660211 พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 1
ดาวโหลดเอกสารที่
https://docs.google.com/document/d/1S7sbh6nhKsTgm_1pqKjNDEg2fHry3Z7ywjPI6vhhMko/edit?usp=sharing
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1E2GgtRVce4QuqPeX6SuH_H8TaOV-nVew/view?usp=share_link
ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/9_YbO2H7BB4
และ https://fb.watch/iDirBwS250/
พ่อครูว่า… วันนี้วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก แรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ 3 วันนี้อาตมาตั้งใจจะเทศน์เรื่อง จะใช้คำพูดว่าการเมืองก็ใช่ มาพูดถึงเรื่องประชาธิปไตย โดยเฉพาะชื่อของเรื่องคือ “ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ”
ก่อนจะได้บรรยาย ในวันอันเป็นวันมงคลนี้ ก็มีคนเขียนคำอวยพรเป็นกลอนเป็นกาพย์อะไรมาให้ อันนี้เป็นของอิสรา
อัฏฐาริยสัจจายุ
“อัฏฐาริยสัจจายุ บรรลุอุดมการณ์สานฝัน
๘๘ ปี ๘ เดือน ๘ วัน อิทธิบาทอัศจรรย์จวบวันนี้
วันแห่งความรัก ของ“รัก รักพงษ์” สูงส่งยิ่งใหญ่กระไรนี่
เทวดาฟ้าดินร่วมยินดี มุ่งไปสู่…๙๙ ปี ๙ เดือน ๙ วัน”
….อิสรา
อ้าว ขอให้สมพรปากเถอะ
ทีนี้ก็ขอ มี sms อยู่แค่ 2 คน แล้วยังมีตบท้ายนักกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจอีก 1 บท
_สินอโศก…ขอน้อมอนุโมทนาบุญกับพ่อครูด้วยความเคารพศัทธาและบูชาอย่างสูงสุดด้วยเจ้าค่ะ มากันด้วยจิตตั้งมั่นที่จะเป็นคนใหม่ตามอย่างพ่อเจ้าค่ะ 🙏🙏🙏 วันนี้ดิฉันก็ดิฉันก็เดินรอบบ้านเจ้าค่ะ ตั้งจิตขอให้พ่อครูอยู่กับพวกเราไปอีกนานๆๆๆห้าหกสิบปีก็พอเจ้าค่ะ🙏
_พ่อครูว่า… คุณสินอโศก…ก็เป็นโรคอัมพฤกษ์ แต่ก็มีอิทธิบาท แต่ละคนแต่ละคน ผู้สามารถมีพลังอิทธิบาทแต่ละคนจริงๆไปได้ โดยมีหลักโพชฌงค์ 7 ผู้ปฏิบัติโพชฌงค์ 7 ถูกต้อง พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าโพชฌงค์ 7 นี้ สวดให้ระลึกถึงให้นำเอามาปฏิบัติดีๆเถอะ จะเกิดอายุยืนยาวเพราะมันจะสร้างจิต สร้างจิตให้ยิ่งใหญ่สร้างจิตให้มีพลังพิเศษ ที่สามารถกำหนดให้จิตนี้มีพลังถึงขั้น ต่ออายุขัย อย่างที่เราพยายามพูดอธิบายยืนยันกันอยู่ ได้จริงๆ
อนุปุพพวิหาร 9 สัมมาทิฏฐิ ส่วน สัตตาวาส 9 มิจฉาทิฏฐิ
_ทีนี้ ของคุณตุ๊ก อัศวินหรือดินดอกพุทธ…
กราบขอโอกาส..พ่อครู..เจ้าค่ะ
ในวันจันทร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
๑) คือวันประกาศพลังรัก อันเต็มเปี่ยมที่พ่อครู อุทิศชีวิต ถวายให้แก่ พระพุทธศาสนา ด้วยหวังให้ศาสนาพุทธยืนหยัด ยืนยง คงมั่น ถึง ๕,๐๐๐ ปี เพื่อ ประโยชน์ ผาสุข แก่มวลมนุษยชาติ ดังปณิธานที่ตั้งไว้
๒) คือ วันอัฎฐาริยสัจจายุ วันที่ พ่อครู สมณะ โพธิรักษ์ จะมีอายุวัฒนะมงคล สู่ ๘๘ ปี ๘ เดือน ๘ วัน (๘๘๘๘) ช่างเป็น มงคลฤกษ์ ที่น่าบูชายิ่ง
