661009 ฌานวิสัยเป็นอจินไตยที่เกิดได้ด้วยจรณะ 15 รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #44 ราชธานีอโศก
ดาวโหลดเอกสารที่ https://docs.google.com/document/d/1S7nyJEK380GaBvEjByJBRhGMc0ych9Xu/edit?usp=sharing&ouid=101958567431106342434&rtpof=true&sd=true
ดาวน์โหลดเสียงที่ https://drive.google.com/file/d/1XK792SN9eE-wnEUEwZ7Rb2rQEkR5gMXR/view?usp=sharing
และ https://podcasters.spotify.com/pod/show/dhamaporkru/episodes/661009-167-1–15-e2abipd
ดูวิดีโอได้ที่ https://fb.watch/nzB_DDYBKc/
และ https://youtu.be/VKxc82ugA3E
(มีซับ)
พ่อครูว่า…วันนี้วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก พรุ่งนี้ก็จะเลยไปเป็นแรม 11 ค่ำแล้วพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ 11 มันไปเรื่อยๆ จะมีอะไรลืมกันไปเรื่อยๆ ปีเถาะ
ปีกระต่าย มาเริ่มกันที่ เมื่อกี้นี้ ไปดูโทรทัศน์บุญนิยมเรา มาเมื่อกี้นี้ มีหนูสาวตาบอดมาร้องเพลง มองเห็นพระเจ้าอยู่หัว แต่เธอตาบอด แต่เธอเห็นพระเจ้าอยู่หัว คนตาดีนึกว่าตนตาดีนึกว่าตนเฉลียวฉลาด ที่จริงคุณไม่มีความฉลาดคุณมีแต่ เฉกะ ไม่มีความฉลาดคุณมีแต่ เฉกะ ที่ยิ่งใหญ่หลงตัวเอง หลงตนเองว่ามีความรู้
ถ้าคำว่าฉลาดกับ เฉกะ ต่างกัน มันแยกกันไปคนละขั้วเลย เฉกะคือความรู้ ที่เป็นความรู้ชนิดหนึ่งที่ชาวเทวนิยมเป็น ถ้าไม่ใช่ชาวพุทธที่สัมมาทิฏฐิจริงๆ จะไม่มีความรู้เป็น ฉฬายตนะ หรือฉลาด
ฉลาดในภาษาเป็นคำกร่อนมาจาก ฉฬายตนะ จาก ต.เต่า มาเป็น ด.เด็ก กร่อนหายไป เหลือฉลาดตัวเดียว ถ้าสะกด ฉ ฉิ่ง ล.ลิง สระอา ต.เต่าก็อ่านฉลาด ภาษาบาลีไม่มี ด.เด็ก
นัยสำคัญที่อาตมาแยกพวกนี้มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่คนเขาก็ฟังแล้วก็เผินๆ เขาเข้าใจไม่เห็นความสำคัญในความสำคัญ เขายังภูมิไม่ถึง ยังไม่ฉลาด ยังไม่เฉลียวฉลาดเพียงพอที่จะรู้ว่านี่เป็นความสำคัญในความสำคัญ
เพราะฉะนั้นคนที่ยังไม่ได้สนใจ ยังไม่มีความฉันทะยินดีในคำสอนที่อาตมาสาธยายอธิบายอยู่ ยังไม่เห็นความสำคัญ ยังไม่เห็น ชัดๆ ก็คือยังไม่เห็นความวิเศษที่มันถูกต้องยิ่งยอด เขาจะยังไม่เห็นเขาจะดูถูกดูแคลนอาตมาอยู่ ยิ่งเขาไปศึกษาในสำนักที่มีอาจารย์ใหญ่ๆ เป็นที่ยอมรับทั้งยูเนสโก ยอมรับทั้งสหประชาชาติ ยอมรับทั้งของเทวนิยมที่ใหญ่ๆ องค์กรยิ่งใหญ่ของโลกอะไรพวกนี้ แม้แต่ Nobel Prize อะไรพวกต่างๆ ของ Nobel ด้วยนะ
Nobel เป็นภาษาอังกฤษที่แปลว่าสำคัญยิ่งยอด Noble Prize รางวัลชั้นยอดเขายกให้โนเบล Nobel เป็นชื่อคน เป็นมิสเตอร์โนเบลที่ค้ากระสุน ระเบิด จนรวยเละเลย ค้าพวกกระสุนระเบิด ดินปืน พวกนี้ จนกระทั่งเป็นเศรษฐีใหญ่มีกองทุนมากมาย แล้วก็เอาไปลงทุนเอาไว้จนกระทั่งออกดอกออกผล ทุกวันนี้ยังแจกเป็นรางวัลทั่วโลกกันอยู่ ยังไม่จบเลย รวยมหาศาล
