660929 จุดที่เลิศยอดยิ่งใหญ่ที่สุดของคนคือพ้นสุขพ้นทุกข์ พุทธศาสนาตามภูมิ ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/185F3AjkftUPhM02iB8p5-wedc20Je-be/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1thyuznxyD7meyzkR0mcqJFXwgFUVf040/view?usp=sharing
และ https://podcasters.spotify.com/pod/show/dhamaporkru/episodes/660929-108-e29umjq
ดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/nmqdkDWS_s/
และ https://youtu.be/VRQgezIO4AU
มีซับ
สมณะฟ้าไท… วันนี้วันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ วันไหว้พระจันทร์ ที่บวรราชธานีอโศก ทำไมต้องไหว้พระจันทร์ ทำไมไม่ไหว้พระอาทิตย์
ตอนนี้เราเรียกว่า น้ำขึ้น-น้ำลงปลงเสียเถิด จะขึ้นจะมากจะน้อยก็ดูกันไป เขาบอกว่ามันจะขึ้นอีก 1 เมตรถ้าฝนไม่ตกเพิ่มมากกว่านี้อีก ตอนปี 65 ก็บอกว่าขึ้นไม่มากหรอก แต่เดี๋ยวก็ขึ้นสูงลิ่วเลย ไม่แน่นอน เราเตรียมเก็บของไว้ก่อนดีที่สุดไม่ประมาทแหละดีที่สุด เพื่อเราจะได้ฝึกฝนตัวเองให้เตรียมพร้อมไว้เสมอ รับได้ทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มาน้อยก็สบาย มามากก็อยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไรพึ่งพาตัวเองได้ เราเป็นชุมชนที่พึ่งพาตัวเองได้และพร้อมเป็นที่พึ่งแก่คนอื่นได้เช่นกัน
ซึ่งมนุษย์โลกุตระเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษที่พ่อครูนำธรรมะพระพุทธเจ้ามาสร้างให้เราเป็นมนุษย์พันธ์ุพิเศษ คือเป็นมนุษย์ที่พึ่งพาตัวเองได้และให้คนอื่นพึ่งได้ด้วย แม้ลำบากกว่าเพื่อนแต่ก็ช่วยเหลือคนที่ลำบากน้อยก็ได้เช่นกัน นี่เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง ปกติคนที่ลำบากจะเรียกร้องการช่วยเหลือจากคนอื่น แต่นี่ลำบากแต่คิดถึงคนอื่นเขาจะลำบากกว่าเรามากไหม เราจะช่วยเหลืออะไรเขาได้บ้าง จิตใจเป็นจิตใจที่มหัศจรรย์เหนือโลก ทุกอย่างเปลี่ยนแปรผันไปได้ธรรมดา พ่อครูบอกว่าในโลกนี้ทุกอย่างไม่เที่ยงเป็นธรรมดา
เหมือนอย่างการเมือง เราอยู่กับลุงตู่มา 9 ปีก็สุขสบายดี ปีนี้ได้นายกคนใหม่ชื่อ เศรษฐา โอ้โห เรื่องมันเยอะดีนะ ทุกวันนี้เรื่องราวเยอะแยะมากมาย สิ่งไม่ดีเลวร้ายในสังคมเกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย เราก็ได้ทำใจในใจกับคนที่เขาทำบาป ก็ต้องเห็นใจเขาด้วย
มันก็เหมือนกับสมัยก่อน 2,500 กว่าปีก่อนพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา โลกก็สว่างไสวขึ้นแล้วเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานก็เสื่อมลงเสื่อมลง จนมา 2,500 ปี ก็มีโพธิสัตว์คือพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ เป็นโพธิสัตว์ระดับ 7 มาช่วยมนุษยชาติอีกครั้ง ให้พระพุทธศาสนา ให้ฟื้นคืนมาได้อีกครั้งและสืบทอดไปถึง 5,000 ปี พ่อครูก็พากเพียรทำศาสนานี้ให้ถึง 5,000 ปีให้จงได้
พ่อครูว่า… เราก็เอา SMS มาเป็นไกด์ในที่จะได้สาธยายธรรมะต่างๆไป
SMS วันที่ 27-28 กันยายน 2566
จากไลน์ :
_กราบนมัสการพ่อครูด้วยความรักเคารพบูชาสูงสุด ครับ
ลูกขอรายงาน ผลการปฏิบัติธรรมไปตามลำดับตามฐานะของตน ลูกได้ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพ่อครูมาโดยตลอด ปฏิบัติตามโพธิปักขิยธรรม 37, อปัณณกปฏิปทา 3 ได้บรรลุธรรมตามลำดับ โดยเฉพาะเรื่องคนคู่ ลูกได้ลดความจัดจ้านของคนคู่ลงตามลำดับ จนปัจจุบันนี้ลูกได้บรรลุเรื่องการเสพเมถุนของคนคู่ หยุดความวนได้ จบกิจเรื่องของการเสพกามแบบหยาบๆ ได้อย่างสนิท จนมั่นใจตนเองจากนี้ไปจนตลอดชีวิต ก็จะไม่เสพกามเมถุนเรื่องของคนคู่ พอเลิกเสพกามได้ ชีวิตครอบครัวมีความสงบอย่างมากครับ ในอนาคต ลูกกับภรรยาได้ตกลงกันว่า จะไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านราช ตอนนี้ก็ขอปฏิบัติธรรมตามพ่อครูได้นำพา อยู่ข้างๆ วัดก่อนครับ
ในวันที่ 2 ตุลาคม 2566 นี้ ลูกจะมีอายุครบ 44 ปีเต็ม ลูกจะรบกวน ขอให้พ่อครูตั้งชื่อตัวให้ลูกด้วยครับ
พ่อครูว่า…ก็ค่อยๆ ตั้ง ตั้งตอนนี้สดๆ คงคิดไม่ออกหรอก มันไม่เก่งขนาดนั้น
ความเห็นต่างกันทำให้เกิดความแตกฉานอย่างไร
_นพ : กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงครับ ผมน็อป(หินเหล็ก) มีเรื่องอยากถามพ่อครู เมื่อเราต้องคุยกับคนคนที่ทิฏฐิทั้งเรื่องการเมืองและเรื่องศาสนาไม่ตรงกันกับเรา เราจะต้องทำตัวอย่างไรให้อยู่กับเขาให้ได้ เพราะบางทีเขาก็แสดงความคิดแบบสุดโต่งจนเราก็ต้องแสดงความคิดของเราบ้างในอีกมุม ปัญหาก็คือเรารับฟังเขา แต่เขาเลือกไม่อยากรับฟังเรา จะทำอย่างไรให้เราทั้งคู่มีทิฏฐิที่สามัญญตาครับ กราบนมัสการครับ
พ่อครูว่า…ก็เป็นธรรมดาความเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่เห็นเป็นไร โดยเฉพาะเรื่องการเมือง ที่ถามมามันยุ่งยากมากมายหรือยังไง มันไม่สนุกนักก็คุยกันน้อยลง พอสนุกขึ้นบ้างก็คุยกันมากขึ้นก็น่าจะเท่านั้นก็พอจะได้
ที่จริงก็มีการโอภาปราศรัยกัน มีการคิด มีการแสดงความคิดเห็นกัน มันทำให้เกิดความฉลาดขึ้นนะ มันทำให้เห็นแง่เชิงที่มีความหลากหลายแตกต่างขึ้น ถ้าเผื่อว่าไม่มีความแตกต่างอะไรเกิดขึ้นมา ที่เราจะเรียกว่า ฉลาด หรือเรียกว่าหลากหลายขึ้นมา มันก็เท่าเดิม ยิ่งลืมไปด้วยไอ้ที่มันเคยรู้แตกต่างกันก็ลืมลงๆ แล้วมันจะยังไง