๓) คือ ในโอกาสมหามงคลสมัยนี้ ท่านได้ ‘กลั่น_แก่น’ เคล็ดวิชา ‘๗๘๙๙’ สรุปเป็นแผนภาพที่ทรงคุณค่ายิ่งทางวิชาการ แก่ พระพุทธศาสนา มอบเป็น ของขวัญแห่งรัก (ของขวัญ) แก่ชาวพุทธทั่วโลก
(เพิ่มจากเดิม ที่ท่านเคย มอบให้ คือ ‘๔๕๗๘’)
พ่อครูว่า… ผู้ที่มีทั้งความรู้พยัญชนะและสภาวธรรมก็จะเห็นรายละเอียดต่างๆไม่ว่าจะเป็นในวิญญาณฐิติก็ดี ซึ่งจะต้องตรวจทุกอย่างจากความเป็นกายกับสัญญา วิโมกข์ 8 ก็ดีที่จะต้องมีความรู้ในการปฏิบัติที่จะพาให้หลุดพ้น วิโมกข์คือการหลุดพ้น ที่จะทำให้เราหลุดพ้นได้จากตั้งแต่วิโมกข์ 3 จนมีสภาวะถึง อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ และ เนวสัญญานาสัญญายตนะ จนสุดท้าย สัญญาเวทยิตนิโรธ ที่เป็นองค์ธรรม 8 ข้อ ของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ อาตมาก็อธิบายจนมากมายแล้ว
และความยังไม่สามารถที่จะหลุดพ้นได้ยังเป็นสัตว์ยังเป็นสัตว์อยู่ ไม่เกิดความเป็นเทวดา ถึงแม้เป็นเทวดาก็เป็นเทวดามิจฉาทิฏฐิ ยังมีความเป็นสัตว์อยู่ถ้าแม้เขาจะเข้าใจว่าเขาเป็นเทวดาก็เป็นเทวดาเก๊ เป็นเทวดาโกหกเทวดาไม่จริงสำหรับมิจฉาทิฏฐิ จึงยังเป็นสัตว์อยู่ทั้ง 9 ชนิด
ตั้งแต่ ฌาน 1-4 ของ ฌาน ที่ปฏิบัติได้มรรคผลแบบเดียรถีย์ เขาก็ปฏิบัติได้มรรคได้ผลแบบเขา เป็นสัตว์ทั้ง 4 ตัวที่ 5 เป็น อสัญญีสัตว์ สัตว์ที่เขาทำได้เก่งคือดับได้อย่างอาฬารดาบส อุทกดาบส
ความเป็นสัตว์อีก 4 ชนิดนั้น เก๊หนักเข้าไปอีก เพราะ อสัญญีสัตว์ เขาก็ดับสัญญาไปหมดแล้ว การกำหนดหมายต่างคนต่างโมเมกันไปใหญ่เลย เป็น นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย เป็นกาย 3 ที่มิจฉาทิฏฐิอย่างหนัก
(พ่อครูไอตัดออกด้วย)
ชั้นของภูมิอีก 4 ชนิด จึงเป็นสัตว์มิจฉาทิฐิทั้ง 3 กาย คือ นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย นี่คือความเป็นสัตว์ อยู่ในจิตวิญญาณของมนุษย์เรียกว่าสัตว์ทางจิต ไม่ใช่สัตว์ตัวตน สัตว์ 2 ขา 4 ขา สัตว์น้ำสัตว์บกอยู่ในโลกนี้เป็นตัวตนรูปร่างไม่ใช่ หมายถึงสัตว์ โอปปาติกะ คือสัตว์ทางจิตเขาเป็นจริงอย่างนั้นเขาได้แค่นั้น
ส่วน อนุปุพพวิหาร 9 คือลำดับของการปฏิบัติธรรมทั้งหมด 9 ชนิดที่ท่านรวบรวมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นฌาน 4 อรูปฌาน 4 และสุดท้าย สัญญาเวทยิตนิโรธ
ฌาน 4 อนุปุพพวิหาร 9 ก็สามารถที่จะ ที่จริงแล้ว อนุปุพพวิหาร 9 คนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิก็ได้ แต่ อนุปุพพวิหาร 9 เป็นการยืนยันที่ ถูกต้องเพราะไม่มี อสัญญีสัตว์