เขาจะมองสันติภาพแบบโนเบล มองสันติภาพแบบรางวัลโนเบิ้ลของโนเบล เขาจะยังไม่รู้สันติภาพแบบพุทธ สันติภาพแบบของศาสนาพุทธที่เป็นอเทวนิยม ที่มีปัญญาและมีความสงบ มีความไม่เบียดเบียนอันสมบูรณ์แบบ มันชัดนะทางโน้นทำเครื่องระเบิดเบียดเบียนสัตว์ในโลก แต่ของพุทธนี่ ไม่เลย ไม่มีมิจฉาวณิชชาในเรื่องนี้เลย ไม่มีการค้าการขาย ไม่มีการสร้างสิ่งเหล่านี้มาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ไม่เลย อันนี้เป็นนัยสำคัญที่ลึกซึ้งมาก อาตมาไม่ได้นัดแนะกันนะ กับภาพ insert
เขาเป็นพ่อค้าความตาย รางวัลสันติภาพ Alfred Nobel เขาเป็นเจ้าของกองทุนนี้เลย เกิดที่สวีเดนเสียชีวิตที่อิตาลี เท้าความไป คนที่มีความรู้เก่งกว่าอาตมาคงจะรู้ ความรู้รอบตัวพวกนี้อาตมาขอยอมรับว่าอาตมามีความรู้รอบตัวอื่นๆ ใดๆ น้อย ไม่ใช่น้อยมากนะแต่น้อยๆ นิดๆ ไม่ใช่น้อยมาก น้อยนิดๆ เลย อาตมาขอยอมรับอย่างเดียวว่าอาตมามีความรู้ทางด้านโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า ขอยืนยันขออภัยที่ต้องพูดความจริง ว่าอาตมามีอันนี้มากที่สุดในยุคนี้ ของพระพุทธเจ้า อาตมาพูดความจริงนะอันนี้ จำนนที่ต้องพูดความจริง จำนน จำเป็น จำต้อง จำใจ ที่ต้องพูดคำนี้
เพราะว่าอายุอาตมาก็ใกล้ 90 แล้ว คนที่ใกล้ตายจะพูดความจริงทั้งนั้นไม่มีอะไรตลบตะแลงหรอก
เพราะฉะนั้นในยุคนี้จึงเป็นยุคที่มันต้องมีความรู้ ที่เป็นโลกุตรธรรมเพิ่มขึ้น เพราะมันเกิด ที่มันเกิดอีกแหละต้องพูดความจริง จำนน จำเป็น จำต้อง จำใจ จำยอม ที่จะต้องพูดความจริง ว่าอาตมาเกิดมายุคนี้ และอาตมาก็เป็นผู้นำเอาโลกุตรธรรมขึ้นมาประกาศในยุคนี้ อาตมาเป็น สยังอภิญญา เป็นผู้ที่มีความรู้ของตนเองแล้วเป็นอภิญญาของตนเองแล้ว เป็นความรู้ยิ่งของพระพุทธเจ้าในตนเองแล้ว เกิดมาก็เอามาด้วย ไม่มีครูบาอาจารย์อื่น เพราะครูบาอาจารย์อื่นไม่มีแล้วที่มีโลกุตรธรรม มันเสื่อมตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอาณิสูตร ในพระไตรปิฎก ล.16 [672]
คนที่ศึกษาติดตามก็อ้างอิงพระพุทธเจ้าสอนเรื่องจริงต้องมีหลักมีฐานมีที่อ้างที่อิง อาตมาก็พยายามมีที่อ้างที่อิงอยู่เสมอ ก็ศึกษากันดีๆ อาตมาก็ยังเห็นว่ามันเกิดความจริงขึ้นแล้วในประเทศไทย ในมนุษย์พุทธศาสนิกชนคนไทย จำนวนหนึ่ง แม้จะน้อย ก็เป็นเรื่องของสัจจะที่เกิดแล้วเกิดเลย มั่นคงยั่งยืนด้วยขอยืนยัน เป็นปึกแผ่นแน่นอน เป็นเอกีภาวะ แล้วมันก็จะขยายผลไป ซึ่งมันยากมันไม่เร็วนักหรอก แต่มันจะต้องขยายเพราะมันจำนนแล้ว มันใกล้กลียุคแล้ว มันจะต้องขยาย อัตราการก้าวหน้าที่มันจะขยายไปได้มากในอัตราข้างหน้า ตอนนี้ยังน้อย อัตราการก้าวหน้ายัง .0001 .0002 .0005 มันจะถึงหรือเปล่า มันยังขยายอัตราการก้าวหน้ามันยังน้อยมาก แต่มันก็จะก้าวหน้าไปอัตราการก้าวหน้าจะมีปฏิภาคทวีเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ
อาตมาเชื่อว่าอาตมาตายไปแล้วนั่นแหละอาตมาคงอยู่ไม่นานเกินกว่า..คนก็พยายามดันไปให้ถึงอายุ 151 ถ้าอาตมาจะดันสุรัง ตอนนี้ 90 ย่าง โอ้โห ก็ต้องปาเข้าไปอีก 60 กว่าปี เฮ่อะ อาตมาทำงานศาสนามา 53 ปี แฮ่กๆแล้ว อีก 60 กว่าปีนี้ มัน แหม Impossible เอา sms ก่อน
SMS วันที่ 6-8 ตุลาคม 2566
ความเจริญก้าวหน้าของการนำเสนอเพลงพ่อครูโลกุตระ
