650929 เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1ff0OStvozpWR5UHvL7j4rSWdA5u9Txe_8alKXhnDR3U/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1SNHQxmrItrVzxDiGloN9jyog7Vni8iD5/view?usp=sharing
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/TIkg856UgMc
และ https://fb.watch/fRjrzIs9Kr/
พ่อครูว่า… วันนี้วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้เป็นวันพิเศษไม่ใช่วันธรรมดา จะไม่ตอบ sms
ลองอ่านบทความของสารส้ม กวนน้ำให้ใสก่อน
_กวนน้ำให้ใส … สารส้ม
วันอังคาร ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2565, 02.00 น. นสพ.แนวหน้าออนไลน์
ถ้าทักษิณไม่โกง ชีวิตจะเป็นอย่างนี้หรือ?
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้หลบหนีโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯคดีทุจริตประพฤติมิชอบ หลายคดี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ค Thaksin Shinawatra
อ้างรำลึกในครบรอบ 16 ปี ของการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 กล่าวถึงเรื่องที่เสียดาย 10 เรื่อง สร้างภาพให้ตัวเองดูดี ฟอกขาว ทำราวกับว่าตัวเองเป็นผู้ปกป้องพิทักษ์ สร้างสรรค์ทั้ง 10 เรื่องนั้น ได้แก่
“1. ผมเสียดายความเป็นประชาธิปไตยของประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแต่วันนี้เรากลับต้องมาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจเผด็จการ 2. ผมเสียดายความสง่างามและความไว้เนื้อเชื่อใจของประเทศไทยบนเวทีโลก 3. ผมเสียดายโอกาสประเทศในการพัฒนาไม่ว่าจะเป็น การศึกษา เทคโนโลยี การเกษตร และอุตสาหกรรม 4. ผมเสียดายโอกาสในการแก้ปัญหาความยากจนซึ่งคนไทยควรจะหายจนไปแล้ว 5. ผมเสียดายโอกาสของคนไทยที่ทุกวันนี้มองไม่เห็นอนาคตตนเอง เพียงแค่หางานทำให้ได้เพื่ออยู่ไปวันๆ ทั้งๆ ที่รายได้ต่ำกว่าประเทศอื่นในระดับการพัฒนาเดียวกัน 6. ผมเสียดายความเป็นศูนย์กลางการบินของสุวรรณภูมิ ทั้งๆ ที่ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เราควรจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน 7. ผมเสียดายที่ลูกหลานต้องติดยาเสพติด ซึ่งตอนนี้ซื้อง่ายยิ่งกว่าหมากฝรั่ง 8. ผมเสียดายที่น้ำท่วมซ้ำซากเพราะไม่ได้บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ 9. ผมเสียดายระบบราชการที่กำลังทันสมัยต้องกลับมาเป็นรัฐราชการที่ประชาชนต้องวิ่งวอนขอรับการบริการ 10. ผมเสียดายที่ประเทศต้องเป็นหนี้เพิ่มจากการบริหารงานที่ผิดพลาดจนต้องขยายเพดานการกู้และหนี้สินภาคครัวเรือนของประชาชนสูงจนจะใช้คืนได้ยาก…”
ถามจริงๆ ถ้าทักษิณไม่โกง จะถูกศาลฎีกาพิพากษาลงโทษว่ามีความผิดไหม?
ถ้าไม่โกง จะไม่มีแผ่นดินอยู่ ต้องเร่ร่อน เที่ยวโอดครวญอยากให้ลูกน้องใช้อำนาจรัฐล้างผิดให้ตัวเองเพื่อจะได้กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุก แบบที่เป็นอยู่นี้หรือไม่?
แล้วที่วาดภาพสวยหรู 10 เรื่องที่เสียดาย เอาไว้หลอกเด็กเมื่อวานซืนอาจจะพอได้
แต่ใครที่ติดตามศึกษาความจริง ข้อมูลจริง ดูจากหลักฐานในคำพิพากษาคดีทุจริตต่างๆ ก็ได้ ฯลฯ ไม่ใช่เชื่อตามการปั่นวาทกรรมล้างสมองในช่วงหลัง อ่านตามที่ทักษิณเขียนก็ได้แต่หัวเราะก๊าก
เขียนนวนิยาย หรืออะไรเนี่ย!!!!
เพราะในความเป็นจริง 10 อย่างที่ว่านั้น ระบอบทักษิณได้ร่วมทำลาย บิดเบือน แทรกแซง ใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์เข้าตนเองและครอบครัว ไปเสียเกือบทั้งหมด
-
เรื่องที่ว่าเสียดายรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนนั้น… นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตมือกฎหมายพรรคเพื่อไทย เคยเขียนหนังสือ “รัฐธรรมนูญตายแล้ว”
ชำแหละระบอบทักษิณอย่างหมดเปลือก
ระบุว่า รัฐธรรมนูญถูกฆาตกรรมไปเสียตั้งแต่ก่อนรัฐประหารแล้ว โดยน้ำมือ
ของระบอบทักษิณนั่นเอง
พร้อมชำแหละ “ทศลักษณ์ทักษิโนมิกส์” ลักษณะของระบอบทักษิณ 10 ประการเอาไว้
ประกอบด้วย
1.บริหารประเทศด้วยการขยายอาณาจักรทางธุรกิจของครอบครัวและพวกพ้อง
2.แปลงรัฐธรรมนูญให้เป็นเครื่องมือของเผด็จการรูปแบบใหม่
3.ใช้การตลาด การโฆษณาชวนเชื่อและเงินเป็นเครื่องมือกลไกหลักในการบริหารประเทศ
4.เปลี่ยนประเทศให้เป็นสมรภูมิของความรุนแรง เปลี่ยน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นมิคสัญญี
5.ใช้สัญชาตญาณ “นักล่าอำนาจ” ที่คิดแต่จะเอาเปรียบคู่ต่อสู้มากกว่าจะใช้ “สปิริต” ในการสร้างความปรองดองแห่งชาติ
6.ได้ดิบได้ดี มีอำนาจด้วยอานิสงส์ของรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เคยเห็นความสำคัญของรัฐธรรมนูญ ทำทุกวิถีทางเพื่อเบี่ยงเบนและหาผลประโยชน์จากช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนสามารถเข้าสู่อำนาจและอยู่ในอำนาจได้นานๆ อย่างไม่ละอายแก่ใจ
7.สะท้อนความเป็นผู้นำประเทศคิดเร็ว พูดเร็ว ทำเร็วเปลี่ยนเร็ว ลืมเร็ว
8.เล่นพรรคเล่นพวกเลือกปฏิบัติ
9.บริหารประเทศแบบข้าเก่งคนเดียว
10.เป็นนวัตกรรมทางการเมืองใหม่ภายใต้การกำกับดูแลของอาณาจักร ทางธุรกิจ พยายามทำให้ตนเองและครอบครัวเป็นศูนย์กลางระบอบ
-
เรื่องเล่ห์เหลี่ยมการแสวงหาอำนาจรัฐ การใช้อำนาจรัฐ และการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน… นายเสนาะ เทียนทอง อดีตผู้จัดการรัฐบาลทักษิณ มือปั้นทักษิณให้เป็นนายกฯ ก็เคยแฉไว้ในหนังสือ “รู้ทันทักษิณ4”
