660101 พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1kz1Ls0cO5Qeao-fpiXF_klXzKxBLW3NKhzIIc1RRcEQ/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1XCc80TbWu6NK5mEmDxxF0qs-StoNBrh6/view?usp=share_link
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/J51f36hFaXc
และ https://fb.watch/hNeCScICy2/
พุทธแท้จบที่อากิญจัญญายตนะ
พ่อครูว่า… วันนี้วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานี อาตมาตอนนี้อายุเท่าไหร่ 2566- 2477 เหลือเท่าไหร่ ก็เหลือ 89 ถ้า 2 5 6 7 ก็เต็ม 0 อายุก็จะ 90 อายุจริงๆอาตมาเกิดมิถุนายนมัน 6 เดือนพอดีกลางปี
การเกิดกลางปี การเกิดปลายปีหรือต้นปี ก็เป็นเรื่องอจินไตยชนิดหนึ่งเหมือนกัน พระพุทธเจ้าเกิดต้นเลย อาตมาเกิดเดือน 7 ตอน 8 ค่ำ มันก็กลางๆ ของพระพุทธเจ้า 15 ค่ำก็เต็มเลย มันเป็นเรื่องจริง
วันนี้ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 2 เดือนยี่ ปีขาล ดญ.ปุณย์ ก็เกิดวันที่ 31 วันนี้วันที่ 1 ดญ.ปุณย์ ก็อายุ 2 ปีถ้วนเลย ทำใส่กระดาษมาอย่างดีเลย สวัสดีปีใหม่ 2566 บิดาเขาทำมา เขามีบิดา เป็นช่างสื่อ เขาก็ทำมา คุณปุ๊กบิดาเขา ส่วนแม่เขา คุณรุณ ลูกก็เลยชื่อปุณย์ ถ้ามีลูกอีกคนก็คงชื่อ รุก
สวัสดีปีใหม่ 2566 น้องปุณย์ ดญ.รวงทองแพง เจนไชย กราบขอบพระคุณในความรักความเมตตาที่หลวงปู่มอบให้น้องปุณย์ ตั้งแต่อยู่ในท้องจนโตมา 2 ขวบ วันที่ 31 เดือน 12 พ. ศ. 2565 ขอให้หลวงปู่มีสุขภาพแข็งแรง อยู่ดูน้องปุณณ์ขอบใจในสังคมสาธารณโภคี จวบจนได้สั่งสมบารมีติดตามหลวงปู่ไปทุกภพทุกชาติค่ะ
ปุณย์เอ๋ย โตขึ้นมาอ่านหนังสือนี้ให้มันออก บิดาเราเขียนไว้ หรือไม่รู้ว่ามารดาเขียนก็ไม่รู้ล่ะ ไม่บอกมา
คือ เด็กๆที่ใกล้ชิดพวกเราอย่างนี้แหละ เป็นที่น่าเอ็นดู ก็ โอภาปราศรัยเชื่อมโยงเกี่ยวข้อง ผู้ที่อยู่ห่างก็ห่างก็ไม่มีสิ่งเหล่านั้นเกิด ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดก็มีสิ่งอันนี้เกิด เป็นเรื่องธรรมชาติของกรรมกิริยา เรื่องการอยู่ใกล้ชิด มันยิ่งกว่าการสัมผัสและก็ซึมซับ ยิ่งกว่า Absorb มันเป็นการออสโมซิสที่ลึกมาก มันจะซึมซับไหลเข้าไปลึกมาก
เอาเถอะระวังจะขุนกันเข้าไป สปอยกันไปก็ระวังจะเสีย ให้มันอดๆอยากๆบ้าง
เรื่องที่อาตมา ติ๊กๆไว้ Noticed เรื่องที่เป็นประเด็นอะไรสำคัญ
ประเด็นที่คิดว่า อยากจะพูดในวันนี้ คือเรื่องจุดจบ หรือจุดที่สุดของความลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประชาธิปไตยก็ดี เรื่องเศรษฐกิจก็ดี เรื่องของสังคมมนุษยชาติก็ดี มันมีที่จบ มันมีที่ลงตัวของมัน แต่คนนี่เข้าใจไม่ค่อยได้ เข้าใจยาก มันวนแล้ววนอีก อยู่นั่นแหละไม่รู้จักจบ ได้หน้าลืมหลัง ได้หลังลืมหน้า ได้ต้นลืมปลาย ได้ปลายลืมต้นไม่รู้จักจบ มันเลยตัดเขตจบที่เป็นความจริงไม่ได้
ไอ้ที่มันอยากจบโดยไม่มีปัญญามันก็ไปตัดจบโดยที่มันไม่จบจริงอีก เยอะเหมือนกันพวกสายหลับตาพวกอยากจะบรรลุ แล้วก็เลยจบเอาดื้อๆ โดยมีวิธีหลับตาหยุดคิด หยุดคิดได้นานหน่อยก็จบแล้วเรา อรหันต์แล้ว หลอกคนแก่ไปหมดสายหลับตา ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ปัญญาไม่มีการสัมผัสความจริงตามความเป็นจริงไม่มีโลกวิทูอะไรเลย มีแต่โลกวิทู่ ไม่รู้โลกเลย โลกวิทู่ มันทู่มันทื่อมันโง่มันทึบไม่รู้เลยเอาแต่เดา ไปได้ อสัญญีสัตว์ กับสัญญาในสัตตาวาส 9 นึกว่าจบ อันนี้ก็น่าสงสาร
พวกหลับตานี้จะจบอยู่ที่ อสัญญีสัตว์ ส่วน อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ แล้วแถม อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ อีก เก๊ทั้งหมด 4 อันนี้ ที่เป็นอรูปฌาน อรูปฌานเก๊ เพราะ อสัญญีสัตว์ มันก็เป็นมิจฉาทิฏฐิแล้ว
เพราะฉะนั้น ดันทุรังไปอีก 4 อรูปฌาน ซึ่งสอนกันพวกสายหลับตา มีอรูปฌาน 4 เก๊ เพราะของศาสนาพุทธจริงนั้น พอจบที่ฌานที่ 4 อสัญญีสัตว์ ไม่มี เหลืออรูปฌาน ก็มี 3
อรูปฌาน ก็คือจะรู้จักวิญญาณ รู้จักอากาศ อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ และรู้ที่จบ อากิญจัญญายตนะ มันจบแล้ว มันหมดกิเลสแล้ว มีวิญญาณฐีติ 7 เท่านั้นเอง ไม่มี เนวสัญญานาสัญญายตนะ เด็ดขาดเลย เนวสัญญานาสัญญายตนะ แปลว่าจะรู้ก็ไม่ใช่ไม่รู้ก็ไม่ใช่ก็มันยังไม่จบ มันมีวิจิกิจฉา เป็นสัตว์ที่มีวิจิกิจฉา
แต่ วิญญาณฐิติ 7 หมดวิจิกิจฉาไม่มี ชัดเจนจบที่ อากิญจัญญายตนะ นิดหนึ่งน้อยหนึ่งก็ไม่มี เพราะมันรู้ชัดมันมีปัญญาญาณครบบริบูรณ์
นี่เป็นจุดสำคัญของชาวพุทธที่จะต้องรู้ความจริงอันนี้ แล้วจบได้จบเป็นจบอย่างสัมมาทิฏฐิ จบด้วย วิญญาณฐิติ 7 มี สัญญากำหนดรู้กาย กาย องค์ประชุมทั้งหมด กายมันคือองค์ประชุมของจิตเจตสิกต่างๆโดยเฉพาะอ่านเวทนาในเวทนา และสรุปจิตในจิต โดยมีกายมีธรรมะมาช่วย กายเวทนาจิต มีเจโตปริยญาณ 16 ครบกระบวนการ ก็รู้หมดเลยว่ากิเลสเราหมดไปค่อยๆเป็นไปตามขั้นตอน ราคะ โทสะ โมหะไปทีละคู่ สังขิตฺตํจิตตํ วิกขิตฺตํจิตตํ มหัคคะ อมหัคคะ สอุตระ อนุตระ สมาหิตัง อสมาหิตัง วิมุติ อวิมุติ ครบเลยเจโตปริยญาณ 16 เป็นสัจจะ บริบูรณ์ถ้วนรอบ ไม่เหลือเศษเลย นี่เป็นสัจจะของพระพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้นความจริงมาพูดกันโดยขยายออกมาสู่โลก จะเป็นกระบวนการของความเป็นประชาธิปไตยก็ตาม กระบวนการของเศรษฐกิจก็ตาม สังคมมนุษยชาติก็ตาม ลองมาสาธยายสู่ฟังโดยปฏิภาณปัญญาของอาตมานี่แหละ มีความหมายอะไรอย่างไร
ความจบกิจของประชาธิปไตยไทยอยู่ที่จุดไหน
มันอยู่ตรงไหน เรื่องของความจบ ก่อนจะสาธยายต่อไปอาตมาก็ขอยืนยันว่า ในประเทศไทย ความเป็นประเทศไทย ณ ปัจจุบันนี้ เรื่องเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบันนี้ ก็เป็นเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลกแล้ว มันไม่นิ่งหรอก มันไม่เที่ยงหรอก แต่ว่าสะพัดหมุนอยู่ อย่างได้สัดส่วนที่ดีที่สุดกว่าประเทศใดๆในโลก
คำว่าดีคำนี้ ทั้งความสะพัดก็เร็ว Static กับ Dynamic ก็ความนิ่งแน่นก็นิ่งแน่น ความสะพัดก็เร็ว กว่าประเทศใดๆ แต่นัย ละเอียดอย่างนี้โดยอธิบายธรรมะ นักเศรษฐศาสตร์ที่ไม่มีธรรมะก็ไม่รู้เรื่อง มีความพอดี มีความลงตัว มีความเป็นไปอยู่ดีที่สุด เหนือประเทศต่างๆอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็น 1. หนี้ของประเทศ หรือ สิ่งที่เอามาใช้เป็นองค์ประกอบในการสะพัด ทั้งที่บอกว่า เงิน หรือที่เรียกว่า อัตรา ของประเทศนี้ชื่อว่า ดอลลาร์ หยวน รูปีอะไรก็แล้วแต่ ที่เราไปกู้ไปยืมมา และเราเองก็สร้างสรรค์และเราก็มี สะพัด จะไปใช้หนี้คืนเขาหมุนเวียนอยู่นี่แหละไม่มีจบหรอกมัน สะพัดกันทั่วโลก ที่มันสัมพันธ์กันระหว่างต่อประเทศที่ยังเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน มีการค้าขายใช้จ่าย มีการหมุนเวียน ธนบัตรของชาติตัวเองอยู่กับของแต่ละชาติ มันก็สัมพันธ์กันไป มันไม่มีหยุดมันไม่มีจบหรอก แต่มันมีตัวจบที่อยู่ในความพอเหมาะพอดี อยู่ในความพอเหมาะพอดีของมัน มันเป็นความจบ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประชาธิปไตยก็มีความจบพอดี ความเป็นประชาธิปไตยคืออะไร
ความเป็นประชาธิปไตยคือ ความเป็นดีอยู่ดีของมวลมนุษย์ อยู่ดีแล้ว อยู่ดีกินดี อยู่กันอย่างสบาย ไม่ทะเลาะวิวาทกันเกินควร แน่นอนคนมีกิเลสทั่วไป ก็มีทะเลาะวิวาท มีเรื่องมีราวต้องมีขึ้นโรงขึ้นศาล มีตำรวจมาจับ มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติ แต่งานมันจะน้อย
ถ้าสังคมใดที่สงบ เอาตัวอย่างสังคมของชาวอโศก ชาวอโศกไม่ต้องมีตำรวจ ไม่ต้องมีศาล มีผู้ดูแลเป็นชั้นเป็นตอน พิจารณาตัดสินกันไป ตามลำดับได้ แล้วก็หยุดได้ง่ายดาย ไม่ต้องเรื่องมาก
ทุกวันนี้ ยกตัวอย่าง เรื่องที่พวกเราไม่ค่อยลงตัวกัน ไม่ค่อยมาถึงอาตมา เขาจัดการตกลงตัดสินกันเป็นขั้นตอนไม่ค่อยมาถึงอาตมา อาตมาไม่ค่อยได้ยุ่งยากที่จะไปช่วยตัดสินอย่างนี้เป็นต้น เพราะมันลงตัวสมบูรณ์แบบแล้ว
เพราะฉะนั้นการขัดแย้งกันการทะเลาะกัน การตกลงกันให้สำเร็จจบยุติ ยุติกันได้ โดยไม่ต้องลำบากลำบนขึ้นมาถึงสูงสุด ระดับประเทศก็ไม่ขึ้นสูงสุดถึงนายก จบได้ก่อน อย่างนี้ก็เป็นความสงบความสบายของสังคม
เพราะฉะนั้นเรื่องสังคมที่ประชาชนที่แต่ละคนมีอธิปไตย แต่ละคนมีพลัง แต่ละคนแสดงอำนาจบาตรใหญ่ของตนเอง แต่ความเป็นกิเลสในตนเองนั้นไม่มาก มันจึงออกไปทะเลาะกันไปแย้งกันไปแข่งดีแข่งเด่นกันน้อย มันก็เลยเรื่องไม่มาก
เมืองไทยเรื่องไม่มาก แต่คนไม่รู้ความพอเหมาะพอดี ยังไม่เข้าใจความเป็นจริงของความสงบ ของสภาพของรัฐศาสตร์หรือการเมืองหรือประชาธิปไตย หรือแม้แต่การแย่ง แก่งแย่งชิงดีชิงใช้เรื่องของเศรษฐกิจก็ตาม เมืองไทยไม่มีปัญหามากเลย สบาย
สบายถึงขนาดว่าชาวอโศกปีนี้ ชาวอโศกเป็นคนจน นี่ไม่ได้พูดเล่นเป็นสังคมคนไม่ได้สะสมเงิน ไม่ได้ไปเอาเปรียบเอารัดโลกเขา ไม่ได้ไปเอาเปรียบเอารัดสังคม มีแต่เสียสละให้สังคมตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเงินกองกลางเงินก้อนของตนเองนั้นจะมีน้อย แต่มันก็พอหมุนมาได้ ปีนี้เสียสละจัดงานตลาดอาริยะ ขาดทุน 10 ล้าน ทั้งที่เป็นคนจนนะ ไม่ใช่คนรวย นี่พูดยากที่คนจะเข้าใจ
และคนที่จะมาได้รับประโยชน์จาก 10 ล้านที่เราพยายาม และเราก็ไม่ได้แจกเงินไปให้ใช้สุรุ่ยสุร่าย เราก็มีวิธีแจกโดยใช้วิธีซื้อของจำเป็นที่จะต้องใช้กันในย่านนี้ ไม่ใช่พวกไฮโซ ของที่เราจะขายไม่มีสินค้าแบบไฮโซ มีจอบ มีเสียม มีตะกร้า มีกระบุง มีครก มีสากอะไรต่ออะไร มีกระทะ มีหม้อ อย่างนี้ จะว่าพวกเรานี้เป็นคนชั้นต่ำ ชั้นพื้นๆก็ใช่ เราไม่ใช่คนชั้นสูงตามโลกที่เขาตั้งค่า
แต่เราเป็นคนชั้นสูงชนิดที่เป็นโลกุตระ เช่นเราเป็นคนจนนี่เป็นโลกุตระ คุณเป็นคนรวย คุณเป็นพวกไฮโซ แล้วคุณก็นับถือกันคนรวย แต่เรานับถือคนจน เห็นไหมว่าทิฐิความเข้าใจความเห็นมันยึดถือกันคนละทิศ
เพราะฉะนั้นไม่แย่งกัน คนที่จะมาเอาทิฏฐิ คนจนกับคนรวยมันไม่ทะเลาะกันมันสงบเป็นสังคมที่สงบสบาย ดีไม่ดีพวกคนจนนี้ มีทิฏฐิ มีความฉลาดช่วยเหลือคนรวยด้วย แจกให้คนรวยด้วย
เพราะฉะนั้นคนรวยที่เขาเองเขายังไม่พอเขาก็มาเอาจากพวกเรา แต่พวกที่จริงของเขาก็ไม่มาเอา ไม่ใช่ของที่เขาจะเอาด้วย มันก็มาแต่คนระดับอย่างนี้ มันก็ไม่ทะเลาะกันอีกไม่แย่งกันอีก ก็มีคนที่มันอยู่ในเกณฑ์ที่จะอยู่ อย่างพอเหมาะพอดีกันมา สบายสงบ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอา เปรมใจ เกษมใส ใจเกื้อกูลแท้จริงเลย
เพราะฉะนั้นเรามาพูดถึงรายละเอียด ความจบมันอยู่ที่ไหนรู้ไหม อยู่ที่หาที่สุดมิได้ อยู่ที่รัฐบาล อยู่ที่ห้างขายยา ความจบอยู่ที่ไหน อยู่ที่เราหรืออยู่ที่ตัวคน ความจบอยู่ที่เรา แต่ละคนจบจริงๆคือ จบกิจ เป็นพยัญชนะภาษาคำว่า จบกิจ เป็นผู้ฉลาด อาริยะ ครบจบกิจแล้ว สมบูรณ์แบบไม่มีอะไรลึกลับ เรียกว่า อรหันต์ เป็นที่สุด อรหะ + อันตะ
อันตะ แปลว่า ที่สุด อรหะ แปลว่าไม่ลึกลับแล้ว ชัดเจนแล้ว จบแล้ว หมด ไม่มีอะไรเป็นเรื่องแล้ว
_สู่แดนธรรม… นอกจากคำว่า จบกิจแล้วยังมีคำพ่วงอีก 1 คำครับคำว่า ปลงภาระครับ
พ่อครูว่า… ปลงภาระได้ เป็นคำซีโนนีม คำที่ใช้แทนกันได้ จบกิจหรือปลงภาระสนิทแล้ว แถมไม่เวียนวนอีก หมดความยึดมั่นถือมั่นเป็นคำซินโนนีม คำที่ใช้แทนกันได้ เป็นคำที่คล้ายกันใกล้กัน
เพราะฉะนั้นจะเป็นประชาธิปไตยก็ดี เศรษฐกิจก็ดี หรือว่าสังคมมนุษยชาติก็ดี มันจบ หรือลงตัวตรงไหน ตรงไหน? มีความลงตัวอย่างไร หรือว่า มันไม่มีที่สิ้นสุดลงได้ ไม่มีที่จบกันสักที นี่ มันต้องสอบสวนตรวจสอบกันจริงๆ
ประเทศไทย พ.ศ.นี้แหละ มันไม่ดีเอามากๆหรืออย่างไร ประเทศไทยพุทธศักราช 2566 65 ผ่านมา 64 ผ่านมา ในช่วงที่พลเอกประยุทธ์เป็นนายกผ่านมา 8 ปีมาถึงปีนี้ปีที่ 8 พวกที่อยากได้อำนาจอยากจะมาแสดงฤทธิ์เดชบริหารอวดเก่งก็แย่ง
แม้ที่สุด เห็นแล้วก็น่าสงสาร น่าสังเวชใจ พี่ป้อมก็จะแย่งน้องยุทธ ทั้งๆที่วัยก็ดีสังขารก็ดีเห็นแล้ว โถ…พี่ป้อม อยากเป็นนายก ในชีวิตนี้เป็นนายกฯบ้างขึ้นทำเนียบชีวิตเอาไว้เพื่อเป็นเกียรติของชีวิต ก็คงไปฮึดอย่างไรไม่รู้ชีวิต แล้วก็มีพรรคพวก มีกองเชียร์ เชียร์กันใหญ่เลย
เราไม่ได้ไปลบหลู่ บิ๊กป้อมหรอก เรากำลังพูดถึงสัจจะของจิตวิญญาณของคนจิตนิยามของคน มันเป็นไปอย่างที่แสดงออกมา เห็นแล้วก็ เออเนาะ…มันเป็นจริงของสัจจะเช่นในยุคพระพุทธเจ้ามีพระเทวทัตก็แสดงอย่างนั้นจริงๆ มันก็จริง มีคนนั้นคนนี้แสดงที่เป็นพวกค้านแย้งกับพระพุทธเจ้าหรือสนับสนุนกับพระพุทธเจ้าออกมา มันก็เป็นความจริงของความจริงทั้งนั้น
ทุกวันนี้มันก็เป็นการแสดงความจริงของความจริงของคนแต่ละคน ยิ่งกว่าละคร มันไม่ใช่ละครแต่มันเป็นเรื่องจริง ถ้ามีปัญญา เราก็จะเห็นได้
คำว่า ประชาธิปไตยมันก็ลงตัวแล้ว คำว่า เศรษฐกิจ มันก็ลงตัวแล้ว ความเป็นสังคมมนุษยชาติของประเทศไทยใน พ.ศ. นี้ จึงอยู่ในสภาพที่ลงตัวที่พูดได้ว่าดีที่สุด ของโลก
อาตมาพูดแล้วต้องปรามพวกเราว่า เราอย่าหลงตัวเองอย่าประมาท ก็ให้รู้ความจริงเรียนรู้แล้วก็ระมัดระวังไว้ อย่าประมาทเป็นอันขาด ชีวิตทุกอย่างไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงได้เร็วไวด้วย ถ้าขืนหลงตัวเหลิงๆ แป๊บเดียวตีลังกาเลย หกคะเมน อยู่สวรรค์ตกนรกพรวดเลย นั่นคือประมาทไม่ได้
เมื่อกี้พูดผ่านประชาธิปไตยไปเล็กน้อย เดี๋ยวค่อยขยายความต่อ
คนจนที่ขยันสร้างอาหารมาให้ คือคนที่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจสำเร็จ
มาพูดถึงเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เขาแก้ปัญหาเศรษฐกิจกันอย่างวัวพันหลัก แก้ปัญหาเศรษฐกิจตามทฤษฎีของเทวนิยม ทฤษฎีของตะวันตก ทฤษฎีไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า แม้แต่ในประเทศไทยก็เอาทฤษฎี นักเศรษฐศาสตร์ตะวันตกมา มันก็แก้ไม่ตก
ชัดๆง่ายๆก็คือจะต้องแก้ปัญหาให้ทุกคนไปรวย มี Concept อย่างนั้น มีทิฏฐิอย่างนั้น แล้วก็ทำจริงด้วย ซึ่งมันไม่จบไม่มีสิ้นสุดไม่มีการสำเร็จ
ต้องมาทำคนให้เข้าใจว่าต้องรู้จักพอ มีน้อย จนแต่อุดมสมบูรณ์ มีกินอยู่ พออยู่พอกิน ดี ชีวิตน้อพออยู่พอกิน ไม่ต้องมีมากมีมาย พออยู่พอกิน เกิดการสะพัดหมุนเวียนแล้วรู้จักเหตุปัจจัยที่เราจะต้องกินต้องใช้
ไม่ต้องเอาแรงงานไปสร้างอาวุธฆ่ากันเป็นอันขาด ใครจะสร้างอาวุธมาฆ่ากันเองขนาดไหนก็ตาม พิเศษขนาดไหนก็ตามเชิญโง่สร้างนรก- ให้แก่ตัวเองไป มันเป็นเรื่องนรก มันเป็นเรื่องเลวร้ายกันสร้างอาวุธขึ้นมาในสังคมมนุษยชาติ
สัตว์เดรัจฉาน มันไม่เลวเท่าคนสร้างอาวุธ มันสร้างไม่เป็น เพราะฉะนั้นมันไม่ทำความเลวร้ายนั้น ไม่มีเดรัจฉานจะสร้างอาวุธด้วยความเลวร้าย มีคนนี่แหละโง่กว่าสัตว์เดรัจฉานไปสร้างอาวุธมาเป็นความเลวร้ายเพราะสร้างอาวุธมาเพื่ออะไร สร้างมาเพื่อฆ่าคน แย่งอำนาจเรียกทรัพย์สินแย่งความเป็นใหญ่ในโลกจะเป็นเจ้าโลก เหมือนอย่างประเทศใดๆก็แล้วแต่ที่อวดเก่งแล้วก็คิดว่า เราจะต้องเอาอำนาจของอาวุธ
ยกตัวอย่างตั้งแต่เกาหลีเหนือเขาเชื่อเลยว่าจะต้องเป็นอาวุธนี่ถึงจะทำให้เขาอยู่ได้และยิ่งใหญ่ ถ้าเขารู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นผู้ที่ยอมเสียสละเป็นตัวเล็กตัวน้อย แล้วก็ให้คนอื่นเมตตาช่วยเหลือนะ เกาหลีเหนือจะไปรอด แต่เกาหลีเหนือไม่มีความคิดนี้ในความคิดเลย มีแต่ความคิดจะสร้างอาวุธเพื่อที่จะชนะเขาให้ได้ ชนะเขาให้ได้ แล้วจะได้เป็นใหญ่ นี่คือความคิดของพวก มิลักขะ ไม่ใช่ อาริยกะ ไปบังคับความคิดเขาไม่ได้หรอกเขาเห็นอย่างนี้ตกทอดมาตั้งแต่ทวดเขา มาถึงคิมจองอึน เขาก็ยังคิดอยู่อย่างนั้น ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ แต่คนเขาไม่มีใครไปโหดร้ายกว่านั้นอีกแล้ว เขาก็มีมวล ที่เป็นความเห็นเดียวกันความจำเป็นหรือความจำนน เขาก็ต้องอยู่ด้วยกัน ทิฏฐิเดียวกัน เห็นด้วยกันหรือมันไปไม่ออก มันต้องจำนนอยู่อย่างนี้ เขามีกฎหลักไม่ให้หนีออกจากประเทศนะลัทธิของเขา หนีออกจากประเทศเขาตามจับได้เขาฆ่าเลย เช่น พี่ชายเขาออกต่างประเทศเขาตามฆ่าเสร็จเลย เห็นไหม อย่างนั้นเป็นต้น
ที่อาตมาอธิบายไปนี้อาตมาไม่ได้ไปดูถูกดูแคลนไปข่ม แต่มันเป็นสัจจะของคนของสังคม ของประเทศ ของพฤติกรรม มนุษยชาติ มันเป็นอย่างนั้น
สรุปอีกที อาตมาถึงบอกว่าอาตมาเทียบเคียงระหว่างประเทศนั้นประเทศนี้ มันมีพฤติกรรมพฤติการณ์ ของความจริงแต่ละประเทศมันเป็นอย่างไร อาตมาก็เอามาอธิบายให้ฟัง
กลับมาเทียบในทางประชาธิปไตย ประชาธิปไตยอเมริกากับประชาธิปไตยไทย ชัดเจนมากสำหรับอาตมา ประชาธิปไตยอย่างอเมริกากับประชาธิปไตยอย่างไทย
ประชาธิปไตยอย่างอเมริกาเป็นประชาธิปไตยขาเดียว อย่างที่อาตมาอธิบายอย่างสำนวนภาษาอาตมา คือเป็นประชาธิปไตยของคน กเฬวราก ใครก็ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี บ้าๆไปตามกฎเกณฑ์ของเขา 4 ปีแล้วก็เลือกตั้ง สร้างอำนาจก็ได้หลายสมัย กฎหมายออกบ้างจะให้ได้แค่ 2 สมัย 3 สมัยไม่ได้ เขาก็แก้กฎหมาย หรืออะไรพวกนี้ เหมือนอย่างเขมร ไม่มีอะไรว่าเวลาจะหมดเป็นนายก เป็นทั้งนายกเป็นทั้งประธานาธิบดี เป็นทั้งพระเจ้าแผ่นดิน แต่เขาอยู่อย่างเขมร ไม่เหมือนเกาหลีเหนือ มันมีนัยยะต่างกันเท่านั้นเอง อย่างนี้เป็นต้น
ที่นี้มาพูดถึงเศรษฐกิจคือการกระจายสิ่งที่กินที่ใช้ มันไม่ใช่ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยคือการบริหารการให้ประชาชนแต่ละคนอยู่กันอย่างสามัคคีอยู่กันอย่างสงบอย่างพอเป็นไปได้อาศัยเศรษฐกิจ อาศัยความเป็นสังคม
มาถึงการกระจายสิ่งที่กินที่ใช้ก็ไปหลงเฟ้อ จะต้องเสพความสนุกสนาน จะต้องเสพความชนะความแพ้ จะต้องเสพรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เขาไม่รู้จักความติดยึด เขาไม่รู้จักกิเลส
ชาวอโศกรู้จักกิเลสแล้วไม่ไปแย่ง ไม่ไปแย่งความชนะแบบนั้น จะชนะแบบรวย ก็ไม่แย่ง ชนะแบบสวยก็ไม่แย่ง ชนะแบบมีอำนาจก็ไม่แย่ง ชนะแบบได้ยศศักดิ์ ก็ไม่แย่ง แม้แต่ชนะแบบจะได้รับการยกย่องสรรเสริญก็ไม่แย่ง จนที่สุดเรามาเข้าใจว่าแม้แต่สุขก็ไม่ไปแย่ง เพราะเราไม่เสพสุข เรารู้ว่าสุขคือความติดยึด คือมายาตัวหนึ่ง คือสิ่งที่หลอกของอารมณ์ สิ่งหลอกอารมณ์ เวทนาของมนุษย์
เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้แล้วก็ชัดเจน มันลึกซึ้งละเอียดนะ อารมณ์เสพ อาตมาไล่ตั้งแต่หยาบจนถึงละเอียด อารมณ์สุขอะไร สุขว่างๆ ได้อยู่ว่างๆ ว่างเป็นอย่างไร ก็อยู่เฉยๆ ใครจะทำอะไรก็ทำไปสิ เราอาศัยกินเป็นปลิงเกาะกินอยู่กับพวกคุณ ก็จะรู้สึกว่า เราเป็นปลิงไปเกาะกินเขามันเบียดเบียนนะ มันเป็นหนี้นะ ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรนะ เราก็ไม่เอา เราก็ไปทำประโยชน์สร้างสรรค์ เราเห็นว่าอะไรสำคัญเราก็สร้าง ปลูกกล้วยปลูกผลไม้อะไรต่ออะไรมากินกัน เราก็ไปช่วยทำโน่นทำนี่เล็กๆน้อยๆ แม้เราจะไม่มีฝีมือไปช่วยอย่างโน้นอย่างนี้ก็ได้ แล้วเราก็เข้าใจลึกซึ้งอย่างนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นอาหารโดยเฉพาะ กวฬิงการาหาร อาหารคือคำข้าวที่กลืนกินเข้าไปจึงเป็นที่หนึ่ง คนที่มีความรู้ว่ามาเป็นกสิกรนี้สุดยอดของคนแล้ว แล้วการสร้างอาหารการกินมาให้คนอื่นเอาไปกินไปใช้ด้วย ต้องถูก จะแพงไม่ได้ ราคาแพงมันบาปมันโหดมาก ราคาอาหารต้องถูกหรือแจกให้ ให้เลย จำเป็นจะต้องแลกมาบ้างจะต้องให้ถูกที่สุด ถ้าไม่จำเป็นต้องแลกก็ให้ให้ ให้เลย ถ้าเราเหลือพอก็ให้เลย อย่างที่ชาวอโศกเราทำ มันเป็นสิ่งประเสริฐ มันเป็นสิ่งที่มีความรู้อย่างนี้ก็ต้องทำอย่างนี้ คนไม่มีความรู้อย่างนี้เอาเวลาไปสร้างอาวุธฆ่ากัน เอาไปเต้นไปดีด เอาไปแข่งฟุตบอล เต้นแร้งเต้นกา สารพัด เอาไปทาไปขีดเขียน ต่างๆนาๆเสียเวลา เสียแรงงาน เสียทุนรอน ไม่ค่อยเข้าใจ
เราไปบังคับให้เขาเข้าใจไม่ได้ เขายังติดยังข้อง แต่เราก็ต้องพูดให้เข้าใจ ใครที่มีปฏิภาณก็พูดให้เขาเข้าใจว่าถูกตำหนินะ จริงๆไม่แคร์ตอนนี้หรอกด่าเลยนะ ทำไมเราไม่รู้จักเจ็บ ท่านด่าเราแล้วนะไม่ใช่ตำหนิธรรมดาตำหนิหนักๆตำหนิแรงๆเลยนะ ทำไมเราไม่ละอายสักที
คนที่เกิดหิริโอตัปปะ คนนั้นคือเริ่มเป็นคนที่มีความเจริญ เทวธรรม เทวะ แปลว่าเจริญเริ่มมีความรู้เจริญ เราทำอย่างนี้อยู่ในสังคมมนุษยชาติ ผู้รู้ท่านพากันมาเจริญแล้ว มาเป็นคนจนมาเป็นคนไม่ติดรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ไม่ติดแม้แต่สุข โอ้โห… ท่านเจริญแล้วนะ คนที่รู้อย่างที่อาตมาพูดสรุปๆนี่คือคนเจริญ นอกนั้นยังไม่เจริญ ยังเป็นมิลักขะ ไม่ใช่อาริยกะ
เพราะฉะนั้นความเจริญที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่อาตมาเอามาขยายให้ฟัง ตามความรู้อาตมาที่อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า ขอยืนยันว่านี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ของศาสนาพุทธ สอนอย่างนี้
เมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่ยืนยันได้ตั้งแต่ในหลวง ร. 9 ตรัสไว้เลย เอาคำเดียวคำว่า มาเป็นคนจน เอาแบบคนจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเราอีกขยายความ ขยายไปอีกว่าเอาอย่างพอเพียง ในหลวงท่านขยายไม่ค่อยออกเหมือนอย่างโพธิรักษ์ เป็นหน้าที่ของโพธิรักษ์ ในหลวงมีหน้าที่บริหารท่านทำหนัก อาตมาก็หนัก หนักอย่างเบา แต่ท่านหนักอย่างหนักก็ว่าไป เพราะท่านจะต้องทำหน้าที่อย่างหนักอยู่ มันก็ต้องหนัก แต่อาตมา มันค่อยยังชั่วแล้วมันเบาลงมาได้เรื่อยๆ อาตมาก็ไปอย่างเบา ท่านก็ไปอย่างหนัก อย่างเบา ก็ไปได้นานกว่าท่านท่านอายุ 89 ปีไปแล้วอาตมาอายุเพิ่ง 89 กำลังจะหนุ่ม (ฮา..) อย่าหัวเราะเยาะกันสิ นี่พืดความจริงนะ กำลังจะหนุ่มขึ้น
ก็พยายามจะหนุ่มขึ้นไปให้เรื่อยๆให้ได้นานที่สุด ตามที่เราได้เรียนความรู้จากพระพุทธเจ้ามาว่า อานนท์ เราจะมีอายุถึงกัปหรือเกินกว่ากัปก็ได้ นั่นแหละที่พระพุทธเจ้าตรัสอาตมาเป็นลูกท่าน ก็ทำได้ ได้มากได้น้อยมันก็จะเกิน 89 อยู่แล้วนะ ในหลวงร. 9 ท่าน 89 ใช่ไหม อาตมาดูสิ ทำท่า….กสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ … ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม
(พ่อครูไอตัดออกด้วย)
_สู่แดนธรรม… พ่อท่านไอไม่ถึง 10 วินาทีก็ต่อได้เองครับ
พ่อครูว่า… นี่เขียนมา ลูกอโศกทุกคน วันที่ 1 มกราคม 2566 เนื่องในวโรกาสขึ้นปีใหม่นี้ ลูกๆชาวอโศกขอกราบอาราธนาพ่อครูให้อยู่กับลูกๆไปนานๆ ไปตราบนานเท่านาน เพื่อสืบสานศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองจนถึง 5,000 ปี และ อาราธนาให้พ่อครูมีสุขภาพแข็งแรงเป็นวัยฉกรรจ์ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกๆสืบไป … ลงชื่อว่าลูกอโศกทุกคน …สาธุ
_สู่แดนธรรม… วัยฉกรรจ์ประมาณ 35 เองเท่านั้นครับ
คุณค่าจริงของอาหารมีค่าสูงกว่าค่าของเงิน
พ่อครูว่า… มาเข้าสู่ความเป็นเศรษฐกิจอีกทีนึง
เศรษฐกิจที่เขาไป เพ่งแค่รายได้ เอารายได้เป็นหลัก ไม่เอาความเป็นอยู่ของมนุษยชาติที่มีเครื่องอาศัยกิน รายได้ก็ไปเพ่งที่เงินอีก เอาเงินเป็นตัวตั้งเป็นหลัก เป้าหมายจะต้องพยายามให้มีเงินสะพัด ให้มีเงินมาที่เรามากๆ GDP ว่าอย่างนั้นเลยนะ มีทรัพย์สินที่เป็นองค์รวม gross ให้ได้มาก
แล้วให้ได้มากคือ ต้องเอาเปรียบเอารัด คอยเอามาจากใครก็ได้ต่างประเทศหมดเลย เอามากๆมีแต่เจตนาลงไปในทางเปิด เปิดอะไร เปิดเอาจากของคนอื่น ไม่มาลดของตนเอง ไปเอามากจากของคนอื่นไม่มาลดของตนเอง ฟังความนี้ให้ชัดเจน
ฉะนั้นไปเอาของคนอื่นมาให้มากโดยไม่ลดความตะกละของตนเอง ไม่จบ แต่ถ้ามันลดความตะกละของตนเองไปเรื่อยๆ ลดลงๆถึงขีดหนึ่งจะจบ ไปถึงขีดพออยู่พอกินจบแล้ว
ฟังดีๆฟังอีกที เราไม่ไปตะกละให้มาก ให้รู้ว่าชีวิตมีอยู่เท่านี้ ชีวิตหนอพออยู่พอกิน เขตจบมันง่ายจังเลย เราจะพออยู่พอกินได้ เพราะเราไม่ไปหลงตะกละ ไม่ไปหลงรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ไม่ไปลงความยั่วยวนของคนอื่น ที่บอกว่าไอ้นี่น่าอร่อย ไอ้นี่น่าเสพ ไอ้นี่น่าสนุกสนานไอ้นั่นไอ้นี่ ถ้าเราไม่เป็นอย่างนั้นเราจะตกต่ำไหม เราจะชั่วไหม ..ไม่ เราจะเสื่อมไหม …ไม่ … ทำไมฉลาดจัง
เห็นไหมพวกเราก็มาหยุดแล้วไม่ไปบ้าอย่างนั้น เห็นไหมนี่ ก็เลยชัดเจน ใครให้คุณคิดอย่างนี้ ไม่ใช่ตัวคุณเองหรือ ตัวคุณเองให้คิดอย่างนี้ ตัวคุณเองเข้าใจอย่างนี้ตัวเองอิสระเสรี แต่เอาละ อาตมาแนะนำ อาตมาแนะนำแล้วคุณก็ไปพยายามเป็นตัวของตัวเอง อ้อ แล้วคุณก็หยุดเอง อิสระ สบายไหม สบาย จึงสงบ สบายจึงสงบ อบอุ่นไหม อบอุ่น อิ่มเอมไหม อิ่มเอม เกษมใสไหม เกษมใส แล้วใจเกื้อกูลบ้างหรือเปล่า … ใจเกื้อกูล ครบสูตรเลย
อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละอีกแถมให้อีกคำ ตกหล่นไป เขาก็เติมกัน อาตมาไม่ได้เขียนไว้เลยตกไป เพิ่มพูนเสียสละ ดี
นี่ ชีวิตอย่างนี้ที่เราพูด มันก็ไม่ใช่ว่าพูดเล่นใช่ไหม มันเป็นความจริงที่เราเป็นไปได้กัน
เพราะฉะนั้นคำพูดและเราก็ทำได้จริงเป็นได้จริงอย่างนี้ มันเป็นความจริงที่พิสูจน์ได้ยืนยันได้เป็นฟีโนมีน่า เป็นปรากฏการณ์ที่จริง แล้วที่อาตมาพาทำ อาตมาเชื่อว่า อย่างนี้ชีวิตที่อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ
อาตมาว่าคุณสมบัติ 8 คำนี้มันเป็นสุดยอดแล้ว นี่คือของขวัญปีใหม่ Axiom มันเป็นความแท้จริงที่จบรอบครบ 8 แล้ว ครบ 8 ในความเป็นโลก ถ้า 9 ก็คือความเป็นคนที่หลุดพ้นไปจากโลก อยู่เหนือแล้วก็สร้างสรรค์โลกแล้ว เป็นพระเจ้าแล้ว กล่าวคือพระเจ้าสร้างโลกแล้วทำงานช่วยให้โลกเกิด 8 จุดนี้
อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ แต่ละคำๆมีความหมายและมีพฤติกรรมที่จริงและดีเยี่ยมแล้ว ทั้งตน และผู้อื่นเลย เห็นไหม มันอยู่ในตัวหมดเลยสมบูรณ์แบบ ที่เราพูดกันนี้ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีจริงด้วย ดีจริงๆด้วย
ทีนี้มาวิจารณ์ คนไปหลงเงินไปหลงค่าของเงิน อาตมาจะเทียบให้ดูเป็นคู่ๆ
ค่าของเงินกับค่าของอาหารที่คนบริโภค อะไรมีค่ายิ่งกว่ากัน …อาหาร ต่อให้ราคาหรือค่าของเงินของคุณ ค่าของแบงค์โน๊ต เป็นต้น จะมีอัตราของคุณ สมมุติว่า 1 หน่วยของคุณ จะเรียกเป็นรูปี ดอลลาร์หรือหยวนก็ตาม มีราคา เป็น 100 หรือเป็น1,000 หรือเป็น10,000 หน่วย เช่น 10,000 บาท ต่อ 1 ของคุณ เช่น 10,000 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ 10,000 บาทต่อ 1 หยวน 1 บาทต่อ 1 รูปีอะไรก็ตาม คุณก็ตั้งค่าไป ก็เราไม่ไปบ้ากับค่าของเงินของคุณ
เราไม่มีดอลลาร์ เราไม่มีหยวน เราไม่มีอะไรก็แล้วแต่ตามค่าที่ว่า แต่เรามีอาหาร กินได้ทุกวัน คุณมีเงินคุณกินเงินเข้าไป ธนบัตรค่าแพงของคุณกินเข้าไป เราไม่มี พวกเรานี้จนธนบัตร แต่เรามีข้าวมีกับ มีอาหารมีผลไม้ มีพืชพันธุ์ธัญญาหาร กินทุกวัน สบาย บางคนกินจนท้องคัดทุกวัน ระวังนะ ท้องคัดมากๆเดี๋ยวตายไวนะ กินพอดีพอดี
แล้วเราสร้างอย่างที่ไร้สารพิษ มีสารอาหารที่ดีอุดมสมบูรณ์งอกงามต่างๆนานา เราเข้าใจจุดสำคัญของสิ่งที่อาศัยในชีวิต
คำว่า สิ่งที่อาศัยในชีวิต มันมีอาหาร 4 กับอาหาร 10
อาหารแปลว่า เครื่องอาศัย อาหาร 4 มี 1.กวฬิงการาหาร 2.ผัสสาหาร 3.มโนสัญเจตนาหาร 4.วิญญาณหาร นี่คืออาหาร 4
อาหาร 10 มี วิชชาวิมุติ
อวิชชา มันเป็นอาหารที่เลวคืออวิชชา ผู้ที่เข้าใจอาหารคืออวิชชา แล้วมีอวิชชา ไม่รู้จักอวิชชาแล้วสั่งสมอวิชชาอย่างโง่ๆ คุณจึงมีนิวรณ์ 5 เป็นอาหาร
เมื่อคุณมีนิวรณ์ 5 เป็นอาหาร คุณก็ได้ทุจริต 3 เป็นอาหาร
เมื่อคุณมีทุจริต 3 เป็นอาหาร คุณก็มีการสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ของคุณ ตามความทุจริตของคุณ ก็ได้สำรวมอินทรีย์ 6 โดยไม่สำรวมอย่างสัมมาทิฏฐิ สำรวมอย่างโลกๆที่มันหลอก เห็นตากระทบรูปก็ไปหลงตามตา ได้ยินเสียงที่หูก็หลงที่หูกระทบเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รับรสก็ทั้งนั้นเลยไปหลงตามโลก หรือไปหลงลาภยศสรรเสริญสุขตามโลกเขาไป
อินทรีย์ของคุณที่คุณสำรวมแบบนั้น ไปแย่งชิงอะไรแบบนั้น สติสัมปชัญญะของคุณก็มีแบบสติคนที่อวิชชา สติคนชั่ว สติคนหลง เมื่อคุณมีสติสัมปชัญญะแบบคนหลง คุณก็ทำใจในใจอย่างโง่ๆ มนสิการอย่าง อโยนิโส มนสิการอย่างไม่ไปแก้ปัญหาคือกิเลส มีแต่ไปเสริมกิเลส อโยนิโสมนสิการ คุณก็ไปได้ผล และคุณก็ไปหลงศรัทธาเชื่อมั่นในผลที่ผิดๆนั้น อโยนิโสมนสิการ สั่งสมความไม่ดีทั้งนั้นมาหมด
เพราะคุณฟังสัทธรรมไม่บริบูรณ์ คุณฟังอาตมาฟังไหม แล้วบอกว่ารู้แล้วไม่เอา เขาบอกว่ารู้แล้ว แม้ว่าจะน่าฟัง ฟังนิดนึงแต่ไม่เอา แม้จะฟังแล้วฟังอีก ไปปฏิบัติจนบรรลุจะรู้ว่าอีกเยอะนะ มันจะไม่เป็นอย่างนี้ เพราะว่าฟังธรรมไม่บริบูรณ์ก็เลยไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ความเชื่อไม่บริบูรณ์ความเข้าใจไม่บริบูรณ์ เพราะไม่คบสัตบุรุษที่บริบูรณ์
อาตมาประกาศตนเป็นสัตตบุรุษ เชอะ ไม่เชื่อ ไปเชื่อมหาบัวเป็นสัตบุรุษ ธัมมชโยเป็นสัตบุรุษ โน่น ที่ยกย่องนับถือกันในระดับประเทศว่าเป็นสัตบุรุษ
โพธิสัตว์ อาตมาเลยโพธิสัตว์ พูดความจริงบอกว่านี่คือสัตบุรุษ ไก่ตัวพี่ พูดความจริงไม่ได้อยากอวดโอไม่ได้อยากใหญ่อยากโตอะไรเลย เขาก็ไม่เชื่อ พูดเหม็นขี้ฟัน
คนที่ไม่เข้าใจจริง เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่บอกว่าเขาโง่หรอก เขาไม่เข้าใจ เขาไม่เชื่อจริงๆ แต่อาตมาก็พูดความจริงตลอด อาตมาบอกว่าอาตมามันพูดความไม่จริงไม่เป็น พูดอะไรอาตมาพูดแต่ความจริง นี่ก็ไม่ได้ดัดจริต สร้างภาษาสวยๆอย่างไร พูดความเป็นจริงๆเลย ถ้าอาตมาพูดดัดภาษาสวยๆพูดโก้ๆเพื่อให้คุณมาหลง อาตมาไม่เป็นจริงอย่างที่ว่าแล้วอาตมาเป็นบาป อาตมารู้จักบาปที่มันละเอียดละออ พูดอย่างนี้เป็นเชิงหรอกเขาอยู่ไปพูดทำไม อาตมาไม่พูดหรอก
อาตมาพูดความจริงเขาดันไม่เชื่อ เขาไปชอบความประโลมหลอกๆๆ
_สู่แดนธรรม… ในพระปฏิบัติที่สังเกตคำสอนของพ่อท่าน พระที่เอาจิตมาเลื่อมใสพ่อท่านก็น่าจะมี แต่ท่านก็คงพยายามสังเกตว่า การอบรมจิตของพ่อท่านให้ลูกๆ พ่อท่านอบรมอย่างไรเขาดูไม่ออกครับ
พ่อครูว่า… ประเด็นนี้ก็ยิ่งใหญ่ที่สู่แดนธรรมพูด อบรมจิตอย่างไร พูดอบรมจิตอย่างฌานวิสัยของพระพุทธเจ้า พูดอบรมจิตอย่าง สมาหิโต คืออย่างไร
คือลืมตา มีทวารทั้ง 5 ทวารทั้ง 6 ทำงานร่วมกันตลอดเปิดเต็มที่ มีสติเต็ม 100 ไม่ใช่ไปมีสติทางทวารตาหูจมูกลิ้นกายไม่มีสติมีแต่อยู่ในภพในภวังค์ มันก็ 1 เท่านั้นเอง ขาดไปตั้ง 5 สติ 1 กับสติ 5 มันจะไปเต็มอะไร
สติทางกายกรรมก็มีสติ ทางวจีกรรมก็ไม่มี มีแต่สติอยู่ในทางมโน แค่นี้ก็ฟังไม่ออกว่าปัดโธ่เอ๊ย คุณจะไปอีกกี่ชาติคุณก็โมฆะอยู่อย่างนั้น คุณเล่นได้ 1 อย่างเดียวแล้ว 2 คุณไม่ได้เลยแล้ว 2 มันกระจายไปอยู่ทุกวัน เพราะว่าโลกมันปรุงแต่งกันอยู่ตลอด คุณก็งมงายอยู่ในจิตของคุณไป ดีไม่ดีออกป่าเขาไปเหมือนพวกเชน ไม่รู้เรื่องอะไรเลยมืด ยิ่งมืด
เอาตนไปเข้าสู่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าหมด
_สู่แดนธรรม… คือเขาสังเกตมานานแล้วว่า ชาวอโศกที่ทำงานทำการกันอยู่ กิเลสที่เกี่ยวกับรูปกับวัตถุพวกเราหลุดพ้นมาแล้ว เขาก็สังเกตว่า ผู้ที่หลุดพ้นแล้วทำไมต้องมานั่งฟังพ่อท่านอบรมเปลี่ยนทิฏฐิกันอีก
พ่อครูว่า… ก็ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้า มันยังมีความเจริญที่เจริญได้อีกเป็น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ โพธิสัตว์ระดับ 5 ระดับ 6 ระดับ 7 ระดับ 8 ระดับ 9 อธิบายไปแล้วแต่คุณยังไม่มีปัญญาตามที่อาตมาอธิบาย
_สู่แดนธรรม… หมายถึงพวกเราครับ เขาพยายามมองว่าพ่อท่านอบรมพวกเราให้ไปทำแต่งานที่
พ่อครูว่า… นั่นแหละมีสัมมาอาชีพ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา สัมมาสังกัปปะ ถูกต้องตามพระพุทธเจ้าตรัสไว้หมดเลยแต่พวกที่เข้าป่าหลับตามีแต่สังกัปปะอยู่ในภพ วาจายังไม่พูดอะไรเลย กัมมันตะการงานไม่ทำเลย อาชีพไม่ต้องพูดเลย ขอเขากินอย่างเดียว บิณฑบาตกิน ไม่ทำการงานอะไรเลย เป็นหนี้นะ เอาแต่นั่งสมาธิแล้วก็บิณฑบาตกินแล้วก็นั่งสมาธิ เขามาประเคนให้กิน…เป็นหนี้เขาอย่างเดียว
แล้วเขาก็ไปหลงว่าเขาจบอรหันต์ แล้วก็มาประกาศว่าฉันเป็นอรหันต์ให้มาทำทานกับข้าพเจ้า ซ้อนอีก กิเลสซับซ้อน แต่ตัวเองไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้บรรลุจริงแล้วมาหลอกเขา อ้างอิงอะไรต่างๆนานา พูดกันแล้วก็ไปว่าสิ่งที่เคยว่า พวกที่เป็นหลับตาใสกับพวกหลับตามืด
พวกหลับตาใสกับหลับตามืดถูกอาตมามาว่าทั้งนั้น พวกตาบอดตาใสกับพวกตาบอดตามืด สองสายใหญ่ๆ สายธรรมกายกับสายอาจารย์มั่น
_สู่แดนธรรม… เรามาพูดเฉพาะเรื่องพวกเรา
พ่อครูว่า… มันเปรียบเทียบแล้วมันชัดไหมล่ะ ธรรม 2 นี่มันชัด เอา ไม่เป็นไรก็มาพูดของพวกเราบ้าง
พอพูดของพวกเรามาก เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ เรายิ่งไปลึกเขาก็ไม่เข้าใจ มันก็น่าสงสาร เราก็ควรจะมีสะพานเชื่อมต่อให้เขาบ้าง พูดของเราบ้าง เขาบ้างๆ อย่าไปใจดำพูดแต่เราๆๆ เขายิ่งไม่รู้เรื่อง เขายิ่งไม่มีสะพาน มันก็เลยไม่ช่วยเขาเลย อย่าใจดำ
_สู่แดนธรรม… ผมจำได้ เมื่อปีแรกๆที่ ทำหนังสือ เราคิดอะไร พ่อท่านเคยให้ โศลกธรรมสั้นๆว่า อย่าให้มวลมนุษยชาติผิดหวัง ขอให้พ่อท่านขยายความให้เข้าใจ
พ่อครูว่า…อย่าให้มวลมนุษยชาติผิดหวัง ก็หมายความว่า เขาจะมีปฏิภาณปัญญาเข้าใจ ว่าเราทำอะไรอยู่นี่เขาไม่ทิ้งเรา ถ้าเขาทิ้งเราเสียเลย มวลมนุษยชาติก็หมดที่หวัง ไอ้หวังตายแน่ ก็ควรให้มีที่หวัง ให้เขาเกิดปฏิภาณปัญญาว่า อ๋อ..ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องอันนี้หรือ อ๋อ…อย่างนี้หรือ
_สู่แดนธรรม… หมายถึงพ่อท่านกำชับพวกเราว่าอย่าให้มนุษยชาติผิดหวัง
พ่อครูว่า… ให้คนเขาเข้าใจได้ว่าเป็นความเจริญอย่างนี้หรือ ทีนี้พวกเรา คุณก็ไม่ต้องไปเที่ยวได้ว่ามหาบัว ไม่ต้องไปว่าธัมมชโยหรอก ปล่อยให้อาตมาว่า คุณก็ทำไป เพราะคุณจะไปเชื่อมหรือไปกระตุก ไปกระแทกเลย ให้พวกนั้นเขาสะดุ้งสะเทือน ให้เขาได้รู้ตัว แล้วพวกนี้ดึกดำบรรพ์มาก ลึกมาก แข็งมาก หนามาก ต้องแทงแรงๆ ต้องกระตุก โอโห่ มันต้องแรง แรงขนาดนี้ก็ยังไม่ค่อยรู้สึก นี่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้วมันยาก ผู้มีปฏิภาณก็คงเข้าใจภาษาที่อาตมาใช้อธิบาย เอาล่ะไม่ต้องไปขยายความเสียเวลาเปล่า
รายได้กับการขายอาวุธกับค่าการเสียสละอาหารให้แก่มนุษย์
มาพูดถึงเหตุที่เข้าใจง่ายกันก่อน ที่อาตมาเตรียมมาพูดไว้คือ
-
จุดจบที่เป็นจุดที่สุดของความลงตัว เรียกว่า ความเป็นประชาธิปไตยความเป็นเศรษฐกิจความเป็นสังคม เขายังไม่รู้ แต่อาตมาก็บอกแล้วว่าเมืองไทยมันมีจุดจบ มันมีจุดลงตัว มันมีจุดที่เป็นประชาธิปไตย มันเป็นจุดที่มันเป็นเศรษฐกิจ มันเป็นจุดที่สังคมมนุษยชาติลงตัวดีที่สุดแล้ว