงจะออกไปได้ ต้องมีพลังงานพิเศษเป็น ทิฏฐิปัตตะ ไม่เช่นนั้นจะวนอยู่ใน 3 ตัวนี้สูงสุดเป็น สัทธาวิมุติ สัทธาวิมุติ เป็นวิมุติ ที่ไม่ได้บรรลุธรรมของศาสนาพุทธ เป็นการบรรลุแบบ เดียรถีย์ แบบของโลกียะอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น สายสัทธานุสารี จะออกจากสัทธาวิมุติได้ยากมาก ส่วนธัมมานุสารี ซึ่งเป็นตระกูลของปัญญาผสมอยู่มากกว่าศรัทธา จึงออกมาสู่โลกอีกโลกหนึ่งเป็นโลกุตระ เป็นทิฏฐิปัตตะ มีทิฏฐิ เริ่มเป็นสัมมาทิฏฐิ เป็นโลกใหม่เป็นโลกโลกุตระได้ จากทิฏฐิปัตตะ แล้วจึงเป็นกายสักขี จะเข้าใจเรื่องกาย จะเข้าใจเรื่องรูป จะเข้าใจเรื่องแยกกายแยกจิต จนทำให้บรรลุในความเป็น กาย ซึ่งซับซ้อนลึกซึ้งมาก จะไม่ขอขยายความตอนนี้ ยังจะพูดอีกอย่างอีกเยอะเรื่องกาย ตั้งแต่ประเด็นแรก พ้น สักกายทิฏฐิ จนกระทั่งสุดท้ายจบด้วยการตรวจสอบในวิญญาณฐีติ 7 ด้วยกายและสัญญา จนครบ วิญญาณฐิติ 7 คำว่า กาย จะต้องบริบูรณ์จนกระทั่งสุดท้าย วิญญาณฐีติ 7 ความเป็นกายและเป็นสัญญา จนไปถึงรูป อรูป อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจา และ อากิญจัญยายตนะ อาตมานี่เป็น โพธิสัตว์ สายปฏิสัมภิทาญาณตรงๆ เต็มๆมาแต่ต้น จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แม้ปางนี้ก็เป็นปางต่อ โพธิสัตว์ระดับ 7 ที่ยังเป็น ไก่ตัวพี่ ขออภัยพูดแล้วเหมือนเป็นการยกย่องตัวเอง อาตมานี่แหละ เป็น ปฏิสัมภิทาญาณ ที่ยังไม่มีใคร อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ในปางนี้ในยุคสมัยนี้ที่จะต่อไปอีกจนกระทั่งถึงพุทธศาสนา 5,000 ปีจบ ของพระพุทธเจ้าสมณโคดม ปฏิสัมภิทาญาณ หมายถึง ผู้ที่มีอรรถะ มีธรรมะ มีนิรุติ มีปฏิภาณ ครบ 4 อรรถะ คือเนื้อ ธรรมะ คือองค์ธรรมที่เป็นเทวธัมมา เป็นต้น คือเป็นรูปเป็นนาม เป็นสถานะของ เจโตกับปัญญา อรรถะก็เป็นเจโต ธรรมะก็เป็นปัญญา แล้วเจริญด้วยภาษานิรุตติ โวหารต่างและไหวพริบปฏิภาณเป็น ปฏิภาณ ครบถ้วนทั้งสภาวะธรรมทั้งเนื้อแท้องค์ประกอบ อาตมานี่เป็นสาย ปฏิสัมภิทาญาณตั้งแต่ต้นมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ จะไม่แวะเวียนมากระทั่ง จะไปจมอยู่ในสุทธาวาส 9 อย่างนี้เป็นต้น อาตมาจะไม่ไปทำ เหมือนพระสมณโคดม อาตมาเป็นสายเดียวกันกับพระสมณโคดม ถ้าเชื่อว่าอาตมาเป็นพระสารีบุตร ก็นั่นแหละเป็นสายเดียวกันกับพระสารีบุตรมาโดยตรง แล้วก็พัฒนามาจนกระทั่งขณะนี้ พระสารีบุตรเกิดในยุคพระพุทธเจ้า ตายไปแล้ว