660526 คนดีต้องเมตตาคนเลวและต้องไปด้วยกันได้ พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1AopEo13a5f3odf53KaTnl0Wi6EevUx0B/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1_mE2goSKDLPlsC8eHGp-VIP3KdBdE-Pe/view?usp=share_link ดูวิดีโอได้ที่ https://youtu.be/M3lJNQjpilI และ https://www.facebook.com/300138787516163/videos/552447893500872 สมณะฟ้าไท… วันนี้วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก ยุคนี้เป็นยุคใกล้กลียุค จะเห็นคนที่กล้าโกหกทั้งๆที่รู้ ใส่ร้ายป้ายสีกัน สมัยพุทธกาลมีนางจิญจมาณวิกา กล้าใส่ร้ายพระพุทธเจ้า เขาพูดโกหกกัน พูดกรอกหูบ่อยๆก็เชื่อ พระพุทธเจ้าสอนให้วิเคราะห์ตามหลักกาลามสูตร เราจะเชื่อก็ต่อเมื่อได้พิสูจน์ปฏิบัติด้วยตนเอง พ่อครูว่า… SMS วันที่ 24-25 พ.ค. 2566 _Petcharat Rank เพชรรัตน์ แรงค์ · กราบนมัสการพ่อครูค่ะ… กราบขอบพระคุณพ่อครูที่เมตตาสอนเรื่องการเมืองให้เข้าใจง่าย.กลางต้องเข้าข้างคนดี… 🤟😇😍🥰 พ่อครูว่า… ดีอาตมาพูดไปแล้วมีคนเข้าใจได้ประโยชน์ วิจารณ์ได้ตำหนิได้ แต่ควรมีจิตปรารถนาดีต่อกัน _Tun Thawatwongjaroen ตุลย์ ธวัธวงเจริญ · ถ้าคิดจะถือศีลธรรม ไม่ควรวิจารณ์การเมือง ถ้าวิจารณ์แสดงว่าคนๆนึงที่เสือกเรื่องการเมือง จบนะโล้น 😂 พ่อครูว่า… ก็เป็นความเห็นของคุณ มองอาตมาว่า ถ้าจะคิดถือศีลธรรม ก็ควรจะงดเว้นเลยเลิกอย่าไปยุ่งกับการเมืองเขา ไม่ควรจะวิจารณ์การเมือง ถ้าวิจารณ์แสดงว่าคนคนนั้นเสือกเรื่องการเมือง ใช้ศัพท์อย่างนี้เลย แล้วก็พูดโดยแสดงความจริงใจของเขา ว่าเขาเองมองอาตมาเป็นแต่เพียงคนหัวโล้นเฉยๆ ก็จริงอาตมาเป็นคนหัวโล้นไม่มีผมเหมือนกับคุณ เพราะอาตมาใช้คำแทนตัวว่าอาตมา ไม่ใช้คำแทนตัวว่าผมเหมือนกับคุณหรอก ไม่ได้ใช้ศัพท์แทนตัวมาเลยก็ไม่เป็นไร ก็เป็นความเห็นของคนแต่ละคนที่เห็นจริง อาตมาว่าคุณคนนี้ก็คงจริงใจ เขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆก็บอกตรงๆกล้าด้วย กล้าที่จะพูดตรงๆตามความเห็นของตัวเองความรู้สึกของตัวเองก็ดี แสดงความกล้าออกมาตามจริงไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ก็ขอบคุณ ดูอาตมาต่อไปก็แล้วกันอย่าเพิ่งชังอาตมา พยายามฟังไปเรื่อยๆ ที่คุณเข้าใจนั้นก็เก็บไว้ก่อน ฟังอาตมาแล้วเทียบเคียงไป แล้วมาศึกษาอาตมาให้มากขึ้นกว่านี้ มากขึ้นกว่าคุณรับฟังอาตมาพูดเท่านั้น เข้ามาแวดวง ที่พวกอาตมาอยู่กันแล้วอยู่ปฏิบัติ ที่มีทั้งคนตั้งแต่เด็กจนถึงคนแก่คนเฒ่าอยู่รวมกันเป็นกลุ่มชุมชน มีวัฒนธรรม มีพฤติกรรมของสังคมอยู่กันอย่างไร เป็นอย่างไร อาตมาก็ขอเชิญคุณตุลย์นะ มาศึกษาฝึกฝนดู สังเกตการณ์ อย่าเพิ่งตัดสินใจเร็ว เดี๋ยวมันจะผิด คุณจะเสียประโยชน์ของคุณเอง (พ่อครูไอตัดออกด้วย) สมณะฟ้าไท… คือเขาไม่ให้คนถือศีลวิจารณ์ แต่พ่อครูก็อ่อนน้อมถ่อมตนว่าไม่เป็นไร ศึกษาท่านต่อไปก็แล้วกัน ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาก็เข้าใจผิดไปอย่างนั้น แต่พ่อครูก็ให้โอกาสเขาลองมาศึกษาดู เข้ามาอยู่ในหมู่กลุ่มดู เขาจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น เพราะว่ามีคนกล้าแสดงออก พ่อครูว่า… เกิดมาเป็นคนไม่มีอะไรดีกว่าการศึกษาธรรมะหรอกศึกษาธรรมะที่ดี ที่ถูกต้องถ่องแท้อย่างดีทีเดียว ซึ่งมันก็ซับซ้อนลึกซึ้งอยู่นะตั้งใจศึกษาดีๆ ก็ขอให้คุณได้เกิดปัญญา เกิดเห็นมีดวงตาเห็นความจริงให้ได้นะ _ชุมพล ยอดสะเทิน · กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพกับท่านสมณะด้วยครับ คุณอย่ามาแสดงอะไรที่หยาบคายเหมือนคนถ่อยแบบนี้ สมณะชาวอโศกท่านมีคุณธรรมสูง อย่าสร้างกรรมหนักให้ตนเลย พ่อครูว่า… คุณชุมพลก็พูดตรงๆเหมือนกันบอกว่าไม่น่าทำอย่างนี้ไม่เหมาะสม ก็คงจะมองอาตมาเคารพนับถืออาตมาอยู่คงเชื่อถือดีอยู่ก็เลยแสดงออกค้านแย้งกับคุณตุลย์ไปบ้าง ก็เป็นการแย้งกันธรรมดาธรรมชาติการจะเห็นต่างกันก็แย้งกัน เพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน ดูกันให้ละเอียดลึกซึ้งติดตามกันให้นานๆ ขอบคุณที่พยายามช่วยกันแนะนำกันด้วยความเข้าใจที่จะเห็นว่า การแย้งมันก็เป็นประโยชน์ ถ้าเข้าใจดีๆแล้วก็ศึกษาดีๆเป็นประโยชน์ เราจะได้เลือกเป็นพิสูจน์ พิสูจน์ให้ถึงที่สุดกันเลยแล้วก็จะรู้ว่าอะไรจริง อะไรแท้ การพิสูจน์ถึงความจริงแท้คือ เอาตัวเองมาศึกษาพิสูจน์แล้วทำความเข้าใจให้ละเอียด ฟังแล้วฟังอีกตามสัมผัสตาหูจมูกลิ้นกาย สัมผัสแล้วจะรู้ว่ามันมีนัยยะละเอียด ทางกายก็ดี ทางวจีก็ดี ทางมโนก็ดี แล้วคุณจะค่อยๆรู้เห็นความจริงแล้วก็ปฏิบัติตาม ปฏิบัติตามเกิดผลจริงตามกันเลย มันจะลงตัวกัน มันจะชัดเจน มันจะเห็นจริงเลย ว่าแท้จริงเราเองยังเข้าไม่ถึง เมื่อเข้าถึงแล้วเราถึงเห็นว่าเป็นเช่นนี้ ท่านให้พิสูจน์ทั้ง 2 ด้านเลยนะ ทางด้านที่ตัวเองพิสูจน์ก็พิสูจน์ไป อีกด้านหนึ่งก็พิสูจน์ไป _สื่อฟ้าศิลป์ ภูวนาถ · ฟังธรรมสมณะไปฯอ่านประเด็นธ.ทางบ้านไป มีข้อความลามปามนักบวชฯด้วยคำวิวาทกรรมสั่งสุมทุกขวิบากพอกตัวพูนทุจริตกรรมตนไหม?ไม่รู้?แต่สัจธรรมฯบาปย่อมตามสนองผู้โง่เขลาซึ่งทำร้ายบุคคลที่ไม่ทำร้ายตอบ’ผู้หมดจดปราศจากกิเลส ‘ดุจธุลีที่ซัดทวนลม’ฉะนั้น (ย้อนกลับมาหาผู้ซัด)🙏🌍🙏 พ่อครูว่า… ก็เป็นการวิจัยวิจารณ์กันต่างคนต่างวิจัย ตั้งใจด้วยเมตตาที่จะมองกันด้วยแง่ดี ว่าเขาปรารถนาดี แม้จะมีความร้ายออกมาจากความปรารถนานั้น หรือเรารู้ว่าจิตเราไม่ปรารถนาดีนี้ไม่ดี ถ้าจิตเราไม่ปรารถนาดีมันเสียเลย ไม่ควรจะไม่ปรารถนาดีต่อใคร เป็นคนควรปรารถนาดีต่อแม้ศัตรูคู่อาฆาต ต่อผู้ที่ปรารถนาร้ายต่อเรา เราก็ไม่ควรปรารถนาร้ายต่อกัน ควรปรารถนาดีต่อกัน ก็พิจารณาเราดีอะไรเราร้ายอะไร เขาปรารถนาร้ายต่อเรา เราคงมีสิ่งร้ายที่เขาอยากจะท้วงเรา ถึงขั้นว่าเขาแย้งเรา ดีไม่ดีพูดหยาบๆว่าเราด้วย มันน่าจะมีเหตุมีผล มันน่าจะมีความจริงหรือไม่ ตรวจสอบเข้าไป มันจะได้ ได้ความจริงที่ลึกซึ้งได้ความจริงที่ละเอียดลออสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นการท้วง