ผู้ที่ตรัสรู้หรือผู้ที่จบกิจไม่ได้หมายความว่าเป็นผู้ที่โง่ลง จำอะไรก็ไม่ค่อยได้ รู้น้อยลงๆมันไม่ใช่ รู้ได้หลากหลาย แต่มันรู้ความหลากหลายนั้น มันมีความแตกต่างกัน ความหลากหลายมีนัยยะที่แตกต่างกันละเอียดลออๆๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ มันก็คือมีความรู้แตกฉาน ละเอียด แล้วก็มีมาก
ความคิดของคนมันหลากหลายอย่างนี้เนาะ เออ คิดอย่างนี้ก็ได้ คิดขนาดนี้ก็ได้ เราก็จะได้รู้เท่านั้นเอง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก
ความลึกซึ้งของญาติปริวัตตังปหายะ
_ต้อย น้อมนบ(คอลัมน์ 15 นาทีฯ) : ขอกราบเรียนถามพ่อท่านดังนี้ คำว่า ญาติปริวัตตังปหายะ มีความหมายอย่างไร แค่ไหนและทำไม ถ้าเราจะปฏิบัติธรรมให้สูงขึ้นเราต้องตัดญาติปริวัตตังคะ
พ่อครูว่า…มันมีขั้นตอน การตัด ญาติปริวัตตัง
ญาติปริวัตตัง ท่านแปลว่า การตัดรอบ หรือว่า ปหายะ แปลว่า การทำลาย ตัดทำลาย ในเรื่องการที่จะไปเกี่ยวเกาะ ปริวัติ ไปเกี่ยวเกาะกับญาติ เรื่องของญาติ เราจะต้องมีความรับผิดชอบ โดยจะต้องมีการเกี่ยวข้องกัน จะต้องมีอะไรต่ออะไรพวกนี้..ตัด
โดยปรมัตถ์ เอาปรมัตถ์เสียก่อน ก็คือการตัดการที่จะสืบสานสืบสาวที่จะมีญาติต่อไป การที่จะตัดความมีญาติต่อไปนั่นก็คือ อย่าไปมีลูก ถ้ามีลูกแล้วก็จะต้องมีหลาน มีเหลน มีโหลน มีหล่อนอะไรไปอีกมันก็จะเป็นญาติ เกิดบานตะโก้ไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นการตัดไม่ทำอันนี้นี่ มันก็คือเราก็จะต้องไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีลูกก็คือไม่เกี่ยวข้องกับเมถุน ไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นคนคู่ มีอะไรพวกนี้นี่แหละ ในนัยสำคัญของมัน นี่คือปรมัตถ์
ทีนี้เรื่องของสมมุติ ญาติ ก็ต้องเกี่ยวข้องกันด้วยการต้องเลี้ยงดูกัน ต้องช่วยเหลือกัน จะต้องมีกรรมกิริยาทางกายวาจา โดยมีใจเป็นประธาน นับญาติ นับความเป็นจริง ญาติทางสายเลือด ญาติทางไม่ใช่สายเลือด แต่นับเนื่องกันเป็นผู้ที่จะต้องเกี่ยวข้องกัน
คำว่า “ญาติ” นี่คือการ พึ่งเกิด พึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตายกันได้ อาศัยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การแก่ การเจ็บ การตาย เมื่อมาเป็นญาติกันก็คือ เกิดร่วมกันแล้วก็จะร่วมกันอาศัยช่วยเหลือกัน อยู่กินกัน การอยู่ การกิน การทำงานทำการ การอาศัยช่วยเหลือ ทั้งวัตถุ ทั้งแรงงาน ทั้งกิจการ ทั้งอะไรต่ออะไรต่างๆ นานา ก็ช่วยกันไปอย่างนั้น ที่เรียกว่า ญาติ
ทีนี้ในนัยยะของ ความลึกซึ้งอีกก็คือ ตัดงาน ตัดญาติ ที่จะเป็นงานที่เราจะต้องไปรับผิดชอบร่วมกันอันนั้นอันนี้น้อยลงๆ การตัดคำนี้ลึกซึ้ง ไม่ได้หมายความว่าการตัดโดย เป็นเรื่องของสมมุติอย่างเดียว เราตัดเรื่องสมมุติ แต่เรากลับจะเชื่อมโยงทางปรมัตถ์
เราตัดเรื่อง สมมุติ คืออะไร เราตัดเรื่องสมมุติก็คือ เราไม่รับผิดชอบในเรื่องการเงิน การทอง การเป็นวัตถุข้าวของ การที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลหามา ต่างคนต่างช่วยกันอะไรพวกนี้ เราไม่รับผิดชอบเราไม่เกี่ยวข้อง เราไม่ถือว่าเป็นหน้าที่ ไม่ถือว่าเป็นงาน ที่เราจะต้องทำ ตามสมมุติ ตัดน้อยลงๆๆ
แต่ เราจะเชื่อมโยงทางกรรม ทางการกระทำ ช่วยเหลือ ช่วยเหลือทางวัตถุน้อยลง แต่ช่วยเหลือทางจิตวิญญาณ ทางความเกื้อกูลทางจิตวิญญาณ ช่วยเหลือแรงงานไม่ใช่วัตถุ ถ้าอยู่ในฐานะไม่มีความรู้ทางธรรมมากมาย ก็ช่วยเหลือทางแรงงาน มีความรู้ทางธรรมะก็เติมเข้าไปอีก ช่วยเหลือเพิ่มเติมเข้าไปทางธรรมะ แม้จะเป็นธรรมะโลกีย์ก็เอา ยิ่งธรรมะทางโลกุตระด้วย ก็ช่วยกันไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นการตัดญาติทางสมมุติทางโลกีย์ เราก็ลดลง ไม่รับผิดชอบในเรื่องของวัตถุลงไปเรื่อยๆ แต่ทางธรรมเราเนี่ย โดยเฉพาะทางโลกุตระด้วย จะต้องช่วยกันอย่างยิ่งขึ้นๆๆๆๆ ให้ได้รับ แล้วก็ไปด้วยกัน เป็นญาติธรรมไปจนกระทั่งตลอดเลย
อย่างพวกเรานี่ เสร็จแล้วมาเป็นญาติกัน จนกระทั่งมาอยู่ร่วมกันมาสร้างสรรค์ ทำการทำงาน ช่วยเหลือเกื้อกูลมีชีวิตดำเนินไป ช่วยเหลือเกื้อกูลกันจนตายจากกัน มันเป็นเรื่องละเอียดลออ มันไม่ต้องไปนับญาติทางสายเลือดเลย โลกุตระมันลึกซึ้ง.. เห็นไหม
ดีไม่ดี รู้สึกไหมว่าเราสัมพันธ์เกี่ยวข้องสนิทกับญาติทางธรรมทางปรมัตถ์เป็นโลกุตระนี้ ยิ่งกว่าสายเลือด ใช่ไหม พอลึกซึ้งขึ้นจริงๆ มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เลย แต่เราก็รู้ว่าทางสายเลือดหรือว่าทางสมมุตินี่ เอาเถอะ ถึงอย่างไรเราก็ไม่ได้ตัดทิ้ง เราก็ช่วยเหลือตามควร เท่าที่จะช่วยได้
แต่ถ้าเผื่อว่าเรานึกถึงพฤติกรรมทางธรรม เขาเอง ถ้าเผื่อว่าไปช่วยเหลือแล้วเขาก็.. ถ้าช่วยทางวัตถุ เขาก็จะยิ่งจะไม่ดี เพราะเขาก็ช่วยตัวเขาเองได้ดีแล้ว พออยู่พอกิน ถ้าไปช่วยเขาอีก เขาก็จะโลภ โดยที่เราจะไปช่วยนี่ เราจะไม่เอาเปรียบ เราก็จะไปเติมให้เขาได้เพิ่มได้กำไร ได้เปรียบ ได้จำนวนมากขึ้น เขาก็ยิ่งตะกละๆๆ เราก็ไม่ต้องช่วยมาก ให้เขารู้สึกเหน็ด รู้สึกเหนื่อย รู้สึกทุกข์ รู้สึกลำบากบ้าง
ถ้าเราสามารถมีธรรมะบอกเขา ให้เอาเปรียบเอารัดลดลงบ้าง แม้คุณจะทำงานขยันหมั่นเพียรมากขึ้น ก็ลดที่จะไปเอารายได้แลกเปลี่ยน ไปเอาเปรียบหรือว่าไปเอาที่จะได้เปรียบคนอื่น หัดเสียสละให้มากขึ้น
ซึ่งเรื่องที่อาตมาพูดนี้พวกเราเข้าใจไม่ยากอะไรหรอก แล้วก็ทำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น คำว่า “ญาติปริวัตตัง” มันทั้งทำลาย มันทั้งเหลือความเป็นญาติ ที่สุดท้ายเป็นญาติธรรม ที่อาตมาอธิบายไปแล้ว นี่ก็เป็นคำสรุป “ญาติปริวัตตัง” คำนี้เท่านั้น นี่ถามว่าอย่างไร.. อธิบายไปแล้ว แค่ไหน..ขนาดนี้ก็ไม่น้อยแล้วนะ