ที่อาตมามาเกิดนี้ ถ้าอาตมายังเป็นพระสารีบุตรอยู่ อาตมาก็ไม่ไปถึงไหน อาตมาต้องเจริญกว่าพระสารีบุตร ผ่านมา 2,000 กว่าปี อาตมาก็จมอยู่กับการเป็นพระสารีบุตร อย่างนี้ดูถูกอาตมา แล้วคุณก็ไม่เข้าใจธรรมะเลย ถ้าพระสารีบุตรมาเกิด จนป่านนี้อาตมาไม่ใช่พระสารีบุตรทั้งนั้นต้องเป็นมหาสารีบุตร ในยุคพระพุทธเจ้าไม่มีใครให้ตำแหน่งมหาสารีบุตร มีแต่พระมหากัสสปะ ไม่มีมหานะ คุณจำลองยังได้เป็นมหา เพราะสายเจโต สายปัญญา ต้องไปเป็นมหา แต่มี ปฏิสัมภิทาญาณเหนือกว่าสายมหา สู่แดนธรรม.. พ่อท่านชาตินี้เป็นบุตรของนางโฮม น่าจะชื่อ บุญโฮมบุตร พ่อครูว่า… มีพ่อชื่อเฉย เป็นเฉยบุตร โฮมบุตร นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ สมณะฟ้าไท… พวกเราคงเคยฟังธรรมพ่อครูมาก่อนมานาน จึงฟังเข้าใจได้ ไม่อย่างนั้นฟังไม่เข้าใจ ปฏิบัติไม่ได้ แม้เรากล่าว เคารพอย่างสูงนั้น ก็เพราะจิตใจเราเจริญขึ้นจึงได้พูดเช่นนั้น พ่อครูกล่าวเป็นพระพุทธเจ้าว่าเคารพบูชาสุดเศียรสุดเกล้า สุดกระหม่อม สัมภาระวิบากของโพธิสัตว์คือเช่นไร พ่อครูว่า… มีคำคำหนึ่ง คำว่าสัมภาระวิบาก ก็ภาระนั่นแหละ สั่งสมภาระ ภาระ แปลว่าจะต้องเอาภาระ แหม ขยายเป็นภาษาไทยว่าไง ภาระ เอาภาระ เป็นภาระ สมณะฟ้าไท… รับผิดชอบ พ่อครูว่า… รับผิดชอบ มันเผินๆ ภาระนี่แหละมีการรับผิดชอบด้วย แต่เนื้อแท้ของภาระคือ แบก เป็นตัวจริงและต้องทำ ต้องมี ต้องเป็น ต้องรับผิดชอบ ให้ได้ให้บรรลุผล แล้วก็สั่งสมภาระ เป็นวิบาก เป็นผล สัมภาระวิบาก สั่งสมผลยิ่งขึ้นๆ ทีนี้เขาอธิบายกันอย่างเจโต พระโพธิสัตว์ได้สั่งสมสัมภาระวิบาก มันเป็นรูปธรรมที่ทรมานเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องที่ลำบากลำบน ทำไปจนกระทั่งเป็นรูปธรรม ถ้าใครเคยอ่านสัมภาระวิบากของพระโพธิสัตว์ สายเจโตเขียน เป็นทุกรกิริยา ซึ่งเป็นรูปธรรมที่เข้าใจง่าย ที่จะพากเพียร ไปพบพระพุทธเจ้าให้ได้ โดยเอาตัวนี้ไป เดิน ไปจนกระทั่งขากุดขาด้วนหมด เดินไม่ได้ก็กระเสือกกระสนไป มือกุดมือด้วนหมดก็เอาอกถากไปๆ จนเลือดไหลโทรม เขาอธิบายรูปธรรมแบบนี้ เพื่อจะพบพระพุทธเจ้าให้ได้ สุดยอดอึดไหน ก็เข้าใจได้ดี อย่างนี้เป็นต้น ทีนี้นามธรรมก็เป็นอย่างนั้น แต่ภาษานามธรรมนั้นอธิบายได้น้อยกว่ารูปธรรม อย่างอาตมาขณะนี้ สัมภาระวิบากของอาตมามีมาก หนัก แต่มันเป็นนามธรรม ผู้เข้าใจนามธรรม จะเข้าใจได้ จะรู้ว่าใช่ จริง แล้วนามธรรมที่ว่านี้เป็นโลกุตระ และโลกุตระมันเป็นความย้อนแย้ง