การขัดแย้ง การว่า การตำหนิ พระพุทธเจ้าท่านถึงสรรเสริญ ว่าดีแต่ถ่ายเดียว คำตำหนิเป็นคำกลางๆ คำว่าต่อว่า คำว่าด่าก็รุนแรงขึ้นเท่านั้นเอง มันก็คือการตำหนินั่นแหละ เพราะฉะนั้นศึกษาสิ่งเหล่านี้แล้วเอามาปฏิบัติประพฤติพิสูจน์ ได้ความจริงถึงที่สุดแล้วก็จะรู้ความจริงนั้นอย่างดี _@khunyhaanatty คุณย่านัทตี้ • น้อมกราบพ่อครูค่ะ นั่งทำงานได้ฟังพ่อท่านตอบพอดี และก็ได้ฟังของคนอื่นที่พ่อครูอ่านด้วย ดิฉันเห็นว่าพ่อครูจะอ่านทุกคนรวมทั้งคนที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง จิตไม่ได้น้อมเคารพบูชาสมณะ นอกจากไม่ควรแล้วยังทำให้คนอื่นที่ฟัง กระตุ้นให้เกิดโทสะไปด้วย แทนที่จะได้ฟังธรรม ขัดเกลาให้จิตใจผ่องใส รู้ระลึกได้ ทุกข์ที่ควรวางไว้ที่ใดเมื่อใด ไม่ควรพลอยให้คนอื่นโทสะ แล้วยังเวทนาคนพวกนี้เปล่า ๆ เจ้าค่ะ เช่นนั้นพ่อครูน่าจะให้สมณะท่านอื่นได้กรองให้ ไม่จำเป็นต้องใจกว้างกับคนที่ปิดใจปิดหูอย่างเขลา ๆ พ่อครูว่า… ก็เป็นการแสดงออกก็เป็นความเห็นใจ ทำไมไปอะไรกับคนร้ายๆหยาบๆ สรุปง่ายๆ ทำไปตามควร _ซึ้งซื่อ วิเชียร : กราบนมัสการ พ่อท่านด้วยสุดเศียรเกล้าครับ ในวันที่ ๑ มิถุนายน ๖๖ ผมจะขอเหินฟ้าเพื่อไปกราบเท้าพ่อท่านและสมณะสิกขมาตุที่บ้านราชธานีอโศก เพื่อร่วมงานอโศกรำลึกและวันวิสาขบูชา ณ.ที่แผ่นดินพุทธสถานที่เป็นสัปปายะ ๔ เพื่อบำเพ็ญศีล บำเพ็ญธรรม จะได้อ่านจิตตนเองและลดกิเลสให้เบาบางขึ้นด้วย และในวันที่ ๙ มิถุนายนนี้จะได้เข้าร่วมประชุมใหญ่ของพรรคสัมมาธิปไตยอีกด้วยในสถานที่นี้ครับ เมื่อตั้งจิตที่จะไปก็เกิดปีติเบิกบานขึ้นครับ ขอกราบขอบพระคุณพ่อท่านอย่างสูงยิ่งครับ _นพดล ทองโคตร · ขอเรียนถามครับ พ่อครูในกรณีสมาชิกส้ม อาจจะเป็นส่วนใหญ่ในสังคม ต่างมีความเห็นผิด แล้วพอพ่อส้มกล่าวเท็จให้ร้าย ด้อยค่าว่าทหารมีไว้ทำไม สาวกส้มต่างเห็นว่า เป็นเรื่องถูกและดีงาม แต่พอได้ยินจากการฟังธรรมะที่ท่านสิกมาตุกล้าข้ามฝันเทศน์สอนญาติธรรมเป็นการภายในแล้ว สาวกส้มต่างพากันเข้าใจเป็นเรื่องผิดและเข้าใจว่าการเทศน์เป็นการกล่าวหาพ่อส้มเขา ที่ว่าพิธามีแต่พูด คงทำงานไม่เป็น ดังนี้ จึงปรากฏยอดสาวกส้มเข้ามาให้ภาษาดอกไม้ ด้วยถ้อยคำเสียดสี กร้าวร้าวแด่ท่านสิกมาตุกล้าข้ามฝันจำนวนเกือบห้าหมื่นยอดคนมาเข้าฟังหรือคอมเม้นท์ กรณีเช่นนี้ถือได้ว่า มีลักษณะความเป็นกลียุคในสังคม ปรากฏแจ้งประจักษ์ แล้วมั้ยครับ ขอบคุณมากครับ พ่อครูว่า… ผลการเลือกตั้งจะใช้เป็นเครื่องชี้บ่งความเห็นของคนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ได้ อาตมาเคยติงว่าวิธีการเลือกตั้งในประเทศไทยมันเป็นวิธีหนึ่ง ที่จริงๆแล้วไม่ควรใช้ด้วยซ้ำ เพราะคนมันฉลาดโกง เฉโก ที่จะหาวิธีการเพื่อเอาชนะ ยิ่งมี IO และ AI ที่เป็นเครื่องมือ Social Media ทุกวันนี้ทำครอบงำทางความคิดมีกลเม็ดเด็ดพราย ยิ่งทำให้ไม่ตรงยิ่งบิดเบี้ยวใหญ่เลย เพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งไปตัดสินใจอะไรด่วนด่วน พยายามดูให้ละเอียดละออเพิ่มขึ้น คุณมองไม่ผิดหรอก อาตมาว่ารุนแรงแค่นี้โดยเฉพาะในประเทศไทย ประเทศไทยใช้สื่อ ใช้การด่าด้วยปากหอก มุขสตี ไม่ได้ใช้การทำร้ายด้วยกายกรรม เป็นแต่เพียงใช้ หอกปาก พ่อครูพาชาวอโศกลงสนามรบทางการเมืองเป็นมาอย่างไร _สว่างแสง ขวัญดาว · น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ ลูกได้ฟังว่า พ่อครูเคยพาชาวอโศกลงสนามรบในทางการเมือง แล้วลูกรู้สึกว่า ชาวอโศกน่ากราบเป็นที่พึ่งให้ประเทศไทยได้ ในยุคนั้นลูกยังจมอยู่ในหลุมถ่านเพลิงค่ะ ขอกราบเรียนถามพ่อครูว่า พ่อครูเป็นพุทธแท้ การพาชาวอโศกลงสนามรบทางการเมืองนั้นทำอย่างไรคะ น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ พ่อครูว่า… อาตมาเองก็อยู่ในสังคมเมืองไทยในสังคมประเทศไทย อาตมาไม่ได้หลบลี้ ไม่ได้หนีหาย ไม่ได้ปิดหูปิดตา เปิดเผยรับรู้ทุกอย่างของสังคม มีพฤติการณ์ของสังคมอย่างไร มีบทบาท มีลีลา มีเรื่องมีราว มีการกระทบผลสะท้อนอย่างไรเกิดขึ้นในสังคม อาตมาก็เห็นด้วย ซึ่งไม่ใช่เห็นด้วยแบบเห็นดีด้วยนะ แต่เห็นเหมือนอย่างที่ทุกคนเห็นเหมือนกัน แล้วอาตมาก็คิดว่าอาตมาเป็นพลเมืองหน่วยนึงของสังคม อาตมาก็ไม่ได้ดูดาย อาตมาก็อยู่ในฐานะของอาตมาก็ทำในสมควรฐานะของอาตมา แสดงออกร่วมด้วย ในภาวะในขณะในโอกาสที่ควรจะทำ ทำได้ประมาณที่อาตมาก็ประมาณตัวเองตามสมณสารูปตามฐานะของอาตมา ตั้งแต่เริ่มแสดงบทบาทในทางการเมืองในประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ.2549 อาตมาเริ่มต้นตัดสินใจแสดงตัวออกมาตั้งแต่วันนั้น ที่อาตมาไม่แสดงตัวก่อนเพราะอาตมาบวชแล้ว ทำงานทางด้านศาสนามาแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2513 จนถึง พ.ศ.2519 อาตมาจึงแสดงตัวเต็มตัวออกมาเลย เพราะอาตมาก็ต้องสาธยายและพยายามทำให้คนเข้าใจยิ่งกว่านั้นขึ้นมาก่อน จนถึง 2549 จึงตัดสินใจออกมาแล้ว คนก็ยังเข้าใจไม่ได้ว่าธรรมะกับการเมืองไม่ควรจะยุ่งกัน ควรจะอยู่กันคนละโลก อันนี้อาตมาเห็นว่าเป็นความเห็นผิด คนที่ยิ่งเป็นนักธรรมะ ยิ่งเป็นคนมีธรรมะ เป็นโลกุตรธรรมด้วยจริงๆแล้ว ซึ่งเป็นคุณวิเศษ เป็นคุณธรรมที่ดีที่ถูกต้องด้วย ยิ่งควรจะเข้าไปร่วม ผู้ที่จะเข้าไปร่วมได้ก็ต้องดูในฐานะตัวเองว่า ตนเองมีบารมีพอ มีคุณธรรมพอที่จะไปร่วมไปรวมแล้วไม่ถูกเขายำเละ ไม่เสียธรรม ถ้าเข้าไปแล้วเสียธรรมะ ถูกเขายำเละก็ไม่ควร ต้องประมาณ แต่อาตมาประมาณตนแล้วว่าเป็นโอกาสอันควรก็เลยออกไปตั้งแต่ 2549 อาตมาว่าไม่ได้ทำให้การเมืองของไทยเสียไปหรือเสื่อมลงเลย แต่ทำให้การเมืองของไทยเจริญขึ้น ก้าวหน้าขึ้นๆ เป็นการเมืองที่มีคุณธรรมอันเป็นโลกุตระยิ่งขึ้นๆๆ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้อาตมาเห็นความจริงอย่างนั้น ซึ่งเป็นเรื่องลึกซึ้งไม่ใช่คุณจะมองอะไรอย่างตื้นๆ และเป็นตัวอย่างของโลกเลย บางคนหลายคนขณะนี้ก็ยังมองว่า มันเสื่อมเลย