651010 วัตถุ พฤติกรรม และจิตวิญญาณของความยุติที่ยิ่งใหญ่ รายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 58
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1gx6OFlPLayCDKZ3Ny9Rtm9gQQsnnlU6P7UzKYGZqGag/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่
https://drive.google.com/file/d/1Q9Zb-XcVXg21KLgW5x2K4Q6Ztc6dKkZd/view?usp=sharing
ดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/g3PyWXX_Zb/
และ https://youtu.be/WlODLQw9Jm8
_สู่แดนธรรม… วันนี้วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก เป็นวันพระใหญ่ขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ตรงกับวันออกพรรษา ประเพณีของชาวอโศกจะมีประเพณีตั้งตบะเข้าพรรษา ปีนี้มีน้ำท่วมด้วย พ่อท่านเคยจัดงานฉลองน้ำ และต่อมาตอนปี 2562 มีน้ำท่วมใหญ่อีก พอมาปีนี้ 2565 ขึ้นไปดูที่อาคารบวร บรรยากาศดูเงียบดี เขาบริหารจัดการกันได้อย่างเรียบร้อย สังคมพวกเราเป็นสังคมคนจนมหัศจรรย์ อยากจะชวนพ่อท่านคุยเรื่องสังคมสาธารณโภคีของคนจนมหัศจรรย์
ความมหัศจรรย์ ของ สาธารณโภคี
พ่อครูว่า… สาธารณโภคีที่เป็นความมหัศจรรย์ คำว่าสาธารณโภคี คำศัพท์นี้เป็นภาษาบาลี ยังยืนยันเป็นหลักฐานอ้างอิงได้ ที่มีในพระไตรปิฎก ในหมวดสาราณียธรรม เป็นข้อที่ 4 มันก็ยากนะ มันเป็นสังคมศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ สุดยอด
สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา
เมตตากายกรรม สังคมอยู่กันอย่างมีเมตตากายกรรมต่อกัน เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม มันเป็นภาษา เป็นศัพท์บัญญัติที่ลึกซึ้ง ก็คงเคยได้ยินได้ฟังกัน ผ่านหู โดยเฉพาะชาวพุทธเรา เป็นภาษาบาลีก็รู้กันทั้งนั้น แต่สภาวธรรม พฤติกรรมเสี่ยงของคน ทางกายวาจาใจ อันนี้ค่อยขยายความ
มาถึง ข้อที่ 4 ท่านว่า มีลาภโดยธรรม (ลาภธัมมิกา) แล้วลาภที่ได้ คือ สิ่งที่ได้รับมา โดยสุจริต ไม่มีการทุจริตไม่มีโกง เป็นการได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรง ด้วยสิทธิอันเต็มที่ แล้วสิ่งนี้ ก็ไม่ยึดเป็นของตน ตนทำนะ ตนสร้างนะ ตนเป็นเจ้าของเป็นสิทธินะ แต่เราไม่เอาเป็นของตน เราเอาเข้าเป็นส่วนกลาง สาธารณะ สละให้เป็นของส่วนกลาง แล้วแต่ส่วนกลางจะบริหาร
เหมือนกับในประเทศ เงินเป็นของรัฐ ทรัพย์สินเป็นของรัฐ ผู้ได้เงินมา เอาเข้ารัฐ กองกลางหมด เพราะฉะนั้น คนในสังคม สาธารณโภคี ทำงานสร้างสรร ได้ข้าวได้ของได้เงินก็เอาเข้ากองกลาง ไม่ยึดถือเป็นของตัวของตน ที่อาตมาใช้ศัพท์ว่า เสียภาษีร้อยเปอร์เซ็นต์
แล้วเป็นพฤติกรรมจริงนะ มาตรวจได้ในชาวอโศก มีมาแล้ว 40-50 ปี ตั้งแต่อาตมาก่อสร้างชุมชนชาวอโศก ก็เป็นสาธารณโภคี ตอนแรกอาตมาก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ก็ไม่ได้เคร่งครัดอะไรพยายามอนุโลม ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
แต่พอเอาเข้าจริง คนเรามีคุณธรรมจริงจึงเป็นไปได้ ตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงบัดนี้ ยิ่งวันนี้ยิ่งสนิทเนียนสวยงามมาก ซึ่งไม่มีตัวอย่างอันนี้มาจากไหนในโลกในปัจจุบันนี้
อาตมาเห็นมาก็พูดกันสักหน่อย ความรู้อันนี้อาตมาได้มาตั้งแต่ยุคพระพุทธเจ้า ที่อาตมาเกิดเป็นผู้หนึ่งในยุคพระพุทธเจ้า และ ในผู้ที่อยู่ในกลุ่ม ยุคพระพุทธเจ้านั้นก็ทำได้เฉพาะนักบวช เคยพูดอธิบายแล้ว ยืนยันแล้ว ทำได้เฉพาะนักบวช เพราะว่าฆราวาส ยังไม่มีสิทธิ์เอื้อมถึง เพราะว่าเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นยุคทาส เป็นยุคที่คนยังไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน ไม่รู้สิทธิในตนเอง สิทธิถูกพระเจ้าแผ่นดินริบ ยึดเอาสิทธิของมนุษย์ไปหมด หรือนายทาสยึดเอาสิทธิของลูกทาสไปหมด
_สู่แดนธรรม… พระเจ้าแผ่นดินไม่สามารถเอาไปแบ่งให้คนอื่นได้
พ่อครูว่า… ใช่ ไม่แบ่ง ดีไม่ดีจะแย่งด้วย
_สู่แดนธรรม.. แล้วพ่อท่านคิดครั้งแรก จะมั่นใจได้ว่าฆราวาสจะทำได้หรือไม่
พ่อครูว่า… ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปได้ แต่ อาตมาพาปฏิบัติธรรม พูดไปซ้อน มันมีบารมีเหมือนกัน อาตมามีบารมีมีบริวาร คนที่เข้ามาร่วมซึ่งเป็นคนที่มีบารมีร่วมกันมา ได้ฝึกฝนมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แล้วก็มา เพราะว่าชุมชนแบบนี้ในยุคนี้มันต้องเกิด อันนี้ไม่ใช่ว่าอาตมาเอามาพูดเอง ยุคนี้เป็นยุคที่ พูดไปแล้วจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็พูดอีก ว่า อาตมาจะต้องมา เพราะว่าศาสนาพุทธมันเสื่อม โลกุตรธรรมมันหมดไป หมดไปจากศาสนาพุทธเลย
อาตมาก็เกิดมา
เกิดมาเป็นไก่ตัวพี่เป็นตัวคนเดียวองค์เดียว แล้วจนกระทั่งผ่านฆราวาสเพศมา 36 ปี จนกระทั่งถ้วนรอบของอาตมาแล้วก็ต้องมาทิ้งทางโลกียะมาทางนี้ 36 ปี จึงเริ่มทำงานมาก็เกิดทำอันนี้ขึ้นมา เกิดธรรมะที่เป็นโลกุตรธรรมที่ถึงขั้นสาธารณโภคี
ทีนี้ อาตมาก็ไม่เจตนาจะให้เกิดถึงฆราวาส แต่มันเป็นได้ถึงฆราวาส เพราะเงื่อนไขที่บอกแล้วว่า ยุคนี้ไม่ใช่สังคมสมบูรณาญาสิทธิราชย์ 2 มันไม่ใช่ยุคทาส 3 คนยุคนี้ เขาถือสิทธิ เขามีสิทธิมนุษยชนในตัวเขา ทุกคนมีอิสระเสรีภาพในตัวหมดแล้ว เพราะฉะนั้นไปบังคับกดขี่ข่มเหงเขาไม่ได้ ถ้าเขาไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดอะไร ไปทำอะไรเขาไม่ได้