ทำไม..ก็ต้องรู้สิว่าจะทำไม ถ้าไม่รู้ก็ทำไม่ถูก ทำไม่เป็น ถ้าเรารู้แล้วเราก็จะทำถูก ทำเป็น มันก็เป็นประโยชน์ทั้งตนและท่าน แล้วเราก็รู้ทำการช่วยเหลือกันอย่างนี้แล้วก็ตัด ตัดไป เหลือ ทำขนาดเท่าที่ควรไปที่จะให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์สูง ประหยัดสุด ดีที่สุด มันไม่ใช่เรื่องตื้นๆ จะพูดไปแล้วอาตมาอธิบายมา เอ้า..ผ่าน
_สว่างแสง ขวัญดาว : น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ กราบนมัสการท่านสมณะฟ้าไท ท่านด่วนดี และสิกขมาตุด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ ลูกกราบขออนุญาตรายงานการปฏิบัติของแม่ค่ะ มี
ผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้าน มาถามแม่ว่าปฏิบัติธรรมอย่างไร แม่ตอบว่า “แม่บ่ดั่ยเฮ็ดหยังหลายแม่ถือศีล 5 ละอบายมุข รักษา กาย วาจา ใจ ส่ำนี่หละ” แล้วผู้หญิงคนนั้นก็บอกแม่ว่า ตัวเขาสวดมนต์หลายบท(เขาบอกแม่แต่แม่จำไม่ได้ว่าบทอะไรบ้าง) ภาวนานั่งหลับตาทำสมาธิทุกคืน แล้วเขาย้อนถามแม่ว่า แม่ได้สวดมนต์ได้นั่งสมาธิไหม
แม่ตอบว่า” แม่บ่ดั่ยสวดอิหยังหลายดอก การสวดมนต์บ่จำเป็นเท่ากับเฮาปฏิบัติเอา แล้วการสวดมนต์ถ้าบ่ฮู้ความหมายมันกะคือนกแก้วนกขุนทอง แล้วนั่งสมาธิแม่กะนั่งให้จิตสงบ ให้นอนหลับซือๆ ดอก”
พอแม่พูดจบ เขาก็ไม่พูดไม่ถามต่อเดินกลับบ้านเลยค่ะ แต่เขายังเลี้ยงตั๊กแตน ยังคั่วตั๊กแตนกินและขาย ขุดจิ๊บโป่ม (พ่อครูว่า คือจิ้งหรีดตัวใหญ่ๆ) เล่นหวยอยู่ค่ะ
จบเรื่องของแม่ค่ะ ในพรรษาลูกตั้งตบะไม่กินขนมหวานทุกชนิด ลูกก็พยายามอดทนสำรวมระวังเสมอๆ ค่ะ พ่อครูคะ แต่เมื่อลูกตำน้ำพริกกะปิ(เจ) น้ำพริกของลูกจะหวานมากค่ะ แล้วเวลาลูกกินลูกรู้สึกชื่นใจด้วยค่ะ ขอพ่อครูว่ากล่าวสั่งสอนลูกด้วยค่ะ
พ่อครูว่า…จะไปว่ายังไง มันติดแล้วก็จะได้เสพสมใจที่ตัวเองชอบหวาน อาตมาเคยพูดแล้วเรื่องนี้ อาตมาเป็นคนอีสานน้ำพริกไม่เคยใส่หวานอะไร ไปกรุงเทพฯน้ำพริกเขาก็ใส่หวาน ใส่น้ำตาลอาตมาก็งง เฮ้ย..น้ำพริกทำไมต้องใส่น้ำตาลด้วย งง จนกระทั่งอยู่ไปก็รู้ว่ารสนิยมมันต่างกัน ต่างถิ่น ต่างภาค ภาคกลางก็เป็นอย่างนั้น ภาคอีสานเขาไม่นิยมใส่น้ำตาลในน้ำพริก เดี๋ยวนี้อีสานก็ล่อกันเละแล้ว
คนไทยลืมง่ายมีเมตตากรณีคุณทักษิณ แต่พ่อครูต้องย้ำเตือน
_ลูกแปลกใจว่านายทักษิณได้ทุจริต สร้างความเดือนร้อนให้คนไทยอย่างมาก มาถึงวันนี้คนไทยนิ่งๆ กับการกลับมาของทักษิณ พ่อครูคะเป็นเพราะทักษิณมีสิ่งดี หรือคนไทยลืมง่ายคะ มึนกับโลกีย์ค่ะ น้อมกราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ
พ่อครูว่า… งง มึนงง งงกับโลกีย์ จริงๆ คนไทยเป็นคนที่ไม่ค่อยจะ จะว่าลืมง่ายก็ลืมง่าย จะว่ามีเมตตาก็ได้ หรือว่าไม่ค่อยเอาเรื่องอะไรกันเท่าไหร่ นานๆไปก็.. เอา
เพราะอะไร เพราะคนไทยเป็นพุทธศาสนิกชน เข้าใจเรื่องกรรมเป็นของตัวของตน มันไม่มีปัญหา ใครทำกรรมใดก็เป็นของตน ชั่วดีตามสัจจะเลย มันก็ของใครของมันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นใครจะไปจัดการ ใครจะไปทำอะไร กรรมมันก็จัดการอยู่แล้ว เราไปจัดการ ดีไม่ดีก็สร้างวิบาก ดีไม่ดีก็ทะเลาะวิวาท ในขณะปัจจุบันนี้ช่วยเหลือเขาไม่ได้ง่ายๆแล้วทักษิณนี่
เพราะฉะนั้นคนไทยก็เห็นไหม..โอ้โห ขนาดนี้ มันเท่ากับเข็นเขาขึ้นครก ไปช่วยทักษิณนี้ยิ่งกว่าเข็นเขาขึ้นครก ไปช่วยทำอะไร เพราะฉะนั้นพวกคนไทยก็มีปฏิภาณปัญญาพวกนี้อยู่บ้าง ก็เลยว่าอย่าเอา..ไปทำอะไรล่ะ มันไม่เกิดประโยชน์อะไร มันไม่กระเตื้อง
คืออาตมาภาษาไทยว่าเหลือเข็นนี่มันไม่พอ มันสุดเหลือเข็นแล้ว ต้องปล่อยให้เขาดิ่งลงนรกไป อย่างไรก็ปล่อยเขาไปเถอะ เขาไม่เข้าใจ เขาไม่รู้เรื่องนรกสวรรค์ ความดีความชั่วอะไร เขาไม่รู้
มันซับซ้อนนะ เขานึกว่าเขาได้สวรรค์แต่เขาได้นรก แล้วเขาก็มีสวรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด เขาก็ทำเหมือนเขาได้เปรียบได้ชนะ เป็นสวรรค์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด เขาก็คือ นรกที่มันสูงเท่าไหร่ สวรรค์สูงเท่าไหร่ นรกก็ต่ำลึกเท่านั้น นี่เป็นสัจจะ อาตมาก็เคยอธิบายไปแล้วเรื่องนี้
เพราะฉะนั้นเขาทำด้วยจิตที่ ไม่มีปฏิภาณปัญญารู้ในเรื่องกรรมเรื่องวิบากอะไรพวกนี้เลย นี่อาตมาก็ ยุคพระพุทธเจ้ามีพระเทวทัต แสดงความ อาตมาว่า โอ้โห! เทวทัตเทียบทักษิณไม่ได้ พอนะ เทวทัตนี่เทียบทักษิณไม่ได้จริงๆ ทักษิณนี้ทำได้เก่งกว่าเทวทัต ในความสร้างนรกได้ลึกให้แก่ตัวเอง ก็ได้แต่สงสาร ก็สุดสงสาร มันช่วยไม่ได้จริงๆ อาตมาไม่มีทาง ไม่มีปัญญาที่จะไปช่วยแล้ว แล้วอาตมาก็ไม่เชื่อว่าจะมีใครช่วยเขาได้ จนกว่าเขาจะเป็นพวกคางคก เลือดหัวไม่ตกยางไม่ออกเขาก็ไม่รู้สึก จนกว่าเขาจะรู้สึกว่า
-
ตัวเขาไม่รู้สึก 2. กรรมวิบากยังไม่มาออกผลให้แก่เขา กรรมวิบากนี่ก็พูดยากเหมือนกัน จะมาออกผลให้เมื่อไหร่ มันก็ไม่มีใครไปบันดลบันดาลได้ เขายังมีอำนาจทางโลกียะมากมาย เขาก็ดันไม่ให้วิบากมาเล่นงานเขาได้ เขาก็ยังทด มันก็เป็นกรรมวิบากทดเพิ่มขึ้น กรรมวิบากทดไปแล้วมากมายที่มันเป็นจริง จำนวนเท่าไร เมื่อใดเมื่อนั้น แต่ตอนนี้กรรมวิบากยังไม่ออกผลเท่านั้นเอง เอาละ อธิบายแค่นี้ก็แล้วกัน
_จรรยา ประเสริฐ : พ่อท่านพูดถึงทักษิณ ว่าโง่ๆๆ และโง่ คิดหรือไม่คะว่าเขา จะโกรธ หรือคิดกับเรายังไง?????
พ่อครูว่า… อาตมาจำเป็น จำนน จำยอม จำต้อง พูดสัจธรรม เขาจะโกรธมันคงคงเป็นแน่ เขาได้ยินได้ฟังว่ามาด่ากู มาด่ากูอะไรเนาะ
อาตมาไม่ได้ด่า อาตมาไม่ได้พูดหยาบ การด่านี่คือการพูดหยาบ แต่การพูดความดีความชั่ว ความถูก ความผิดนี่มันเป็นสัจธรรม แยกให้ออก คำด่าคำหยาบ กับคำจริง ที่ยิ่งถูก ยิ่งพูดถูกความจริงมันยิ่งแรง เพราะฉะนั้นคุณก็ไปเอาความหมายที่ว่ามันแรงไปกระทบเขาแรงๆ นี่มันคือคำด่า กระทบเขาแรงๆ นี่คือคำหยาบ มันไม่ใช่
มันเป็นความจริงต่างหาก มันมีคนจริงรองรับ อาตมาก็ยิ่งพูดจริง เพราะมันมีคนจริงปฏิบัติจริง พวกคุณฟังแล้วก็จริงๆ น้ำมันกระทบคนจริงไม่กลัวเขาด่า อาตมาเองนี่มันไม่มีหรอกความกลัว ความกลัวที่จะไปเปิดเผยความจริง ยิ่งไม่มีใหญ่
เพราะอาตมาเป็นโพธิสัตว์จะต้องเปิดเผยความจริงให้แก่คนจริงที่เขาโง่จริง เขาผิดจริง เขาทำชั่วจริงให้เขารู้ตัว มันเป็นความเมตตาของอาตมาต่างหาก ใช่ไหม และอาตมาก็ต้องลงทุน คุณบอกว่าไม่กลัวเขาโกรธเหรอ ถ้ากลัวแล้วอาตมาจะได้ช่วยเขายังไง ถ้ากลัวอาตมาก็ต้องไม่บอกเขา อาตมาก็เห็นแก่ตัวสิ อาตมากลัวเขาจะมาว่าอาตมา แค่นี้ก็ไม่ได้หรือ เขาจะว่าอาตมายังไงก็ว่า จะด่ายังไงก็ด่า อาตมาก็ไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องนี้
เพราะฉะนั้นสัจธรรมอันนี้ยากที่จะอธิบายให้ฟัง..อธิบายได้เท่านี้
_เขาอาจจะไม่แคร์เลยก็ได้ค่ะ
พ่อครูว่า… อาตมาก็เชื่ออย่างคุณเขาคงไม่แคร์
(พ่อครูไอตัดออกด้วย)
_สมณะฟ้าไท… พ่อครูเป็นโพธิสัตว์ โพธิสัตว์ทุกองค์ก็ต้องเสียสละแก่มนุษยชาติยกตัวอย่างออกรบปราบศัตรูเพื่อประชาชนมีความผาสุข แต่นี่ต้องว่าต้องตำหนิ คนอื่นไม่กล้าตำหนิไม่กล้าว่า อย่างว่าหลวงตามหาบัวบารมีแล้วไม่ถึงไม่สามารถบอกได้แต่พ่อครูสามารถบอกได้ ให้ศาสนาพุทธเคลื่อนไปถึง 5,000 ปี ถ้าพ่อครูไม่กรุยทางไว้เหลือแต่พวกเราก็ทำไม่ได้ไปไม่รอดเป็นความเสียสละของท่านเอง เป็นบารมีโพธิสัตว์อาศัยความเมตตาของโพธิสัตว์เจ้า
พ่อครูว่า… ที่ท่านฟ้าไทว่า ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้หรอก มีอาตมานี่กล้า มีคนอื่นเขากล้าพูดแต่เขาไม่กล้าพูดแรงๆ เหมือนอย่างอาตมา เขาพูดอยู่ไม่น้อยคนที่กล้าพูด ไม่ใช่ไม่มีคนกล้า เขากล้าพูด แต่ก็คิดว่าพวกเราคงฟังออก ไม่มีใครกล้าพูดแรงขนาดอาตมาหรอก
อาตมาพูดธรรมะ มันมีเหตุมีผล มีหลักฐาน มีความจริง ใช่ไหม คนที่เข้าใจเห็นว่าอาตมาพูดนี่แรง คนอื่นเขาไม่เข้าใจธรรมะละเอียดเหมือนอาตมา ก็พูดเขาไม่แรงเท่าไหร่ น้ำเสียงเขาอาจจะแรงแต่ธรรมะเขาไม่แรง ธรรมะเขาไม่เข้าใจ ซับซ้อนเหมือนอาตมาเข้าใจมันต่างกันอยู่ตรงนี้
_จรรยา ประเสริฐ (ต่อ):เพราะเขามีทุกสิ่งอย่างในโลกนี้ ที่คนอย่างเรา (โลกุตระ) ไม่มีเท่าเขา เขาลอยลำไปแล้วค่ะ
พ่อครูว่า… เป็นจริง เขาก็เชื่ออย่างนั้น เพราะโลกนี้มันมี ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เขามีมากมาย อาตมาไม่มี เขาเหมือนพวกนั่งเครื่องบิน อาตมาเหมือนหมาเห่าเครื่องบิน เขานั่งเครื่องบินของเขาสบายอยู่ลอยลำ อยู่ข้างบน เขาก็ก้มมองเห็นเราเหมือนหมาเห่าเครื่องบิน เออ.. หมาเอ๋ย เขาก็คงจะสงสารขนาดนั้น
แต่อาตมาพูดเรื่องประโยชน์ อย่างที่บอกว่าเขาก็คงไม่รู้สึกรู้สาอาตมาพูดอย่างไร เขาจะโกรธเอาด้วย คนอื่นที่จะฟังแล้วได้ธรรมะ เรียกว่า ตีงูให้กากิน ที่อาตมาทำ ไม่ได้หวังประโยชน์จากตัวเขา แต่หวังประโยชน์จากมวลมนุษยชาติ ใช่ไหม ประโยชน์เกิดตรงนั้น
ยิ่งมันมีตัวจริง คนจริง ของจริง พฤติกรรมจริง ที่พวกคนต่างๆก็ได้รู้ได้เห็นได้สัมผัส อาตมาพูดแล้วก็ อ๋อ.. เรื่องของ ความจริงพฤติกรรมจริง และพูดออกไปนี่นะมันรู้ง่าย ถ้าไม่มีคนจริง พฤติกรรมจริงพูดไปเป็นตำราพยัญชนะภาษาเฉยๆ มันรู้ยากใช่ไหม นี่มันดีแล้วมันมีคนจริง ปฏิบัติตามสิ่งที่อาตมาพูดไปก็ได้ของจริง มาศึกษามันก็ง่าย อาตมาก็ใช้โอกาสนี้ อธิบายเป็นธรรมะใช่ไหม เป็นของง่ายเป็นของมีเหตุปัจจัยดีแล้ว ครบแล้ว
เขาจะไปเอา ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เขาจะเอามีทุกอย่างแต่เรามาไม่มีทุกอย่าง คนละทาง เราก็ไม่ได้แย่งเขา แน่นอนเขาก็ไม่มาเอาอย่างเรา มันแน่นอนเดินคนละทางอยู่แล้ว
_ยากส์ส์ส์ส์ ที่เขาจะเข้าใจได้ ถ้าเขาเข้าใจ คงจะไม่ทำอย่างที่ปัจจุบันเขาเป็นอยู่ขณะนี้ (หน้าไม่บาง) ฉันอยู่ของฉันอย่างนี้ พวกคุณจะทำไมฉันล่ะะะะะ จริงหรือไม่คะ???? (พ่อครูว่า..จริง)
ที่ดิฉันเขียนอย่างนี้ เพราะว่า วันนี้ดิฉันไปสันติฯ มา ไปหาแม่กรุณา หาป้าหมู (เพราะนัดกับอางามใจ เดี๋ยวนี้เธอเป็นอารามิกาแล้ว เธอเจริญทางด้านจริยธรรมกว่าทักษิณเป็นไหนๆ เปรียบเทียบอย่างนี้ดิฉันชัดแจ้ง ระหว่างสวรรค์ที่ทักษิณมี กับคุณธรรมโลกุตระที่อารามิกาเธอมี) ยิ่งดูแม่กรุณา กับป้าหมู แม้จะป่วย ทำงานฟรีไม่ไหวแล้ว ชีวิตท่านยังมีคุณค่า น่าศึกษามากกว่านายทักษิณ อีกกระมังคะ ไม่ต้องไปเปรียบเทียบคนวัดช่วยงานฟรี ชีวิตอยู่พื้นฐานโลกุตระอันดับต้น คือโสดาบันค่ะ ดิฉันเห็นอางามใจรับภาระดูแลเอาใจใส่ ดิฉันบอกว่าไหว้เธอได้อย่างสนิทใจกว่า ไหว้นายทักษิณค่ะ กราบสาธุค่ะ
พ่อครูว่า…คนที่มีดวงตา มีปัญญา มีความเข้าใจก็ชัดเจนในสัจธรรมอย่างนี้แหละ อาตมาก็สบายใจหรือว่าดีใจที่ เออ…ธรรมะที่อาตมาแสดงไปนี่ คนพวกเราผู้ที่ได้รับก็เข้าใจ ได้สัจธรรมหรือได้ธรรมะอันนี้ๆ อยู่ โดยแยกออก แล้วก็พยายามแยก ไม่ให้อาตมาไปทำอะไรๆกับทักษิณตามที่คุณแนะนำมา ดี แสดงว่าเข้าใจสัจธรรมที่ซับซ้อนได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
_ธรรมธารทิพย์ มาลิณี : กราบนมัสการค่ะ จะคิดว่าท่านพีระพันธ์คือปราชญ์ในหมู่เปรตได้มั้ยคะ
พ่อครูว่า…เออ..ช่างถามเนาะ รู้จักไหม พีระพันธ์คือใคร หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและรองนายกฯ
ก็ได้ ตามที่พูดมาธรรมดา
พ่อครูตั้งจิตโพธิสัตว์กับพระพุทธเจ้ามาหลายพระองค์
_เพียรผ่องพุทธ กล้าจน : กราบนมัสการพ่อครูด้วยความเคารพอย่างสูง ขอเรียนถามว่าผู้ตั้งจิตกับพระพุทธเจ้าพระโคดมเป็นพระโพธิสัตว์หรือพระพุทธเจ้าของพ่อครู จะเจอโจทย์เร็ว แรง พลิกผันชีวิตจากที่เราทำดีมาแล้วตลอดชีวิต ให้พลิกคว่ำตีลังกากับเหตุ การณ์หนักๆ ที่ต้องเผชิญให้เราไม่ทันตั้งตัว เสียชื่อเสียง เป็นแบบฝึกหัดเพื่อทดสอบจิตใจขณะปัจจุบัน เราจะอยู่อย่างไม่มีตัวตน สลายอัตตา ได้หรือไม่ เราจะแพ้หรือจะข้ามพ้นไปได้มากน้อยเพียงไร สิ่งที่ได้รับเกี่ยวกับวิบากกรรมเก่าด้วยหรือเปล่าค่ะ