_Ps Chomsree พีเอส ชมศรี : ชมจากรายการนับถอยหลัง คอนเสิร์ต 90 ปีพ่อครูแล้ว เห็นความสุดยอดในการทำดนตรีของคุณหนึ่งจักรวาล สาธุๆๆครับ
พ่อครูว่า…ดี..เห็นความเจริญ คือพวกเราก็แสดงประสิทธิภาพของตัวเองขึ้นมา มันมีช่องโชว์ มีโอกาส มีอะไรต่ออะไรที่เป็นเหตุปัจจัยนะก็มันเป็นไปได้จริงๆ ก็มาร่วมรวมกัน มันไม่ใช่แต่คุณหนึ่งจักรวาลคนเดียว คุณหนึ่งจักรวาลยังประกอบไปด้วยคนที่สีไวโอลินคนที่มาร่วมร้องเพลง คนที่มาร่วมทำอะไรอย่างอื่นอีก เหตุปัจจัยหลายๆ อย่าง มันช่วยกันขึ้นมา แต่แน่นอนมันมีตัวเด่น
เช่น อาตมาเป็นต้น มันมีพวกคุณ มันมีท่านเดินดิน มีท่านแสนดิน มีใครต่อใคร มีท่านบินบน มีท่านเพาะพุทธ และอีกเยอะแยะแม้แต่ สิกขมาตุ แม้แต่ฆราวาสก็มีความรู้ทางโลกุตระช่วยกัน รวมกันขึ้นมามันก็เป็นมวลของโลกุตรธรรม แสดงปรากฏการณ์เป็นรูปธรรมขึ้นมา มันก็เกิดนี่ขยายความให้เห็นถึงสภาพของสัจธรรม
เพราะฉะนั้นคุณหนึ่งจักรวาลก็เป็นนัยยะอย่างนี้ ซึ่งมันก็มีจุดสำคัญ
คุณหนึ่งจักรวาลนี้เริ่มมีจุดสำคัญที่จับ interest Point ของเนื้อโลกุตรธรรมได้บ้างแล้ว เพลงหรือดนตรีการหรืองานที่อาตมาทำมามันไม่ใช่เพิ่งเกิดใช่ไหม มันเกิดมาก่อนอาตมาจะมาบวชอีก ก่อน 50 กว่าปี แต่มันเพิ่งจะมารู้สึกว่ามันจะมีเหตุปัจจัยที่จะเกิดแพร่ หรือว่ามีคนข้างนอกเขา แต่ก่อนก็มีแต่ของพวกเราดันสุรังกันอยู่ คณะดนตรีก็มีแต่วงฆราวาส วงเดียวเล่น คณะอื่นเขาไม่ได้ไปเล่น เล่นอยู่แต่ในของชาวอโศก ข้างนอกเขาไม่ค่อยเอาไปเล่นนี่ก็เริ่มขยายแล้วนะ มีคนชักมองเห็นแล้วก็เอาออกไป มันเริ่มแล้ว
เหมือนกับหนูอะไรที่ร้องเพลง มองเห็นพระเจ้าอยู่หัว คนตาบอดชักเห็นได้แล้ว คนตาบอดชักเห็นได้แล้ว นี่เป็นนัยสำคัญที่อาตมาพูดนะ คุณเข้าใจสัจธรรมมุมนี้ให้ดีๆ อาตมาเคยพูดถึงพยัญชนะตัวนี้ด้วยว่า จะทำให้จนคนตาบอดเห็นได้ เกิดแล้ว มีนิมิตคนตาบอดเห็นได้ขึ้นมาแล้ว ใครจะเห็นจุดสำคัญของพระเจ้าอยู่หัว แต่คนที่ตาดีทั้งหลายแหล่นี่บอดกันหมด ไปเป็นคนตาบอดมามองเห็นพระเจ้าอยู่หัว มันคืออะไร..เห็นไหม จบเรื่องนี้ไว้แค่นี้ก่อน นี่ก็ทิ้งนัยสำคัญไว้ให้ติดตาม เรื่องของคอนเสิร์ตก็ว่ากันไปซึ่งใช้เวลาทำงานกันเป็นปีเลยนะ มีคนตั้งใจร่วมมือร่วมไม้ด้วย
_งามใบตอง นิลมณี : เพลงเก็บรัก เพลงโปรดสมัยวัยรุ่นค่ะ ชอบเสียงคุณศรีไศล สุชาติวุฒิ มากค่ะ
พ่อครูว่า…ดี ค่อยๆติดตามไป กำลังมาร่วมกันเพื่อที่จะร่วมสมัยกันขยายผล
_สื่อฟ้าศิลป์ ภูวนาถ : น่าจะมีบันทึกเพลงรัก รักพงษ์โดยศิลปินเพลงเวอร์ชั่นใหม่ลงแฟลชไดรฟ์ขายต่อแฟนเพลงสัจจะชีวิตพ่อท่านฯบ้าง อย่างที่ธรรมทัศน์เคยนำแฟลซไดร์ฟเพลงพ่อท่านฯมาขายงานบุญอโศกพร้อมเครื่องเล่นเพลงขนาดมินิฯที่พวกเราเคยสนับสนุนมาทุกงานบุญอโศกฯ อยากได้เพลงเวอร์ชั่นใหม่ จริงๆ ฟังทีไรผ่อนจิตคลายใจหายเครียดหมดหมองหม่นสิ้นทุกข์โศกทุกทีฯขอบคุณ🙏
พ่อครูว่า…พูดเป็นภาษาดีซะด้วยนะ เอามาร้อยกรองร้อยเรียง ดำเนินไปเราไม่พูดยาวมากกว่านี้
_พลังเพ็ญ คำด้วง : กราบนมัสการท่านสมณะค่ะ เราก็คนหนึ่งไม่รับเงินดิจิตอล10000 บาทแน่นอน เพราะเป็นการสร้างหนี้ให้คนไทยและทำลายประเทศชาติ กราบขอบพระคุณค่ะ