อาตมาว่าไม่เสื่อมหรอก มันทำให้เห็นตัวคู่ต่อสู้ พูดให้ชัดๆเลย ตอนนี้มีคุณพิธาขึ้นมาเป็นตัวแทน ตัวละคร แสดงบทบาท เป็นคู่ต่อสู้ของสัจธรรม เป็นคู่ต่อสู้ของธรรมะโลกุตรธรรมจริงๆ โลกุตรธรรมไม่ได้ระบุอยู่ที่ตัวตนคนเดียวอย่างเช่นอาตมาเป็นต้นมีโลกุตรธรรม ผู้ที่ทำสอดคล้อง กับอาตมา ขออภัยต้องกล่าวถึงบ้าง เช่น ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นต้น หรือแม้แต่พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา เป็นต้น ได้ปฏิบัติประพฤติมาล้วนเป็นธรรมะโลกุตรธรรมที่ทำให้สังคมประเทศชาติเจริญในเรื่องของคำว่า การเมือง ภาษาอื่นจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ แต่ภาษาไทยเรียกว่า การเมือง นี้มันเจริญขึ้น คำว่า เจริญ เขาก็มองไปคนละแง่ บางคนเห็นว่ามันเสื่อม แต่อาตมาขอยืนยันว่า มันเจริญ เจริญขึ้นอย่างสวยงามด้วย ก็ต้องค่อยๆดูไปเถอะเพราะอะไร เพราะว่าความรู้ความเห็นคำว่า การเมือง คุณลักษณะ คุณธรรมการประพฤติของนักการเมือง แล้วก็มีผลทางการเมืองออกมา มันยังยากที่จะตัดสิน ที่จะสรุปผลออกมาเป็นคำตอบที่จะเข้าใจกันได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นจึงควรติดตามให้ดีๆ ในชีวิต เหมือนได้ดูความจริงเรื่องของการเมือง ดูฟรีด้วยนะ ไม่ต้องจ่ายตังค์ เวทีโลก เวทีของแต่ละประเทศหรือในประเทศไทยก็ตาม ดูฟรี ศึกษาดีๆแล้วจะได้รับความรู้ ประโยชน์ จะให้ดีคุณต้องศึกษาดีๆ แล้วเอาไปปฏิบัติจริงให้ได้ และคุณจะเห็นได้ว่า มันมีพฤติกรรม 2 อย่างเปรียบเทียบกันแล้วจะตัดสินได้ ขณะนี้ตั้งแต่อาตมาแสดงตัวขึ้นมาก็มีผู้รู้ผู้เข้าใจ ตอนนี้มีเหตุการณ์อย่างนี้ ก็มีคนถึงขั้นบอกว่า พวกเรานี้พูดอยู่ข้างหลังฉาก ที่พูดอยู่ขณะนี้ถือว่าเป็นหลังฉากเรายังไม่ได้เข้าไปในสภาหรือไปอยู่ในวงแวดวงตามหลักเกณฑ์ เข้าเป็นตัวละครหรือตัวนักการเมืองที่อยู่ในกฎเกณฑ์ของสังคม ไปเป็น สส. ไปเป็นนักปฏิบัติประพฤติที่อยู่ในเกณฑ์ตามหลักเกณฑ์ของเขาเลยก็ไม่ อย่างเราอยู่ในฐานะของราษฎรของประชาชนที่เข้าร่วมอยู่ด้วยพฤติกรรม การพูดและการกระทำแสดงออก ซึ่งการแสดงออกหรือการกระทำยังไม่ได้เข้าไปในเขต ที่เขาระบุไว้ตามหลักเกณฑ์ เช่นยังไม่ได้ไปเป็น สส. ไม่ได้เป็นคนทำงานในสภา เรามีพรรคของชาวอโศกคือสัมมาธิปไตย แต่ก็ยังห่างยังไม่ได้ไปคลุก ยังไม่ได้มีบทบาท มีเรี่ยวมีแรงอะไร สิ่งเหล่านี้ซับซ้อนทั้ง 1. เป็นรูปธรรม 2. นามธรรม ตอนนี้เราเป็นเพียงเริ่มรูปธรรมเข้าไป ส่วนนามธรรมของเรานั้นคือโลกุตรธรรมทั้งหลาย ซึ่งคนยังมองไม่ออก จึงเอามาพูดยาก เราต้องใช้รูปธรรม ตามสมมุติธรรม ตามหลักเกณฑ์ แล้วต่อไปยังจะต้องลองสมัคร สส. หรือไม่ได้เป็น สส.แต่มีความประพฤติมีบทบาทอยู่ เช่น อย่างพลเอกประยุทธ์ ถึงขั้นอย่าว่าเป็น สส. เลย ไม่ได้เป็นสส. แต่เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วก็เป็นถึงขั้นรัฐมนตรีกลาโหม อะไรอย่างนี้เป็นต้น เป็นหลักเกณฑ์ แต่ไม่ได้อยู่ในหลักเกณฑ์ว่าเป็น สส.แต่ก่อนนี้เป็นนายกฯก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นนายกมาได้ตั้ง 8 ปี ทำประโยชน์การงานที่เรียกว่าการเมืองมาตั้ง 8 ปี มีผลทางสังคมทำให้เจริญ ความซับซ้อนของมันมีหลายชั้น เพราะฉะนั้น กฎเกณฑ์ก็อย่างหนึ่ง ประพฤติจริงก็อีกอย่างหนึ่ง ความรู้ก็อีกอย่างหนึ่ง การกระทำที่มีผลออกมาเกิดผลจริงๆก็อีกอย่างหนึ่ง รายละเอียดพวกนี้อาตมาได้เริ่มสาธยายแล้วก็พูดอธิบายแล้วก็ชี้บ่งให้ดู ไอ้ที่พูดเฉยๆยังไม่มีผล เป็นยังไง คนที่พูดแล้วทำจริงมีผลได้ผลจริงๆเลยซึ่งเป็นประโยชน์ ในสังคมด้ว ไม่ใช่โทษด้วย แต่คนที่เป็นโทษเราก็ชี้บอก เช่น ทักษิณเป็นโทษ เราก็ชี้บอก พิธา ยังไม่ถึงขั้นกายกรรม เป็นแต่เพียงวจีกรรม เราก็กำลังคิดโทษของพิธาก็สรุปลงไปซึ่งมาจากความคิดมาจากประธานคือจิตวิญญาณเป็นประธาน ด้วยเจตนารมณ์ทำให้เกิดวจีทำให้เกิดกายกรรมจนกระทั่งกลายเป็นโลกธรรม เป็นธรรมะที่เกิดขึ้นมาในสังคม ก็ติดตามกันไป ที่พูดไปนี้เป็นธรรมาธรรมะสงคราม เป็นการเมือง เป็นการรบเป็นสนามรบของการเมือง คนที่หนีเข้าป่าเข้าถ้ำ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่นเขาไม่ได้อยู่ในสนามรบเข้าในสนามรบเขาเป็นพวกขี้กลัวการรบ เป็นคนที่ไม่ใช่นักรบ เป็นคนขี้กลัวการรบ เป็นคนขี้กลัวตาย กลัวเจ็บ กลัวแพ้ กลัวอะไรก็แล้วแต่ คนขี้กลัวทั้งนั้น ไม่ใช่คนกล้า ไม่ใช่คนมีปัญญาหรือเป็นคนมีกำลังใจที่แข็งแรง เป็นคนอ่อนแอ เป็นคนหนี เป็นคนหลบ ค่อยๆศึกษาแล้วจะเข้าใจถึงสภาพละเอียดละออพวกนี้ _พัก ก้าวสั้น • กราบนมัสการครับ ถ้ามันเห็นว่า ม.112 เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง ควรยกเลิก ควรแก้ไข ถ้าเช่นนั้น ก็ควรยกเลิกกฏหมายทุจริต กฏหมายจราจรเมาแล้วขับ หรือกฏหมายอื่นที่นักการเมืองทำผิด หรือพวก 3 นิ้วทำผิด ไปด้วยสิครับ เฮ้อออ คนดีต้องเมตตาคนเลวและต้องไปด้วยกันได้ _ผมเห็นว่าอโศกเราจะไปยุ่งการเมืองทำไม….มันเป็นเรื่องโลกียะธรรม…..หยุดแล้วมุ่งสู่โลกุตระธรรมเถอะครับ…..โลกมันหมุนไปตามสัจธรรมและกระแส….ถ้าเราเอาชนะกระแสได้จริงพรรคพลังธรรมคงไม่ดับ….พรรคเพื่อฟ้าดิน คงได้เกิด…..ประชาธิปไตย(ทุนนิยม) กับอริยธรรม…มันไปด้วยกันไม่ได้หลอกครับ…..ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นส้มแล้วไม่ใช่แดงเหมือนตอนที่ออกไปขับไล่ยิ่งลักษณ์….เหลืองได้ผสมแดงกลายเป็นส้มไปแล้วครับ เอาจริงๆลุงต้องมีส่วนรับผิดชอบ จีนเทา โรฮิงญา ตั๋วช้าง เอื้อนายทุนพลังงาน ช่วยสว.