นายเสนาะวิพากษ์การทำงานของทักษิณว่า “… ทักษิณมีลักษณะเป็นนักเสี่ยงโชคนิยมความเสี่ยง เข้าลักษณะกล้าได้กล้าเสีย ขาดความรอบคอบกระทั่งเคยประสบปัญหาทางธุรกิจ “ทักษิณ” นิยมบริหารธุรกิจและคิดไวทำไวชอบตัดสินใจเดินหน้าไปก่อน แล้วค่อยหาวิธีแก้ปัญหารายละเอียดภายหลังโดยใช้การตลาดเป็นเครื่องมือสำคัญ “ทักษิณ” มีวุฒิการศึกษาแต่ขาดวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำไม่มีสภาวะผู้นำโดยเฉพาะในระดับประเทศ
ลักษณะเฉพาะตัวเหล่านี้นำไปสู่พฤติกรรมการใช้อำนาจ การกำหนดนโยบายและการดำเนินนโยบายที่ไม่รอบคอบ สุ่มเสี่ยง อาทิ การจดทะเบียนคนจน ผมเคยแนะนำว่า “ทำไม่ได้นะ ไปประกาศเฉยๆ ไม่ได้ การประกาศสงครามความยากจน แต่เอาเขามาขึ้นทะเบียนเฉยๆ คนที่เป็นหนี้สินอยู่ แต่ไม่ใช่คนจนก็มาจดทะเบียนด้วยนะมันจะบานปลายกันไปใหญ่ น้องไปให้เขาจดทะเบียนพี่ไม่เห็นด้วย มองด้วยจิตสำนึกมันปฏิบัติไม่ได้ มันทำไม่ได้ มันได้แต่ตัวเลขมาโชว์ตอนเลือกตั้งแต่หลังจากนั้นมันไม่มีผลจริง” แต่ทักษิณบอกว่า “โธ่…พี่เหนาะคนตาบอดมันกลัวเสือเหรอ ถ้าเรา
ไม่พูดแบบนี้เราจะได้เสียงเหรอ”
นายเสนาะเคยแฉถึงขนาดว่า “..มีการใช้ระบบธุรกิจครอบครัวมาจัดการผลประโยชน์ในรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ขนคนที่เคยทำงานกับตัวเองในบริษัทแบบยกชุด วางคนของตัวเองไปในทุกกระทรวง โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการ แต่ทุกคนในกระทรวงจะรู้ดีว่า คนคนนี้ คือคนของเขา จะทำอะไรก็ต้องผ่านคนคนนี้ เรียกว่ามี 2-3 คนไปดูแลผลประโยชน์ทุกกระทรวง เป็นเสมือนหลงจู๊ แล้วยังส่งคนไปยึดตำแหน่งใน กมธ.ชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนฯ ใน ครม.ก็ไม่ต่างกัน ทุกโครงการที่จะมีการอนุมัติ ถ้ารัฐมนตรีคนไหนเสนอเรื่องขอใช้งบกลางที่จัดสรรไว้มหาศาล ก็ต้องไปเคลียร์กับคนของเขาให้เรียบร้อยก่อน รัฐมนตรีหลายคนจะมีคนของเขาเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวทำงบฯ จะเอากี่พันล้าน แต่ต้องเอาเข้าพรรค 10 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าจะไปทำอะไรขึ้นมาก็ได้ ไปเขียนโครงการมา ถ้ารัฐมนตรีคนไหนทำไม่ได้ ก็อยู่ไม่ได้เวลาทำโครงการก็ต้องจ้างที่ปรึกษาที่เป็นคนของตัวเอง แล้วใช้วิธีที่เก่งที่สุด คือ ยกเว้นระเบียบพิเศษ ยิ่งใช้วิธีขีดเส้นตาย ว่าต้องเสร็จวันนั้น-วันนี้ เหมือนกรณีสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อจะได้ใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ นโยบาย 10 เปอร์เซ็นต์
รัฐมนตรีต้องทำโครงการ โดยตบแต่งงบประมาณขึ้นมาก่อนว่า มูลค่าของโครงการจะครอบคลุม 10 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องหักเข้าพรรค จากนั้น ไปตกลงกับคนของเขาผ่านคุณหญิง เมื่อเรียบร้อยเมื่อใดก็ส่งมาให้ตัวตาย-ตัวแทนทางการเมืองที่เขาไว้ใจ พอเข้า ครม.นายกฯ จะเสนอโครงการ และอนุมัติให้เองเสร็จสรรพ รัฐมนตรีไม่ต้องคิด ไม่ต้องสงสัย…”
นอกจากนี้ นายเสนาะยังแฉประโยคเด็ด
“…พี่เหนาะผมพร้อมแล้ว สมบัติส่วนหนึ่งผมให้ลูก อีกส่วนเก็บไว้สำหรับตายายกินจนตายก็ไม่หมด สมบัติอีกส่วน จะทำเพื่อบ้านเมือง จะใช้หนี้แผ่นดิน คำพูดนั้นๆ ผมเคยหลงคิดว่าคนคนหนึ่ง รวยแล้วกลับใจ คิดใช้หนี้แผ่นดิน
ตอนนี้ผมรู้ความจริงแล้วว่า รวยจากโกงชาติ กล้าทำแม้เผาบ้านเมืองเพื่อเอาประกัน
คนรวยคนนี้ รวยแล้วไม่รู้จักพอ ไม่ใช้หนี้แผ่นดินยังไม่พอ มันยังโกงกิน ทรยศต่อแผ่นดิน
ผมเคยพูดและเตือนกับคุณหญิงว่า “น้อง ถ้ามันได้มาอีกแสนล้าน เอาไปทำไม”
เขาพากันตอบว่า “ก็รู้ แต่ในเมื่อเล่นการเมืองมันต้องควักเงิน ก็ต้องถือว่าเป็นธุรกิจ”
เคยเตือนหนักๆ ถึงขั้นว่า “ในอนาคต ถ้ามันจะเดือดร้อนหนักๆ คือคนเป็นหัวนะ” เขาก็ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน ว่า “ก็รู้ ถ้าพี่ทักษิณจะลง ต้องให้พรรคไทยรักไทยมีอำนาจอย่างน้อยสองสมัยถึงจะปลอดภัย”…”
จริงหรือไม่ ปัจจุบัน คุณเสนาะ เทียนทอง ยังคงอยู่ในพรรคเพื่อไทย คงยืนยันได้ว่าเคยให้สัมภาษณ์ไว้อย่างไรในหนังสือดังกล่าว
สารส้ม
เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ(ตอน 1)
พ่อครูว่า… ทักษิณเขามีเงินบินไปบินมามีเครื่องบินส่วนตัวไปตรงมาตรงนั้นตรงนี้ได้ แล้วประเทศไทยก็ใจดีมาก ที่จริงจับมาลงโทษเมื่อไหร่ เอาจริงๆจังๆทำก็ได้ แต่ก็ใจดี นี่คือเมตตาจริงๆเลยทักษิณไม่เคยรู้เรื่องเลยไม่เคยสำนึกไม่เคยสำเนียง ไม่เคยที่จะฉุกคิดเลยว่า ประเทศไทยนี้เมตตาเขาเท่าไหร่ เท่ากับลูกหลานประเทศไทยย่ำยีประเทศไทยยกตัวอย่างต้นคงประเทศไทยทั้งประเทศ
ถ้าเขาไม่โกง คำนี้คำเดียว ชีวิตทักษิณจะสบายมากเลย ถ้าเขาไม่โกงอย่างเดียว ทั้งชีวิตไปเขาก็อยู่ในแผ่นดิน อย่างน้อยก็ได้อยู่ในประเทศไทย ไม่ต้องบอกว่าอยากกลับประเทศไทย ใครห้ามเอ็งไม่ให้กลับทักษิณ อะไรห้ามคุณ เดี๋ยวจะหาว่าพูดหยาบ ใครห้ามคุณไม่ให้กลับมา
กลับมาได้ แต่เพราะคุณโกง มีคดีที่พิพากษาแล้วต้องติดคุก คุณก็ต้องมาติดคุก นี่ต่างหากล่ะ คุณเข้ามาแล้วต้องติดคุกต่างหาก คุณทำเป็นพูดหลอกเด็กอมมือว่า ไม่กลับ กีดกันเขา ปัดโธ่เอ๊ย ไม่เคยมีใครกีดกันคุณเลย ไม่มีใครไม่ให้กลับเลยทักษิณเอ๋ย หลอกเด็กไปวันๆ หลอกคนโง่ไปวันๆ แล้วก็มีจำนวนคนโง่ไปหลงคารมทักษิณอยู่ได้ นี่ก็เหลือเกินจริงๆ เมื่อไหร่จะหายโง่สักทีคนพวกนั้นเอ๋ย
เอาแต่แค่ข้อ ถ้าทักษิณไม่โกงชีวิตจะเป็นอย่างนี้หรือ ถ้าไม่โกงก็จะไม่ถูกพิพากษาลงโทษ ถ้าไม่โกงก็จะไม่เป็นมนุษย์เร่ร่อน ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ถ้าไม่โกงก็ไม่ต้องโอดครวญ อยู่อย่างที่เป็น
เพราะฉะนั้นก็เกิดจากคำว่า “โกง” คำเดียว ที่มันเป็นทุจริตกรรมที่ส่งผลให้เห็นชัดเจนที่สุดเลย ชัดเจนมาก คุณมีเงินคุณ มีเครื่องบินส่วนตัว มีปราสาทที่มาซื้อไว้หลายหลัง ไปพักบ้านไหน แบบโลกๆ ประโลม รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสแบบโลกๆได้หมดแต่จิตของคุณมันนรกกินหัวร้อนรุ่ม ไม่ได้เป็นอยู่สุขเลย มันไม่ได้เป็นคนที่อยู่อย่างสงบสบาย ไปได้เลยทักษิณ
นี่แหละคือผลวิบากกรรมที่ทักษิณทำและออกผลให้เห็น ถ้าคนมีปัญญา มีดวงตาทางธรรม จะเห็นว่าทักษิณทำตัวเองที่เป็นเช่นนี้
แล้วแยก โลกีย์ โลกธรรมที่เขาอาศัยประโลมตนเองอยู่ กับ โลกุตระหรือปรมัตถสัจจะแท้ในจิตลึกของเขาว่าเขาอยู่เป็นสุขหรือไม่ เอาแต่แค่สุขทุกข์มันเป็นโลกียะเท่านั้น เขาไม่ได้สุขเลยเขามีความทุกข์ ที่ภาษาธรรมะเรียกว่า นรกอเวจี นี่แหละคือนรกอเวจีแท้ๆ ของมนุษยชาติ เข้าใจให้ได้
แล้วก็มีอะไรเป็นองค์ประกอบสังขารธรรมปรุงแต่งอย่างนู้นอย่างนี้อย่างนี้อย่างนั้น เอานอมินีมา เพื่อให้ดึงตัวเองกลับได้ โดยมีประเด็นเดียว ต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้จงได้ ประเด็นเดียวแท้ๆเลย ออกกฎหมายให้ได้ ยังไงๆก็ต้องให้ได้ สส.มีอำนาจในสภา แล้วก็ชนะ มีอำนาจในการออกกฎหมาย แล้วกฎหมายที่ออกนั้นต้องนิรโทษกรรมให้เขากลับบ้านได้อย่างเท่ห์ๆ นี่คือเป้าประเด็นหลักที่เขาจะต้องทำให้ได้ เดี๋ยวนี้เขาก็ยังคิดว่าเขาจะต้องทำให้ได้ แต่เขาทำไม่ได้ ด้วยสัจธรรมที่เขาโกงก็ต้องมีวิบากออกไป ถ้าอยู่ก็ต้องติดคุก ถ้าติดคุกเสีย
แรกๆเลยนะ เชื่อว่าคนไทยอาตมาเชื่อ ถ้าคุณทักษิณทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน ประชาธิปไตยจึงเป็นคนรับใช้ประชาชนแล้วเชื่อในกฎหมาย ไม่หนี รับโทษทัณฑ์ไป คดีต่างๆในคดี จะถูกยกเลิกโดยปริยาย รับผิดเสียบ้างแล้วก็ออกมา ติดคุก จริงๆไม่กี่ปีหรอก ออกมาก็ยังฟื้นทำอะไรต่ออะไรได้ ก็จะได้อยู่กับลูกหลาน อย่างที่บอกว่าอยากจะมาเลี้ยงหลาน จริงๆเป็นเรื่องจริงในชีวิตของเขาแต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก็เลยต้องดิ้นอยู่ในนรกอเวจีอย่างนั้น มันอยากเป็น อยากได้ อยากมี อย่างนั้น แต่มันไม่ได้ นี่แหละนรก นี่แหละนรก
อ่านสภาวะจริงของนรกของมนุษยชาติให้ได้ คือไม่ปล่อยวาง ยึดเป็นเราเป็นของเราไปหมด ในเรื่องที่เขาบอกเขาเสียดายอันนั้น เสียดายอันนี้ อวดเก่ง ฝีมือเขา ถ้าเขาอยู่เขาจะทำให้ดีหมดทั้งนั้นเลย อ้างมาอย่างน้อย 10 ข้อ ให้เขาคิดอ้างอีกก็ได้มากกว่า 10 ข้อ แต่ 10 ข้อนี้มันก็โอ้โห เห็นขี้ฟัน โม้มาไม่รู้กี่ปี๊บแล้ว
เพราะฉะนั้นการคุยโวกับการปฏิบัติ เทียบดู คุณทักษิณกับพลเอกประยุทธ์ เทียบการปฏิบัติประพฤติ พลเอกประยุทธ์ปฏิบัติเป็นนายก ปฏิบัติงาน เป็นนายกนานกว่าทักษิณ เลยไปหลายปีแล้ว ทักษิณเป็นนายกก็ดูเหมือนประมาณ 5 ปีกว่าๆ อาตมาจำเวลาไม่ได้
เอาประเด็นเดียว ขี้โกงกับซื่อสัตย์ ล้มล้างกันคนละขั้วโลกเลยประยุทธ์กับทักษิณ เอาคำว่าขี้โกงกับซื่อสัตย์
ถ้ายิ่งไปเอารายละเอียดจริงๆ การปฏิบัติบริหารประเทศของทักษิณ เท่าที่อาตมามีความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจ น้อย อาตมาเข้าใจแต่ละวิชาโลกุตระที่เป็นหลักของเศรษฐกิจ แต่การปฏิบัติเศรษฐกิจของโลกที่เขาซับซ้อน เศรษฐกิจแบบโลกๆที่ซับซ้อน ก็คือ จะต้องรวย จะต้องได้เปรียบ ไม่ว่าใครทั้งนั้นเลยเศรษฐกิจโลกีย์ จะต้องได้เปรียบ ต้องรวย
ซึ่งคนละขั้วกันกับเศรษฐกิจโลกุตระที่จะต้องเสียสละ คือเสียเปรียบและจะต้องจน เห็นไหม อาตมา พูดถึงเรื่องเศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจแบบคนจน อาตมาไม่ได้พูดปากเปล่า อาตมาพาชาวอโศก ระบุกลุ่มหมู่เลย ให้เข้าใจและจริงใจ มาจน มาลดตัวลดตน จนจริงๆไม่ได้พูดปากเปล่า ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที พูดยังไงทำอย่างนั้นจริง ว่ามาจน
จนคืออะไร จนคือไม่สะสมเงินมาก ไม่สะสมทรัพย์สมบัติมาก ทำงานขยันหมั่นเพียร สร้างสรรสิ่งที่ควรสร้างสรรด้วยความขยันหมั่นเพียร แล้วก็ทำให้เศรษฐกิจ ขายถูก โดยมีหลักการ คือ
-
ขายต่ำกว่าราคาตลาด ราคาตลาดเฉลี่ยเท่าไหร่ ขายต่ำกว่าเขาให้ได้
-
เท่าทุน
-
ต่ำกว่าทุน
4.แจก ฟรี
หลักการเหล่านี้ไม่ได้พูดปากเปล่า ชาวอโศกปฏิบัติจริง ปฏิบัติได้จริง ทุกวันนี้ ไม่ได้รื้อฟื้นเพื่อเอาดีเข้าตัวเลยหรือเพื่อยกตัวดีนะ บ้านราช ตอนนี้น้ำท่วมไม่ได้แจก แต่ก่อนนี้ทุกวันพฤหัสบดีเราก็แจก ที่เรียกว่าโรงบุญปันสุข ก็มาเข้าแถวเข้าคิวมารับกันอย่างน่าเอ็นดู ชาวบ้าน ต้นไม้สองข้างทางก็ปลูกให้เก็บกินได้มีเป็นต้น ที่เราทำมาไม่ได้อวดอ้างทำโชว์ ไม่ใช่ ไม่ได้เป็นดรามาติก แต่เป็น truth เป็นเรื่องจริงที่เราทำอย่างจริงใจเลย
เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้แหละ ชาวอโศกทำได้เพราะอะไร เพราะปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติสำเร็จ ปฏิบัติมีมรรคผล คิดไม่มีตัวตน ลดตัวลดตน ไม่ยึดเป็นของเราเป็นตัวเรา ซึ่งมันเป็นจริงเป็นความสำเร็จของการศึกษาธรรมะพุทธเจ้าและปฏิบัติมีผลสำเร็จจึงมีพฤติกรรมจริงปรากฏการณ์จริง แล้วมันก็ไม่ได้ทำด้วยจิตใจทุกข์ร้อนอะไร มาจนก็ไม่ได้ทุกข์ร้อน จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจอีกต่างหาก ที่พูดไปจนหมดแล้ว