พ่อครูว่า…คุณจะแจกจริงยังไงก็แล้วแต่ พวกเราไม่ไปรับหรอก ไม่ไปแปดเปื้อนด้วย เราไม่ไปร่วม ที่คุณจะแจก เพราะว่ามันชัดเจนแล้วนะ แม้แต่ผู้รู้ทั้งหลายแหล่ทางด้านเศรษฐศาสตร์ออกมาค้าน เป็นจำนวนร้อยๆ คนแล้ว คุณเศรษฐาเขาก็จะดึงดันต่อไป
คนที่ออกมาค้านไม่ใช่คนพื้นๆ ตื้นๆ กล้าแสดงตัวออกมาค้านนายก ค้านไอเดียนายก เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีคุณวุฒิ มีความรู้ มีความจริง มีหลักฐาน เป็นผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย กันหลายท่านหลายยุคออกมาค้าน คุณเศรษฐาก็ทำเป็นเก่งอยู่นั่นแหละ ซึ่งจริงๆ อาตมาก็รู้ว่าไม่ใช่คุณเศรษฐาหรอก มันมีอะไรอยู่ Hidden Agenda มันมีอะไรอยู่ข้างหลังคุณเศรษฐา ก็ไม่เป็นไร พวกเราก็ชาวดูไป ให้ชาวดูไบเขาทำ เดี๋ยวนี้เขาก็ไม่พยายามจะไม่เป็นชาวดูไบ เขาจะมันเป็นชาวดูบัง ตอนนี้ก็ยังไม่รู้บ้างว่าอะไรเป็นอะไร มันเป็นเรื่องลึกลับยังไม่เปิดเผยก็ดูไป เราดูไปเราไม่ใช่ดูไบ
_Achitapon Wamontri อชิตพนธ์ วามนตรี · บัตรประชารัฐก็แจก ไม่เห็นค้านครับ
พ่อครูว่า…มันคนละนัยยะกันจ้ะ บัตรประชารัฐมันไม่เหมือนเงินดิจิตอลที่คุณเศรษฐาจะแจก มันมีนัยสำคัญที่ต่างกัน ไปศึกษาดีๆ แจกเหมือนกันแต่มันไม่เหมือนกัน รัฐบาลทุกรัฐบาลก็ต้องแจกเงินประชาชนทั้งนั้นแหละ แต่มันแจกคนละแจก บางคนก็แจกดุๆนะ บางคนเขาก็แจกดีๆ บางคนก็แจกดุๆ พวกแจกดุๆก็ไปดูเอาเองก็แล้วกันว่าเป็นใครบ้าง
เพลงมาร์ชคือชีวิต วัตถุกำหนดจิตไม่ได้
_รักชาติ รักไพรี · สันติอโศกรักชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ดีมาก
พ่อครูว่า…คนนี้ก็มองเห็นความจริง ก็สนับสนุนมา อันนี้ก็จริงอยู่ แน่นอนที่สุด เรื่องพระมหากษัตริย์นี่ พวกประชาธิปไตยขาเดียวเขาจะไม่เข้าใจได้เป็นอันขาด ถ้าเขาเข้าใจได้ว่า ประชาธิปไตยต้องมี 2 ขา ต้องมีพระมหากษัตริย์ ถ้าประชาธิปไตยไม่มีพระมหากษัตริย์ เป็นประชาธิปไตยขาเดียวนั้น เป็นประชาธิปไตยขาหัก เป็นประชาธิปไตยพิการ เป็นประชาธิปไตยขาเดียว คนพิการ มันวิ่งไปไหนไม่ได้ตลอดหรอก วิ่งไปก็พิการขาเดียวจริงๆ มันเป็นสัจจะนะที่พูดนี้ไม่ใช่พูดเล่น สัจจะจริงๆแล้วรูปกับนามต้องลงกันหมดเลย แต่นี่มันไม่ลงกันรูปกับนาม ประชาธิปไตยขาเดียวมันมีแต่รูป มันไม่มีนาม มันไม่มีจิตวิญญาณ
พระมหากษัตริย์นี้เป็นจิตวิญญาณของประเทศ เป็นจิตวิญญาณของมวลชน มวลชนนี่เป็นเหมือนร่างกาย ไปฟังเพลง “ประเทศคือชีวิต” ที่อาตมาแต่งไว้ เพลงมาร์ช ประเทศคือชีวิต พระเจ้าแผ่นดินหรือพระมหากษัตริย์เป็นจิตวิญญาณของประเทศ ประชาชนนี่เหมือนร่างกายและเป็นองค์ประกอบ เป็นอวัยวะส่วนนั้นส่วนนี้ เป็นองค์กรเป็นอะไรขึ้นมารวมกันนั่นแหละ อธิบายไว้ในเพลง ประเทศคือชีวิต
เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อว่าชาติใดขาดความเป็น 2 ขาดจิตวิญญาณ มีแต่ร่าง มีแต่ภาวะภายนอกผิวเผิน มันไปไม่ออกหรอก ไปไม่รอดไปไม่สำคัญ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตื้น..เรื่องลึกซึ้ง พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องนี้ท่านตรัสว่า จิตวิญญาณเป็นประธานสิ่งทั้งปวง แต่ชาวประชาธิปไตยนั้นบอกว่า รูปเป็นประธานสิ่งทั้งปวง พฤติกรรมผิวเผินข้างนอก เป็นประธานสิ่งทั้งปวง หรือเหมือนอย่างกับคนที่เขาแย้งกันว่า จิตกำหนดวัตถุ หรือ วัตถุกำหนดจิต เถียงกัน
วัตถุกำหนดจิตไม่ได้ เพราะวัตถุไม่มีสัญญา วัตถุไม่มีนามธรรม มันไปกำหนดอะไรไม่ได้ วัตถุมันเป็นพลังงานเท่านั้น มันเป็นสสารเท่านั้น มันเกิดจากเหตุปัจจัยของพลังงานที่เกิด มันไม่มีตัวประธานที่จะกำหนดจิต ที่จะกำหนดไซคลิก ไม่มี
_สู่แดนธรรม… เขาว่าอย่างนี้ครับเขาว่าวัตถุเป็นตัวเป้าหมายให้จิตพยายามไปหามัน
พ่อครูว่า… มันโง่ อันนั้นถูกต้องของเขา จิตที่ถูกวัตถุทำให้วิ่งไปหามัน ถูกวัตถุกำหนดตัวเอง ตัวเองเป็นทาสวัตถุ..ถูกของเขา ตัวเองเป็นทาสวัตถุ แต่จิตที่หมดความเป็นทาสแล้วนี่ไม่ได้เป็นทาสสสารพลังงาน แต่เป็นผู้กำหนดสสารพลังงาน และเป็นผู้กำหนดจิต นี่คือประสิทธิภาพของจิตวิญญาณ
เขาเอาเพลงประเทศคือชีวิตมา insert มาลองคิดดู
เพลง มาร์ชประเทศคือชีวิต
แม้นลองคิดชีวิตคนกลไกในร่างหนึ่งประเทศไซร้
ทั้งชีวิตร่างกายเทียบคล้ายดังแดนประเทศ
จากเขตแดนผองชนหน่วยงานทั้งสิ้นจนถิ่นเนา
เทิดองค์กษัตริย์ไซร้ ดั่งดวงใจของเรา
ถนอมและเฝ้าเชิดชูสุดชีวีจวบจิรการ
ยกเอามันสมองเป็นเหมือนรัฐบาลป้อง
ซึ่งคอยตรองคิดคุมช่วยอุ้มชูมิให้ชีพแหลกราญ
(พ่อครูว่า…นี่เป็นการเอาภาษากวีมารวมคำแล้วสรุปสั้นๆ ถ้าขยายความแล้วยาว)
เฝ้าคอยบริหารสั่งบงการผลงาน
เสริมพัฒนาการให้ชีวีดังหวังปอง
ประชาชนนั้นเป็นเช่นดังสายเลือด
ไม่แห้งเหือดหายไปจากกายพี่น้อง
(พ่อครูว่า…เส้นเลือด สายเลือด เป็นทั้งรูปธรรมและนามธรรม)
กระทรวงทบวงหรือรวมทั้งกรมและกอง
เปรียบระบบของประสาทในร่างกายของเรา
หากส่วนใดเสียไปเหมือนกายพบโรค
ต้องทุกข์โศกทรุดโทรมเสื่อมทรามโฉดเฉา
หากแม้นแรงร้ายถึงตายคล้ายดังชาติเรา
หากเมามัวเขลาใครบ่อนในชาติไทยสูญสิ้น
รัก-แดนถิ่นดินไทยต้องสามัคคีเหมือนดังอวัยวะ
ไม่ปล่อยปละหน้าที่ทำทุกอย่าง
ทั้งคิดทั้งจิตถางทางก้าวเดินชูช่วยชีวี
หากต่างดี – จิตดี – เลือดเดินดี – ประสาทดี
สมองดี – ชีวิตมั่นขวัญยืน
ชีพเช่นไรประเทศคงคล้ายกัน
มาเถิดมาเสกสรรสร้างเมืองไทยให้แน่นเป็นแผ่นผืน
เชิดชูไทยในทุกทางให้ยั้งยงยืน
ไทยทุกคนตื่นเถิด – ประเทศคือชีวิตเรา
รัก-แดนถิ่นดินไทย ต้องสามัคคีเหมือนดังอวัยวะ
ไม่ปล่อยปละหน้าที่ทำทุกอย่าง
ทั้งคิดทั้งจิตถางทางก้าวเดินชูช่วยชีวี
หากต่างดี – จิตดี – เลือดเดินดี – ประสาทดี
สมองดี – ชีวิตมั่นขวัญยืน
ชีพเช่นไรประเทศคงคล้ายกัน
มาเถิดมาเสกสรรสร้างเมืองไทยให้แน่นเป็นแผ่นผืน
เชิดชูไทยในทุกทางให้ยั้งยงยืน
ไทยทุกคนตื่นเถิด – ประเทศคือชีวิตเรา
พ่อครูว่า…Melody เดียวกันกับเพลง กองทัพธรรม