มันยิ่งดี มันยิ่งรุนแรง มันยิ่งดี มันยิ่งร้าย เป็นความย้อนแย้ง มันเหมือนร้าย ที่จริงมันก็ร้ายแรงนั่นแหละแต่มันเหมือน ที่จริงมันพ้นจากความร้ายแรงนั้นไปเรื่อยๆ แต่มันดูเหมือนยิ่งร้ายแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เห็นไหม ภาษามันจะย้อนแย้ง สู่แดนธรรม… มันต้องมีพลังของความเด็ดขาด พ่อครูว่า… มันต้องยิ่งเด็ด ยิ่งขาดได้ ยิ่งเด็ดได้เร็ว ขาดได้สนิท มากยิ่งขึ้นๆๆ ชัดเจนขึ้นนะ จะดื่มธรรมะ Organic ได้ต้องเทชาออกจากถ้วยก่อน _Wanawut Sirisakorn วนวุฒิ ศิริสาคร · ธรรมะที่พ่อท่านเทศน์นั้น ทันยุคทันสมัย ปราศจากสิ่งเจือปนคือ “ไร้สารพิษ” หรือใช้คำว่า “ธรรมะออแกนิค” ก็ได้ และกลุ่มคนที่จะเข้าถึงได้ดีคือ คนรุ่นใหม่ ที่มองที่ตนเองเป็นหลักไม่สนใจใคร และต่อต้านความเชื่องมงาย ที่สืบทอดมาจากรุ่นพ่อแม่ มองผิวเผินอาจดูกร้าวร้าว แต่หากคนรุ่นใหม่ได้สัมมาทิฏฐิที่ถูกต้อง พวกเค้านี่แหละที่สืบทอดพระศาสนาที่เป็นพุทธแท้ได้ดี ปราศจากความเชื่องมงายผิดๆอย่างคนรุ่นพ่อแม่ลุงป้าน้าอาที่เกิดมาก็ถูกปลูกฝังลัทธิ พญานาค และ พญาครุฑ ที่ผิดๆ มาตั้งแต่เด็กๆ พ่อครูว่า…จริงที่สุด อาตมาเขียนหนังสือปัญญา 8 ตอนนี้ไปถึง 700 กว่าหน้าแล้ว ที่เป็นเล่ม 2 ซึ่งเล่ม 1 ตัดไปแล้ว ถ้า แบ่งก็ได้อีก 2 เล่มใหญ่ 350 หน้าขึ้นไป ยังเพิ่งจะแก้ไขอยู่อีก ถึงหน้า 300 กว่า แล้วมันอีกตั้ง 400 กว่าหน้า พยายามบอกตัวเองอีกว่า อย่าเพิ่มอีกเลย ก็ยังมีอะไรใหม่ที่จะต่อยอดไว้อีก ซึ่งไม่น่ารังเกียจอะไรที่เราจะทำเช่นนี้ สมณะฟ้าไท… ในยุคสมัยนี้ไม่มีกระทำเช่นนี้ได้ด้วย พ่อครูว่า… ธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เป็นธรรมะที่รู้รอบ อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ยังทำได้ขนาดนี้ คิดดูสิถ้าโพธิสัตว์ระดับ 8 ระดับ 9 เป็นพระพุทธเจ้าจะขนาดไหน คนที่ไม่มีอคติ หมดอคติจริงๆแล้ว เปิดจิตรับเต็มๆ หมายความว่า เปิดชา เทชาออกจากถ้วยเต็ม แล้วรับท่าเดียว อันนี้คุณจะเห็นว่ารับได้อีก รับได้อีก แล้วถ้วยชาคุณจะไม่เต็มง่ายเลย รับได้อีกๆๆ แต่ถ้าผู้ที่ชาเต็มถ้วย ชาล้นถ้วยแล้ว ไม่เอาออก ไม่รินออก ไม่รั่ว ไม่ซึมเข้าไปหาแกนเก็บ ใส่เซฟ คุณก็ชาล้นถ้วยแน่ ฟังเข้าใจนะ ที่ขยายความ สู่แดนธรรม… เขาไม่ได้ดื่มชาเลย ถ้าดื่ม มันก็จะพร่องลงไปบ้าง แต่พวกเราพวกนักดื่มชา สมมุติครับ พ่อครูว่า… ไม่มีใครดื่มชาหรอกพวกเรา บอกให้เอาไมยราพยักษ์มาคั่วทำชากันบ้าง