ประเทศไทยอาตมาภาคภูมิใจที่มีคนไทยและมีชาวอโศกที่ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าได้อย่างนี้ แปลว่าทางด้านเศรษฐกิจ ทางด้านสังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ก็ตาม ปฏิบัติแล้วมันเป็นโลกุตระหมด เป็นสาธารณโภคีด้วย ซึ่งเปรียบเทียบให้เห็นได้เลย กับโลกียะธรรมดา
แม้จะเป็นโลกียะแบบดี เศรษฐกิจโลกียแบบดี ซื่อสัตย์สุจริต ใช้น้ำพักน้ำแรง ใช้ความรู้ความเฉลียวฉลาดได้เปรียบเขา แต่มันก็ได้เปรียบเขาและมันก็ไม่รู้จักพอ ไม่มีสันโดษ ไม่รู้จักพอ ไม่มักน้อย เพราะเขายังต้องเอามากๆ
โลกุตรธรรม ถ้าชาวอโศกไม่เกิดมาในยุคปัจจุบันนี้จะไม่มีตัวอย่าง คนจะนึกไม่ออก และแม้ว่าเรามายืนยัน ปฏิบัติให้เห็นจริงๆ เขาก็ยังเข้าใจไม่ได้ มี คนเข้าใจได้ แต่เขารู้ว่า เขาปฏิบัติตามไม่ได้ มี แต่เขาปฏิบัติธรรมไม่ได้เขาก็ไม่เอา และก็ไม่พยายามมาศึกษาเพื่อจะเจริญแบบนี้ด้วย เพราะว่าเชื้อกิเลสในจิตของเขามันสูงกว่าที่เขาจะยอมลดละ ก็มีคนเห็นว่า ถ้าเกิดมาเป็นคนปฏิบัติเดินทางตามพระพุทธเจ้า พามาจน พามาเป็นคนหมดเนื้อหมดตัว มาเป็นคนโลกุตระ มาเป็นอรหันต์
โอ้โห คนอย่างนี้เป็นผู้บรรลุธรรมสูงสุด เกิดมาเป็นคน ไม่เสียชาติเกิดแล้ว คนที่เข้าใจได้อย่างนี้จริงๆ จึงจะมา ไม่มีปัญญาเข้าใจอย่างนี้ได้จริงๆ ไม่มาหรอก ต่อให้พอเข้าใจด้วยตรรกะ ด้วยเหตุผลบ้าง เขาเข้าใจได้ แต่ไม่มีทางที่เขาจะมาปฏิบัติ ไม่ใช่ไม่มีทาง แต่เขาไม่กล้าจะมาปฏิบัติ ทางน่ะมี
ศึกษาเปรียบเทียบศาสนาพุทธอเทวนิยมกับศาสนาพระเจ้า
_สู่แดนธรรม.. ถ้าอย่างนี้ที่พ่อท่านอุตสาหะ เอาชีวิตมาเสียสละ มาเป็นนักบวชเพื่อไปแพร่ และทำแบบนี้ อัตราการจะได้คนมาสู้โลกุตระมันมีน้อยเหลือเกิน พ่อท่านจะได้คนเจริญเป็นจำนวนมากได้อย่างไร
พ่อครูว่า… ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้จำนวนมาก แต่จำนวนน้อยก็ต้องทำ เพราะมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับความเป็นคน
_สู่แดนธรรม… หรือว่าจำนวนน้อยมันเหมือนปรอท
พ่อครูว่า… ใช่ มันเป็นแก่นแกนคุณสมบัติของมนุษย์ จะได้รู้ว่าคนที่ดีคนที่ประเสริฐ คนที่มีคุณค่าสูงจริงๆ เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว เป็นคนเสียสละ เป็นคนสร้างสรร ขยันเพียร เป็นประโยชน์แก่สังคมมนุษย์โลก ไม่ใช่เป็นคนที่เป็นปลิงเป็นทาก เป็นนักเขมือบ เป็นเสือ เป็นสิงห์ งาบๆสังคม ไม่ใช่ เป็นคนเหมือนกันทุกประการ แต่มีจิตใจต่างกันคนละเรื่องเลย โลกียะกับโลกุตระ
แล้วคุณจะมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้และประกาศนำมา ควรศึกษาและปฏิบัติตามได้สำเร็จด้วย แล้วไม่ใช่สำเร็จเปล่า สูงสุดของพระพุทธเจ้านั้นรู้ความจบของทุกอย่าง ที่เป็นโลกุตรธรรม รู้ความตรัสรู้ นิพพาน
คำว่า นิพพาน เขาก็ไม่เข้าใจแล้ว นิพพานนั้นคือรู้จักจิต เจตสิก รูป นิพพาน แล้วสามารถทำจิตเจตสิกนี้ โดยการรู้จักจิตเจตสิกจริงคือความเป็นรูปของจิตเจตสิก ธาตุรู้ที่เป็นจิตเจตสิก แล้วก็มีตัวปัญญามีตัวสัญญา กำหนดรู้จิตเจตสิกของตัวเอง แยกจิตเจตสิก เอากิเลสออกจากจิตเจตสิก แล้วก็ประหารกิเลส ในจิตเจตสิกสำเร็จ
จนกระทั่งเกิดจิตบริสุทธิ์แท้ๆ พระพุทธเจ้าพิสูจน์ จิตแท้ๆนั้นเป็นอนัตตา จิตแท้ๆนั้นไม่เป็นตัวตน จิตแท้ๆนั้นไม่ใช่อะไรของใคร มีแต่เจตสิกที่มีเจตนาว่า เมื่อบรรลุอรหันต์แล้ว จิตอรหันต์เป็นอย่างไร จิตอรหันต์นั้นจะไม่ยึดจิตเป็นเราหรือไม่เป็นเรา ได้ทั้งนั้น ไม่หยุดเลยปล่อยเลิก เมื่อตายก็ตายยัง สุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน
จิตก็แยกสลายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลยเป็น ปรินิพพานเป็นปริโยสาน นี่คือสูงสุดเลยนะที่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
แต่ ถ้าจะไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็อยู่ได้ นี่คือหลักประกันของพระพุทธเจ้า หลักประกันของศาสนาพุทธโลกุตรธรรม ที่สร้างคน มันเกิดมาเป็นคนแล้ว ก่อสร้างให้คนที่ประเสริฐสุด ไม่มีตกต่ำเป็นธรรมดา จะอยู่ไปอีกกี่นิรันดรก็ได้ ถ้าคุณจะเอา อยู่แบบอมตะได้เลย
นี่ไม่ใช่ภาษาโวหาร เป็นเรื่องจริง จะอยู่ได้โดยที่ไม่เป็นคนที่เป็นโทษภัยแก่มนุษยชาติอื่นใดเลย มีแต่เป็นผู้รับใช้สังคม เป็นผู้ที่ให้ประโยชน์แก่ผู้อื่น ตัวเองเป็นผู้เสียสละ เพราะตัวเองชัดเจนจริงๆเลยว่า ไม่เอา ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข แม้แต่สุข ก็ไม่เอา ภาษาพูดได้แค่นี้ว่า สุขก็ไม่เอา ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ด้วย
จิตไม่มีสุขไม่มีทุกข์ มีศาสนาพุทธเท่านั้น ที่รู้จักจิตจริงๆ มันเป็นอย่างนี้ กับสุขกับทุกข์ อาตมาจึงอธิบายแยกแยะโลกียะไม่มีความรู้เรื่องสุขทุกข์ มีแต่ความรู้เรื่องดีชั่วตามสมมติของโลกของสังคม เท่านั้น ไม่ได้เรียนรู้เรื่องสุขทุกข์ สุดท้ายก็ยังหลงสุข เป็นสุขนิยม จะต้องเป็นสุข ตายไปแล้วจะได้อยู่กับพระเจ้า พระเจ้าอยู่ในแดนสุข ซึ่งเป็นเรื่องหลงเลอะเทอะ
พระเจ้าที่บอกว่า เขาคิดว่ามีพระเจ้า แล้วพระเจ้าเป็นเจ้าของความสุขอยู่ในแดนสุข คนตายแล้วต้องไปอยู่กับพระเจ้าหมด เพราะพระเจ้าเป็นเจ้าของจิตวิญญาณของมนุษย์ ทุกอย่าง ซึ่งเป็นความเชื่อถือที่โอเวอร์ เป็นความเชื่อถือที่มันเป็นจริงไม่ได้ แล้วก็ไม่มีจริงอย่างนั้น
อาตมาก็พูดหนักแล้ว เขาไปหลงคิดว่าพระเจ้ามีจริง ซึ่งไม่มีหรอก เอาความไม่เป็นจริงไม่เป็นไปได้มานึกว่าเป็นจริง มีจริง เป็นความเพ้อฝันชนิดหนึ่ง มันเป็นจริงไม่ได้