ถ้ารักประเทศไทยเหมือนกับอวัยวะที่ทำงานประสานกันดีไม่ทะเลาะกัน ถ้าอวัยวะทะเลาะกันเมื่อไหร่ได้เรื่อง ไม่ต้องเอาอะไรมากแค่ลิ้นกับฟันกระทบกันทะเลาะกันเท่านั้นแหละก็เป็นเพลงดังสนั่นประเทศไทย เพราะฉะนั้นอย่าให้อวัยวะมันทะเลาะกัน … แต่งปี 2502 อาตมาอายุ 25 ปี แต่งตั้งแต่ตอนอายุ 25 ส่งเข้าประกวดกรมประชาสัมพันธ์เปิดให้ประกวดเพลงมาร์ช อาตมาส่งเข้าประกวดด้วยนี่แหละเพลงนี้ แพ้ ไม่ชนะหรอก คนชนะคือคนในกรมประชาสัมพันธ์เอง ชื่ออะไรอาตมาก็จำชื่อไม่ได้ เป็นคนในวงสุนทราภรณ์เอง เพราะเขาเป็นกรรมการตัดสิน มาร์ชอันนั้นชนะ แต่ก็ไม่ได้ดังเลย เดี๋ยวนี้ก็ไม่รู้ว่าเพลงชนะอันนั้นอยู่ที่ไหน แต่เพลงนี้ยังเปิดอยู่
_สู่แดนธรรมว่า…มีคนเสนอว่า กระหายใคร่รู้เพลงนี้ อยากฟังเพลงนี้ตอนนี้เลย
พ่อครูว่า…เขาเตรียมไว้หรือเปล่า ลองเตรียมดูว่าทันมั้ย พวกเราน่าจะทัน มือลิงกัน เร็วมือไว
อาตมาชอบ Syncopation มันลักจังหวะ เขาเรียกลักจังหวะ แทนที่จะไปลงจังหวะ ดึ๊ง ดึ๊ง มาลักจังหวะ
(insert เปิดเพลงมาร์ช ประเทศไทยคือชีวิต)
เสียงปรบมือแปะๆๆๆ เอาล่ะค่อยๆว่าไป ค่อยๆมีอะไรเกิดขึ้นมา บางทีสิ่งที่มันเคยเกิดมาแล้ว ตอนนี้มันกำลังจะเข้าสู่ยุค มันก็เป็นไปได้นะ เพลงนี้ก็อาจจะมีบทบาทขึ้นมา อาตมาแต่งตั้งแต่อายุ 25 เนาะ เพลงนี้นั่นแหละ ไปส่งประกวดกับเขา ทำเป็นแหยมไปส่งประกวดกับเขา เสร็จแล้วผู้ชนะเลิศก็คือคนในคณะสุนทราภรณ์นั่นแหละ ว่าไป มันก็เป็นธรรมดาธรรมชาตินะ ไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร อาตมาก็ไม่ได้นึกติดใจอะไร นี่ก็เป็นเรื่องที่มันเกิดมาแล้วมันก็อาจจะมีอะไรพัฒนาการอีกก็ได้ ยุคนี้มันก็เข้าไปหาเพลงกันเยอะขึ้นนะ เพลงนี้ เริ่มแต่งทำนองตั้งแต่ 8 มีนาคม 2502 แต่งเรียบร้อย 23 มีนาคม 2502 เอาไปใส่เนื้อร้องใหม่เป็นเพลงกองทัพพุทธธรรม10 ธันวาคม 2530
เมืองไทยเป็นเมืองที่คนมี ฉฬายตนะ เข้าใจความไม่เที่ยง
_Focus Tan โฟกัส แทน · อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ ค้านแจกเงินดิจิทัล ชี้ไม่มีอะไรฟรี อาจส่งผลเสียต่อคนทั้งประเทศ
พ่อครูว่า…อาตมายังไม่วิจัยวิจารณ์ต่อ ให้บทบาทของสิ่งเหล่านี้เกิดเป็นธรรมชาติ เมืองไทยเรานี้เป็นเมืองที่ ฉฬายตนะ เป็นเมืองฉลาดเป็นเมืองที่มีความรู้ที่ ฉฬายตนะ เป็นความรู้ที่เป็นความฉลาดปัญญาครบไม่ใช่ เฉโก ไม่ใช่เป็นความรอบรู้ทวารเดียว แต่เป็นความรู้รอบรู้ 6 ทวารพร้อมกัน
ฉะนั้นคนมีความรู้ทั้งนอกและใน 6 ทวาร กับคนมีความรู้ภายในอย่างเดียว ยิ่งเทวนิยม มีความรู้ภายในเป็นความรู้อยู่ ลึกลับด้วย เจ้าแห่งความรู้คือพระเจ้า เจ้าของความรู้ยังลึกลับอยู่เลย และความรู้อันนั้นก็ไม่เป็นไปตาม กาละ เทศะ ฐานะ ด้วย ความรู้มันเป็นความรู้ไม่คลี่คลาย ไปตามความไม่เที่ยงหรือความเปลี่ยนแปลง ความเคลื่อนไหว องค์ประกอบต่างๆไม่ได้คงเดิม เหตุปัจจัยทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลง มันไม่ใช่อย่างเดิมอย่างเก่า องค์ประกอบมันเปลี่ยนไปใหม่หมด
แต่เขาก็ยึดมั่นถือมั่นอยู่อย่างนั้น เป็นสูตรเดียวอย่างเดียว ไม่ขึ้นกับอะไรเลย ซึ่งคนทุกวันนี้เข้าใจเหตุนี้แล้ว พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความไม่เที่ยงก็คือความหมายนี้ มันไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นอยู่ที่อันเก่าอันเดียวแบบที่อะไรทุกอย่างไม่มีเปลี่ยนแปลงในมหาจักรวาล
