650427 พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ อภิภูผู้รู้จบสัตตาวาสและวิญญาณฐีติ
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1TMETaPsTHkw8ihSBDvEWExSsnrVztZnSruD_80FMsCI/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1SaqK-gn-HWrSxU_Idng2pmS02Ky-FQKm/view?usp=sharing
และดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/dbp1knRzb1I และ https://fb.watch/cEZ2HqeDaX/
สมณะฟ้าไท.. วันนี้วันพุธที่ 27 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก อากาศร้อน อย่างไรก็ไม่เท่ากับใจคน แต่ทุกวันนี้เขาทำแบบมุ่งเป้า การสงครามก็ทำแบบมุ่งเป้า การข่าวก็ทำอย่างมุ่งเป้าให้ตรงประเด็น การเมืองก็ทำอย่างให้มุ่งเป้าตรงประเด็น แม้แมีต่ สรีระของพระโพธิสัตว์ก็ต้องรักษาให้ตรงเป้า คนดูแลก็ต้องทำให้เต็มที่ ถ้าทำไม่ดีก็ถูกถล่ม สรีระพ่อครูไม่สนใจอยู่แล้ว พวกเราต้องช่วยกันดูแลเต็มที่ให้ยืนยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้แต่พวกเราเองก็ต้องทำชีวิตตนให้ยืนยาว ให้ช่วยกันพัฒนาสังคม ให้เกิดสิ่งดีงาม ตามที่พ่อครูปลูกฝังโลกุตรธรรม ให้เป็นที่ยอมรับต่อสังคมมาก คนเดือดร้อนมาก ถ้าคนมีโลกุตระก็จะเดือดร้อนน้อยลง อย่างพวกเราได้ปฏิบัติตามเราก็ได้พ้นภัยโลกีย์ ที่เดือดร้อนกันมากมาย
พ่อครูว่า…
SMS วันที่ 25 เม.ย. 65
_ตุ๊ก อัศวิน · ขอขอบพระคุณ คณะปัจฉา และ คณะแพทย์ ที่กรุณารับภาระ..ใส่ใจ..ดูแล..สุขภาพของพ่อครู เป็นอย่างดีเยี่ยม..เจ้าค่ะ
_Wanawut Sirisakorn วนาวุฒิ สิริสาคร · รู้สึกปลื้มปิติมากครับ ที่เห็นพ่อท่าน สุขภาพและกำลังดีขึ้นเป็นลำดับๆ
_ชุมพล ยอดสะเทิน · รู้สึกซาบซึ้ง ที่พ่อท่านพูดถึงพ่อหลวง ร . 9 แสดงว่า พระโพธิ์สัตว์ ใหญ่ท่านรู้กันอยู่ แต่สมมุติโลกและลูก ๆ ส่วนมากยังโง่ มวลที่สัมมามีน้อย ร.9 ท่านจึงต้อง ทำอย่างนั้นกราบนมัสการครับ
_ซึ้งซื่อ วิเชียร · กราบนมัสการพ่อท่านด้วยสุดเศียร สุดเกล้า
ผมขอกราบ ถวายเป็นโพธิบูชาใน วัย ๘๘ ปี ของพ่อท่าน ในเรื่องการกินการใช้
อย่างเช่นเรื่อง การรับประทาน ผลไม้ ใน ๑ มื้อ จะทานแค่ ๒ อย่าง ซึ่งธรรมดาจะ
ทานหลายอย่างครับ และเรื่องการใช้น้ำใน ๑ วัน จะอาบน้ำ ๒ ครั้ง ใน ๑ ครั้ง จะ
ขอใช้น้ำแค่เพียง ๕ ขัน ครับ๑ วัน จะใช้น้ำประมาณ ๑๐ ขัน ซึ่งธรรมดาจะใช้
อาบหลายขัน ไม่ได้นับเลยครับ สำหรับตอนนี้ก็ขอถวายให้เป็นโพธิบูชา ๘๘ ปี
แก่พ่อท่าน ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ กราบนมัสการ
พ่อครูว่า…ดีนะ พยายามหามุม หาเหลี่ยม หาแง่ที่จะปฏิบัติตน ให้คนมักน้อย สันโดษ และลดลงไป ก็เป็นแง่เป็นเหลี่ยมให้ลดลงๆดี
_pontomzo Piyatanarod พรทอมโซ ปิยะธนารอด….