เขาคิดว่าพระเจ้าบันดาลได้ทุกอย่าง ซึ่งมันไม่เป็นจริง มันตรงกันข้ามกับของพระพุทธเจ้า ของพระพุทธเจ้านั้น คนเราไปบันดาลทุกอย่างไม่ได้ แต่เขาบอกว่าพระเจ้าบันดาลทุกอย่างได้ หรือจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ คนไม่ใช่พระเจ้า พระเจ้าไม่ใช่คน พระบุตรก็ไม่ใช่คน มันก็เลยแยกแล้วว่า ตกลงจิตวิญญาณไม่ใช่คนใช่ไหม ประเด็นนี้ไปคิดให้ดีๆ จิตวิญญาณไม่ใช่คนใช่ไหมตกลง พระเจ้าไม่ใช่คน เป็นสิ่งที่พิเศษ ยกไว้ต่างหาก
แล้วก็บอกว่า พระเจ้า คนต่างๆเป็นลูกของพระเจ้า อ้าว คนต่างๆที่มีกิเลสนี่เป็นผี เป็นซาตาน เป็นนรก แล้วตกลงพระเจ้ามีลูกเป็นซาตานหรือ เป็นอย่างไร
_สู่แดนธรรม… เขาก็บอกว่าซาตานเป็นผู้สร้าง พระเจ้าไม่ได้สร้างให้
พ่อครูว่า… ซาตานก็เก่งกว่าพระเจ้าสิ เป็นคู่แข่งของพระเจ้า หรือจริงๆก็คือ สูงที่สุดเลย อาตมารู้ แต่พูดไปแล้วคนเข้าใจยาก แหม พูดไปมันจะไม่ดี.. ขอพูดบ้าง นิดหน่อย.. “ความฉลาดที่สุดนี่คือความโง่ที่สุด” คนที่หลงว่าตัวเองว่าฉลาดที่สุดนี่คือโง่ที่สุด.. คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดที่สุด แบบทักษิณ คือคนโง่ที่สุด นี่คือตัวอย่าง
_สู่แดนธรรม.. ถ้าคุณสมบัติของชาวพุทธได้นิพพาน อย่างที่พ่อท่านต้องการที่จะให้เขาเกิดสิ่งเหล่านี้เป็นหลักประกันแก่เขา คนที่มีนิพพานแล้ว มีประโยชน์อะไร
พ่อครูว่า… คนที่มีนิพพานแล้วเป็นประโยชน์
-
ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ ตัวเองไม่ทำชั่ว ไม่ทำกรรมทำบาปตามสมมุติโลก เขาหมด ไม่ทำจริงๆ เข้าใจแล้วก็ไม่ทำได้สำเร็จ เพราะจิตมีอำนาจเหนือ จิตเป็นโลกุตระ เป็น วสวัตติโก ผู้ยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้ สามารถเหนือความชั่วได้ นี่เป็นหลักประกันเด็ดขาด
-
สามารถจะเลิกจิตไปได้เลย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน เลิกธาตุจิต เลิกจิตนิยามของตัวเองเป็นดินน้ำไฟลมไปได้เลย เป็นการทำลายจิตวิญญาณ ที่เทวนิยมทั้งหมดไม่สามารถที่จะคิดออก ว่ามันสูญสลายไปเลย เพราะจิตวิญญาณของเขาจะเป็นนิรันดร เขาจะคิดไม่ออกเลย
เพราะเขาไม่รู้กรรมวิบาก ไม่รู้จักสุญญตา ไม่มีหลักเกณฑ์ เขาไม่ได้เรียนรู้เรื่องจิตเจตสิกเลย เพราะฉะนั้น ศาสนาที่เป็นศาสนาบริบูรณ์ สมบูรณ์ ครบถ้วน คือศาสนาของพระพุทธเจ้า
จริงๆแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสผ่านๆ ว่า อย่างศาสดาที่เขาเป็นกันมา ท่านเป็นมาหมดแล้ว รู้จบมาหมดทุกระดับ แล้วก็มาเป็นศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เท่าที่คนจะเป็นได้สูงที่สุด และเป็นได้สูงสุดจึงตรัสรู้ถึงความจริงว่า
พระเจ้าที่สูงสุดก็คือพระพุทธเจ้า และสูงสุดก็คือ ไม่มีตัวตน แล้วก็สูญหายไปเลย ดับ แม้แต่ ความเป็นพระเจ้าของพระองค์เอง
พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่สูงสุด พระพุทธเจ้าก็เป็นพระเจ้าที่สูงสุด
_สู่แดนธรรม… แสดงว่าสูงสุดในความมีคือ พระพุทธเจ้า
แม้พระเจ้า ทางเทวนิยมเขาก็ถือว่าสูงสุด พระพุทธเจ้าก็มีความสูงสุด ก็เหมือนกับพระเจ้า แต่พระพุทธเจ้านั้นดับความเป็นพระเจ้าสูญไปเลย แต่พระเจ้าอย่าว่าแต่ดับความเป็นตัวพระเจ้าเองเลย ไม่รู้จักตัวเองเลย
เช่น พระบุตร บอกว่า ตัวเองเป็น ปกาศกของพระเจ้า เป็นผู้นำคำสอนความจริงของพระเจ้าที่เป็นพระบิดา เอามาประกาศ เข้าใจอย่างนั้นจริงๆ ความจริงไม่ใช่ของพระเจ้าอะไรหรอก แต่เป็นของพระศาสดาเองนั่นแหละ สั่งสมมา ความรู้หรือความจริง ที่พระศาสดาของศาสนาเทวนิยมลัทธิใดๆ ก็แล้วแต่ คือความเป็นจริงของพระองค์เอง ของพระศาสดาองค์นั้นๆเอง ที่มีกรรมวิบากสั่งสมมา แต่ไม่รู้จักกรรมวิบาก ไม่รู้จักตัวเอง ไม่เชื่อว่าตัวเองมีความรู้ความจริงขนาดนี้เชียวหรือ
_สู่แดนธรรม …ฟังเผินๆ เหมือนจะดี เหมือนกับว่าศาสดาไม่ยึดถือเป็นตัวเอง ไม่ยกให้เป็นของตัวเอง
พ่อครูว่า… ไม่ใช่สิ ยกให้เป็นความมีตัวตนนิรันดรด้วย พระเจ้าน่ะ มันเป็นตรงนี้ เพราะถ้าเผื่อว่า พระศาสดาของเทวดานิยม ยกให้เป็นของไม่มีตัวตนมันก็จบ แต่นี่มันไม่จบสิ มันก็ยังวน ยกให้เป็นของพระเจ้า พระเจ้าก็ยังอยู่สิ อยู่ในโลก แล้วในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะเที่ยง ไม่มีอะไรที่จะไม่วนเวียน วนเวียนทั้งนั้น ไม่มีอะไรเที่ยงที่นิรันดร ไม่มี จะต้องวนไปวนมาเคลื่อนที่ไปตลอด สูงแล้วก็ตกต่ำ ตกต่ำแล้วก็สูง วนขวาแล้วก็ซ้าย ซ้ายแล้วก็ขวา เคลื่อนไปไม่มีอะไรเที่ยง
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความไม่เที่ยง มันเป็นสุดยอดแห่งความจริงของทุกอย่าง สุดยอดแห่งความจริงของทุกอย่าง แม้แต่ที่สุด สิ่งที่ทุกคนเห็นว่ามันไม่เคลื่อนแล้วนะ แต่มันก็เคลื่อน เพราะมันจะอยู่กับลมนี่แหละ หรือว่าฝุ่น เหมือนมันเล็กละเอียด ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่มันก็เปลี่ยนมันก็เคลื่อนไป ตามความเคลื่อนของทุกๆอย่างเคลื่อนไป เหมือนโนรู นี่แหละ มันก็เคลื่อนแรงเคลื่อนเร็ว
ทุกอย่างไม่เที่ยง นี่เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลย มีเที่ยงอย่างเดียวเท่านั้นที่นิรันดร ก็คือ ปรินิพพานเป็นปริโยสาน มันซ้อน อะไร ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ความเป็นจิตเจตสิก ความเป็นจิตนิยามของแต่ละอัตภาพ อันนี้ต่างหากที่มันสูญสลายไป นี่คือไม่มีแล้วก็เที่ยง สูญไปอย่างนิรันดรเลย หายเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย
_ สู่แดนธรรม… คือ สลาย ความเกาะกุมกันของธาตุ ไม่ใช่ตัวใช่ตนแล้ว เป็นธาตุต่างๆของมัน ใช่มั้ยครับ