ทรงเอค้ายา ริดรอนสิทธิผู้อื่น ลุงตู่เป็นโพธิสัตว์จริงอย่างที่พ่อท่านอ้างจะไม่ทำเช่นนี้ ลุงแกต้องรีบจัดการปราบปรามอย่างเด็ดขาดหรือต้องจัดการก่อนคนอื่นมาเปิดโปง https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1491363911726972&id=300138787516163&mibextid=Nif5oz พ่อครูว่า… นี่ก็เป็นต่างคนต่างมองต่างคนต่างเห็นแง่กันไปคนละหลายอย่าง อาตมาว่า อาตมาไม่ได้อวดดีหรอกแต่อาตมามีดี มีพลังทางการเมือง ในตัวเองที่เป็นความรู้ความสำคัญของการเมืองอยู่ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอาตมาจะต้องเอาพลังที่อาตมามีนี้มาให้เป็นประโยชน์แก่สังคมประเทศไทย เพราะอาตมาไม่ได้ทำให้ประเทศ อื่นๆใดๆ อาตมาอยู่ในประเทศไทย ก็ไม่ได้คิดจะไปทำให้ประเทศอื่นใดในชีวิตนี้คิดว่าจะอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น เพราะอาตมาไม่ใช่คนใจดำไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว อาตมาไม่มีความเห็นแก่ตัวจึงกล้าจึงออกมาทำงานด้วยความจริงใจด้วยความบริสุทธิ์ใจด้วยความปรารถนาดี ด้วยความเมตตา บอกว่าทำไม่ได้หวือหวา ไม่ได้เบ่งไม่ได้กร่าง ออกมาทำอย่างที่คิดว่าเหมาะควรแล้วก็ทำไป แล้วอาตมาก็เห็นผล เห็นประโยชน์ว่าคนได้รับประโยชน์ คนเข้าใจ จะว่าจริงๆแล้วคนประพฤติตามที่อาตมาว่า เยอะ แล้วเมืองไทยกำลังก้าวหน้าไปได้ดี แต่อย่างที่คุณคนนี้มองยังเข้าใจไม่ได้พอ ก็แสดงออกมาด้วยความจริงใจอย่างหนึ่งว่าอย่าไปยุ่งเลย มันจะเสียมันจะเปลืองตัวเปล่าๆในความหมายของคุณคนนี้ บอกว่าพ่อท่านไปทำอย่างนี้เสียดายเปลืองตัวหรือเปล่า อาตมาว่าคุณยังมองไม่ออก มันไม่ได้เปลืองตัวหรอกมันได้ประโยชน์ นี่แหละคือรายละเอียดนัยยะลึกซึ้งที่เป็นนัยยะสำคัญที่ลึกซึ้งขึ้น ติดตามให้ดีๆอาตมาว่าอาตมาเข้าใจที่คุณท้วง และอาตมาก็ไม่ได้หลงตัวเองหรือว่าอวดดีอวดเด่นอะไร อาตมาก็ขอบคุณที่คุณติงเป็นมุมที่น่ามอง แล้วคุณก็ติงมาก็ขอบคุณแล้วดี แต่อาตมายังเห็นว่าคุณยังเข้าใจไม่ได้ขออภัยที่อาตมามองอย่างนั้นจริงๆแต่คุณยังเข้าใจไม่ได้อาตมาก็ว่า มาทำไมยังถูกอยู่นะยังทำได้ประโยชน์ได้ผลอยู่ยังไม่ได้เสียผล คุณกลัวจะเสียผลอาตมาเข้าใจ แต่อาตมาว่าได้ผล แล้วคุณก็ให้เหตุผลเยอะ บอกว่ามุ่งสู่โลกุตรธรรมอันนี้แน่นอนอยู่แล้วอาตมามุ่งสู่โลกุตรธรรมถึงขั้นอาตมาว่า อาตมาจะไปเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเลย คุณไม่ต้องห่วงเลย อันนี้จริง โลกมันหมุนไปตามสัจธรรมและกระแสถูกต้อง ที่บอกว่าถ้าเราเอาชนะกระแสได้จริง พรรคพลังธรรมดับ ที่จริงแล้วพลังธรรมไม่ได้ดับ หมายความว่าอย่างไร พลังธรรมหยุดพักทำงานไม่ได้ติดต่อเพราะมันจะมียุคสมัยหลายอัน เราไม่ทำงานอีก เราไม่ต่อตามหลักเกณฑ์ต้องปิดต้องหยุด ก็หยุดไปเฉยๆไม่ได้ดับเพราะมันทำให้เสียหาย เพราะพลังธรรมไปทำผิดแล้วเขาก็เลยปิดพลังธรรมไม่ใช่ แต่พลังธรรมหยุดเอง พลังธรรมไม่ไปต่อเอง เหมือนพลเอกประยุทธ์ พลเอกประยุทธ์จะไม่ไปต่อพลเอกประยุทธ์ไม่ได้เสียหายอะไรเลย พลเอกประยุทธ์ไม่ได้แพ้ พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ผิด พลเอกประยุทธ์ไม่ได้เสียหาย ถ้าพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ มันก็เรื่องของส่วนตัวของพลเอกประยุทธ์ชั้นเดียวกันกับพลังธรรม พลังธรรมไม่ไปต่อเท่านั้นเอง แต่มาทำในนามอื่นในชื่ออื่นในบทบาทอื่น ไม่ได้ทิ้งการเมือง ทำวันนี้ไปจนกระทั่งพลังธรรมหายไป จนกระทั่งพรรคต่างๆนานาที่มีต่อมา เราก็ตั้งอีกคือพรรคเพื่อฟ้าดิน แต่มันก็หมดไปตามเหตุปัจจัยกฎเกณฑ์ของสังคมจนมาเป็นสัมมาธิปไตย ก็อยู่ในแวดวงของชาวอโศกก็ค่อยๆดูไปค่อยๆศึกษา เขาบอกว่าประชาธิปไตยทุนนิยมกับโลกุตรธรรมไปด้วยกันไม่ได้หรอก คุณพูดอย่างนี้มันแยกอีกแล้ว “อย่าทำความแตกแยก แม้แต่ความเลวและความดีก็ต้องไปด้วยกัน ผู้ที่เป็นคนดีจะสงสารเมตตาเกื้อกูลเอ็นดูผู้ที่เป็นคนเลว” แล้วค่อยๆช่วยเท่าที่ได้ ยังช่วยไม่ได้ก็ห่างๆ ถ้าช่วยพอได้ก็เข้ามาพอสมควร อย่างนี้ถึงเรียกว่าเกื้อกูลกันมันช่วยกันไปได้ ถ้าหากไม่มีใจเกื้อกูล ทุกอย่าง ปล่อยคนทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะฉะนั้นพลเอกประยุทธ์เป็นโพธิสัตว์จึงกล่าวคำนี้ “ผมจะไม่ปล่อยใครทิ้งไว้ข้างหลัง” นี่เป็นคำของพระโพธิสัตว์ ถ้าไม่ใช่พระโพธิสัตว์จะไม่บังอาจหรือไม่มี อาสโภ จะไม่กล้าหาญที่จะเปล่งกล่าวคำนี้ ศึกษาให้ดีๆ ซึ่งลุงตู่มีส่วนรับผิดชอบ เรื่องจีนเทา โรฮิงญา มันเป็นเรื่องที่มีมานาน ก่อนทักษิณ ยิ่งในยุคทักษิณจีนเทาเกิดเต็มบ้านเต็มเมืองเลย ไม่ใช่เรื่องของพลเอกประยุทธ์ที่จะเป็นผู้ที่อยู่ในยุคของพลเอกประยุทธ์ เป็นยุคของทักษิณ สมณะฟ้าไท… ในยุคคนอื่น ประยุทธ์มาปราบปรามต่างหาก พ่อครูว่า… ตั๋วช้างนี่ เป็นของพิธาด้วยซ้ำ ซึ่งเกิดขึ้นใหม่ เอื้อนายทุนพลังงาน ขอไขความหน่อย นายทุนมีพลัง ความเป็นนายทุนมีอำนาจมีพลัง มันมีตั้งแต่ไหนแต่ไรมาตั้งแต่ประชาธิปไตยทุนนิยม ประชาธิปไตยในทุนสามานย์ เกิดมาตั้งแต่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าโลกเป็นหัวเรือใหญ่ของนายทุนสามานย์ ทั้งเศรษฐกิจก็ทุนสามานย์ ทั้งการเมืองก็ทุนสามานย์ มาเรื่อยจนถึงบัดนี้ ตอนนี้อเมริกากำลังอ่อนแอ กำลังล้มเหลวระเนระนาด ทางด้านเศรษฐกิจก็ดี แม้ทางด้านการเมืองก็ตาม อเมริกายังพอกู้หน้ากู้ตาได้ คือยังพอมีความรู้ในการสร้างอาวุธ อันนี้อันเดียวที่ค้ำไว้ และไม่ได้หมายความว่าประเทศอื่นจะไม่ได้มีความสามารถสร้างอาวุธเท่าเทียมอเมริกา เกาหลีเหนืออาจจะเกินหน้าก็ได้ รัสเซียก็ตาม จีนก็เถอะ ทำเป็นเล่นไปแม้แต่อินเดียก็เถอะ อาจจะมีอาวุธที่ยังไม่ได้เปิดเผย ยังไม่ได้ขี้โม้ขี้อวด ประสิทธิภาพเป็นอย่างไร ทุกวันนี้มันรู้กันแล้วของใครมีอำนาจขนาดไหน แล้วก็สร้างเอาไว้ ยังไม่รู้อะไรของใครเท่าไหร่ จริงๆยังไม่รู้หรอก แต่ขณะนี้บอกได้เลยว่า อเมริกายังยืนหลักอยู่อย่างเดียวคืออำนาจความรู้ความสามารถต้องยอมรับเขาจริงๆ เขามีคนที่มีความคิดในการสร้างอาวุธ สร้างเครื่องมือฆ่า เครื่องมือประหาร ยังมีประสิทธิภาพสูงอย่างเดียว ที่ค้ำจุนเขาไว้ได้ นอกนั้นล้มหมดแล้ว อำนาจของดอลลาร์ก็พังไปแล้ว อำนาจของอำนาจต่างๆที่เขาจะควบคุมความเชื่อถือต่างๆเอาไว้ ก็ละลายลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะคุณธรรมโลกุตระ อเมริกาไม่มี อันนี้ยังยากที่จะเข้าใจกันได้ เพราะฉะนั้นก็ยังเหลือพลังทางโลกียะ ซึ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ ที่ค้ำจุนเขาไว้บ้าง สำนวนโบราณคือบุญเก่าที่จริงก็คือพลังงานที่ค้ำจุนเขาไว้มันลดลงๆแล้ว แล้วคุณคนนี้บอกว่า ลุงตู่ไปช่วย สว.