ก็ไม่เห็นจะทำ มันจะได้ร่อยหรอลงไปบ้างไมยราพยักษ์ อาตมาว่า คุณวนวุฒิเข้าใจถูกแล้ว เพราะคนรุ่นใหม่ จะเป็นคนอย่างที่ว่านี้ ว่า ของเก่าถ้าเผื่อว่ายึดแต่ของเก่า โดยไม่ขยายใหม่ ก็เท่ากับคนที่อยู่ในกะลาครอบเดิม แล้วมันจะไปเจริญออกจากอาตกะลาครอบได้อย่างไร ถ้าเดิมคุณก็อยู่ในกะลาครอบ คุณก็จมอยู่ในที่เก่า ถ้าคุณบรรลุสูงสุดแล้ว คุณก็จะมีโลกกว้างกว่ากะลาครอบ ใช่ไหม แต่นี่คุณไม่ออกจากกะลาครอบ คุณก็กว้างขึ้นกว่านั้นอีกไม่ได้ มันก็เป็นสัจจะ ใช่ไหม เพราะฉะนั้นผู้ออกจากกะลาครอบ หรือออกจากสิ่งที่ยึดถือในวงวนของตนเอง ออกมา ซึ่งสิ่งที่ออกมา มันต้องใหม่ มันต้องสูงกว่า มันต้องมีอะไรที่ไม่ใช่อย่างที่มันเป็นอย่างที่เรามีแล้ว มันมีอะไรใหม่ เป็นอื่นที่เรียกว่า อัญญธาตุ ที่ใช้ภาษาวิชาการว่า อัญญะแปลว่าอื่น อัญญธาตุ ซึ่งศัพท์นี้ อัญญะหรืออื่น นี้ มันก็ใช้ด้วยกัน แต่มันมาเป็นภาษาของโลกุตระ อัญญะ คำนี้ เป็นรากศัพท์ของคำว่า อัญญา อัญญะ อญญ ซึ่งลงไปถึงพยัญชนะ ถึงตัวอักษรพวกนี้แล้วมันยาก อาตมายังไม่อยากพูดเท่าไหร่ พวกเราก็มีคนสนุกกับอันนี้อยากให้อาตมาต่อ อาตมาก็ไม่อยากต่อ เพราะมันจะเลยเถิดไป จะไปติดพยัญชนะมากไป เอาพวกนี้เสียก่อน อย่าเพิ่งไปอย่างโน้น ถ้าไปแล้วมันจะไกลจะลึก ผู้ที่ชอบมันก็จะไป หลายคนพวกเราชอบ อาตมาก็เลยไม่ต่อ ถ้าต่อแล้วมันจะไปกันใหญ่ เสียเวลา มันเป็นพยัญชนะ รากเหง้าของภาษาบาลี วรรคที่ 1 ก ข ค ฆ ง วรรคที่ 2 จ ฉ ช ฌ ญ วรรคที่ 3 ฏ ฐ ฑ ฒ ณ วรรคที่ 4 ต ถ ท ธ น วรรคที่ 5 ป ผ พ ภ ม เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อํ ภาษาไทยเอามาเติมพยัญชนะเข้าไปอีก เป็นการอวดดีกว่าภาษาบาลีที่เขาดีอยู่แล้ว อาตมาก็ไม่อยากพูดมาก ที่จริงการเติมนี่ อาตมานี่แหละตัวการ เข้าใจแล้ว รู้แล้วก็ทำเป็นอวดใหญ่ อวดโต อวดดี ไปเสริม เช่น ภาษาไทย ไปเติม ข.ไข่ ข.ขวด ค.คน ซึ่งเขาใช้ที่ไหนกันล่ะ อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็มีตัวอย่างอื่นเพิ่มเข้าไปอีก เขาครบแล้วล่ะแต่ทำเป็นอวดดี ไม่ต้องต่ออแล้ว เดี๋ยวไปกันใหญ่ อจินไตย งู 7 ตัวที่แดนอโศก _รุ่งบุญ ยิ้มใส · พ่อครูมาสร้างแดนอโศกใหม่ๆ เกิดเหตุการณ์งู ๗ ตัวพันกันขึ้นเป็นชั้นๆ เหมือนปางนาคปรก สัมผัสได้ถึงผู้มากด้วยบุญบารมี พ่อครูว่า… อาตมาไม่อยากพูดมากมาย เป็นเรื่องจริงที่เราไปที่แดนอโศกแล้วไปเจองู 7 ตัวพันกัน ซึ่งมันเป็นธรรมชาติแต่มันเป็นนิมิตหมาย มันผสมพันธุ์กันแล้วมันแย่งกัน