ก็คุณบัญญัติเองรับแต่เงินชาวอโศกมันก็ไม่ผิดสิเพราะคุณตั้งข้อบัญญัติ…มันก็ไม่ต่างกันหรอกเหลี่ยมจัด…ถ้าข้ามผ่านเรื่องเงินจริงคงไม่มีแลนค์มร์าคของตัวเองหรอกเข้าป่าไปเลยสิ…เป็นปถุชนยังเพ่งโทษสงฆ์อีกมันจะบริสุทธิ์ได้ไง
พ่อครูว่า…ก็คิดไป แล้วก็ตีความหาแง่อะไรไป คุณว่าอาตมาเป็นปุถุชนเพ่งโทษสงฆ์อีก จะบริสุทธิ์ได้ไง ก็คุณพูด อาตมาไม่ได้เป็นปุถุชน ไม่ได้เพ่งโทษสงฆ์ อาตมาพูดด้วยความเห็นมีทัศนะของอาตมาจริงๆพูดไปด้วยความจริง คุณไม่รู้ความจริงก็เดาไป
_B The B • บี เดอะ บี
ยังไม่มีการพิสูจน์ได้ว่าสุกรมัทวะคือเห็ด และก็ยังไมมีการพิสูจน์ได้ว่าเป็นเห็ดมีพิษ ทำไมท่านไปตีความด้วยตนเองหล่ะครับ หรือท่านบรรลุธรรม มีญานวิเศษย้อนเวลา กลับไปดูมาแล้วครับ
พ่อครูว่า…ถ้าอาตมาบอกคุณว่า อาตมามีคุณจะว่าไง คุณรู้ได้ยังไงว่าอาตมาไม่มี
องค์รวมสุขภาพ่อครูตอนนี้ยังดีอยู่กว่าคนทั่วไปในวัยนี้
_Re Rt • อาร์อี อาร์ที
ดิฉันได้เข้าฟังพ่อท่านครั้งนี้ครั้งสองจริงอย่างพ่อท่านพูดเจ้าค่ะเหนื่อยมากกับชีวิตกับกายสังขารที่เจ็บป่วยบางทีถามตัวเองว่าเราจะเหนื่อยอีกนานมั๊ยหนอ
พ่อครูว่า…สำหรับอาตมาอาตมาเจ็บป่วย มีพยาธิ ถือว่ามีพยาธิเท่านี้ ในร่างกายทั้งหมดนี้ มันก็เสื่อมโทรมไปตามวัย ส่วนที่จะถือว่าเป็นโรคเป็นภัยเป็นพยาธิ เป็นสิ่งที่บกพร่องหรือเกินก็คือ คอ ที่มีกระเปาะแล้วมันก็ขวางทางอันสะดวกของอวัยวะ จะพึงเป็น แล้วมันก็สร้างเสลดมาอุดตัน ก็ต้องไอขจัดออก ว่ากันจริงๆแล้วเป็นวิบากที่เบาๆ ไม่หนักไม่หนา ไม่เจ็บป่วยหนักหนาสาหัสรุนแรงทรมานเจ็บปวดโอดโอย แต่มันไอก็ต้อง แรง หนักสุดมันสร้างเสลดเหนียว ดันออกต้องใช้พลังไอเป็นพลังดัน แล้วมันต้องออกมา ทางปาก ไอ มันก็ไอแรงหน่อย
ถ้าจะว่าไปแล้วโดยองค์รวม มันไม่หนักหนา คนอื่นเป็นมากกว่าอาตมา เป็นโรคนั้น โรคนี้ที่เป็นโรครุนแรงต้องบำบัดด้วยยา หมอต้องคอยดูแลประคบประหงมมาก อาตมา อายุ 80 กว่าแล้ว จริง คนที่แข็งแรงกว่าอาตมาไม่เป็นโรคเป็นภัยก็มีเยอะ ส่วนผู้ที่ไปตามวัย ก็ประมาณนี้ ก็มักจะมีโรคที่คนแก่เขานิยมกัน โรคเบาหวาน โรคความดัน เจ็บปวดตรงนั้น ตรงนี้ อาตมาไม่มีเจ็บปวดตรงนั้นตรงนี้ จะนั่งนานๆจะนอนนานๆ ไม่ปวดไม่เจ็บ
รวมสรุปองค์รวมแล้ว ดี ภาวะร่างกายอาตมาใช้ได้ มีวิบากขนาดนี้ก็สมควรแล้ว
อานาปานสติ คือ ปฏิบัติธรรมตราบที่ยังมีลมหายใจเข้าออก
_เกรียงไกร ปัญโญกาศ
ยังคงคัดค้านท่านที่บอกว่าภาวนาหลับตาไม่ถูกต้องครับ เพราะพระพุทธเจ้าก็สอนในอานาปานสติไวชัดเจนว่าควรทำอย่างไร และไม่ได้ห้ามหลับตาและไม่ได้บอกให้ลืมตา เราก็มองกลางๆ ไว้ไม่ไดีกว่าหรือครับ หลักคือรู้ลมหายใจเข้าออกง่ะครับ