_สู่แดนธรรม… คนที่จะเข้ามาเสียสละเสียภาษี 100% ต้องมีศรัทธา
พ่อครูว่า… ต้องศรัทธาเข้าใจเองก็ไม่ได้บังคับ ไม่ได้ไปอ้อนวอนร้องขอ ไม่ได้ไปประเล้าประโลมหลอกล่อเลย เพราะฉะนั้นจึงเป็นความจริง คนมาอยู่ในสังคมชาวอโศกนี้เป็นสังคมอิสรเสรีภาพ คุณจะเข้ามาเป็นสมาชิกของชาวอโศก เขาจะมาด้วยความสมัครใจ มีปัญญารู้ว่า มาอยู่ที่นี่เป็นอย่างไร ไม่กินเนื้อสัตว์นะ ต้องมีศีลนะ ต้องมาเป็นคนจนนะ โดยเฉพาะมีรายได้เอาเข้ากองกลางนะ ถ้าคุณไม่เต็มใจจะยาก คุณจะอยู่ยาก
แม้คุณเต็มใจ แต่มันยังมีกิเลสเหลือ คุณก็จะมีกระมิดกระเมี้ยนไว้ ซึ่งเราไม่มีปัญหา มีแน่ มีอยู่บ้าง คนที่กระมิดกระเมี้ยนเอาไว้เป็นของตัวเองอยู่บ้าง มันก็มีอยู่บ้าง แต่จำนวนคนที่ เป็นสมาชิกส่วนใหญ่ มันเป็นคนมีคุณธรรมจริง มันเป็นของจริง เป็นคนที่มีวรรณะ 9 มี พุทธพจน์ 7
วรรณะ 9 เลี้ยงง่าย (สุภระ) บำรุงง่าย, ปรับให้เจริญได้ง่าย (สุโปสะ) มักน้อย, กล้าจน (อัปปิจฉะ) ใจพอ สันโดษ (สันตุฏฐิ) ขัดเกลากิเลส (สัลเลขะ) เพ่งทำลายกิเลส มีศีลสูงอยู่ปกติ (ธูตะ, ธุดงค์) มีอาการน่าเลื่อมใส (ปาสาทิกะ) ไม่สะสม ไม่กักเก็บออม (อปจยะ) ตรงข้าม อวรรณะ9 ขยันเสมอ, ระดมความเพียร (วิริยารัมภะ)
_สู่แดนธรรม… เสียภาษี 100% มันยิ่งกว่าคอมมิวนิสต์นะครับ
พ่อครูว่า… เราก็รู้ว่าในสังคมมนุษยชาติมันมีกิเลสกันเยอะ คนที่จะมาอย่างนี้ได้มันมีไม่มากหรอก แต่ในมนุษยชาติประเทศไหนที่มีกลุ่มคนแบบนี้มันก็จะเป็นแก่นแกนของสังคม เขาก็อยู่สบายของเขาอย่างพวกเราชาวอโศก เราสบายเราเสียสละเราเสียภาษี 100% ไม่ต้องสะสมมีเงินมีทองอย่างทุกคนอยู่นี้ ก็สบายไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย มันเป็นคุณสมบัติคุณวิเศษเป็นโลกุตรจิต เป็นจิตที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบแล้วเอามาประกาศให้คนพิสูจน์ มันเป็นเรื่องจริงยืนยันได้ ผู้ศึกษาจริงๆ แล้วไม่มีอคติไม่มีอัตตามานะ ฟังแล้วจะรู้ว่า โอ้โห เขาไม่ได้มาแอ๊คท่าดรามาติค สร้างภาพ เหมือนเล่นละครนะ ไม่ใช่นะ เป็นเรื่องจริงจริงใจ กายอย่งไร วจีอย่างไร มโนก็อย่างนั้น ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที
_สู่แดนธรรม… ผมเคยฟังนักศึกษาปริญญาเอกจากต่างประเทศ มาสัมภาษณ์พ่อท่าน เรื่องเสียภาษี 100%เขาก็บอกว่า อย่างนี้ก็เป็นคอมมิวนิสต์สิ ผมประทับใจที่พ่อท่านตอบว่า คอมมิวนิสต์เป็นระดับเด็กๆ ของพระพุทธเจ้าเป็นพ่อเป็นปู่ของคอมมิวนิสต์เลย
พ่อครูว่า… ก็หมายความว่า มันเป็นความสูง ความแข็งแรง เป็นผู้ให้กำเนิดคอมมิวนิสต์ด้วย คือ คำว่าคอมมิวนิสต์ คือ ผู้ใช้กฎหมู่ มาบริหารสังคม คณาธิปไตย มีการบังคับตามความเห็นของหมู่ เห็นความเป็นใหญ่ เห็นอย่างไร เอาอย่างนั้นมาใช้กับประชาชนบังคับด้วย ต้องทำตาม ความเห็นของกลุ่มนี้ คอมมิวนิสต์ก็ยังมีการบังคับ command เป็นการบังคับ
แต่ตรงกันข้ามกันกับของสาธารณโภคี อิสรเสรีภาพสมบูรณ์แบบ ไม่มีการบังคับเลย สมัครใจมาอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม บุคคลกลุ่มนี้ สังคมนี้ หมู่บ้านนี้ ชุมชนนี้ ตำบลนี้ อำเภอนี้จังหวัดนี้ ประเทศนี้ ถ้ามารวมกัน แต่ขณะนี้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น แล้วจริงๆมันจะเป็นอย่างนั้นได้ยาก มันก็กระจายกันอยู่
อย่างชาวอโศกนี้เป็นชุมชน เป็นหมู่บ้านกระจายกันอยู่ เป็นหมู่บ้านตามนิตินัย ขึ้นทำเนียบของรัฐบาล หมู่บ้านถูกต้องตามทะเบียนราษฎร์ มีอยู่ 2 หมู่บ้านที่เป็นนิตินัยคือราชธานีอโศก ศีรษะอโศก นอกนั้นชุมชนของชาวอโศกอื่นๆไม่ได้ขึ้นทะเบียนราษฎร์ มีเหมือนกันบางที่ แม้แต่ในกรุงเทพฯ เขาก็ให้ขึ้นเป็นชุมชน แต่เราไม่ไปขึ้น หรือในสีมาอโศกเขาก็ให้ไปขึ้น แต่เราไม่ไปขึ้น เราก็จะอยู่อย่างนี้ เราไม่เป็นไรหรอก เราไม่ขึ้น เราก็ไม่มีปัญหาอะไร ทางการก็ยังดูแลได้ เราก็ทำตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายของสังคมเขา
เพราะฉะนั้นที่มันเป็นไปได้ เพราะได้อบรมฝึกฝนคุณธรรมตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน ก็ต้องบอกจิตวิญญาณที่ได้รับการขัดเกลา สัลเลขธรรม อบรมฝึกฝนแล้ว จิตวิญญาณมีคุณสมบัติ 7 ประการตามหลักสาราณียธรรม 6 พุทธพจน์ 7 สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ
สาราณียะ แปลว่า ความคิดถึงกัน ระลึกถึงกัน จิตมันระลึกถึงกัน เหมือนพระพุทธเจ้าตื่นขึ้นมาท่านก็ได้ระลึกถึงว่า จะไปช่วยใคร มีแต่ระลึกถึงคนอื่นเพื่อไปช่วยคนอื่นเขา สำหรับตัวเองนั้นช่วยตัวเองได้แล้ว หรือไม่ต้องช่วยตัวเองแล้ว หรือ ให้คนอื่นเลี้ยงไว้ ดูแลไว้ เพราะเราเป็นคนเลี้ยงง่ายๆ ให้คนอื่นเลี้ยงไว้ดูแลไว้ เราเอาเวลาไม่ต้องไปคิดถึงตัวเองเลย เอาเวลาแรงงานทุนรอนทุกอย่างไปทำงานเพื่อผู้อื่นซะ
คนนี้ทำงานเพื่อผู้อื่น 100% ไม่มีตัวตน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ติดในลาภยศสรรเสริญโลกียสุขที่ได้ ไม่เกี่ยวไม่เอา
_สู่แดนธรรม… คนที่ฟังครั้งแรกอาจจะรู้สึกทึ่งว่า มันเป็นไปได้หรือ ผมขอยกตัวอย่างตอนที่ที่นี่เกิดน้ำท่วม ปี 2545 ทำให้พืชผักปลูกไม่ได้เลยครับ
พ่อครูว่า… เดี๋ยวนี้ก็ยังปลูกไม่ได้เลย ปลูกได้แต่ปลูกผักบุ้ง ปลูกผักกระเฉด
_สู่แดนธรรม… ชุมชนอื่นที่เป็นพี่น้องของเรา เขาก็นึกถึงน้องเล็กคือบ้านราช พี่ๆคนโต อย่างเช่น ปฐมอโศก เป็นหมู่บ้านแรก เขาก็แข็งแรงนะเป็นผู้ใหญ่ เขาก็ส่งมาช่วยพวกเรา ชุมชนอื่นที่ปลูกผักได้ก็ส่งมาพวกเรา
พ่อครูว่า… นี่แหละคือสาธารณโภคี คือระลึกถึงกัน สาราณียะ
อันที่ 2 คือ ปิยกรณะ ความรักกัน แต่ไม่ใช่ความรักมิติที่หยาบ อาตมาก็เขียนขยายความในหนังสือความรัก 10 มิติ ซึ่งข้อนี้ต้องเป็นความรักในระดับที่ 7 ขึ้นไป ซึ่งเป็นความเห็นที่เป็นสากล เป็นความรักที่เกินกว่าสังคมเท่านั้น มันสูงกว่าความรักเพื่อสังคม เป็นความรักที่มีคุณธรรมของโลกุตระ เรียกว่า ความรักมิติที่ 7 ขึ้นไป สากลนิยม เป็นปรมาตมัน ทุกคนพอรู้ว่าต้องเผื่อแผ่ผู้อื่น แต่มันยังมีตัวตนอยู่นะ
สำหรับชาวพุทธไม่มีตัวตนแล้วมันจึงเหนือชั้นกว่าเทวนิยมหรือปรมาตมันของสากลเขา ยิ่งมาเป็น ความรักมิติที่ 8 เป็นอาริยชนเลย ตัดรอบชัดเจนเป็นอเทวนิยม มันลดตัวตน ไม่มีตัวตนไม่เห็นแก่ตัว มันอรหันต์ขึ้นไป ผู้ที่ฝึกฝน โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ จนถึงขั้นโพธิสัตว์ขึ้นไป ยิ่งสูงขึ้นไป ก็เป็นผู้ที่มีคุณธรรมของนิพพานแล้วเลยพระอรหันต์ไปแล้ว ก็เป็นมิติที่ 9 เป็นโพธิสัตว์ระดับที่ 9 สูงส่งอย่างเห็นได้ มีรูปธรรม อย่างที่กระทำกันอยู่นี้
อวิวาทะ ไม่ทะเลาะวิวาทกัน มีขัดแย้งกันบ้าง แล้วก็มีข้อสรุปจบ ทุกคนยุติกัน การยุติ เดี๋ยวจะได้พูดกันอย่างลึกซึ้ง ไม่มีทะเลาะวิวาท เพราะฉะนั้นพวกเราจะไม่มีตำรวจไม่ต้องมาทำงานเลยในที่ชาวอโศก แต่ไหนแต่ไรมาเลย ไม่มีเรื่องไปขึ้นโรงขึ้นศาล นอกจากมีคนมาโกงที่ดินบ้าง เราก็ต้องขึ้นศาล
สามัคคียะ อยู่กันอย่างสามัคคี เป็นชุมชนที่มี เมตตากายกรรม วจีกรรม มโนกรรม สามัคคี
เอกีภาวะ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นหนึ่งเดียวกันเลย ใจประสานกันหมด เป็นหนึ่งเดียวกัน แน่น เป็นเอกภาพ เอกีภาวะที่แน่น ใครตีไม่แตกง่ายๆ อสังหิรัง ใครจะมาล้มล้างไม่ได้ง่ายๆ เหมือนพระพุทธเจ้าตรัสกับพระเจ้าลิจฉวี ที่จะไม่มีใครตีแตก เป็นต้น
มันเป็นคุณธรรมที่ถอดมาจากของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านทำได้ตอนนั้นในสังคมสงฆ์ ในสังคมพุทธ ในสังคมผู้ที่บวชเท่านั้น ท่านไม่สามารถไปทำกับฆราวาสได้ เพราะสิทธิของฆราวาสเอง เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทรัพย์สินของฆราวาส ถ้าพระเจ้าแผ่นดินจะริบไปก็ริบไปได้หมดเลย พระเจ้าแผ่นดินเป็นเจ้าของกฎหมายหมดเลย จึงเป็นไปไม่ได้กับฆราวาส พระพุทธเจ้าก็เลยทำได้เฉพาะในวงสงฆ์ ผู้มาอยู่ในธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ท่านทำได้
ทำได้แล้วท่านไปไหนๆ พระเจ้าแผ่นดินในยุคนั้นๆในแคว้นต่างๆของทวีปอินเดีย ยอมให้พระพุทธเจ้าหมดเลย ยอมรับว่าเป็นพระพุทธเจ้า แม้จะเป็นศาสนาพราหมณ์ ฮินดูในยุคนั้นนะ ที่ยังไม่รู้จักพุทธ เพราะว่าพระพุทธเจ้าเพิ่งจะอุบัติ เขาก็ยอม พระคุณธรรมของฮินดูเขาก็รู้ว่าเป็นสุดยอด แต่เขายังเป็นไม่ได้ เขาก็ต้องยอมพระพุทธเจ้าหมดเลย แต่พระพุทธเจ้าก็อยู่ในขอบเขต กรอบที่ข้อจำกัดทำได้แค่สงฆ์
แต่ในยุคนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ยุคนี้มันไม่มีทาส ไม่มีนายทาส ไม่มีสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทุกคนมีสิทธิมนุษยชนเต็มตัว อิสรเสรีภาพหมด ซึ่งเกิดจริงเป็นจริง ไม่ใช่อาตมาเก่ง แต่มันเกิดจากบริบทที่ต่างกัน ในยุคคนละ กาละ เทศะ ฐานะ มันคนละยุคกาล คนละบริบท คนละเรื่อง แล้วเป็นจริง มายืนยันพิสูจน์ได้ เป็นเรื่องความจริงใจไม่ใช่เสแสร้ง ไม่ใช่เล่นละคร ไม่ใช่เรื่องความคิดเห็นลอยลมอยู่แค่ของ Thomas More ยูโทเปีย อุดมคติเท่านั้นไม่ใช่ แต่นี่เป็นเรื่องจริง เป็นปรากฏการณ์จริง เป็นมนุษยชาติจริง เป็นจิตวิญญาณจริง ที่เหนือกว่า Utopia เป็นเพียงจินตนาการของโทมัสมอร์เท่านั้น มันไม่มีจริง Thomas More ป่านนี้ก็คงเกิดมาเป็นชาวอโศกไม่รู้ล่ะ อ้าวจริงนะ เพราะว่าความคิดเขาเป็นจริงแล้ว แต่ว่าเขายังไม่มีบุญบารมี เดี๋ยวนี้อาจจะมาได้
_สู่แดนธรรม… นักวิชาการบอกว่าอยากจะทำหมู่บ้านแบบพ่อท่านบ้าง
พ่อครูว่า… ตอนนี้ชาวเกาหลีอยากจะให้มีอย่างนี้บ้างที่เกาหลี ซึ่งที่อื่นเขาบอกว่าเสแสร้ง เป็นได้ชั่วคราว เป็นไปได้ยังอยู่ มันก็ต้องปลูกฝังให้ถึงจิตวิญญาณ ยิ่งกว่า DNA นะ ให้จิตเป็นจิต พุทธพจน์ 7 จะเป็นได้ต้องมาปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา จรณะ 15 วิชชา 8 ของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติอย่างสัมมาทิฏฐิที่ไปตามลำดับ ลัดขันตอนไม่ได้ จะวกวน วิตักกจริต เสียเวลานานด้วย อย่าไปนึกว่าตัวเองจะเอาเร็วไวและสูง มันไม่ได้ ต้องเอาตั้งแต่เบื้องต้นศีลข้อ 1 2 3 4 5 พื้นฐานไป ศีล 8 ศีล 10 จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ไปตามลำดับ มันจะเป็น อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา อธิมุติ อธิจิตอธิปัญญา
ไม่มีใครจะรู้แจ้งในเรื่องของความเป็นมนุษย์กับสังคมมนุษย์ได้เท่ากับพระพุทธเจ้า คิดให้ดีๆ เพราะฉะนั้นจะมีวิชาการ หลักสูตรวิชาการในความเป็นมนุษย์ ใช้เป็นหลักสูตรอะไรก็ตามในสังคมศาสตร์ทั้งหลาย เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ เป็นเรื่องของสังคมทั้งนั้น นอกจากจะเป็นเรื่องเทคนิค วิศวกรรม มันไม่ใช่เรื่องสังคมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องสังคมศาสตร์เป็นต้น
แต่ถ้าสังคมศาสตร์แล้วล่ะก็ เศรษฐศาสตร์กับรัฐศาสตร์ ก็เรียนรู้กันดีๆทั้งนั้นปริญญาเอกทั้งหลาย
วัตถุ พฤติกรรม และจิตวิญญาณของความยุติที่ยิ่งใหญ่
_สู่แดนธรรม… ถ้าเป็นพระอรหันต์มือใหม่ยังทำไม่ได้ใช่ไหมครับ
พ่อครูว่า… ถูกต้อง พูดแล้วมันจะเหมือนเข้าตัวเอง อันนี้มันเข้าเป้า คือมันจริง จริงตรงไหน ตรงที่พูดแล้วก็เท้าความหน่อย อาตมาเกิดมาในยุคนี้ เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นสยังอภิญญา เป็นผู้ที่มีภูมิธรรมมาแต่ชาติปางก่อนมาเอง แล้วคุณธรรมนั้นก็คือ โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า
โลกุตรธรรมคืออะไร โลกุตรธรรมคือ ธรรมะที่รู้จักกิเลส แล้วรู้จักสร้างพลังงานฌาน พลังงานบุญกำจัดกิเลสได้จริง นี่ขอพูดด้วยภาษาวิชาการสั้นๆไว้ก่อน จึงเป็นคนที่กิเลสลดหรือ กิเลสหมด เป็นอาริยะ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ จริง
ขอย้ำว่าอาตมาเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาสอน มันจึงมีสมณะ 4 โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ จริงๆ โดยเฉพาะอาตมานั้นเลยพระอรหันต์ไปแล้ว เป็น สยังอภิญญา เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 จะขึ้นระดับ 8 แล้ว พูดโดยที่อาตมาไม่ได้กังวลเก้อเขิน มังกุอะไร พูดด้วยความจริงใจจริงจัง บริสุทธิ์ใจ สะอาด ไม่มีอะไรสะท้านสะเทือน ไม่ได้มีอยากอวดโอ่อยากโชว์ จะอวดหรือไม่อวด อาตมาก็มีของตัวเองมันก็มีเท่าเดิม ไม่ได้มีความฟูใจเพราะคนชม คนยกคนให้ ไม่มีแล้ว
ซึ่งมันเป็นคุณสมบัติที่จริง คนฟังก็จะเข้าใจได้ว่า เป็นคนที่มีคุณธรรมสูงสิ เอ้า..ก็จริง แต่ทีนี้เขาไม่ยอมเชื่อง่ายๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีบัลลังก์ ได้รับการยกย่องยกยอ ได้รับการรับรองเอาไว้ว่า เป็นผู้ที่มีคุณธรรม ทางพุทธศาสนาสูงแล้ว แต่ยังมิจฉาทิฏฐิ ขัดแย้งอาตมา
อันนี้แหละอาตมาก็เห็นใจเขา แล้วก็เกรงใจ
_สู่แดนธรรม… เป็นกรรม อะไรของประเทศไทยไม่รู้นะครับ
พ่อครูว่า… เป็นกรรมดีไม่ใช่กรรมเสียหายด้วย ที่มีกรรมเสียหาย เช่น ทักษิณเกิด สิบเอกปัญญาเกิด สร้างพฤติกรรมไม่กี่วันนี้ที่ฆ่าคน หรือทักษิณเกิด แล้ว สิบเอกปัญญาเกิด 2 กรณีนี้แหละ เป็นตัวอย่างในประเทศเป็นคนไทย พูดไปแล้วว่า มันจะมีสิ่งนี้เหมือนในยุคพระพุทธเจ้า ต้องมีพระเทวทัต หรือ ต้องมีพระฉัพพัคคีย์ ที่พิเรนพิลึก ที่เป็นเรื่องขัดแย้ง มันเป็นธรรมชาติธรรมดาที่จะ ขัดขาวขัดดำ แต่พวกนี้มีเล็กน้อยไม่มากมายหรอก จะเอาก็ต้องยึดเขาก็ต้องเป็นอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นเขาก็ทำไม่ลง เพราะมันจะสู้หมู่ใหญ่ไม่ได้ พวกนี้เล็กแต่ซ้อน จะแข่งกับโลกุตระนะ อย่าง เถรสมาคม เขาจะมาแข่ง แต่เขาไม่แข่ง เขาก็อยู่กันตามประสาเขาอย่างเละเทะ ก็อยู่กันไป ไม่มีปัญหาอะไร เราก็ไม่ได้ไปรบกวนเขาเลย เขาจะมาศึกษาฝึกฝน เราก็ยินดีต้อนรับ
เราอ้างอิงยืนยันตามหลักสัจธรรมตามหลักพระไตรปิฎกเล่มเดียวกับที่เขานับถือกันอยู่ก็ดีแล้ว โชคดีที่ว่าเป็นพระไตรปิฎกที่ยังได้รับการยอมรับกันอยู่ในสังคมไทย คือฉบับสยามรัฐนี่แหละ ใช้ได้ อาตมาก็ไม่มีปัญหา อาตมาไม่ได้ไปค้นคว้าเอาอื่นมา พิสูจน์ความจริงพฤติกรรมปรากฏการณ์จริง เพราะมันเป็นพฤติกรรมจริง
อยากจะขยายความไปถึง กฎเกณฑ์ ในสังคมมันจะมี กฎเกณฑ์หรือธรรมวินัย กับพฤติกรรมจริงกับปรมัตถ์ ใจจริงพฤติกรรมจริง ความบริสุทธิ์จริง ความจริงของจิตวิญญาณสะอาดจริง กับกฎเกณฑ์
เพราะฉะนั้นตรงนี้มันเป็นเรื่องที่ยากมากเลย อาตมาก็พยายามเรียบเรียงภาษาคำพูด ในเรื่องของสังคม ผู้พิพากษาฟังอาตมาแล้ว จะดี จะเข้าใจอะไรขึ้นเยอะ
อาตมาเรียกอันนี้ว่า ความจบ หรือความยุติ หรือภาษาวิชาการก็คือ ยุติธรรม ความยุติธรรม ความจบหรือความยุติ ยุติปัญหาต่างๆ
เพราะฉะนั้นปัญหาต่างๆจะยุติได้ด้วย 2 ประเด็น
-
ยุติด้วยกฎเกณฑ์
-
ยุติด้วยความรู้สึกของคนหรือใช้ปัญญา
ถึงที่สุดจะมีคนแพ้ คือ ผู้ยอมหยุดหรือยุติ ซึ่งผู้หยุดหรือยุตินั้น ถูก เป็นคนถูกด้วย เป็นคนถูกด้วยยอมหยุด ผู้นี้คือผู้เสียสละ ส่วนคนผิดที่ชนะนั้น คือพวกขี้โกงหรือเอาเปรียบ
ฉะนั้น ผู้ที่หยุดหรือยุตินั้น จะถูกหรือจะผิด คือยุติหรือหยุด ถ้าได้หยุดหรือยุติกันขึ้นมา จะได้เป็นผู้ใดผู้หนึ่งก็แล้วแต่ คือคู่หนึ่งคือผู้ถูกกับผู้ผิด มีการหยุดขึ้นมา แม้ว่าผู้ที่ถูกยอมหยุด ก็คือเสียสละ แล้วมันก็สงบ
ที่นี่ผู้ผิด ถ้าเขาหยุดเขายอม มันก็ถูกต้องตามสัจจะแล้ว มันก็ต้องถูกต้องตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ต้องเรียกว่าผู้เสียสละหรอก เพระคุณต้องแพ้ คุณต้องยอม เพราะคุณผิด
เพราะฉะนั้น ถ้าผู้หยุดนั้นเป็นผู้ถูก เป็นการเสียสละ แต่ยอมแพ้ก็เพื่อความยุติ เพื่อความสงบ เพราะฉะนั้น กฎเกณฑ์จึงมีขึ้นเพื่อใช้กับคนชั่ว คนผู้ผิดดันทุรังนี่แหละ เพราะคนดีนั้นท่านจะไม่ทำผิดทั้งกฎเกณฑ์ กฎหมายหรือธรรมวินัย ท่านจะไม่ทำผิด ไม่ว่าจะเป็นกฎเกณฑ์ กฎหมาย ธรรมวินัย ท่านก็ไม่ทำผิด แล้วความจริงท่านก็ไม่ใช่ผู้ผิดด้วย
เพราะฉะนั้นอย่างของเรายกตัวอย่าง อาตมายอมเป็นผู้แพ้ ทั้งๆที่อาตมาบอกแล้วว่าอาตมาไม่ใช่เป็นผู้ผิด แต่ก็ต้องยอมแพ้ให้เพื่อให้เกิดความสงบ เพื่อให้เกิดความยุติ ให้ความสงบเกิดในสังคม ซึ่งอาตมาทำมาแล้ว โดยตัวเองรู้ตัวเองไม่มีปัญหา ตั้งแต่ถูกรังแกมา จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังเป็นผู้แพ้อยู่นะ แต่เขาไม่ได้รุกรานแล้ว เพราะเขาเข้าใจแล้ว ว่ารุกรานไม่ถูกต้องหรอก เพราะอาตมาไม่ใช่เป็นผู้ที่ผิด ไม่ใช่เป็นผู้ที่ออกนอกรีตนอกราว รู้จักกันมากขึ้นแล้ว
เพราะว่า การกระจายไปถึงคนรอบกว้าง สังคมรอบกว้างเขารู้จักอาตมามากขึ้น เขาก็เลยไม่กล้าที่จะมาทำอะไรกับอาตมามาก แล้วยิ่งเป็นสังคม ฟ้าบ่กั้น โกลบอลไลเซชั่น สังคมที่เปิดโลกถึงกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นใครจะตดปู๊ดตรงไหน ก็แทบจะได้ยินกันทั่วโลกแล้ว อย่างนี้เป็นต้น ขออภัย ที่ใช้คำว่าตด ได้ยินเสียงกันหมดทั้งโลกแล้วอย่างนี้เป็นต้น เป็นสังคมที่เปิดทะลุกันทั่วโลก สื่อสารมวลชนก็แล้วแต่ มันเป็นสมัยใหม่ถึงขนาดนั้น
_สู่แดนธรรม… ผมขอคิดเห็นตรงที่พ่อท่านพูดมานี้ สุดยอดมากเลยเพราะว่า มันทวนกระแสกันคนฉลาดในสังคม เขาจะบอกว่า คนถูกนี่ แพ้ไม่ได้สิ ทำไมคนถูกถึงแพ้ไม่ได้
พ่อครูว่า… คนถูกยอมแพ้ได้เพราะมีคุณธรรมไม่เอาที่แพ้ชนะ
_สู่แดนธรรม… เขาบอกว่าเราไม่ผิด เราไปยอมทำไม
พ่อครูว่า… ก็ไม่ผิด แต่เพื่อความสงบของสังคม เพราะฉะนั้นคนที่ผิดแท้ๆ แล้วก็ไม่ยอมหยุดนั่นแหละมันจึงไม่เกิดความสงบขึ้นได้อย่างทุกวันนี้ ยังบ๊องๆกันอยู่ อย่างเช่น กลุ่มสีส้มสีแสด กลุ่มทักษิณพูดตรงๆ ไม่จบ ยังไม่ยอม จะยืนยันว่าตนไม่ผิดต่างๆนานา ก็บอกว่าศาลยุติธรรมไม่ตรง เขาไม่ผิด ยืนยันอยู่อย่างนั้นแหละ
_สู่แดนธรรม… เขาไม่ยอมยุติ
พ่อครูว่า… เพราะเขาไม่ยอมยุติ เขายังพูดว่า เขาแพ้ไม่เป็น คำว่า เขาแพ้ไม่ได้ คืออัตตาตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่เขาไม่รู้ว่า คนเรามันก็ต้องมีผิดมีถูก ถ้าคุณจะยิ่งใหญ่จริง คุณก็ผิดน้อย ถ้าคุณไม่ยิ่งใหญ่คุณจะผิดมาก แล้วยังหลงตัวเองว่าตัวเองถูกมากๆ อยู่นั่นแหละ ปัญหาถึงไม่จบสักที แล้วมันก็ส่อก็แสดงยืนยันไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นก็ขอบอกด้วยนะ ฝากไว้เลย จะลูกเต้าเหล่าหลานของคุณทักษิณก็ตาม อย่าไปดันทุรัง จะเอาพ่อกลับมาอย่างเท่ๆโดยไม่ต้องไปเข้าคุก โดยไม่ต้องไปรับผิดอะไรเลย อย่าดันทุรังเลย มันเป็นบาป แล้วมันก็เป็นเรื่องที่อาตมาอยากจะพูดว่า มันก็ไม่ค่อยดีจะเป็นการท้าทาย แต่ก็พูดดีกว่า แล้วก็ขอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้หรอก คุณจะเอาพ่อเข้ามาอย่างเท่ๆ มันเป็นไปไม่ได้ แล้วทักษิณที่พูดอย่างเท่ๆว่า จะกลับมาเลี้ยงหลาน ผมไม่ทำอะไรหรอกจะมาเป็นที่ปรึกษาเพราะผมรู้หมดแล้วไม่เอาอะไรแล้ว คุณพูดปากเปล่า คุณพูดโกหกมาตั้งแต่เริ่มต้นว่ารวยแล้วไม่โกง แล้วก็มาตลอดเวลาคุณโกหกมาตลอดเลย ไม่จริงตามที่คุณพูด คุณพูดอะไรต่ออะไรไป ระเบิดตูมเมื่อไหร่ มีเสียงปืนผมจะเข้ามา ก็เข้ามาสิ ไม่มีใครห้ามคุณไม่ให้เข้ามา คุณก็ไม่กล้าเข้ามาเพราะว่าขี้กลัวอย่างกับอะไรดี เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปพูดเลย พูดไปแล้วเดี๋ยวอาตมาจะไปสร้างให้เขามีจิตที่ยิ่งไม่ดีมากกว่าเก่า แค่นี้ก็มากแล้ว ก็ขอยุติ ในการที่จะพูดยกตัวอย่างอันนี้
เพราะฉะนั้น ประเทศไทย จะว่าแล้ว เรื่องของ สิบเอกปัญญา ขยายความไม่ง่าย เป็น ความชั่วร้ายแว้บหนึ่ง ที่เป็นทางรูปธรรม แต่ทักษิณนี้เป็นความชั่วร้ายทางนามธรรมที่ใหญ่กว่ามาก ของสิบเอกปัญญานี้เหมือนยิ่งใหญ่ในโลกแต่มันเล็กนิดเดียว ตัวอย่างที่เกิดกรณี ส.ต.อ.ปัญญา มันทำให้ความคิดของทั่วโลก สังคมโลก ฉุกคิดและสะดุด ว่ากันฆ่ากันแค่นี้ เป็นความเลวร้ายความเลวทราม การฆ่า ฆ่าอย่างไร มันซับซ้อนด้วยนะ
ฆ่าอย่างไม่มีทางสู้ ผู้แพ้อย่างไม่มีทางสู้ เพราะฉะนั้นคุณไปทำกับใคร คุณไปทำสงครามรบราอยู่ คนที่ไม่มีทางสู้คุณก็ไปข่มเขาไปรังแกเขา เหมือนอย่างปัญญาไปรังแกเด็ก แถมเด็กยังนอนหลับอีกต่างหาก มันซับซ้อนให้เห็นถึงว่า ปัญญาไม่ได้เก่งอะไรเลย แต่ปัญญาสร้างพฤติกรรมของการฆ่า อันนี้ง่าย นี่แหละ พฤติกรรมของการฆ่า การฆ่าของปัญญาไม่ใช่เป็นการฆ่าที่ยิ่งใหญ่เลย เป็นการฆ่าของเด็กๆก็ทำได้
เพราะฉะนั้น การฆ่าที่ยิ่งหยาบคาย ยิ่งโหดร้ายทารุณยิ่งใหญ่ เหมือนอย่างที่เขาจะทำกันในระดับโลก ระดับประเทศในโลก สร้างทั้งอาวุธยุทธภัณฑ์ที่โหดเหี้ยม จะบอมบ์กันอย่างโหดเหี้ยม ยิงกันอย่างโหดเหี้ยม มันหยาบใหญ่ มันเป็นบาปหนักหนาสาหัส หยุดกันเถิด ชาวโลกเอ๋ยๆ ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆพวกนี้ศึกษาให้ดีๆ ตัวอย่างทักษิณก็ดี ตัวอย่างปัญญาก็ดี
ขออภัยพูดละลาบละล้วงถึงต่างประเทศ ตัวอย่างอย่างปูตินก็ดี ตัวอย่างอย่างผู้นำสหรัฐก็ตาม แม้แต่ในตัวอย่างของยูเครน นายเซเลนสกี้ ก็ตาม ซึ่งมันเป็นเรื่องของความดันทุรังที่สร้างความตาย สร้างการฆ่า สร้างการทะเลาะวิวาท ทำความไม่สงบให้แก่มนุษยชาติ ให้แก่สังคมโลกเลย
คำว่า ยุติ คำเดียวนี้ ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะต้องศึกษา เพราะฉะนั้นก็ขอพูดอีกอันหนึ่ง
อาตมาวิเคราะห์ออกมาอีกอันหนึ่งคือ วัตถุ พฤติกรรม จิตวิญญาณ 3 เส้านี้
-
วัตถุ จะกล่าวเจาะจงลงไปเลย คือ ปืน อาวุธ ระเบิด เครื่องมือฆ่าคนเป็นวัตถุ
-
พฤติกรรม คือการกระทำ ที่ต้อง อบรม ศึกษา ฝึกฝน
-
จิตวิญญาณ
จิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง การทั้งการทำวัตถุ ทั้งการทำกิริยาที่ดีที่ชั่วร้าย ซับซ้อนหมุนรอบเชิงซ้อนอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจิตวิญญาณจึงต้องศึกษาอย่างลึกซึ้งสำคัญมาก เพราะจิตวิญญาณเป็นประธานแล้วจึงจะมาเป็นพฤติกรรม หรือมีความรู้ จิตวิญญาณเป็นความรู้ด้วยรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดอะไรดีอะไรชั่ว เสร็จแล้วจิตวิญญาณก็เป็นประธานทำให้เกิดพฤติกรรม
พฤติกรรมก็ไปสร้างวัตถุ เพราะฉะนั้นคนชั่วช้าสามานย์ ก็จะสร้างอาวุธ สร้างเครื่องประหาร ผู้ที่เป็นคนดีแล้วหยุดเลยเรื่องสร้างอาวุธ แล้วพฤติกรรมก็ไม่ให้เกิดในตัวเองได้ด้วย โดยให้จิตวิญญาณเกิดเมตตา เมตตาจริงๆด้วย
คุณธรรมเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เมตตาจริงๆคือ ไม่ปรารถนาร้ายกับใครเลย แม้จะมีใครปรารถนาร้ายกับเรา หรือเขาทำร้ายเราจนขนาดนี้ ถ้าเราตาย เราก็ไม่มีโกรธตอบ ไม่ผูกพันไม่อาฆาตต่อ เอาสิเลย นี่คือสุดยอดของจิตวิญญาณของคนที่ดีที่สุดแล้ว
พระพุทธเจ้าอบรมสร้างสรรค์ให้คนเกิดเมตตา อย่างที่ว่านี้ได้ เพราะฉะนั้นเมตตานี้ก็เลยแสดงออกเป็นสาราณียธรรม แสดงออกทางกายกรรม
ชาวอโศกแสดงออกทางเมตตากายกรรม มีแต่สงเคราะห์ ช่วยเหลือ สร้างสรรค์กับเกื้อกูล แล้วก็ไม่เห็นแก่ตัวไม่สะสมอีก สร้างสรรค์เกื้อกูลเสียสละไม่เห็นแก่ตัว นี่คือสุดยอดเลยที่จะเป็นประชาธิปไตยที่สุดยอด มหาประชาธิปไตย อภิมหาประชาธิปไตย ตัวจริงเลย เป็นอภิมหาประชาธิปไตย เพราะจิตมีคุณสมบัติ สาราณียะ ปิยกรณะ คุรุกรณะ สังคหะ อวิวาทะ สามัคคียะ เอกีภาวะ
วิญญาณไม่เห็นแก่ตัว ไม่มีตัวตน คำว่าจิตวิญญาณไม่มีตัวตน เป็นเครื่องรับประกัน จะเห็นแก่ตัวก็เห็นแก่ตัวน้อยลงที่สุดเลยโดยสัจธรรม ฝึกหัดอบรมแล้วจึงจะเป็นคนจริง
เพราะฉะนั้นคนจริงที่ทำงานอยู่ในสังคมประเทศชาติขณะนี้ เมืองไทยเป็นเมืองพุทธเมืองไทยเป็นเมืองโลกุตระ แม้นักการเมืองจะไม่สนใจ ชาวอโศก ไม่สนใจคำอธิบายธรรมะของอาตมา นักการเมืองก็ยังมีคุณธรรมมาแต่ดั้งแต่เดิม ซึ่งอาตมาเคยพูดว่าเมืองไทยเป็นศาสนาพุทธมาตั้งแต่สร้างประเทศ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็มีผู้นำพาโลกุตระเข้ามา ลงมา กระจายลงมา ปลูกฝังลงไปให้แก่สังคม เป็นระดับๆๆ
ตั้งแต่พระเจ้าแผ่นดินรุ่นก่อนๆมา พ่อขุนรามคำแหง พระนารายณ์มหาราช มาเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึง พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และอาตมานี่ก็ยืนยันที่ได้จริงด้วย เป็นผู้ที่นำโลกุตระขึ้นมาเปิดเผย ทั้งเนื้อหา ทั้งความเป็นจริง ทั้งรายละเอียด ทั้งคำ อุเทส อธิบาย ชี้แจง อาตมาเป็นไก่ตัวพี่ในยุคนี้ ซึ่งเข้ามายืนยันสิ่งนี้ เพราะฉะนั้นอันนี้ อาตมาพูดไปมากก็ไม่ดี ว่ามีธรรมิกราช 2 องค์ก็แล้วกัน แล้วก็ปลูกฝังหรือสถาปนาลงไปในสังคมไทย
_สู่แดนธรรม… ผมขออนุญาตสรุปช่วงนี้ นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ พ่อท่านได้อธิบายถึงคุณธรรมที่พัฒนาจากสาราณียธรรมแท้ๆ และไปเข้าถึงศาสตร์ของมนุษยชาติ
พ่อครูว่า… อาตมาสรุปมาหลายทีแล้วแต่ก็ยังไม่ชัด เพราะว่าพระพุทธเจ้าไง พระพุทธเจ้านี้ในชีวิตของพระองค์ ท่านศึกษาความเป็นมนุษย์กับความเป็นสังคม สั้นๆแค่นี้น่าจะชัดเจน แล้วท่านก็รู้ว่า ถ้าเป็นคน ความเป็นมนุษย์เป็นคนดีที่สุดเป็นอย่างนี้ ต้องให้ได้คุณธรรมอย่างนี้ จิตวิญญาณต้องบริสุทธิ์สะอาดอย่างนี้ และมีพฤติกรรมอย่างนี้
สังคมที่ดี คืออะไรอย่างไร ท่านศึกษามนุษย์กับสังคมที่ดีที่สุด แล้วท่านก็ทำให้เกิดสังคมที่ดีที่สุดกับมนุษย์ที่ดีที่สุด นี่คือ 2 สภาพ เรียกว่า เทฺว ภาวะยิ่งใหญ่ คู่ยิ่งใหญ่คือ มนุษย์กับสังคม ดีที่สุด สรุปแล้วนี่แหละ พระพุทธเจ้าค้นพบอันนี้แล้วเอาอันนี้มาเป็นสูตรสอนทั้งหมดเลย มนุษย์จะต้องมาเอาอันนี้ทั้งหมดเลย ไม่ว่าที่ไหน
_สู่แดนธรรม… หลักธรรมของพระพุทธเจ้า จึงไม่ใช่ให้แต่พระภิกษุศึกษาเล่าเรียนเท่านั้น นักการเมืองก็ควรเป็นด้วย
พ่อครูว่า… เป็นตัวสำคัญเลย นักการเมืองกับนักธรรมะเป็นอันเดียวกัน เพราะฉะนั้นต่อไปประเทศไทยจะมีพระอรหันต์ได้เป็นนายกฯ
_สู่แดนธรรม… บางคนบอกว่าจะเป็นไปได้อย่างไร
พ่อครูว่า… เป็นไปแล้วอาตมาพูดแล้วว่าพลเอกประยุทธ์เป็นอรหันต์ แล้วพูดไปแล้วบอกไปแล้ว แต่คนเข้าใจอรหันต์มันเป็นอะไรอย่างนั้น เดาส่งโมเมด้วย
อรหันต์มีหลายขั้น โสดาอรหันต์ สกิทาอรหันต์ อนาคาอรหันต์ อรหันต์ของอรหันต์