ตัวผู้ตัวเมีย มันไม่ได้เป็นอย่างนาคปรก ซึ่งนาคปรกมันรวมตัว แต่นี่มันแย่งกันแยกกันคนละข้าง ข้างหนึ่ง 4 ข้างหนึ่ง 3 ซึ่งมันก็ไม่แยกกันหรอก มันดิ้นไปดิ้นมา มันก็เป็นธรรมชาติ แต่มันเป็นนิมิตหมาย นิมิตของที่ลงตัวกัน รูปกับนาม มันมีจริง ในสิ่งที่รวมตัวเป็นหนึ่งเดียว 2 เป็น 1 1 เป็น 2 รวมตัวกันลงตัวกัน ซึ่งเป็นเรื่องยากเป็น อจินไตย ที่เข้าใจได้ยาก แต่ผู้เข้าใจแล้วก็หมดความกังขา หมดวิจิกิจฉา จะเข้าใจแล้ว 2 เป็น 1 1 เป็น 2 มารวมตัวกันได้ แล้วเราก็จะแทนอะไรเป็น 1 จนสุดท้าย 0 กับ 1 มันก็เป็น 2 สุดท้าย 1 กับ 0 นี้มันกลายเป็น 0 1 กับ 0 ก็คือ 2 แล้ว 1 กับ 0 ก็เป็น 0 ไปจบที่ 0 ก็จบได้ที่ 0 ก็จบ หมด 0 แล้วก็เป็นจบ ทำได้มีสภาวะรู้พยัญชนะพวกนี้ พยัญชนะบอกว่า 0 บอกว่า 1 บอกว่า 2 สภาวะมันมี 0 คืออย่างไร คือมันจบ มันไม่มีอะไรแล้วก็คือ 0 มันเป็นสุดท้าย ใช้พยัญชนะวิชาการว่า ปรินิพพานเป็นปริโยสาน สุดแล้ว มูลสูตร 10 จบด้วยตัวนี้ แล้วสภาวะของอาตมาก็ขยายความ คนทุกคนจบเป็นพระอรหันต์สามารถทำปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ แยกธาตุจิตนิยามของตัวเองได้ แยกธาตุ อัตตาของตัวเองได้ ที่เป็นนามธรรม เป็นจิตนิยาม สลายเป็นดินน้ำไฟลม กระจัดกระจายเป็นดินน้ำไฟลม ไม่มารวมตัวกันอีก เหมือนพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าท่านเหมือนพวงมะม่วงถูกตัดขั้วลงมากระทบพื้นแตกกระจายออกไปแล้ว เอามารวมตัวกันเป็นพวงมะม่วงขึ้นมาอีกไม่ได้ฉันใด ทุกคนจะเห็น พระพุทธเจ้าในขณะที่มีพวงมะม่วง เมื่อกายแตกตายสลายเหมือนพวงมะม่วงตกแตกกระจายแล้วไม่รวมตัวกันอีก คุณไม่สามารถจะเห็นพวงมะม่วงนั้นอีกได้เลยฉันใด มันจะไม่รวมตัวกันอีกเลย ก็เท่ากับจิตนิยามแตกกระจายไม่รวมตัวกันอีก เป็นดินน้ำไฟลมหมดเลย ไม่มารวมตัวกันอีก ฉันนั้น อย่างนี้เป็นต้น ก็จบ เรารู้จบ คุณรู้จบแล้วเมื่อทำได้ ว่านี่คือตัวจบ ในมูลสูตร10 เป็นหลัก รากของมันจริงๆเลย ฉันทะเป็นมูล ก็เป็นรากของความรู้ ความเห็น มนสิการก็เป็นราก เป็นมูล ของการทำใจในใจ แล้วต้องมีผัสสะ ไม่มีผัสสะ ปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าไม่ครบเป็นไปไม่ได้ คนที่ไปหลับตาไม่มีผัสสะ โมฆะ พูดอย่างไรก็ไม่ค่อยตื่น ไม่เคยรู้เรื่องไม่ลืมตาไม่ออกมา เพราะฉะนั้นไม่มีผัสสะไม่ได้ ตาหูจมูกลิ้นกายของคน ภายนอกต้องมีผัสสะครบ จึงจะรู้โลก ไม่อย่างนั้นคุณจมอยู่ในอัตตาอย่างเดียวคุณไม่มีโลก อาโลก มันไม่มีแสงสว่างที่ต้องอาศัย มันไม่มี ตาหูจมูกลิ้นกายคุณไม่รู้เรื่อง โลกที่มีตากระทบรูปเป็นอย่างนี้ เรื่องเสียงนี่ไม่เท่าไหร่ เขาจะพูดกับคนอื่นไม่รู้เรื่องจะเอาแต่ทางเสียง ไปพูดกับดร.