คนที่เขามิจฉาทิฐิก็ได้ แต่ มันไม่ใช่ อนุปุพพวิหาร 9 อย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้นยืนยันว่าไม่ผิด ถ้าผิดจะต้องมีตัว อสัญญีสัตว์ อยู่ด้วย เพราะฉะนั้น สัตตาวาส 9 ถึงมิจฉาทิฏฐิหมดทั้ง 9 ส่วน อนุปุพพวิหาร 9 จึงหมายถึงความเป็นลำดับ เหมือนพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระอนุรุทธที่เก่งในทางฌาน หยั่งรู้ตรวจสอบในฌาน สุดท้ายท่านหลับพระเนตรไปแล้ว ท่านวางขันธ์แล้ว ก็ตรวจการวางขันธ์ของท่านก่อนที่จะปรินิพพานจากไปเลยนี่ พระพุทธเจ้ายังตามตรวจขันธ์ของท่าน อาศัยตรวจขันธ์สุดท้าย ก่อน ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ด้วย ฌาน 4 ฌาน 8 อย่างนี้เป็นต้น เป็นการสำทับให้รู้ว่า ฌาน 4 ฌาน 8 ของพุทธสูงสุด
แต่ที่จริงฌาน 4 ฌาน 8 ของพุทธไม่ได้อยู่ในภพ ฌาน 4 ฌาน 8 ของพุทธนั้นลืมตาแต่อยู่ในภพได้ระลึกได้ ตรวจสอบของตัวเองได้ เป็น เตวิชโช
ใครระลึกออกไหม 4578 คืออะไร คือโพธิปักขิยธรรม 37
4 คือ สติปัฏฐาน 4 อิทธิบาท 4 สัมมัปปธาน 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8
นี่คือเลขสำคัญของเราตั้งแต่แรกเมื่อก่อน แต่ในยุคนี้ตอนนี้ 7 8 9 9
_ดินดอกพุทธ… ต่อ ๔) คือ เป็นการหลอมรวมพลังมรรค=“สูตรคู่_สู้อวิชชา”
เข้าถึงผล คือ ‘อิสระ_สบาย_สงบ_อบอุ่น_อิ่มเอม_เกษมใส_ใจเกื้อกูล_เพิ่มพูนการเสียสละ่
การบรรจบของ ๔ ข้อ ข้างต้น ย่อมนำ อภิโมทนายํ จิตตํ มาสู่หัวใจลูกๆทุกๆดวง
จึงขอโอกาสมงคลนี้ น้อมรับเคล็ดวิชา ๔๕๗๘ และ ๗๘๙๙ ใส่เกล้า..แปรลงสู่ภาคปฏิบัติบูชา..ถวาย พ่อครู ดังนี้ เจ้าค่ะ!!
รับทราบ!! ปฎิบัติ..เจ้าค่ะ!!
ด้วยจิตคารวะ และ เทิดทูนยิ่ง..เจ้าค่ะ
ตุ๊ก.อัศวิน/ดินดอกพุทธ
พ่อครูว่า…สุดยอดและเป็นความจริงนะ ในพวกเรามีไหม…มี พูดอย่างมั่นใจเลยอาจจะมีคนละมากคนละน้อยก็แล้วแต่มันมีลักษณะพวกนั้นจริงๆ
อ้าว ทีนี้ กวีสุดท้าย ท่านสมณะชนะผี ชื่อเป็นมงคลดีด้วย หลายคนฟังเผินๆ อ้าวชื่อผีได้ไง แต่นี่ ชื่อตามทะเบียนบ้านของท่านจริงๆเลยนะชื่อท่านแท้ๆเลย
…ความรักมอบให้พ่อ…
พ่อครูคือผู้มอบ ลูกที่ตอบคือผู้รับ
พ่อครูช่วยกำกับ ให้ลูกรักรับกลับไป
ลูกนี้สำนึกคุณ ท่านการุณกว่าสิ่งใด
มอบรักหมดหัวใจ ตลอดไป…นิจนิรันดร์
พ่อครูว่า… บทกวีการการสรรเสริญเยินยอก็มีอย่างนี้ในโลก อาตมาก็ไม่ได้มีใจขึ้นลงกับการสรรเสริญเยินยอ การสรรเสริญเยินยอที่จริงใจก็มี การสรรเสริญที่เอาอกเอาใจ โกหกก็มี สู้การตำหนิไม่ได้ แล้วเราก็พูดกันมามากมาย
ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 1
มาเข้าสู่เรื่องที่เราจะฟังบรรยายกันในเนื้อหา เรื่องประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ
ความมีอธิปไตยของประชาชน อธิปไตยคืออำนาจ คือพลัง ถ้าไปเป็นสิ่งที่มันมิจฉาทิฏฐิก็เรียกว่าอำนาจบาตรใหญ่ ความเป็นอำนาจแล้วก็ยึดอำนาจเอามาเบ่ง เหมือนพวกเทวนิยม เขายังไม่เข้าใจเรื่องถูกต้องสัมมาทิฏฐิพวกนี้ ประเทศทั้งหลายแหล่เทวนิยม เขาจะพยายามสร้างอำนาจให้แก่ตัวเขาให้ประเทศของเขามีอำนาจบาตรใหญ่ เพื่อจะเป็นเจ้าโลก เขาทำจริงๆแข่งขันกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ จนทุกวันนี้เขาก็ยังทำอยู่ โดยเฉพาะทางตะวันตกเทวนิยมที่มีความรู้เป็น เฉโก เท่านั้น ไม่มีความรู้เป็นปัญญา