พ่อครูว่า… คุณนั่นแหละอ่านธรรมะพระพุทธเจ้าไม่แตก พระพุทธเจ้าสอนไว้ชัดเจนแต่ที่คุณชัดเจนยังมัวซัวอยู่
ไม่ใช่.. ธรรมดาไม่ต้องไปรู้ลมหายใจเข้าออกมันก็มีลมหายใจเข้าออกก็ต้องอัตโนมัติอยู่แล้ว คนมันก็รู้อยู่แล้ว ใครๆก็รู้ว่า คนมีลมหายใจเข้าลมหายใจออก แล้วเราก็รู้ว่าลมมีลมหายใจเข้าลมหายใจออกโดยไม่ต้องไปรู้ อัตโนมัติมันก็รู้อยู่แล้ว ถ้าไม่มี มันก็ตาย เพราะฉะนั้นมันรู้อยู่แล้ว ลมหายใจเข้าลมหายใจออก เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปปฏิบัติอะไรเลยกับการมีลมหายใจเข้าลมหายใจออก แต่ต้องปฏิบัติธรรมทุกขณะที่คุณยังมีลมหายใจเข้า ลมหายใจออก หมายความว่าคุณยังมีทั้งเข้าทั้งออกอยู่ ยังไม่ตาย ถ้าคุณตายแล้วลมหายใจเข้าไม่มีออกก็ตาย ลมหายใจออกไม่มีเข้าก็ตายทั้งนั้น มันยังมีภาวะ 2 ลมหายใจเข้าลมหายใจออกคุณยังไม่ตาย
อานาอาปานะ แปลว่า ลมหายใจเข้าออก คุณยังไม่ตาย ไม่ต้องไปหาสถานที่ปฏิบัติ
..ไม่ใช่ ปฏิบัติแบบลืมตา ขนาดพระพุทธเจ้าก็ยังปฏิบัติลืมตา แล้วก็ตรัสรู้ลืมตา ภาวะที่ท่าน ตรัสรู้คือ จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลก มีหลักฐานยืนยันในพระไตรปิฎกเล่ม 1 ท่านตรัสรู้มี จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา อาโลก มีแสงสว่างของพระอาทิตย์ นี่เป็นสิ่งยืนยันเลยว่าท่านลืมตาไม่ได้หลับตา
คนไปเข้าใจผิดว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ซึ่งไม่ใช่ ท่านตรัสรู้ตั้งแต่ชาติก่อนแล้ว ชาตินี้ท่านจะมาประกาศตัวว่าเป็นพระพุทธเจ้า มาเปิดเผยธรรมะของพุทธ สร้างศาสนาพุทธขึ้นมา ในปางที่ท่านเป็นเจ้าชายสิทธัตถะท่านไม่ได้ศึกษาปฏิบัติธรรมอะไรของพุทธเพราะว่าท่านมีมาแล้ว สมบูรณ์มาแล้ว ในชาติที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านไม่ได้ปฏิบัติธรรมอะไร หากท่านมาปฏิบัติอีกจะมีเวลาเผยแพร่อย่างไร แต่ว่าท่านมีสัมมาสัมโพธิญาณเต็มถ้วนหมดแล้ว
สู่แดนธรรม… พ่อท่านเป็นคนเดียวที่บอกว่าพุทธเจ้าตรัสรู้เมื่อก่อนแล้ว
พ่อครูว่า… เขานั้นรู้ผิด อาตมานั้นรู้ถูก พระพุทธเจ้าก็เป็นแต่เพียงว่าเราระลึกว่าเราเป็นพระพุทธเจ้านี่เอง แล้วก็เอามาตรัส คือตรัส สิ่งที่ท่านรู้มาแล้วเอามาตรัส คือตรัสรู้ ตรัสที่ท่าน รู้สู่โลก ให้มนุษย์โลกได้รู้ตาม
เอาอย่างนี้ อย่าหมั่นไส้อาตมาก็แล้วกัน ขอพูดความจริง
บรรดาศาสนาพุทธที่มีอยู่ใน 2,500 ปีเสื่อมมาแล้ว ตามที่พระเจ้าตรัสไว้ก่อนเพราะไม่มีโลกุตรธรรม เรายืนยันในอาณิสูตร กลองอานกะ ที่ท่านพยากรณ์ไว้ตั้งแต่ตอนมีพระชนม์ชีพ แต่ความจริงก็มาเกิด 2,500 ปี กึ่งพุทธกาล มันเสื่อมจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่บอกว่าศาสนาพุทธ จะเสื่อมจาก โลกุตระที่ท่านพยากรณ์ไว้ แล้วมันจะไปเสื่อมตอนไหน เขาไม่รู้ตัวกัน
อาตมาอุบัติขึ้นมาในโลกปางนี้ จึงมาชี้บอกว่านี่ไงมันเสื่อม แล้วอาตมาก็สาธยายมาตั้ง 50 ปี ยืนยันว่าโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ๆๆ พวกคุณมาฟังคุณเข้าใจ มาปฏิบัติตามมีศีลสมาธิปัญญา มีจรณะ 15 วิชชา 8 กันจริงๆ จึงเกิดปรากฏการณ์จริง
มีลักษณะวรรณะ 9 มีลักษณะสาราณียธรรม 6 มีลาภธัมมิกา เป็นสาธารณโภคี ชัดเจน ก็ไม่เห็นแย้งไม่เห็นเถียงได้ ยืนยันจริงๆอย่างนี้ ก็เถียงไม่ได้
ที่เถียงไม่ได้คือ คุณมาเป็นอย่างที่อาตมาพาเป็นไม่ได้ ..2.ที่เป็นไม่ได้เพราะคุณไม่รู้ หรือจะบอกว่าคุณรู้ไหม ที่คุณรู้ยังต่ำกว่าความเป็นจริงที่เป็นโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า นี่ก็พูดความจริงไม่ได้ผิด ไม่ได้ไปดูถูก ไม่ได้ไปลบหลู่ แต่พูดความจริงตาม ความเป็น จริง สู่ฟัง ใครฟังเป็นก็ชัดเจน ใครฟังไม่เป็นก็มาเพ่งโทษอาตมาเท่านั้นเอง อาตมาก็ไม่ได้ แปลกใจไม่ได้ลึกลับอะไร ใครจะฟังแล้วเห็นเป็นอย่างไรมันก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ที่เขามีภูมิของเขาตัดสิน ไม่ใช่เรื่องแปลก
เป็นเรื่องอิสระเสรีภาพอย่างพวกคุณเข้าใจ รู้แล้วก็มาเอา ไม่มีใครบังคับ อาตมา ไม่ได้ล่อหลอกประเล้าประโลม มีแต่พูดความจริงออกไป พวกคุณมาแล้ว ใครที่ได้ก็ชัดเจน อยู่ก็อยู่ ใครไม่ได้ก็ไม่อยู่ หลายคนก็ยังอยากอยู่แต่มันไม่ได้อยู่ ผู้ที่ไม่มีวิบากมากก็อยู่ ก็มี จำนวนไม่มากหรอกผู้ที่จะรู้โลกุตรธรรมมันมีจำนวนไม่มาก มันเป็นยอดพีระมิด ก็พูดความ จริงไปหมดแล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร ในความจริงมันไม่ลึกลับ
แต่คนไม่รู้ความจริงมันลับมันลึก เขามองไม่ถึง มันลับ มันลึก มองยังไงก็เข้าไม่ถึง (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไท… ถ้าเราปฏิบัติตามที่พ่อครูสอน ไม่มีสำนักไหนพาทำอย่างชาวอโศก อย่างที่พ่อครูพาทำ แม้แต่เรื่องกินมังสวิรัติก็ยังไม่เหมือนกันเลยในแต่ละวัด สมาธิของเรา ก็อีกแบบหนึ่ง สมาธิของเราไปทำงาน เขามีสมาธิเท่าไหร่ก็ไปนั่งนิ่งไม่ทำงาน ของเรามี สมาธิมากเท่าไหร่ยิ่งทำงาน
พ่อครูว่า… ของเรายิ่งมีสมาธิมากเท่าไหร่ ยิ่งทำงานคล่องแคล่วว่องไว กายปาคุญญตามากเท่านั้นๆ ยืนยันตามคำอ้างพระพุทธเจ้าด้วย เถียงสิๆ
อินทริยภาวนาสูตร
อินทริยภาวนาสูตร
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
๑๐. อินทริยภาวนาสูตร (๑๕๒)
