คุณแม่จงกล สุคันธนาค เกิดเมื่อวันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2467 เป็นคนจังหวัดกรุงเทพมหานคร แม่สมรสกับพ่อสุจิตต์ สุคัณธนาค มีบุตรด้วยกัน 2 คน คนโตชื่อนายอำนาจ สุคัณธนาค คนเล็กชื่อนางวาสนา เรืองสมุทร คุณแม่จงกลณี จบการศึกษาชั้น ม3 ที่โรงเรียนสีตบุตร กทมฯ มีพี่น้องร่วมกันทั้งสิ้น 8 คน แม่เป็นคนที่ 6 มีผุ้ชาย 2 คน เป็นผู้หญิง 4 คน คุณตาเป็นทหารเรือชื่อนาวาโทโต๊ะ ลางคุณเสน คุณยายชื่อนางหยาด ลางคุณเสนวัยเด็กคุณแม่เดินตามคุณตา คุณแม่ไปต่างจังหวัด บ่อยครัั้งหลังเรียนจบ แม่เป็นคนจริตนิสัยเหมือนคุณตาที่เป็นทหาร พูดตรง มีระเบียบวินัย พี่ชายก็มักจะชวนแม่ไปคอยช่วย เมื่อเวลาจะไปมีเรื่องชกต่อยกับวัยรุ่นถิ่นอื่น แต่แม่ก็เป็นคนรักความยุติธรรม ถ้าไม่ถูกต้องก็ไม่ยอม จนมีเรื่องที่ แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนอยู่ที่ปฐมอโศกวันหนึ่งมีคนมาป่วนกลางศาลาฟังธรรมพูดว่าพ่อครูต่างๆนานาที่ไม่เป็นความจริง แม่และญาติธรรมอีกคนคือป้าไฟเย็นพากันลุกขึ้นถือไม้ไปหาผู้ชายคนนั้นที่มาก่อกวนกลางศาลา แล้วบอกว่าถ้าไม่ชอบก็ออกไปไม่ควรมาอยู่ที่นี่ พอดีช่วงนั้น พ่อครูท่านติกขฯเดินมาพอดี พ่อครูท่านก็มาห้ามให้หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ เป็นผู้หญิงมาเป็นนักเลงหรือที่นี่ไม่มีนักเลงนะ เหตุการณ์จึงสงบลง แม่มาเล่าให้ฟังว่า พ่อแม่ครูอาจารย์ถ้าใคราลบลู่ ดูหมิ่นใส่ความที่ไม่เป็นความจริงยอมไม่ได้ แต่ที่ทำไปนั้นก็เพื่อจะขู่ ใจก็ไม่คิดจะไปตีเขาหรอก แม่เป็นผู้มีศรัทธาต่อพ่อครู สมณะสิกขมาตุอย่างมาก ปีพ.ศ. 2525 มีงานวิสาขบูชาที่สวนลุมพีนี ข้าพเจ้าได้ไปฟังธรรมจากพระชาวอโศกในยุคนั้น เกิดความเลื่อมใสศรัทธาวันรุ่งขึ้นก็ได้มาชวนแม่ไปฟังธรรมจากพระชาวอโกด้วยแม่ก็เริ่มถือศีล กินอาหารมังสิวรัติกับข้าพเจ้าร่วมกัน 2 คนแม่ลูกตลอดมา แม่ก็ติดตามมาที่สันติอโศกบางครั้งแม่ก็มาพักค้างที่สัติอโศกช่วงเข้าพรรษาในบางปี ช่วยทำหนังสือ ช่วยครัวบ้าง ปี 2527 สร้างชุมชนปฐมอโศกก็ได้เข้ามาปลูกบ้านอยู่เป็นรุ่นแรก ช่วยงานเรื่องทำครัวและอื่นๆในชุมชนปฐมอโศกตลอดมาปลายปี 2564 ท่านสมณะนาไทจะมาจำพรรษาท่ราชธานีอโศกก็ได้ชวนแม่มากราบพ่อครูที่บ้านราชฯ แม่ก็เริ่มชราสังขารก็เสื่อมลงก็คิดว่าจะมาเข้าคอร์สกับหมอเหมือนกันและอาจูสักระยะหนึ่งแล้วจะไปกราบลาพ่อครู เมือมาพบพ่อครูและได้ฟังธรรมะ และก่อนก็ได้มากราบพ่อครู ท่านมีเมตตาพูดกับแม่ว่าอยู่ที่นี่และพักสัก 