ทรงเอ ค้ายา ริดรอนสิทธิผู้อื่น ถ้าหากเป็นโพธิสัตว์จะไม่ทำเช่นนี้ ความเห็นของคุณคนนี้มองถูกโดยคุณบอกว่าลุงตู่นี้ ไปเอื้อนายทุน เมื่อกี้อธิบายไปแล้วว่า นายทุนไม่ได้มีแค่ลุงตู่มารับผิดชอบ มันใหญ่มันมากมายจนกระทั่งทุกวันนี้ ที่ไปใส่ความว่าลุงตู่เอื้อนายทุนนั้น ไม่ใช่ พลังนายทุนมันยังมีฤทธิ์อยู่เท่านั้นเอง ที่จริงปราบปรามไปได้เยอะแล้ว ลดค่าของอำนาจนายทุนลงไปเยอะแล้วในประเทศไทย ที่บอกว่าไปช่วยทรงเอค้ายานี้น่าจะใส่ความเกินไป บอกว่าริดรอนสิทธิผู้อื่นอีก ก็ต่างคนต่างมองก็แล้วกันนะ แหม.. ดีจังเลย ความเห็นของแต่ละคนแต่ละคนมันย้อนแย้งละเอียดลออลึกซึ้ง ซับซ้อน หลายชั้น เพราะฉะนั้นก็ต้องศึกษากันดีๆแล้วจะเห็นความจริง จะรู้รายละเอียดของความสำคัญ นัยสำคัญของสิ่งต่างๆเหล่านี้ เรื่องการเมืองก็ขอวิเคราะห์อีกนิดหนึ่งว่า ตอนนี้เราจะไปตัดสินเราจะลงมติว่าใครผิดใครถูก ใครชนะใครแพ้ อย่าง 100% ยังไม่ได้ แต่สำหรับอาตมานั้น ตัดสินสำหรับอาตมาที่มันเป็นแต่ละบริบท ๆ อาตมาก็จัดแต่ละบริบท ว่าการเมืองของไทยชนะมาหลายบริบทเต็มทีแล้ว ถ้าเราจะจัดว่า ใน 10 บริบท ประเทศไทยขณะนี้ชนะไปแล้วกี่บริบท ฟังนะที่อาตมาตั้งสูตรให้ฟัง ถ้าการเมืองแบบโลกุตระเมืองไทยขณะนี้ 10 บริบทนี้ชนะมา 7-8 บริบทแล้ว ยังเหลือพวก บ๊องๆๆ อยู่อีก 1-2 บริบทเท่านั้น อย่ากระพริบตาติดตามดีๆ สนุก อาตมาขอจบเรื่องการเมืองไว้เท่านี้ก่อน มันจะถึงวันที่ 3 มิถุนายนจะเข้างานวิสาขบูชา และงานอโศก เศรษฐกิจในระบบเศรษฐกิจ รำลึกปีนี้แล้ว อาตมายังค้างเรื่องเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี ที่อาตมาเขียนไว้แล้วก็เอามาอ่านบรรยายให้ฟัง การจัดการเศรษฐกิจให้จบกิจแบบพุทธ มาถึงการจัดการเศรษฐกิจของทางเทวนิยมของทางพระเจ้า ๗) ซึ่งไม่มีอำนาจใดแม้แต่ของ“พระเจ้า”จะมาจัดการกับ“เศรษฐกิจ” โดยเฉพาะจัดการกับ“จิตวิญญาณ”ของใครแต่ละคนได้ นอกจาก“ตัวเราเอง” ถ้า“พระเจ้า”บัญชาทุกสรรพสิ่งได้หมด สังคมมนุษย์ก็ไม่ต้องมีโรงเรียน หรือไม่ต้องมีมหาวิทยาลัยกันหรอก หรือมนุษย์ก็ไม่ต้องมีสมอง ไม่ต้องมีจิตวิญญาณ พระเจ้าก็สั่งคนนั้นคนนี้ให้จัดการตามพระประสงค์ได้โดยไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเสียทุนรอน ไม่ต้องเสียแรงงานใดๆเลย มนุษย์ ทุกคนและสังคมที่อยู่ในบัญชาของพระองค์ก็เป็นอยู่อย่าง“สงบสุข”ได้ตามพระประสงค์กันแล้ว ไม่ต้องมากังวลกับ“ปัญหาเศรษฐกิจ”กันอีก แต่ตามจริงของ“สังคมมนุษย์”ที่เกิดที่เป็นกันได้จริงนั้น คนที่ยังมีแต่“เฉโก” ไม่มี“ปัญญา”ที่เป็น“โลกุตระ” ก็จะยัง“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ” ให้“ดี”พอที่จะเรียกว่า “จบกิจ“เป็นที่“ยุติ”ไม่ได้ แม้แต่“พระเจ้า”ก็บังคับหรือบัญชาให้เศรษฐกิจเป็นเข่นนั้นเป็นเข่นนี้ไม่ได้ พระเจ้าบังคับให้“เศรษฐกิจไม่ดี”ตลอดกาลก็ไม่ได้ หรือบังคับให้“เศรษฐกิจดี”ขั้น“จบกิจ” เป็นที่“ยุติ”ให้แก่คนแก่สังคมก็ไม่ได้ แม้แต่ผู้รับรองผู้ตรวจการ แบบโลกีย์เขาก็ยังมองว่าเศรษฐกิจประเทศไทยนี้เป็นอันดับ 1 เลย แต่คนที่มันยังมืดมัวก็ยังหลงไหลที่เขาบอกว่าเศรษฐกิจมันแย่อย่างนั้นอย่างนี้ เป็นการพูดไปโม้ไปโดยไม่ได้รู้ความจริงตามความเป็นจริงมั่วไปอย่างนั้น เพื่อที่จะดิสเครดิตรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เท่านั้นเองไม่มีอะไร คนแต่ละคนต่างหากที่มี“ปัญญา”รู้จักรู้แจ้งรู้จริง“จิตวิญญาณของตนเอง”และสามารถอยู่กับ“เศรษฐกิจที่แม้จะแปรปรวนวิปริตวุ่นวายปานใด ก็จะอยู่ด้วยจิตใจมี“อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล เพิ่มพูนการเสียสละ”อย่าง“ยุติธรรม” เพราะ“จบกิจ”ได้เฉพาะตน ซึ่งคนในโลกนี้จะรู้จักโลกุตรธรรมเป็นเรื่องยาก ในเมืองไทยมีคน 70 ล้าน อาตมาว่าไม่ถึง 7 ล้านคนจะรู้จักโลกุตรธรรม แต่ถ้า 700,000 นี้น่าจะถึง หมายความว่า มีมาก มีกลาง มีปลายปลายๆ ไล่ลงมาถึง 7 แสนมีถึง นอกนั้นก็มีกระเซ็นกระสายไปอีก จะนับไปถึง 8-9 แสน ล้านหนึ่งประมาณนั้น แต่มีฤทธิ์ เพราะอะไร มีอิสรเสรี แล้วมีความหลุดพ้นส่วนตัวอำนาจยอด อำนาจโลกียะทำอะไรไม่ได้ สบายลอยตัวอิสรเสรีอำนาจอื่นทำอะไรไม่ได้ไม่ว่าจะทางด้านเศรษฐกิจไม่ว่าจะทางด้านการเมืองไม่ว่าจะทางด้านสังคม ดูไปติดตาม เพราะว่าความรู้แบบโลกียะแบบเทวนิยม ซึ่งไม่เหมือนแบบพระพุทธเจ้า แบบโลกุตระ แบบอเทวนิยม มันคนละด้าน ทวนกระแสกันด้วย ปฏิโสตัง ทวนกระแสกันเลย เป็นเรื่องจบสุดอยู่ตรงนี้อยู่ตรงที่ว่า ไม่เหมือนกัน คนละขั้วบวกกับลบเลย แต่อยู่ด้วยกันได้ เพราะพลังงานระดับปัญญาพลังงานระดับโลกุตรธรรมนั้นปรองดองประนีประนอม รู้จักการร่วมกันอยู่ทั้งหมด ไม่แตกแยกแต่รู้จักความแตกต่าง ไม่มีแตกแยก ไม่มีความเป็นนิกาย แต่มีความเห็นชัดเจนในเรื่องของความเป็นนานาสังวาส เห็นความเป็นคนเป็นสังวาสเดียวกัน เป็นคนร่วมกันหมด ไม่ว่าจะเป็นคนเทวนิยมอเทวนิยมหรือเป็นคนโลกีย์เป็นคนโลกุตระเป็นคนด้วยกันหมด สังวาสเดียวกันหมด แต่เห็นความแตกต่างคือนานา ไม่ได้ไปเห็นแตกแยก เหมือนกับบางคนเห็นว่าไม่ควรจะไปยุ่งกับพวกที่แย่ ถ้าหากไม่ช่วยแล้วเขาก็น่าสงสาร คนที่แย่ต่างหากที่น่าสงสารเพราะฉะนั้นเราพอช่วยได้ เราไม่อวดดี เราไม่เอื้อมไปเกินเอื้อม เอื้อมเอื้อเกื้อกว้างไปอยู่ แต่ไม่เอื้อมเกินกว้างกว่าเราเอื้อมได้ อาตมาพยายามสรุปความรู้ของพระเจ้าว่า จะให้เที่ยงอยู่ตลอดกาลไม่ขึ้นกับ กาละ เทศะ ฐานะ ซึ่งมันไม่ได้เลยเขาจะบอกว่าพระเจ้านั้นสั่งให้เวลาหยุดได้ ซึ่งไม่มีทางเลย ความแตกต่างจะให้มันเหมือนกันหมดเลยทุก เทศะ ไม่ได้ คนจะให้รู้เท่ากันจะให้ดีเท่ากันทั้งหมดเลย เหมือนกันเป๊ะเลยเสมอภาพ เหมือนกับ Concept ของนายพิธา ลิ้มฯ ทุกอย่างจะต้องเสมอภาคเท่ากันหมด คุณไปทำให้ชาวฝรั่งเศสหรือชาวที่คุณบูชาเคารพ ความรู้ที่ควรศึกษามาเสมอภาคไม่มี