วินาที ยิ่งกว่าวินาทีมันก็เคลื่อนไปตลอดเวลาไม่อยู่ที่เก่า แค่นี้ก็บอกความจริงแล้วว่ามันไม่มี อะไรที่มันจะอยู่คงที่คงเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงยิ่งเหมาหมดเลย ทุกอย่าง หนึ่งเท่านั้นนะจ๊ะ..อะไรก็ไม่มีอะไรเป็นอื่นไปได้เลย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรประหลาดไปจากหนึ่ง นี่คือความยึดมั่นถือมั่นที่ไม่รู้จะพูดยังไง มันก็ต้องค่อยๆเข้าใจกัน อาตมาก็อธิบายไว้แค่นี้ก่อนก็แล้วกัน
_ตุ๊ก อัศวิน : ขอโอกาส..เจ้าค่ะ พหูสูต น่าจะหมายลึกกว่าแค่ รู้_รู้_รู้ (ดุจนกแก้ว_นกขุนทอง)..มะเจ้าคะ ไม่ใช่แค่ รู้ !! (จินตมยปัญญา)
พ่อครูว่า…ใช่ พหูสูต ไม่ใช่มีความรู้แค่ รู้ๆๆๆ หลากหลายเฉยๆ เป็นระนาบเดียว ไม่ใช่
หลับตาปฏิบัติไม่ใช่ทางปฏิบัติและทางบรรลุของพุทธ
_แต่..ต้อง รู้ แล้ว ลงมือปฏิบัติ จนช่ำชอง (เสพคุ้น) (ภาวนามยปัญญา) ดั่งเช่น ในหลวง ร.๙ ท่านตรัสว่า “เข้าใจ_เข้าถึง_พัฒนา” ภาวนา คือ พัฒนา นั่นแล..เจ้าค่ะ
ดังนั้น การปฏิบัติธรรม ต้องถึงพร้อมด้วย มรรค ๘ ไม่ใช่นั่งหลับตาปฏิบัติ.(ตั้งกายตรง_ดำรงสติเฉพาะหน้า).แต่ถ่ายเดียว.อย่างแน่นอน เจ้าค่ะ พ่อครู ท่านเคยปรารภ เรื่องนั่งหลับตาปฏิบัติ..ได้แจ่มชัดยิ่งแล้วเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณที่ให้โอกาสเจ้าค่ะ
พ่อครูว่า…ก็ขอพูดอันนี้อีกนิดหนึ่งว่า เรื่องหลับตาทำสมาธิกับลืมตาทำสมาธิเนี่ย อาตมาก็พูดก็ใช้พยัญชนะของพระพุทธเจ้าด้วยว่า ไอ้หลับตาปฏิบัติเป็นสมาธิหลับตานั่นน่ะ..มันไม่ใช่ ไม่มีประโยชน์ อาตมาก็ว่ามีประโยชน์ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่ามีประโยชน์คือ เป็นอุปการะมาก ประโยชน์เป็นอุปการะมาก คำว่าอุปการะมันไม่ใช่ตัวแก่นเนื้อแท้ ไม่ใช่ตัวจริง ตัวอุปการะกับตัวจริงมันคนละตัว นัยยะความแตกต่างกันตรงนี้
นั่งหลับตาอาตมาก็ใช้ ไม่ต้องนั่งหรอก นอนหลับตานี่อาตมาสบาย ใช้จินตนาการ พิจารณา ไตร่ตรอง ตรวจสอบ คิดค้น เอาของที่เป็นสัจจะออกมาใช้ได้เยอะเลย เป็นอุปการะ
แต่เวลาปฏิบัติธรรมแล้วผลบรรลุ ฟังดีๆนะ ทั้งปฏิบัติและบรรลุ มันคือการลืมตา หลับตานั้นคุณใช้ บุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วคุณก็จะมาไล่เรียงตรวจสอบดูของเก่าของใหม่ หลับตานั้นมันไม่มีปัจจุบันชาติ ความจริงมันไม่มี มันมีแต่ความจำ มันไม่ใช่ความจริง มันเป็นสัญญาเท่านั้น กำหนดรู้ตัวใหม่ก็เป็นสัญญา มันไม่ใช่ตัวปัจจุบันชาติที่มันเกิดเห็นพร้อมด้วยอายตนะ 6 มันไม่ใช่ นัยยะสำคัญอันนี้ก็ไม่ง่ายที่จะเข้าใจกัน
ซึ่งมันก็เป็นความจริงอีกอันคือ มันเป็นความเสื่อมของชาวพุทธ เทวนิยมเขาไม่เข้าใจหรอก พูดไปเขาก็ไม่เข้าใจ ฉฬายตนะ เขาก็ไม่เข้าใจ ก็มีชาวพุทธนี่แหละรู้ แต่เพราะชาวพุทธเสื่อมไปจากโลกุตรธรรม เสื่อมไปจากความจริง ความถูกต้อง มันเสื่อมไปจริงๆนี่ก็ยืนยันอาตมาก็ไม่ใช่ว่าขี้ตู่อะไร ไม่ได้มาขี้ตู่แต่เป็นความจริง
เพราะฉะนั้นอาตมามาฟื้นเอาสัจจะความจริงของพระพุทธเจ้ามาสถาปนาลงไป 53 ปีได้เท่านี้ อาตมาก็พูดจริงๆมาหลายทีแล้วอาตมาก็ภาคภูมิใจนะ ได้ขนาดนี้ก็ภาคภูมิใจ แต่ว่ามันน่าจะได้มากกว่านี้นะ แต่มันก็ยังไม่ได้มากกว่านี้ ก็เอา ไม่รู้จะทำยังไงก็ว่าไป ก็ผ่านไปก่อนอันนี้
ความเสื่อม 4 ประการของชาวพุทธ เกิดแล้ว
_ใบฟ้า ธัมทะมาลา : กราบนมัสการพ่อครู ด้วยสุดเศียรเกล้าฯกราบนมัสการ ท่านสมณะ และท่านสิกขมาตุ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
ท่านปัจฉาสมณะแสนดิน ภูมิพุทโธ ได้ตั้งชื่อหัวข้อการเทศน์ของพ่อครู ในวันนี้(ศ. 6 ต.ค. 2566) ว่า “จรณะ 15 วิชชา 8 โดยพิสดาร ลึกซึ้ง บริบูรณ์”
พ่อครูว่า… อาตมายังขยายความไม่เต็มที่นะ จรณะ15 วิชชา 8 มันเป็นสุดยอดของวิชาจรณะสัมปันโน ปันโน มันเป็นความบรรลุ เป็นสมบัติ ท่านเรียกว่าวิชชาจรณะสมบัติ เป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า
ซึ่งในอัมพัฏฐสูตรนั้น อัมพัฏฐมานพ ถกกับพระพุทธเจ้า เขาถือว่าเขาเป็นเจ้าของจรณะ 15 วิชชา 8 ไปอ่านดีๆเถอะในพระไตรปิฎกเล่ม 9 อัมพัฏฐสูตร เป็นสูตรที่ 3 ต่อจากสามัญญผลสูตรอ่านดีๆเถอะ มี dialogue ที่ตอบกันนะ สนุก ผู้ที่ชัดเจนในธรรมรสแล้วจะสนุกมาก
ซึ่งอาตมาก็ชี้ชัดใน อัมพัฏฐสูตร พระเจ้าตรัสถึงความเสื่อม 4 ประการ ในความเสื่อม 4 ประการเป็นตัวชี้บ่งเอาไว้ ให้ตรวจสอบตรงนี้เลย ความเสื่อม 4 ประการ
-
ผู้ยังไม่มีวิชชาและจรณะ แต่ไปแสวงหาอาจารย์ในป่า โดยเก็บผลไม้หล่นกินบำรุงชีพ อย่างมักน้อยมากๆ
พ่อครูว่า… ผู้ที่เข้าใจว่าอาจารย์ที่สอนจรณะวิชชาอยู่ในป่า ซึ่งไม่มีจริง
-
ไม่เก็บผลไม้กิน แต่ถือเสียม ตะกร้า หาขุดเหง้าไม้ หาผลไม้กินระหว่างออกแสวงหาอาจารย์ในป่า
พ่อครูว่า… 2 นี้ก็เสื่อมหนัก ไม่มีแล้วธรรมวินัย ละเมิดธรรมวินัย
-
สร้างเรือนไฟไว้ใกล้หมู่บ้าน แล้วบำเรอไฟรออาจารย์
พ่อครูว่า… สร้างเรือนไฟไว้ใกล้หมู่บ้านห่างประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อจะเดินบิณฑบาตได้ แต่ที่เสื่อมเพราะสร้างเรือนไฟ คือมีเรือนไฟ เรือนไฟคืออะไร เรือนที่บูชาด้วยไฟ โบสถ์วิหารหรือการปฏิบัติประพฤติบูชาด้วยไฟ สมัยโน้นยังไม่มีธูปเทียนเต็มที่ แต่ใช้กำยาน ใช้น้ำมันเปรียง น้ำมันเนย จุดเป็นไส้ให้มีเปลว กับจุดควันโดยใช้ข้าวสาร ใช้ขี้เลื่อยโปรยลงไปในถ่านไฟ ปล่อยให้มันมีควันบูชาด้วยไฟเรียกว่า พวกอัคคียัญ หรือพวกบูชาด้วยน้ำเรียกว่า สิญจนยัญ
เพราะฉะนั้นยังบูชาด้วยไฟ ยังจุดธูป จุดเทียน รดน้ำมูกน้ำมันพ่นน้ำมนต์เป็นเดรัจฉานวิชาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นจึงหนักยิ่งกว่าผู้ที่มีวินัย และแม้วินัยไม่มี เก็บผลไม้ในป่ากินแล้วก็ยังไม่เท่าไหร่ ไปสร้างเรือนไฟนี่ เหมือนกับธรรมกาย ธรรมกายนี่เป็นตัวอย่าง 100% ในความเสื่อม 4 ประการครบถ้วนบริบูรณ์ มีสภาพเชิงซ้อนด้วย เป็นสภาพเชิงซ้อน
ทำเป็นธุดงค์เต๊ะท่าเดินเป็นขบวนสวยงาม มาเดินในเมือง อย่างนี้เป็นต้น ซับซ้อนมากเลย..ธรรมกายนี่
-
สร้างเรือนมีประตูสี่ด้านไว้ที่หนทางใหญ่สี่แพร่ง แล้ว สำนักรอท่านผู้อยู่มีวิชชาและจรณะอยู่ (อัมพัฏฐสูตร เล่ม 9 ข้อ 163)