เพราะฉะนั้น ถ้าเอาจริงๆแล้ว ลองจับดูเลย พลเอกประยุทธ์อายุตั้ง 68 ปี คุณประยุทธ์ผิดศีลอะไรบ้าง ศีล5 บริบูรณ์ไหม อย่าเอาปลีกย่อยเล่นหัว เอาปฏิบัติเรื่องจริงจังที่ปฏิบัติกับมนุษยชาติกับสังคม โกหกเล่นๆหัวเล็กๆน้อยๆ ก็พอเป็นไป เอาอย่างใหญ่ๆ เขาซื่อสัตย์บริสุทธิ์ ทำสะอาดมา 8 ปี เทียบกับทักษิณคนละขั้วเลย คนหนึ่งเป็นเหว คนหนึ่งท้องฟ้าเลย ทักษิณกับประยุทธ์อย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้น จึงบอกว่าเมืองไทยเป็นเมืองที่มีของจริง มีคนจริง นี่เป็นวาระของพลเอกประยุทธ์จะต้องเป็นผู้แสดง ซึ่งในยุคนี้มีประยุทธ์อยู่ 2 ประยุทธ์ อาตมาก็เคยพูดไปแล้วว่าประยุทธ์ทางธรรม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์มหาประยุทธ์เป็นผู้เด่น ทางนี้ก็จะมีพลเอกประยุทธ์เป็นผู้เด่น ประยุทธ์แปลว่า รบ นะ แต่ที่นี้มาหาประยุทธ์เขาก็เอาตัวยุติ สงบ รบเพื่อความสงบ หรือรบเพื่อความรุนแรง เพื่อความเดือดร้อนวุ่นวายต่อไปอีก มันก็มี 2 นัย
รบเพื่อความสงบ อย่างพลเอกประยุทธ์นี่รบเพื่อความสงบ หรือแม้แต่ท่านสมเด็จพุทธโฆษาจารย์ท่านมหาประยุทธ์ ท่านพยายามที่จะยืนยันความสงบ อย่างนี้เป็นต้น
ซึ่งเป็นสัจธรรม พวกนี้อาตมาจะต้องสาธยาย ซึ่งมันก็จะต้องไปกระทบคนนั้นคนนี้ อาตมาก็ต้องทำตามที่พระพุทธเจ้าว่า นิคฺคเณฺห นิคฺคหารหํ ปคฺคเณฺห ปคฺคหารหํ ควรข่มคนที่ควรข่ม สิ่งที่ต้องแก้ไข ควรแก้ไข ยกย่องคนที่ควรยกย่อง
สิ่งที่ดีอยู่กับมนุษย์แม้แต่วินาทีเดียว มันก็ไม่เป็นปัญหา แม้จะอยู่ไปอีก 100 นาที แม้จะอยู่ไปอีกนิรันดร สิ่งที่ดี มันก็ไม่ต้องไปแก้ไขอะไร สิ่งที่ดีมันก็ไม่ต้องไปแก้ไขอะไรนี่ มีแต่จะให้ดียิ่งขึ้น ส่วนความไม่ดีนั้นแม้แต่มีนิดหน่อย ก็ต้องรีบเอาออกให้หมด ยิ่งมีความไม่ดีมากๆแล้ว ถ้าไม่รีบขุด ไม่รีบโกยไม่รีบกระทุ้งกระแทกกระเทือนกันออกมา ให้รู้ตัวให้รีบแก้ไข ถ้าไม่ทำอย่างนั้น มันจะเป็นอย่างไร มันจะไปเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร
_สู่แดนธรรม… เขาบอกว่าเป็นเรื่องของคุณ
พ่อครูว่า… เรื่องของคุณ คุณก็ไปอยู่กับพวกเชน ออกป่าไปลิบลับไป แต่นี่คุณจะอยู่กับสังคมเป็นตัวเอ้ของสังคม เป็นผู้นำสังคม เป็นผู้ใหญ่ของสังคมจะให้คนนับถือในสังคมด้วยแล้วกัน มันผิดมันก็แย่สิ มันต้องแก้ ผิดก็ต้องแก้ ถ้าไม่แก้ ตัวเองก็ไปไม่ออก
เพราะโดยสัจจะแล้ว มันมีหนึ่งเดียว ถูกมีหนึ่งเดียว ต้องไปอ่านจูฬวิยูหสูตร สัจจะมีหนึ่งเดียวเท่านั้นแหละ
มีคู่เทียบ 1 คู่เทียบที่ตรงข้ามกัน กับคู่เทียบที่ใกล้กันมาก
คู่เทียบของหนึ่ง 1 คู่เทียบที่เป็นรองแชมป์ ใกล้กันมาก กับ อีกหนึ่งคือ คู่ที่ตรงกันข้ามเลย นี่คือ คู่เทียบของผู้สูงสุด เป็นหนึ่ง
_สู่แดนธรรม… แต่ผู้สูงสุดนั้น หาผู้ใดมาเทียบไม่ได้
พ่อครูว่า… ศัพท์หนังกำลังภายในคือไร้เทียมทาน ไม่มีผู้ใดเทียมทาน
_สู่แดนธรรม… พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีพระพุทธเจ้าองค์อื่นมาเกิดใกล้ๆ
พ่อครูว่า… ขออภัยแม้แต่อาตมาเกิดในยุคนี้ ก็ยังไกล ยังมีคนไกลอาตมามาก ไม่มีใครมีภูมิใกล้อาตมา มีแต่คนที่ไกลอาตมาทั้งนั้น ในคุหัฏฐกสูตรว่า ยังไกลวิเวกอีกมาก ไกลความสงบ จะเป็นตัวรวนความสงบด้วย
_สู่แดนธรรม… การสร้างสังคมที่เจริญแบบนี้ ผู้จะมาสร้างมาทำต้องมีบารมี เป็นอรหันต์มือใหม่ทำไม่ได้แน่นอน
พ่อครูว่า… แล้วก็ขอขยายความตรงนี้อีกนิดนึง ผู้ที่จะทำตนเองแล้วก็ทำสังคมสร้างสังคมได้ ก็จะต้องเป็นผู้มีความรู้ ใน อุปธิ 3
-
กิเลส
-
ขันธ์ (ขันธ์ต่างๆ เช่น ขันธ์ 5 )
-
อภิสังขาร
อภิสังขารเป็นในทางเลวก็ได้ แต่ในความหมายที่เราจะต้องเข้าใจแล้วก็ทำให้ได้คือ อภิสังขารไปในทางประเสริฐ ในทางดีในทางยิ่งใหญ่ เช่น ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร
อภิสังขาร คือ ทำจิตปรุงแต่งกันระหว่างธาตุ 2 คือรูปกับนาม ให้เกิดพลังงาน พลังงานที่ยิ่งใหญ่ ก็เป็นพลังงานฌาน เป็นต้น พลังงานเผากิเลสได้ จะเผากิเลสได้ก็ต้องจับตัวเอาผู้ที่จะมาเผาคือโจรใหญ่คือผู้ร้ายที่สำคัญ ทางธรรม ผู้ก่อให้เกิดกิเลสนั่นแหละ คือผู้ร้ายที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ก่อให้เกิดกิเลสในสังคมมนุษย์ หรือตัวกิเลสเองนั่นแหละ
เพราะฉะนั้น อุปธิ 3 ฆ่ากิเลส ปุญญาภิสังขาร ปรุงแต่งพลังงานให้มันเกิดบุญ ปุญ คือ พลังงานที่เป็นเพชรฆาตฆ่ากิเลส มือเด็ดขาด มือสุดท้ายจากฌาน ได้ฆ่ามาเรื่อยๆ ฌาน 1 2 3 4 จากพลังงานไฟที่เผามาเรื่อยๆ พอถึงฌานที่ 4 ก็ทำงานประหารกิเลส บุญ ประหารเป็นมือสุดท้าย จะจะตายหรือไม่ตาย เจอมือบุญแล้ว ประหารมือสุดท้ายแล้ว กิเลสไม่มีทางกลับมาเกิดอีกเลย
นี่คือความรู้ที่ได้ผิดเพี้ยนไปจากคำว่า บุญ ปุญญะ แล้วก็กลายเป็นสภาพ 2 คู่กับบาป จริงๆแล้ว บุญมีลักษณะ เอกังสะ โดยส่วนเดียว One Way Traffic ไม่มีทางโค้งกลับมาอีกเลย ตรงแล้วหายไปเลย เป็นนิวเคลียร์ฟิชชัน ตรงไปแล้วหายไปเลย ไม่มีการโค้งกลับมาอีกเลย ไม่เป็นบูมเมอแรง ไม่มีโค้งไม่มีงอ ไม่มีลูป ไม่มีรีเทิร์น ไปลิ่วเลย หายไปเลย
เพราะฉะนั้น บุญเมื่อฆ่ากิเลสจบแล้วเป็น 0 ถึงเข้าใจคำว่าบุญกันไม่ได้ง่ายๆ ผู้ที่ยังเข้าใจคำว่าบุญไม่ได้ บรรลุธรรมไม่ได้ เพราะสร้างพลังงานที่จะประหารกิเลสหรือถอนอาสวะไม่ได้ ไม่ได้