พ่อครูว่า…อาตมาตั้งจิตเป็นโพธิสัตว์ไม่ใช่ตั้งจิตกับพระสมณโคดมเท่านั้น อาตมาตั้งจิตโพธิสัตว์นี้มาหลายพระพุทธเจ้าหลายพระองค์แล้ว ไม่ใช่องค์พระพุทธเจ้าสมณโคดมเพียงพระองค์เดียว ตั้งมาจนมาเป็นโพธิสัตว์ระดับนี้แล้ว ไม่ได้เจอพระพุทธเจ้าองค์เดียวเท่านั้น เจอมามากมาย เพราะฉะนั้นมาถึงพระพุทธเจ้าองค์ไหนก็แล้วแต่ พระพุทธเจ้าสมณโคดมก็ตาม เราเกิดร่วมขึ้นมา เราก็จะต้องเข้าไปทำงานด้วย เพื่อสืบสาน เพื่อรับความรู้ต่อ มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติจะไปเอายังไงอ่ะ มีพระพุทธเจ้าอยู่พระองค์ไม่เอาจากพระพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าเกิดแล้วไม่เอาจากพระพุทธเจ้า จะเอาจากใคร เป็นโชคดีของเราแล้วที่ได้เกิดร่วมกับพระพุทธเจ้าใช่ไหมเราก็ต้องไปเอาจากพระพุทธเจ้า หรือมีโพธิสัตว์คนที่เกิดร่วมกับพระพุทธเจ้า ไม่เอาจากโพธิสัตว์ เขาก็ไม่มีปัญญารู้เหมือนกับพระพุทธเจ้าเกิดอุบัติขึ้นมาทั้งพระองค์ คนไม่รู้จักพระพุทธเจ้า อย่างพวกนอกรีตเยอะแยะ เขาก็ไม่เอา เขาก็ไม่รับพระพุทธเจ้า เขาก็ไปของเขา มันก็ธรรมดา
ต่อมาที่บอกว่าเจอโจทย์ให้เร็วแรงพลิกผันชีวิต ก็ถูกอย่างที่คุณพูดอาตมาเจอด่านทดสอบจิตใจ เราจะอยู่อย่างไม่มีตัวตน ได้หรือไม่ถูกสลายอัตตาก็ใช่ มันเป็นโจทย์ให้แก่เรา ถูกต้องแล้ว สิ่งที่ได้รับเกี่ยวกับวิบากกรรมเก่าด้วย ก็ใช่ ก็แสดงว่าเข้าใจ
พระพุทธเจ้าองค์ใหม่จะอุบัติหลังพุทธันดร
_นพพล จรัสวิกรัยกุล : พระอรหันต์จะดับสูญก็ได้หรือไม่ดับสูญก็ได้ แต่พระพุทธเจ้าต้องดับสูญเท่านั้น(ปรินิพพานเป็นปริโยสาน) พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องแสดงบทสำเร็จอันนี้ ถ้าพ่อท่านเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็ต้อง “ปรินิพพานเป็นปริโยสาน” นะสิครับพ่อ ถ้าพ่อท่านจะเป็นพระพุทธเจ้า ก็ต้องรอจนกว่าศาสนาเก่าเสื่อมหายไป จึงจะสามารถก่อตั้งศาสนาใหม่ขึ้นมาได้ โดยเป็นพระพุทธเจ้าใช่ไหมครับ? เพราะถ้าคนทั่วไปยังจำคำสอนศาสนาเก่าได้ การกำเนิดคำสอนใหม่ขึ้นมา(ซึ่งก็จะเหมือนกับคำสอนศาสนาเดิม) (พ่อครูว่า..ถูกต้อง) ก็น่าจะทำไม่ได้ใช่ไหมครับพ่อท่าน การเสื่อมของศาสนาเก่า จึงเป็นประโยชน์ให้กำเนิดศาสนาใหม่พระพุทธเจ้าองค์ใหม่สิครับพ่อท่าน
พ่อครูว่า…ใช่เป็นพระพุทธเจ้าแล้วต้อง ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ก็เคยพูดแล้วไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหน ที่จะเป็นพระพุทธเจ้า 2 สมัย ไม่มี เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งแล้วต้องปรินิพพานเป็นปริโยสานทุกพระองค์ ไม่มีพระพุทธเจ้า 2 สมัย คุณเอาความคิดของคุณไปคิดว่าได้ตำแหน่งยอดเยี่ยมขนาดนี้ ฉันเป็นต่อไปอีกก็จะได้ทำไม ไม่อยู่ไปนิรันดร แล้วจะมีใครมาเป็นพระพุทธเจ้าแทนอีกล่ะคุณเล่นสงวนยึดตำแหน่งพระพุทธเจ้า แล้วคุณก็สูงสุดแล้วคุณก็ยึดไว้ตลอดนิรันดรนิรันดร์กาลอยู่องค์เดียว ก็เลยไม่รู้จักจบจักสิ้น ไปหลงยึดอยู่อย่างนั้นได้ยังไง
สมณะฟ้าไท… คนเป็นพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น
พ่อครูว่า… คนอื่นก็ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าสักที เพราะคุณสูงส่งไม่มีใครแย่งได้แล้ว คนตายแล้วต้องมาเป็นพระพุทธเจ้าอีกก็แล้วกัน กันท่าคนอื่นหมดเลย นี่ก็คิดง่ายๆ ชัดๆ ใช่ไหม
แต่ที่จริงแล้ว โห.. เป็นพระอรหันต์นั้น ปรินิพพานเป็นปริโยสานไปไม่ต้องการเป็นพระพุทธเจ้า เพราะรู้แล้วว่ามีแต่ทุกข์เท่านั้น ผู้ที่จะมาเป็นต่อเป็นโพธิสัตว์นั้นมันทุกข์อีก แต่ว่าทุกข์มันซับซ้อน ท่านไม่มีทุกข์ แต่ท่านต้องมีทุกข์ … ทุกอย่างพระโพธิสัตว์เท่านั้นเอง ระดับต้นๆ ก็ทุกข์ พระโพธิสัตว์ระดับสูงขึ้นอีกก็ทุกข์น้อยลงอีก แต่ไอ้มากน้อยเหล่านี้คุณจะไปคาดคิดอย่างโลกีย์ไม่ได้แล้ว มันเป็นโลกุตรธรรมแล้ว มันเป็น ทรถ ของพระอรหันต์ขึ้นไป มันเป็นวิบากกรรมที่มันกลับกันแล้วมันยากแล้ว เป็นอจินไตย อย่าพูดต่อเลย
ก็ถูกสิ พระพุทธเจ้าองค์ไหนจะเกิดก็เมื่อศาสนาพุทธเสื่อมไปหมดแล้ว ก็ไม่ใช่น้อยด้วยนานแล้วด้วย แล้วพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ก็จะมาอุบัติขึ้นมาใหม่อีก พระพุทธเจ้าไม่มีอุบัติขึ้นมา 2 องค์ในขณะที่ศาสนาพุทธขององค์ก่อนยังไม่หมดสิ้นไป ยังไม่สิ้นเชื้อ แล้วพระพุทธเจ้าต้องมาเกิดขึ้นอีก ไม่มี พระพุทธเจ้าจะเกิดมาก็ต่อเมื่อศาสนาพุทธมันหมดสิ้นเกลี้ยงไปแล้ว แล้วก็ต้องมีชั่วระยะพุทธันดร ไม่มีศาสนาพุทธชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วจึงจะมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติขึ้นมาใหม่ ตามเหมาะตามควร จะห่างมากห่างน้อยแล้วแต่
ที่พูดมาก็ถูกต้อง ทำไม่ได้ถ้าศาสนาเก่ายังไม่หมดไป จะเกิดพระพุทธเจ้าซ้อนขึ้นมาไม่ได้ ทำไม่ได้ ถูกแล้ว มันเป็นธรรมชาติอย่างนั้น
ศีลทำให้เกิดความเป็นอรหันต์ไปตามลำดับ
_Krathin Sukdee กระถิน สุขดี : น้อมกราบพ่อครูค่ะ ลูกขอตั้งตบะกับพ่อครู เรื่อง ไม่กินจุบจิบ และไม่กินของหวาน ลูกมีคำถามค่ะ การปฏิบัติศีลจะทำให้ถึงซึ่งพระอรหันต์ตามลำดับ แล้วเราควรจะเริ่มปฏิบัติศีลตามลำดับอย่างไรคะ
พ่อครูว่า… ในกิมัตถิยสูตร พระไตรปิฎกเล่ม 24 ข้อ 1 กับข้อ 208 ผู้ที่ปฏิบัติศีลจึงจะเป็นพระอรหันต์ได้ ผู้ไม่ได้ปฏิบัติศีลไปนั่งหลับตาสมาธิโดยหลับตาไม่นั่งไม่มีศีล การไปนั่งหลับตาไม่มีศีลไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 ก็ไม่มี เพราะฉะนั้นมันปิดประตูที่จะบรรลุอรหันต์ไปตามลำดับ มันปิด สูตรนี้อ่านดีๆให้แตกฉาน ให้เข้าใจให้ได้ ถ้าเข้าใจแล้วก็จะรู้ว่า ไอ้หยา.. ไปนั่งหลับตาเป็นพวกโง่เง่าเต่าตุ่น ปิดประตู
เพราะหลับตาแล้วไม่มีศีล ไม่ได้ปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา ไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 แล้วก็จะเกิดสัทธรรม 7 ฌานจะเกิดจากการลืมตาปฏิบัติศีลกับ อปัณณกปฏิปทา 3 แล้วไปเข้าใจฌานแค่หลับตาเข้าฌานออกฌาน นั่นมันเป็นฌานของพวกเดียรถีย์ ฌานนอกพุทธ แล้วก็งมงายอยู่อย่างนั้นพูดเตือนเท่าไหร่ก็เฉย แทงด้วยปากหอกมาจนกระทั่งหอกอาตมาหักเสียจนไม่รู้เท่าไหร่ เช้า 100 เล่มกลางวัน 100 เล่มเย็น 100 เล่ม แทงไปเถิด หอกอาตมาจนทำหอกไม่หวาดไม่ไหว แต่ก็ไม่รู้จะทำไง จำเป็นต้องแทงอยู่อย่างนี้เผื่อคนอื่นที่หนังไม่เหนียวเท่า เขาก็จะพอรู้บ้าง
ฝึกปฏิบัติศีลจะทำให้เกิดความเป็นอรหันต์ไปตามลำดับ อันนี้จริงที่สุด ถ้าจะมาตั้งใจอธิบายอันนี้อยู่เพราะปฏิบัติศีลจะทำให้เกิดความเป็นอรหันต์ไปตามลำดับตามจรณะ 15 วิชชา 8 ตามธรรมะทุกอย่างของพระพุทธเจ้า
แต่ความเสื่อมของคนของชาวพุทธเสื่อมไปจากความเป็นพุทธเสื่อมจริงๆ มันไม่เข้าใจไม่เห็นความสำคัญในเรื่องศีล อาตมาตั้งใจอยู่ว่าจะอธิบายให้ละเอียด แต่มันไม่ง่าย มันยากอยู่เหมือนกัน ที่จะค่อยๆ อธิบายให้เห็นจริงเห็นจัง
อย่างพวกเรานี้ พวกคุณไม่รู้สึก แต่พวกคุณได้รับแล้ว ไม่รู้สึกคำนี้ ไม่ใช่ดูถูกพวกคุณหรอก คุณไม่รู้ละเอียดลึกซึ้งเท่าอาตมาเท่านั้นเอง คุณก็พอรู้บ้าง แต่คุณไม่รู้ลึกซึ้งละเอียดเท่าอาตมาว่าพวกคุณนี้ได้ดิบได้ดีมาเพราะศีล แล้วก็ได้บรรลุอรหัตผลมาตามลำดับ ได้บรรลุอาริยธรรมมาตามลำดับเพราะศีล
เรามาอยู่ในสังคมชาวอโศกนี้ปฏิบัติศีลไหม ทุกคนปฏิบัติศีลทั้งนั้น น้อยมากก็แล้วแต่ ผู้ใดปฏิบัติโดยมี อปัณณกปฏิปทา 3 ดี มันก็ได้ผลใช่ไหม ได้มรรคได้ผลดีใช่ไหม สำคัญนะ อปัณณกปฏิปทา 3 สำรวมอินทรีย์ 6 โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ
เป็นพระอรหันต์แล้วไม่ยุ่งกับเรื่อง ลาภสักการะสรรเสริญ
_ซึ้งซื่อ วิเชียร : ขอกราบนมัสการพ่อท่านด้วยสุดเศียรสุดเกล้าครับ ในองค์แห่งพระอรหันตขีณาสพซึ่งปฏิบัติโอวาทปาฏิโมกข์ ๓ ได้แล้วดับสิ้นกิเลสนอกกิเลสในได้แล้ว ทำไมยังต้องเกรงกลัวต่อโลกธรรม ๘ อีก ดังที่พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสไว้ว่าลาภยศ สรรเสริญ เป็นสิ่งอันตรายอันแสบเผ็ดสำหรับท่านองค์พระอรหันต์ด้วยครับ
ขอกราบขอบพระคุณพ่อท่าน อย่างสูงยิ่งครับ
พ่อครูว่า… พระพุทธเจ้าก็ได้รับคำถามนี้ย้อนมาเหมือนกัน มีพระสาวกถามว่า ทำไมพระอรหันต์ มีลาภสักการะสรรเสริญ ต้องเป็นอันตรายอันแสบเผ็ดของพระอรหันต์อีก
พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า ในสูตรนี้พยัญชนะเขาตรัสไว้ว่า เป็นอันตรายอันแสบเผ็ดต่อ สุขวิหารธรรม
เพราะฉะนั้นก็จะต้องเข้าใจว่า สุขวิหารธรรม แปลว่าอะไร สุข แปลว่า ว่าง วิหารธรรม แปลว่า เครื่องอยู่ สำเร็จอิริยาบถอยู่
เพราะฉะนั้นคุณจะสำเร็จอิริยาบถอยู่ด้วยความว่าง มันไม่ว่างถ้าคุณไปยุ่งกับลาภ ยศ สรรเสริญ สักการะต่างๆ แม้เป็นพระอรหันต์แล้ว พอเข้าใจไหม คุณจะไปยุ่งกับมันทำไม เป็นพระอรหันต์แล้วอย่าไปยุ่งกับมัน ลาภ สักการะ ไปแบกเทิ่งๆ ทำไม พูดให้กระเทือนไปถึงเถรสมาคม นี่ยังแบกลาภ สักการะ สรรเสริญ ลาภ ยศ สรรเสริญ เจ้าคุณชั้นนั้นชั้นนี้ อะไรต่างๆ นานา ยศ สรรเสริญ อยู่นั่นน่ะ
อาตมาเคยพูดอันนี้ไม่รู้กี่ที พระพุทธเจ้าพอรู้ตัวพระองค์ออกมาหมดเลย ท่านมีลาภ สักการะ สรรเสริญ เยอะแยะเลยโลกีย์ ใหญ่กว่าเถรสมาคมด้วย ท่านออกมาเลย มาเดินพระบาทเปล่า นุ่งผ้าบังสุกุล ซึ่งยุคโน้นเขาถือจัดเลยนะ คนมาทำอย่างนี้ มาโกนหัวเขาก็หาว่ามันเป็นอะไรยุคนั้น เด็ดเดี่ยวไหม นี่แหละเด็ดเดี่ยว
แต่นี่เถรสมาคมไม่มีเด็ดเดี่ยวเลย ถูกครอบงำตกอยู่ใต้อำนาจลาภยศสรรเสริญ สักการะ อยู่อย่างนั้น ออกมาไม่ได้ ออกมาอย่างโพธิรักษ์สิ แค่นี้ยุคนี้อย่างโพธิรักษ์ออกมาไม่ได้เข้าไปเลย
อาตมาถ้าอยู่ทางโลก อาตมาทำงานธรรมะมาอย่างนี้ อาตมาจะได้ตำแหน่งยศศักดิ์ไหม ได้ อาตมากลัวจะได้ตำแหน่งยศศักดิ์รีบออกมาเลย ฝีมือรู้ธรรมะขนาดอาตมานี้ มันจะไม่ได้ยศศักดิ์ ถ้าอยู่ทางโน้นไม่ได้ได้ยังไง ใช่ไหม
เหมือนกันพระพุทธเจ้านั้นอยู่ ถ้าท่านอยู่ต่อเป็นจอมจักรพรรดิ์อะไรต่ออะไรอีกอย่างที่ว่า ถ้าท่านอยู่ต่อก็จะได้เป็นมหาจอมจักร พรรดิ์ไปแล้ว แต่ท่านไม่เอา ไม่ได้แยแสเลย แหมเข้าใจยากเหมือนกันนะ ตอบไปแล้วนะ โอวาทปาฏิโมกข์
_กิ่งธรรม . น้อมกราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพและศรัทธายิ่ง
เมื่อวันจันทร์ที่ 21 ส.ค.นี้(ผ่านมา 1 เดือนกับ 7 วันแล้วค่ะ)ลูกและกลุ่มสาธารณสุขบ้านราช ได้มีโอกาสพบปะต้อนรับคุณหมอมนต์ชัย ผอ.รพ.สรรพสิทธิประสงค์และคณะพยาบาลที่ติดตามมาดูแผลพ่อท่าน รู้สึกประทับใจในความเอาใจใส่ของคุณหมอมากค่ะ ท่านเป็นคนอัธยาศัยไมตรีดีมาก อารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใส ให้ความรู้และอธิบายเรื่องการรักษาดีมาก และผลการรักษาก็ดีมากด้วย นอกจากนั้นท่านยังเป็นผู้บริหารแบบนักพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอนหนึ่งท่านเล่าให้ฟังว่า รพ.จะมีอายุครบ 88 ปี เป็นตัวเลขที่เป็นเครื่องหมายอินฟินิตี้หมายถึงความยั่งยืนยาวนาน ท่านอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดียั่งยืนยาวนานประมาณนี้ นับว่าเป็นนักพัฒนาที่มีวิสัยทัศน์มาก ท่าน ผอ. มีภาระกิจมาก หลังจากที่มาดูแผลพ่อท่านเสร็จก็ต้องนั่งเครื่องต่อเพื่อเข้าประชุมที่กระทรวงในวันรุ่งขึ้น และก็รู้สึกประทับใจในพ่อท่านด้วยค่ะ พ่อท่านแสดงการเป็นผู้ป่วยที่ดีมากค่ะ ขณะที่คุณหมอทำแผลให้พ่อท่านนิ่งมากและมีใบหน้ายิ้มเล็กน้อยไม่แสดงอาการกลัวหรือกังวลใดๆ คุณหมอก็รู้สึกสบายใจ…นอกจากนั้นคุณหมอก็สนใจในเพลงของพ่อท่านมาก โดยเฉพาะเพลงชื่นรัก และเพลงประกอบในหนังเรื่องโทน วันนั้นลูกรู้สึกว่าได้อยู่ในบรรยกาศที่อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใสมากค่ะ ได้ เข้าใจในคำว่าบุญบารมีมากขึ้นค่ะ ถ้าเราเป็นผู้สร้างบารมีไว้มากก็จะมี ผู้ร่วมบารมีกันมาดูแลเกื้อกูลกันตามบารมีนั้นๆ ก็ตามจริงที่เรามี ลูกก็แค่จะสื่อสารบรรยากาศนี้และความประทับใจ แบ่งปันให้ญาติธรรมท่านอื่นได้รับทราบด้วยค่ะ และลูกอยากจะเสริมอีกเล็กน้อยว่า…ไม่อยากให้พวกเราที่หลายคนปฏิเสธแพทย์แผนปัจจุบัน ปฏิเสธการผ่าตัด หรือยาแผนปัจจุบันมากนัก ก็เป็นที่ประจักษ์หลายครั้งหลายคราแล้วว่าเขาทำได้ผลดีจริง..รักษาให้อาการดีขึ้นหรือหายได้..ถ้าปฏิเสธก็ทำให้เสียโอกาสรับการรักษาที่ถูกควร แต่คงไม่มีการรักษาใดๆที่ให้ผล100% ดั่งใจคิดได้ค่ะ
ลูกอยากจะเล่าเชื่อมโยงเรื่องนี้กับเรื่องเมื่อวานนี้.(28กย…) ลูกๆกลุ่มสาธารณสุขบุญนิยม…… ได้ไปเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับ รพ.สรรพสิทธิประสงค์อีกครั้ง ด้วยการเอาลองกองไร้สารพิษจากศีรษะอโศกไปฝากผอ.รพ.และเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานของรพ. ด้วยสำนึกในบุญคุณที่ทางรพ.ให้การดูแลพ่อท่านเป็นอย่างดี ท่านผอ.ยังบอกว่าจะหาเวลามาเยี่ยมพ่อท่านอีก และยังพูดถึงว่าอยากจะมาเรียนรู้เรื่องโคกหนองนาโมเดลด้วยค่ะ ไปเจอท่านและเหล่าเจ้าหน้าที่หลายท่านที่มาร่วมกันทำพิธีวันธงชาติด้วย ลูกอดคิดต่อไม่ได้ว่า เราเป็นสถานการศึกษา แต่ก่อนลูกเป็นเด็กร้องเพลงเคารพธงชาติ และฟังคุณครูอบรมหน้าเสาธง ลูกเคยเป็นคนชักธงชาติขึ้นสู่เสาธงด้วย แต่รร.ของเรา ลูกไม่เห็นมีการให้เด็กชักธงขึ้นเสาและร้องเพลงชาติร่วมกันทุกวันเลย หรือมีแต่ลูกไม่รู้ก็ไม่ทราบนะคะ แค่ลูกไม่เคยเห็นเหมือนตอนที่ลูกเป็นเด็ก ลูกว่าเป็นการฝึกฝนวินัยและความรักชาติดีค่ะ วันนี้ลูกยาวไปหน่อยค่ะ กราบนมัสการด้วยความเคารพบูชายิ่งค่ะ.
พ่อครูว่า… ก็ดี ผู้ที่ดูแลที่เห็นว่าควรจะฟื้นฟู มีการให้นักเรียนไปยืนตั้งแถวเคารพธงชาติ อาตมาก็เหมือนกันในชีวิตเป็นนักเรียนก็เข้าแถวเคารพธงชาติ มาตั้งแต่เด็กจนโตนั่นแหละ จนกระทั่งมาเข้าชั้นสูงแล้ว ถึงค่อยไม่ได้ไปเคารพ เขาให้เคารพแต่เด็กๆมั้ง
กรักตรงเตือนว่า… โรงเรียนเราเคารพตั้งแต่เช้ามืดตอน 5:45 น
(พ่อครูไอตัดออกด้วย)
สมณะฟ้าไท… เสาธงเราก็เคลื่อนย้ายได้ด้วย ที่อื่นๆ เสาธงอยู่กับที่ แต่เสาธงเราเคลื่อนย้ายได้ เพราะโรงเรียนเราน้ำท่วมก็ย้ายไปได้ทั่ว เด็กๆเราทำกิจกรรมตั้งแต่เช้ามืด เคารพธงชาติ จากนั้นกินข้าวต้มแล้วไปทำงาน
ประชาธิปไตยโลกุตระที่ Absolute Ultimate เจริญสุด
พ่อครูว่า… พูดถึงเรื่องธรรมะมาพอสมควร มาพาดพิงถึงเรื่องโลกๆ เขาบ้าง อาตมาเอาของบ้านเล็กเมืองน้อยเขา มาอ่านไปทีนึงแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24-25 กันยายน 2566 อ่านไปได้หน้า 2 หน้า
_บ้านเล็กเมืองน้อย
กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพรักยิ่ง
ความก้าวร้าว หยาบคาย ละเมิดสิทธิผู้อื่น
ความโกหก เสแสร้ง หลงสีหิวแสง ego สูง
ความไร้สำนึก ใจดำ ขาดความรับผิดชอบ
ความไร้คุณธรรม แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ เหล่านี้เป็นอาการซ้ำซาก ของ โรคไซโคพาธ (Psychopaths) ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และกำลังลุกลามในสังคมไทยปัจจุบัน
ความสามานย์ต่อเนื่องไม่หยุดของระบบทุนนิยม ได้สุมวิกฤติทางเศรษฐกิจรอบแล้วรอบเล่า ปั่นการเมืองฉ้อฉล ให้ยิ่งยอกย้อน ป่วนรากฐานสังคมจนบอบช้ำ สะสมเกินขีดจำกัดของคนรุ่นก่อนๆจะแบกรับไหว
…… ผลกระทบอันเลวร้ายจึงส่งต่อถึงลูกหลาน ทำให้เป็น “โรคไซโคพาธ” ในปัจจุบัน
ความแตกแยกในครอบครัว การถูกเลี้ยงดูแบบละเลยเพิกเฉย การถูกทารุณกรรมในวัยเด็ก การศึกษาที่ขาดจิตวิญญาณ การที่ต้องเติบโตมาในสภาพสังคมที่โหดร้าย ฯลฯ… ล้วนเป็นสาเหตุของโรค
เมื่อผลไม้พิษสุกงอมในสภาพสังคมที่แร้นแค้น…สิ้นหวัง ผู้คนจึงถูกใช้เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ ที่สะดวกซื้อราคาถูก
เหมาะเจาะกับการเข้ามาเก็บเกี่ยวผลผลิต ที่ได้หว่านเมล็ดพันธุ์พิษเอาไว้ (จากการส่งออกประชาธิปไตย)
พ่อครูว่า… ประชาธิปไตยของเทวนิยม มันก็เป็นทฤษฎีเป็น Concept ของประชาธิปไตยแบบเทวนิยม ซึ่งเขาคิดไม่ออกหรอกว่าประชาธิปไตยแบบโลกุตระเป็นยังไง
อาตมาก็เคยยืนยันว่าประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้านั้น สมัยพระพุทธเจ้ายังไม่มีคำว่าประชาธิปไตยในยุคท่าน แต่มันมีสภาวะไหม..มี สภาวะประชาธิปไตยมีแต่สมัยพระพุทธเจ้าแต่มันพูดไม่ได้อธิบายไม่ออก แต่พระพุทธเจ้าท่านมีทฤษฎีอยู่ พาปฏิบัติธรรมมีทฤษฎีมีหลักการสำเร็จผลนั้นด้วย
ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้านั้นคนจะเป็นสังคมที่ สาราณียธรรม 6 ประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้ามันจะมีผลสำเร็จของมนุษย์ สาราณียธรรม 6 มีคุณธรรมมีพุทธพจน์ 7 มีวรรณะ 9 อาตมาก็เคยอธิบายมาแล้ว
ในยุคโน้นคำว่า อธิปไตย ประชาธิปไตยก็มีคำว่า อธิปไตย คำรวมของประชาธิปไตยมันไม่มี แต่คำว่าประชา มวลประชามันมี คือพยัญชนะบาลีว่า พหุชน
คำ อธิปไตยมันมีอยู่ที่ อธิปไตย 3 พหุชนะหรือโลก มันอยู่ที่อายะ 3 อาตมาก็อธิบายหมดไปหมดแล้วคนที่ฟังธรรมะไม่ค่อยเข้าใจนักหรือว่าฟังไม่ทัน แม้จะเรียนจบด็อกเตอร์ทางรัฐศาสตร์มาก็ตาม ฟังที่อาตมาอธิบายนี้เข้าใจยากอยู่
คำว่า ประชาธิปไตย ไม่มี แต่ความเป็นอธิปไตยต่อมวลประชาชน มีประโยชน์โภคผลเป็นอายะนั้นมีแล้ว ก็คือ อธิปไตย 3 กับอายะ 3 นี้แหละ นี่แหละเป็นประชาธิปไตยของศาสนาพุทธ ไม่ใช่ประชาธิปไตยของเทวนิยม
เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยเทวนิยมนั้น ไม่เกิดผลอย่าง Absolute หรือว่า Ultimate เหมือนกับของศาสนาพุทธ ไม่มี ผลที่มันสวยงามสูงสุดเป็น Absolute หรือว่าเป็น Ultimate ไม่มี ของประชาธิปไตยโลกียะ
ยิ่งไปเป็นประชาธิปไตยขาเดียว อย่างที่เขานิยมชมชอบกันอย่างสหรัฐพาทำ ยิ่งเหลวเละใหญ่เลย แหลกลาญ เดียวก็แหลกหมดคอยดูสิสังคม มันยิ่งกลายเป็นระบบระบอบที่ทำให้สังคมโหดเหี้ยม สังคมที่กิเลสโลก เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวจัดจ้าน อย่างที่เป็นนี้ อ่านให้ออกสิ อ่านให้ออก เบ่งอำนาจบาตรใหญ่กันไป ข่มเหงกันไป ทารุณโหดร้ายกันไป
สังคมที่มีคุณธรรม สังเกตได้ง่ายๆ เป็นสังคมที่จะไม่นิยมการสร้างอาวุธ สังคมที่ไร้คุณธรรมเป็นสังคมที่สร้างอาวุธ
สร้างเก่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วย นั่นแหละคือสังคมที่เสื่อม สังคมที่ตกต่ำ อำมหิตโหดร้าย อาวุธไปสร้างขึ้นมาฆ่าคนง่ายๆ แค่นี้เข้าใจไม่ได้ ทำไมจะต้องสร้างอาวุธขึ้นมาฆ่าคน ศีลข้อ 1 วางทัณฑะ วางศาสตรา ไม่ฆ่าคน วางอาวุธวางศาสตรา ไม่ฆ่าคน วางหมดไม่มีก็วาง ไม่มีเลยก็ไม่ต้องสร้าง ก็ไม่ต้องวาง วางเลยอาวุธ ไม่มีอาวุธ ไม่มีศาสตรา หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ มันลึกซึ้งสุดๆ เลย
เพราะฉะนั้นคนที่จะเข้าถึงจิตที่บอกว่า หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่นี่นะ ไม่ได้ง่ายๆ เลย ไม่ง่ายเลย ศีลข้อ 1 เท่านั้น ไม่ต้องไปเอาศีลข้อมากข้อมายอะไรเลย
คนที่มีจิตหวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ แล้วไม่ฆ่าไม่ทำร้ายอะไรใคร เอาแต่แค่ชาวอโศกเรานี่ประพฤติ พวกเรานอกจากไม่ฆ่าไม่ทำลาย ไม่ทำร้ายแล้ว มีจิตเมตตาเกื้อกูลช่วยเหลือ คิดดูสิเราอยู่ที่นี่ ผู้ที่แวดล้อม อยู่ในหมู่บ้านอื่นๆ ต่อ หมู่บ้านราชธานีแล้วก็มีหมู่บ้านอื่นๆ รอบๆ ล้อมพวกเราอยู่ เขาไม่ค่อยรู้จักพวกเรานะ แต่เขารู้จักพวกเรา คือจริงๆ เขาไม่ได้มาคลุกคลีเกี่ยวข้อง ไม่รู้จักพวกเราหรอก ไม่ค่อยเข้ามาใช่ไหม แต่เขารู้จักพวกเราได้ลึกซึ้ง
เอาอย่างกุดระงุมนี่สัมพันธ์กันมาก เราเดินออกไปเห็นไหม อย่างกับรู้จักกันทั้งนั้น ดีไม่ดีก็ยกมือไหว้ได้ ธรรมดาชาวบ้านเขาไม่ยกมือไหว้กันมากมายนะ แต่พวกเราเขายกมือไหว้เรา โดยเฉพาะพระอโศก สมณะอโศกไหว้กัน ยกเว้นบ้านคำกลางเขาเป็นคริสต์ เขาก็ไม่ไหว้ละ แต่ท่ากกเสียวห่างกว่า กุดระงุมน้อยหน่อย ก็ไม่ค่อยจะไหว้อะไรเท่าไหร่ แต่เขาก็รู้
ที่รู้ดีก็คือนี่เขาก็รู้แล้วว่ามีกระท่อมปันสุข ถึงเวลาปั๊บก็มา อะไรอย่างนี้ นี่เป็นเรื่องที่เป็นเรื่องของมนุษย์ มนุษย์ที่ติดหลักการ หลักวิชาของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติแล้วจะเป็นอย่างนี้ แล้วพวกเราก็ยิ่งทำไป มันจะค่อยๆกว้างขวางขึ้น
ที่นี้อย่างชาวอโศกเราก็ทำเต็มที่ ของเราไป อย่างไรเราก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว ก็อยู่เป็นสุข อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูล และเพิ่มพูนการเสียสละ รู้สึกไหมว่าที่อาตมาพูดนี้หรือว่าตั้งคำพวกนี้ขึ้นมา เราเพิ่มพูนการเสียสละ ตัวปลายเปิด รู้สึกไหมว่าเรามีลักษณะอย่างนั้นจริงๆ พยายามเพิ่มพูนการเสียสละ แต่มันก็เสียสละได้สูงสุดแล้วก็เพราะพวกเรามีแค่นี้ ก็มากก็มายหมุนเวียนเสียสละกันอยู่นี้
ถ้าคนในโลกหรือในสังคมใด มีคุณลักษณะแบบที่เราเป็นกันนี่ คุณคิดดูซิว่าสังคมจะเป็นยังไง อาตมาเคยพูด นะว่าอาตมาเกิดมาชาตินี้แล้วเอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาพูดมาเปิดเผย มาอธิบาย มาทำให้เข้าใจกัน (พ่อครูไอตัดออกด้วย)
ดที่เลิศยอดยิ่งใหญ่ที่สุดของคนคือพ้นสุขพ้นทุกข์
สงสัยอาตมาคงจะต้องหยุดสอนหยุดบรรยายแล้ว คงจะเหลือแต่เขียนหนังสือ เพราะรู้สึกว่ามันอาการมันหนักขึ้น มันฝืนนะ แล้ววิบากของอาตมาก็หนักขึ้น รักษาไม่ได้แล้วก็อาการหนักขึ้นมาก ยืดอายุขันธ์ด้วยอะไรด้วย ก็เอา ดันสุรังไป จะไปได้อีกนานเท่าไหร่ก็ว่าไป
อาตมาเคยสรุป ว่าเราเกิดมาเป็นคน ประเด็นหลักที่สุดพระพุทธเจ้าท่านสรุปผลหรือว่าสรุปเป้า สรุปเป้าแล้วก็จบที่เป้านี้ จบเป็นมรรคผลของเป้านี้ คือคุณจะต้องพ้นสุขพ้นทุกข์ นี่เป็นจุดที่ยิ่งใหญ่เลิศยอด เคยอธิบายมาบ้างแล้ว เป็นจุดที่เลิศยอดยิ่งใหญ่ที่สุด
คนที่หมดการเสพสุขก็คือพ้นทุกข์ ไม่เสพแล้วสุข ไม่มีสุขแล้ว ไม่เสพสุขอีกแล้ว คนนั้นก็คือพ้นทุกข์ เพราะสุขทุกข์มันหนึ่งเดียวกันเลย เป็นแต่เพียงว่าเหมือนกระดาษคนละหน้าแต่อันเดียวกัน แยกไม่ออก ฉีกไม่ออก อันหนึ่งหมดก็หมดไปด้วยกัน อันหนึ่งมีก็ต้องมีด้วยกัน
ซึ่งเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากที่สุด จิตวิญญาณของคนติดอยู่ตรงนี้ติดอยู่ตรงสุข เข้าใจไม่ได้เลยจึงต้องไปเสพสุข เพราะฉะนั้นถ้าเกิดปัญญาญาณรู้จักสุขจักทุกข์แล้ว แล้วก็ทำให้หมดสุขหมดทุกข์ได้ มันเท่ากับหมดเลย..จบ พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า กตํ กรณียํ มันจบกิจ มันจบจริงๆเลย อาตมาก็เคยอธิบายมาบ้างแล้ว
1.เป็นคน ถ้าจะเกิดอยู่ คุณก็มีแต่ทำความดี ไม่ทำความชั่วอีกเลย คุณจะเกิดอีกกี่ชาติๆๆ มีหลักประกัน ถ้าจบกิจนี้แล้ว
หนึ่งเป็นคนมีหลักประกันเด็ดขาด ถ้าคุณจะเกิดดีจะชาติก็ไม่ทำชั่วอีกแล้ว ทำแต่ดี ทำแต่กุศลอย่างเดียว เป็นโลกียะนี่แหละ ตลอดกาลนานจะอยู่ไปเท่าไหร่ๆ
-
ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ เมื่อบรรลุอรหันต์ อรหัตผลเสร็จ แล้วคุณจะเกิดอีกเท่าไหร่ๆ ก็เกิดได้ ก็มีแต่ทำดีเพราะหลักประกันมีอยู่แล้ว แค่นี้ก็เคยอธิบายซ้อน
ผู้บรรลุอรหันต์แล้วทำไมเกิดมายังมีสุขมีทุกข์..ใช่ เพราะถูกโลกโลกีย์ครอบงำ เป็นลิงลมอมข้าวพอง พอคุณรู้สึกตัวเมื่อไหร่ก็สลัดออกง่ายดายไม่ยากอะไร ตามบารมีของแต่ละท่าน
อาตมาเกิดมาในชาตินี้ก็ยังเป็นลิงลมอมข้าวพองอยู่ตั้ง 36 ปี พระพุทธเจ้าก็เป็นลิงลมอมข้าวพองอยู่ตั้ง 35 ปี ขนาดออกมาจากทางโลกแล้วตอนอายุ 29 ก็ยังจมอยู่ในทางวิบากอีก 6 ปี..อะไรอย่างนี้
สรุปแล้วก็คือ ไม่มีสุขไม่มีทุกข์
-
นี่สิ่งยิ่งใหญ่ที่สุด จะอยู่ก็ได้ จะไม่อยู่ก็ได้ จะเกิดก็ได้ จะไม่เกิดก็ได้ จะตายก็ได้ แล้วไม่สุขไม่ทุกข์ด้วย ไม่ทำชั่วด้วย หรือสุดเลย แยกธาตุจิตวิญญาณสลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไปเลยได้ อะไรจะยิ่งใหญ่เท่านี้