เขามีความรู้อย่างนั้นโดยความเป็นจริง ไม่ได้ไปข่มเบ่งดูถูกดูแคลนเขา เขามีความสามารถตามบารมีของเขาเท่านั้น อย่างเช่นศาสดาของเทวนิยมทั้งหลายสอนได้แค่ เฉโก อยู่ในกรอบความรู้ของโลกียะ ไม่ออกมาหาความรู้แบบใหม่ความรู้พิเศษที่เป็นโลกุตระ หรืออุตตระ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นอุตตระเหนือกว่าชาวโลกีย์ที่เขามีมาในโลกไม่ว่าในยุคไหนก็แล้วแต่
ถ้าในโลกที่ไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา เขาจะมีความรู้แต่โลกียะเป็นธรรมดาธรรมชาติ มียุคที่ไม่มีโลกุตระ ไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา เขาก็จะมีความรู้แต่ทางโลกียะ ซึ่งความรู้ของทางโลกียะจะมีความรู้อยู่ในกรอบแค่ความรู้ดีรู้ชั่ว แล้วปฏิบัติตนให้เป็นคนดีอย่าเป็นคนชั่ว เขามุ่งมั่นและเขาก็ปฏิบัติอย่างนั้นสำเร็จตามสมมุติสัจจะของเขา
โลกียะยังเป็นสมมุติสัจจะ ยังไม่ใช่ปรมัตถสัจจะ สมมุติแปลว่ารู้กันทั้งหมด ปรมัตถสัจจะนี้เป็นความรู้ที่ใหม่ เกินกว่าสมมุติที่เขาโลกียะจะสมมุติกัน มันเป็นความรู้ที่ ปฏิโสตัง เป็นความรู้ทวนกระแสโลกียะ
โลกียะจะลากชีวิตให้ไปหลงความสุขแล้วก็จะต้องมีสุขนิรันดรซึ่งมันไม่จริง พระพุทธเจ้าพิสูจน์แล้วว่าความสุขไม่นิรันดร ความสุขเป็นของหลอก เป็นมายาเป็นความเก๊ และเป็นคนพิสูจน์ได้ตั้งแต่ตอนเป็นๆหมดสุขหมดทุกข์ได้ เพราะว่าสุขทุกข์เป็นคู่หูที่แยกกันไม่ออกเหมือนกระดาษ 1 แผ่นมี 2 หน้า ฉีกไม่ออกแยกไม่ออก จะฉีกให้มันเป็น 2 หน้าไม่ได้ นอกจากจะฉีกให้เป็น 2 แผ่น 100 แผ่นก็ได้ได้ฉีกหน้าของมันให้เป็น 2 หน้าไม่ได้ หรือบางคนนี้ยิ่งฉีกไม่ได้ใหญ่เลย อย่างนี้เป็นต้น
เป็นสัจจะอย่างนี้ ศาสนาพุทธเรียนรู้ว่าสุขทุกข์มันอันเดียวกัน มันหลอกคนว่าเป็นสุข แต่แท้จริงมันเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นคนที่วิปลาสเห็นทุกข์เป็นสุข คนที่มีจิตวิปลาสก็ไปหลงเสพอารมณ์สุข มันเป็นแค่อารมณ์ที่เป็นของไม่เที่ยง ไปตั้งอยู่ชั่วขณะหนึ่งเสร็จแล้วก็หมดไป แล้วก็หมุนเวียนมาใหม่สำหรับอวิชชา หรือเฉโก ก็จะหมุนวนมาอยากได้สุข เกิดตายตายเกิด เกิดตายตายเกิด เกิดตายตาย ชีวิตจะหมุนอยู่แต่กับความหลงสุขนิรันดร์ เทวนิยมเป็นสุขนิรันดรพระเจ้านิรันดรแต่ของพุทธนั้น สูญ ไม่มี นิรันดร
แต่จะยืนยาวก็ได้และยืนยาวอย่างมีหลักประกันเลย
-
ไม่ทำชั่วอีกเลยตลอด จะเกิดอีกเท่าไหร่ บรรลุอรหันต์แล้วไม่ทำชั่วตลอดไป สัพพปาปส อกรณัง(ไม่ทำบาปทั้งปวง) กุสลสูปสัมปทา(ทำกุศลให้ถึงพร้อม) เพราะ สจิตตปริโยทปนัง(ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลส)