660331 ตอบปัญหาให้ปัญญาค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/13o-Jnr8UsAoC7-d6iL6I7iMVOqrgobhb/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1kxJHyPmZX1PIL8Q_rVAQYz1CneFZZRH0/view?usp=share_link
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/mu6Qfwd0FPs
และ https://fb.watch/jCBrrqjHlw/
สมณะฟ้าไท… วันนี้วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก วันนี้ถ้าท่านผู้ชมได้สังเกตก็จะมีเด็กๆนั่งอยู่หน้าเวทีเต็มเลย แล้วก็มีที่ไม่ใช่เด็กๆคือศิษย์เก่า นานๆทีมานั่งก็อยากให้นั่งตลอดไป ด้วยความระลึกถึง ดูอย่างไรผู้หญิงก็จะมากกว่าผู้ชายยังเหมือนเดิม วันนี้มีศิษย์เก่าพาลูกจะพาลูกมาเรียนม.1 คนหนึ่งสูง 170 ซมคนหนึ่งสูง 180 อีกคนนึงน้ำหนัก 80 อีกคนนึงน้ำหนัก 90 พี่เลี้ยงตัวนิดเดียว แต่เด็กมาสมัครตัวเบ้อเริ่มเทิ่ม เด็กสมัยนี้ตัวใหญ่จริงๆ
วันนี้ก็มีเข้าค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์ เด็กนักเรียนมารวมตัวที่ราชธานีอโศก โรงเรียนสัมมาสิกขา มีสมาคมศิษย์เก่า รุ่นพี่ศิษย์เก่า ประธานมานั่งฟังด้วย ศิษย์เก่ามาช่วยดูแลนักเรียนก็ดีเอาภาระน้องๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยให้เด็กรู้จักสำนึกต่างๆนานา ถือว่าเอาภาระแทนผู้ใหญ่ได้ดีมากยิ่งขึ้น เราก็อยากให้มีบรรยากาศอย่างนี้ตลอดปีตลอดไป เห็นดีว่าลูกหลานมาช่วยงาน แต่ไม่รู้เขาจะมากี่วัน ค่ายเสร็จแล้วจะอยู่ตลาดอาริยะหรือไม่ …อยู่ ก็ค่อยยังชั่ว
พ่อครูว่า… ก็ช่วยงานหน่อยสิ..ตลาดอาริยะเราต้องการคนเยอะนะ
สมณะฟ้าไท… คนเป็นแสนคน เรามาทำกุศลจะมีที่ไหน ก็งานนี้แหละตลาดอาริยะ ที่พ่อครูพาทำ ได้สร้างกุศลมหาศาลคนเรือนหมื่นเรือนแสน นานๆทีมาฟังหลวงปู่นะ เป็นสิ่งพิเศษที่เราควรได้รับรู้เพื่อการดำเนินชีวิตของเราที่เจริญในชาตินี้และชาติต่อๆไปด้วย ถึงขั้นปรินิพพานเลยทีเดียวขอกราบนิมนต์พระครูด้วยความเคารพครับ
พ่อครูว่า… ก่อน จะโอภาปราศรัยกับพวกเราก็ขอเวลาโอภาปราศรัยกับ SMS เขานิดนึง
มีบ้านอยู่ เป็นอนาคามีได้หรือไม่
_กิ่งธรรม…. กราบนมัสการพ่อท่านที่เคารพและศรัทธายิ่ง…ลูกได้ฟังธรรมพ่อท่านแล้วเข้าใจเป็นส่วนมาก…มีบางอย่างที่ยังสงสัยอยู่บ้างเช่น..พ่อท่านบอกว่าคนบ้านราชหรือชาวชุมชนที่เข้ามาส่วนกลางแล้วเป็นภูมิของอนาคามี..
ลูกก็เลยสงสัยว่า แล้วคนที่มีบ้านของตนเองในชุมชนถือว่าเป็นอนาคาด้วยไหมคะ เพราะยังมีบ้านอยู่…ต้องละบ้านไปอยู่ส่วนกลางด้วยไหมคะ..ลูกเคยคิดจะขายบ้านไปอยู่กะส่วนกลางเหมือนกัน แต่ลูกมีปัญหาเรื่องการนอนค่ะ….ถ้าคนมากๆหรือมีเสียงดังนอนไม่หลับ…เมื่อนอนไม่หลับก็เสียสุขภาพ จึงเลือกที่จะรักษาสุขภาพด้วยการมีบ้านไว้นอนให้หลับไป…จะได้มีแรงปฏิบัติธรรมค่ะ แบบนี้ถือว่า…ติดสบายด้วยไหมคะ…กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
พ่อครูว่า… ก็มีบ้านได้ ปลูกบ้านแต่ว่าเราไม่ได้ยึดเป็นเราเป็นของเรา เรามีแล้วก็ทางส่วนกลางมีที่มีทาง เราปลูกของเราแต่เราก็ไม่ได้ยึดติดว่าบ้านนี้เป็นของเรา แต่ถึงอย่างไรเราก็มีสิทธิ์มีส่วนที่จะอยู่ เราก็อยู่ก็พักของเราไป ใครจะมาอยู่บ้าง ใจเราจะเป็นอนาคามีหรือไม่ก็อยู่ที่ใจเราว่า
ถ้าเผื่อว่าใครเขาจะมาหรือละลาบละล้วงบ้านเราบ้าง หรือ ก็ยินดีที่ใครๆจะมาพักบ้านเรา ถ้าใจอย่างนั้นก็เป็นอนาคามีได้
ก็ไม่เป็นไร ก็ดีก็สะดวก เหมือนอย่างอาตมาก็ยังมีที่ที่เขาจัดสรรให้อยู่ตรงนั้นตรงนี้ แล้วอาตมาก็ไปอยู่ที่ตรงนั้น อย่างอาตมาอยู่ประจำชั้น 4 ก็อยู่ เหมือนกันกับคุณก็อยู่บ้านหลังนี้ เป็นต้น ก็ไม่มีปัญหา ติดสบาย มันก็จะว่าก็ใช่ มันสะดวกดีนะ