สุกรี คณบดีคณะดุริยางคศาสตร์ของมหาวิทยาลัย แกก็จะเอาแต่เสียงของแก คนที่เขาหลง รูป หลงเสียง หลงกลิ่น หลงรส พวกหลงรส พวกที่ติดก็ปรุงแต่รส ไปถามหม่อมหลวงหมึกแดงสิ ลูกหม่อมราชวงศ์ถนัดศรี ก็เอาแต่เรื่องปรุงอาหาร หลายคน ปรุง ดร.อะไรนะ กระเทย ดร.ยิ่งศักดิ์ ไปพูดกับแกสิ ก็เอาแต่เรื่องอาหาร มันก็เป็นรสอาหาร รสทางลิ้น ก็มีอย่างอื่นครบเหมือนกันแต่ก็มีทางลิ้นเป็นหลัก มันก็ไปทางตาหูจมูกลิ้น กายสัมผัสเสียดสี ที่จริงมันหนักหนาสาหัสซึ่งยากกว่าทุกอย่าง สัมผัส ต่างกับรูป หูก็ต้องสัมผัสเสียง จมูกก็สัมผัสกลิ่น ลิ้นก็สัมผัสรส ซึ้งลิ้นมันอยู่ข้างในๆ โผฏฐัพพะ รวมหมดทั้ง 4 ซึ่งเป็นภายนอกนะ มีใจร่วมด้วย ก็เป็น 5 ก็เลยอธิบาย อุปาทายรูป 24 อันนี้เหลือ 9 มันไม่เป็น 10 เพราะมันร่วมกันที่ โผฏฐัพพะกับใจ ใจมันรวมกันตรงนี้แหละ ก็เลยหักออกเหลือ 9 คนก็เข้าใจไม่ได้หักออกไปอย่างไร มันก็ต้องหัก เพราะการรู้ มันต้องมีรูปนาม 2 เขาบอกว่าต้องเป็น 10 สิ สู่แดนธรรม… เรื่องที่มันมี 10 ข้อ ตาหูจมูกลิ้นกาย ท่านพูดถึงรูปอย่างเดียวไม่พูดถึงนาม พ่อครูว่า… ท่านตัดให้เหลือ 9 เพราะว่าตาหูจมูกลิ้น มันก็เป็นกายอยู่แล้ว ไม่ต้องนับ โผฏฐัพพะ เป็นกายอีก ก็เลยตัดเหลือ 9 มันต้องมีนามร่วมด้วย ไปตัดได้อย่างไร ถ้าไม่มีใจร่วมด้วยจะไปรู้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นมันจึงต้องหัก 2 หักรูปกับนาม เพราะฉะนั้นถ้าคุณเอาโผฏฐัพพะ ถ้ารวมกับใจอีกหนึ่งก็เป็น 11 คุณต้องหักรูปนามออกคู่นึงมันก็เหลือ 9 อยู่ดี ซึ่งเป็นเรื่องยากไม่ใช่เรื่องเล่น ถ้าไม่รู้จริงจะเมา วนอยู่นั่นแหละ สมณะฟ้าไท… ในหนังสือ รวมคนจะมีธรรมะได้อย่างไร เล่ม 4 พ่อครู พูดเรื่องนี้อย่างละเอียด หน้าประมาณเกือบ 200 พ่อครูว่า… เรื่องงู 7 ตัวมันเป็นเรื่องนิมิต เลข 7 เป็นเลขที่เป็นฐานของอาตมา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องเล่น เป็นเรื่องจริง พระพุทธเจ้าต้องประสูติ วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ต้องตรัสรู้ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ต้องปรินิพพานขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 