เมืองไทยเป็นโลกุตระเป็นอเทวนิยมเช่นไร
พ่อครูว่า… วนเวียน พูดถึงเรื่องโลกุตระธรรม พวกนี้จะต้องพูดไปอีกเยอะ กลับมาพูดเพื่อที่จะทำรายการพิเศษวันนี้
เมืองไทยนี่ เป็นเมืองที่เป็นโลกุตรธรรม เป็นเมืองที่เป็นเนื้อหาของโลกุตระธรรมของพระพุทธเจ้า ที่มีปรากฏหลงเหลืออยู่ในยุคสมัย กาละนี้ใกล้กลียุคแล้วแท้ๆ แต่โลกุตรธรรมนี้ ก็ยังมีมนุษยชาตินำมา แล้วก็เอามาปฏิบัติประพฤติ อยู่ในโลกนี้ ก็มีผู้นำอยู่ 2 องค์ก็คือ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 กับอาตมา นี่พูดความจริงทั้งนั้น แต่คนไม่เชื่อหรอกว่าเป็นธรรมมิกราช 2 องค์ ตามผู้ที่รู้ความจริงพยากรณ์เอาไว้นานแล้ว ก็ได้ยินมา อาตมาไม่ได้เป็นคนพยากรณ์ แต่ถึงกาละยุคที่เกิดจริง ก็ในยุคนี้ไง มีธรรมมิกราช 2 องค์ เอาตัวเองมาพูดอย่างไม่ได้เหนียมอาย เขาก็บอกว่าพูดอย่างหน้าด้านไม่อายเลย จะไปอายทำไม ก็มันเป็นความจริง มันเป็นความดี ที่ยืนยันความจริงความดีลงในประเทศไทยว่า น่าภาคภูมิใจมั้ยล่ะ เพราะคนไทยมีสิ่งนี้
_ สู่แดนธรรม… ถ้าเขาบอกว่าต้องให้คนอื่นพูดแทน
พ่อครูว่า… คนอื่นพูดแทนใครเขาจะรู้ คนที่จะมาพูดแทนเขาจะเป็น เขาจะมีความรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นหรือไม่เป็น ใครมีคุณธรรมขนาดนี้ ก็ต้องให้คนที่มีจริงเป็นจริงของตัวเองพูดความจริงออกมาสิ
ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีจริง แต่ท่านไม่อยู่ในขั้นในฐานะที่จะบอกตัวเองได้เหมือนกับอาตมา ท่านไม่ได้อยู่ในขั้นนั้น แต่ท่านก็เป็นจริง ท่านก็ทรงพระจริยวัตร ประพฤติของพระองค์ตลอดพระชนม์ชีพ 89 พรรษา ท่านประพฤติโลกุตรธรรม ทำงานเพื่อประชาชน เสียสละ ทั้งๆที่พระองค์ทรงอยู่ในฐานะของกษัตริย์ แล้วก็ต้องอยู่ในฐานะกษัตริย์ ในฐานะกษัตริย์ที่รับใช้ประชาชน
_ สู่แดนธรรม… ซึ่งสวนทางกับความหมายของกษัตริย์เลยนะครับ
พ่อครูว่า… ใช่ ไม่ได้เป็นเจ้านายไม่ได้เป็นการบังคับข่มขู่อะไรเลย แต่ทำงานเพื่อประชาชนไปตลอดพระชนม์ชีพ 70 ปี มารับหน้าที่ของกษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันทางรูปธรรม ท่านก็ทำ แต่ท่านอธิบายธรรมะทางนามธรรมไม่ออก เพราะในฐานะของท่านก็ทำได้ตามฐานะจริงของท่าน
ส่วนอาตมานั้น พาทำ ทั้งรูปธรรมและนามธรรม จนเกิดความจริงของคน ในด้านเศรษฐศาสตร์ก็ถึงขั้นสาธารณโภคี มีสาราณียธรรม 6 มีกลุ่ม มนุษย์ชน ที่อยู่กันเป็นหมู่กลุ่มชุมชน กระจายอยู่เป็นชุมชนชาวอโศกทั่วประเทศ ก็มีได้ประมาณนี้ มีมากประมาณนี้แหละ ซึ่งก็เป็นไปได้จริง เป็นชุมชนสาธารณโภคี สาราณียธรรม 6 อยู่กันได้ด้วย สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา ที่แท้จริง พิสูจน์คำสอนเป็นปาฏิหาริย์ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คำสอนของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติได้จริง เป็นเอหิสปัสสิโก อกาลิโก แม้ปัจจุบันนี้พิสูจน์ได้เป็นสวากขาตธรรม
อาตมาไม่ใช่คุยตัวไม่ได้อวดอ้าง เป็นการบอกยืนยันความจริงว่า ของพระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่ปากเปล่า ตราบใดที่โลกยังมีผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตามธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว โลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ นี่ก็เป็นการพิสูจน์ความจริง ว่าชาวอโศกยังมีพระอรหันต์อยู่ในยุคนี้แท้ๆ แต่เขาไม่เชื่อแล้วว่าพระอรหันต์คืออะไร เขาไม่เชื่อ เขาไม่เข้าใจ เขาจะเชื่อได้อย่างไร
เขาไปเข้าใจอรหันต์เก๊ๆ อรหันต์ผิด ก็ต้องอย่างนี้แหละ เราพูดไม่ตรงกับความเชื่อของเขา
_ สู่แดนธรรม… คอนเซ็ปของเขาพระอรหันต์ต้องมีปาฏิหาริย์แบบพิเศษเหนือกว่าคนธรรมดามาก ของเขาพิเศษแบบไม่ธรรมดา
พ่อครูว่า… พิลึก ก็พิเศษกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว แต่เขาไม่เข้าใจ ของเรานี่แหละพิเศษธรรมดา เอากันจริงๆเลยนะ ง่าย กับ ยาก อะไรมันควรทำกว่ากัน
_ สู่แดนธรรม… ควรทำสิ่งยากให้ง่าย
พ่อครูว่า… คุณตอบถูกแล้วล่ะ ที่จริงอาตมาจะบอกว่า ทำง่าย มันง่ายกว่ายาก แต่ เขาทำไม่ได้มันยาก เพราะกิเลสเขามากันเขาไว้ มันก็เลยยาก แต่คนที่ล้างกิเลสแล้วมันก็ง่าย มาจนก็ง่าย มากินง่ายเลี้ยงง่ายอยู่ง่ายกินง่าย สุภระ นี่แหละตัวจริง นี่คือปาฏิหาริย์ปรากฏ เป็น สุภระแท้ สุโปสะ เจริญง่ายๆ สังคมเขาจะให้เป็นอย่างนี้ กฎหมายให้เป็นอย่างนี้ ตามโลก ก็ตามเขาได้ ก็ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นทั้งกฎเกณฑ์หลักการอะไรแล้ว เป็นไปตามสิ่งที่สมมติสัจจะเขา ยึดว่าอันนี้จริง ก็จริงตามกันหมด
_ สู่แดนธรรม… ผมนึกถึงหัวหน้าห้องคนนึง เขามาบ่นว่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นหัวหน้า
พ่อครูว่า… นั่นแหละ ถ้าคุณไม่โกงซะอย่าง ชีวิตของคุณจะไม่เป็นอย่างนี้ มานั่งเสียดาย คุณก็จะได้ทำ แต่เพราะคุณโกงเขาก็เลยไม่ให้ทำ เพราะเขาไม่เชื่อน้ำมือ ว่าคุณทำไปแล้วมันจะชิบหาย ขนาดปล่อยให้ทำขนาดนั้นก็ชิบหายไปเท่าไหร่แล้ว
_สู่แดนธรรม… ครั้งหนึ่ง พ่อท่านให้โศลกว่า จง ดีก่อนเก่ง
เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ (ตอน 2)
พ่อครูว่า… เอาอย่างนี้ เอาปัจจุบันธรรม ไม่ต้องไปเอาใคร เอาทักษิณกับพลเอกประยุทธ์ ทักษิณก็ทำงานมาพอๆกัน พลเอกประยุทธ์ก็ทำมาแล้ว มากกว่า ก็ยืนยันความซื่อสัตย์ มากกว่าเลย