เทียบองค์รวมแล้วประเทศไทยสงบกว่าประเทศอื่นใดในโลก
_กิ่งธรรม….ลูกได้ฟังธรรมเกี่ยวกับการเมืองต่างประเทศที่มีการโกงน้อยมากหรือไม่โกงเลยเช่น เดนมาร์ก สวีเดน นักการเมืองเป็นที่ไว้วางใจจากประชาชนมาก ประชาชนก็มีภูมิธรรมในการเลือกคนดีๆไปปกครองประเทศ ทั้งๆที่เขาเป็นประเทศแบบเทวนิยม..ลูกจึงสงสัยว่าประเทศเราที่พ่อท่านว่ามีภูมิโลกุตระ ทำไมจึงเลือกนักการเมืองเลวๆเป็นส่วนใหญ่เข้าไปบริหารประเทศคะ ก็แสดงว่าประชาชนของเราภูมิจิตไม่ถึงความดี แต่ข้ามขั้นไปภูมิโลกุตระเลย..ถ้าธรรมเป็นขั้นตอนลาดลุ่มการจะมีภูมิโลกุตรธรรมได้ต้องผ่านการเป็นคนดีไปก่อนหรือป่าวคะ..หรือว่าเป็นเช่นไรคะ จู่ๆก็สงสัยแบบนี้ค่ะ…กราบขอบพระคุณที่ชี้แนะค่ะ
พ่อครูว่า… คือคนเรานี่นะ จะเป็นโลกุตระหรือเป็นโลกียะก็ตาม คนโลกียะ ที่มันมีกิเลสมันก็ต้องมีอยู่ด้วยทั้งนั้น ในประเทศไทยมีศาสนาพุทธที่พิเศษตรงที่มีโลกุตระ แต่แน่นอนมันต้องมีโลกียะอยู่ แล้วตัวบทบาทที่แสดงความไม่ดี คือพวกโลกียะ พวกมีกิเลสจัด มันก็ขยันที่จะแสดงกิเลส ขยันที่จะแสดงออกจัดจ้าน มันจึงเห็น
แต่เราจะไปดูที่ตรงนั้นทีเดียวไม่ได้ เราดูที่องค์รวมว่า องค์รวมของประเทศสงบไหม คุณว่าองค์รวมประเทศไทยขณะนี้สงบไหม อาตมาว่าสงบ แต่แน่นอนพวกที่มีกิเลสมันก็ต้องแสดงกิเลส แล้วยิ่งมีกิเลสพวกที่เศษๆเหลือๆ ก็เป็นคนที่มีกิเลสที่สูง กิเลสที่แรง มันก็เลยเด่น เป็นพวกที่มีกิเลสมากๆมันก็จะแสดงออกมา ให้มันเวอร์ๆ อย่างพวกกะเทยเป็นต้น มีกิเลสซับซ้อนมากหน่อย ก็จะแสดงอะไรออกมาเวอร์ๆ ต่างๆนานาไป อย่างที่เห็นๆกัน
แล้วพวกนี้จะมีความเฉลียวฉลาด แต่เฉลียวฉลาดที่ประกอบไปด้วยกิเลส เฉลียวฉลาดแสดง ปรุงแต่งเรื่องราวอะไรออกมา ปรุงแต่งเรื่องนั้นเรื่องนี้ออกมาเวอร์ๆเด่นๆชัดๆ จะเห็นได้ใช่ไหม มันก็เป็นธรรมชาติที่เราสะดุดตา มันเป็นธรรมดา
แต่โดยองค์รวมแล้วอย่างที่แนะนำไปแล้ว พวกนี้มันก็เป็นแบบนั้น จริงๆแล้วเมืองไทย มันมีแกนของความสงบสบาย ก็ดูสิ กระแสความรู้สึกของต่างชาติ ความรู้สึกของภายนอกเขานี่ โพลบอกว่าประเทศไทยนี้ โอ้โห.. ได้รับค่าความสงบ ได้รับค่าความน่าอยู่น่ามาเที่ยวสูง ถึงขั้นเป็นที่หนึ่ง อยู่ในอันดับต้นๆใน Top 10 หรืออะไรต่างๆ กับสังคมโลกเขาหมดเลย
แต่คนที่มองตื้นๆว่าเมืองไทยไม่เรียบร้อยไม่สงบดี เพราะไปเห็นเศษๆพวกนี้โดยไม่เข้าใจองค์รวม จะต้องเทียบองค์รวมที่มีปฏิกิริยา แม้แต่เห็นเด่นชัดๆ แจ๋ๆ แรงๆ มันก็เป็นลักษณะกิเลสตัวเวอร์ๆตัวเด่นๆเท่านั้นเอง อย่าไปเข้าใจผิดสิ อย่าหลงผิด ต้องเทียบคู่ขององค์รวมกับส่วนย่อย เสมอ ให้ได้ แล้วเราจะรู้ค่าที่ใช้ได้แล้ว
โลกจะไม่ให้มี 2 อย่าง จะไม่ให้มีความขัดแย้งกัน ไม่มี มันเป็นธรรมดาธรรมชาติ
_สู่แดนธรรม… คนอโศกเราบางทีก็ยังชอบมองว่า คนโลกีย์ทำความดีได้ขนาดหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นคนชาวโลกุตระก็จะต้องทำความดีได้มากกว่าคนดี ซึ่งผมว่ามองไม่ถูก อย่างประเทศสวีเดนหรือประเทศเดนมาร์ก เขาใช้ระบบบังคับ ส่วนประเทศไทยเรานั้นมีโลกุตระจริงแต่มีอิสรเสรีภาพ จึงไม่ได้เป็นครรลองเดียวกันได้ จึงเห็นผลต่างกัน
พ่อครูว่า… ใช่ เขามีกฎมีข้อบังคับหลายอย่าง แม้แต่ภาษีก็เสียตั้ง 50% ซึ่งมีสิ่งที่เขาต้องเกรงกฎหมายของประเทศ เขาก็เลยสงบได้เพราะถูกกำกับด้วยกฎหมายพวกนี้ ไม่เช่นนั้นมันก็อยู่ไม่รอด มันมีเงื่อนไขหลายอย่าง