เท่ากันหมดเป็นไปไม่ได้ มันต่างกันในนัยยะที่ละเอียดลึกซึ้งมาก ที่อาตมาสรุปไปหลายทีแล้วว่า ความรู้ของพระเจ้าที่ถ่ายทอดมานั้นไม่ใช่ของคนอื่นเลยจะเป็นของตนเองนั่นแหละที่ทำมา ปัญญานั้นจะเรียกไม่ได้สมบูรณ์ว่าเป็นของพระเจ้า เพราะพระเจ้าหรือศาสนาเทวนิยมความรู้ความฉลาดทั้งหลายๆอย่างเรียกว่าปัญญาไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ฉลาดยังไม่ได้มี ฉฬายตนะ ยังเป็นความรู้กรอบเดียวหนึ่งเดียวยังไม่ออกมาสู่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ที่อธิบายยืนยันได้ อายตนะทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วสัมพันธ์กับสิ่งที่จะเกี่ยวข้องตาก็ต้องเอารูปมาอธิบายรูปด้วย เรื่องของ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส(โผฏฐัพพะ) เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตื้น ปีต่อไปอาตมาจะขยายเรื่องฉลาด ฉฬยตนะ ให้ละเอียดลึกซึ้งเพิ่มขึ้น ติดตามฟังต่อไปให้ดีจะเห็นความรู้ที่เรียกว่า ปัญญา กับ ความรู้ที่เรียกว่า เฉโกหรือความรู้แบบโลกียะที่เป็นกันทั้งโลกกับความรู้ของพระพุทธเจ้าที่เป็นโลกุตระเรียกว่า ปัญญา มันมีนัยยะสำคัญที่ลึกซึ้งซับซ้อนอย่างไรโปรดติดตาม เพราะฉะนั้นความรู้ในเรื่องแม้แค่เศรษฐกิจ ๘) นอกจาก“พระเจ้า”ต้องการให้มนุษย์และสังคมไม่“สงบสุข”กันเท่านั้น ถ้า“พระเจ้า”ต้องการให้มนุษย์ก็ดี สังคมก็ดี “สงบอบอุ่น”กันจริงละก็ ท่านก็จัดการกับเรื่องขี้ปะติ๋วแค่“เศรษฐกิจ”นี้ ไม่ให้มันต้องเป็นภาระหนักยุ่งยากให้แก่มนุษย์ที่ต้องสรรหา“วิธี” ตาม“เจตนา” ตามที่มี“อุดมคติ” ตามที่มี“เชิงคิด”ของมนุษย์นำมาใช้“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”กันอย่างไม่เคย “จบกิจ”กันลงได้นี้ ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกันแล้วๆเล่าๆให้แก่คนในโลก “เศรษฐกิจ”ไม่“จบกิจ”เป็นที่“ยุติ”ในมนุษย์ในสังคมในประเทศกันดอก ๙) ที่แท้นั้น “พระเจ้า”หรือ“พระศาสดา”ของศาสนาเทฺวนิยมเองนั่นเองไม่มี“ปัญญา”ที่จะให้“คน”หรือมนุษย์จัดการ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”กันที่“จิตตนเอง” และของสังคมเสร็จสำเร็จ“จบกิจ”ของแต่ละคนลงจน“พ้นทุกข์”ได้ ซึ่งไม่ขึ้นกับ“ความรวย”หรือ“ความจน”เป็นสำคัญเลย แม้จะ“จน” ด้วยซ้ำ แต่คนผู้มี“ปัญญา”ที่เป็น“อาริยชน”โดยเฉพาะเป็น“อรหันต์”หลายๆคนเป็นหลักในสังคมนั้นๆ ก็จะอยู่กับ“ความไม่เที่ยงของเศรษฐกิจ”ได้ดียิ่ง ไม่มีอรหันต์รวยในสังคมหรอก เพราะมี“ปัญญา”และมี“จิตวิญญาณ”ที่เป็น“คนชั้นหนึ่ง-คนชั้นเอก(Classic)”ตาม“วรรณะ ๙”ของพระพุทธเจ้าได้จริงเจริญถึงขั้นเกิดหมู่กลุ่มชุมชนสังคม“สาราณียธรรม ๖”ขึ้นในประเทศนั้นๆยืนยันความจริงนี้ ซึ่งในโลกยุคปัจจุบันนี้มีชุมชนสังคม“สาราณียธรรม ๖”และมีคน “วรรณะ ๙”เกิดขึ้นได้จริงๆนะ! เพราะมี“ปัญญา”โลกุตระของพระพุทธเจ้า “เศรษฐกิจ”จึงเป็น“ปัญหา”ให้คนที่ไม่มี“ปัญญา”ต้องแก้ให้แก่ตน ให้แก่สังคมของตน แก่ประเทศของตนกันอยู่ไม่มี“จบกิจ”ลงได้อยู่ยั่งยืนตลอดกาล ดังที่โลกหรือสังคมหรือคนที่ไม่มี“ปัญญา”ก็แก้ปัญหากันไม่จบ ถ้าสังคมหรือประเทศใดไม่มีคนมี“ปัญญา” มีกันแต่“เฉโก”ตามที่ชาวเทฺวนิยมโลกียะมีกันเท่านั้น ก็ไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น “จิต เจตสิก รูป นิพพาน” มันก็ไม่มีวันจะ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”ถึงขั้น“จบกิจ”อยู่กันอย่าง“สงบสุข”ได้แน่ๆ จะเป็นได้กัน ก็แค่“เชื่อมั่น”กันเหลือเกินว่า ทำให้“คนรวย”กันขึ้นมาในสังคมให้มากๆนั่นแหละ จะเป็น“การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ”สำเร็จเด็ดขาด มันก็ยิ่ง“ขัดแย้ง-สวนทาง”กันหนักหน้าสาหัสสากรรจ์กันไปใหญ่ ซึ่งมัน“เป็นไปไม่ได้เลย”ตามแนวคิด-ความเชื่อมั่นที่ว่านี้ ถ้าคนในกลุ่มของคุณมีความเที่ยงแท้ เช่นมี 100 ล้านคนแล้วคนทั้งหมดรวยหมดเลย แล้วคุณจะรักษาคนทั้งหมดให้รวยร้อยล้านอยู่เที่ยงนิรันดรได้ไหม ไม่ได้หรอก อยู่ในสังคมไม่มีทางเป็นไปได้เลย อาจจะได้ชั่วระยะหนึ่ง ซึ่งตาม Concept ของคุณจะต้องรวยนะคนจนไม่ได้ แต่ถ้าคนมี Concept มีความคิดองค์รวมว่า คนมาจนแม้ที่สุดถึงขั้นเป็น 0 อย่างพวกเรา ไม่สงสัยเลยว่าถ้าหากพวกเราจะไม่มีเงินเลยสักบาทคุณอยู่ในนี้ได้ไหม… ได้ เป็นสุขดีไหม สงบ อิ่มเอม เกษมใส จะทำการช่วยเหลือคนอื่นก็ได้ คุณเอาอะไรมาตอบ … เอาความจริงมาตอบ ความจริงคืออะไรเชิญคนทั้งโลกมาพิสูจน์ Axiom เป็นความจริงสุดยอดแห่งการพิสูจน์แล้วไม่ต้องพิสูจน์ไปอีกเกินคนนี้แล้วนี่คือ Axiom มาเลยมาตรวจสอบพิสูจน์ความจริงอันนี้ได้ ๑๐) ผู้มี“ปัญญา”ที่“สัมมาทิฏฐิ”กันจริงๆก็จะมี“วิธี”ที่จะทำ มี“เจตนา” มี“อุดมคติ” มี“เชิงชั้นของการคิด” มาใช้“จัดการ”ตน ที่จะอยู่ใน“เศรษฐกิจ”ที่ตนก็ร่วมทำ“เศรษฐกิจ”นั้นให้เป็นไปตาม“อุดมคติ-เจตนา”ที่ตนเองเห็นควร เห็นว่าเหมาะสม สำเร็จ“จบกิจ”ที่เป็น“เศรษฐกิจ”นั้นๆ“ยุติ”ได้แน่นอน ดังที่มีคนจริงที่ได้รับรู้“ความรู้-ความฉลาด”ที่เป็น“ปัญญา”มาจากพระพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสรู้ได้ด้วยพระองค์เอง หรือจากสัตตบุรุษผู้สัมมาทิฏฐิตามพระพุทธเจ้า แล้วนำมาปฏิบัติบรรลุผลได้ตาม และประกาศให้“คนอื่นๆในโลก”รู้ตามอีกที ในสังคมโลกก็สามารถมีคนผู้“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”ได้สำเร็จ“จบกิจ”กันจริงพิสูจน์ได้แท้ มีปรากฏการณ์ยืนยันอยู่ แม้ในโลกปัจจุบัน ยุคพ.ศ ๒๕๐๐ นี้เป็นวิทยาศาสตร์แท้ ไม่ใช่แแค่ตรรกะ ๑๑) ซึ่งถ้าคำนึงถึง“วิธีทำ”ก็ดี “เจตนา”ก็ดี “อุดมคติ”ก็ดี “เชิงชั้นของการคิด”ก็ดี โดยเฉพาะจับเอา“ความรู้สึกหรือ“อารมณ์(เวทนา)”ของคนที่มีต่อความเป็น“เศรษฐกิจ”นี้แหละ มาตรวจละเอียดตามความมีจริงเป็นจริงกันแล้ว ก็จะได้“ค่าของเศรษฐกิจ” ที่เป็น“คุณธรรม”แค่แบบปุถุชนคน“โลกียะ”เท่านั้น อันยังมีแต่ความรู้“เฉโก”อย่างเดียวที่วัด“ค่าความเจริญเศรษฐกิจ”กันตรงที่เอา“ลาภยศสรรเสริญสุข” เป็นเครื่องชี้บ่งว่า “เศรษฐกิจดี” นี่คือ เจริญแบบ“โลกียะ” ซึ่งชาวโลกียะนับถือกันว่า “เศรษฐกิจดี”ตาม“ทฤษฎีหรือทิฏฐิ”ที่ชาวโลกโลกียะทั่วไปของปุถุชนเทฺวนิยมเขายึดถือกัน ซึ่งล้วนใช้ “ค่าของความเจริญแบบมิลักขชน” คนยังที่ยังจมงมงายอยู่ใน “โลกียะ”เป็นเครื่องวัดอยู่ทั้งนั้น ๑๒) แต่นั่นไม่ใช่ผู้เจริญแบบ“โลกุตระ”ที่นับเป็น“อาริยกะ(ผู้เจริญ)” คือ ผู้มีจิตเป็น“อาริยคุณ”ที่รับประกันได้ว่า “จิต“เป็น“ผู้เข้ากระแสโลกุตระ(โสตาปันนะ)” เป็น“ผู้ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา(อวินิปาตธรรม) เป็นผู้เที่ยงแล้วในเส้นทางโลกุตระ(นิยตะ) เป็นผู้จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า(สัมโพธิปรายนะ) สังคมของผู้เข้าสู่โลกุตตระนั้นจะไม่ขัดแตก ไม่ขัดแยกกัน แต่จะขัดแย้งกันอย่างพอเหมาะจะขัดเกลากัน เราจะรู้ว่าเราควรเป็นคนที่ขัดเกลาตนเอง คนอื่นเขาสูงกว่า ก็จะมีความเป็น ธูตะ มีการปฏิบัติที่สูงขึ้นเลื่อนฐานขึ้นไป มีธรรมะที่สูงขึ้นตามลำดับเรียกว่า ธูตะ เอาหลักเกณฑ์มาวัด มาจับ มาอ่าน จะเป็นองค์ธรรมที่เห็นว่าคนนี้เจริญขึ้น จะมีดวงตาจะมีเหตุผลจะมีหลักฐานจะมีความจริงที่สามารถที่จะยืนยันความจริงนี้ได้ตามลักษณะของอริยบุคคลแต่ละขั้นแต่ละระดับแต่ละคน เป็นฐานเจริญตาม ฐานานุฐานะ ไปตามลำดับ พระพุทธเจ้าสอนเรื่องพระโสดาบันที่มีคุณลักษณะ 4 ขั้นตามที่ว่าไว้เบื้องต้น ตามพระไตรปิฎก เล่ม 19 ข้อ 1574 จึงจะเป็นผู้อยู่กับสังคมที่มี“เศรษฐกิจ”แม้มันจะอยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่ดีอย่างไร ก็มี“ปัญญา”ที่จะอยู่กับสภาพนั้นๆชนิดที่“ไม่ทุกข์-ไม่เดือดร้อน-ไม่ตกนรก”ตามฐานานุฐานะของความเป็นอาริยบุคคลแต่ละคนนั้นๆ ซึ่งคนผู้“จิตยังไม่มีอาริยคุณ”เป็น“จิตเข้ากระแสโลกุตระ(โสตาปันนะ)”นั้น ยังรับประกันไม่ได้ว่า จะ“เที่ยงแท้(นิยตะ)”ต่อการไม่ตกต่ำไปสู่นรกเด็ดขาด แม้จะเป็น“คนร่ำรวยล้นฟ้า”ปานใด ก็ไม่พ้นตกนรกไปได้หรอก! เพราะนรกนั้นคือแดนของ“อาริยกะ(ผู้เจริญ)”ที่มี“ปัญญา” แต่สวรรค์นั้นคือ แดนของ“มิลักขะ(ผู้ยังเถื่อนถ่อย)” ที่ยังมีแต่“เฉโก” ยังพ้น“ความโง่(อวิชชา)”ไม่ได้ ถ้าคนผู้ใด“จิต”ไม่เจริญ“เข้ากระแสโสดาบัน”ขึ้นไป ก็แน่นอนว่า คนผู้นั้นยังจะต้องตกต่ำ คือ ต้อง“ตกนรก”อยู่ ยังจะหนักหน้าไปกับ“ทุกข์ร้าย” คนผู้นี้ยังไม่“พ้นนรก”ไปได้ แม้จะเป็นคน“ร่ำรวย” มีอำนาจล้นฟ้าเป็น“เจ้าโลก”ก็ตาม อาตมา เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 กำลังเลื่อนไปสู่ระดับ 8 นี่เป็นความจริงทั้งนั้น คนที่ไม่มีภูมิรับได้ก็น่าเห็นใจ จนเขาหมั่นไส้ ไม่รับเลยก็มีเยอะ ไม่ฟังเลย หรือคนที่ยังไม่ได้ยินไม่ได้ฟัง ไม่ได้รับรู้ว่า โลกนี้มีโพธิรักษ์ด้วยหรือ มีเยอะเหมือนกัน ตะวันตกทั้งตะวันตกเลย อาตมายังไม่มีกระแสความเป็นผู้ที่มีสิ่งที่เป็นโลกุตรธรรมหรือมีสิ่งที่ประเสริฐดีๆ ยังไม่ได้อยู่ในกระแสของโลก ที่จะรู้ไปถึงข้างนอกเขา ยังอยู่ในแวดวงคนไทย ต่างประเทศยังไม่มีใครรู้มากมายเลยมีน้อย มันก็มีพอไปบ้าง ยังดีนะในชาตินี้อาตมายังได้รับรางวัล ยอมรับอาตมาว่าอาตมาเป็นผู้ที่ยืนยันหลักการของความเป็นสันติภาพ มีความรู้ในระดับธรรมะขั้นสูง ให้รางวัลอาตมามาจากองค์กรของเกาหลี องค์กรแมนเฮ มูลนิธิแมนเฮ ให้รางวัลอาตมามา เป็นเงินตั้ง 100 ล้านวอน ไม่ใช่น้อยนะ แต่เป็นเมืองไทยประมาณ 2 ล้าน 6 ให้ใบรับรองมาให้เงินมา และมีอีกองค์กรหนึ่งคือวัดอีกวัดให้มาก มีตัวแทนคือแก่นฟ้าไปรับแทนอาตมา อาตมาอยู่ในเมืองไทย ดุษฎีบัณฑิตก็ยังไม่เคยได้รับสักใบ ขนาดนักร้องชินกร ไกรลาศก็ยังได้เลย ได้ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เบิร์ดธงไชยยังได้เลย อาตมานี่ไม่ได้เลยนะ อาตมาได้รับตำแหน่งที่เขายอมให้คือเป็นสมณะ อาตมาก็ยินดี อาตมาก็พอใจให้เป็นสมณะนี้สุดยอดของอาตมาแล้ว อาตมาก็ว่าใครที่จะได้รับมติของสังคมเลยนะ มติของสังคมทางศาสนาบอกว่ายอมให้เราเป็นสมณะ เป็นทางหลักเกณฑ์หลักการของสังคมประเทศชาติเลย ให้เป็นสมณะแล้วเราก็ใช้สมณะ ให้แล้วก็ยังไม่ยอมรับอีกนะ สมณะที่จริงสูงกว่าคำว่า Venerable เขาไม่ยอมให้อาตมาใช้ Venerable นำหน้าพาสปอร์ต อาตมาก็เลยจำกัดอยู่แต่ในเมืองไทยไม่ได้ไปต่างประเทศ ก็สมแล้วล่ะอาตมาไม่ควรจะไปต่างประเทศ เคยคิดเหมือนกันเราจะไปเรียนภาษาอังกฤษให้พอพูดได้นะ นิมนต์พ่อครูจิบน้ำ สมณะฟ้าไท… พ่อครูว่า… ๑๓) จนกว่า“จิต”ของคนผู้ใด จะมี“การเกิด(โยนิ)เข้ากระแสโลกุตระ” จึงจะรับประกันคนผู้นี้ได้ “ไม่ว่าจะตาย-จะเกิดอีกกี่ชาติ” คนผู้นี้ก็ไม่ตกต่ำ นั่นคือ“ไม่ตกนรก”และ“ไม่ทำบาป”อีกแล้ว อย่าง“เที่ยงแท้(นิยตะ)”ไปตามลำดับ เพราะ“จิต”มี“อาริยคุณ”ที่เป็น“โลกุตระ”แท้ได้จริง เที่ยงแท้ ยั่งยืน ตามฐานานุฐานะแห่งความเป็น“อาริยบุคคล”นั้นๆ ตั้งแต่โสดาบันบุคคลขึ้นไป จึงเป็นเรื่องที่ยากมากที่คนจะเข้าใจลำดับโพธิสัตว์ อาตมาไล่เรียงลำดับโพธิสัตว์ โพธิสัตว์คือสัตว์ที่มีโพธิไม่ใช่สัตว์ใต้ต้นโพธิ์ ไม่ใช่สัตว์ที่ตั้งใจจะเป็นโพธิสัตว์ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้าได้แต่ตั้งใจแต่ไม่รู้จักจิตเจตสิกรูปนิพพาน ไม่ได้ดูรายละเอียดของจิตเจตสิกเลยคนนั้นก็ไม่ได้เรื่อง ต้องรู้อาการของจิตละเอียดขึ้นไปมีรูปนามมีนามรูป มีจิตที่รู้สภาวะธรรม อาการ ลิงค นิมิต อุเทส ของสภาวะธรรมจริงๆจึงจะเป็นผู้ที่สูงขึ้น พ้นจากความเป็น มิลักขชน ไปสู่ความเป็น อาริยกชน ความเป็น มิลักขชน ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนเถื่อนคนป่าอย่างทางแอฟริกาใช้หอกใช้หลาวใช้แหลนอย่างนั้นไม่ใช่ แต่อาจจะเป็นคนที่สร้างเครื่องเทคโนโลยีสร้างระเบิดปรมาณูได้อย่างเก่งเหมือนอย่างอเมริกาอย่างนี้เป็นต้น แต่คุณธรรมจริงๆเขายังเป็น มิลักขชน อยู่ คุณธรรมเขายังไม่เจริญ ยังไม่กระดิกเลยในศีลข้อที่ 1 อเมริกายังไม่รู้เรื่องเลยว่าการฆ่าคน มันเลวร้ายขนาดไหน ฆ่าคนหน้าตาเฉยฆ่าคนอย่างไม่คิดเห็นแก่ชีวิตเลย รับสร้างอาวุธมาให้ฆ่ากันยังมากมาย เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปสงสัยหรอกว่าคนในประเทศเขาจะฆ่ากัน มันเป็นเรื่องสามัญที่เขาเองเขาถือว่าไม่เห็นมีอะไรมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติของคนมันก็ต้องฆ่ากัน ซึ่งเขาจะไม่มีจิตแม้แต่เมตตาข้อที่ 1 แม้แต่จิตที่จะเห็นว่าเขาก็เป็นชีวิตและเราก็เป็นชีวิต อย่าไปพูดถึงว่าอย่าไปฆ่าสัตว์ ไม่ต้องไปพูดกับเขาเลยในเรื่องชาวอเมริกัน อย่าไปฆ่าสัตว์ จะบ้าหรือ ไม่ฆ่าแล้วจะไปกินมันได้อย่างไร เขาต้องกินเนื้อสัตว์ แต่ก็ยังมีพวกคนที่เป็นพวกวีแกน เป็น vegetarian ในคนอเมริกันก็ยังมีนะ ยังเข้าใจ แต่เขากินเพื่อสุขภาพ มีบ้างที่เข้าใจในเรื่องของกรรมวิบากทางด้านจิตวิญญาณ แต่มีน้อย แต่เขาจะเน้นไปทางสุขภาพเพราะมันเป็นทางวิทยาศาสตร์ เขาเจริญทางวิทยาศาสตร์ เขาเข้าใจ คนที่เป็น Vegetarian ของอเมริกัน เป็นเรื่องของเหตุผลทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ เขาไม่ได้ศึกษาเรื่องกรรมวิบากเพราะเป็นอจินไตย เทวนิยมยังไม่เข้าใจเรื่องกรรมวิบาก พูดไปแล้วยังห่างไกลกันมากเลยอเมริกากับไทยในเรื่องคุณธรรมโลกุตรธรรม เปรียบเทียบกับชาวแอฟริกันกับชาวอเมริกัน ถ้าจะเอาชาวแอฟริกันกับชาวอเมริกันมาเรียนรู้ธรรมะ ชาวแอฟริกันอาจจะเข้าใจก่อนอเมริกัน ยิ่งถ้าเอาคนอินเดีย มาศึกษาโลกุตรธรรม ก่อนชาวแอฟริกันก่อนอเมริกา แน่นอน อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นในสัจธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งในความเป็นโลกียธรรมกับความเป็นโลกุตรธรรม มันจึงยากมาก ถึงจะยากอย่างไรก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เป็นสิ่งที่จะต้องนำพาให้คนไปสู่คุณธรรมอันนี้ อาตมาเป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 แล้ว ในวันที่ 3 มิถุนายนอาตมาจะประกาศตนเองอีก อย่างสำคัญขั้นหนึ่งคอยฟัง เป็นการประกาศอีกขั้นหนึ่ง อาตมามาทำงานศาสนาอาตมาประกาศตนเองว่าเป็นโพธิสัตว์ ซึ่งการประกาศนั้นในท่ามกลางเมืองไทยศาสนาพุทธในไทย เป็นแบบหีนยาน ไม่รู้เรื่องโพธิสัตว์เลย แล้วเห็นว่าโพธิสัตว์เป็นเรื่องไร้สาระโพธิสัตว์เป็นคนไม่บรรลุธรรม เขาเข้าใจกันอย่างนั้นเลย โพธิสัตว์คือยังไม่บรรลุธรรมยังไม่ตรัสรู้ยังแสวงหาธรรมะพระพุทธเจ้าอยู่คือเป็นสัตว์ใต้ต้นโพธิ์ว่างั้นเถอะ ยังไม่มีขั้นตอนไม่มีลำดับ นี่คือความรู้เรื่องศาสนาพุทธเรื่องโพธิสัตว์ในเมืองไทย ทั้งๆที่เมืองไทยยืนยันตนเองว่าเป็นเถรวาทแต่เปล่า เมืองไทยเป็นคน อาจาริยวาทเท่านั้น มีความรู้แค่อาจาริยวาทไม่ใช่เถรวาท เถรวาทะกับอาจาริยวาทะ เถรวาท หมายความว่าผู้ที่เป็นพระเถระเกิดในยุคเดียวกันกับพระพุทธเจ้า พระเถระ เป็นพระชั้นติด เกิดร่วมยุคพระพุทธเจ้า ได้ฟังคำตรัสจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าเรียกว่าพระเถระ คนที่เอาคำสอนต่อมาจากพระเถระอีกเรียกว่าอรรถกถาจารย์เรียกว่าอาจาริยวาท เป็นระดับอาจารย์ไม่ใช่ระดับเถระ เพราะฉะนั้นคำว่า พระเถระกับคำว่าพระอาจารย์มันต่างกันไกลลิบเลย พระไตรปิฎกบันทึกเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นฆราวาสไม่ว่าจะเป็นภิกษุ ที่ได้รับการบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกเป็นคนในรุ่นพระพุทธเจ้าได้ฟังจากพระโอษฐ์ ได้อยู่ในรุ่นพระพุทธเจ้าเป็นเถรวาทะทั้งนั้น หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว คำสอนของพระเถระสอนออกมาอีก ขั้นตอนมาจากพระเถระ หรือผู้ที่ยังรับถ่ายทอดออกมาจากพระเถระ เกิดในยุคพระพุทธเจ้าแล้วก็สืบทอดมาอีก อย่างอาตมาเป็นต้นมาเกิดในยุคนี้ เขาก็ยังไม่รู้ว่าอาตมาเป็นเถระ จะมีอาจารย์ที่เรียกว่า อาจาริยวาทะ รุ่นที่ไม่ได้เกิดในยุคพระพุทธเจ้า เอาให้ชัดๆ รุ่นที่เพี้ยนไปจากคำสอนพระพุทธเจ้าแล้ว จะเพี้ยนไปเรื่อยๆๆๆๆ จนกระทั่งเพี้ยน มันมีออกนอกกรอบ ไปยืนยันสิ่งที่ไม่ใช่สัมมาทิฏฐิเป็นสัมมาทิฏฐิ เช่น ในวิสุทธิมรรคของพระพุทธโฆษาจารย์บันทึกไว้ แล้วก็เอามาถือเป็นพระคัมภีร์สำคัญในพุทธศาสนาเมืองไทย ซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์ที่เขียนวิสุทธิมรรคไม่ได้เป็นพระเถระ ที่เกิดในยุคพระพุทธเจ้า ต่างกับอาตมา ไม่ต้องเอาอะไรหรอกแค่อธิบายนิยาม 5 อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ยังอธิบายไม่ออกเลย แล้วก็อธิบายความไปอื่น จนมีอาจารย์รุ่นหลังอธิบายนอกทางไปอีกออกไปเลย จะไม่เข้าแกนของธรรมนิยาม 5 เพราะฉะนั้นจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะบรรลุธรรม ถ้าเข้าใจธรรมนิยาม 5 นี้ไม่ได้เป็นสัมมาทิฏฐิไม่มีทางบรรลุธรรม บรรลุอรหันต์ไม่มีทาง อาจจะบรรลุได้บ้างแต่ไม่เที่ยง ยังได้เล็กๆน้อยๆวนเวียนหมุนไปหมุนมาเที่ยงบ้างไม่เที่ยงบ้าง สมณะฟ้าไท… สรุปจบ Categories: ธรรมะพ่อครู, ศาสนาBy Samanasandin26 พฤษภาคม 2023Tags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรม Author: Samanasandin https://boonniyom.net Post navigationPreviousPrevious post:660524 ประกาศสิทธิสำเร็จสูงสุดคือสิทธัตถะ พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศกNextNext post:660529 ศึกษาความผูกพัน-ความสัมพันธ์ กรณี บี-ประทับใจ รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #24 ราชธานีอโศกRelated Posts150401 จะพึ่งอะไรดี-พ่อท่าน-วัดมหาธาตุ28 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 2-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง7 พฤษภาคม 2024141026 จูฬสุญญตสูตร ตอนที่ 1-พ่อท่าน-วัดธาตุทอง4 พฤษภาคม 2024670224 พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 48 ราชธานีอโศก24 กุมภาพันธ์ 2024670126 ตอบปัญหาเพื่อละอวิชชา 8 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก26 มกราคม 2024670117 ปฏิจจสมุปบาท ตอน 4 พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก17 มกราคม 2024