ทักษิณเริ่มต้นเข้ามาก็ประกาศว่าตัวเองไม่โกง ไม่ผิด ไม่ทรยศ ไม่ทุจริต รวยพอแล้ว พอเข้ามาไม่ทันไร ลายออกเลย ลายชั่วออก เสียจน โอ้โห ออกมาเต็มเนื้อเต็มตัว เป็นขี้กลากขี้เกลื้อนจนเลอะเทอะ จนทุกวันนี้เขาก็ยังสร้างขี้กลากขี้เกลื้อนใส่ตัวเองอยู่ ยังไม่หยุด
ตั้งแต่ประเด็นแรก ซื่อสัตย์กับทุจริต แค่นี้ก็เห็นแล้วว่ามันคนละขั้ว ดำกับขาว พลเอกประยุทธ์กับทักษิณ
-
ถ้าเทียบการทำงานแล้ว ผลงานของทักษิณที่เขาพูด เทียบไม่ได้เลย เนื้อแท้เลย เนื้อแท้ของการทำงานกับประเทศ ที่จะเกิดผลเกิดประโยชน์แก่มนุษยชาติ แก่ประเทศชาติ ทั้งของในประเทศ ทั้งของเชื่อมโยงไปต่างประเทศ ผลงานของพลเอกประยุทธ์ ที่เชื่อมโยงติดต่อกับตะวันออกกลางเขาได้
ซาอุดิอาระเบีย เขาเป็นประเทศที่รวยถาวร เขาไม่ง้อใครด้วย แต่เราเชื่อมโยงกับเขาไม่ใช่ไปอยากได้อะไรของเขา แต่ว่าก็ควรจะต้องเชื่อมโยงกัน เป็นประโยชน์ต่อกัน เราก็ให้ประโยชน์เขา เขาก็ให้ประโยชน์เรา ถึงแม้เขาจะรวย เราก็ไม่ไปเอาเปรียบเขาหรอก เพราะว่าศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้คนเอาเปรียบใคร แม้ในฐานะที่จะมีเปรียบได้ ก็ไม่ไปเอาเปรียบเขา พยายามทำเท่าที่ควร ตามกำหนดสมมุติโลกกำหนดกัน แล้วเราก็ทำให้ต่ำกว่าตรงที่ว่า เราทำให้น้อยกว่าที่โลกเขากำหนดจะเอา
หลักธรรมพวกนี้อาตมาพาชาวอโศกทำ จนกระทั่งถึงระดับสาธารณโภคี เป็นคนเสียสละ เป็นคนที่มักน้อยสันโดษ เป็นคนให้แก่คนอื่นมากกว่าที่จะเอาจากเขา แต่เราเองชาวอโศก แม้แต่ชาวไทยเอง ก็ยังรับช่วง คุณธรรม รับช่วงคุณวิเศษที่ พระพุทธเจ้าท่านพาทำเหมือนชาวอโศกพาทำได้นั้น ทำยาก คนไทยชาวพุทธด้วยก็ยังยาก ก็เลยไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องต่างประเทศ ที่เขาเป็นศาสนาประโยชน์ท่านก็มาก มันเป็นสัจจะง่ายๆ แต่คนทำได้ยากเท่านั้นเอง ขยันเหมือนกัน เท่า แต่คนที่ไม่เอาประโยชน์ตนเอง แล้วก็มีประโยชน์แก่คนอื่นได้มาก คนที่ยังเอาประโยชน์แก่ตัวเองได้มากก็ให้คนอื่นได้น้อย ดีไม่ดีซ้อน เอาจากของคนอื่นมาเป็นของตนเองโดยที่เรียกว่า สุจริต ที่เอาเปรียบมาให้แก่ตัวเองเกินนั้น มันเป็นทุจริตทั้งนั้น
_สู่แดนธรรม… ทุจริตในทางสัจธรรม ทางกฎหมายอาจจะให้ทำได้
แต่ในทางสัจธรรมแล้ว คนมี 1 เสมอตัวกับทุจริต พระอรหันต์หรือพระอาริยะเท่านั้นที่จะเสมอตัวกับสุจริต มีแต่จะเสียสละๆๆ แต่คน มีที่จะเอาน้อยก็ได้ แต่ถ้าจะได้มากก็จะเอา ไม่มีหยุด (พ่อครูไอ..ตัดออกด้วย)
_สู่แดนธรรม…กัณฑ์พิเศษวันนี้ พ่อท่านได้พยายามเอาทั้งสัจธรรมที่มีตัวตนจริง ยืนยันให้ดู ทั้งคนที่ทำในเชิงกุศลอย่างดีแล้วก็ มีตัวอย่างของคนที่ไม่ซื่อสัตย์ พอดีช่วงที่พ่อท่านพูดถึงบุคคลที่เก่งคนนั้น ผมพยายามเดาใจว่า เขาเป็นคนที่ดูถูกความซื่อสัตย์ ถ้าเขาเห็นว่า ความซื่อสัตย์ไม่มีความสำคัญ เขาก็จะไม่ปฏิบัติ
ใจความสำคัญของวันนี้ พ่อท่านคง ให้เห็นโทษภัยของความไม่ซื่อสัตย์ ผมไม่แปลกใจว่า ทำไมพ่อท่านต้องบัญญัติ 4ข้อนี้ไว้ในบุคคลที่มีโลกุตระ ไม่มีตัวตน ซื่อสัตย์ มีสมรรถนะ มีปัญญาที่รับใช้ผู้อื่น ลูกๆอโศกหลายคนก็ให้ความสำคัญ 4 ข้อนี้อยู่ อยากให้พ่อท่านพูดถึงอีกครั้ง
พ่อครูว่า… ความเป็นจริงของประเทศไทย มีคนที่รับใช้ประชาชนอยู่
ความไม่เห็นแก่ได้ ไม่มีตัวตน เหมือนอย่างคุณลุงจำลองบอกว่า รับแต่สิ่งที่ ควรได้ ควรมี ควรเป็น ไม่เอาเกินนั้น แล้วรู้จักขอบเขตของความพอ คุณจำลองทำงาน ขนาดมาเป็นผู้ว่า กทม. ก็เอาแต่เงินเดือนของทหาร บำนาญของทหารใช้ เงินของตำแหน่งผู้ว่า เอาไปแจกคนอื่น อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็คิดว่าพอกินพอใช้ก็ใช้มาอย่างนั้นตลอด อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันเป็นคนจริง เป็นความจริง อย่างเช่น พลเอกประยุทธ์ ก็ซื่อสัตย์ อันนี้แหละเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ อันนี้อันเดียวเท่านั้นก็ ไปเถอะ ทำงานให้แก่สังคมประเทศชาติไป มันไม่มีความเห็นแก่ได้เล็กๆน้อยๆ พลเอกประยุทธ์ไม่มี คนเขาโทษแต่ว่าพลเอกประยุทธ์ปล่อยให้มีการทุจริต จะไปห้ามคนอื่นไม่ทุจริตนั้น คนมีตั้งเท่าไรเป็นล้านๆ ทำให้ตาย มันทำไม่ได้หมดหรอก มันเกินไป ใครจะไปอยากให้มันเกิดมันมี แต่มันก็สุดวิสัย
ในขณะนี้ประเด็นที่มันเด่น ต้องใช้ แล้วเขาก็ทำอยู่ พยายามอยู่ ก็ได้ผล ได้ประโยชน์ ขณะนี้ประเทศไทยว่ากันจริงๆแล้ว อาตมาอธิบายไปถึงว่า เป็นประเทศประชาธิปไตย ประชาธิปไตยในความหมายของอาตมานะ
-
ผู้บริหารต้องไม่มีตัวตน
-
ผู้บริหารต้องทำงานเพื่อประชาชน หรือรับใช้ประชาชน หรืออีกสำนวนหนึ่งว่า รับใช้ประชาชน จริงๆ นี่เป็นเรื่องของหลักประชาธิปไตยที่แท้จริงเลยนะ
-
ต้องมีปัญญา มีความรู้ความฉลาด เฉลียวฉลาด ปัญญานี้เป็นภาษาของศาสนาพุทธ ที่ประกอบไปด้วย 1) ข้อหนึ่งที่ไม่มีตัวตน ไม่เห็นแก่ตัว 2) ทำงานเพื่อผู้อื่นหรือรับใช้ประชาชน ก็คือมีปัญญา 3) มีปัญญาคือรู้แล้ว 4) มีความเป็นไปได้เป็นจริง เป็นปรากฏการณ์จริง เป็นสมรรถนะจริง ที่ทำแล้วปรากฏจริง ยืนยันจริง เป็นการทำยืนยันจริงด้วย 5) ปรากฏการณ์เป็นที่ยืนยันขึ้นมา เป็นที่อ้างอิง ได้แท้ๆ จริงๆ เลย นี่คือสิ่งที่ปรากฏ
ในประเทศไทยขณะนี้ ขอท้าวความไปถึงความเป็นประชาธิปไตย ประชาธิปไตยที่เรียกว่า รัฐประหาร หรือปฏิวัติ ก็ตามใจ ความหมายของมันก็เป็นซินโนนีม ก็หมายความว่าเปลี่ยนแปลง เอาสิ่งที่ไม่ดีออกและเอาสิ่งที่ดีเข้าไปแทน ด้วยความเห็นผลทันที ส่วนปฏิรูปคือทำอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆไป เปลี่ยนแปลงทีละน้อย