_ซึ้งซื่อ วิเชียร : ขอกราบนมัสการพ่อท่านด้วยสุดเศียรเกล้าครับ
ตอนนี้เป็นเวลารณรงค์การหาเสียงในการจะเลือกตั้ง ถึงผมจะได้ลงสมัครสมาชิกพรรคสัมมาธิปไตย แต่ผมก็จะไปลงคะแนนให้พรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อสนับสนุนพล อ.ประยุทธ จันทร์โอชาเป็นนายกต่อไปอีก แต่ถึงลุงตู่จะได้หรือไม่ก็ตาม ผมก็จะไม่ทุกข์ไม่สุขกับเขา เพราะงานหลักของผมคือ การปฏิบัติศีลปฏิบัติธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพ่อท่าน ด้วยการอ่านจิตอ่านใจให้เป็นปกติ มีความเพียรอยู่เป็นปกติสุข ถึงลุงตู่ไม่ได้ก็จะมีท่านอื่น ขึ้นมาแทน ก็ดูกันต่อไปครับ กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูงครับ
พ่อครูว่า… ใช้ได้ การเข้าใจและการทำจิตใจเราอย่างเข้าใจเหตุผลเข้าใจเหตุปัจจัย เข้าใจว่าสิ่งที่มันต้องเกิดต้องเป็นอย่างนี้ๆแล้วสรุปรวมค่าแล้วจิตเราสบายจิตเราสงบ แต่เรารู้ว่าอันนี้คืออันนี้ อันนี้เทียบอันนี้เป็นอย่างนี้อย่างนี้มันก็เป็นธรรมชาติธรรมดา เราก็ไม่ไปเที่ยวไม่ชอบอันนี้หรือชอบอันนี้ ชอบอันนี้มากกว่าอันนี้ เป็นเชิงทะเลาะกันในจิตเราเอง เราไม่มีจิตทะเลาะกันเอง แต่เรารู้ความไม่เท่ากัน ความแตกต่างกัน แต่มีความเสมอสมานกันอยู่ ใช้ได้นะ นี่แหละคือการศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้าและจิตใจของเราจะไม่เดือดร้อน เพราะทุกอย่างมันต้องมีธรรมชาติของความแตกต่างกัน ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี อยู่กันอย่างเป็นไปได้ มีประโยชน์คุณค่า
ซึ่งเราจะไปห้ามหรือไปบังคับจิตใจ ไปบังคับคนให้มามีอย่างที่เราต้องการ มันเป็นไปได้ที่ไหนล่ะ เป็นไปไม่ได้ ทำใจอย่างนี้ก็ถือว่าก็จบแล้วนะ ทำใจอย่างนี้ได้ อาตมาว่าจบแล้ว ใช้ได้แล้ว
ทีนี้มีศิษย์เก่า มีพวกเรา ยอส. ยุวชนอโศกสัมพันธ์ ซึ่งเป็นประเพณีของเราที่มารวมกัน การรวมกันเสมอมาร่วมกันนี้ วาระที่มาร่วมกันอย่างนี้ดี เป็นความเจริญของมนุษยชาติที่เป็นสังคมที่ระลึกถึงกัน รักกันเคารพกัน แล้วก็ช่วยกันเกื้อกูลกัน อนุเคราะห์กัน ไม่วิวาทกัน สามัคคีกัน เป็นเอกภาพ มันก็ลงตัว สมบูรณ์และสบาย อย่างนี้แหละมันเป็นผลสำเร็จของชาวอโศกเรา พวกเราต้องโตไปข้างหน้า ต่อไปมีลูกหลานมีลูกเต้าก็มากัน อย่างที่มันเป็นมันเป็นธรรมชาติที่ชาวอโศกเราทำงานมา อาตมาทำงานมา 50 ปี มันลงตัวหมดแล้วมันดีแล้ว
แต่ละคนเขียนปัญหามา มีอะไรบ้าง อีก 1 ชั่วโมง 33 นาที มีปัญหาอยู่ จะว่ามากก็ไม่มากน้อยก็ไม่น้อยและอาตมาจะตอบให้มันหมดเวลาก็ได้ จะเหลือเวลาก็ได้
_จบม. 6 ปีนี้จะได้รับกลดจากหลวงปู่ไหมคะ
พ่อครูว่า… อาตมาไม่ได้กำหนดหมายในเรื่องนี้
สมณะฟ้าไท… ครับ เขาให้พ่อครูแจกครับ ปีนี้รับกลดปีสุดท้าย ปีหน้าก็จะได้รับเต๊นท์ (พ่อครูไอตัดออกด้วย) ปีนี้ทำไม่ทัน
พ่อครูว่า… มันเป็นประเพณีของเรารับปลดนานหลายสิบปี ใช้ศัพท์โลกๆว่ามันเป็นของขลังอย่างหนึ่ง ที่เราเห็นว่าเป็นเกียรติหรือเป็นความรู้สึกสำคัญที่มันลึกซึ้ง เราก็ทำกันมานาน ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่
อาตมาไม่ได้กำหนดหมายว่าเมื่อไหร่ จะมีอะไรต่ออะไรอย่างไรเมื่อไหร่ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยกำหนดหมายอะไร อยู่กันวินาทีต่อวินาที ใครมีอันนี้ๆแล้วให้ทำอันนี้ก็ทำ ก็ต้องให้ ปัจฉาสมณะ อยู่ใกล้ชิดจริงๆก็ 3 รูป อยู่ข้างๆอีก 4 รูป ช่วยอันนั้นอันนี้ไป แทบจะไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว
คนไม่ลดกิเลสคือคนไม่มีปัญญา
_คนไม่ลดกิเลสคือคนไม่มีปัญญาใช่ไหมคะ
พ่อครูว่า… ใช่ไหม …ใช่
อาตมาเคยย้ำเคยพูดเคยบอก แต่พวกเราก็ฟังแล้วเผินๆกันหรือทั่วไปก็ฟังเผินๆกันว่า อาตมาพูดหรือเปล่า คนเราเกิดมานี่นะ ถ้าไม่ได้มาเรียนรู้เพื่อรู้จักตนเอง เพื่อรู้จักสังคม แล้วก็รู้จักเข้าไปถึงจิตตัวเอง มีกิเลสเป็นประธานจิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง แต่ตัวจิตวิญญาณมันมีกิเลสบงการอยู่ แล้วแก้ไขตรงนี้
แก้ไขตรงนี้แล้วชาติต่อๆไปเราจะเกิดอีก เกิดอีกแน่ ถ้าเราไม่ตายจบแบบอรหันต์ตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ต้องเกิดมาทุกคน เกิดมาแล้วก็โง่ซ้ำโง่ซากด้วย ยิ่งเกิดยิ่งจะโง่ซ้ำซาก ถ้าไม่พบกับศาสนาพุทธ มันมีศาสนาโลกีย์ ที่เขาก็รู้เหมือนกันว่าวิธีที่จะทำให้จิตมันช้าลง เขาก็ทำสมาธินั่งสมาธิ ซึ่งเป็นสมาธิกดข่มไว้ ให้มันช้า กิเลสให้มันเกิดตามมาช้า อย่างนี้เป็นต้น พูดกันอย่างง่ายๆสบายๆให้เข้าใจ วิธีง่ายๆ ยื้อมันไว้เฉยๆมันก็ช้าลง แต่มันไม่ได้หมายความว่ากิเลสหมด เสียเวลากับชีวิตไปแต่ละชาติ เพราะมันจะช้าเท่านั้น แต่เสร็จแล้วมันก็กลับมาคืนอย่างเก่า ดีไม่ดีมันสะสมด้วยความไม่มีปัญญา มันจะสะสมซับซ้อน แรงขึ้นๆๆ ไปอีกชาติต่อๆไป ต่อๆไป
ซึ่งมันโมฆะ มันไม่สมควรที่จะไปทำอย่างนั้น อย่างของพระพุทธเจ้านี้เรียนรู้อย่างมีเหตุมีผลมีตัวจริง ตามเข้าไปรู้ตัวเหตุแท้คือกิเลส แล้วก็จับกิเลสนี้ให้มั่นเลยนะ แล้วฆ่ามันด้วยปัญญา ด้วยความรู้ชัด ซึ่งไม่รู้จะพูดอย่างไรว่าปัญญานี้มันเป็นอิทธิฤทธิ์ มีธรรมฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่มาก ปัญญามันมีฤทธิ์ที่ประหารกิเลสอย่างที่เรียกว่า กิเลสจะต้องตายเพราะปัญญา เพราะพลังฤทธิ์ของปัญญา ปัญญามันจะมีฤทธิ์อย่างนั้นเลยจริงๆ
คือกิเลสโง่ แล้วปัญญานี้มันฉลาด เพราะฉะนั้นตัวฉลาดนี้มันฆ่าตัวโง่อย่างแท้จริงเลย พูดเป็นภาษาไทยได้แค่นี้นะ เหมือนกับว่าดำกับขาว จะทำให้ดำมันลดลงเอาขาวมากลบ กลบมีฤทธิ์มากก็ดับได้ ฤทธิ์ไม่มากก็สู้ดำไม่ได้ หรือเอาดำกลบขาว มันก็กลบได้ ก็เหมือนกันแหละ
ธรรมะนี้ ถ้าไม่เป็นขาว ขาวที่มีฤทธิ์มากๆ มันจะกลบดำให้หมดไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นขาวต้องมีฤทธิ์มากๆมีฤทธิ์แรงถึงจะกลบดำลงไปให้หมดได้ ถ้าไม่มีฤทธิ์ ดำมันกลบขาวง่าย เหมือนกิเลสนี้มันกินคนง่าย แต่ปัญญานี้มันจะกินคนยาก มันจะทำให้มันหายโง่ยาก เออ..ตรงนี้ชัด
เพราะฉะนั้นถึงบอกว่า สอนคนให้หายโง่นี้มันยากจริงๆ แล้วโลกไม่ต้องมีปัญญาเลยทำให้คนโง่ได้เต็มไปหมด ตามๆกันไปหมด นี่เป็นธรรมชาติที่มันต้องเป็นอย่างนั้น
ศิษย์เก่ามาช่วยจัดค่าย ยอส.เป็นคนเจริญขึ้น
_กราบนมัสการค่ะหลวงปู่ คิดอย่างไรที่ได้เห็นศิษย์เก่าสัมมาสิกขารวมตัวกันจัดค่าย ยอส ให้แก่น้องๆสัมมาสิกขาค่ะ
พ่อครูว่า… หลวงปู่จะเห็นอย่างไร ถ้าหลวงปู่จะเห็นว่ามันเชยไม่ได้เรื่อง ไม่น่าชื่นชม มันจะสมควรไหม มันจะควรเป็นไหม
มันก็ชื่นชม มันก็ยินดี มันก็เห็นว่า โอ้โห.. มันเป็นจิตพัฒนาก้าวหน้า เป็นจิตเจริญของพวกเราหนอ เข้าใจสาระที่เป็นสาระ เข้าใจสิ่งที่ควรทำในชีวิตควรจะต้องทำอย่างนี้
การที่จะมารวมกันเพื่อที่จะรวมกัน มีพลังเพื่อที่จะจูงดึงให้น้องๆเขาได้เจริญขึ้นไป ขึ้นไป คนที่เป็นศิษย์เก่าที่รู้ค่าของความเจริญนี้ ก็อยากแจกจ่ายให้น้องๆ แต่ถ้าคนที่เป็นศิษย์เก่าที่โง่ๆ ศิษย์เก่าที่ไม่เห็นค่า มันก็ไม่เอาถ่านมันก็ไม่มา.. พอ.. ด่าเท่านี้พอ
ดิเรกว่า…ดีที่มา
พ่อครูว่า… นี่แหละลีลาของหลวงปู่
ทำอย่างไรให้เราหลุดพ้น จากความรักแบบผู้ชายผู้หญิง
_ทำอย่างไร ให้เราหลุดพ้น จากความรัก แบบผู้ชายผู้หญิงได้ครับ
พ่อครูว่า… มันไม่มีทางอื่นเลยนะ คำตอบมันคำตอบเดียว มันก็ต้องเรียนรู้ความรักเรื่องเพศ ความรักเรื่องนี้มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในโลก คนนี่มันเจริญกว่าสัตว์เดรัจฉาน มันเรียกการติดพันในเรื่องของคู่ เมถุน ผู้หญิงผู้ชาย การสืบพันธุ์ การต่อเชื้อ คนมันมีความฉลาด ก็ไปเรียกว่าความรัก
สัตว์มันก็มีความรัก สัตว์หลายชนิดนะมันมีคู่ๆเดียว มันรักกันแล้วก็มีคู่เดียวตลอดชีวิตมีเยอะไปในสัตว์เดรัจฉาน แล้วก็ตายพรากจากกันไปเลย แต่คนนี่ ถือว่าความรักนี้ยิ่งใหญ่
เพราะฉะนั้นตัวกิเลสในความรักนี้มันจึง โอ้โห.. มันพลิกแพลง มันเป็นกิเลสที่ดิ้น มันเป็นกิเลสที่มักมากอะไรต่างๆได้ ถ้ามีความซื่อสัตย์ คุณจะรักมากแต่มีความซื่อสัตย์ก็ยังดี รักมากแล้วไม่ซื่อสัตย์ แล้วก็ต้องการมากมายหลากหลายอีก ไอ้อย่างนี้มันก็ยิ่งแย่
มันก็เป็นอยู่ที่ว่า เราเองเราได้ปฏิบัติธรรมมา ได้สั่งสมลักษณะแบบไหนให้แก่ตนเอง ทีนี้ถ้าเรามาอยู่กับหมู่กลุ่มนี้ จะสอนให้มาในทิศทางที่ลดลงน้อยลงทุกอย่าง มากอย่างก็ให้ลดลง แม้อย่างเดียว คู่เดียว ที่เป็นกิเลสกามก็ให้ลดลงด้วย สรุปแล้วก็คือ มาลดนั้นดีที่สุดสำหรับกิเลส ของพุทธนี้ครบทุกด้านทุกมิติอยู่แล้ว
ทำไมคนเรามีการพัฒนาตัวเองในทางผิด
_ผมขอถามหน่อยครับ ทำไมคนเราในแต่ละช่วงเวลาถึงพัฒนาตัวในทางที่ผิดด้วยครับ
พ่อครูว่า… คนโง่มันมีมวลมาก ความโง่หรือว่าความไม่ถูกต้องมันมาก คนจะหลุดพ้น คนจะรอดจากทุกข์ จากความลำบาก พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ก็เคยพูดมาไม่รู้กี่ทีว่า พระพุทธเจ้านี้เรียนรู้แต่ละชาติแต่ละชาติ เป็นโพธิสัตว์นี่ อย่างหลวงปู่นี่พูดในฐานะโพธิสัตว์เลย แต่ละชาติเกิดมานี้จะมาเรียนรู้คนกับสังคม เหมือนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แล้วก็จัดการคน ที่มีเหตุคือกิเลสนี่แหละเป็นตัวหลักใหญ่เลย ให้ลดกิเลส มันจะรู้ทั้งสมมุติสัจจะที่เป็นความดีความชั่ว แล้วพุทธจะรู้ทั้งจิตที่รู้สุข รู้ทุกข์ ที่เป็นโลกุตระ ดีชั่วเป็นโลกียะ
เพราะฉะนั้นก็เรียนรู้สมมติตามโลก ดีชั่วมันจะไม่เที่ยง มันจะสมมุติตามหมู่ตามคณะตามแต่ละสังคมประเทศชาติ สมมุติอย่างไรดี สมมุติอย่างไรไม่ดีมันไม่ตรงกันทีเดียว คล้ายกันแต่ว่าไม่เหมือนกันทีเดียว ไม่เหมือนกันทั้งนั้น ไม่ว่าประเทศไหนไม่เหมือนเป๊ะหรอก ใกล้เคียงกันแท้ๆก็ยังไม่เหมือนกัน ยึดถือต่างกัน
อย่างไทยกับลาว ไทยกับเขมร ก็มีเหมือนกันแต่ต่างกันอยู่ในนัยยะ อย่างนี้เป็นต้น ดีไม่ดีนับถือศาสนาพุทธเหมือนกันอะไรอย่างนี้ ซึ่งมันก็ต่างกัน ก็ต้องมาเรียนรู้ความต่างพวกนี้ มันยึดต่างกัน
เพราะฉะนั้นกิเลสมันมีนัยยะที่ต่างนี่แหละ มันลำบาก โพธิสัตว์จึงเรียนรู้ความแตกต่างของกิเลสในมิติแต่ละมิติ แต่ละประเด็น แต่ละแง่ แต่ละเชิงแต่ละมุม หนักหนาสาหัสแล้วก็มาช่วยกันไป
การฝืนทำจะทำให้เราเจริญจริงขึ้นหรือไหม
_กราบนมัสการค่ะหลวงปู่ การฝืนทำ จะทำให้เราเจริญจริงขึ้นไหมคะ
พ่อครูว่า… ได้ การฝืนทำมันเป็นเรื่องง่ายๆธรรมชาติเบื้องต้น สิ่งที่ไม่ดีเราก็ฝืนทำในสิ่งที่ดี สิ่งที่ควร แต่คนเราถ้าไปฝืนทำในสิ่งที่ไม่ดีมันโง่ซ้อนซ้ำ มันโง่ซับซ้อน ไปฝืนทำในสิ่งที่ไม่ดี
ธรรมชาติง่ายๆ อย่างนี้เขาว่าดีมันก็ต้องฝืน คำว่าไม่ดีนี้มวลโง่ๆก็ไม่ทำตามเลย ยิ่งเป็นโลกุตรธรรมแล้วมันซับซ้อน ทั้งดีและไม่ดี เราไม่ติดไม่ยึด จนกระทั่งเราสามารถมีพลังจิตของเรา อยู่เหนือจิตของเรา สามารถที่จะทำให้ไปเข้ากับแบบนี้ได้ เขาว่าอย่างนี้ดีก็ไปทำจิตของเราทำตามอย่างนี้ได้ ไปอีกหมู่นึงเขาว่าอย่างนี้ดี อย่างนี้ไม่ดี ก็ต่างกับอีกหมู่นึง เราก็ปรับกับเขาได้
อย่างนี้แหละคือสุดยอดของจิต อยู่ในสมมติสัจจะ ส่วนซับซ้อนลึกซึ้งในเรื่องสุขเรื่องทุกข์นั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นโลกุตรธรรมที่พวกเราก็ได้เรียนรู้ หลวงปู่พยายามสอนอธิบาย มันเป็นเรื่องสูงสุด จนกระทั่งรู้จักลักษณะของจิตของเวทนา ของเจตสิกต่างๆ แล้วรู้จักครบบริบูรณ์เลย
จึงสามารถที่จะทำ สามารถปรับจิตของเราตามที่เราต้องการได้ โดยที่ ถ้าเราต้องฝืนทำ เราก็ไม่สุขไม่ทุกข์ได้ เราทำอย่างนี้จนไม่ต้องฝืน ทำให้จิตเป็นได้ตามที่เราต้องการโดยไม่ต้องฝืน จะเป็นอย่างไรก็ไปอยู่ในโลกกับเขาได้ดีกับที่หมู่เขาเป็นได้หมดทุกหมู่ทุกลักษณะ แล้วเราก็อยู่ของเราโดยไม่สุขไม่ทุกข์ มันเป็นสิทธิ์ของเรา
สุขทุกข์มันเป็นกิเลส มันไปยึดว่าเป็นสุขเป็นทุกข์ ถ้าว่าจริงๆแล้วมีชีวิตหมดสุขหมดทุกข์ได้ ก็อยู่กับโลกียะ อยู่กับความดีความชั่วของกลุ่มหมู่ที่สมมุติกันเท่านั้นเอง
ผีคืออะไร
_ผีคืออะไรครับ
พ่อครูว่า… ใครตอบได้ไหม ศิษย์เก่าผ่านมาแล้ว ฟังหลวงปู่อธิบายสอนกันมามากมาย ใครตอบแทนได้ไหม ผีคืออะไร
ศิษย์เก่าว่า…คือ กิเลส
พ่อครูว่า… ผีคือกิเลส มันเป็นตัวปลอมอยู่ในจิตเรา เป็นตัวโง่อยู่ในจิตเรา ผี คืออาการของจิตที่โง่ ที่ปลอม ที่แฝงอยู่ แล้วบงการอยู่ในจิตเรา เพราะฉะนั้นเราต้องไล่ผีออกจากจิตเรา ไม่ใช่ไล่อย่างหมอปลา
หมอปลานั้นแกไล่ผีอย่างเทวนิยม แกก็ไล่ไปตามอุปาทานของแก แล้วก็ใช้จิตวิทยา ทำให้คนมันคลายจาง ที่จริงไม่ต้องไปไล่มันก็หยุด มันไม่หยุดมันดิ้นมากๆมันก็ตายเท่านั้นเอง ก็ช่วยให้หยุดได้เร็ว หมอปลาก็ช่วยได้บ้าง ก็เอา ไปตามวิธีของโลกีย์เขา ใช้จิตวิทยาทำอย่างโน้นอย่างนี้ โอ้โห มากพิธีเลยนะ หลอกกันไป
ที่จริงแล้วแก้ปัญหาอย่างนั้นมันไม่จบหรอก มันโง่ซับโง่ซ้อนชาติแล้วชาติเล่า หมดสมมุตินี้ เขาไปหาสมมุติใหม่ที่เขาบ้าๆบอๆ ถ้าเขาไม่เข้าใจไม่มีปัญญารู้ ที่จริงมันเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ที่บอกว่าผีเข้า อาการอย่างโน้นอย่างนี้ มันคือความโง่ของตัวเอง เป็นอุปาทานหรืออวิชชาเราเอง ต้องสั่นต้องเข้าจะต้องไม่รู้เรื่องอะไรต่ออะไร ก็จิตของเราเอง เราทำเราเองตามที่เราเองโง่ ไม่รู้จะพูดอย่างไร มันโง่เอง แล้วก็ไปทำตามเขา
บางคนจำได้ตั้งแต่ชาติปางก่อนไม่รู้กี่ชาติ แล้วลึกๆนึกว่าเท่ ได้เป็นอย่างนี้แต่ทำอย่างนี้นึกว่าเท่ ลึกๆนึกว่าเท่ คือมันโง่ซ้อนโง่ บางคนก็รู้สึกเหมือนกันว่าอาย อายนี่ ค่อยยังชั่วแล้ว แต่ถ้านึกว่าเท่นี้คนนี้จะต้องเป็นอยู่บ่อย เป็นอยู่นาน เป็นอยู่มาก เข้าใจไหม มันเป็นความโง่ซับโง่ซ้อนเท่านั้นเอง
เพราะเรารู้แล้วว่าเราเองเท่านั้น เราเข้าใจตามเหตุปัจจัยของสมมุติโลก ของคนทั้งหลายเขาเป็นสามัญธรรมดา ตื่นๆเป็นอย่างนี้อย่างนี้ เราก็เป็นตามที่เขาเป็น ไม่ได้พลิกแพลง ไม่ได้ประหลาด ไม่ได้แปลกแตกต่างไปจากเขา ไอ้ที่แปลกต่างไปนั้นมันเป็นการพิเรนพิลึกมันโง่ แล้วมาเข้าใจผิดว่ามันเด่น
ก็มันเหมือนกับคนสามัญดีๆที่เขาอยู่อย่างสงบสบาย แต่ไม่ จะต้องให้เป็นแบบพิลึก
_ผม กิเลสหนา…ทำไงจะดีขึ้นครับ
พ่อครูว่า… ตอบไม่รู้กี่ที่แล้ว มาเรียนรู้โดยเฉพาะที่พวกเรา หลวงปู่และนักธรรมะของพวกเรา นี่แหละคือนักฆ่ากิเลส แหล่งกำจัดกิเลสคือชาวอโศกนี่แหละ ตัวจริง ไม่มีแหล่งที่ไหนที่จะตัวจริงที่จะฆ่ากิเลสได้จริงเท่าชาวอโศกหรอก นี่พูดอย่างชัดๆเจนๆ อย่างอหังการเลย จริงๆ ไม่มีแหล่งไหน ไม่มีสำนักไหนที่จะฆ่ากิเลสได้ชัดเจน ตรงและจริงเท่าชาวอโศก