เพราะไม่มีความรู้ในการที่จะสร้างปรุงแต่งพลังงาน แม้เป็นฌาน จะเป็นสัมมาทิฏฐิไหม ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิที่จะเป็นฌานที่ 1 2 3 4 จะเข้าหาบุญ เพราะฉะนั้นจะรู้ว่า บุญ ประหารมาแบบนี้ ก็ต้องกิเลสของตนมันถึงจะชัดเจนแล้วก็ต้องฆ่ากิเลสของตนเองจึงจะชัด
เพราะฉะนั้นผู้ใดไม่ได้เรียนรู้กิเลสของตนและไม่ได้ฆ่ากิเลสของตน แล้วผู้นั้นจะไปสอนคนอื่นให้รู้กิเลส แล้วก็ให้ฆ่ากิเลสของเขาได้อย่างไร มันไม่ได้ มันเป็นนามธรรมที่ไม่ใช่จะรู้ได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นเอามาทำของตัวเองก็ต้องรู้เป็น สักกายะของตัวเองก่อนแล้วก็ทำกับ สักกายะของตนก่อน ฆ่ากิเลสให้ตาย
บัญญัติที่ใช้คำว่า ปุญญาภิสังขาร หมดก็เป็นอปุญญาภิสังขาร ปุญญปาปปริกขีโณ มีพยัญชนะ เลิกบุญเลิกบาป กำลังจะทำต่อไปจนมีแต่กุศล พระอรหันต์จึงทำต่อไปมีแต่กุศล ไม่มีบาปอีก บุญ ก็ไม่ต้องใช้ พระอรหันต์คือผู้ที่หมดบุญหมดบาปแล้ว
_สู่แดนธรรม.. กุศลที่ท่านทำแต่ละชาติจึงทำให้เป็นโพธิสัตว์
พ่อครู…ใช่ไม่ทำบาปทั้งปวงทำเป็นกุศล บุญก็ไม่ทำเพราะว่า บุญคือการฆ่ากิเลสของตัวเอง บุญ ไม่ต้องไปฆ่ากิเลสของคนอื่น บุญ คือพลังงานของตนเองเท่านั้นที่ฆ่ากิเลสของตนเอง บุญ ไม่ไปอาละวาดใคร ไม่ไปละลาบละล้วงใคร สอนให้คนอื่นเขาทำของเขาเองให้เขารู้แล้วเขาทำบุญของเขาเอง ทำพลังงานในตัวเองให้เกิด
แล้วคนที่มีตัวเองเป็นปัจจัตตังก็จะรู้ความจริงว่า อ๋อ มันเป็นเช่นนี้เอง อ๋อ เป็นอย่างนี้เอง เป็นอย่างไร ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ คุณจะรู้ของคุณเอง ไม่มีใครบอกใครสอนเลย
อาการรู้เอง เป็นของตัวเองรู้ด้วยตัวเองแล้วไม่ต้องเชื่อใคร ไม่ต้องให้ใครบอกใครสอนอีกแล้ว เพราะทำเองได้แล้ว นี่แหละ มันเป็นตัวเอง เป็นเองๆๆเลย
เพราะฉะนั้นในคุณธรรมที่เราพูดกันไป มันเหมือนง่าย แต่คนที่ฟังดีๆจะรู้ว่าไม่ง่ายมันยาก แต่มันไม่ยากหรอกมันง่าย
-
มันง่าย 2. มันยาก 3. มันไม่ยากหรอกมันง่าย
คุณทำได้แล้วมันง่าย
วัตถุ พฤติกรรม และจิตวิญญาณของโลกีย์เปรียบกับโลกุตระ
-
วัตถุ 2. พฤติกรรม 3. จิตวิญญาณ
เพราะฉะนั้นวัตถุที่เป็นปืน เป็นอาวุธปืน ระเบิด เป็นอาวุธนิวเคลียร์อะไร อาตมาว่า คนที่ยังมืด คนที่ยังงมงาย คนที่ยังไม่ตื่น คนที่ยังหลงใหลคนที่ยังมีอัตตา คนที่ยังมีความรุนแรงจะเอาชนะคะคาน คนที่ไม่รู้จักแพ้ เขาจะทำอันนี้จะสร้างอาวุธขึ้นไปอีก
เพราะฉะนั้น ประเทศไทยนี่อย่าไปน้อยอกน้อยใจหรือไปรู้สึกด้อย ไปด้อยค่าว่าประเทศไทยไม่ได้สร้างอาวุธ สร้างอาวุธไม่เป็น อย่าไปน้อยใจอย่าไปเสียใจ อย่าไปด้อยค่าตัวเองเลย ดีแล้วล่ะสร้างอาวุธไม่เป็น ให้มาสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร ให้มันอุดมสมบูรณ์ให้มันมีปริมาณมากคุณภาพดีไปให้เยอะๆจริงๆ เลี้ยงโลกไปเลย โลกทั้งโลกนี้เราเลี้ยงได้ครึ่งโลกเลยก็ดีแล้ว ถ้าเราทำพืชพันธุ์ธัญญาหารได้ แล้วเรามีเหลือเฟือเหลือ แจกหรือขายอย่างถูก
ในหลักเศรษฐศาสตร์ เราแลกเปลี่ยนถูกที่สุด ต่ำกว่าราคาทุน หรือแจกฟรี ถ้าในเกณฑ์ของเศรษฐศาสตร์ 1. แจกฟรี 2. ราคาต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ 2 อันนี้คือผู้ประเสริฐทางเศรษฐศาสตร์ แจกฟรีหรือแม้จะขายก็ขายให้ราคาต่ำที่สุด แน่นอนต่ำกว่าราคาทุนหรือราคาตลาดแน่นอนอยู่แล้ว ต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้ จนใกล้กับแจกฟรีให้ได้ นั่นคือผู้ที่เก่งทางเศรษฐศาสตร์ ทางเศรษฐกิจที่สูงสุด
เศรษศาสตร์เศรษฐกิจที่สำคัญจะให้รวยนั้นมันแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่จบหรอกมันเป็นไปไม่ได้ด้วย การแก้ปัญหาที่จะให้คนไปรวยๆให้หมดนี้ เป็นไปไม่ได้ ต้องแก้จิตให้มามักน้อยสันโดษจน คนมันจนเพราะว่าคนมันไม่เข้าใจ ที่จริงแล้วมันอยากรวยทั้งนั้น
1.อยากรวยแล้วมันรวยไม่ได้เพราะมันจำนน ก็เลยต้องยอมทนอยู่อย่างนั้น ก็ต้องมาเข้าใจว่าจนนั้นดีแล้ว
1.อย่าเป็นหนี้ 2. มีการสร้างสรรค์เลี้ยงตัวเองรอด 3. สร้างให้เหลือให้เกินให้มากเท่าไหร่ยิ่งดีเกินกินเกินใช้ของตน 4. สะพัดแจกจ่าย หรือขายให้ถูกที่สุด
4 ขั้นนี้ ก็บอกก็พูดมาไม่รู้เท่าไหร่ นี่คือคุณสมบัติความประเสริฐของมนุษย์ของสังคมที่ทำได้ ชาวอโศกเราทำได้
_สู่แดนธรรม… ทุกข้อเสนอที่พ่อท่านนำเสนอในรายการวันนี้ ล้วนแต่เป็นความประเสริฐที่ทวนกระแสโลกทั้งนั้นเลย
พ่อครูว่า… ใช่ เพราะฉะนั้นเมื่อทำได้แล้ว และวัตถุที่สร้าง แทนที่จะสร้างปืนระเบิดหรือเครื่องมือฆ่าคน ไปสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารที่เป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์ มาสร้างอันนี้จึงเป็นสุดยอด
ฉะนั้นเราก็เชื่อพระพุทธเจ้าแล้วก็ทำ และอีกอันหนึ่งก็คือสำคัญมาก คนเรานี่ไม่ต้องกลัวตาย เพราะตายไปแล้วถ้าคุณยังไม่ยอมจบ
-
ถ้ากิเลสไม่หมด อย่างไรคุณก็ต้องมาเกิดอีกตามวิบาก ถ้ามีวิบากเร็วมันก็ยิ่งแย่ ถ้าวิบากดีเกิดอีกก็ยิ่งดีต้องเกิด
-
คูณเป็นอรหันต์แล้ว ตายอย่างปรินิพพานเป็นปริโยสานไม่ต้องเกิดอีกได้ คุณก็ตายไปถ้าคุณจะจบ เลิกเลยทำตัวเองตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน แยกจิตนิยามเป็นดินน้ำไฟลมได้เลย