ประเทศไทยมีประชาชนปฏิวัติหรือประชาชนทำรัฐประหารรัฐบาล ฟังให้ดีนะ รัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่ในขณะนั้น รัฐบาลทักษิณ ทำอยู่ขณะนั้น เป็นต้น สุดท้ายก็มีประชาชน มาปฏิวัติ พยายามประท้วง แต่มันก็ยังแรงยังแข็ง ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องอาศัยทหาร พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ก็ออกมาช่วยประหาร แต่ไม่ได้ทำอะไร เอาเครื่องมือ รถถัง ออกมา ก็ไม่ได้ยิง เด็กๆ ก็ไปขี่เล่น เอาดอกไม้ไปเสียบปากกระบอกปืน เท่านั้นเอง เป็นรูปธรรม แต่ก็ทำสำเร็จ ประหารรัฐบาลทักษิณได้สำเร็จ
ทักษิณก็เอาโนมินี สมัคร ขึ้นมา ประชาชนก็ไปไล่อีก ไล่ไปไล่มาไล่มาไล่ไป สมัครก็หลุดไปอีก แต่ไม่ใช่ทหารมาปฏิวัติ ไม่ใช่ทหารมาประหาร แต่เป็นตุลาการประหาร เป็นตุลาการภิวัฒน์ ตุลาการตัดสินให้แพ้ออกไป ก็หลุดออกไปโดยที่เรียกว่า คุณไม่ต้องบริหารก็แล้วกัน ตัวแทนตัวนี้
ทักษิณก็ยังมีน้ำยาอีก ไปดึงเอาสมชายมา เราก็ประท้วงอีก นี่คือประชาชนทำรัฐประหารทั้งสิ้น สลายอำนาจ เอาความจริงไม่ได้เอาอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ได้เอาอำนาจแบบทหาร แต่เป็นอำนาจรัฐประหารโดยประชาชน เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เป็นอำนาจรัฐบาลของประชาชน จนสมชายเข้าทำเนียบไม่ได้ ประชาชนไปล้อมทำเนียบอยู่แท้ๆเลย หลักฐานมียืนยันแท้ๆเลย แล้วก็ได้เป็นนายก เป็นรัฐบาลอยู่ไม่นาน ก็ต้องหลุดออกไปอีกด้วยอำนาจของ อาตมาจำไม่ได้แล้ว มีการยุบสภา มีการเลือกตั้งใหม่
ต่อจากนั้น อภิสิทธิ์ก็ได้ขึ้นมา จากนั้นมีการเลือกตั้งใหม่ เขาก็เก่ง ถึงขนาดเอาเสาไฟฟ้าลงเลือกตั้งก็ได้ แล้วเขาได้จริงๆ ไปขุดมาจากไหนก็ไม่รู้ ผู้หญิงคนแรกด้วย ได้รับเลือกตั้งขึ้นมาเป็นนายกหญิงคนแรกของประเทศไทย เก่งจริงๆ สำเร็จอีก เราก็ไปปฏิวัติอีกรัฐประหารอีก
_สู่แดนธรรม… ประชาชนนี่แหละทำ
พ่อครูว่า… ประชาชนนี่แหละทำด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่ได้ด้วยอำนาจบาตรใหญ่ เอาความจริงไปชี้ เขาไม่เหมาะควรที่จะเป็นผู้บริหารให้เปลี่ยนแปลง เอาความจริงยืนยัน เอาความจริงเป็นอาวุธ เป็นธรรมาวุธ ไม่ได้เอาอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ได้เอาปืน ไม่ได้เอาลูกระเบิดไปประท้วงเลย จนกระทั่งสำเร็จ จนกระทั่งหมดแล้ว ในขณะที่ปฏิวัติตอนแรกจบ ยิ่งลักษณ์หนีไปทางช่องทางธรรมชาติ ไปแล้ว ไม่อยู่แล้ว
สรุปแล้วก็คือ เป็นไปตามสัจธรรมของมัน นายกทักษิณ แล้วก็นายกยิ่งลักษณ์คนสุดท้าย ก็ถูกประชาชนมาปฏิวัตินั่นแหละ ซึ่งปฏิเสธปรากฏการณ์จริง สภาพจริงไม่ได้ จนกระทั่งหลุดออกไป จะมีใครมาแทน มารักษาการ นิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล ก็มีพลเอกประยุทธ์รักษาตำแหน่งหัวหน้า คสช.. มาขอยึดอำนาจ เพราะประชาชนมายึดอำนาจเต็มหมดแล้ว รัฐบาลหมดอำนาจแล้วที่จะบริหาร พลเอกประยุทธ์จึงเข้ามา ผมขอยึดอำนาจ อาตมาถือว่านี่เป็นการรับไม้ต่อจากประชาชน เพราะแต่ละคน แต่ละคน ที่มา รวมถึง ยิ่งลักษณ์ ประชาชนก็ยังไล่อยู่ แต่พอประยุทธ์มาขอรับไม้ต่อมาเขายึดอำนาจ ประชาชนก็ไม่ได้มาไล่ประยุทธ์ ประชาชนก็กลับบ้านสบายเห็นด้วยแล้วก็ดูไป แล้วก็ยังบอกว่าอยู่เลยว่า ถ้าพลเอกประยุทธ์เป็นอย่างพวกนี้ก็จะออกมาไล่อีก อาตมานี่แหละ เป็นคนพูด
เขาก็ทำมาอย่างดี เช่นกันตั้ง 4 ปีแรก จนได้รับบรมราชโองการให้บริหาร เขาก็ยังไม่ถือว่าเป็นประชาธิปไตย เพราะไม่ได้เลือกตั้ง จนหมด 4 ปี เลือกตั้ง เขาก็โหวตให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายก ตอนนี้ก็เป็นนายกประชาธิปไตยแท้ๆ จะมาเรียกว่าเผด็จการอยู่ได้อย่างไร เป็นนายกที่ได้รับเลือกชนิดที่ ไม่ได้ไปอยู่ในพรรคไหนด้วย ไม่ได้ไปเป็น ส.ส บัญชีรายชื่อ ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น เป็นคนนอก แต่เขาก็โหวตเข้าไปให้ไปเป็นนายก จึงเป็นนายกประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์สมบูรณ์แบบ ทั้งกฎหมาย ทั้งพฤตินัย ของประชาชน คือนายกประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่ยังไม่หมด 4 ปี แล้วพวกนี้ก็โวยวาย เอากฎหมายมาเล่นเหลี่ยมเล่นช่องอะไรเท่านั้นเอง นี่แหละคือนายกประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบที่สุด จนกระทั่งเป็นนายกคนที่ 30 ซึ่งสภาเลือกแข่งกับธนาธรมา เลือกให้พลเอกประยุทธ์มาเป็นนายก แล้วก็เป็นนายกที่เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ ทั้งทางกฎหมายและพฤตินัยของประชาชน ในปรากฏการณ์จริง เป็นประชาธิปไตยแท้ๆ ที่เขาไม่อยากยกย่องเท่านั้นเอง ในโลกทั้งหลายแหล่นี้
-
เขาไม่รู้รายละเอียด จริงๆ รายละเอียดจริงๆ คือประชาชนไทยเข้ามาปฏิวัติหรือมาทำรัฐประหารรัฐบาล จนกระทั่งถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ข้างนอกเขาก็ไม่เคยได้ยิน ไม่รู้ ไม่เคยเห็นว่า ประชาชนที่มาปฏิบัติด้วยมือเปล่าจริงๆเลย แล้วก็เอาหน้าความจริง ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ไขความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ โดยใช้เวทีประกาศความจริง จนกระทั่งประชาชนรู้กันทั่ว แล้วประชาชนก็เห็นด้วย ก็มีพลังของประชาชนที่ยอมรับ พฤตินัย ของความเป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนสร้างขึ้น โดยประชาชน ส่วนรวมของประเทศ ยอมรับขึ้นมา จึงไม่เกิดอะไรขึ้น แล้วพลเอกประยุทธ์ก็ยืนยงอยู่ทุกวันนี้ ก็มีพวกที่เห่าบ๊องๆ อยู่เป็นธรรมดาธรรมชาติ กระแสมันเป็นอย่างไร