อกหักมาทำใจเช่นไร ทำอย่างไรจะไม่ยึดเขา
_กราบนมัสการค่ะหลวงปู่ หนูอกหักมา ทำอย่างไรดีคะ และมีคำถามต่อว่า ทำอย่างไรถึงไม่ยึดเขาคะ
พ่อครูว่า… จะตายแล้วไม่มีเขา จะตายให้ได้แล้วหนอไม่มีเขา โอย.. อกหักมา ไม่มีเขานี้ไม่เป็นควายก็ดีแล้ว ไม่มี “เขา”นี้เราก็ไม่เป็นควายก็ดีแล้ว
เรื่องพวกนี้คือความโง่ ความโง่ที่ไปรัก ไปอกหักอกพังอย่างนั้นอย่างนี้ มันเป็นเรื่องลึกซึ้งซับซ้อนนะ พูดจริงๆ หลวงปู่ในชาตินี้ก็ยังอกหัก เคยอกหัก ชาตินี้นะ ยังเคยอกหัก
คือมันเป็นธรรมชาติโง่อย่างหนึ่ง แต่ว่าอกหักของหลวงปู่ไม่ได้เดือดร้อน ไม่ได้ทำร้ายทำแรง ไม่ได้เจ็บปวดอะไรมากมาย แต่มันเป็นอาการที่พูดคำว่าอกหัก ถ้ามันไปยึดมากๆมันจะแรง มันจะเป็นจะตายว่ามันเป็นเรื่องจริงๆมันสำคัญ จะเป็นจะตายเลย ดีไม่ดีมันอกหักฆ่าตัวตายเลย นั่นมันโง่สุดโง่ ไม่รู้จะโง่อย่างไร
มันเป็นเรื่องของกิเลสธรรมชาติระหว่างเพศเท่านั้นเอง ถ้าหลวงปู่จะอธิบายให้ฟังแล้ว เข้าใจดีๆว่า
คนเราเกิดมาไม่รู้กี่ชาติ แล้วมีคู่ แล้วก็มีกิเลสนี้ มันระริกระรี้ไปหาเก่าๆที่จะต้องมาอีก มีใหม่ก็จะไปหาใหม่ไปอีก แต่ละชาติแต่ละชาติ เคยมี พอเจอคู่เก่าๆมาก และยังจะระริกระรี้หาคู่ใหม่ๆ นั่นแหละคือคนโง่ โง่ไม่จบ มันก็จะอาการที่จะมีเพิ่ม มีวิบากมีคู่วิบากมากขึ้นมากขึ้น มันก็จะเยอะ
เพราะฉะนั้นคนไหนที่เกิดมาชาติหนึ่งนี่ เสร็จแล้วมีคู่รักคู่เดียว แม้จะอกหักก็คู่เดียว เหมือนพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มีคู่รักคู่เดียวมีคนเดียว ต้องถือว่าพลเอกเปรมนี่อกหัก ใครเคยรู้ประวัติไหม
อาจารย์ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เคยเขียนเคยบอกไว้ ประวัติความรักของพลเอกเปรม ถือว่าอกหัก แล้วก็ไม่รักใครอีกเลยตั้งแต่บัดนั้นจนตาย แล้วก็อยู่ทำงานอะไรเพลิดเพลินก็อยู่ไป จะเจ็บจะปวดอย่างไรก็คิดว่าคงไม่ เพราะเห็นพลเอกเปรมเขาอยู่เป็นสุขสบายดีตลอดชีวิต
เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ คนเรายิ่งมากเรื่องมากคนไป มันทรมาน แล้วยิ่งอาการหนักของตัวเอง สร้างวิบากความโง่ซับซ้อน เพราะฉะนั้นมันจะรักคนนี้ก็รักคนเดียวแล้วก็พอแล้วก็เลิก ไม่มีแล้วก็เลิกไป สบายจบ ก็แนะนำได้เท่านี้ อย่าไปเที่ยวร่ำรี้ร่ำไรอะไรกับมัน ทำไมต้องยึดเขา โง่
อกหักมาจะทำใจอย่างไร ก็มันก็เป็นธรรมชาติ มีรักมีชัง มีอะไรอย่างนี้ โดยเฉพาะเรื่องเพศเรื่องกิเลสพวกนี้ ก็ดูที่ในสังคม คนที่เขาไม่แต่งงานเขาไม่มีเรื่องเพศตลอดชีวิตมีให้เห็นไหม …มี
ก็ดูเขา แล้วเขาก็ดูเบิกบานร่าเริงเป็นสุขดีตลอดชีวิต เขาก็อยู่ได้ แล้วมันก็จะ คนที่ไม่มีมากแล้วเขาก็ไม่ติดยึด เขาก็มีชีวิตอยู่กับความสุขที่เขาจะทำงานสร้างสรรค์ มีประโยชน์มีคุณค่า มีอะไรต่ออะไรไป ดีไม่ดีอื่นๆที่เป็นโลกีย์ สนุกรื่นเริงไปกับโลกีย์เขาด้วยไม่ต้องเป็นเรื่องเพศ เรื่องรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เรื่องเงินเรื่องทอง เรื่องวัตถุ เรื่องงานการอะไรต่ออะไรไปเยอะไป เรื่องที่จะทำให้เราไปสัมพันธ์ ยิ่งกว่าไปสัมพันธ์แต่เรื่องเพศ เพราะฉะนั้นอย่าไปให้ความสำคัญมันมาก
ไทยในความคิดของพ่อครูเป็นเช่นไร
_ผมมีเรื่องอยากถามครับ ผมอยากถามว่า ไทยในความคิดของท่าน ควรเป็นยังไง และหากไม่มีภูมิจะสามารถเข้าใจโลกุตระได้ไหม หากเป็นไปได้ผมจะสามารถกอบกู้ศาสนาเหมือนกับท่านได้ไหมครับ