[๘๕๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ป่าไผ่ ในนิคมชื่อกัชชังคลา ครั้งนั้นแล อุตตรมาณพ ศิษย์พราหมณ์ปาราสิริยะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ แล้วทูลปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๘๕๔] พอนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามดังนี้ว่า ดูกรอุตตระ ปาราสิริยพราหมณ์แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกหรือเปล่า ฯ
อุ. แสดง พระโคดมผู้เจริญ ฯ
พ. ดูกรอุตตระ แสดงอย่างใด ด้วยประการใด ฯ
อุ. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ในเรื่องนี้ ท่านปาราสิริยพราหมณ์แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกทั้งหลายอย่างนี้ว่า อย่าเห็นรูปด้วยจักษุ อย่าได้ยินเสียงด้วยโสต ฯ
พ. ดูกรอุตตระ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่เจริญอินทรีย์แล้วตามคำของปาราสิริยพราหมณ์ ต้องเป็นคนตาบอด ต้องเป็นคนหูหนวก เพราะคนตาบอดไม่เห็นรูปด้วยจักษุ คนหูหนวกไม่ได้ยินเสียงด้วยโสต เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ อุตตรมาณพ ศิษย์ปาราสิริยพราหมณ์ นั่งนิ่ง เก้อเขิน คอตกก้มหน้า ซบเซา หมดปฏิภาณ ฯ
พ่อครูว่า…คนทุกวันนี้ฟังอาตมาแทนที่จะคอตกซบเซาแต่เถียงอีก โง่ไม่เสร็จ
หลับตาปฏิบัตินั้นไม่ใช่ของศาสนาพุทธเพราะไปปิดทวารทั้ง 5 แทนที่จะรู้ภายนอกภายในให้ครบ ก็ไปจำกัดให้ตัวเองอยู่ในภวังค์อยู่ในภพข้างในจิต แล้วก็เพ้อเจ้อเป็นนิรมาณกายเป็นสวรรค์วิมานเป็นสัมภเวสีไป เกินโลกจินตาที่จะคิด ฝันเพ้อไป แล้วเกิดหมู่ฝูง นิรมาณกาย สัมโภคกาย อาทิสมานกาย ไม่เห็นทั้งหมดเลยตาบอดเป็นมนุษย์ตาบอดสอนคนตาบอด
เหมือนคนตาบอดจูงคนตาบอดไปดูหนังใบ้ แทนที่จะได้ยินเสียงบ้าง ภาพไม่ได้เห็นเพราะตาบอด แต่ไม่ได้ยินเสียงอีก บอกกันว่า พระเอกหล่อจังเลย ท้องฟ้าสีสวยจังเลย ตาบอดชมท้องฟ้าให้กันฟังมันเป็นอย่างนั้นจริงๆเลย เขาไม่รู้ตัวหรอกนะว่าที่เขาเป็นอย่างที่อาตมาพูด ตาบอดคุยกับคนตาบอด เราฟังแล้วก็โอ้โห คนตาบอดเคยคุยกัน ประเภทที่มาหลอกโลกเพราะตัวเองเป็นอย่างนั้น ตาบอดจะไปเห็นฟ้าอะไรได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าสงสารมาก อาตมาก็พูดด้วยความจริงใจนะ สงสาร ที่มันเข้าใจไม่ได้ก็เห็นใจ มันบังคับกันไม่ได้ จะมาเห็นตามรู้ตามมีทิฏฐิตาม
เพราะว่า 1.ไปยึดถือครูบาอาจารย์เก่าแก่ที่ยึดถือกันมา
-
ดูถูกดูแคลนผู้ที่เป็นสัตบุรุษจริง
-
เพราะความโง่ โง่เอง ไม่รู้ความจริงว่าสิ่งที่เคยยึดถือเป็นครูบาอาจารย์นั้นจะเป็นคนมิจฉาทิฏฐิ