มันไม่ใช่เรื่องสมมุติ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาทำเอาโก้ ซึ่งมันไม่ใช่ มันต้องลงตัว ลงตัวทั้งรูปและนาม มันเป็นหนึ่ง มันต้องลงตัว เรื่องนี้ก็ได้จะพูดขยายภาษาให้ฟัง กว่าจะใช้ได้ กว่าจะรู้ อย่างอาตมา ร่วมใช้สิ่งที่จะต้องรวมเป็นหนึ่งได้ อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 ร่วมใช้ได้ ยิ่งระดับ 8 จะลงตัวเนียนยิ่งกว่านี้ เป็นระดับ 9 แล้วต้องเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่ ต้องเป็นอย่างนั้นเป๊ะเลย มันไม่เป๊ะ มันไม่ลงตัว มันไม่จบ เป็นเอกัคคตา เป็นหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ สู่แดนธรรม… พ่อครูเคยอธิบายไว้ใน คนคืออะไรทำไมสำคัญนัก ว่า การเกิดและการตายเป็นธรรมชาติเป็นสภาวะที่ๆไม่มีอะไรคั่นเลย การเกิดการตรัสรู้ก็คือ อวิชชาตายไป ผมก็เลยเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าทำไมต้องเกิดและตายในวันเดียวกัน การตรัสรู้ก็เกิดการตายอย่างหนึ่ง คือดับอวิชชา มันก็เกิดวิชชา พ่อครูว่า… เพราะฉะนั้นสิ่งอันนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องสมมุติ อาตมานำสิ่งเหล่านี้มาอ้างอิงยืนยันอธิบายไป ก็ฟังไปก็แล้วกัน ผู้ที่ยังไม่เห็นว่าจริง ยังไม่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ก็ไม่เป็นไร ไปบังคับกันไม่ได้ แต่ผู้ที่จะเข้าใจเห็นจริงๆแล้ว มันจริงที่สุด ขยายความไปถึงว่า เรื่องที่เราพูด เป็นเรื่องของนามธรรม เป็นเรื่องของธรรมะ ถ้ามาเป็นโลก เราไม่ได้ทิ้งโลก เราพวกนักธรรมะโลกุตระ เป็นพวกสร้างโลก เป็นพระเจ้าตัวจริง ทำงานอยู่ในโลกจริงๆ ไม่ใช่ทำงานอยู่ที่ลึกลับ แล้วก็บันดาลอะไร จับผิดก็ไม่ได้ ไปท้วงไปต่อว่าอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ใช่ มันเรื่องจริงเป็นเรื่องโลกอยู่ตรงนี้ โลกุตระคือเรื่องโลก แล้วเราก็สามารถที่จะปรับโลกให้เห็นเป็นไปตามที่ควรจะเป็น พัฒนาไป ๆๆ เพราะฉะนั้นพวกโลกุตระนี้ จึงเป็นคนพัฒนาโลก มันนำเทวนิยมไปอีกหลายสิบหลายร้อยก้าว นี่พูดไปแล้วมันก็..คนหมั่่นไส้ก็จะหาว่าคุยโต โอ้อวดเก่ง ก็ขอสรุปลงท้ายเลย ว่า ประเทศไทยจะนำ เอาเถอะ สถิติต่างๆที่เขาพยายามตรวจตามความรู้ของแต่ละสำนัก แต่ละสำนัก แล้วก็พูดออกมา ไทยเราก็ถูกจัดอันดับ ยืนยันของแต่ละสำนัก ว่าอยู่ลำดับต่างๆ ตามความรู้ของเขาที่มีหลักสูตรของเขา เป็นเครื่องตัดสิน อาตมาก็มีของอาตมาเป็นโลกุตรธรรม มีหลักสูตรของโลกุตรธรรมของอาตมาเป็นเครื่องตัดสิน