พ่อครูว่า… ถามลึกซึ้งนะเดี๋ยวค่อยตอบ โอ้โห ถามแต่ละปัญหา ม.1 นะนี่เด็ก ม.1 ถาม มา 3 ปัญหา 1 ชั่วโมง 5 นาทีจะพอตอบไหมนี่ 3 ปัญหา
_ปัญหาที่ 1 ไทย ในความคิดของท่านควรเป็นยังไง
พ่อครูว่า… ฟังดีๆ ความรู้ของหลวงปู่นี่นะ เอาตั้งแต่คำว่าไทย
ไทย แม้ตัว ไท มันก็แปลว่าความอิสระแล้ว ความอิสระเสรี ไท หากมี ย.ยักษ์เข้าไป ก็หมายถึงลักษณะ ผู้นี้ประพฤติ คนเป็นคนไทย เป็นผู้ประพฤติให้มีอิสรเสรีภาพนี่แหละคือคนไทย ประพฤติตนเองทำให้ตนเอง มีความเป็นไท
เราเป็นคนไทย แล้วเราจะต้องทำให้เกิดความเป็นอิสรเสรีภาพที่เป็น ไท ให้สำเร็จ นี่คือคำตอบแรก
ทีนี้ ขยายความต่อมา แล้วคนไทยจริงๆล่ะ เข้าใจอย่างหลวงปู่เข้าใจและเขาได้ทำอย่างที่หลวงปู่พูดหรือไม่
ตอบ… คนไทยที่พยายามจะทำให้เกิดความอิสระของตนนี่แหละ มี จะรู้ละเอียด รู้ความชัดเจนว่า ความอิสระของตนนี่คืออะไร พวกเราไปอ่านในเพลงอิสรเสรีภาพให้ดี หลวงปู่แต่งเอาไว้นานแล้ว
อิสระเป็นเช่นใด ใช่ฝันกันได้ง่าย… อิสระกายแต่ใจไม่พ้นคนเป็นทาส
เพราะเพียงกามโกรธยังบังอาจ…
ถ้าเข้าใจถึง กาย คือ จิตมโนวิญญาณ ลดกิเลสจากภายนอกเข้าหาภายในเป็นฐานเป็นหลัก ต้องทำกิเลสมันอยู่ที่ภายในกิเลสมันอยู่ที่จิต แต่กิเลสก็มี กาย ถ้าไม่มีกาย ในขณะที่เราสัมผัสไม่มีภายนอก คนหลับตามีกิเลสที่เป็นความจำไม่ใช่กิเลสความจริง ความจริงมีอยู่ในปัจจุบัน ที่มีตากระทบรูปหูกระทบเสียงทางทวาร 5 มีผัสสะ นั่นคือจะเกิดอาการจิตจริง กิเลสจริง
จิตที่ยังไม่มีสัมผัสภายนอก แล้วเกิดจิตรับรู้ ไม่เป็นจิตจริง เป็นจิตจำ เป็นสัญญา มันไม่เป็นปัญญา มันไม่เป็นความชัดเจน ไม่เป็นความจริงครบสมบูรณ์
ไทย ในความคิดของท่านควรเป็นเช่นไร ก็สรุปจบก่อนตรงนี้ว่า
1.ก็ควรเป็นอิสระให้ได้ แม้แต่ต้นๆ คือ ความหลุดพ้นจากความเป็นทาส อิสระคือความหลุดพ้นจากความเป็นทาส
หยาบที่สุด คนเป็นทาสจากอบายมุข คุณเป็นทาสจากอบายมุข คุณเข้าใจว่าอบายมุขเป็นสิ่งที่เลวร้ายต่ำสุดแล้ว คุณเลิกไม่ไปสุขไม่ไปทุกข์ไม่ไปเกี่ยวไปข้องกับมัน มันมีอยู่ในโลก ช่างหัวมัน เราอยู่เหนือมันมันจะมีอย่างไรก็ไม่ทำให้เราเกิดอาการหวั่นไหวหรืออาการที่เราอยากจะไปเสพจากสุขอยากทุกข์อยากมีกับมัน นี่คือความหลุดพ้นที่เป็นอิสระ
2.กามต่อมา ตั้งแต่เรื่องเพศ ซึ่งมันซ้อนเรื่องเพศเป็นเรื่อง เป็นผู้ที่เรื่องเพศเลอะเทอะ เป็นเรื่องเพศสำส่อน มากคน ลดลงมาจนกระทั่งน้อยลงๆ และกาม จริงๆก็คือรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสกามคุณ 5 ติดเอร็ดอร่อย ชื่นใจอยู่ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก็ลดลง อย่างนี้แหละคือหลุดพ้นจาก กามารมณ์ หรือกามภพ หมดแล้ว การหลุดพ้นจากกามภพได้ จากอบายมุขได้
ไม่ใช่เราหนีเข้าป่า ไม่ใช่เราไม่มีสัมผัส ไม่รู้ไม่เห็นไม่เกี่ยวไม่ข้อง สัมผัสอยู่รู้เห็นเกี่ยวข้องก็ได้ แต่จิตของเราเป็นโลกุตระ เป็นอุตรจิต เป็นจิตที่อยู่เหนือมัน มันทำอะไรเราไม่ได้ เราลูบหัวมัน เหมือนยังกับลูบหัวพระอาทิตย์พระจันทร์ได้ มันทำอะไรเราไม่ได้เลย เรามีฤทธิ์เหนือมันเหมือนเราลูบหัวล้านกิเลสอบายมุข ลูบหัวล้านกิเลสกาม สบาย มันไม่มีฤทธิ์ทำอะไรเรา ยกตัวอย่างเป็นรูปธรรมอย่างนี้เข้าใจดีไหมมันจริงอย่างนั้นเลย นี่คือความหลุดพ้นของพระพุทธเจ้าเป็นอิสระที่แท้จริง นี่คือแท้
เอ้าทีนี้ พอมาเป็นประเทศไทย มันเป็นความรวม ความเป็นอิสระของความเป็นอยู่ ความเป็นอิสระเขาก็ไปเรียกความเป็นอิสระ
1.เป็นอิสระทางเศรษฐกิจ
-
เป็นอิสระทางการเมือง