4-5 ปี ปัจฉาฯท่านเสริมว่าพ่อครู 90 โยมก็ 100 ปี จะได้ฉลองพร้อมพ่อครู แม่ได้ฟังก็เกิดปิติ หลังจากกลับมาเกี่ยวข้าวที่นาแรงรัก ธันวาคม ปี 2564 กระผมกับแม่บ้าน มุทิตาจึงได้ปรึกษากันวาจะพาแม่ไปอยู่บ้านราชฯในช่วงบั้นปลายของชีวิต ซึ่งแม่ก็มีใจมั่นคง ตั้งมั่นที่จะมาอยู่ใกล้พ่อครู สมณะสิกขมาตุและชาวบ้านราชฯ แม้แม่จะเคยอยู่ตั้งใจว่าจะอยู่ที่ปฐมอโศกไปจนตายแต่แม่ก็ไม่ลังเลใจ ตั้งใจจากปฐมอโศกมา วันที่ 16 ก.พ. 2564 ตรงกับวันมาฆบูชา แม่จบกล ผม และคุณมุทิตาก็ได้เข้ามาอยู่ที่บ้านราชเป็นต้นมาเป็นเวลา 6 เดือนกับ 7 วันแม่ก็ได้จากไป
เดือนก.ค. เเม่เริ่มป่วยจากภาวะไตเสือม ค่าเลือดต่ำ โลหิตจาง ร่างกายเริ่มทรุดโทรมเสื่อมลง ช่วงนี้พ่อครูและคณะปัจฉาฯ มาเยี่ยมฝากวิตามินมาให้ครั้งแรกแม่ยังลุกนั่งกราบพ่อครูได้ และท่านติกขฯมาเยี่ยมแม่ตอนนี้อาการก็หนักแต่ก็ลุกขึ้นมาร้องเพลงให้ฟังได้ อาการก็ดีขึ้นอีกกินข้าวได้บ้าง เมือลูกสาวและหลานดาว ศิษย์เก่าสัมมาสิกขามาเยี่ยม หลังจากนั้นแม่ก็ทรุดลงอีก กินอาหารน้อย(9 วันก่อนสิ้นลมหายใจ) ดื่มได้แต่น้ำเปล่า พ่อครูคณะปัจฉาฯมาเยี่ยมครั้งนี้แม่ลุกไม่ได้แต่ก็มีสติรู้ตัวว่าพ่อครูมาเยี่ยม นอนพนมมือพูดกราบนมัสการด้วยเสียงเบา ครั้งที่ 3 ที่พ่อครูคณะปัจฉาฯมาเยี่ยมแม่ไม่ลืมตานอนหลับจนกระทั่งเวลา 15.35 น.ของวันอังคารที่ 23 ส.ค. 2565 คุณแม่จงกลก็ลาจากไปด้วยอายุ 98 ปี กับ 18 วัน แม่ได้ตั้งใจที่จะมาอยู่ใกล้พ่อครู ที่บ้านราชและตายอยู่ที่แผ่นดินพุทธแห่งนี้ แม่ก็ได้ทำสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้แล้ว พ่อครูท่านได้บอกกับแม่บ้านมุทิตาไว้ว่าแม่จบกลเป็นกรณีศึกษาถ้าไม่ได้ฝึกปล่อยวางมาก่อน ก็คงยากจะต้องฝึกมาก่อน ก็คงต้องให้ปล่อยไปตามวาระสังขาร แม้จะผูกพันกับลูกมากเพราะปฎิบัติธรรมร่วมกันมาจึงปล่อยวางยาก
กราบขอบพระคุณพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ ด้วยความเคารพบูชาอย่างสูงยิ่งที่มีเมตตาต่อลูกๆกราบนมัสการท่านสมณะ ท่านสิกขามาตุด้วยความเคารพช่วยเหลือเกื้อกูลทุกอย่าง กราบขอบพระคุณ คณะพยาบาลและทีมพยาบาลทุกๆท่าน ที่มีความเอื้อเฟื้ออาการดูแลแม่อย่างยิ่งหมอเหมือนกันอาจู และหมดหินแก่นที่คอยนวดดูแลแม่เสมอมา กราบขอบพระคุณท่านนาไทที่ได้ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อ เกื้อกูลแม่และครอบครัวเป็นที่ปรึกษามาตลอดเวลา
จากลูกๆและหลาน
อำนาจ วาสนา มุทิตา แดนดาว
24/ส.ค./2565