ผู้รู้ของชาวไทยที่มีโลกุตระธรรมอยู่ในจิต ก็จะตัดสินออกมาเหมือนกัน แล้วก็จะสมัครสมานกับอาตมาเพราะเป็นโลกุตระอันเดียวกันซึ่งมีน้อย เพราะฉะนั้นเมื่อสถิติของเรามีน้อยมันก็สู้สถิติของพวกเขาที่มีมากหลายสำนักโพล ของเราสำนักโพลไม่กี่สำนัก มันก็สู้ไม่ได้ เราก็ไม่ได้ไปสู้หรอก แต่ ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน แล้วก็ขอยืนยันว่า มีอจินไตยคำหนึ่ง ดูไปไม่ต้องไปดูไบ ภาษาไทยง่ายๆ ดูไปไม่ต้องไปดูไบ เข้าใจมั้ย แล้วเป็นความจริงนะภาษานี้เป็นสัจธรรม ดูไปไม่ต้องไปดูไบ แล้วจะเห็นความจริง _เอื้อมพร : กราบนมัสการค่ะ ขอเรียนถามความแตกต่างระหว่าง บาป – อกุศล – ชั่ว ตามความเข้าใจก็คือ บาปนั้นมีกิเลสเป็นตัวนำ คนเราจะทำบาปก็เพราะว่ายังมีกิเลส ส่วน “อกุศล” ก็คือสื่งที่ไม่เป็น กุศล ทำไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คือไม่มีปัญญา ไม่ได้ไตร่ตรอง แต่ผลของการกระทำเป็นลบ เช่น เดินไม่ระวังไปเหยียบลูกอึ่งอ่างตาย อย่างนี้เรียกว่าอกุศล แต่อุกศลก็ยังมีวิบากอยู่ดี แต่จะน้อยกว่าบาปไหมค่ะ (คงจะน้อยกว่า เพราะไม่มีมโนกรรม) ดี-ชั่ว เป็นสมมติ แล้วแต่การกำหนดยึดถือ ของแต่ละสังคม วัฒนธรรม จารีตประเพณี ชั่ว – อกุศล – บาป มีความต่าง หรือเหมือนกันอย่างไรค่ะ? พ่อครูว่า… การไม่มีเจตนา ไม่ถือว่าบาปทีเดียว ไม่เป็นกรรม พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่ากรรมที่ไม่มีเจตนาไม่เป็นบาป แต่ก็เป็นอกุศล ตามที่ยกตัวอย่าง ก็ไปทำเขาตาย แม้แต่กฎหมายอาญาก็ยังยากที่จะตัดสินพวกนี้ เพราะเอาจิตมาตัดสินด้วยไม่ได้ เทวนิยมหรือโลกีย์ไม่ได้เรียนรู้สุขทุกข์ ไม่เรียนรู้ว่าสุขทุกข์เป็นมายา แล้วต้องเลิกความสุขความทุกข์ โลกีย์เทวนิยม ไม่เรียนรู้ที่จะให้หมดความสุขความทุกข์ เป็นสุขนิยม สมณะฟ้าไท… พ่อครูว่า… เรื่องอาหาร ให้มาเห็นเลยว่ามันเป็นหนึ่งในโลก ไม่มีอะไรเท่าหรอก เพราะถ้าเข้าใจว่าสัตว์โลกต้องกินอาหาร คนบรรลุแล้วก็ต้องกินอาหาร เป็น พระพุทธเจ้า ก็ต้องกินอาหาร จบ Category: ศาสนาBy Samanasandin4 พฤษภาคม 2022Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:650502 แยกกายแยกจิตอย่างไรให้ถึงอรหันต์ รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 36 NextNext post:650506 อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของผู้มีอภิภายตนะ 8 พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024